อ. เทาชมพู
ราศี = ออร่า
คุณ siamese ก็ช่างสรรหาคำมาจริงๆ
พยายามเดา
อุทัจ น่าจะมาจาก อุทธัจจะ หมายถึงความฟุ้งซ่าน อึดอัดกลัดกลุ้ม กังวล ทำให้เกิดความเครียด
มะลึกตึก คำนี้มาจากเรื่องพระมะเหลเถไถ ของคุณสุวรรณ ที่ว่าเป็นกวีหญิงไม่เต็มเต็งนัก (คำว่าไม่เต็มเต็ง เป็นคำที่หายไปเหมือนกัน)
ในเรื่องนี้คุณสุวรรณบรรยายว่า
วันหนึ่งพระจึงมะหลึกตึก มะเหลไถไพรพรึกมะรึกเข
แล้วจะไปเที่ยวชมมะลมเต. มะโลโตโปเปมะลูตู
คุณสุวรรณดำเนินเรื่องตาม"ขนบ" ของวรรณคดีบทละครสมัยนั้น คือเริ่มด้วยตัวเอกเป็นเจ้าชายหรือเจ้าหญิงอยู่ในวังดีๆ ก็เกิดเบื่อ อยากจะไปเที่ยวป่า เหมือนเราไปเที่ยวรีสอร์ตกันในสมัยนั้น
ไพรพรึกมะรึกเข เป็นการเขียนตามแบบคุณสุวรรณ ไพรพรึก=ไพรพฤกษ์ มะรึกเข = แผลงศัพท์จาก มฤค (กวาง) ในเมื่อกวีอื่นแผลงเป็นมฤคา มฤคี ได้ คุณสุวรรณก็แผลงเป็นมะรึกเข (มฤเข) ได้ ใครจะทำไม
กลับมาที่มะหลึกตึก อาจจะแผลงจากตรึก = ตรอง คือนึกตรึกตรอง
..ให้นึกมะลึกตึกไปว่า ประวัตินั้นแต่งยาก ถ้าไม่จืดช่ำมะร่าท่า ผู้ตายก็เป็นเทวดา..."
"...ประการที่ 1 ข้าพเจ้าไม่เคยแต่งประวัติคนเป็น ครั้นลองแต่งเข้า จะเป็นด้วยเหตุใดก็หาทราบไม่ให้เกิดอุทัจ ได้เริ่มแต่งหลายครั้งก็หาลุล่วงไม่..."
ให้นึกตรึกตรองไปว่า....
จะเป็นด้วยเหตุใดก็หาทราบไม่ ให้เกิดความฟุ้งซ่าน กังวล
ส่วนจืดช่ามะร่าท่า ไม่เคยเห็น เดาจากบริบท น่าจะได้ความว่า จืดชืดเป็นน้ำยาเย็น อะไรทำนองนั้น
ตีขลุม = ตู่หรือหยิบฉวยเอาของผู้อื่นโดยทึกทักเอาว่าเป็นของตน, แสดงอาการเป็นเชิงรับสมอ้างเพื่อประโยชน์แก่ตน.
คำอธิบายนี้มาจากรอยอิน คำว่า "ตู่ "ที่รอยอินใช้ น่าจะเป็น "คำที่หายไป" อีกคำหนึ่ง
ละล้าละลัง ยังใช้กันไหมคะ มีอีก ๒ คำ คือพะว้าพะวัง และพะวักพะวน
ลองสร้างประโยคดูบ้าง
แค่นั่ง" สัปหงก" หลังห้อง ไม่ได้หลับ ครูกลับเทศน์เอา "หลายกระบุงโกย"
เป็นผู้หญิง ไม่ควรพูด "มึงมาพาโวย" อย่างผู้ชายเขา
แม่เรือนสมัยก่อนมักจะขยัน ทำโน่นทำนี่ทั้งวัน ไม่ใช่คน "ก้นหนัก"
ไปแต่งงานกับแม่ม่าย ระวังลูกเลี้ยงจะกลายเป็น "หอกข้างแคร่" ของพ่อเลี้ยง