ขอบคุณทุกท่านที่ช่วยกันเผยแพร่ความรู้นะครับ
ความรู้จากท่าน naitang รวมทั้งท่านอื่นๆ ทำให้ผมได้มุมมองในมุมใหม่ๆ กว้างขึ้น ไม่เฉพาะในเชิงคุณค่าและความรู้สึก ผมแตกความคิดไปถึงเรื่องการตลาดไปด้วย เพราะฝ่ายทางฝรั่งดูเหมือนจะเข้มแข็งในเรื่องการปั้นมูลค่าอัญมณีมากๆ (ขออภัยที่ใช้คำว่าฝรั่งบ่อยๆ แต่เพื่อให้กระชับในการพิมพ์จึงขอใช้คำนี้นะครับ) แทบจะใช้คำว่า "คุณค่าอยู่ที่คนขุด กำไรอยู่ที่คนขาย" ก็ว่าได้ ตอนนี้แม้มีข่าวราคาทับทิมสูงมากมายแค่ใหนก็ตาม แต่ก็ยังทำให้อดสงสัยและต่อไปอีกไม่ได้ว่า แล้วเจ้าของดั้งเดิมที่ขุดขึ้นมาจะได้อานิสงค์ด้วยแค่ใหนกันครับ
วกกลับมาอีกเรื่องครับ ผมคลัคล้ายคลับคลาว่าทับทิมสตาร์มีองค์ประกอบคนละอย่างกับทับทิมธรรมดาครับ ทำให้เกิดแสงดาว 6 แฉกในเนื้อทับทิม (แล้วผมจะกลับไปหาแหล่งที่มาข้อมูลเอาอ้างอิงอีกทีนะครับ) จึงนิยม (จำเป็นต้อง) เจียรนัยแบบหลังเบี้ยเพื่อโชว์แสงดาว 6 แฉก แต่โดยเนื้อของทับทิมจึงทำให้มีราคาต่ำกว่าครับ ส่วนทับทิมสยามมีทับทิมสตาร์เหมือนกัน อันนี้ฟันธงได้ครับ
ส่วนคำตอบของคำถามว่าเจียรนับแบบเหล่มให้เห็นสตาร์ได้ด้วยเป็นไปได้ใหม คำตอบก็น่าจะเป็นว่า หากสวยพอเจียรนัยแบบเหลี่ยมได้แล้วการจะเห็นสตาร์หรือไม่ก็ไม่สำคัญแล้ว เพราะราคาแบบเหลี่ยมสูงกว่าแบบเบี้ยหลายเท่าตัว และในความจริงแล้วทับทิมที่มีสตาร์ทุกเม็ดที่ไม่สวยพอที่จะเจียรนัยแบบเหลี่ยมได้แม้ฝืนทำก็จะเสียทั้งสองทางและไม่มีราคาครับ แล้วผมก็ยังไม่พบบันทึกที่ว่าทับทิมสตาร์เผาแล้วสวยพอจะเจียรนัยแบบเหลี่ยมได้นั้นยังเหลือสตาร์ให้เห็นอยู่หรือเปล่าครับ
ส่วนเรื่องแหล่งที่เกิดและสภาพการเกิดทำให้ทับทิมสยามและทับทิมพม่าต่างกันผมเห็นด้วยครับ ที่แน่นอนคือแร่อื่นที่อยู่ในพื้นที่ที่เกิดที่เข้าผสมทำให้สีต่างกัน ส่วนหนึ่งน่าจะมาจากระยะเวลาในการเย็นตัวของลาวาซึ่งหมายถึงช่วงเวลาที่เกิดการตกผลึก และสภาวะอากาศระหว่างการเกิด ผมคิดว่าทับทิมสยามอาจจะเกิดใต้ทะเลครับ ก่อนที่จะเกิดการชนของทวีปและทำให้แผ่นดินส่วนนั้นยกตัวขึ้นสูงเหนือทะเล ต่อมาถูกชะล้างจนแร่ส่วนนั้นโผล่ขึ้นเหนือดิน อันนี้เป็นข้อสันนิษฐานของผมเองนะครับ
อีกสิ่งหนึ่งคือ ทับทิมสยามและทับทิมเขมรนั้นถือว่าเป็นทับทิมที่เกิดจากแหล่งเดียวกันก็ว่าได้ เขมรก็มีทับทิมและจะเรียกว่าทับทิมสยามก็ได้เหมือนกัน เพราะก่อนหน้านั้นพื้นที่ที่พบทับทิมในเขมรตอนนี้เป็นอาณาเขตของประเทศสยาม ดังนั้นตอนนี้ถ้าเราจะหาทับทิมสยามก็อาจต้องไปตามหาที่เขมรเอา
มาอีกเรื่องคือเรื่องไฟและน้ำครับ ทับทิมสวยไฟดีนั้นก็คงหมายถึงทับทิมที่เจียรนัยให้ความเปล่งประกายสวยงาม ยิ่งประกายดีก็ยิ่งถือว่าไฟดีและราคาดีครับ ส่วนน้ำดีนั้นอาจหมายถึงความสวยและอิ่มในสี รวมไปถึงน่าจะเป็นความรู้สึกถึงได้ว่าชุ่มน้ำอยู่ตลอดเวลา ยิ่งมองเหมือนหยดน้ำเต้นระริกอยู่เท่าไหร่ยิ่งน่าจะหมายถึงน้ำดีมากเท่านั้นครับ แต่น้ำกับไฟมันก็เป็นสิ่งที่อยู่คนละขั้วจึงยากที่จะอธิบาย อันนี้เลยทำให้ผมนึกไปว่า ทับทิมแทบทั้งหมดตอนนี้น่าจะหาเจอได้เฉพาะทับทิมไฟดีเพราะเผากันหมดแทบทุกเม็ดแล้ว