เส้นใต้บรรทัด
จิตกร บุษบาวันพุธ ที่ 15 กรกฎาคม พ.ศ. 2563, 02.00 น.
โควิด-19 เรื่องสยอง 2 เคส! กรณีทหารอียิปต์ติดโควิด-19 แล้วมีประวัติ ออกไปเดินห้างในระยอง กับเรื่องลูกอุปทูตซูดานติดโควิด-19 แล้วไปพักคอนโดฯ ภายนอกสถานทูต เป็น “เคสสยอง” ของคนไทย และทำให้เกิดภาวะ “โกรธ-กลัว” ขึ้น
โกรธที่อุตส่าห์เป็นเด็กดี ทำตามมาตรการของรัฐอย่างเข้มงวด แต่กลับมีพวก “วีไอพี” ไม่ต้องปฏิบัติตาม เข้ามาสร้าง “ความเสี่ยงใหม่” ให้คนไทยต้องลำบากอีกระลอก
เอากรณีแรกก่อน ทำความเข้าใจกันก่อนว่าเครื่องบินอียิปต์เข้ามาจอดและไปนอนระยองกันได้ยังไง?
1.เนื่องจากเครื่องบิน ไม่ใช่เครื่องบินพาณิชย์หรือเครื่องบินพลเรือน เป็นเครื่องบินทหาร มีเหตุจำเป็นจะต้องลงเติมน้ำมันและซ่อมบำรุง จะทำเช่นนั้นได้ต้องขออนุญาตผ่านหลายหน่วยงาน หลายขั้นตอน
2.กองทัพอียิปต์ ประสานงานผ่านสถานทูตอียิปต์ประจำประเทศไทย
3.สถานทูตอียิปต์ประจำประเทศไทย ร้องขอผ่านกระทรวงการต่างประเทศของไทย
4.เมื่อกระทรวงการต่างประเทศ พิจารณาเหตุผลความจำเป็นแล้ว ก็ส่งต่อให้กับกองทัพอากาศพิจารณาอนุมัติการบินเข้าประเทศภายใต้ โดยให้คำนึงถึงข้อพิจารณาด้านความมั่นคงปลอดภัยทางการทหารและความเป็นพันธมิตร หรือ พันธะทางทหารที่มีต่อกัน
5.กองทัพอากาศตรวจสอบแล้วว่า ข้อพิจารณาทางทหาร สอดรับกับอำนาจหน้าที่ที่รับผิดชอบแล้ว ทอ.จึงลงนามอนุมัติ หลังจากนั้น ส่งเรื่องให้กระทรวงการต่างประเทศ ไปดำเนินการต่อไป
6.กระทรวงการต่างประเทศ ส่งเรื่องให้สถานทูตอียิปต์ประจำประเทศไทย และแจ้งสนามบินปลายทาง คือ สนามบินอู่ตะเภา
7.สถานทูตอียิปต์ ประสานสนามบินปลายทาง ให้ลงจอดที่อู่ตะเภา ในการนี้ สถานทูตอียิปต์ กับกระทรวงการต่างประเทศ ประสานกันเรื่อง State Quarantine ที่เป็นไปตาม พ.ร.ก.ฉุกเฉิน และตามประกาศ/ข้อบังคับของศบค.โดยทั้งหมดนี้ ได้นำเรียน พล.อ.อ.มานัต วงษ์วาทย์ ผบ.ทอ. รับทราบตามสายงาน และยึดตามหลักการ ตามพันธะทางทหารที่มีต่อกัน
ขั้นตอนหลังจากนั้นตามระบบก็คือ เข้าสู่เขตอำนาจและการดูลของผู้ว่าราชการจังหวัดระยอง ซึ่งมีอำนาจตาม พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ต้องดูแล จัดการ สั่งการและเฝ้าระวังพื้นที่ นั่นหมายความว่า เรื่องนี้ เป็นเรื่องที่ผู้ว่าราชการจังหวัดระยองจะต้องรับทราบ ว่ามีคณะบุคคลชุดนี้ เข้ามาอยู่ในโรงแรมที่เป็น State Quarantine ของจังหวัดตนเองแล้ว
หลังจากนั้น จังหวัดมีหน้าที่ติดตาม กำชับ การอยู่ในโรงแรมของพวกเขา ว่าปฏิบัติไปตามขั้นตอนที่ถูกต้องหรือไม่ การที่บุคคลเหล่านี้ออกจากโรงแรมไปเดินห้าง และอื่นๆ ได้ อาจเนื่องมาจากไม่มีระบบการติดตามตัวที่แม่นยำ
- หละหลวมในการปล่อยให้พวกเขาเข้าออกห้องพักและไปยังสถานที่ต่างๆ
จึงควรเป็นความผิดของโรงแรมด้วย และเป็นความรับผิดชอบของผู้ว่าราชการจังหวัดโดยตรง ส่วนการย้ายผู้ว่าฯ ระยองนั้น ประจวบเหมาะเป็นวงรอบของการย้ายพอดี ทำให้สื่อและประชาชนเข้าใจผิดว่า ถูกย้ายเพราะเรื่องนี้ จึงไปพาดหัวข่าวว่า“เด้ง” !!
