เรือนไทย

General Category => ระเบียงกวี => ข้อความที่เริ่มโดย: Thammada ที่ 05 ก.พ. 13, 19:45



กระทู้: " เสียงกวี "
เริ่มกระทู้โดย: Thammada ที่ 05 ก.พ. 13, 19:45
(http://3.bp.blogspot.com/_1Z5_frqW26w/SiKopty0GZI/AAAAAAAAGAA/tx_PnLdYap8/s400/2266129450104237032S600x600Q85.jpg)

เสียงกวี

เสียงกวี ที่กังวาน แต่กาลก่อน
ยังสะท้อน มาตาม ฝากความหวัง
แม้ร่างลับ กับกาล วิญญาณยัง
เฝ้าห่วงหลัง ยังงาน ด้านกวี

จากแดนทิพย์ กระซิบมา ให้หล้าชื่น
โลกร่มรื่น รับเสียง เพียงดีดสี
เหมือนแสงก่อง ส่องฟ้า ยามราตรี
ให้ฤดี รับรส สิ่งงดงาม

กลอนจากจิต อุทิศเป็น เครื่องเซ่นสรวง
น้อมบำบวง ปวงกวี ศรีสยาม
ขอสร้างงาน ปานผกา บูชานาม
ดำเนินตาม กวีครู อยู่อาจิณ

เพื่อแดนหนึ่ง ซึ่งกวี ยอมพลีร่าง
เพื่อเสกสร้าง สวนสวรรค์ วรรณศิลป์
ขอกรองคำ จำเรียง เพียงเสียงพิณ
กล่อมแดนดิน ยินดี อยู่จีรัง

แม้มิชื่น เช่นผกา ปาริชาต
ทรงอำนาจ น้อมกมล สู่หนหลัง
เพียงเสียงกลอน กล่อมกมล ชนผู้ฟัง
น้อมใจยัง แดนศิลป์ ก็ยินดี


ประพันธ์โดย..อาจารย์มะเนาะ ยูเด็น



กระทู้: " เสียงกวี "
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 06 ก.พ. 13, 09:37
บทกลอนอีกบทหนึ่งของอาจารย์มะเนาะ ยูเด็นที่ไพเราะมากๆ

แม่ (ข้ามขอบฟ้า)


ดื่นดึกหนาวดาวเด่นเย็นยะเยียบ
เสียงความเงียบเสียดแทงในแท่งหิน
ล้อแห่งกาลผ่านเลื่อนหมือนโบยบิน
เสียงแม่ดินรินร่ำคำห่วงใย

แม่โอบเอื้อเผื่อแผ่แก่ลูกสิ้น
อกแม่ดินตระหนี่เคยมีไหม
หากลูกรักรักคืนแม่ชื่นใจ
แม้ลูกไหนไม่รักไม่หักราน

ในรวงข้าวแม่ผสมนมอร่อย
ในลำอ้อยแม่ผสมน้ำนมหวาน
กลีบดอกเอื้องแม่แต่งสีแบ่งบาน
ชูช่อก้านคลี่พวงยวงระย้า

เรียงลำไผ่แม่สอนให้อ่อนพลิ้ว
ขับเพลงผิวแผ่วกล่อมถนอมป่า
หยาดน้ำค้างพร่างแพรวแนววนา
คือน้ำตาเต็มตื้นแม่ชื่นชม

ขอลูกผอง ของแม่ แผ่ความรัก
ร่วมทอถัก แทนแพรให้แม่ห่ม
คุ้มแรงร้อน ผ่อนแสง ร้อนแรงลม
หยุดเคืองข่มงอแงรังแกกัน

มะเนาะ ยูเด็น


กระทู้: " เสียงกวี "
เริ่มกระทู้โดย: Thammada ที่ 09 ก.พ. 13, 12:00
" ขอบคุณครับอาจารย์
กลอนสำนวนนี้ของอาจารย์มะเนาะ ยูเด็น ไพเราะลึกซึ้งจริงๆครับ "


(http://4.bp.blogspot.com/_AQ-Q1DSANik/SlXz83UpG4I/AAAAAAAAA3I/b0snpsozucQ/s320/101_0838.JPG)

" สายน้ำในห้วงคำนึง "


เมื่อสายน้ำ ถามทาง ที่ต่างขั้ว
ความขลาดกลัว เก็บซ่อน ซึ่งอ่อนไหว
กล้าเผชิญ เกินเก่า กว่าเท่าใด
จึงยิ่งใหญ่ หยดหนึ่ง รวมถึงกัน

เป็นนที ชีวิต ไม่ผิดเผ่า
หลากลำเนา นับเนื่อง จะเรืองสรรค์
สูงต่ำต่าง ล้ำค่า คือสามัญ-
ไม่มีขั้น คอยข่ม ให้กลมกลืน

จึงเสรี ร่วมร้อย ทยอยยิ่ง
ใช่อ้างอิง อำพราง เพียงต่างตื่น
เติมกระแส แผ่ผุด เพื่อจุดยืน
จะพลิกผืน แผ่นดิน ด้วยวิญญา

อาจอุดม ได้ด้วย การช่วยชู
การคืนสู่ สมดุล แห่งคุณค่า
เมื่อมั่นคง ตรงชัด ซึ่งศรัทธา
ทั้งแหล่งหล้า รองฝัน ร่วมบันดาล

งดงามใน ท่ามทุกข์ ที่ลุกร้อย
จะเรืองรอย รวมร่าย ซึ่งสายสาน
สู่ชีวิต ผลิตผลิ ปณิธาน
ที่ขับขาน ครรลอง เพื่อผองชน

เพื่อแผ่นผืน คืนกลับ การรับรู้
ในอณู น้ำตา ต่างพร่าหม่น
ซับชีวิต จิตวิญญาณ ที่ทานทน
ว่าเหลื่อมล้น หลากหลาย และพ่ายพัง

หากสายน้ำ ในใจ จะไหลร้อย
เป็นเกลียวกลอย กลั่นกล้า ให้หาฝั่ง
ย่ำนิยาม ข้ามโค้งคด เคยบดบัง
แล้วเหยียบหยั่ง เยื่อใย แห่งไมตรี

เมื่อหมื่นพัน บรรจบ คำรบใหม่
แสงอุทัย ถามทัก ซึ่งศักดิ์ศรี
ผืนแผ่นดิน ด่างดำ ด้วยย่ำยี
รัศมี มิตรมั่น ก็บรรเทา

มองสายน้ำ ยามร่ายรำ ร่วมกำหนด
กี่โค้งคด ค้ำเคียง สำเนียงเผ่า
ในมนุษย์ สุดสาย พรายเพียงเงา
หารวมเหล่า และเท่าถึง.เป็นหนึ่งเดียว.


ธรรมดา
ลุ่มน้ำสาละวิน ๒๙ มิถุนายน ๒๕๕๓



กระทู้: " เสียงกวี "
เริ่มกระทู้โดย: Thammada ที่ 14 ก.พ. 13, 20:14
(http://1.bp.blogspot.com/-Eupkud236A0/Ti6xZ_v4YvI/AAAAAAAAAT8/ibX-Arwxv2Q/s1600/27-2.gif)

งดงาม ยามเมื่อมอง บนท้องฟ้า
สบสายตา เติมฝัน เช่นวันเก่า
รอยยิ้ม นิ่มนวลนั้น ยังบรรเทา
อบอุ่น คุ้นคนเหงา อย่างเข้าใจ

คืนจันทร์ฉาย พรายพร่าง อยู่กลางหาว
สร้อยแสงดาว เรียงร้อย ดั่งพลอยใส
หนึ่งนภา ว่าหวาน ประมาณใด
จะห่มให้ ห้วงซึ้ง คิดถึงกัน

แปลกไหม! เมื่อใจเรา ดวงเก่านี้
รักเธอที่ อยู่ไกล เหมือนในฝัน
เฝ้าฝากฟ้า ฝากลม ห่มแสงจันทร์
สร้างสีสัน สวยล้ำ เพียงลำพัง

เหมือนไม่อาจ เอื้อมดาว จากราวฟ้า
ต่างชะตา ต่างทาง ระหว่างหวัง
ผลิบาน ผ่านภาพเสียง เพียงภวังค์
รอวันหลั่ง น้ำตา จะมาเยือน

แม้บอบบาง อย่างนั้น ยามหวั่นไหว
เสียงหัวใจ จะคอย มิคล้อยเคลื่อน
ประดับดวง เด่นหาว ดุจดาวเดือน
ละมุนเหมือน มีฟ้า..ที่อาทร


" Happy Valentine’s Day นะครับ "

ธรรมดา
๑๔ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๖



กระทู้: " เสียงกวี "
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 15 ก.พ. 13, 16:25
วิมานน้ำค้าง

วิมานน้ำค้างสร้างด้วยธาตุฝัน
เอาหอไกวัลเป็นห้องแก้ว
อัจกลับระยับระย้าอยู่พรายแพรว
คือแววรุ้งรัตนาดาราราย

หาดทรายอ่อนฉะอ้อนดั่งบรรจถรณ์
หมอนท่อนไม้คือเขนยฟ้าถวาย
ธาราบ่าเซาะหินดินทราย
คือนางไม้ขับกล่อมอ้อมใจ

ละเมอผวาหาเสี้ยวเดือนทอง
คือน้องนางแก้วแววขวัญสมัย
อ่อนไท้โลมไล้ทิพย์ละมุนละไม
แสงเสน่ห์ใสสุดสวาทบ่วาย

น่านำน้องท่องหล้ามหาสมุทร
สุดฝั่งฝันกว่าสวรรค์จะหาย
หมั่นเจ้าด้วยค่าฟ้าพรรณราย
สุดสายในบุรุษรัตน์รมณีย์

นั่นผาชะโงกโตรกชะง่อนง้ำเงื้อม
อาจเอื้อมเอาดาววาววิเศษศรี
หรือช่อปาริชาตสุดแสนดี
หรือวิถีมิติฝันอนันตกาล

พู้นทางช้างเผือกผุดผ่องสกาว
บางดวงดาวพุทธเจ้าประดิษฐาน
บางเอกภพคือทิพยนิรพาน
คลื่นอดีตผ่านนานนับกัปป์กัลป์

ปุยเมฆหอมเกสรรังร่วง
มาทวงมโนคติหล้าอาถรรพณ์
ดาวไถไถทุ่งฟ้าวิลาวัณย์
จะเกี่ยวข้าวขวัญค่าชีวาใด

น้ำค้างดงดึกดื่นสะอื้นโศก
ชลเนตรโลกวิปโยคหรือไฉน
หมู่มนุษย์น้อยอหังการ์ฆ่าใคร
ฆ่าพิภพสบสมัยสุดสามานย์

ไม่รักทะนุถนอมคุณค่าโลก
จะทุกข์โศกตราบฟ้าอวสาน
ยุคมนุษย์จะสุดสิ้นมิช้านาน
เป็นพยานเถอะสายธารที่จาบัลย์

น้ำไหลอายุขัยก็ไหลล่วง
ใบไม้ร่วงชีพก็ร้างอย่างฝัน
ฆ่าชีวาคือพร่าคืนวัน
จะกำนัลโลกนี้มีงานใด

อังคาร กัลยาณพงศ์


กระทู้: " เสียงกวี "
เริ่มกระทู้โดย: ฟ้าฟื้น ที่ 16 ก.พ. 13, 15:30
ฝน-คลื่นกวี

พลบแล้วโพล้โอ้เพล้เห่เมฆใหม่
หอมอวลไอไรละอองของวรรษา
เหนื่อยไหมหนอพระพิรุณบุญเทวา
โปรยน้ำฟ้าจากแมนสู่แผ่นดิน

เบิกวิญญาณจิตรกรรมอันล้ำลึก
ส่งรู้สึกบทกลอนอักษรศิลป์
โดดทะยานทัพกวีรี้กวิน
ส่งต่อจินต์รุ่นกล้าระย้าใบ

ฝนจะไหลพาวิญญาหาทะเล
ลงทุ่มเทปลอบปลุกคลื่นลูกใหม่
สู่ฟากฝั่งดินแดนอันแสนไกล
ดอกกวีร่วงรายในดงดอน

ไหลลูบรอยเท้าย่างกลางป่าไพร
เลาะผ่านไปทุกตรอกซอกสิงขร
เห็นรอยเท้าซกเหงือเหลือขจร
อีกรอยก่อนเลือนลางอย่างบางตา

ดูสินั่นนั่นไงเห็นไหมเล่า?
ทุกรอยเท้าก้าวย่างอย่างมีค่า
ใช่ย่ำเหยียบทิ้งรอยคอยเวลา
มีนัยยะซ่อนหาทุกฝ่าทาง

แล้วไหลเลาะเลียบรั้วทั่วหมู่บ้าน
ย่านสู่ย่านคืนค่ำสู่ย่ำสาง
เห็นกวีในเมืองแจ่มหรือจาง
เห็นในชนบทห่างเป็นอย่างไร

ให้เรียนรู้จิตวิญญาณชนรุ่นก่อน
ทุกอักษรศาสตร์กวีที่ร่ายไหว
แล้วจำนงฝากฝันให้มั่นใจ
เรียนรู้ในโลกชีวิตที่พานพบ

คลื่นลูกใหม่จะหยุดลงตรงกลางย่าน
หรือจะครืนซัดทะยานอย่างไม่จบ
เบิกกวีแนวตนที่ค้นพบ
หรือได้ทบต่อแนวแถวที่เทียว

ระหว่างทางเก็บกลอนในรอยดิน
ที่ถูกถมทิ้งสิ้นให้เปล่าเปลียว
มีนัยยะอยู่ท่ามความดายเดียว
ให้สะสมคมเขี้ยวหว่างเทียวไป

มาแล้วหนอเมฆฝนหล่นโลมริน
เกิดแล้วหนอแนวจินต์ของคลื่นใหม่
ดุ่มเดินทางเก็บฝันตามบ้านไพร
ตามท้องทุ่งเมืองใหญ่ภูไกลตา

พลบแล้วโพล้โอ้เพล้เห่เมฆใหม่
หอมอวลไอไรละอองของวรรษา
เหนื่อยไหมหนอพระพิรุณบุญเทวา
พาวิญญากวีใหม่ไปปลุกฝัน!

ฟ้าฟื้น ธรรมชาติ


กระทู้: " เสียงกวี "
เริ่มกระทู้โดย: Thammada ที่ 18 ก.พ. 13, 18:08
" ขอบคุณอาจารย์เทาชมพูครับ บทกวีของครูอังคารลึกซึ้งมากครับ
และขอบคุณท่านฟ้าฟื้นด้วยนะครับ ที่นำงานเขียนมาให้อ่าน จับใจจริงๆ
ยินดีที่ได้พบกันที่นี่ครับ "


(http://i238.photobucket.com/albums/ff309/sudanana/NanJan08161s.jpg?t=1200674448)

               ดิน น้ำ ฟ้า ป่า คน

ตราบดินบ่สิ้นฟ้า        แสงศรัทธามิหมองหม่น
โลกร้อนร้าย.สายชล   สิคงค้ำเพื่อนำชัย

สรรพสิ่งชื่นชู           ดำรงอยู่อย่างยิ่งใหญ่
เกื้อหนุนอุ่นอำไพ      ละมุนมั่นมิผันแปร

ดิน น้ำ ฟ้า ป่า คน     ต่างพึ่งผลผ่านกระแส
เย็นร้อนหรืออ่อนแอ   ด้วยปัดเป่าบรรเทาธรรม

อุดมห่มแผ่นผืน        ย่อมหยิบยื่นการดื่มด่ำ
คุณค่ากล้าชี้นำ        สันติสุขจะปลุกคน

รู้รักษ์และสรรค์สร้าง   ในแนวทางที่เรืองล้น
เวหา ธราดล            อนันต์นั้น นิรันดร


                   ธรรมดา


กระทู้: " เสียงกวี "
เริ่มกระทู้โดย: Thammada ที่ 21 ก.พ. 13, 09:49
(http://www.choosuwan.com/supasid/supasid003-1.gif)

ร้อนใดในหนึ่งน้ำ     ปลาเป็น
อาจอุ่นรอนลำเค็ญ    อยู่ได้
คำตรงต่อประเด็น     ดุดั่ง เคืองฤๅ
หากมุ่งดีดับร้าย       ร่ำเกื้อ กว่าหวาน

ถึงธารเย็นเสี่ยงสิ้น    ตัวตน
ปลาไป่รู้วังวน          หว่านไว้
สำเนียงนุ่มมีมนต์      อาจอาบ พิษนา
คำเล่ห์หลงแล้วไซร้   สู่เอื้อ อับปาง ฯ


* น้ำร้อน ปลาเป็น..
การใช้คำพูดแบบตรงๆ แต่เป็นคำพูดหวังดีที่จริงใจ
* น้ำเย็น ปลาตาย..
การใช้คำพูดอ่อนหวาน แต่เคลือบแฝงด้วยเล่ห์ อาจเป็นพิษเป็นภัยได้


                   ธรรมดา



กระทู้: " เสียงกวี "
เริ่มกระทู้โดย: Thammada ที่ 25 ก.พ. 13, 02:46
(http://www.kanokanplace.com/wp-content/uploads/2011/09/arawan1.jpg)

สายธาร..“ ธรรมดา ”

ด้วยเรียวแขน แสนล้า ว่ายฝ่าข้าม
คงสัมผัส ความงาม แห่งน้ำเชี่ยว
ที่ว่าร้าย จึงใช่ร้าย เพียงถ่ายเดียว
หากใจเหนี่ยว ตระหนักซึ้ง ถึงธารธรรม

แห่งห้วง มหรรณพ บรรจบฟ้า
คลื่นซัดพา ถั่งโถม โหมกระหน่ำ
เกลียวชีวิต ซัดซ่า เริงระบำ
มีหรือใคร ร่ายรำ เพียงเดียวดาย

จึงน้ำตา หมองหม่น ของคนทุกข์
คอยขับปลุก คลื่นสาด ไม่ขาดหาย
แต่ใครยอม จ่อมจม อย่างงมงาย
หรืออยู่อย่าง คล้ายคล้าย ลืมหายใจ

ต่างรอแสง แห่งธรรม ธรรมดา
ที่จะสาด ฉายมา เมื่อเช้าใหม่
เพื่อเสริมแรง แกร่งกล้า ข้ามฝ่าไป
อย่างซึ้งใน ลำธาร ผ่านผจญ

จึงได้เห็น เบื้องหน้า มีฟ้ากว้าง
จึงรู้ทาง คดเคี้ยว เลี้ยวเหวหน
จึงพลัง ดั่งไฟ ในใจตน
จะปลุกปลอบ ผู้คน บนเส้นทาง

และเอื้อมมือ ปกป้อง ประคองโลก
คอยดับโศก สาดซัด สิ่งขัดขวาง
มิตรภาพ จึงฉาย ข้ามลายพราง
ด้วยก้าวย่าง แห่งธรรม ธรรมดา


" กลอนสำนวนนี้ อ.นายเงา
ท่านเขียนไว้ให้ผมที่สมาคมนักกลอนแห่งประเทศไทยครับ "



กระทู้: " เสียงกวี "
เริ่มกระทู้โดย: Thammada ที่ 01 มี.ค. 13, 13:15
(https://a248.e.akamai.net/f/248/1856/90m/img.youtube.com/vi/AP-P1ueF44U/mqdefault.jpg)

“ เสียงสามัญ ”

ธรรมชาติ ชีวิต อิสระ
ปสาทะ ศรัทธา และกล้าหาญ
ซึ่งงดงาม ท่ามวิถี มีวิญญาณ
มีความหวาน ความหวัง ความตั้งใจ

ทั้งอ่อนโยน โอนอ่อน และผ่อนผัน
มีเข้มแข็ง คงมั่น มีหวั่นไหว
เศร้าสงบ พบ-พราก หลากเยื่อใย
เป็นผู้ให้ ผู้ดื่มด่ำ ผู้นำพา

หนาวและร้อน ลดล้ำ ในคำนึง
รู้รัก และคิดถึง ซึ้ง-ห่วงหา
มีรอยยิ้ม ยินดี มีน้ำตา
ล้มลุกรู้ อ่อนล้า และกล้าเกิน

ทุกข์-สุขเสพ เช่นสามัญ มนุษย์
หาพิสุทธิ์ ใดด้าว ดังหาวเหิน
อยู่เหยียบย่าง ทางถิ่น ก็ดินเดิน
ไม่มีเกิน กว่าใคร ในวันคืน

จึงแค่คน หนึ่งคน ยังค้นหา
อยู่ใต้ฟ้า เดียวดั่ง ทั้งแผ่นผืน
มอบไมตรี ดีงาม นิยามยืน
ให้สุขชื่น สู่ชน คนเดินดิน

และภายใต้ ตะวัน แห่งสันติ
ดอกใบผลิ เพื่อฝัน นั้นไม่สิ้น
เถิดธำรง โลกรู้ อยู่อาจิณ
ผดุงถิ่น ธรรมา- ประชาชน

ธรรมดา
๑ มีนาคม ๒๕๕๖



กระทู้: " เสียงกวี "
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 02 มี.ค. 13, 12:37
ผู้มาใหม่

เธอเป็นใคร มาจากไหน ไม่เคยรู้
แต่มาสู่เส้นทางฉันในวันหนึ่ง
ใต้แผ่นฟ้าสีเทาที่เศร้าซึ้ง
ยังไม่เคยนึกถึงจะมีใคร

 
ท่ามกลางพิษผิดหวังซึ่งสั่งสม
ประคองกายมิให้ล้มลงไปได้
กลางลมแรง ฝนพร่างเป็นทางไกล
ฉันผ่านพ้นพายุใหญ่ถึงปลายทาง

เหลือรอยเจ็บเหน็บหนาว และร้าวลึก
มารู้สึกเห็นเงาใคร ไม่ไกลห่าง
ลมกระซิบหวานแว่วผะแผ่วบาง
ความอ้างว้างเริ่มถูกกลบใกล้ลบรอย

เธอเป็นใคร มาทำไม ฉันไม่รู้
เหมือนเงาดาวเช้าตรู่ ไกลเกินสอย
เธออาจปลิวหายวับกับลมลอย
หรือเป็นเทียนดวงน้อยคอยส่องทาง

ถึงอย่างไร  เธอมาสู่ อยู่ตรงนี้
มาปลุกปลอบดวงฤดี อยู่ข้างข้าง
มาลบโลกสีเทาให้เบาบาง
มาสรรค์สร้างค่าทางใจให้กลับมา

หากเราต้องจากกันในวันหนึ่ง
ยังซาบซึ้งในไมตรีมีคุณค่า
เมื่อเธออยู่ตรงนี้  มีเวลา
ใจสั่งใจให้รักษาคุณค่าเธอ

“แก้วเก้า”

*******************

วันจันทร์ที่ 13 กันยายน พ.ศ. 2553 
 


กระทู้: " เสียงกวี "
เริ่มกระทู้โดย: Thammada ที่ 06 มี.ค. 13, 23:45

..." ขอบคุณอาจารย์เทาชมพูครับ
กลอนสำนวนนี้ไพเราะมากครับ "

(http://www.oknation.net/blog/home/blog_data/598/4598/images/1433106079_ad1db89ee2_m.jpg)

" บนสายเปลกาลเวลา "

ก็ไกวเปล เวลา ทอดมาถึง
ศรน้ำผึ้ง ซึ้งซ้อน แววอ่อนไหว
ชะลอผ่าน ม่านฟ้า นภาลัย
ดิ่งลงไป ในทรวง และดวงตา

วารีรส เลอศักดิ์ ตำหนักสรวง
รอตักตวง เติมเล่ห์ เสน่หา
มนต์เมฆหมอก นฤมิต ทิพย์นิทรา
หรือจะรา โรยฝัน นิรันดร

วงเวียนวัย ชีวิต พิศวาส
ดารดาษ โดยสุข ซึ่งซุกซ่อน
พิณปลายนิ้ว พลิ้วกรีด คีตกร
ชะรอยร่อน เร่งเร้า อยู่เท่านาน

เพียงเพลงเปล เห่ฝาก สู่ฟากฟ้า
รับรักมา เมืองดิน ถวิลหวาน
ดอกไม้ดาว พราวพรรณ อันตระการ
ลอยลงบาน ฉานฉาย ประกายกรอง

ละลิ่วเลื่อน เลือนลับ การหลับใหล
รื่นละไม ริ้วลม คอยข่มหมอง
ตื่นตาตาม ความหวัง เคยรังรอง
นิยายของ ความรัก หรือจักทวน

ซึ่งสายเปล เร่คว้าง ระหว่างหาว
เมื่อถึงคราว ขาดร่วง ย่อมห่วงหวน
สิ้นเพลงเปล เห่ขวัญ เคยรัญจวน
เสียงคร่ำครวญ สะอื้นอ้อน สะท้อนแทน ๚

ประพันธ์โดย..อนุสรณ์ ลิ่มมณี




กระทู้: " เสียงกวี "
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 07 มี.ค. 13, 11:54
                   
ใจเปลี่ยนสี

      แต่ก่อนเก่าเราสนิทฉันมิตรแท้
   ที่ได้แปรเปลี่ยนไปเหตุใดหรือ
   ถ้าใช่เราเขลาล้นกลกระบือ
   ต่างยึดถือเหตุผลของตนเอง

   พบรูปปั้นเรายลคนละด้าน
   แล้วยืนกรานตามผลตนถูกเผง
   เพราะต่างมุมต่างสีที่ละเลง
   จึงสิ้นเกรงเฝ้าย้ำด้วยคำตน

   เพื่อนรวยทรัพย์รับสุขทุกขณะ
   แต่ฉันละแน่ชัดแสนขัดสน
   เพื่อนห่อนพานพบฤทธิ์ชีวิตจน
   แต่ฉันทนหิวมาอย่างชาชิน

   ฉันพูดถึงทุกข์ยากลำบากชีพ
   เพื่อนสิรีบคุยเขื่องเรื่องทรัพย์สิน
   ฉันว่าโลกชั่วช้าเป็นอาจิณ
   เพื่อนเลยผินหลังให้สิ้นไยดี

   เกิดเหตุการณ์เช่นนี้หลายปีนัก
   ต่างก็ชักหันเหียนใจเปลี่ยนสี
   จากขาวย่อมหมองคล้ำดำทุกที
   แล้วไมตรีแสนสะอาดก็ขาดลง    !
       