จะเหลือให้มองเห็นมีน้ำอยู่นั้นคงเหลือน้อยเต็มที แล้วแบบใหนที่มีคุณค่าและราคาดีกว่ากัน ผมก็ผมเลยคิดเลยเถิดไปว่า ทับทิมที่ราคาแพงที่สุดที่ถูกบันทึกอยู่ตอนนี้นั้นเป็นทับทิมพม่าจากเหมืองโมก็อกที่ไม่ผ่านการเผา นั่นอาจหมายถึงทับทิมที่น้ำยังไม่แห้งไป และจะเป็นทั้งทับทิมที่น้ำดีและไฟดี ดังนั้นทับทิมที่ดีจึงน่าจะมีทั้งน้ำและไฟในตัว และยิ่งโดเด่นทั้งสองทางมากเท่าไหร่ยิ่งมูลค่าสูงเท่านั้น นี่คือแนวความคิดที่ผมพอจะเข้าใจเอาเองได้ตอนนี้ครับ
ที่จริงเกณฑ์ความสวยของทับทิมหรืออัญมณีอื่นๆ เอามาจากเพชรอีกทีคือ 4C ซึ่งประกอบด้วย
- Color (สี)
- Clarity(มนทิล ซึ่งตอนนี้แปลไปว่าความโปร่ง ความใส)
- Cut (การเจียรนัย)
- Carat (ขนาด)
เรียงตามลำดับความสำคัญ (แต่ผู้ซื้อบางกลุ่มบางประเทศเรียงต่างไปจากนี้ก็มีเช่น เอา Cut (การเจียรนัย) มาก่อน เป็นต้น -- ข้อมูลนนี้มาจากเว็บฝรั่งที่เล่าถึงความนิยมของผู้ซื้อแต่ละโซนแต่ละชาติ) แต่ในนี้ยังไม่ได้บอกอย่างแน่ชัดถึงองค์ประกอบหนึ่งที่สำคัญแต่มีผลมากคือ ความเปล่งประกาย ซึ่งน่าจะหมายถึงไฟดี แม้มีการบอกไว้เหมือนกันว่าอยู่ในหมวดการเจียรนัยแต่ก็ไม่ชัดเจนอยู่ดี ส่วนอีกข้อคือความหายากซึ่งอาจถึงความหมายโดยรวมของทุกข้อโดยเฉพาะขนาด แต่ตอนนี้ทับทิมจากเหมืองโมก็อกราคาสูงสุดแม้อาจจะสวยเท่าๆ กับเม็ดอื่นที่มาจากแหล่งอื่น แต่อีกครั้งคือก็มีบางแห่งเหมือนกันที่ให้ความสำคัญกับแหล่งที่มา (origin) เป็นอันดับแรก (ดังนั้นข้อนี้จึงเป็นข้อผิดอย่างมากๆ หากพ่อค้าไทยจะอ้างว่าแหล่งที่มาไม่สำคัญ และว่าเค้าเพียงเอาไว้เพื่อลักษณะสีเท่านั้น) และตอนนี้ที่ขัดแย้งอย่งสำคัญที่สุดคือต่างชาติให้ความสำคัญความเป็นธรรมชาติสูงสุด ในขณะที่ผู้ค้าไทยให้ความสำคัญความสวยสุดท้ายของผลงานโดยไม่ให้ความสำคัญของการปรุงแต่งนัก (ซึ่งจะจะปรุงแต่งให้มากที่สุดเพื่อให้สวยที่สุด) อันนี้จึงย้อนกลับมากระแทกเรื่องคุณค่ากับมูลค่าในอีกวงรอบอย่างซับซ้อนครับ
ผมไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญนะครับ ความรู้ที่มีก็เก็บเอามาจากหลายแหล่งมาประกอบกัน หลายอย่างฟังจากปากผู้เชี่ยวชาญคนไทยก็ยังไม่ปักใจ (ประกอบกับมีเวลาพูดคุยกันน้อยทำให้สื่อได้ไม่หมด) ก็ได้เอาข้อมูลมาหาต่อในอินเตอร์เน็ตเพื่อให้ได้ข้อมูลจากคนอื่นๆ รวมทั้งมุมมองต่างชาติด้วยเช่นกัน และหลายๆ บันทึกก็บันทึกจากความรู้สึกของตัว ซึ่งต้องตามหาข้อเท็จจริงต่อให้เจออีกที
เป้าหมายผมคือตามหาความจริงเพื่อเปรียบเทียบทับทิมสยามกับทับทิมจากแหล่งอื่นๆ ว่าของเราดีหรือด้อยกว่าจริงหรือและอย่างไร ตอนนี้ข้อมูลที่ผมได้คือทับทิมสยามเหนือกว่าแต่ไม่อาจเป็นหนึ่งได้ นั่นเพราะว่าหาไม่มีแล้ว ถึงมีแต่ก็จะไม่พอต่อความต้องการจนไม่อาจโด่งดังในวงกว้างได้ครับ
ช่วงหลายมาวันนี้ผมตามหาว่าสีแดงเลือดนกพิราบเป็นแบบใหนโดยการถามเอาจากหลายๆ คน แต่ก็ไม่ยังเค้าเท่าไหร่ มาวันนี้นึกอะไรขึ้นมาได้ซึ่งอาจทำให้ผมได้คำตอบก็เป็นได้ครับ (แต่ก็ไม่ได้คิดไปยิงนกพิราบเอามาดูสีของเลือดนะครับ)
(แหล่งข้อมูลที่พูดถึง สีแดงเลือดนกพิราบ
http://www.ruby-sapphire.com/pigeons-blood-mogok.htm)