คงจะเลี้ยวตามคุณ SILA ออกไปสู่เรื่องศิลปะ สมัยจอมพลป.ได้เสียที
ศาสตราจารย์ศิลป พีระศรี เป็นช่างชาวอิตาเลียนที่รัฐบาลอิตาลีคัดเลือกมาถวายพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ตามพระราชประสงค์ที่จะได้ประติมากรชาวตะวันตกมาทำราชการในสยาม เพื่อฝึกฝนชาวสยามให้รู้จักปั้นรูปแบบตะวันตก ประเทศในยุโรปที่เป็นเลิศทางประติมากรรม ก็ไม่มีที่ไหนดีกว่าอิตาลี
ประติมากรหนุ่มที่ผ่านการแข่งขันกับผู้สมัครอื่นๆถึง ๒๐๐ คน ชื่อคอร์ราโด เฟโรจี ( Corrado Ferocil) เป็นชาวเมืองฟลอเรนซ์ เป็นศิลปบัณฑิตของราชวิทยาลัยศิลปะแห่งนครฟลอเรนซ์ (The Royal Academy of Art of Florence) จบหลักสูตรวิชาช่าง 7 ปีในขณะที่มีอายุ 23 ปี ได้รับประกาศนียบัตรช่างปั้นช่างเขียน ต่อมาสอบคัดเลือกรับปริญญาบัตรเป็นศาสตราจารย์ มีความรอบรู้ทางด้านประวัติศาสตร์ศิลป์วิจารณ์ศิลป์และปรัชญา และเชี่ยวชาญในศิลปะแขนงประติมากรรมและจิตรกรรม ในพ.ศ. 2466 ท่านชนะการประกวดการออกแบบเหรียญเงินตราสยามที่จัดขึ้นในยุโรป
ด้วยเหตุนี้ ประติมากรจากอิตาลีจึงได้มาสยาม เป็นช่างปั้นประจำกรมศิลปากร ในรัชสมัย พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว เมื่อวันที่ 14 มกราคม พ.ศ. 2466 ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นอาจารย์สอนวิชาช่างปั้นหล่อ แผนกศิลปากร สถานแห่งราชบัณฑิตสภา
ศาสตราจารย์เฟโรจี ทำงานอยู่ในสยามตั้งแต่รัชกาลที่ 6 ผลงานสำคัญๆที่ยังปรากฏอยู่จนทุกวันนี้คือปั้นต้นแบบสำหรับพระปฐมบรมราชานุสรณ์ ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2472 - 2477 อนุสาวรีย์ท้าวสุรนารี พ.ศ. 2484 พระราชานุสาวรีย์ของสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว สวนลุมพินี และการออกแบบพระพุทธรูปปางลีลา ประธานพุทธมณฑล
พอเกิดสงครามโลกครั้งที่ 2 ชาวอิตาเลียนในประเทศไทยตกเป็นเชลยของญี่ปุ่น แต่รัฐบาลไทยขอควบคุมตัวท่านศาสตราจารย์ คอร์ราโด เฟโรจี ไว้เอง หลวงวิจิตรวาทการได้ดำเนินการทำเรื่องราวขอโอนสัญชาติจากอิตาเลียนมาเป็นสัญชาติไทย โดยเปลี่ยนชื่อของท่านให้มาเป็น "นายศิลป พีระศรี" เพื่อคุ้มครองท่านไว้ ไม่ต้องไปถูกเกณฑ์เป็นเชลยศึกให้สร้าง ทางรถไฟสายมรณะ และ สะพานข้ามแม่น้ำแคว เมืองกาญจนบุรี
เว็บนี้เก็บเรื่องราวของอาจารย์ศิลปไว้น่าสนใจ
http://www.moomkafae.com/index.php?lay=show&ac=article&Id=188972&Ntype=4ท่านเป็นบุคคลแรก ที่เริ่มสร้างอนุสาวรีย์ขนาดใหญ่ขึ้นในเมืองไทย ด้วยฝีมือและความสามารถของช่างไทย แทนการสั่งปั้นหล่อมาจากต่างประเทศ ทำให้ประเทศชาติประหยัดค่าใช้จ่ายไปได้เป็นอันมาก งานสร้างอนุสาวรีย์ของท่านมีมากมาย อาทิ พระบรมราชานุสาวรีย์พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก (ปี๒๔๗๕) ออกแบบโดยสมเด็จฯเจ้าฟ้ากรมพระยานริศรานุวัตติวงศ์, อนุสาวรีย์ท้าวสุรนารี (ปี ๒๔๗๗), พระบรมราชานุสาวรีย์สมเด็จพระมหาธีรราชเจ้า (ปี ๒๔๘๔), พระบรมราชานุสาวรีย์พระเจ้าตากสินมหาราช (ปี๒๔๙๓-๒๔๙๔) นายสิทธิเดช แสงหิรัญ นายปกรณ์ เล็กสน นายสนั่น ศิลาภรณ์ ผู้ช่วย, พระบรมราชานุสาวรีย์สมเด็จพระนเรศวรมหาราช ดอนเจดีย์ (ปี ๒๔๙๙) นายสนั่น ศิลาภรณ์ นายสิทธิเดชแสงหิรัญ และคนอื่นๆ ผู้ช่วย, อนุสาวรีย์ครูบาศรีวิชัย ดอยสุเทพ เชียงใหม่ (เฉพาะศีรษะ) นายเขียน ยิ้มศิริ ผู้ช่วย ฯลฯ
อย่างไรก็ตามแม้ท่านจะเป็นผู้ปั้น แต่สำหรับงานออกแบบแล้ว ก็ไม่ใช่จะตรงตามที่ท่านต้องการเสียทั้งหมดทีเดียวนัก มีรายละเอียดบางส่วนจากบทความเรื่อง ผลงานที่ไม่มีใครรู้จักของศาสตราจารย์ศิลป พีระศรี โดย น.ณ ปากน้ำ ท่านบันทึกไว้ว่า
“ ข้าพเจ้าเคยได้เห็นภาพเสก็ตช์ของอนุสาวรีย์พระปฐมบรมราชานุสรณ์ ท่าทางที่พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้า ประทับนั่งบนพระราชอาสน์ก็สวยงามสง่ามาก คือเอนพระอังสาเล็กน้อย พระบาทวางเหลื่อมกัน โดยพระบาทข้างที่พระอังสายื่นออกมานั้นอยู่เบื้องนอก พระพักตร์เชิดอย่างสง่า ท่าแบบนี้เป็นท่าที่จัดไว้อย่างสวยงามมีชีวิตชีวา ไม่ดูประทับนั่งเฉยๆอย่างที่เห็นปัจจุบัน ข้อนี้ข้าพเจ้ารู้ความจริงภายหลังว่า คณะกรรมการได้ติชม แก้ไข พระบรมรูปให้เป็นท่าทางปัจจุบันนี้เอง เพราะเหตุนี้จึงออกเป็นเรื่องขมขื่นของท่านปฏิมากรเอกมิใช่น้อย ”