                           ถาวร บุญปวัตน์
                                 “คำหอม”  ๒๕๐๗



กระทู้: " เสียงกวี "
เริ่มกระทู้โดย: Thammada ที่ 10 มี.ค. 13, 18:02

"ขอบคุณอ.เทาชมพูนะครับ ที่นำงานกวีสำนวนไพเราะของครูถาวร บุญปวัตน์ มาให้อ่าน ผมเองก็เพิ่งจะเคยอ่านครั้งแรกนะครับ "
(http://www.ifeelfinemusic.com/port/web/image/boat002.jpg)

" ฟากฝั่ง "

ปลาสวาย ว่ายวน จำนน-เหนื่อย
จระเข้เอื่อย อ้อนฝั่ง มานั่งหาว
หิ่งห้อยเหิน เพลินฟ้า กล้านับดาว
เหล่าค้างคาว เข้านอน ก่อนอรุณ

หอยทาก จากบ้านน้อย ในอีกฝั่ง
ส่วนหนูนั่ง ผิงไฟ เพื่อไออุ่น
กบซบฝัน วันหวาน ว่าละมุน
เต่าต่างลุ้น แรมทาง ที่ห่างไกล

มดมีหวัง วันนี้ ที่อิ่มทั่ว
ปลวกก็กลัว บ้านพัง หลังสร้างใหม่
ตะขาบทราบว่า ขามาก นั้นยากใจ
กิ้งกือใส่ ศรัทธา มาเดินทาง

นกเลือกฝั่ง ไม่ไหว ใจโลเล
กิ้งก่าเท่ ได้ทอง ทำนองกร่าง
วัวลืมตัว ตาใส ใจฝ้าฟาง
กระต่าย ต่างตื่นตูม ตามลีลา

ยุงยังป่วน ปาร์ตี้ เติมสีสัน
ลิงรอวัน วาดอุ่น อหิงสา
ผีเสื้อสาน งานงาม ท่ามศรัทธา
จักจั่นจ๋า หลับใหล ใฝ่นิรันดร์

ใกล้ค่ำ นำไก่ป่า ว่าคืนคอน
กล่อมน้องหนอน น่ารัก ไปพัก-ฝัน
อิ่ม-อด ปลดเสรี เจ้าหมีพลัน
สู่แสงจันทร์ คืนหนาว ดาวจะมา

เป็นเพื่อนร่วมโลกโศกเศร้าสองฝั่ง
ทุกข์เข็ญขัง ขื่นซบ กลบรอยหา
สุขเสพสิ่ง เลิศหรู หลากลวงตา
“ ต่างหนักหนา ในนที แห่งชีวิต ”


ธรรมดา



กระทู้: " เสียงกวี "
เริ่มกระทู้โดย: Thammada ที่ 14 มี.ค. 13, 16:59
(http://www.tidso.com/board_1/pic/8132-1-1239004566.jpg)

" ก่อนแสงเช้า..แห่งวันหวัง "

เพื่อนรัก................
ฤๅโลกหนัก นาวา อันสาสม
ดุจรวงรัง พังพ่าย กับสายลม
และหาวห่ม ห้วงมืด มิจืดจาง

ลำนำค่ำ คืนเข็ญ กระเซ็นซ่าน
ดั่งทับธาร ทาบทา ก่อนฟ้าสาง
วิโยคเหยียบ เทียบเถื่อน หรือเลือนลาง
เป็นแววว้าง เวียนว่าย มาทายทัก

ฝืนไฟ ในห้วงเหว เป็นเปลวปวด
ช่างร้าวรวด หลากลึก สำนึกหนัก
เซ่นวิญญาณ ลาญแหลก เมื่อแรกรัก
จึงประจักษ์ จมทุกข์ จะปลุกคน

เพื่อทวงสิทธิ์ ทิศทิพย์ ที่หยิบยื่น
ลืมตาตื่น ใต้ฟ้า เพื่อหาผล
ยิ้มหยอกดาว พราวพร่าง ในทางตน
ฝ่าหมอกหม่น มัวหมอง สู่ทองธาร

ก่อนอรุณ คุ้นเคย จะเอ่ยอ้าง
เมื่อโศกสร่าง ศรัทธา กับกล้าหาญ
เพลงพิภพ พราวฟ้า มีมานาน
จะสะท้าน ท่วมทั่ว รดหัวใจ

ซึ่งสันติ เติมแล้ว เป็นแนวหนุน
รับอรุณ เรืองรอง ทำนองใหม่
แห่งมรรคา คืนค่ำ มิรำไร
มีแสงใส สูงส่อง ละอองพราว

เพื่อนรัก..................
ฤๅโลกหนัก น้ำตา มิกล้ากล่าว
เถิด..ทอดธุระ หลับใหล ในหมู่ดาว
รอรุ่งเช้า ชมศรี แห่งชีวิต


ธรรมดา



กระทู้: " เสียงกวี "
เริ่มกระทู้โดย: Thammada ที่ 19 มี.ค. 13, 16:44
(http://www.horolive.com/wordpress/wp-content/uploads/2011/10/rabbit-2.jpg)

" กระต่ายอายฝัน "

จะจูบจันทร์ เย้ยฟ้า สักคราครั้ง
หากดาวนั่ง อิจฉา จะว่าไหม
ร้อยรัก ด้วยสายลม ได้สมใจ
บนโลกไร้ พรมแดน เป็นแฟนกัน

คิดอีกที ที่รัก ประจักษ์แจ้ง
สิสำแดง เดชได้ ก็อายฝัน
กลัวเผชิญ เกินหน้า เจ้าตาวัน
อาจจะบั่น ชีพไซร้ บรรลัยลง

โอ้อกข้าฯ ฐานันดร เหมือนนอนถ้ำ
หากถลำ หลุดลุ่ย เป็นผุยผง
จะแลกหรือ ร้อนหนาว เจ้าโฉมยง
งามดั่งหงส์ ดวงเดือน ข้าฯเหมือนลิง

รักจึงแน่น ในอก เหมือนตกตึก
ต่างสำนึก รุมเร้า อาจเศร้าสิง
หรือจำนน บนทาง ข้างความจริง
ก่อนเธอทิ้ง เธอไป มิใกล้ตาย

นึกย้ำ อยู่อย่างคน ที่ทนฝืน
รู้จุดยืน เย็นร้อน ก่อนใกล้สาย
อาจอ้างว้าง ทางเปลี่ยว ผู้เดียวดาย
แต่กระต่าย ต้องฝัน มิฟั่นเฟือน

บ้านอยู่ดง พงหนา ป่าก็กว้าง
มืดเวิ้งว้าง เวียนวน ก็หม่นเหมือน
จะรู้หรือ รสกลิ่น สิ้นปีเดือน
ข้าฯอยู่เขื่อน ค่ำลง ในดงดอน
..
หลับตาลง ตรงนี้ เถิดที่รัก
หากเหนื่อยหนัก นั้นวาง ไว้ข้างหมอน
เพลงผืนฟ้า กล่อมฝาก จากคนจร
จะยังอ้อน ห่วงหา เมื่อลาเลือน

ธรรมดา
(http://dl9.glitter-graphics.net/pub/1228/1228839b2qo8ysjdw.gif)


กระทู้: " เสียงกวี "
เริ่มกระทู้โดย: Thammada ที่ 23 มี.ค. 13, 10:22
http://www.youtube.com/watch?v=_ahfhMh2SKc&feature=player_embedded#t=7s

" ขอบคุณทุกๆท่านที่กรุณาเข้ามาอ่านนะครับ "



กระทู้: " เสียงกวี "
เริ่มกระทู้โดย: Thammada ที่ 23 มี.ค. 13, 10:49
(http://krabi-mots.com/images/travel/khlong%20muang.png)

“ ลมคลื่น..คนครวญ ”

หากมีใครซักคนทนปวดร้าว
เมื่อคว้าดาวดวงไกลในความฝัน
ไม่ได้ดังหวังไว้ใจจาบัลย์
ลางเลือนเหมือนฟ้ากั้นกับวันคืน

คือฉันเองอ้างว้างอยู่อย่างนี้
กับโลกที่หยุดอยู่รู้สะอื้น
จึงแค่คนหนึ่งคนทนกล้ำกลืน
หลับใหลแล้วลืมฟื้นกับคลื่นครวญ

ซึ่งสายลมร่ายเคว้งบทเพลงเศร้า
ทะเลเร้าแรงลมมาห่มหวน
คลื่นคนฝันฝากฝั่งครั้งเรรวน
คงไร้ส่วนซึ้งเสี้ยวจะเหนี่ยวนำ

โลกสีรุ้งลอยลาฟ้าก็หม่น
เหมือนท่วมท้นธาตุทุกข์ที่ลุกล้ำ
เหนื่อยและท้อถึงเท่าทั้งเงาดำ
เมื่อเจ็บช้ำด้วยเล่ห์รักปักทรวง

เป็นพิษภัยไหม้เหมือนสะเทือนทั่ว
ซึมสลัวสลับร้อนและหนักหน่วง
หลงเป็นปลื้มดื่มด่ำกับคำลวง
ดิ่งเหวห้วงแห่งตนคนเดียวดาย

หากมีใครซักคนทนเหน็บหนาว
กับโลกร้าวและร้างคราห่างหาย
คงเป็นฉันรันทดทั้งใจกาย
ไร้จุดหมายมืดฟ้า..ชะตากรรม

ธรรมดา



กระทู้: " เสียงกวี "
เริ่มกระทู้โดย: Thammada ที่ 28 มี.ค. 13, 14:27
(http://3.bp.blogspot.com/-OsQ6MbPKRgA/TjUZckH9eyI/AAAAAAAAAXc/DPTU2--rzls/s240/bluefantasykh2.jpg)

" ขมเงาจันทร์ "

สายน้ำโศกคำนึงประหนึ่งหนัก
คงคล้ายสายทางรักที่หักเห
เผาใจจนยับเยินเกินคะเน
ด้วยหลงเล่ห์หลงร้างกลางคืนวัน

เป็นอีกฝั่งฟองคลื่นสะอื้นหลับ
ไม่อาจนับเวลาหาความฝัน
หลงลึกร้าวระทมงมเงาจันทร์
เหมือนใจนั้นหนักหน่วงในห้วงกาล

ผู้กล้ำกลืนฝืนฝ่าชะตาโลก
ในเงาโศกสิ้นซึ้งซึ่งความหวาน
ดอกไม้หม่นทนท้อทรมาน
จึงอาจกร้านกว่าอุ่นที่จุนเจือ

เช่นสายธารที่ไปไม่ถึงฟ้า
วาสนานักเดินทางช่างร้างเหลือ
กลางสายน้ำท่ามทางเถื่อนเหมือนเรือ
ลอยอยู่เหนือน้ำวนผจญภัย

ชะตากรรมกลางคลื่นเห่ทะเลร้าย
มองจุดหมายมืดตากับฟ้าใส
อาจอับปางร้างลงตรงที่ใด
ก่อนแสงใหม่มิ่งฟ้าจะมาเยือน
..
เราเคยฝันถึงฟ้าอาณาจักร
สายธารรักเรืองรุ้งพุ่งเสมือน
จะเคียงคล้ายห้วงหาวกับดาวเดือน
บัดนี้เคลื่อนคอยหาน้ำตาคลอ

นั่น!หรือรักหักเหด้วยเล่ห์โลก
จึงรู้โศกรู้เศร้าโอ้เราหนอ
หลงฟ้ากว้างกว่ากว้างคว้างคอยรอ
เหมือนนกท้อทางบินจะสิ้นใจ

ธรรมดา



กระทู้: " เสียงกวี "
เริ่มกระทู้โดย: Thammada ที่ 30 มี.ค. 13, 22:05
(http://guru.sanook.com/picfront/pedia/resize_154188_1__25062008125730.jpg)

" สงครามใคร? "

ยุติธรรมละหรือผู้ถือปืน
จะหยิบยื่นเหยียบเป็นให้เร้นหาย
สาปเสรีลี้ลับกับวอดวาย
เพียงจุดหมายมองทางที่ต่างตน

เพื่อนพ้องพี่น้องสูสิอยู่สุข
ใครจะทุกข์ถมทางกลางฟ้าหม่น
ดับเดือนเสี้ยวศรัทธาประชาชน
เพื่อผองผลเพื่อชัยจะใหญ่ยืน

เซ่นชะตาตกต่ำแลชำรุด
หากโผล่ผุดพังพับอยู่กับผืน
ใต้ฝ่าเท้าอธรรมผู้กล้ำกลืน
ช่างขมขื่นคับแค้นบนแดนดิน

เพลงสวรรค์พลันจบสงบเงียบ
ถูกย่ำเหยียบหยาดหยดรันทดถิ่น
ดอกไม้ดำพร่ำผ่านการได้ยิน
สดุดีดับดิ้นแห่งวิญญู-

โค้งเคียวเคยเกี่ยวรวงเริ่มร่วงหล่น
ท่ามถนนหน่วงหนักของนักสู้
เหลือรอยลารอยเลือดหลั่งพรั่งพรู
ที่สิงสู่สร้างสมอุดมการณ์

สงครามใครในโลกหลากซากทุกข์
ยังปั่นปลุกเปลี่ยนปรับยังขับขาน
เคียงคนยากตราก- ต่ำ- เป็นตำนาน
ยังสะท้านถึงถิ่นผู้ยินยล

หากสันติผลิพันให้มั่นหมาย
หมื่นประกายก้าวรวมจะท่วมท้น
แสนจะสู้สู่ชัยหัวใจคน
ล้านจะล้นลุกเนื่องและเรืองรอง

ตราบแหล่งหล้าคลาคล่ำการย่ำยี
การกดขี่ข่มเหงบรรเลงร้อง
ธรรมทิพย์จะหยิบยื่นและคืนครอง
สู้สนองน้ำตาศรัทธาทาง

แด่วิญญาณเสรีผู้หรี่หลับ
ผู้ล่วงลับลาไกลในระหว่าง-
ยังคำนึงถึงเพื่อนไม่เลือนลาง
ยังอยู่ข้างครรลอง แห่งผองชน.

ธรรมดา
๒๐ มีนาคม ๒๕๕๕



กระทู้: " เสียงกวี "
เริ่มกระทู้โดย: Thammada ที่ 05 เม.ย. 13, 00:46
(http://t1.gstatic.com/images?q=tbn:ANd9GcQPiTLt-AVOqM0bY4GoAd3Yuj9M0lfQLm0wh4EJSRSXEfv8IihM&t=1)

" ผู้ท้าทายแสงตะวัน "

..มีหนักบ้างเบาบ้าง ทางชีวิต
ต่างถูกผิดอ่อนแอและฮึกเหิม
เสพสุขทุกข์ทั้งท้อทั้งต่อเติม
ทั้งริเริ่มและร้างกลางกมล

เช่นสายน้ำน่านหนึ่งจะพึงเผย
ย่อมต้องเลยฤดูสู้ฝึกฝน
ฝ่าโลกแล้งแสงสูรย์ซึ่งผจญ
เป็นธารทนทานท้าต่อฟ้าดิน

ห้วงแห่งมนุษย์ผุดผ่านการเวียนว่าย
อยู่เป็นตายชนะแพ้กระแสสินธุ์
เพื่อพบพ้นปนปลื้มได้ดื่มกิน
ย่อมต้องดิ้นรนล้าฝ่าคลื่นลม

จึงได้หวังว่าวันที่ฝันใฝ่
จะอยู่ใกล้นิยามเมื่อข้ามขม
เมื่อผ่านร้อนผ่านหนาวร้าวระทม
คงได้สมสร้างมาปัญญาชน

แต่ต้องตื่นจากฝันก่อนวันนี้
ทิ้งวิถีถมทับเคยสับสน
สู่เส้นทางวางใหม่ไม่วกวน
ตั้งอยู่บนความจริงจะพริ้งพราว

..มีหนักบ้างเบาบ้าง ทางชีวิต
ล้วนถูกผิดผู้สอนซึ่งร้อนหนาว
สักวันหวังวันหนึ่งถึงดวงดาว
ได้ชัยสมกับก้าวที่ยาวนาน

ธรรมดา
๓ เมษายน ๒๕๕๖




กระทู้: " เสียงกวี "
เริ่มกระทู้โดย: Thammada ที่ 19 พ.ย. 13, 19:51
(http://www.thaipoem.com/common/images/m-content-poem/112847.jpg)

"ดาวน้ำค้าง"

ก่อนฟ้ารุ่งลมหนาวดาวน้ำค้าง
คล้ายทุกอย่างเย็นยะเยียบและเงียบเหงา
แสงดาวเดือนเหมือนหม่นบนฟ้าเทา
คือความเศร้าความขมขื่นของคืนวัน

ซึ่งความงามน้ำกับฟ้าเคยปรากฏ
บัดนี้ลดแรมร้างทางคนฝัน
เหลือร่องรอยคอยคืนเคยตื้นตัน
ก็ยังสั่นซบเศร้า..เท่าธุลี

ลอยคว้างกลางโพยมห่มห้วงหนาว
ประหนึ่งร้าวโรยแรงร้างแสงสี
เหลือแต่ตัวหัวใจเหมือนไม่มี
หวั่นวิถีท้อทางจะย่างยืน

ดั่งโลกร้างวางหวั่นไว้ตรงตัก
ซึ่งชะงักเงื้อมเงามิเฝ้าฝืน
หล่นลงจมถมทับกับกล้ำกลืน
เหมือนเป็นอื่นอ้างว้างกลางเวลา

ผู้หลับใหลลืมคำเคยพร่ำพจน์
ยากกำหนดทิศทางวางค้นหา
อาจจำนนทนท้อรอระอา
เสมือนฟ้ามืดห้วงแห่งดวงจันทร์

ยิ่งลำธารแห้งหายเป็นทรายดิน
นกหลงถิ่นก็ท้อต่อความฝัน
จะเหลือหล้าฟ้าไหนในรำพัน
จึงหวาดหวั่นเหลือเกิน..นักเดินทาง

ธรรมดา


"ขอบคุณพี่shareด้วยนะครับ"



กระทู้: " เสียงกวี "
เริ่มกระทู้โดย: Thammada ที่ 02 ม.ค. 14, 10:38

(http://www.คําคม108.com/wp-content/uploads/2013/12/สวัสดีปีใหม่-2557.gif)

  อรุณฤกษ์เบิกฟ้า       ต่างอำลาแล้วปีเก่า
ก้าวย่างเส้นทางเรา      เป็นปีใหม่ละไมมาน

เทียนธรรมส่องนำทาง   ชูสล้างแลผสาน
โยงฝันพันตระการ        อุดมด้วยอำนวยชัย

อายุมั่นขวัญยืน         ยิ้มระรื่นและสดใส
พบฝันนั้นอำไพ         ซึ่งอบอุ่นด้วยบุญญาณ

เรืองโรจน์และโชติช่วง   เต็มทุกห้วงแห่งวาดหวาน
รวยล้ำสุขสำราญ         ประดับเด่นดั่งเพ็ญจันทร์

พรฟ้ามาดาลดล         ต่างเลิศล้นแล้วสีสัน
ปีใหม่มิ่งวัยวัน            ถ้วนสะท้อนแห่งพรพรหม ฯ


"สุขเสมอมั่นทุกท่านทุกคนครับ ตลอดปีตลอดไป"

.........................ธรรมดา



กระทู้: " เสียงกวี "
เริ่มกระทู้โดย: Thammada ที่ 30 มี.ค. 14, 15:56
(http://www.jadtem.com/wp-content/uploads/2012/09/sakid_love_0_out.jpg)


“ รักทั้งน้ำตา ”

ยามเมื่อโลกโศกเศร้าเหงาอ้างว้าง
อยู่ในทางเปลี่ยวเปล่าคราวสับสน
กลืนน้ำตาฝ่าฝืนยืนสู้ทน
ฟ้าก็หม่นมืดทั่วถึงหัวใจ

รักหรือ? คือฝันหนึ่งซึ่งมนุษย์
มิอาจหยุดยื้อหมายคล้ายสงสัย
ทั้งสุขเศร้าซื่อนักเมื่อรักใคร
ก็กอดไว้หวังวันอันชื่นตา