ในกรณีนี้ ไม่ทราบว่าจะสามารถเอาผิดทางการอียิปต์หรือตัวบุคคลใดบุคคลหนึ่งที่ฝ่าฝืนการกักตัวได้หรือไม่ เป็นเรื่องที่ ศบค. จะต้องดำเนินการต่อไป
ส่วนกรณี “ลูกอุปทูต” นั้น ที่คอนโดมิเนียม One X ซอยสุขุมวิท 26 นพ.ปรีชา เปรมปรี รองอธิบดีกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข(สธ.) พร้อมด้วยนายชวินทร์ ศิรินาค ผอ.สำนักอนามัย กรุงเทพมหานคร (กทม.) ลงพื้นที่ตรวจสอบมาตรการป้องกันและควบคุมโรคของคอนโดฯ ในกรณีที่มีครอบครัวคณะทูตซูดาน รวม 5 คน เดินทางเข้าพัก โดยมี 1 ในสมาชิกครอบครัว คือ ลูกสาวอายุ 9 ขวบ มีผลการตรวจยืนยันการติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) และขณะนี้อยู่ในระหว่างการรักษาตัวที่รพ.รัฐบาลแห่งหนึ่ง และครอบครัวคณะทูตได้ถูกส่งเข้าพักในสถานกักกันโรคฯ แล้ว
นายชวินทร์กล่าวว่า จากการรับรายงาน พบว่า ครอบครัวคณะทูต 5 คน เดินทางมาถึงสนามบินสุวรรณภูมิ เมื่อวันที่ 10 ก.ค. เวลา 05.00 น. โดยผู้ป่วยติดเชื้ออายุ 9 ขวบนั้น มีการตรวจหาเชื้อด้วยการคัดกรองโรคที่ด่านตรวจสนามบินสุวรรณภูมิ ผลเป็นบวก แต่ทางครอบครัวจำนวน 5 คนรวมผู้ป่วย ได้กลับมาพักที่คอนโดฯ แห่งนี้ ที่ซึ่งเป็นสถานพำนักชั่วคราว และในวันเดียวกันนั้น เด็กหญิงวัย 9 ขวบ ได้เข้ารับตรวจหาเชื้อใน รพ.เอกชนแห่งหนึ่ง และผลยืนยันอีกครั้งว่า มีการติดเชื้อจริง จึงทำการเข้ารักษาที่ รพ.ทันทีด้วยอาการปอดอักเสบ โดยขณะนี้ถูกส่งตัวไปยัง รพ.ของรัฐบาลเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
“...การตรวจคัดกรองที่สนามบิน มีผลเป็นบวก แต่ด้วยระบบสิทธิทางการทูต มีข้อยกเว้นว่าให้เข้ากักกันในพื้นที่ของสถานทูตเอง แต่ช่วงนั้นอาจจะมีความแออัด จึงได้เข้ามาพักที่คอนโดฯ แห่งนี้ก่อน หลังจากนั้นได้ส่งตรวจที่ รพ. เพื่อเข้ารับการตรวจยืนยันอีกครั้ง โดยหลังจากนั้นทางครอบครัวที่เหลืออีก 4 คน ไม่มีอาการป่วย และสุขภาพแข็งแรงดี ได้กลับเข้ามาพักในคอนโดฯ อีก 2 คืน แต่ในขณะนี้ได้ถูกส่งตัวไปกักกันโรคแล้วตามระบบ และผู้ป่วยอาการดีขึ้นแล้ว...” นายชวินทร์ กล่าว
นพ.ปรีชา เปรมปรี รองอธิบดีกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า เรื่องของมาตรการป้องกันควบคุมโรคของคอนโดฯ แห่งนี้ มีความรัดกุม เช่น มีการคัดกรองอุณหภูมิร่างกายของผู้เข้า-ออกพื้นที่ ทำความสะอาดอย่างเป็นระบบ จึงสร้างความมั่นใจได้ในระดับหนึ่ง ในวันนี้ทางทีมควบคุมโรค จึงมาเพื่อสอบสวนโรค ค้นหาผู้เสี่ยงที่จะสัมผัส เช่น แม่บ้านทำความสะอาด พนักงานรักษาความปลอดภัย รวมถึงการใช้รถตรวจหาเชื้อพระราชทานเข้ามาเพื่อตรวจหาเชื้อให้แก่ผู้พักอาศัยในคอนโดฯ ทุกคน อย่างไรก็ตาม จากการตรวจสอบครอบครัวของคณะทูตที่เข้าพักในคอนโดฯ พบว่าแทบไม่ได้เดินทางออกไปที่ใด และโอกาสที่ผู้อื่นจะมาสัมผัสมีน้อยมาก