โลกใบหนึ่งในมือที่ถืออยู่
รักจึงรู้ลดล้นบนคุณค่า
ต่อเมื่อเหลือคำถามในน้ำตา
ความห่วงหาลิบหรี่ไม่มีกัน

ไม่เหลือรอยคอยอยู่ในรู้สึก
และสำนึกไม่งามตามความฝัน
ถึงทางแยกแหลกลับไปกับวัน
จึ่งมืดนั้นหนักใน หัวใจคน

ดั่งเดินทางกลาง-เลลมเห่หวน
เคียงขบวนบ่าคลื่นในคืนหม่น
พายุเย้ยผืนน้ำก็ลามลน
อาจร่วงหล่นหรือฟื้นขึ้นยืนเย็น

หยั่งทิศทางห่างเหินก็เกินกล่าว
เหมือนเร่งร้าวรองยืนความขื่นเข็ญ
ชะตาหนอรอฟื้นดั่งคืนเพ็ญ
กลับได้เห็นหัวใจ ใกล้ดับลง

"แรงบันดาลใจจากหญิงสาว..ซึ่งรวดร้าวและกังวล
เธอผู้หลอมรวมเสรีภาพและความรักไว้ในห้วงแห่งความหวาดระแวง ด้วยความงามของเธอเอง"

ธรรมดา



กระทู้: " เสียงกวี "
เริ่มกระทู้โดย: Thammada ที่ 04 มิ.ย. 14, 13:37
(http://2.bp.blogspot.com/-pEKyVRzZadU/TxEUsICip2I/AAAAAAAAEhQ/PG6dVWA2xoM/s400/DSCF1435.JPG)

"บริบทเริ่มต้นของคนกล้า"


นั่น!แนวฟ้ากว่ากว้างดูคว้างเคว้ง
กล่อมวังเวงหว่านโศกราวโลกหลับ
ถมทางเปลี่ยวเดียวดายคนพ่ายพับ
เหมือนเดือนดับดาวดำแล้ว..ค่ำใคร

ลมแล้งแห้งแผ่นผืนผู้ยืนเหม่อ
รอแล้วเก้อกี่ครั้งภวังค์ไหว
เศร้าสั่งฟ้าฝากหาวกับดาวไกล
เธออยู่ใหนน้ำฟ้า..น้ำตาคน

ร่วงลงดินถิ่นเก่ากับเงามืด
ยามฟ้าฝืดฝั่งคอยเหมือนรอยหม่น
จะยิ้มหยอกหมอกมั่วหรือตัวตน
แล้วรอฝนฝากคำมาย้ำยิน-

เย็นอยู่หรือดื่มด่ำอันฉ่ำชื่น
หากเติมตื่นตามแนวแววถวิล
ชูชีวิตทิศทาง -หว่างฟ้าดิน
สะท้อนถิ่นทำนองรองอรุณ
.....
บริบทเริ่มต้นของคนกล้า
กาลเวลาล่วงเลยความเคยคุ้น
จวนตะวันคล้อยบ่ายบอกนายทุน
ไม่อบอุ่นอีกแล้วในแนวเมือง

จะกลับบ้านสานฝันอย่างวันเก่า
เรียนลำเนาน้ำป่าแลฟ้าเฟื่อง
สร้างชีวิตคิดค้นบนลานเรือง
กับช่อเอื้องอุ่นอวลแห่งมวลมิตร

"ขอบคุณที่ร่วมแจมนะครับ พี่Share"

ธรรมดา



กระทู้: " เสียงกวี "
เริ่มกระทู้โดย: Thammada ที่ 06 มิ.ย. 14, 23:44

มิตรแท้เทียมฟ้าเช่นฟ้าว่าดาวคู่
หาร้างอยู่อย่างใดขาดใดเหมือน
ฟ้ามีดาวพราวภาพอาบแสงเดือน
มิคล้อยเคลื่อนเช่นมิตรอยู่ชิดใจ

"ขอบคุณที่ช่วยตรวจแก้ไขให้ครับ พี่Share
ง่ายๆก็พลาดได้เหมือนกันครับ น่าจะตาลายล่ะกระมัง"

ธรรมดา



กระทู้: " เสียงกวี "
เริ่มกระทู้โดย: Thammada ที่ 07 มิ.ย. 14, 13:40
(http://www.thaieditorial.com/wp-content/uploads/2013/03/%E0%B8%99%E0%B9%89%E0%B8%B3%E0%B8%95%E0%B8%81%E0%B9%81%E0%B8%A1%E0%B9%88%E0%B8%A2%E0%B8%B0.jpg)

อักษรรำพึง.....

๐ ผู้อุทิศวิญญาณผ่านอักษร
ย่อมสะท้อนสุขโศกบนโลกหล้า
เห็นรอยยิ้มพริ้มใสในน้ำตา
โน้มแผ่นฟ้าเฟื่องฟูลงสู่ดิน

๐ เห็นทุ่งโล่งรำไรที่ไร้-แล้ง
ยังฝังแฝงพฤกษ์พันธุ์นั้นไม่สิ้น
เห็นหัวใจไหวหวานทะยานยิน
แล้วดับดิ้นด้วยพิษอวิชชา

๐ สรรพสิ่งนิ่งนับกับวิโยค
ประหนึ่งโศกสิงสิ้นแสวงหา
สูญสู่ว่างวิวัฒน์สูญศรัทธา
ไม่เหลือกล้าเหลือก้าวเก็บดาวเดือน

๐ นั่น! แผ่นผืนคืนหม่นของคนยาก
ผู้หลายหลากร่ำร้างกลางแดนเถื่อน
ซึ่งชะตาตกต่ำคอยย้ำเยือน
ให้อยู่เหมือนมอดไหม้ในชีวิต

๐ เห็นไหมใจกวีวรรณศิลป์
ผู้ไม่สิ้นศรัทธาประกาศิต
จะโบกโบยโดยเสรีและความคิด
เพื่อนิมิตมรรคาประชาชน

๐ เก็บกำคำร้อยล้านแล้วสานสร้าง
ปั้นเป็นทางเป็นไทให้เหตุผล
ให้ความหวานความหวังกำลังคน
แม้ท่วมท้นทุกข์ยากจากความจริง

๐ ผู้อุทิศวิญญาณผ่านอักษร
เธอรู้ร้อนรู้หนาวในทุกสิ่ง
รู้โลกรู้วางโดยหลักการพักพิง
เธอไม่ทิ้งสัมมาเมตตาธรรม.

ธรรมดา
๗ มิถุนายน ๒๕๕๗



กระทู้: " เสียงกวี "
เริ่มกระทู้โดย: Thammada ที่ 14 มิ.ย. 14, 21:50
(https://m.ak.fbcdn.net/sphotos-e.ak/hphotos-ak-xap1/t1.0-9/10374927_1523586631195782_9069783264614056470_n.jpg)
http://www.youtube.com/watch?v=hC2v8ma1CvM&feature=player_detailpage#t=3 (http://www.youtube.com/watch?v=hC2v8ma1CvM&feature=player_detailpage#t=3)

"ขอบคุณทุกๆท่านจากใจจริงนะครับ ที่กรุณาเข้ามาอ่าน"

ธรรมดา



กระทู้: " เสียงกวี "
เริ่มกระทู้โดย: Thammada ที่ 24 มิ.ย. 14, 22:05
(http://www.chiangmai-mail.com/314/pictures/f1-vang-vieng-1.jpg)

ต้นสาย-ปลายทาง

๐ ครั้งหนึ่งเคยหลงทางกลางท้องทุ่ง
หลงฟ้ารุ้งเรืองลออทอถัก
ป่าเขาเขียวเทียวธารผ่านพำนัก
ซึ่งฟูมฟักจิตใจและไมตรี

๐ คือความงามตามบทคนบ้านป่า
ดินน้ำฟ้าเกลียวกลมสมศักดิ์ศรี
ต่างผูกพันกันก่อเพียงพอดี
ตามวิถีเวิ้งว้างห่างเมืองกรุง

๐ เมื่อสมมุติฉุดฉันในวันหนึ่ง
ทิ้งทางซึ่งสันโดษจะโรจน์รุ่ง
กล่อมการไปจากป่ามาปรับปรุง
จำต้องมุ่งมั่งมีดีกว่าเดิม

๐ คนบ้านป่ามาไกลไฟความฝัน
ด้วยวันนั้นในสำนึกซึ่งฮึกเหิม
ยิ้มละไมไม่ท้อทางต่อเติม
ทั้งริเริ่มและร้างกลางเมืองคน

๐ ล้มลุกหลายเส้นทางระหว่างหวัง
และกำลังเริ่มล้าเหมือนฟ้าหม่น
มองความหมายหลายด้านการดิ้นรน
เริ่มสับสนทุกทีกับชีวิต

๐ ครั้งหนึ่งเคยหลงทางกลางเมืองใหญ่
หลงวิไลลวงตาว่ามีสิทธิ์
ความจริงทิ้งความฝันมันมืดมิด
แท้หลงผิดเพียงตนคนเดินดิน

๐ การไปถึงซึ่งฝันนั้นไม่ง่าย
เหมือนถมทรายลง'เลหรือจะบิ่น
เมืองยิ่งใหญ่ยิ่งไร้น้ำใจริน
เหมือนมลทินท้องฟ้าที่พร่ามัว

๐ เยื่อใยใจมนุษย์ชำรุดหลับ
เมื่ออยู่กับหน้ากากซากสลัว
จึงถอดทิ้งทางไทแก่ใจตัว
สำนึกทั่วถึงถิ่นดินน้ำฟ้า

๐ คิดถึงบ้านผ่านภาพความอบอุ่น
ตักเคยคุ้นคำใจในห่วงหา
หนักหน่วงช่วงไหนหนอในน้ำตา
ลูกแม่จ๋าถึงท้อแต่พอเพียง

๐ คำอาทรก่อนการก้าวกลับหลัง
หากกล้ำกลืนคืนฝั่งมาฟังเสียง
เพลงสายลมโลมร่ำใส่สำเนียง
จะจำเรียงขวัญขื่นให้ชื่นบาน

๐ ตะวันเคลื่อนคล้อยบ่ายบนฟ้ากว้าง
ความเวิ้งว้างวาดวันอันอ่อนหวาน
แมกไม้ สายน้ำใสละไมมาน
ซึ่งกล่อมการกลับป่ามาเตือนตน

๐ อ้อมกอดแห่งขุนเขาเข้าโอบอุ้ม
มากมิตรรุมล้อมเรียงเสียงสับสน
สาระสุขทุกข์เข็ญความเป็นคน
เพื่อจะพ้นพบไทใจดวงนี้

:: จากบันทึก ต้นสาย-ปลายทาง(เขื่อนน้ำงึม2 ถึง ฮิโรชิมา)

ธรรมดา
๒๓ มิถุนายน ๒๕๕๗



กระทู้: " เสียงกวี "
เริ่มกระทู้โดย: Thammada ที่ 02 ก.ค. 14, 17:41
(https://m.ak.fbcdn.net/sphotos-g.ak/hphotos-ak-xap1/t1.0-9/10513489_1529379620616483_2211953248133758492_n.jpg)

                 -«{ความฝันของต้นไม้}»-

ฟ้าครึ้มฝนหล่นร่วง         ดั่งสรวงทราบอัชฌาสัย
หล้าแล้งรับกับไฟ            ก็พลันฟื้นระรื่นรมย์

พฤกษาสิกล้าแย้ม            ผลิใบแต้มตามปฐม
ชูช่อก่อก้านกลม              เสนอหนึ่งจะพึงพราว

แรกรุ่นละมุนหมาย         ก็ท้าทายถึงห้องหาว
ต่อยอดกอดดวงดาว        หาเพียงพรั่นประหวั่นใด

ระยะประคองต้น             แม้จะหม่นจะหมองไหม
แตกช่อล้อลมไกว            ยิ้มรับหล้าและตาวัน

เฉิดฉายปลายพุ่งโพ้น      สูงจากโคนคว้าความฝัน
ผ่านเพียรผ่านภัยพัน        เพื่อจะพ้นเป็นต้นตรง

ยอดเหยียดสูงเสียดฟ้า      รากอยู่หล้าลืมหรือหลง
รำลึกเถิดพฤกษ์พงศ์         เพื่อโอบเอื้อเพื่อมวลชน

จรรโลงโลกรุ่มร้อน         เขียวขจรขจัดหม่น
พันธะธุระตน                   เป็นปอดให้หัวใจงาม

                               ธรรมดา



กระทู้: " เสียงกวี "
เริ่มกระทู้โดย: Thammada ที่ 02 ก.ค. 14, 17:45
(http://board.postjung.com/data/491/491036-topic-ix-4.jpg)

แด่เพื่อนคนเดินทาง

จงปล่อยวางหัวใจให้อ่อนนุ่ม
ลืมเรื่องกลุ้มสับสนแต่หนหลัง
ลืมความโกรธความเครียดความเกลียดชัง
เติมพลังความสุขคลายทุกข์ตรม

ฟังใบไม้ร้องเพลงบรรเลงแว่ว
เสียงพ้อแผ่วพลิ้วผ่านสานผสม
ดูผีเสื้อเริงร่ายล้อสายลม
ที่พร่างพรมพัดพรูอยู่ล้อมกาย

มองดูสิ่งรอบข้างอย่างสร้างสรรค์
ทุกคืนวันอย่ามัวกลัวจะสาย
สารพันปัญหาที่ท้าทาย
ค่อยคลี่คลายเป็นข้ออย่าท้อใจ

มาเถอะเพื่อนร่วมฝันวรรณศิลป์
มาร้อยรินมธุรสแสนสดใส
โลกมิร้างสว่างทั่วกลัวไปใย
สิ่งแปลกใหม่รอเราเฝ้าติดตาม

หมั่นทำใจให้พิสุทธิ์ทุกจุดเกิด
มิเลอเลิศก็ไม่ให้ใครหยาม
คนจะดีนั้นไซร้ใช่รูปงาม
ใครจะทรามช่างเขาเราอย่ามอง

จงปล่อยวางหัวใจให้อ่อนนุ่ม
ทิ้งความกลุ้มความเหงาความเศร้าหมอง
โลกของเรายังมีฟ้าสีทอง
ที่เรืองรองวับวาวยามก้าวเดิน

โดย..นก สุวิมล / ชมรมนักกลอนอักษรสยาม



กระทู้: " เสียงกวี "
เริ่มกระทู้โดย: Thammada ที่ 08 ก.ค. 14, 16:33
(https://m.ak.fbcdn.net/sphotos-h.ak/hphotos-ak-xpa1/t1.0-9/10516608_1532105390343906_5368186686393866283_n.jpg)

ชมป่าก็หน้าชื่น                ตะเคียนตื่นมาสุงสิง 
งามง้อลอออิง                   สยองแท้บ่แคร์ใคร

ค่ำคืนสะอื้นอ้าง               ประมาณร้าง ฤๅไฉน
ครวญคร่ำพิร่ำไร              เทวษแล้วสิแจวจร

อยู่ป่าประดามี                  ทั้งทุกข์-ศรีสโมสร
ชุ่มฉ่ำใสอัมพร                 อาจเคว้งคว้างแค่บางวัน

บ้านพักพร้อมสวนสวย    อุดมด้วยได้ดังสรร
ดอกไม้มากสายพันธ์        จำปาแดงแสลงใจ

ชบาระย้าแย้ม                   ยี่สุ่นแซมช่อไสว
ดอกแก้วอยู่แนวใน           กระดังงาสง่างาม

กล้วยไม้สายน้ำผึ้ง           โสนหนึ่งเหลืองอร่าม
บานชื่นระรื่นคราม           มณฑาเหลืองและเอื้องคำ

สวนฉันเช่นฉะนี้              ก็ยินดีได้ชื่นฉ่ำ
มิหม่นเมื่อฝนพรำ            ฤดูร้อนสิอ่อนใจ 

("สวนฉัน" เขียนการบ้านให้หลานครับ)
"ขอบคุณพี่Shareที่ร่วมแจมด้วยนะครับ"

                           ธรรมดา



กระทู้: " เสียงกวี "
เริ่มกระทู้โดย: Thammada ที่ 17 ก.ค. 14, 09:30
(https://m.ak.fbcdn.net/sphotos-a.ak/hphotos-ak-xpf1/v/t1.0-9/10486018_1535143450040100_7553147864683867073_n.jpg?oh=836e1b8de531b48b03cd4b230615584d&oe=54412D0F&__gda__=1415039280_cc3fa0b993d05d3efdf91b85a6d6f9ae)

เขียนฟ้าฝาก“รัก”

หากเวลาเลือนรางกับบางสิ่ง
และละทิ้งบางอย่างให้ห่างหาย
บางอย่างยังแทนค่าที่ท้าทาย
คงความหมายหรือไม่หัวใจเรา

อาจอื่นใดไกลห่างระหว่างฟ้า
พสุธาถมทับดับขุนเขา
แม้โลกมืดฝืดฝันวันสีเทา
ทะเลเศร้าโศกซับกับคลื่นครวญ

เดือนไม่เด่นดับดาวลับราวฟ้า
กรรณิกาสูญสิ้นกลิ่นหอมหวล
ลมเหมือนไม่เคลื่อนไหวในทั้งมวล
และโลกล้วนซับสูญอาดูรใด

ว่าถวิลรินรับกับห้วงหาญ
เช่นวันวานวาดฝันร่วมกันใฝ่
เคียงคำนึงซึ้งซาบอาบหัวใจ
สองเราให้ห่วงหาและอาทร

คือ“รัก”ที่ถักทางข้างความฝัน
อาบอุ่นละมุนมั่นเช่นวันก่อน
ท่ามฟ้าไกลใฝ่ฝากจากคนจร
อยู่เย็นร้อนร้ายดียังมีเรา

เขียนคำตอบมอบมาเมื่อว้าวุ่น
หวังแทนทุนทั้งปวงใจดวงเก่า
ผ่านภาพเพียงกมลบนฟ้าเทา
แม้ยามเหงางามชื่นกับคืนวัน

เติมใจใส่ฟ้าสวยด้วยคิดถึง
ฟังซิ เสียงรำพึงเพียงหนึ่งนั้น
กระซิบสู่สายลมห่มให้กัน
ฟังซิ มิไหวหวั่นคำสัญญา

เช่นฟ้ามีหมู่ดาวคราวค่ำคืน
คอยหยิบยื่นนิยามที่ถามหา
สานรู้สึกลึกแล้วล่ะแก้วตา
เขียนคำรักคงค่าบนฟ้าไกล

ธรรมดา



กระทู้: " เสียงกวี "
เริ่มกระทู้โดย: Thammada ที่ 03 ต.ค. 14, 16:47
(https://m.ak.fbcdn.net/sphotos-b.ak/hphotos-ak-xfa1/v/t1.0-9/1006104_1568403793380732_662818230487577120_n.jpg?oh=47560510e66d42c73db31ea10c385b30&oe=54C39575&__gda__=1422399781_ccae3e326aa910714db245221950fbd9)

ค่ำลงแล้วแนววนาคล้ายว่าโศก
ประหนึ่งโลกหลับใหลไกลแดนสรวง
เหมือนเลียบร้างข้างแคร่หนอแดดวง
ผู้ห่มห้วงหดหู่อยู่ลำพัง

ผสมลมร่ายเคว้งบทเพลงเศร้า
อาจฟ้าเทาธารหม่นคนวาดหวัง
ในห้วงลึกหลบเร้นเช่นใบบัง
กับอีกฝั่งฟ้าแล้งจากแสงดาว

คีตกาลผ่านพลิ้วละลิ่วเลื่อน
แว่วมาเตือนใจตื่นฟื้นห้วงหาว
แห่งฟ้าค่ำคืนฝันอันยืดยาว
จะไม่หนาวเดียวดายในสายลม

ตรงนี้..ที่ขับขานนิทานป่า
กล่อมโลกหล้าลำเค็ญเป็นห้วงห่ม
อาจรอนร้าวคราวใครในระทม
ยามขื่นขมเคียงข้างไม่ห่างกัน
..
จะคอยคนคุ้นเคยเอ่ยคำหวาน
เล่านิทานท้องฟ้าเมื่อคราฝัน
จะมีไหมในซีกส่วนครวญรำพัน
คิดถึงฉันสักน้อยที่คอยเธอ

"ขอบคุณพี่Shareที่ร่วมแจมครับ"

ธรรมดา



กระทู้: " เสียงกวี "
เริ่มกระทู้โดย: Thammada ที่ 20 ต.ค. 14, 20:07
(http://www.bloggang.com/data/porranat/picture/1232471837.jpg)

จันทร์เจ้าฉายโชติดวงในห้วงหาว
หรือจะร้าวลงดินถิ่นกำสรวล
คงแค่ฉันเศร้าซึ้งถึงแต่นวล
ที่หลากล้วนลุ่มหลงความทรงจำ

เมื่อดึกดื่นฝืนเฝ้าเงาน้ำค้าง
แรกระหว่างดินน้ำฟ้ามาถลำ
เพลงใบไม้เหมือนทายท้าชะตากรรม
ซึ่งอาจนำน้ำตามาเป็นไฟ

ลมพัดผ่านเพียงแผ่วเบาเท่านั้น
สัมผัสดาวดวงจันทร์จนหวั่นไหว
อีกหน่อยคงรำพึงคิดถึงใคร
อยากอยู่ใกล้เหลือเกินเดินลำพัง

นกหลงทางหลงถิ่นบินหลงฟ้า
รอถลาลงดินมันสิ้นหวัง
จะโอบเธอที่รักหนักใจจัง
ปีกฉันรั้งอนาคตไม่งดงาม

ความเป็นจริงทิ้งเราเท่าที่รู้
จึงต่างคนต่างอยู่คู่คำถาม
ฉันเรือน้อยลอยเร่ทะเลคราม
ฤๅ หาญข้ามฝั่งฟ้ามายาใจ

ธรรมดา



กระทู้: " เสียงกวี "
เริ่มกระทู้โดย: Thammada ที่ 02 พ.ย. 14, 07:23

"โวหารที่กวีนิยมใช้"

อุปลักษณ์ (metaphor) เป็นการเปรียบเทียบ โดยเปรียบสิ่งหนึ่งเป็นอีกสิ่งหนึ่ง
คำที่ใช้เปรียบได้แก่ เป็น คือ เท่า เรียกให้เข้าใจง่ายว่า “การเทียบเป็น”

อุปมา (simile) เป็นการกล่าวเปรียบเทียบ โดยใช้คำเปรียบประเภท เหมือน คล้าย ดุจ ดัง ดุจดัง ประหนึ่ง พ่าง เพียง กล เฉก ราวกับ ฯลฯ
อุปมานี้มีชื่อเรียกให้เข้าใจง่ายว่า “การเปรียบเหมือน”

อธิพจน์ (hyperbole) คือการพูดเกินความจริง

ปฏิภาคพจน์ (paradox) คือการใช้ถ้อยคำที่มีความหมายขัดแย้งกัน

ปฏิรูปพจน์ (allusion) คือการกล่าวอ้างอิงสิ่งอื่น

ปฏิปุจฉา (rhetorical question) คือการใช้คำถามโดยไม่ต้องการคำตอบ

นามนัย (metonymy) คือการเอ่ยถึงสิ่งหนึ่ง แต่ให้มีความหมายเป็นอย่างอื่น

บุคคลาธิษฐาน (personifreation) คือการให้สิ่งที่ไม่มีชีวิต แสดงพฤติกรรเหมือนสิ่งมีชีวิต หรือให้อมนุษย์แสดงพฤติกรรมเหมือนมนุษย์



กระทู้: " เสียงกวี "
เริ่มกระทู้โดย: Thammada ที่ 02 พ.ย. 14, 07:35
(https://encrypted-tbn3.gstatic.com/images?q=tbn:ANd9GcT69YTBzEJsCCL3iAM85Yt_3UbL8STxtXHF2n-jfyE22IMUfznS8Q)
......คำมั่นสัญญา......