เมื่อถามว่าเมื่อตรวจเจอเชื้อตั้งแต่ที่สนามบินทำไมจึงปล่อยให้ผู้ป่วยเดินทางกลับมาพักอาศัยตามที่พำนักได้ นพ.ปรีชากล่าวว่า ตามสิทธิทางการทูต จะอนุญาตให้คณะทูตกลับไปพักในสถานทูตก่อนที่จะส่งตัวผู้ป่วยเข้ารับการรักษาได้ แต่ในกรณีนี้ทางทีมควบคุมโรคไม่ทราบมาก่อนว่าสถานที่พำนักเป็นคอนโดมิเนียม หรือ เรสซิเด้นท์
เมื่อถามว่าการให้สิทธิทางการทูตอนุญาตให้มีการกลับเข้ามาพักอาศัยในสถานพำนัก ทั้งที่มีการตรวจยืนยันจากสนามบินแล้วว่ามีการติดเชื้อ จะเป็นสิ่งที่ทำให้ประชาชนรู้สึกว่าเป็นการเลือกปฏิบัติหรือไม่ นายชวินทร์ กล่าวว่า ปัญหาที่เกิดขึ้นเป็นช่องว่างที่เป็นบทเรียนที่ให้ ศบค. และนักวิชาการทั้งหลาย ช่วยระดมสมองกัน สร้างมาตรการที่เข้มข้นและรัดกุมมากยิ่งขึ้น
เมื่อถามว่าตามข้อกำหนดของ ศบค.ระบุว่าชาวต่างชาติที่เดินทางเข้ามาในประเทศไทย จะต้องมีเจ้าหน้าที่จากสาธารณสุขและฝ่ายความมั่นคงรวมไปถึงเจ้าหน้าที่ที่เป็นเจ้าภาพเชิญแขกมา เข้าควบคุมและติดตามคณะเดินทาง ในกรณีนี้มีผู้ติดตามหรือไม่ นพ.ปรีชากล่าวว่า เนื่องจากคณะทูตนี้เป็นการเดินทางเข้ามาปฏิบัติภารกิจตามปกติและไม่ได้เป็นแขกของรัฐบาลจึงไม่ได้มีคณะผู้ติดตาม ซึ่งส่วนนี้จะต้องมีการนำไปทบทวนและปรับปรุงแก้ไขระบบต่อไป เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับประชาชนและให้มาตรการควบคุมโรคมีความรัดกุมมากยิ่งขึ้น.
นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษก ศบค. เผยมติที่ประชุม ศปก.ศบค. ระบุว่า
1.ศบค.จะดำเนินการทบทวนการผ่อนคลายมาตรการกักกันของบุคคลในคณะทูต โดยเฉพาะคู่สมรส บิดา มารดา หรือบุตรของบุคคลดังกล่าว โดยจะให้กระทรวงต่างประเทศทบทวนผู้ที่เป็นนักการทูตที่เดินทางเข้าประเทศไทยต้องเข้าสู่ State Quarantine กักตัวเป็นเวลา 14 วัน
2.ให้กระทรวงการต่างประเทศ (กต.) ดำเนินการยกเลิกการอนุญาตการบินเข้าของเที่ยวบินกองทัพอากาศอียิปต์ที่ได้อนุญาตไปแล้วจำนวน 8 เที่ยวบิน (17-20 และ 25-29 ก.ค.2563)
3.ให้ชะลอการอนุญาตการเดินทางเข้ามาในราชอาณาจักรแบบผ่อนคลาย มาตรการ State Quarantine ตามข้อกำหนดฉบับที่ 12 (2), (3), (11) ไปก่อน และมีการทบทวนมาตรการควบคุมให้มีความรัดกุมรอบคอบ จึงให้มีการดำเนินการต่อไป โดยในกลุ่มคณะทูต หรือนักธุรกิจที่เดินทางเข้ามาในระยะสั้น ก็ต้องรอไปก่อนเพื่อทบทวนมาตรการทั้งหมดภายในประเทศ ก่อนที่จะรับต่างชาติ
ครั้งนี้นับว่าเป็น “บทเรียนราคาแพง” ของ ศบค. กัดกร่อน “ความไว้เนื้อเชื่อใจ” ที่คนไทยเคยมีให้และล้วนอยู่กับความกังวลใจ ว่าการระบาดระลอกที่สองจะเกิดขึ้นหรือเปล่า!!
https://www.naewna.com/politic/columnist/44645