คงเพราะตาห่วงยายจะตายจาก
จึงออกปากบอกยายก่อนกายสิ้น
ตารักยายยิ่งกว่าเหนือฟ้าดิน
ทั้งชีวินสิ้นยายพร้อมตายตาม

ไร้เสียงตอบจากยายดูคล้ายหลับ
ร่างพลิกกลับอ้อแอ้เหมือนแกถาม
ตายืนยิ้มใกล้ใกล้จับใจความ
ภาพงดงามครั้งก่อนได้ย้อนมา..

ภาพหญิงสาวสบตาในคราแรก
ความรักแทรกกลางทรวงจนห่วงหา
บอกกับใจวันนั้นขอสัญญา
จะวิวาห์ร่วมเรียงแค่เพียงเธอ

ทำทุกอย่างเพื่อให้เธอได้คิด
ใช้ชีวิตวาดหวังดังเสนอ
ถึงลำบากยินยอมจะพร้อมเจอ
เปลี่ยนคำเพ้อที่เห็นให้เป็นจริง

แล้วทุกสิ่งสมหวังเหมือนดังหมาย
ความรักฉายแสงทองน่ามองยิ่ง
ใจสองใจรวมหนึ่งการพึ่งพิง
แล้วสรรพสิ่งเปลี่ยนผันสู่บั้นปลาย..

เมื่อยายเป็นอัมพาตไม่อาจฟื้น
ตายังยืนอยู่ข้างไม่ห่างหาย
คำสัญญาที่ให้หากไม่ตาย
จะใช้กายที่เหลือเพื่อดูแล

จะกี่ปีกี่วันจะฟันฝ่า
ถ้ายังกล้าพร้อมอยู่เป็นคู่แท้
จะเคียงข้างคู่กันไม่ผันแปร
จะแน่วแน่ยึดมั่น..คำสัญญา..

มองภาพตาเห็นยายต้องตายจาก
น้ำตาพรากเอ่อล้นอยู่บนหน้า
ไหลผ่านแก้มตอบตอบจากขอบตา
ชายชราทรุดร่างที่ข้างเตียง.

ประพันธ์โดย...ท่าน.ไร้อันดับ



กระทู้: " เสียงกวี "
เริ่มกระทู้โดย: Thammada ที่ 06 พ.ย. 14, 16:07
(http://1.bp.blogspot.com/-Yh0Nnwg89ho/UgsA7CL2HrI/AAAAAAAAB6c/91a8Ig-LRTo/s1600/400-lpa140112.2.jpg)

หากเป็นทุกข์ลุกลามตามกระแส
ล้วนเกิดแก่เจ็บตายคล้ายเป็นหนี้
แห่งวัฏฏะสะสมกรรมทำดี
ย่อมเป็นศรีสร้างหลักเพื่อพักพิง

เกิด.ก้าวใฝ่ไม่แพ้พยายาม
ไม่คิดข้ามขอบคนจนจมดิ่ง
ดีใดใฝ่เรียนรู้คู่คนจริง
ทางไม่ทิ้งสัมมาเมตตาธรรม

แก่.เก่าเงาปัญญาว่าเปรื่องปราชญ์
เรืองอำนาจในคุณบุญเบิกค้ำ
ค่ามีศรีส่งสู่คือผู้นำ
จึ่งเลิศล้ำเรืองรองท่ามผองชน

เจ็บ.จมล้มป่วยเป็นเส้นชีวิต
น้อมในจิตจ้องมองยามหมองหม่น
สว่างวาดอาจหนุนในคุณตน
แม้ท่วมท้นเวทนาสง่างาม

ตาย.ตกตามวัฏฏะไม่ละเว้น
จะร้อนเย็นอย่างไรใครขืนข้าม
สำคัญหมายไม่มีที่รูป-นาม
คือคำถามท่ามทุกข์ปลุกคนเป็น

"ขอบคุณพี่Share ที่ร่วมแบ่งปันด้วยนะครับ"

ธรรมดา



กระทู้: " เสียงกวี "
เริ่มกระทู้โดย: Thammada ที่ 18 พ.ย. 14, 10:27
(https://scontent-a-sin.xx.fbcdn.net/hphotos-xpa1/v/t1.0-9/10393951_1586024171618694_770510485325361914_n.jpg?oh=80227735a335f245601d458e2dc2a640&oe=5510F623)

“ขอบคุณความอ่อนแอ”

สุขก็ยิ้ม.ทุกข์ก็ยังยิ้มสู้
อาจเรารู้ร้อนเย็นเปลี่ยนเป็นศรี
เพื่อพิสูจน์เส้นทางวางคนดี
ได้สักขีครรลองของชีวิต

ขอบคุณโลกรำบายซึ่งลายเส้น
ให้เราเห็นตัวตนคนมีสิทธิ์
ยามเคว้งคว้างร้างไร้ไม่รู้ทิศ
กลับเห็นจิตใจแจ้งสู่แสงทอง

ขอบคุณความอ่อนแอแค่ครั้งหนึ่ง
จะกล้าถึงทางไกลกับภัยผอง
หากทุกข์เข็ญเช่นเชื้อให้เรื่อรอง
ย่อมปลุกปองเป็นไฟในดวงตา

เพื่อไพบูลย์บนทางที่ย่างก้าว
ผ่านเจ็บปวดรวดร้าวแสวงหา
เก็บกำลังฝังแฝงแรงศรัทธา
กล่อมกมลคนกล้าขึ้นมายืน

บนโลกโชคชะตาตนประดับ
จึงรู้รับรู้จักให้หัวใจตื่น
ว่าความหวังรังรองของวันคืน
จะกลับฟื้นสดใสในดวงมาน

ให้เห็นสีชีวิตด้วยสิทธิ์สู้
สัมผัสรู้ละไมในความหวาน
ยังแต้มตื่นรื่นรับกับห้วงกาล
เพื่อผสานศรัทธาเป็นอาจิณ

ธรรมดา



กระทู้: " เสียงกวี "
เริ่มกระทู้โดย: Thammada ที่ 03 ธ.ค. 14, 18:31

(http://upic.me/i/h0/vbyb9.jpg)

พระทรงพลมิ่งฟ้า    ธรณิน
 สมดั่งพระภูมินทร์    มิ่งแก้ว
         ทรงธรรมเที่ยงอมรินทร์    รวมเหล่า ราษฎร์เฮย
          สยามยิ่งเย็นเพริศแพร้ว    พรั่งพร้อมพรถวาย ๚ะ
         
     หทัยกายพ่อไซร้    ทรงสราญ
    เขษมยิ่งยืนนาน    เนื่องน้อม
พรเทพทั่วประทาน    เทิดพ่อ
        พระเกียรติพระคุณพร้อม    ปกเกล้ากรุงสยาม ๚ะ
     
        ขอพระองค์ทรงพระเจริญยิ่งยืนนาน
        ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อม ขอเดชะ

        ธรรมดา
         (ธนปกรณ์ แก้วชินศรี)



กระทู้: " เสียงกวี "
เริ่มกระทู้โดย: Thammada ที่ 26 ธ.ค. 14, 17:19
(http://upic.me/i/le/heart-4.jpg)

รัก“ร้อน”ซ่อนเงื่อนไข   ก่อกองไฟเฝ้าถลำ
ชื่นชอบสิ่งครอบงำ        ระเริงหลงดงมารยา

รัก“เย็น”ลำเค็ญคู่           ซึ้งใจสู่เสน่หา
หนักเบาเท่าพึ่งพา          เคียงข้างนั้นตราบวันวาย

รัก“เป็น”เช่นใดหนอ     รู้จักพอประมาณหมาย
แยกส่วนซึ่งใจ-กาย        รู้เห็นเหตุแห่งเลศลวง

รักนั้นสำคัญไหม           ย่อมลงใจผู้ผ่านห้วง
แท้เทียมธรรมทั้งปวง    ล้วนธาตุทุกข์ที่ปลุกคน

_____________ธรรมดา



กระทู้: " เสียงกวี "
เริ่มกระทู้โดย: Thammada ที่ 29 พ.ค. 15, 16:39

(http://www.thaipoem.com/common/images/m-content-poem/82921.jpg)

ชีพหนึ่งถึงถมสิ้นกลิ่นความกล้า
ต่อชะตาอื่นอาจหรือขาดเขิน
รอยเท้าก้าวต่อก้าวคราวดำเนิน
อาจคนเดินหมื่นมั่นเหมือนวันวาน

คงไม่แล้งรำไรให้ถามถึง
ผู้จะซึ้งศรัทธาปาฏิหาริย์
แห่งสวนศิลป์รินรมย์อุดมการณ์
ที่จะหว่านวาดไว้ในเมืองคน

ตราบที่ทุกข์ถมทางอยู่อย่างนั้น
ฟ้าก็กั้นทางเทียวเรียวรุ้งหม่น
โลกจะรู้ผู้กล้าปัญญาชน
ผู้จะค้นคุณค่ามาอ้างอิง

ซึ่งประดับด้าวแดนแสนพิสุทธิ์
จึงมนุษย์น้อมนำธรรมที่ยิ่ง
เป็นหลักใจให้เห็นตามเป็นจริง
เห็นทุกสิ่งล้วนลับกับคืนวัน

แม้ชีพหนึ่งถึงสิ้นกลิ่นคนกล้า
ชีพชาวนาหรือจะดับลงกับฝัน
ฟ้าจะฟื้นคืนฝนหล่นโรมรัน
ให้สีสันคืนคนที่ทนทุกข์

"ห่างหายไปบ้างครับ เป็นช่วงๆ..ขอบคุณทุกๆท่านที่กรุณาเข้ามาอ่านด้วยนะครับ"

ธรรมดา



กระทู้: " เสียงกวี "
เริ่มกระทู้โดย: Thammada ที่ 04 ธ.ค. 15, 17:33
(http://upic.me/i/k0/12925561.jpg)
(http://1.bp.blogspot.com/-3XDQ-PR6TwM/UI33JYUkMCI/AAAAAAAAq3c/V8SZDz8RRBc/s1600/1pzeiargyqn.gif)
พระผู้ทรงเมตตาประชาราษฎร์
ฝ่าพระบาททรงซับดับทุกข์เข็ญ
รวมไทยให้สุขสมให้ร่มเย็น
พระผู้เห็นน้ำตาประชาชน

มหากรุณานั้น..ยิ่งใหญ่
น้ำพระทัยถ้วนถึงประหนึ่งฝน
ชโลมหล้าลงใจไทยทุกคน
ได้ยินยลซ้องสู่พระภูมี

ขอพรพรหมห่มห้วงเกษมศานต์
สุขสราญล้อมองค์พระทรงศรี
พระชนม์ยิ่งมิ่งฟ้าทั้งธาตรี
สถิตที่กลางใจไทยนิรันดร์

ขอพระองค์ทรงพระเจริญยิ่งยืนนาน
ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อม ขอเดชะ

ธรรมดา
(http://1.bp.blogspot.com/-3XDQ-PR6TwM/UI33JYUkMCI/AAAAAAAAq3c/V8SZDz8RRBc/s1600/1pzeiargyqn.gif)


กระทู้: " เสียงกวี "
เริ่มกระทู้โดย: Thammada ที่ 19 ธ.ค. 15, 10:07
(http://upic.me/i/wh/lg9-3.jpg)

เมื่อจากป่ามาเมืองอันเรืองรุ่ง
ต่างปรับปรุงกิ่งก้านผ่านสีแสง
ผลิดอกใบให้ค่าราคาแพง
เพื่อแสดงต่อตาผู้มาชม

เจ้าจึงงามตามแต่งเพื่อแข่งขัน
ให้สีสันกลบกลืนความขื่นขม
เคยคอยไหมวันหนึ่งซึ่งสายลม
พัดมาห่มให้ฟื้นคืนลำเนา

โอ้.ดอกไม้สายพันธุ์อันวิจิตร
ฝากชีวิตตนไว้กับใครเขา
จึงลืมถิ่นลืมทางต่างฟ้าเทา
ลืมบ้านเก่าบ้านเกิดที่เชิดชู

เสียงสะท้อนจากขุนเขาลำเนาหนึ่ง
ว่าซาบซึ้งเพลงไพรไผ่ลมลู่
ผ่านฟ้าดาวเดือนฉายแสงพรายพรู
" เพื่อต้องอยู่อย่างไรใจเสรี "

ธรรมดา



กระทู้: " เสียงกวี "
เริ่มกระทู้โดย: Thammada ที่ 21 ธ.ค. 15, 21:23
(http://image.dek-d.com/21/1152155/100147978)

หากความเงียบเลียบร้างอย่างคืนนี้
จะพอมีเส้นเสียงให้เรียงร้อย
ร่ายลำนำคำหวานผ่านดงดอย
ได้สักน้อยหนึ่งในใจคนจร

จะปลอบขวัญคนไกลใครคนนั้น
เปลี่ยนเมฆปั้นดาวเดือนให้เหมือนหมอน
พักภิรมย์ห่มฟ้าที่อาทร
ให้ทุกข์ร้อนเลยล่วงดวงกมล

หลับลงผ่าน.ลานร้าวอันหนาวเหน็บ
จาก.เคยเจ็บจมใจในสับสน
เห็นฝั่งฝันวันพรุ่งผดุงดล
เก็บดอกผลพฤกษ์พร่างกลางดงดาว

หากความงามของคืนที่ตื่นอยู่
จะรับรู้ซึ่งทรวงในห้วงหาว
ฟ้าไม่ร้างดอกฟ้ากว่าทุกคราว
ถ้าเธอก้าวเธอกล้า.กว่าทุกครั้ง

ธรรมดา



กระทู้: " เสียงกวี "
เริ่มกระทู้โดย: Thammada ที่ 28 ธ.ค. 15, 20:03
(http://upic.me/i/re/tomorrow.jpg)

มิตร..

โลกหากเหลือความงามให้ถามถึง
คงเพราะซึ้งในคำพร่ำเพรียกหา
แห่งหนใดไม่ห่างไม่ร้างลา
ไม่อาจฟ้ากั้นกรงวงศ์กวี

ผู้เรียงร้อยสร้อยศิลป์จากจินต์นั้น
ต่างผูกพันในรสบทบายศรี
จึงวิญญาณหวานไหวใกล้เสรี
รื่นรับกับวิถีแห่งชีวิต

ตื่นตามองทองทาบที่อาบอิ่ม
ด้วยรอยยิ้มย้ำเยือนยังเตือนติด
ในบทบรรณเช้าซึ่งตรึงความคิด
ไม่สักนิดไม่น้อยในรอยนั้น

รอยเท้าที่ก้าวก่อนกับอ่อนหวาน
บอกทุกการก้าวไปดวงใจฝัน
เห็นฟ้าพริ้มดาวพรายรำบายจันทร์
และคืนอันมืดมนบนเส้นทาง

ที่ผ่านร้อนผ่านหนาวเป็นราวรุ้ง
พาดพยุงเยือนหล้ากับฟ้าสาง
เพื่อมวลมิตรมวลชนคนอับปาง
จะก้าวย่างยินดีมีกำลัง

สร้อยอักษรเซ่นสรวงจากดวงจิต
นิรมิตมุ่งงามและความหวัง
ดุจเชื้อแสงแรงลดการบดบัง
ให้ใจรั้งโลกฝันอันเสรี

ธรรมดา




กระทู้: " เสียงกวี "
เริ่มกระทู้โดย: Thammada ที่ 08 ม.ค. 16, 09:35
(https://sites.google.com/site/butterflykib602/_/rsrc/1314068438302/prawati-khxng-phiseux-1/55555.jpg?height=249&width=372)

.....อ่อนไหว.....

เราต่างคนต่างมาเมื่อฟ้าค่ำ
หลายเรื่องเล่าเงาดำระส่ำสี
จากจุดเริ่มลึกลึกรู้สึกดี
เมื่อต่างมีเหมือนกันวันเดียวดาย

ผ่านเพลงกล่อมกล้ำกลืนในคืนหนาว
ก่อนฟ้าดาวดวงจันทร์จะหันหาย
ห่วงแววตาว้าเหว่ทะเลทราย
และอีกหลายร้อยรสบทอาทร

ที่ต่างเฝ้าเขียนคำจากค่ำนั้น
ผ่านสีสันความเชื่อกว่าเมื่อก่อน
ลบรอยร้าวรอยโศกโลกละคร
เปลี่ยนเป็นตอนต่างซึ้งจนตรึงใจ

ภาพความงามตามเติมตอนเริ่มต้น
ฝังกมลสัญจรซึ่งอ่อนไหว
ท่ามดวงตาราตรีเคยมีใคร
เขียนคำใส่ดาวดวงร่วงพรายพรู

จากทรงจำค่ำคืนเคยชื่นชิด
ไมตรีจิตเสรียังมีอยู่
ฝากความฝันกับฟ้าถ้าเธอดู
แม้ไม่รู้จักกันจนวันนี้!

ธรรมดา



กระทู้: " เสียงกวี "
เริ่มกระทู้โดย: Thammada ที่ 09 ม.ค. 16, 18:59
(http://upic.me/i/g9/baby-birds-9.jpg)

ลูกนก...........................

หากปีกอันเสรีไม่มีสิทธิ์
แม้จะคิดแค่บินก็สิ้นศักดิ์
คงอับอายขายหน้าถ้าใครทัก
หาตระหนักเผ่าพงศ์ให้จงเจน

สืบชีวิตผิดโพ้นกระโจนจับ
ใครรู้อับอายอึ้งถึงหลานเหลน
วัยเจ้าหรือถือว่า.ก็กล้าเกณฑ์
แล้วจะเวรกรรมใดให้กริ่งกลัว

เถิดลูกรักโหยหาแต่ฟ้านั้น
เจ้าจงฝันถึงฟ้าอย่าหดหัว
ตื่นตามรอยพ่อพ้นเมื่อจนตัว
แต่นี้ทั่วท้องฟ้ากล้าเผชิญ

เจ้านกน้อยหน้าหดหมดทางเถียง
ปีกก็เหวี่ยงพับพับกับเก้อเขิน
โก่งก้านคอรอรับความยับเยิน
ก่อนหาเหินให้พบจบกระบวน

ชีวิตนกตกอับอยู่กับปีก
เจริญหลีกหรือล่มกับลมหวน
หลายบทบาทวาดฟ้าท่าทบทวน
แล้วแต่ล้วนลีลาสง่างาม

กลับมาหาลูกนกเดี๋ยวตกหล่น
เพื่อจะพ้นภาพกลัวหัวใจห่าม
เช้าเย็นย่ำคลำหาพยายาม
หวังจะข้ามคำเย้ยเคยได้ยิน

ความหดหู่อยู่ไหนจะไม่แจ้ง
แต่ด้วยแรงน้อยนิดคิดถวิล
จะใฝ่ฟ้าหาวหนไม่จนจินต์
คงไม่สิ้นสืบสานการเป็นนก

เมื่อปีกอันเสรีนั้นมีสิทธิ์
ย่อมไม่ผิดเผ่าพงศ์ดงวิหค
ให้หลงฝันหลงฟ้ามาเพ้อพก
เหมือนแนบอกอัมพรอย่างตอนนี้.

ธรรมดา



กระทู้: " เสียงกวี "
เริ่มกระทู้โดย: Thammada ที่ 12 ม.ค. 16, 08:53

ดวงจิตอันเสรีย่อมมีสิทธิ์
ปีกความคิดขานตอบมิยอบหนี
หวั่นและหวาดขลาดครั้งแน่ยังมี
ใจจักคลี่คลุมได้ไม่ยากนาน

ใต้แสงแดดแผดกร้าวอันร้าวร้อน
เธอจะร่อนเริงรับเรื่อยขับขาน
เธอจะร่ำรำร้องก้องกังวาน
เธอจะผ่านผายโบกในโลกกลม

ตราบเมื่ออยู่ใต้ฟ้าจงคว้าสิทธิ์
ขยับนิดเขยื้อนหน่อยค่อยสั่งสม
ด้วยดวงจิตทิศปรับกับสายลม
เธอจะบ่มความกล้าอันท้าทาย

จงอาบแสงแรงกล้ามาปรุงเปลี่ยน
และรู้เรียนลมว่อนมิห่อนหาย
ดุจภูษาผ้าแพรที่แผ่พราย
อากาศรายร้อนเย็นเช่นอาภรณ์

เมื่อยังอยู่ใต้ฟ้าว่ามีสิทธิ์
เธอมิผิดเผ่นโผนจะโจนร่อน
ฟ้ามอบปีกฉีกกฎทุกบทตอน
เพื่อเธอฟ้อนฟ้าเล่นดั่งเช่นนก

เหลือที่ใจใฝ่โผนยังโพ้นฟ้า
ปีกอุราเริงร่ายไม่ต่ำตก
จะร่วงหล่นหนทางอย่างช้ำฟก
ยังยงหยกหยัดกล้าในท่าทาง

เมื่อศักดิ์เธอรับรู้อยู่ที่ปีก
ยากจะหลีกความจริงทุกสิ่งอย่าง
ศักดิ์ของใจใฝ่ฝันโลกรางชาง
อย่าเว้นว่างวาดปีกฉีกกฎเกณฑ์

สักวันฟ้าอ่าเผยที่เคยฝัน
เธอจะบั่นบุกเหินข้ามเนินเด่น
อาบภูษาอาภรณ์มิซ่อนเร้น
ประดุจเช่นทวิชาติ..องอาจงาม ฯ

      - Black Sword -
      (หมู มยุรธุชบูรพา)
   


กระทู้: " เสียงกวี "
เริ่มกระทู้โดย: Thammada ที่ 12 ม.ค. 16, 08:59
(http://upic.me/i/3w/youngbirds.jpg)

จวบจนสายแสงทองมาส่องสาด
ภาพเคยวาดว่าวันอันอร่าม
ก็ปรากฏกับใจในนิยาม
อยากอยู่ท่ามท้องฟ้าที่ว่าวาว

กางปีกกว้างกับใจจึงไม่หมด
แม้รันทดเท่าทนถึงหนหาว
เติมตระหนักปักษาฟ้าสกาว
ก็ถึงคราวโบกโบยโดยเสรี

จากลูกนกตกคอนอยู่ตอนนั้น
เคยหวาดหวั่นกับวัยไร้แสงสี
เป็นนกหนุ่มกุมกล้าโดยท่าที
สู่วิถีฟ้างามตามใจตน

ท่องโลกกว้างก็แปลกเมื่อแรกรุ่น
ทำใจคุ้นคอยรับความสับสน
หลังผ่านช่วงลวงตาพาวกวน
ใกล้ค่ำจนใจล้า จะพาพัก

ตัดภาพสู่อีกวันอันอุ่นเอื้อ
สายลมเหนือพัดพรูพอรู้จัก
กางปีกป่ายปีนฟ้าลาพำนัก
ยิ้มทายทักเส้นทางข้างหน้านั้น

จะไปไหนนกหนุ่มผู้รุ่มร้อน
เหมือนไฟฟอนสุมใส่หัวใจฝัน
อาณาจักรดอกไม้บานธารพระจันทร์
เขาอยู่กันด้วยดี ไมตรีเติม

ดั่งแดนสรวงร่วงฟ้ามาให้หอม
พร่างพะยอมเย้ายวนอีกส่วนเสริม
ต่างหลายช่วงห้วงหาวและด้าวเดิม
จึงใจเพิ่มภาพฝันวันเป็นจริง

เปลี่ยนเสรีที่ใจให้เป็นปีก
กำลังอีกเอื้ออันขยันยิ่ง
เหนื่อยหนักตักเมฆเหมือนเป็นเพื่อนพิง
ขอแต่มิ่งขวัญฟ้ามาเอออวย

วิหคหนุ่มทุ่มเทเห่ฟ้าใหม่
เมื่อหัวใจเจ้าฝันถึงวันสวย
หวังว่ากล้าถลำจะอำนวย
โชคจะช่วยชูไว้ไม่อับปาง

แต่ฟ้ากว้างกว่าใจเจ้าใฝ่ถึง
ห้วงคำนึงหนักหนาเมื่อฟ้าสาง
เสรีล้าหลับหล่นบนเส้นทาง
ร่วงระหว่างเวิ้งฝันตะวันรอน

สืบชะตากล้าใหม่จึงไม่พบ
สุขสงบเงียบเย็นเช่นวันก่อน
หลงทางฟ้าฝ่าเมฆไม่อาทร
ถลาร่อนลาลับไม่กลับคืน

เหลือรอยฟ้าฝากเตือนแด่เพื่อนพ้อง
เคียงครรลองเรืองหล้าหรือฝ่าฝืน
อันอุดมใดด้าวจะยาวยืน
ที่ดาษดื่นได้ดื่มกิน เท่าถิ่นตน.

            ธรรมดา



กระทู้: " เสียงกวี "
เริ่มกระทู้โดย: Thammada ที่ 12 ม.ค. 16, 09:03

เมื่อวิหคใฝ่ฟ้ามาฝ่าฝัน
แต่ยากยันหยัดกล้าเริ่มล้าร่น
ปีกเคยแผ่ผืนกว้างกลางกมล
ก็ร่อนหล่นลงถิ่นแผ่นดินเดิม
๒.
แผ่นฟ้ากว้างกว้างใหญ่กว่าใจนก
ในอ้อมอกลมเก่าเคยเฝ้าเสริม
กลับเกรี้ยวกราดผาดผันจนสั่นเทิ้ม
ปีกเคยเหิมหุบร่วงหมุนควงลง

สายพิรุณรื่นฉ่ำเมื่อยามแรก
ก็เปลี่ยนแปลกโปรยฟาดประหลาดหลง
แดดที่อุ่นจุนเจือเอื้อใจจง
กลับแสงส่งปรุปีกแทบฉีกพัง

เมื่อหัวใจไปไม่ถึงแม้ครึ่งฟ้า
ความอ่อนล้าริดรอนบั่นทอนหวัง
เหลียวหาขวัญฝันฟ้ามาประทัง
เพื่อจะรั้งโลมใจกลับไม่เจอ

ปีกเสรีที่ฝันเคยมั่นหมาย
เพียงนิยายยามจิตหลงคิดเผลอ
แต่ปีกปรุผุพ่ายใช่ละเมอ
อาภรณ์เพ้อปรากฏเป็นบทบรรณ
๓.
เมื่อหัวใจโบกบินสู่ถิ่นเก่า
เก็บเรื่องเล่ารายทางระหว่างฝัน
เก็บทรงจำช้ำชอกมาบอกกัน
และฉากชั้นสิ่งดีที่พานพบ
๔.
จึงล้อมวงฟังสารนิทานพ่าย
กับเส้นสายทางนี้ที่ประสบ
เรื่องสองปีกฉีกฟ้ามาทดทบ
ตั้งแต่ต้นจนจบกระบวนใจ

จึงพบค่ากว่าฝันอันฟุ้งเฟื่อง
ทุกสิ่งเรื่องราวผ่านนำขานไข
คือรอยแสงแห่งฤกษ์เธอเบิกไว้
คือรอยทางแห่งนัยมาวาดวาง

หัวใจนกตกฝันอันล้ำค่า
ผู้เบิกฟ้าความจริงทุกสิ่งอย่าง
แม้ไม่ถึงครึ่งซีกของปีกกาง
แต่มิร้างความหมายที่ได้บิน

สิ่งอุดมแดนไหนแม้ไม่เห็น
แต่กลับเป็นประสบการณ์มิรู้สิ้น
ระหว่างดาวหาวหนได้ยลยิน
ทุกแผ่นดินแผ่นฟ้ามาจดจำ

หากโลกถามถึงว่าผู้ฝ่าฝัน
มีจริงไหมหรือนั่นแค่ขานขำ
ผู้วาดปีกฉีกกว้างออกกางนำ
ทั้งเถื่อนถ้ำได้พบจนจบจร
๕.
เธอวิหคใฝ่ฟ้าผู้ฝ่าฝัน
เธอผู้บั่นบุกทางรกร้างก่อน
เก็บและกอบโลกกฏทุกบทตอน
เธอผู้ร่อนปีกเป็น..เช่นตำนาน ฯ

    - Black Sword -
    (หมู มยุรธุชบูรพา)


กระทู้: " เสียงกวี "
เริ่มกระทู้โดย: Thammada ที่ 14 ม.ค. 16, 10:49
(http://upic.me/i/t5/imai584-o.jpg)

ปีหนึ่งหลายฤดู               โลกหลายผู้แสวงหา
รอยยิ้มหยาดน้ำตา           ย่อมถึงทั่วทุกตัวตน

ร้อนมาก็ร้อนรุ่ม              จึงทั้งกลุ้มและสับสน
ไร่สวนแต่ล้วนลน           ระงมงำคำวิจารณ์

หนาวมาระอาอื่น            หลายภาคพื้นพบผสาน
หลายคนก็ทนทาน          กับทุกข์ถมที่จมใจ

ร้องรอจะขอฝน               อีกผจญปัญหาใหญ่
ราบลุ่มระวังภัย               จะท่วมทับนับอนันต์

ลมฝนคนร้อนหนาว       โลกหลายร้าวรับมหันต์
ใจเรารู้เท่าทัน                  ถึงสุขทุกข์ไม่ลุกลาม

                            ธรรมดา
(http://upic.me/i/i6/2201761.png)



กระทู้: " เสียงกวี "
เริ่มกระทู้โดย: Thammada ที่ 15 ม.ค. 16, 09:26
(http://upic.me/i/m8/tmove.jpg)

สุขอื่นแม้หมื่นแสน         คงไม่แม้นมาเทียมเท่า
กว่านามที่งามเงา             ดั่งใจนี้มีสุขชม

ทุกข์บ่าคณานับ               หาเท่ากับใจถูกถม
มืดมิดเหมือนจิตจม         จะใดเทียบมิเปรียบปาน

ดีใดในโลกล้วน               ก็คู่ควรแต่เขาขาน
เท่าดีที่ดวงมาน                ดุจดีใจไม่มีเลย

เสียทรัพย์สู้รับไหว           แต่เสียใจสุดเอื้อนเอ่ย
หาเทียบจะเปรียบเปรย     เท่าใจนี้ที่เสียทรง

จึงใจนั้นใหญ่ยิ่ง               หลายสิ่งรู้ละผู้หลง
เป็นปกติตรง                    ปัจจุบันทันอาการ

                             ธรรมดา
(http://upic.me/i/i6/2201761.png)


กระทู้: " เสียงกวี "
เริ่มกระทู้โดย: Thammada ที่ 16 ม.ค. 16, 09:25
(http://upic.me/i/6h/ku9us.jpg)

น้อมมนสิการผ่านอักษร
แห่งบวรคุรุคงธำรงอยู่
โดยอเนกนับนานการเชิดชู
ยิ่งใหญ่ในโลกรู้โลกบูชา

คือคุณค้ำนำทางกลางหมู่ศิษย์
ให้รู้ทิศโดยเติบตนบนปัญหา
สอนให้สู้สร้างสรรค์ด้วยปัญญา
สอนให้กล้าให้เห็น เป็นคนดี

คือครูของแผ่นดินได้โดยแท้
ผู้เผื่อแผ่ภาพลักษณ์โดยศักดิ์ศรี
จึงศิษย์ซ้องศรัทธาบารมี
กราบครูที่คุณนั้น นิรันดร ฯ

          ธรรมดา
(http://upic.me/i/i6/2201761.png)


กระทู้: " เสียงกวี "
เริ่มกระทู้โดย: Thammada ที่ 21 ม.ค. 16, 07:47
(http://upic.me/i/dq/c3a-3.jpg)

                                                                                         ๐ ใจกระดาษ ๐


เก็บความเงียบความงามในความเหงา
พอลุกเร้าแรงใจใส่เดียงสา
สู่โลกศิลป์จากทรวงและดวงตา
หลังความล้า หลง รื่น ของคืนวัน

เพียงเพื่อเล่าเรื่องราวหนาวและร้อน
ทั้งอาทรทั้งทุกข์ทั้งสุขสันต์
หรืออีกโลกลึกเลียบความเงียบงัน
และโลกฝันอีกฝั่งยังครึกครื้น

อาจวิจิตรใจสร้างอักษรซึ้ง
ขณะหนึ่งใจฝันในวันตื่น
เขียนฟ้ารุ้งลาวัณย์อันกลมกลืน
ให้โลกรื่นรมณีย์ในชีวิต

แม้ฟ้ามืดหม่นเหมือนมาเยือนยิ้ม
ไม่อดอิ่มอาทรที่ดวงจิต
หรือเคว้งคว้างร้างไร้ไม่รู้ทิศ
ยังรู้สิทธิ์สืบสานทะยานยิน

จากหัวใจกระดาษทุกหยาดหยด
หมึกที่รดระบายบนสายศิลป์
เพื่ออะไรเพื่อใครในแผ่นดิน
ก็โบยบินตราบเท่าที่เรารัก

โลกอักษรสุขทุกข์ที่ปลุกปลอบ
เหมือนต่างมอบต่างมานการตระหนัก
ประดับดงวงวรรณไม่ผันภักดิ์
ด้วยประจักษ์แต่ใจใครคำนึง

         ธรรมดา
(http://upic.me/i/i6/2201761.png)


กระทู้: " เสียงกวี "
เริ่มกระทู้โดย: Thammada ที่ 26 ม.ค. 16, 07:31
(http://upic.me/i/ov/wallpaper_penbook_1-270.jpg)


เมื่อหัวใจจดจารความหวานขม
ขอดเป็นปมความหมายให้ประจักษ์
โลกทั้งโลกพลันตื่นดาดื่นทัก
เป็นแหล่งพักเพิงใจอีกหลายคน

เมื่อหมึกหยดรดไล้ใจกระดาษ
จินตนาผ่องผาดผกายผล
ก็ก่องเก็จบำเน็จแนบอย่างแยบยล
ประดุจมนต์มาฝันบนลานใจ

เสพความว่างความมีของชีวิต
โลมลิขิตคำข่ายที่ว่ายไหว
ทั้งรื่นรมย์ขมเห่หลากเล่ห์ใด
คือข้อไขวิญญาณเพื่อจารลง

ก่อนจะลับดับหายสิ้นไฟฝัน
ให้เพลิงนั้นลุกลามตามประสงค์
แปรอักษรฟ้อนฟ่ายลายบรรจง
เหลือฝุ่นผงรูปกนกปรกแผ่นดิน

ใจกระดาษวาดสายเป็นข่ายขึง
จักครอบตรึงแผ่กว้างมิวางสิ้น
ตกผลึกงดงามยามดื่มกิน
จึงร่อนผินโผไปในเสรี ฯ

     - Black Sword -
    (หมู มยุรธุชบูรพา)
 



กระทู้: " เสียงกวี "
เริ่มกระทู้โดย: Thammada ที่ 26 ม.ค. 16, 07:34

จิตสำนึกปั่นปลุกทุกค่ำเช้า
ให้สองเท้าเลาะล่องท่องวิถี-
แห่งศาสตร์ศิลป์ลำนำคำดนตรี
กล่อมชีวีสำราญบานตะไท

เห็นปุยเมฆลอยเลื่อนเคลื่อนแปลกแปลก
เห็นแสงแรกแสดทองที่ผ่องใส
เห็นผิวน้ำระยิบล้อต่ออำไพ
เห็นอะไรก็กระหวัดจัดเป็นความ

สัมผัสลมไล้ผิวเพียงแผ่วแผ่ว
สัมผัสเสียงแว่วแว่วให้วาบหวาม
สัมผัสรักหวานหยดจนมดตาม
สัมผัสโลกงดงามในแง่จินต์

ร้อยคนถามทำไปทำไมนั่น
ก็ใจมันครวญคร่ำร่ำถวิล
เปรียบอาหารเช้าตื่นต้องกลืนกิน
ให้ชีวินได้แกร่งมีแรงเดิน

ใจกระดาษดวงนี้ที่เติมต่อ
หมายชะลอทรวงในให้ห่างเหิน-
จากพันธะและทุกข์ที่เผชิญ
ขอได้เมินโลกบ้าง..บางอารมณ์

          ศรีเปรื่อง


กระทู้: " เสียงกวี "
เริ่มกระทู้โดย: Thammada ที่ 26 ม.ค. 16, 07:41
(http://upic.me/i/dg/p0o-2.jpg)

ร้อยคำรักจากใจจึงไม่สิ้น
ดั่งผืนดินได้ฟ้าแทนผ้าห่ม
หากหนาวคงหนาวใจในคำคม
นั้นพร่างพรมผืนหล้าชั่วตาปี

ด้วยจิตรักนักฝันถึงฟ้าไหน
ก็ยิ่งใหญ่ทุกยุคอยู่ทุกที่
หาหอมอื่นรื่นล้ำคำกวี
ประหนึ่งมีมนต์มุ่งจรุงริน

บ้างเขียนโลกโศกเศร้าให้สวยซึ้ง
หยิบดาวดึงฟ้าต่ำ แค่คำศิลป์
สร้างเสรีลึกล้นให้ยลยิน
ล้วนจากจินต์จากฝันอันโอฬาร

แม้ทุกข์ก็ไม่ทุกข์ที่ปลุกปลอบ
เหมือนใจมอบใจมาก็ว่าหวาน
โลกอักษรเสรีกี่ทองธาร
ก็เบิกบานอยู่ให้หัวใจจำ

จึงวิจิตรใจเป็นเช่นกระดาษ
หวังจะวาดวันตื่นและคืนค่ำ
หากเหลือโลกไร้ขอบ ไม่ครอบงำ
เพื่อดื่มด่ำด้วยสิทธิ์ จิตวิญญาณ

            ธรรมดา
(http://upic.me/i/i6/2201761.png)



กระทู้: " เสียงกวี "
เริ่มกระทู้โดย: Thammada ที่ 30 ม.ค. 16, 07:43
(http://upic.me/i/uw/resea.png)

 
หลากอารมณ์ขมหวาน     ทุกข์สุขซ่านสรรพสิ่ง
ตื่นหลับล้มพับพิง             รู้หลงเล่ห์ทะเลใจ

ลึกลับหรือลึกซึ้ง               ก็ประหนึ่งนั้นกว้างใหญ่
เหินหาว ณ ดาวใด             คงไม่แม้ประเมินมาน

กลัวกล้าอัตตาติด              ทั้งถูกผิดผลิผสาน
วิ่งว่างในบางกาล              ก็หนักหน่วงบางช่วงเบา

รู้สึกซึ่งหนาวร้อน             ทั้งอาทรทั้งสุขเศร้า
เกิดดับอยู่กับเรา                ล้วนจิตนั้นในวันคืน

นึกคิดผลิตล้น                   โลกสกลก็แต้มตื่น
วาดหวังนั่งนอนยืน           เยี่ยงใจนี้ไม่มีพอ ฯ

                            ธรรมดา
(http://upic.me/i/i6/2201761.png)


กระทู้: " เสียงกวี "
เริ่มกระทู้โดย: Thammada ที่ 03 ก.พ. 16, 07:47
(http://upic.me/i/u5/hlbq3.jpg)

        ๐ ผู้หลับ ๐

สาย.หมอกหม่นเมฆบังทั่วทั้งฟ้า
แสงเคยจ้าส่องสาดก็คลาดเคลื่อน
ค่ำ.ความหม่นความหมองของดาวเดือน
ช่างหม่นเหมือนกับใจในคืนนี้

ผู้แบกโลกอยู่ต่ำคำครูสอน
ยังสะท้อนตราตรึงมาถึงที่
ตอกย้ำอยู่โดยนัยความไยดี
จึงเหมือนมีมุมใหม่ให้ทบทวน

ช่วงชีวิตผิดแพ้ไม่แก่กล้า
ท่านให้หาเหตุนั้นที่ปั่นป่วน
ปัจจัยให้เหตุเกิดก็สมควร
ตั้งหลายส่วนให้สมสู่คมคิด

หากรู้รอบตอบโจทย์ประโยชน์ยิ่ง
ล้วนทุกสิ่งในตนให้จนจิต
เป็นผู้พบผู้พรางผู้ถางทิศ
เห็นผู้ปิดผู้เปิดเกิดปัญญา

แต่คนเขลาคำครูรู้แค่นี้
ได้เท่าที่ซมซานไม่หาญหา
ให้ห่างเห็นวันคืนควรชื่นตา
รังแต่ล้าเรื่อยไปไม่พบพ้น

ผ่านชีวิตเติบใหญ่วัยฉกรรจ์
ทำความฝันห่างหายก็หลายหน
เหลือแต่รอยหลงร้างกลางกมล
ย้ำอยู่ทนอับอายลมหายใจ

ผู้หลับอับอ้อมฝันวันวิจิตร
จะหาทิศหาทางก็ว้างไหว
อยู่โดยสารหวานเว้นความเป็นไป
รอเมื่อไหร่ฟ้าฟื้นมาคืนคน

         ธรรมดา
(http://upic.me/i/i6/2201761.png)



กระทู้: " เสียงกวี "
เริ่มกระทู้โดย: Thammada ที่ 09 ก.พ. 16, 17:48
(http://www.udon108.com/thai/attachment.php?attachmentid=82461&d=1355647273&thumb=1)

ความรู้สึกของการจากลา
             …
กระซิบถามหัวใจจนรู้สึก
จากทุกห้วงสำนึกความหวั่นไหว
พยายามตามหาความเข้าใจ
ที่ห่างไกลจากเธอเสมอมา
             …
สัมผัสกลิ่นคุ้นเคยกับความเศร้า
เหลือบมองดูความเหงาเข้ามาหา
เริ่มรู้สึกเหน็บหนาวเมื่อคราวลา
เดินไปอย่างเชื่องช้าระมัดระวัง
             …
ลืมตาตื่นขึ้นพบแล้วจบจาก
เหมือนสูญสิ้นความยุ่งยากจากอีกฝั่ง
ยกธงแพ้แน่นิ่งอย่างจริงจัง
เป็นบันทึกความหลังนิรันดร
             …
มีเพียงเงาเท่าที่รู้ผู้นำทาง
ปกคลุมร่างต่างเพื่อนไม่เหมือนก่อน
สายลมแห่งความเหงาเข้าอาทร
แตะผิวหน้าผ่าวร้อนไม่ย้อนคืน
             …
ยังเก็บงำคำตอบไร้ขอบเขต
จากต้นสายปลายเหตุอันขมขื่น
กับความสุข,ทุกข์,หวังไม่ยั่งยืน
ที่เศร้าโศกสะอื้นฝืนรอคอย
             …
ความรู้สึกของการจากลา
ชีวิตเริ่มเชื่องช้าอ่อนล้าบ่อย
เป็นเหมือนฝุ่นละอองการล่องลอย
เจ็บปวดอยู่ไม่น้อยจากรอยเดิม
     
           ภู กวินท์

(ด้วยจิตระลึกถึงท่านเสมอครับ)
(http://upic.me/i/i6/2201761.png)


กระทู้: " เสียงกวี "
เริ่มกระทู้โดย: Thammada ที่ 13 ก.พ. 16, 17:57
(http://upic.me/i/rw/ways-1.jpg)

    ๐ ฝันของเธอ

มืดฟ้ามามืดใจไม่สู้สร่าง
หากหลงร้างหลงโลกให้โศกเฉือน
แต่ใช่ทุกข์ถาโถมมิโลมเลือน
สุขก็เคลื่อนเข็ญคล้อยอยู่รอยแรง

สารัตถะใดเล่าผู้เฝ้าฝัน
เพื่อพบวันรวีที่ฉายแสง
ขับความมืดหมองหมางเมื่อคลางแคลง
ซึ่งแสวงวาดไว้แต่ใจตน

บริบทบางคราวช่างหนาวนัก
ใช่รู้หลักลำดับความสับสน
แลร้อนรุ่มสุมทรวงห้วงกมล
จะเพียรผลพบหรือผู้ถือทาง

เมื่อไม่รู้เลศนัยหทัยท้อ
จะก้าวก่อการใดในระหว่าง’
หากแจ้งเหตุแห่งใจไม่เลือนราง
ย่อมก้าวย่างอยู่พ้นไม่จนจริง

ฝันใดเมื่อไม่สิ้นซึ่งดินฟ้า
สู้ศรัทธาท่ามทุกข์แลสุขสิ่ง
ได้ยินยลบนโลกหลักพักพิง
งดงามยิ่งอยู่ใน หัวใจเรา


                                                                           "บางครั้ง ความเป็นจริงก็ทำร้ายความฝัน
                                                           แต่บางครั้งความฝัน ก็ทำให้ผู้คนไม่ต้องปวดร้าวในความเป็นจริง"

                                                                                           ธรรมดา
                       
                                   (http://upic.me/i/8y/692872ophsrirm7c.gif)


กระทู้: " เสียงกวี "
เริ่มกระทู้โดย: Thammada ที่ 19 ก.พ. 16, 09:51
(http://images.thaiza.com/38/38_20100816100219..jpg)

มองทิวเขาเรียงรายซับซ้อนท่ามขอบฟ้าอยู่ไกลไกล
ธรรมชาติรังสรรค์สิ่งสวยงามเสมอ
อบอุ่นอ่อนโยนเสพแสงของดวงตะวันในยามเช้า
ทอดสายตามองหาจุดหมายในความเวิ้งว้างใด
เก็บเกี่ยวภราดรภาพอันซ่อนเร้นในสายลม
ยิ้มอยู่อย่างนั้น..วาดหวังอยู่อย่างนั้น..
จินตนาการแห่งชีวิตมนุษย์
พบไม่พบสารัตถะใดจะเติมพร่องเพียงเพื่อการโหยหา
อบอุ่นอาจอ้างว้างท่ามทางที่ทอดยาวไกลเกินกว่าห้วงความคิดของคนช่างฝัน
หรืออาจงดงามเกินกว่าใจจะโหยหาไขว่คว้ามาครอบครองเพียงลำพัง
มองดูตึกต่ำสูงเรียงรายซับซ้อนท่ามขอบฟ้าอยู่ไกลไกล
สถาปนาในน้ำมือมนุษย์
รังสรรค์สิ่งสวยงามท่ามความทุกข์เข็ญของผู้คน

ธรรมดา
(http://upic.me/i/8y/692872ophsrirm7c.gif)


กระทู้: " เสียงกวี "
เริ่มกระทู้โดย: Thammada ที่ 23 ก.พ. 16, 18:02
(http://guide.tourismthailand.org/upload/reviews/246/img_1416391444.jpeg)

        ๐ วังเวง

เมื่อไม่อาจดึงฟ้าลงมาต่ำ
ย่อมเจ็บช้ำสู่วันอันหนักหน่วง
ต่อทนทุกข์ลุกล้มกลางลมลวง
ซึ่งหลายช่วงสิ้นหวังกำลังใจ

เสียงจากความเงียบงันวันเหว่ว้า
ต่างดวงตาหดหู่เธอรู้ไหม
เหมือนค่ำคืนเหน็บหนาวนั้นยาวไกล
จึงหวั่นไหวเหลือเกินนักเดินทาง

สันโดษโดยจำนนคนถูกทิ้ง
เหมือนแน่นิ่งในดวงมานการก้าวย่าง
จะหลับลงตรงความเหงาเริ่มเบาบาง
หลังทอดร่างโรยแรงกับแสงจันทร์

ซึ่งแสงเดือนเลือนลาก่อนฟ้ารุ่ง
เฝ้ามองคุ้งขอบฟ้านัยน์ตาฝัน
เหม่อลอยคอยคำใจจากใครกัน
ไม่คงมั่นเหมือนเมื่ออยู่ไม่รู้ทิศ

จึงเห็นความแตกต่างวางเราไว้
ซุกซ่อนความอ่อนไหวไม่มีสิทธิ์
หลงละเมอเพ้อผ่านกับการคิด
เมื่อรู้ผิดรู้รสบทน้ำตา

เสียงจากความเงียบงันเฝ้าฝันถึง
ยังรำพึงผ่านสายลมโลมยอดหญ้า
มองช่องว่างห่างกันวันอำลา
เหมือนท้องฟ้าซึ่งไกลมากจากผืนดิน

             ธรรมดา
(http://upic.me/i/i6/2201761.png)


กระทู้: " เสียงกวี "
เริ่มกระทู้โดย: Thammada ที่ 28 ก.พ. 16, 19:25
(http://f.ptcdn.info/581/025/000/1416030853-3909921794-o.jpg)

คลื่นความถี่ที่จูนคูณความฝัน
บวกแสงจันทร์แสงดาวเอาหาวห่ม
ช่วงติดลบพลบค่ำทำระทม
หารหกล้มห่วงหาน้ำตาเติม

กำลังสองตรองตนคนไหนหนอ
นั่นบางอ้อบางจากหลายฉากเสริม
กลับมาเหงาเท่าทนที่คนเดิม
แล้วจึงเริ่มเขียนคำจำนรรจา

ไม่มีเรื่องตลกยกเมฆมุ่ง
หรือต้องปรุงต้องปรับประคับค่า
คนอ้างว้างหวั่นไหวในแววตา
 เห็นแต่ฟ้าสีช้ำของค่ำคืน

อยากเขียนคำนำคนบนโลกหลับ
หรือช่วยซับน้ำตาคราสะอื้น
ให้ห้าวหาญมานมุ่งพยุงยืน
แต่ต้องฝืนใจตน คนเดียวดาย

           ธรรมดา
(http://upic.me/i/i6/2201761.png)


กระทู้: " เสียงกวี "
เริ่มกระทู้โดย: Thammada ที่ 07 มี.ค. 16, 20:07
(http://www.theactkk.net/home/homenew1/form01News/userfiles/image/Aon/love/pook_10.jpg)

ดั่งห้วงหาวดาวเดือนมิเคลื่อนคล้อย
เฝ้าเคียงคอยคู่ฟ้าคราฉายแสง
ประหนึ่งหวานหว่านวาดสาดแสดง
หารู้แล้งเริงรำเมื่อค่ำคืน

เธอเป็นดั่งดาวเหนือเมื่อฟ้าหลับ
ผู้คอยซับน้ำตาคราสะอื้น
ช่วงสับสนทนทางที่ย่างยืน
ก็เติมตื่นเติมไฟให้กล้าเดิน

จับมือฉันมั่นมานกับการก้าว
กี่ร้อนหนาวหนักใดไม่ห่างเหิน
คือแรงใจใกล้กันวันเผชิญ
ไม่ขาดเขินเลยร้างระหว่างเรา

บุปผาพวงผึ้งภู่จึงรู้หวาน
ที่เคยกร้านเกลื่อนกลบสงบเหงา
จึงอบอุ่นสุนทรีย์ที่บรรเทา
ที่เธอเฝ้าห่วงใยใจคนจร

         ธรรมดา
(http://upic.me/i/i6/2201761.png)


กระทู้: " เสียงกวี "
เริ่มกระทู้โดย: Thammada ที่ 11 มี.ค. 16, 13:13
(http://www.gmwebsite.com/upload/piyaminkunarak.com/webboard/73278_413938068678621_940208008_n.jpg)

หมอกหม่นร่นลับฤๅอับแสง
ร้างแล้งลุลู่สู่อุษา
ปาดเปื้อนเลือนลวงจากดวงตา
มืดฟ้าหม่นฝันอันตรธาน

ตื่นเติมใจจากหลับลืมทับถม
จากเคยล้มรู้รุดจุดบรรสาน
แห่งวันวัยใดได้ดังวิมาน
ก็ปลุกปานใจแจ้งจากแรงตน

ต่อวิถีหรี่เร้นลงลับหล้า
หรือลับตาแต่ใจจะให้หน
หากแสงหนึ่งนั้นไกลในจำนน
ย่อมพบผลไม่น้อยในรอยทาง

วับวาวราวมณีดับสีช้ำ
เคยตกต่ำแต่ใดก็ให้ห่าง
เศร้าสลดหดหู่อยู่เบาบาง
กับก้าวย่างยินดีในชีวิต

       ธรรมดา
(http://upic.me/i/i6/2201761.png)


กระทู้: " เสียงกวี "
เริ่มกระทู้โดย: Thammada ที่ 16 มี.ค. 16, 22:08
(http://www.gpf.or.th/cgi-bin/CMS/yuDee/yuDee_l_7575.gif)

ข้าวขาดเล้าเรือนชานผ่านพายุ
หลังคาผุพื้นพังฟังเสียงฝน
กล่อมแผ่นดินโดยหยาดจากธาตุทน
ฟ้าหรือหล่นหลงฟ้ามาเจือใจ

สักนิดหนึ่งถึงเธอที่รักแล้ว
หากต้องแคล้วคลาดกันคงหวั่นไหว
จะน้อยหรือรอยรักรอยอาลัย
ต่อเมื่อไม่พบเพ้อละเมอมาน

อยากหยิบดาวดาษดื่นเมื่อคืนมืด
จะว่าจืดก็ใกล้กับไหวหวาน
หวังแต่พอต่อแต้มแซมช่วงกาล
ก่อนเธอหาญหักให้หัวใจจม

หวั่นว่ารักจักจรจากคอนเก่า
ไม่เหลือเราให้หลงแล้วคงขม
ค่ำจะหนาวร้าวล้ามาชิดชม
หากต้องห่มห้วงใจไกลจากกัน

ข้าวขาดเล้าคนขาดรักประจักษ์เถิด
หากละเมิดหมดใจไกลสีสัน
สู้ถนอมยอมย้ำความสัมพันธ์
ให้สำคัญเคียงคู่ อยู่ยาวนาน

            ธรรมดา
(http://upic.me/i/i6/2201761.png)


กระทู้: " เสียงกวี "
เริ่มกระทู้โดย: Thammada ที่ 20 มี.ค. 16, 21:50
(http://upic.me/i/56/xn-11.jpg)

        ๐ ลายเสือ ๐

สิ่งหอมหวานซ่านโศกในโลกล้วน
ก็สมส่วนสูเจ้าจะเท้าถึง
ยุติธรรม.อำนาจ.ขาดคำนึง
ย่อมเสื่อมซึ่งแซ่ซ้องอยู่นองเนือง
              ..
หลังมื้อเช้าสภาพร้อมหน้านั้น
ต่างหวาดหวั่นวุ่นวายกับหลายเรื่อง
ถกถึงทุกข์อาจท่ามาจมเมือง
หากปมเขื่องคืออำนาจได้ขาดดุล

ความบาดหมางพรางตัวทั่วทั้งสิ้น
จะกัดกินใจกันถึงขั้นขุ่น
เริ่มระแวงแซงหน้าก่อนการุณย์
จากอบอุ่นก็อ้าว ราวไฟลน

ลุเวลารอบเที่ยงยังเถียงถาม
หลายข้อข้ามคุยโวโกลาหล
เสนอหน้าหนึ่งเน้นประเด็นดล
ขยับย่นยังเหตุแห่งเภทภัย
             ..
ข้าแต่ท่านราชสีห์ หมีกล่าว
สบเสือดาวเสือโคร่งโขยงใหญ่
หลังลัดเลาะเสาะเห็นความเป็นไป
จึงอาจใช่เช่นนี้ กลียุค

หมีทำหน้าตาตื่นตอนฝืนเล่า
เหมือนหาเหาใส่หัวให้ตัวจุก
แต่เพื่อผองพ้นวันบรรเทาทุกข์
จำต้องลุกขึ้นเขียง เสี่ยงชีวิต

ราชสีห์ตีหน้า ข้าก็ใหญ่
จะหน้าไหนโหมฮือขึ้นถือสิทธิ์
จงเล่าเหตุเภทพันธ์กระชั้นชิด
อันจะติดตามมาอย่าช้านาน

หมีเล่าว่า ฟ้าสางอุษาส่อง
ลมจะล่องเลือดแรงสิแดงฉาน
เผ่าพันธุ์เสือทั้งมวลชวนทะยาน
จะหักหาญท่านให้บรรลัยลง

หมู่เสือดำนำหน้ามาจวนแจ้ง
เท่าแถลงก่อการแทนสารส่ง
มุ่งทะลวงทวงถางถึงกลางดง
ต่อจำนงท่านไท้ที่ใคร่ครวญ

ซึ่งเสือโคร่งเสือดาวราวสิบร้อย
จะคงคอยค้อมคู้ไม่สู้สวน
หากคำตอบแต่ท่านท้าขบวน
ทั้งหมดล้วนลุยแลกถึงแตกตาย
            ..
พญาราชสีห์ตีหน้าหนัก
มองมิตรรักก็ร้างลงห่างหาย
หาให้ภักดิ์เพียงนั้นอันตราย
อาจสุดท้ายเท่าถมที่จมจน

หากให้ยอมอย่างเปลี้ยก็เสียสิงห์
แม่ทัพทิ้งฐานทัพนับใช่ฉล
มีหรือหลบลงใจในจำนน
แม้นเพียงผลแต่พ่ายต้องอายเอา

ต่อแต่นี้ถี่ห่างกางกลศึก
ซ่อนสำนึกหดหู่ให้สู้เขา
จัดกำลังยั้งอยู่ดูลาดเลา
แลรู้เท่าถึงการณ์ก่อนมารมา

ทั้งระดมคมเขี้ยวเรียวเล็บแหลม
อยู่รั้งแรมรอรับกับโถมถา
อีกเกณฑ์ไกลวัยเด็กเล็กชรา
ให้จัดหาคุ้มหัวโดยทั่วทัน

ราชสีห์สั่งการผ่านพวกพ้อง
ซึ่งสยองยั้งทาสที่หวาดหวั่น
รอเวลาฟ้าสาง ต่างยืนยัน
แม้อาสัญเสี่ยงสู้ ไม่ดูดาย
             ..               
ดึกสงัดพัดพ้อหนอลมหนาว
มองดินดาวด่างพร้อยไม่น้อยหน่าย
ยุคเกิดก่อฉ้อฉลจนวุ่นวาย
จะดีร้ายแหลกลงไม่คงคิด

แค่ค่ำมืดฝืดเคืองเรื่องเล็กน้อย
เท่าทยอยเหลื่อมล้ำอำมหิต
รังแต่ร้างห่างเห็นความเป็นมิตร
คอยชูคอต่อสิทธิ์ให้ชิดชัง

สิงห์ชรารำพึงถึงที่สุด
จะยื้อยุดอย่างไรไฟสองฝั่ง
อำนาจอำย้ำยศยิ่ง บดบัง
ให้ร้อนหลังหน้าหนัก นับแต่นี้
               ..                 
          ธรรมดา
   ๑๓ มีนาคม ๒๕๕๙

เขียนยังไม่จบนะครับ
คงต้องห่างหายไปอีกซักระยะหนึ่ง
กลับมาครั้งหน้า ถ้าพอเป็นไปได้จะเขียนต่อให้จบ
และขอบคุณทุกๆท่านที่เข้ามาอ่านนะครับ
(http://upic.me/i/i6/2201761.png)




กระทู้: " เสียงกวี "
เริ่มกระทู้โดย: rena36704 ที่ 26 มี.ค. 16, 14:04
 ;D ;D


กระทู้: " เสียงกวี "
เริ่มกระทู้โดย: Thammada ที่ 19 ธ.ค. 16, 09:48
(http://upic.me/i/lq/firefly-2.jpg)

                      ๐ มาเถิดมามวลมิตร ๐

ร้อนหลังฟังเสียงคลื่น         ล้อลมตื่นตามภูผา
ทุ่งฝันตะวันลา                    ร้างละศิลป์จะรินลง

หอมหวนบ่ทวนเท่า            จะบอกเบาบ่เทียมหงส์
หรรษาสิอ่าองค์                   อุ่นอ้างฟ้าสุธาธาร

พริบพร่างกลางดงดึก          หนาวสำนึกในห้วงหาญ
หาฝันจะบันดาล                  ดั่งแสงซึ้งคะนึงนวล

นาวาจะล้าร่น                      ฤๅไพรสณฑ์สิเหลือสวน
ผ่านพบจึงทบทวน              ถนอมน้อยจะรอยเรียน

มาเถิดมามวลมิตร               ร่ายลิขิตและคำเขียน
เพื่อผู้จะพากเพียร                ประโยชน์นั้นในโลกา

ฝากรอยเป็นรอยล้อม           เพื่อจะพร้อมสู่ศึกษา
สานศิลป์จินตนา                  มนน้อมประโลมชน ฯ

                                ธรรมดา
                          ๑๕/๑๒/๒๕๕๙
(http://upic.me/i/i6/2201761.png)


กระทู้: " เสียงกวี "
เริ่มกระทู้โดย: Thammada ที่ 27 ธ.ค. 16, 12:50
(http://upic.me/i/of/adamspeak-2.jpg)

     ๐ แด่..เธอผู้พายเรือ..๐

แว่วยินคลื่นน้ำฟาดเสียงกราดเกรี้ยว
กลางค่ำคืนเปล่าเปลี่ยว..กรากเชี่ยวไหล
เห็นแผ่นผืนน้ำพลิ้วเป็นริ้วไป
ล้อลมไหววาดคลื่นอยู่ครื้นเครง

เกลื่อนฟ้านั้น..จันทร์ดาวแสงพราวพร่าง
แสนไกลห่างมีสิทธิ์เพียงพิศเพ่ง
เสียงฟองคลื่นโถมถั่ง..ล้อวังเวง
แทนพาทย์เพลงกล่อมคืนให้ตื่นตัว

โครมครืนเสียงคลื่นน้ำในค่ำดึก
โหมแรงฮึกเหิมบนความหม่นหลัว
เรือลำน้อยหนึ่งลำในค่ำมัว
คลื่นทิ่มแทงสั่นรัวไปทั่วลำ

ฝ่าไปบนคลื่นน้ำ, เสียงจ้ำพาย-
พาเรือว่ายแหวกคลื่นผ่านคืนค่ำ
จึงเห็นสองมือเรียว..ถูกเคี่ยวกรำ-
กลางสายน้ำวาดพาย..อยู่ท้ายเรือ

เห็นเธอทอดสายตา..มองหาฝั่ง
เกลียวคลื่นคลั่งโถมแทง..ก็แรงเหลือ
พาย..คัด..วาด..ค้ำ..หนุน..คอยจุนเจือ
ด้วยหยาดเหงื่อ..ใจแกร่งสู้แรงน้ำ

วาดลำเรือลอยฝ่า..ถึงท่าเทียบ
ก้าวก็เหยียบย่างหาอยู่คลาคล่ำ
เท้าคู่น้อยหนีบนอบอยู่รอบลำ
รอพายจ้ำจ้วงอยู่เสียงกรูเกรียว

พาเรือน้อยลอยลำ..พายจ้ำจ้วง
ผ่านทุกช่วงจังหวะ..น้ำชะเชี่ยว
เห็นเธอวาด..พายค้ำ..เรือลำเรียว
อยู่กลางสายชลเปลี่ยว..อย่างเดียวดาย

จนเรือโยนลำยก..แล้ววกต่ำ
ก่อนวูบด่ำดิ่งไปน่าใจหาย
ฝ่าน้ำเชี่ยวคลื่นซัด..มือคัดพาย-
อยู่ที่ท้ายเรือนั้นอย่างมั่นคง

มือน้อยน้อยเกาะเกร็ง..ตาเพ่งพิศ
มองสู่ทิศสำหรับการรับส่ง
มองมือวาดพาย..คัด..ก่อนงัดลง
แววตาบ่งบอกรู้..มือ-ผู้ใด

โอ..แววตาวับวาว..แสน-กร้าวแกร่ง
รอจ้วงพายทิ่มแทงสู้แรงไหล-
อันกรากเชี่ยวของน้ำอยู่ร่ำไป
หวังเพียงได้พาคน..ข้ามพ้นน้ำ

งามยิ่งงาม..ก็ระยับอยู่กับโลก
ปรุงปรนหอมบ่ายโบกโลมโลกต่ำ
เมื่อปรารมภ์งดงาม, ทุกความ..คำ-
ย่อมยกงามขึ้นย้ำเป็นธรรมดา

มือเรียววาดพาย-วนกลางชลเปลี่ยว
ทุกส่วนเสี้ยวใจรู้..ย่อมรู้ว่า-
คลื่นสาดซัดโหมหนัก..กลางมรรคา
ต้องหัวใจแกร่งกล้าไม่ล้าโรย

ร่างน้อยน้อยนั่งมองตาจ้อง-เพ่ง
ใจคร่ำเคร่งเรี่ยวแรง..ก็แห้งโหย
แม้นคลื่นน้ำลมโลก..คอยโบกโบย
ผ่านพ้นโดยมือเรียว..คอยเคี่ยวกรำ

ปีแล้ว..และปีเล่า..ที่เจ้าเป็น
ฝ่าร้อยเข็ญ..พันโศกแห่งโลกต่ำ
ด้วยจิตด้วยสำนึก..งามลึกล้ำ
พาย..งัด..ค้ำ..เรือน้อยล่องลอยไป

ละเที่ยวพาย..จ้วงจ้ำ..ฝ่าน้ำเชี่ยว
ค่อยค่อยเคี่ยวกรำสอน..อาทรให้-
ลูกศิษย์น้อยคล้อยหลัง..สู่ฝั่งไกล
ด้วยน้ำใจไหลเชี่ยว..ด้วยเรี่ยวแรง

พายเรือน้อยลอยล่อง..ฝ่าฟองคลื่น
เสียงโครมครืนก้องรัว..อยู่ทั่วแหล่ง
ด้วยสองมือคัดท้าย-วาดพาย..ทะแยง
พาหัวเรือทิ่มแทง..ถ้วนแหล่งน้ำ

คัดท้ายพายเรืออยู่..เพื่อผู้อื่น
ฝ่ากระแสลมตื่น..เกลียวคลื่นคร่ำ-
ครวญระงมห่มห้อม..อยู่ล้อมลำ-
เรือน้อยคอยพลิกคว่ำ..จมลำเรือ

ภาพเด็กน้อยจำพราก..พ้นฟากฝั่ง
มือเรียววาดพายยัง..อีกฝั่งเพื่อ-
รับส่งอีกทุกรุ่น..ช่วยจุนเจือ-
ภาพงดงามให้หลงเหลือ..ในแผ่นดิน..!

    ๐ ประพันธ์โดย: aasdang
(http://upic.me/i/i6/2201761.png)


กระทู้: " เสียงกวี "
เริ่มกระทู้โดย: Thammada ที่ 11 ม.ค. 17, 09:26
(http://upic.me/i/qs/cktvv.jpg)

๐ สุข.ทุกข์.ท่วม.รวมใจไทย ๐

ท่ามแผ่นผืนคืนวันสรรค์ชีวิต
เราลิขิตสิทธิ์สู้สู่จุดหมาย
ต่างเติมฝันมั่นมุ่งดั่งรุ้งพราย
ต่างปีนป่ายสายสร้างอย่างเสรี

หลากรอยยิ้มอิ่มอาบให้ซาบซึ้ง
ในคำนึงพึ่งพาภาพวิถี
ยังอบอุ่นหนุนค่าสามัคคี
ทุกถิ่นที่ทั้งผองพี่น้องไทย

เช่นนี้เล่าเก่าก่อนจะร้อนหนาว
กับเรื่องราวลำเค็ญเซ่นสมัย
ป่าปิดเมืองเนืองหนุนสมดุลใด
เหตุปัจจัยให้ผืนหล้าบ่านที

โอบอุ้มจะรุมร้ายหมายขย้ำ
โถมกระหน่ำน้ำหลากพรากวิถี
พลัดถิ่นฐานโถมทุกข์สุขเคยมี
มาบัดนี้กี่พลีแล้วระทมทน

ใยแผ่นดินร้องไห้เป็นสายน้ำ
นิยามย่ำสยามยิ้มลิ้มรอยหม่น
ขอวิงวอนพรจากฟ้ามาดาลดล
เภทภัยพ้นพี่น้องทั้งผองพลัน

เถิด.อย่าท้อรอจำนนจนใจสู้
อย่าหยุดอยู่อย่างสิ้นหวังนั่งหวาดหวั่น
ขอแค่ใจไม่ล้าลงจาบัลย์
ยังมีวันวาดฟ้าดาราราย

ปลอบโยนยามยากไร้ให้แรงหวัง
ให้กำลังยังใจอยู่หารู้หาย
ฝ่าชะตาท้าทนที่ทักทาย
ผ่านภัยร้ายได้ด้วยไทยไม่ทิ้งกัน

แรงใฝ่ดีที่เกื้อกูลจะพูนเพิ่ม
มาสร้างเสริมเติมใจไร้ขีดขั้น
ร้อยรวมไทยด้วยหัวใจใฝ่ถึงกัน
ร้อยผูกพันผ่านลมพา.ว่าห่วงใย ฯ

           ธรรมดา
         พ.ย.๒๕๕๔
(http://upic.me/i/i6/2201761.png)


กระทู้: " เสียงกวี "
เริ่มกระทู้โดย: Thammada ที่ 14 ม.ค. 17, 13:05
(http://upic.me/i/yd/childrensday.jpg)

        ๐ ใจเล็กเล็ก ๐

เช้าใหม่ให้ความหวังเมื่อยังเด็ก
ใจเล็กเล็กรู้โลกสวยด้วยเดียงสา
ละมุนละไมยิ้มหวานไม่มารยา
ไม่รู้ว่าโลกนี้กี่คมคน

จึงตั้งใจใฝ่รู้ชูปัญญา
สู้ศึกษาศาสตร์ศิลป์ให้สิ้นหม่น
น้อมหลักจริยธรรมนำตน
เหตุและผลเพียรชอบประกอบการ

ระลึกรู้ชูชาติ ศาสน์ กษัตริย์
วิสัยทัศน์พัฒนาและกล้าหาญ
สัตย์ซื่อถือวินัยใคร่เจือจาน
รู้ผสานรู้รักสามัคคี

เช้าวันใหม่ให้ความหวังกับสังคม
จึงได้สมสร้างมาเหมือนหน้าที่
พยุงตนบนเส้นทางอย่างคนดี
โลกวันนี้.หลายล้ารออาทร

            ธรรมดา
(http://upic.me/i/i6/2201761.png)


กระทู้: " เสียงกวี "
เริ่มกระทู้โดย: Thammada ที่ 31 ม.ค. 17, 20:33
(http://upic.me/i/br/l8pt8.jpg)

๐ ครั้งหนึ่งในชีวิต..พระป่า ๐

กราบเบื้องบาทบูชาตถาคต
พระทรงหมดเยื่อใยในสังสาร-
มโนน้อมวันทาครูอาจารย์
ผู้ห่างมารน้อยใหญ่ใจแจ้งมรรค
             …
สายน้ำสายหนึ่งซึ่งเคว้งคว้าง
หลงโลกกว้างทางไกลจนไร้หลัก
เส้นชีวิตผิดผลชอบกลนัก
คล้ายจมปลักยืดเยื้อเหลือกำลัง

เกิดคำถามมากมายอยู่รายล้อม
ใจจึงผอมเพียงใจในหวั่น หวัง
แสงสักนิดน้อมสู่ ก่อนผู้พัง
จะยิ่งหยั่งลึกล้าชะตาตน

จิตเมื่อป่วยด้วยดื้อผู้ถือทุกข์
ย่อมต้องปลุกด้วยธรรมคำเหตุผล
ปฏิบัติศรัทธายาแยบยล
ทิ้งทางหม่นมุ่งหาผู้อาจารย์

จะยากง่ายสายน้ำในยามนี้
สู่วิถีธรรมดามาสมาน
ใจร้าวหลงและหลับอยู่นับนาน
จะตื่นต้านต่อหนแห่งคนเป็น
             ...
เริ่มบวชนาคหนึ่งเดือนเตือนตนไว้
อัชฌาสัยสืบสู่การรู้เห็น
เปิดตานอกบอกตาในใจเช้าเย็น
พึงบำเพ็ญตนต่างเส้นทางเดิม

ขานนาคชัดศรัทธาเอสาหัง
ข้อวัตรตั้งตรวจทานการริเริ่ม
เหนื่อยหนักเบาไม่บ่นทนตามเติม
นิ่งนอกในใจเสริมสู่เดิมดี

วันละมื้อถือทานผ่านห้วงหิว
เดินตัวปลิวใจเย็นเช่นสุขี
สมาธิผลิผลดั่งมนต์มี
หลังพระพี่เพียรสอนอาทรธรรม
             …
ลงจากเขาเข้าโบสถ์บวชเบื้องหน้า
ตั้งใจใสศรัทธา ถ้าถลำ
ละโลกหลังลงหมดต้องจดจำ
เสร็จสวดย้ำอยู่นั้น บรรพชิต

แทนคุณบิดามารดรสะท้อนถึง
ลูกจะพึงตั้งตนฝึกฝนจิต
อยู่โดยธรรมโดยวินัยเนืองนิจ
น้อมในกิจสงฆ์สู่แต่ผู้เพียร

“อธิษฐานเถิดธรรมจำรัสโลก
ให้สัตว์โศกรู้รั้งใต้บังเหียน
ก่อกิเลสรัดล้นแล้ววนเวียน
ได้เห็นเทียนแห่งธรรมนำใจจร”
             …
กลับขึ้นเขาเข้าป่าสังฆาวาส
ไม่ข้องขาดข้อวัตรขัดคำสอน
บริขารควรนั้นตามขั้นตอน
พินทุก่อนการใช้ ให้รู้รักษ์

นวกะพระผู้ยังรู้น้อย
สำรวมรอยตามผู้ท่านรู้จัก
ภาวนานอกในใจมั่นมรรค
น้อมในหลักสัทธรรมพระสัมมาฯ

องค์หลวงปู่ท่านสอนให้นอนดึก
รู้ให้ลึกเชิงชั้นแห่งปัญหา
ฝึกฝนตนตามปฏิปทา
และรักษาอารมณ์ให้สมดุล

หลายรู้สึก-นึกคิดในจิตนั้น
วนเวียนกันเกิด-ดับนับว่าวุ่น
อาศัยสติธรรมคอยค้ำจุน
จึงรู้หมุนทวนทางวางอารมณ์

คิดเท่าที่จะคิด ทั้งผิดถูก
เพื่อจะปลูกปัญญาให้สาสม
ล่วงหลายเดือนดั่งคิดจิตไม่จม
แม้หลงลมโลกลู่ก็รู้ลด
             …
สายน้ำที่ทอดยาวอยู่เบื้องหน้า
เรื่อยไหลใกล้วันลาสิกขาบท
เก้าเดือนดังได้รู้ ผู้พยศ
น้อมในกฎจดจำทุกดำเนิน

กราบลาแล้วหลวงปู่ครูอาจารย์
ศิษย์ซึ่งผ่านอบรมก้มสรรเสริญ
วาสนาน้อยน้าวไม่ก้าวเกิน
ให้ต้องเดินดุ่มดั้นสามัญชน

            ธรรมดา
        ๓๑/๑/๒๕๖๐
(http://upic.me/i/i6/2201761.png)


กระทู้: " เสียงกวี "
เริ่มกระทู้โดย: Thammada ที่ 29 มี.ค. 17, 10:25
(http://upic.me/i/ye/o6ogf.jpg)

       ๐ สาวกรุง ๐

ตื่นเถิดหนาฟ้าตื่นคืนฟ้าสร้าง
หลังฟ้าร้างย่อมฟ้าจะราศี
โอ้อ้อมอุ่นคุ้นเคยความปรานี
แผ่นดินที่เพลงรักซึ่งจักบาน

เพื่อผู้คอยรอยคำนำมาฝาก
ให้ผู้จากจดจำว่าคำหวาน
ยังยาใจอยู่แย้มกับแก้มกาล
“คิดถึงบ้านเกิดบ้างบางคนรอ”

ผ่านบทเพลงโพ้นฟ้าฝากลมล่อง
เสี้ยวจันทร์ส่องแสงไปถึงไหมหนอ
เห็นไหมดาวดวงนั้น จันทร์จะทอ
แสงซึ้งห่อห้วงให้หัวใจคน

ตื่นเถิดฟ้ามาดินบ่สิ้นสร้าง
ถ้าอยู่อย่างที่อยู่รู้สับสน
เหนื่อยไหมหนอท้อไหมใจกังวล
ผู้หาหนแห่งฝันผู้บรรเลง
       
จากท้องนาป่าเขาลำเนาน่าน
เมื่อนิทานดาวเดือนเลือนโหรงเหรง
จะเหลือร้างรันทดในบทเพลง
ที่คว้างเคว้งเกลื่อนกลบลบรอยเดิม

ทิ้งวิถีมีมาคราก่อนเก่า
ลาลำเนาเข้าเมืองจะเรืองเริ่ม
ห่างพี่น้องผองเพื่อนเคยเตือนเติม
แล้วด้าวเดิมดั่งร้างกลางกมล

ป่าเป็นนามาเป็นเมืองเรืองโรจน์
เคยสันโดษดื่มปราชญ์ขาดขัดสน
ทิ้งบางใครให้ช้ำอย่างจำนน
เปลี่ยนเป็นคนเคยอยู่นามาอยู่เมือง
                 
เมื่อดอกดาวสาวชื่นเธอยืนยัน
ว่าพระจันทร์จะงามตามฟ้าเหลือง
คนรอก็รู้ร้าวหลังเปล่าเปลือง
กอดฝันเฟื่องเศร้าซับกับรอยลวง
                  ..
ลืมหมดแล้วลืมลาฟ้าอีกฝั่ง
อย่ามัวนั่งหน้าน้อยนั้นคอยห่วง
ฉันอยู่ดีหนีทุกข์มาสุขทรวง
วันวันควงหนุ่มหล่อล่ะพ่อรวย

ทิ้งบทนำคำขานสาวบ้านป่า
อยู่เมืองฟ้าเมืองฝันเมืองมันสวย
สะดวกดีมีครบเครื่องอำนวย-
เปลี่ยนจากหวยซื้อหุ้นเป็นคุณนาย

อย่าทวงถามถึงวันรันทดเท่า
ให้กลับเก่ากินเกลือล่ะเบื่อหลาย
ไม่มีใครไม่คว้าความสบาย
แล้วอย่าหมายวันนับ ไม่กลับคืน

พอกันทีหนีหน้าไม่มาเกี่ยว
จะข้าวเขียวข้าวเหลืองหรือเรื่องอื่น
ฉันเป็นดาวสาวฉ่ำไม่กล้ำกลืน
ไม่มาฝืนอยู่ยาก จากสาวกรุง

            ธรรมดา
      ๑๒ ม.ค.๒๕๕๙
(http://upic.me/i/i6/2201761.png)


กระทู้: " เสียงกวี "
เริ่มกระทู้โดย: Thammada ที่ 22 มิ.ย. 17, 14:11
(http://upic.me/i/sn/wways.jpg)

     ๐ ปลอบตัวเอง ๐

มากน้อยในสิ่งหวังนั้นฝั่งหนึ่ง
เหตุย่อมพึ่งเพียรพาไปหาผล
หลายระยะผสานผ่านวังวน
บ้างทุกข์ทนท้อไหมเมื่อไกลเกิน

จึงวัดใจว่าใจที่ไหวนั้น
จะบากบั่นเพียงใจไม่ขาดเขิน
รู้ลุกรับกับก้าวคราวเผชิญ
แม้ยับเยินอยู่บ้างในบางที

ด้วยเหตุผลคนหวังเป็นดั่งเชื้อ
จึงจะเหลือลายลักษณ์เป็นสักขี
เขาคนเราก็ใช่ ไฟก็มี
ย่อมถึงที่วาดหวังอันรังรอง

เพราะยังหายใจอยู่รับรู้สึก
โดยสำนึกดีเดินเกินจะหมอง
เถิด ศรัทธาฟ้ามีวันสีทอง
รอผู้จองจับฝันอันอำไพ
                ..
ความเป็นอื่นคืนกลับการรับรู้
วนเวียนอยู่ย่ำคิดความชิดใกล้
ทอดสายตาสามารถอาจเข้าใจ
ทางที่ไร้แรงตื่นเคยยืนยัน

ดอกหญ้ายังพลิ้วไหวในลมหนาว
คอยส่งข่าวคนหลงทางกลางความฝัน
บอกความจริงอิงอ้างระหว่างวัน
ว่าผกผันเพียงใดไม่ยั่งยืน

ข้างขึ้นแรมลงบ้างอยู่อย่างนี้
เพื่อให้มีมุ่งมั่นมีวันตื่น
เป็นแรงใจใฝ่ฝันในวันคืน
ให้เราฝืนเราฝ่าชะตาตน

         ธรรมดา
     ๑๐/๑/๒๕๕๙
(http://upic.me/i/i6/2201761.png)



กระทู้: " เสียงกวี "
เริ่มกระทู้โดย: Thammada ที่ 07 ส.ค. 17, 10:08
(http://www2.eduzones.com/images/blog/inter/20080811170028.jpg)

    “คนรักคนแรก”

คิดถึงหนึ่งอาทรอันอ่อนหวาน
ดั่งสายธารทอดสายจากปลายสรวง
รื่นฤดีดาวพร่างกระจ่างดวง
ซึ้งสู่ห้วงแห่งรักประจักษ์ใจ

คือคนคอยเคียงข้างทุกทางฝัน
ปลอบโยนอย่างเท่าทันยามหวั่นไหว
ล้าแรงหวังทั้งปวงยังห่วงใย
คอยค้ำชูอยู่ใกล้แต่ไรมา

วันคืนเคลื่อนเดือนปีจะกี่กาล
เก็บวันหวานวาดซึ้งคะนึงหา
ห่มห้วงใจจากใจใส่ลมพา
เคียงคำว่ารักแท้ที่ “แม่” มี

รักล้นกว่าคนใดอยู่ในโลก
แม้สุขโศกสับสนบนวิถี
เติมใจให้ห้วงรักและภักดี
ตราบนานนี้น้อมอยู่ ลูกบูชา

ลูกรำลึกถึงคุณอบอุ่นนั้น
ด้วยผูกพันยังอยู่อย่างรู้ค่า
มิเลือนร้างห่างไกลในเวลา
ยังหวังว่าไม่นานกลับบ้านเรา

กลับมากราบกับแทบตัก รักยิ่ง
ได้อุ่นอิงใดเปรียบมิเทียบเท่า
มั่นละมุนมิ่งแล้วแนวลำเนา
แม่ปัดเป่าเปลื้องทุกข์ให้สุขทรวง

            ธรรมดา
      ๑๕/๒/๒๕๕๕
(http://upic.me/i/i6/2201761.png)



กระทู้: " เสียงกวี "
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 24 พ.ค. 18, 14:51
ฉันนับถือหัวใจเธอ ลูกสาวประเทศ

เธอคือลูกสาวเรา
ยืนอยู่นอกร่มเงาไม้ใหญ่
แกร่งต่อฟ้ากล้าขวางทุกทางไป
มีหัวใจเท่ากำปั้นแต่มั่นคง

กล้าที่จะยืนหยัดถนัดถนี่
กล้าที่จะบอกชี้สิ่งประสงค์
กล้าแสดงความเห็นมาตรงตรง
ตัวเล็กเล็กแต่สูงส่งมหัศจรรย์

ยิ่งจับกุมก็ยิ่งแกร่งยิ่งแบ่งพวก
ยิ่งผนวกความแค้นแสนหฤหรรษ์
ยิ่งจับกุมยิ่งพลาดอนาถอนันต์
ยิ่งนานวันยิ่งลำบากยิ่งยากใจ

ฉันนับถือหัวใจเธอ ลูกสาวประเทศ
เมื่อเกิดเหตุ เธอยังกล้าฝ่าฟันได้
เธอคือลูกของเราโปรดเข้าใจ
เรารักลูกเราแค่ไหนต้องรักเธอ

ชมัยภร แสงกระจ่าง
๒๓ พฤษภาคม ๒๕๖๑


(http://upic.me/i/i6/2201761.png)


กระทู้: " เสียงกวี "
เริ่มกระทู้โดย: Thammada ที่ 20 มิ.ย. 18, 17:09
(http://1.bp.blogspot.com/-XD8dQs4wh88/UQlQwCOfmOI/AAAAAAAAAuU/SUiaE1zlq5c/s320/105753036.jpg)

กว่ามีสุขเสพซึ้ง              ชมจันทร์
ขมขื่นข้ามคืนวัน            ว่ายว้าง
ลุหลายเล่ห์โลกพลัน       ปรากฏ
ทรงสู่ตนแต่สร้าง            เสพสิ้นสมัย ฯ

"ห่างหายไปพักใหญ่ ระยะหลังๆไม่ค่อยได้เขียนครับ ฝีดมาก
ขอบคุณ อ.เพ็ญชมพู ที่นำงานเขียนทรงคุณค่าความหมาย ที่ควรแก่การจดจำ มาให้อ่านครับ"

ธรรมดา
(http://upic.me/i/i6/2201761.png)




กระทู้: " เสียงกวี "
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 28 มิ.ย. 18, 11:04
(https://www.thairath.co.th/media/CiHZjUdJ5HPNXJ92GTL64yPwwT1PntzBAc.jpg)

เจ้าหมูป่า...
หนึ่ง สอง สาม เล่นซ่อนหา อย่าซ่อนหาย!
สี่ ห้า หก เจ็ด แปด เก้า เจ้าซ่อนกาย
ซอกมุมมืดมากมายให้เสาะค้น

เส้นทางวกวนยากค้นหา...
เจ้าก็รู้มิถุนาฯ ฟ้าอาบฝน
ฤดูกาล ขานกู่ฤดูกล
เถอะเลิกเล่นซุกซน เลิกซุกทราย

นอกก็มืด ในก็หนาว เจ้าก็รู้
ลมลำเลียงเสียงกู่ แล้วเงียบหาย
เจ้าหมูป่า ยินไหมเล่าเจ้าลูกชาย
เลิกละเล่นเร้นกาย หมายเล่นกล

นานเกินไปไหมเล่าเจ้าเด็กดื้อ
จะยืดยื้ออีกกี่นานหนอม่านฝน
จักรยานกรีดกริ่งดังด้วยกังวล
ความห่วงใยยังเปี่ยมล้นท้นแววตา

อย่าให้ความห่วงหานั้นห่วงหาย
แม่ก็รอพ่อก็หมายได้เห็นหน้า
เทียน ธูปหอม พร้อมพรั่งทั้งข้าวปลา
พยุงหวังพลังศรัทธา กราบฟ้าดิน

เปียกและลื่น ชื้นและแฉะ มืดและหนาว
คล้ายวันคืนยืดยาว มิรู้สิ้น
ใครต่อใครขานกู่ มิรู้ยิน
คล้ายซอกหินลี้ลับจับขังไว้

เธอก็รู้ครูก็รักนักเรียนน้อย
เพื่อนของเจ้าก็เศร้าสร้อย คอยถามไถ่
ฟังโน่นซีพี่นักข่าวก็เศร้าใจ
ฝากผ่านความห่วงใยไปสุดฟ้า

อย่าให้ทีมค้นหาต้องค้นหาย
ออกมาเถอะเจ้าหลานชายของยาย-ย่า
รู้ว่าหิวว่าหนาว เตรียมข้าวปลา
ต้อนรับขวัญเจ้าหมูป่า เจ้าหมาน้อย.

ศิริวร แก้วกาญจน์
๒๖ มิถุนายน ๒๕๖๑


https://www.facebook.com/100000637665531/posts/1930681443629759/

(http://upic.me/i/i6/2201761.png)



กระทู้: " เสียงกวี "
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 12 ก.ค. 18, 10:06
(https://www.thebangkokinsight.com/wp-content/uploads/2018/07/36484294_1252231961574102_2802351450653458432_n.jpg)

เจ้าหมูป่า...
จึงทุกความห่วงหา ไม่ห่วงหาย
พบทางลับกลับบ้าน เจ้าหลานชาย
ย้ายเทือกเขาออกจากอก ยกจากใจ

เจ้าหมูป่า...
โลกยังเปี่ยมศรัทธา เธอว่าไหม
ดูสิ, ดูความรักถักสายใย
เชื่อมร้อยใครต่อใครโยงใยเธอ

จึงทุกความห่วงหา ไม่ห่วงหาย
สุดท้าย, ทุกห่วงใย ไม่รอเก้อ
โลกและเราพักรบจึงพบเจอ
หัวใจในตัวเธอ เจ้าหลานชาย

ก่อนหน้า...
เราเคยผ่านการค้นหา กี่ค้นหาย
กี่ยะเยือก กี่เทือกเขาเราทลาย
ยังมีถ้ำมากมายภายในเรา

เบื้องหน้า...
กี่โค้งครอบขอบฟ้าของความเขลา
กี่ทึบถ้ำชีวิตปิดซ่อนเรา
จะส่งต่อเรื่องเล่า เจ้าหลานชาย.

ศิริวร แก้วกาญจน์
ก่อนเที่ยงคืน ๒ กรกฎาคม ๒๕๖๑


https://www.facebook.com/100000637665531/posts/1940507185980518/

(http://upic.me/i/i6/2201761.png)


กระทู้: " เสียงกวี "
เริ่มกระทู้โดย: Thammada ที่ 25 ก.ค. 18, 18:46
(http://upic.me/i/zr/7lake.jpg)


     ๐ เธอ ๐

มือเท้าเธอนั้น นักสู้
เธอรู้เธอรักโลกใหม่
ฟ้าด้าวเดียวเด่นเป็นไท
ซื่อใสศรัทธา ท้าทาย

เถื่อนทุ่งท้องเลโลกฝัน
เธอปั้นปรุงคำความหมาย
ดินหอมดาวพร่างเดือนพราย
สร้างสายสะพานผู้คน

เธอทุกข์เธอทำลำบาก
เธอยากเธอยิ้ม ให้หน
กี่ก้าวก็ก้าวเท้าทน
แม้นหม่นไม่ท้อทำนอง

นั่นเธอถึงแท้แก่กล้า
บนบ่าแบกโลกทั้งผอง
เธอเห็นวันหน้ามามอง
เรียกร้องรางวัลชีวิต

แล้วโลกก็รัก เธอรู้
คุณ“ครู”คำนี้ศักดิ์สิทธิ์
เมื่อมือถือไม้เป็นมิตร
ด้วยจิตด้วยแจ้งจรรยา

ส่องทางสร้างคนคือครู
โลกรู้รำลึกคุณค่า
มีคนมีครู ปูชา
ดินฟ้าคำนับ นิรันดร์

       ธรรมดา
๒๕ กรกฏาคม ๒๕๖๑

"เพื่อนผมคนหนึ่ง เธอเป็นครูมาหลายปีแล้ว
เธอชอบย้ายไปสอนตามชนบทห่างไกล
วันนี้วันคล้ายวันเกิดเธอ ก็เลยเขียนกลอนส่งไปให้ เป็นกำลังใจครับ"


กระทู้: " เสียงกวี "
เริ่มกระทู้โดย: Thammada ที่ 11 ส.ค. 18, 23:14
(https://1.bp.blogspot.com/-Mbt1L7PzxUA/W279X4yGx6I/AAAAAAAAAiI/2fe6jpXXkxYHXtm7n51V83gzy4apm3dDwCLcBGAs/s320/%25E0%25B8%2581%25E0%25B8%25A3%25E0%25B8%25B2%25E0%25B8%259A%25E0%25B9%2581%25E0%25B8%25A1%25E0%25B9%2588.jpg)

         ๐ แม่ ๐

มีคำเป็นล้านคำคอยย้ำอยู่
จึงเรารู้ว่า“แม่”นั้นแค่ไหน
กว้างกว่าฟ้ากว่าดินจนสิ้นใจ
แม้เกิดใหม่ก็แม่ดูแลเรา

พระคุณท่านหนึ่งนี้ไม่มีสอง
จะเรืองรองในโลกกี่โศกเศร้า
มือแม่แท้ถนอมที่กล่อมเกลา
กี่หนักเบาบนบ่ากี่ท้าทาย

ทุกข์เท่าท่านไม่มีที่โลกรู้
ท่านคือผู้ไม่พร้อมจะยอมพ่าย
อุปสรรคหนักไหนทั้งใจกาย
นั้นอย่าหมายรักสิ้นในวิญญาณ

สองมือแม่อุ้มชูเป็นผู้ให้
ด้วยดวงใจด้วยธาตุที่อาจหาญ
เปี่ยมพลังฝังแฝงแรงบันดาล
ด้วยอ้อมอุ่นอ่อนหวานประมาณพรหม

เพื่อลูกรักนักสู้ไม่รู้สิ้น
จะอาจิณอยู่หยาดทุกชาติสม
ให้โลกรู้ปูชาค่าน้ำนม
นั้นอุดมนักหนาที่อาทร

จากใจลูกคนหนึ่งในวันนี้
กราบเท้าที่เช้าค่ำทุกคำสอน
เมื่อไกลแม่แต่ใจจะไม่จร
เฝ้าขอพรพันหมื่นให้ชื่นทรวงฯ

            ธรรมดา
     ๑๑ สิงหาคม ๒๕๖๑
(http://upic.me/i/i6/2201761.png)



กระทู้: " เสียงกวี "
เริ่มกระทู้โดย: Thammada ที่ 16 ส.ค. 18, 15:13
(https://1.bp.blogspot.com/-ViKEdwYY3vc/W3UlBEtBqbI/AAAAAAAAAkA/gnM7e64FrIIxTx-2Omwd3ZkIhwhvKy0rgCLcBGAs/s1600/Taiwan%2BNP.jpg)

๏ ครอบครัวดวงตะวัน ๏

พบแล้วว่าบทกวีซึ่งมีค่า
เกิดแต่นาดินน้ำชุ่มฉ่ำใส
สัมผัสรอยควายน้อยในดวงใจ
ร่วมรอยไถรอยถากรักรอยแรง

มิใช่การไขว่คว้าปรัชญาวิจิตร
มิใช่ปรุงประดิษฐ์คิดศัพท์แสง
หากแต่ปรนแต่ปรุงทุ่งรักแล้ง
ด้วยฝนพรำน้ำแพงแห่งน้ำพจน์

เพียงชำแรกรู้สึกในรู้สา
ก็รู้ไหวไม้หญ้าอันปรากฏ
ทั้งกำเนิดกำหนดอรรถรส
และกำสรดกำซาบอาบอกเกรียม

ทุ่งปัญญานากวีคือชีวิต
เมล็ดพันธุ์ความคิดคือจอบเสียม
แดดอารมณ์ ลมอารีที่ทัดเทียม
ก็ถักเหลี่ยมทอคมได้สมกัน

เพลี้ยแมลงแมงร้ายจากเมืองร้อน
ทุกรอยบ่อนรอยเบียนกี่เกวียนบั้น
คือบทเพลงเร่งเร้าให้เท่าทัน
ศาสตราวรรณศิลป์ต้องทรงพลัง

ดั่งตะวันดวงนั้นที่ฉานฉาย
ทุกอณูกรวดทรายได้แฝงฝัง
ร้อนคือเย็น เย็นคือร้อนซ่อนตอซัง
ในนาปีนาปรังทั้งนาคร

พบแล้วว่าบทกวีมีเสียงเรียก
ให้เรารู้สำเหนียกในอักษร
ให้ตื่นรับอรุณอุ่นอาทร
พลิกหัวไร่ปลายดอนก่อนอัสดง

และที่สุดบทกวีก็บอกว่า
ราคาของบทกวีที่สูงส่ง
คือเลือดเนื้อจิตวิญญาณที่จารผจง
และดำรงอยู่ในหัวใจกวี

หนังสือ: ครอบครัวดวงตะวัน
ประพันธ์โดย อ.ศิวกานท์ ปทุมสูติ
(http://upic.me/i/i6/2201761.png)




กระทู้: " เสียงกวี "
เริ่มกระทู้โดย: Thammada ที่ 18 ส.ค. 18, 23:08
(https://2.bp.blogspot.com/-Imu4dL1NgSU/W3eeq0niKgI/AAAAAAAAAkY/sno2XhD4x_UozA5kOCSkUJKmO3EJx3xhwCLcBGAs/s1600/Sunrise%2B1.jpg)

       ๏ ฝั่ง ๏

สามโลกธาตุทะเลลึก
ล้วนผนึกแนบแน่นดั่งแก่นหิน
หุ้มห้วงจิตปิดตาเป็นอาจิณ
จึงชาชินภพผังในวังวน

ว่ายวิถีมีมาผู้ล้าหลง
กี่ปลดปลงก็เปลี้ยละเหี่ยหน
กี่เงื่อนงำล้ำลึกกี่ตรึกตน
ต้องคิดค้นข้ามเขื่องกี่เปลื้องปม

คำหลวงปู่รู้ร้อนและเย็นย้ำ
รู้ถลำเย็นร้อนผ่อนผสม
สติมั่นมัฌชิมาที่อารมณ์
รู้ทับถมก่อนทิ้งต้องจริงจัง

พุทธธรรมดำรงประสงค์ชี้
จะผิดถูกชั่วดีให้มีหวัง
มีวันตื่นฟื้นฟ้าขึ้นมาฟัง
ธรรมที่รั้งใจรู้ผู้เบิกบาน

นฤมิตมรรคาก็ปรากฏ
หมื่นบรรพตพ้นพรางจางหมอกม่าน
ข้ามความคิดติดดินดวงวิญญาณ
เมื่อตื่นต้านต่อเหตุเมตตาธรรม

ในเราล้วนทะเลและหุบเหว
สุขซ่านเปลวเป็นไฟใจถลำ
ทุกข์ถาโถมทั้งสิ้นแผ่นดินดำ
จึงต้านต่ำต่อสู้เยี่ยงผู้พ้น

เพียงประโยชน์ยังเราและท่านถ้วน
สำเร็จล้วนต่อโลก โศก สับสน
มากน้อยรอยเลื่อนรับผู้อับจน
ให้รู้ร่นหลีกแล้งสู่แสงทอง

ครั้งธารธรรมทอดท้นทุกชนชั้น
ซึ่งปรากฏบทบรรณที่ผันผอง
เพื่อนเกิดแก่เจ็บตายตามครรลอง
รู้ตื่นตรองตนฝ่าชลาลัย

ปรารถนานั้นล้วนจักถ้วนถึง
ช้าเร็วซึ่งต่างตั้งต่อฝั่งใฝ่
บานบนทางเที่ยงธรรมประจำใจ
แม้ยังไกลกว่ากัป นับจากนี้
     
            ธรรมดา
    ๒๓ กรกฏาคม ๒๕๖๑
(http://upic.me/i/i6/2201761.png)



กระทู้: " เสียงกวี "
เริ่มกระทู้โดย: Thammada ที่ 23 ส.ค. 18, 19:18
(https://4.bp.blogspot.com/-X6BQqCjPor8/W353ONYZ1YI/AAAAAAAAAnA/85G7tVeRe78pc0xYj_Ai8RlDBtqoMw0HQCLcBGAs/s1600/In%2Bhand.jpg)

      ๏ แสงเช้า ๏

ขอบคุณคนคุ้นเคยที่เคียงข้าง
ขับข้องความอ้างว้างระหว่างหวัง
ดุจแสงเช้าชุ่มกายผู้พ่ายพัง
ขณะนั่งในหนาวและร้าวราน

สองมือมั่นไมตรีที่โอบเอื้อ
ด้วยจุนเจือจากใจไหลรินผ่าน
อักษราเรืองพรแห่งกลอนกานท์
ก็ผสานซึ่งโศกคราโลกลวง

.......เพื่อนรัก
ต่างตระหนักพิษภัยอันใหญ่หลวง
ครั้งใจคนหม่นไหม้ไฟสุมทรวง
ช่างหนักหน่วงเหนื่อยล้าน้ำตาคลอ

คืนมืดนั้นยืดยาวกว่าคราวก่อน
ร้างสัญจรทางใจอยู่ไหนหนอ
จ่อมจมระงมเหงาและเฝ้ารอ
ต้องชุบช่อชีวิตสู่ทิศใด

คืนความหวังทั้งที่โศกในโลกลึก
ผู้ผนึกน้ำตามาฝันใฝ่
พยายามหยัดยืนอย่างฝืนใจ
บนโลกไร้ขอบเขตเจตนา

เพื่อทิศทางวางวาดโดยธาตุแท้
สู่กระแสสร้างตนอย่างคนกล้า
ลุกลำดับขับขานกาลเวลา
แล้วทวงค่าคนจริงจะยิ่งยืน

           ธรรมดา
     ๑๙ มีนาคม ๒๕๕๕
(http://upic.me/i/i6/2201761.png)


กระทู้: " เสียงกวี "
เริ่มกระทู้โดย: Thammada ที่ 31 ส.ค. 18, 16:52
(http://upic.me/i/ds/lion-tiger-1797.jpg)

       ๏ ลายเสือ ๏

สิ่งหอมหวานซ่านโศกในโลกล้วน
ก็สมส่วนสูเจ้าจะเท้าถึง
ยุติธรรม,อำนาจ,ขาดคำนึง
ย่อมเสื่อมซึ่งแซ่ซ้องอยู่นองเนือง
                 ..       
หลังมื้อเช้าสภาพร้อมหน้านั้น
ต่างหวาดหวั่นวุ่นวายกับหลายเรื่อง
ถกถึงทุกข์เทียบท่ามาจมเมือง
เค้นปมเขื่องคืออำนาจได้ขาดดุล

ความบาดหมางพรางตัวทั่วทั้งสิ้น
จะกัดกินใจกันถึงขั้นขุ่น
เริ่มระแวงแซงหน้าก่อนการุณย์
จากอบอุ่นก็อ้าวราวไฟลน

ลุเวลารอบเที่ยงยังเถียงถาม
หลายข้อข้ามคุยโวโกลาหล
เสนอหน้าหนึ่งเน้นประเด็นดล
ขยับย่นยังเหตุแห่งเภทภัย
                ..             
ข้าแต่ท่านราชสีห์ หมีกล่าว
สบเสือดาวเสือโคร่งโขยงใหญ่
หลังลัดเลาะเสาะเห็นความเป็นไป
จึงอาจใช่เช่นนี้กลียุค

หมีทำหน้าตาตื่นตอนฝืนเล่า
เหมือนหาเหาใส่หัวให้ตัวจุก
แต่เพื่อผองพ้นวันบรรเทาทุกข์
จำต้องลุกขึ้นเขียงเสี่ยงชีวิต

ราชสีห์ตีหน้าข้าก็ใหญ่
จะหน้าไหนโหมฮือขึ้นถือสิทธิ์
จงเล่าเหตุเภทพันธ์กระชั้นชิด
อันจะติดตามมาอย่าช้านาน

หมีเล่าว่าฟ้าสางอุษาส่อง
ลมจะล่องเลือดแรงสิแดงฉาน
เผ่าพันธุ์เสือทั้งมวลชวนทะยาน
จะหักหาญท่านให้บรรลัยลง

หมู่เสือดำนำหน้ามาจวนแจ้ง
เท่าแถลงก่อการแทนสารส่ง
มุ่งทะลวงทวงถางถึงกลางดง
ต่อจำนงท่านไท้ที่ใคร่ครวญ

ซึ่งเสือโคร่งเสือดาวราวสิบร้อย
จะคงคอยค้อมคู้ไม่สู้สวน
หากคำตอบแต่ท่านท้าขบวน
ทั้งหมดล้วนลุยแลกถึงแตกตาย
                   
พญาราชสีห์ตีหน้าหนัก
มองมิตรรักก็ร้างลงห่างหาย
หาให้ภักดิ์เพียงนั้นอันตราย
อาจสุดท้ายเท่าถมที่จมจน

หากให้ยอมอย่างเปลี้ยก็เสียสิงห์
แม่ทัพทิ้งฐานทัพนับใช่ฉล
มีหรือหลบลงใจในจำนน
แม้นเพียงผลแต่พ่ายต้องอายเอา

ต่อแต่นี้ถี่ห่างกางกลศึก
ซ่อนสำนึกหดหู่ให้สู้เขา
จัดกำลังยั้งอยู่ดูลาดเลา
แลรู้เท่าถึงการณ์ก่อนมารมา

ทั้งระดมคมเขี้ยวเรียวเล็บแหลม
อยู่รั้งแรมรอรับกับโถมถา
อีกเกณฑ์ไกลวัยเด็กเล็กชรา
ให้จัดหาคุ้มหัวโดยทั่วทัน

ราชสีห์สั่งการผ่านพวกพ้อง
ซึ่งสยองยั้งทาสที่หวาดหวั่น
รอเวลาฟ้าสางต่างยืนยัน
แม้อาสัญเสี่ยงสู้ไม่ดูดาย
                ..                 
ดึกสงัดพัดพ้อหนอลมหนาว
มองดินดาวด่างพร้อยไม่น้อยหน่าย
ยุคเกิดก่อฉ้อฉลจนวุ่นวาย
จะดีร้ายแหลกลงไม่คงคิด

แค่ค่ำมืดฝืดเคืองเรื่องเล็กน้อย
เท่าทยอยเหลื่อมล้ำอำมหิต
รังแต่ร้างห่างเห็นความเป็นมิตร
คอยชูคอต่อสิทธิ์ให้ชิดชัง

สิงห์ชรารำพึงถึงที่สุด
จะยื้อยุดอย่างไรไฟสองฝั่ง
อำนาจอำย้ำยศยิ่งบดบัง
ให้ร้อนหลังหน้าหนักนับแต่นี้
              .. 
ม่านฟ้ารุ่งรำไรเสียงไก่ขัน
หลายโลกฝันร่ำลาหมดหน้าที่
สังหรณ์แห่งผู้เฒ่าเข้าใจดี
หายนะปฐพีในพี่น้อง

นึกภาพเก่าเกรอะกรังตอนยังหนุ่ม
สิบสิรุมข้านี้ไม่มีสอง
สู้เยี่ยงสิงห์ช่วงนั้นมันลำพอง
บัดนี้หมองมากหน้าชราลง

หลังชนป่าปราการด่านสุดท้าย
คงวอดวายไม่เว้นเป็นผุยผง
เมื่อไมตรีหรี่ร้างอยู่กลางดง
ดังสาปส่งชีวิตให้นิทรา
                 ..
เสียงโครมครามถามไถ่เจ้าไก่แก้ว
มันบุกแล้วเสือดำนั้นนำหน้า
ตะลุมรบแลกเล่ห์หลายเพ-ลา
แทบสิ้นท่าเซซวนกระบวนยุทธ์

สิงห์สองร้อยด่านแรกเริ่มแตกพ่าย
แม้ต้านตายเต็มกล้ามหาอุด
ฤๅพ้นพบเพลี่ยงพล้ำแลชำรุด
หลังสู้สุดใจสิงห์ก็ทิ้งทวน

ทัพหน้าในจำนนอลหม่าน
ทั้งลนลานโอดโอยนั้นโหยหวน
ทุกขเนตรเขตขัณฑ์ข้ามรัญจวน
ต่อร่วงล้วนเจ็บหลายวายชีวา
                 ..
เมื่อรักกันมันยากลำบากบอก
สู้สำรอกฤทธิ์รักหักองศา
เมื่อร้างรักศักดิ์มิตรให้คิดครา-
นี้หนอป่าป่วนไฟประลัยลง
                 ..
เสือห้าร้อยรุกฆาตอนาถนั้น
มุห้ำหั่นเกินห้ามปรามประสงค์
สู่สุดท้ายปลายทางที่กลางดง
จ้องจะปลงปราบไท้ให้จำนน

สามร้อยราชสีห์ใช่หนีหน้า
ทั้งพญาอยู่ไซร้ไม่หันหน
ค่ำจะเคียงข้างค้ำกำลังพล
พร้อมผจญจากนี้กลีกาล
                 ..
สนธยาย่างเยื้องชำเลืองโลก
แกล้มกลิ่นโศกลมโชยอาขยาน
กล่อมการุณย์หลับล่วงแห่งดวงมาน
ก็หาต้านตมใจให้ย้อนยิน

ยุคขยับนับหน้าแต่ฟ้าฟุ้ง
รั้นจรุงโลกล่มอสมสิน
สืบแต่นี้เบื้องหน้าทั้งธานินทร์
ให้เสี่ยงสิ้นป่าสร้างแต่บางบรรพ์

ม้วยเมืองฟ้าป่าดงสิ้นองอาจ
ไหนอำนาจจะมีให้ขี่ขั้น
เมื่อสิ้นหมดอดทั่วทุกตัวตัน
อย่าหวังวันที่ว่าจะอ่าองค์

เสวนาคารมพอสมสิทธิ์
ก็มืดมิดเหมือนใจในหลุมหลง
ต่างโทษกันโกรธเกรี้ยวอยู่เดียวดง
แจ้งจำนงจากนี้ก็กรีฑา
                 ..
ทัพปะทะสะสางที่หมางไหม้
ขณะไฟลามพื้นสู่ผืนป่า
ทะเลเพลิงเชิงยุทธ์สุดสายตา
ต่างไล่ล่าโรมรันกระชั้นชิด

ไม่ฆ่าก็ถูกฆ่าน่าอนาถ
ทั้งแขนขาดขาหายแทบตายติด
ต่างรุกรับราวีเซ่นชีวิต
เมื่อไร้มิตรมาถ่วงก็ร่วงลาญ

สิงห์สาม’เสือห้าร้อยต้องร่อยหรอ
นั่งกอดก่อความกล้าปาฏิหาริย์
ห้ำหั่นกันก็ล้าพญามาร
ทั้งแสบซ่านไฟลนจนเกือบเกรียม

สงครามซึ่งสองฝ่ายต่างพ่ายแพ้
ล้วนตกแต่ทุกข์โทษความโหดเหี้ยม
หาใช่ทางสร้างสัตว์ให้ทัดเทียม
เท่าที่เปี่ยมเมตตาปรานีกัน

สิ่งเตือนใจจึงเหลือให้เสือเห็น
คือลายเซ่นสงครามครั้งห่ามหั่น
เกิดแต่ไฟไหม้หลังยังดึงดัน
จึงลายนั้นเตือนตนต้องพ้นพาล
                  ..
สิงห์ชรานั่งลงในกรงเก่า
หลังจบเล่าเรื่องราวความร้าวฉาน
ผู้เฝ้าฟังนั่งหมอบอยู่รอบลาน
ล้วนมีบ้านอาศัยอยู่ในกรง

ขนเคยมากต่อมามันน่าเศร้า
แต่ก่อนเก่าย้อยยาวราวหางหงส์
บัดนี้มีแค่คอให้พ้อพงศ์
ครั้งเคยหลงอำนาจขาดคุณธรรม.
               
            ธรรมดา
(http://upic.me/i/i6/2201761.png)


กระทู้: " เสียงกวี "
เริ่มกระทู้โดย: Thammada ที่ 17 ต.ค. 18, 17:18
(https://4.bp.blogspot.com/-iEgJzQQhm0c/W8cABp7ap5I/AAAAAAAAAzk/EYAGq1Q1tSkKRuqOUy-7eYQC5CEKGLNwwCLcBGAs/s320/Hart%2B03.jpg)

    ๐ คนเขียนกลอน ๐       
                  ..
เขียนคำรักทักทายจากปลายฟ้า
หมอกภูผาพรรณรายสายน้ำใส
ทุ่งแสงทองท้องน้ำวามวิไล
ลมพลิ้วไหวหว่านหวานนิทานดาว

เก็บดอกไม้มาฝากจากความฝัน
แสงตาวันวาดรุ้งจรุงหาว
ปาฏิหาริย์หว่านหวังสะพรั่งพราว
หมู่เมฆขาวเคลื่อนคละเริงระบำ

เขียนความฝันฝากใจในมิ่งมิตร
วาดวิจิตรจันทร์ดาว,คราวถลำ
จินตนาถาโถมชโลมคำ
ให้ชื่นฉ่ำชีวิตจิตวิญญาณ

ชื่นอุษาในทรวงทุกช่วงเช้า
กล่อมขวัญเจ้าละไมในวันหวาน
แต้มโลกรุ้งเลอสรวงด้วยดวงมาน
ท่องสายธารโลกศิลป์อจินไตย

โพ้นทะเลเห่ห้อมล้อมรวงคลื่น
ค่ำดาษดื่นดาราโรยฟ้าใหม่
มุ่งมโนนั่นฟ้าสุราลัย
ปั้นด้วยไฟน้ำดินรินอารมณ์

แล้วปรุงเปลี่ยนเขียนท้องทะเลลึก
นิมิตหมึกน้ำค้างสร้างผสม
ระรื่นโรยโบยโบกแห่งโลกกลม
ก็พร่างพรมด้วยรักพักวิมาน
                 ..                 
คั่นความจริงรัญจวนจึงล้วนโลก
ใสซึ้ง โศก ศรัทธา ปาฏิหาริย์
สมมุติผุดบัญญัติมิทัดทาน
ทั้งขมหวานวันวัยในวังวน

เฝ้าขีดเขียนเรียนโลกประโยคหยั่ง
ผ่านภวังค์หวั่นไหวในห้วงหน
สุข,ทุกข์ท่ามวิถีเสรีชน
ซึ่งผลิผลพรรณนามาเป็นกลอน
                 
            ธรรมดา
    ๒๗ มกราคม ๒๕๕๕ 
(https://2.bp.blogspot.com/-rOsbABkvsZA/W8cCCnfgcoI/AAAAAAAAAzw/A7AUodKUoHM1ZI0G1n4wHPwEExKjmTbbgCLcBGAs/s320/22017613.png)


กระทู้: " เสียงกวี "
เริ่มกระทู้โดย: Thammada ที่ 13 พ.ย. 18, 15:28
                                                                 
(https://3.bp.blogspot.com/-3NAjR5xpWxg/W6iU29_XbFI/AAAAAAAAAtw/y77N3-Vd3Lk_B2ljo17UTCCAhAEgMD_mACLcBGAs/s320/autumn%2B1.jpg)

         ๐ คนไกล ๐

แม้ยามห่างต่างฟ้าสัญญาอยู่
เหมือนนกคู่เคียงคอนจะนอนไหน
แค่ค่ำเคลื่อนเดือนปีที่คลาไคล
ซึ้งสายใยอยู่เยี่ยง,เพียงคำแพง
                 
ผ่านฟ้าดาวเดือนฉายรำบายโบก
ไพเราะโลกมโหรีล้วนสี,แสง
กล่อมกมลคนคว้างเมื่อคลางแคลง
โลกใช่แล้งรางวัลอันอุดม

ด้วยมีหมายลายรุ้งทุกทุ่งท่อง
นั่นแสงก่องเมืองไกลก็ใช่สม
หากหัวใจไฟฟื้นต่อรื่นรมย์
จะกว้างกลมก็ใกล้ในดวงมาน

แม้ยามห่างต่างใจใกล้กันอยู่
เหมือนดาวคู่ฟ้าค้ำความฉ่ำหวาน
เคียงถนอมกล่อมเกื้อกี่เรื่อลาญ
รักจะต้านต่อโศกแห่งโลกเรา
                  ..
หลับฝันดีที่รักหนักเหนื่อยแล้ว
จะกล่อมแก้วขวัญนอนรอนความเศร้า
ดงดาวราวรุ้งฝันถึงบรรเทา
ขับความเหงาขึ้นงามยามราตรี

             ธรรมดา
      ๑๒ กันยายน ๒๕๖๑
(https://1.bp.blogspot.com/-5KqJZ4cRemE/W969NAxbdsI/AAAAAAAAA34/FrcjitHnrDQvBVHCBreVxiaku2oYdiwbACLcBGAs/s320/22017812.gif)


กระทู้: " เสียงกวี "
เริ่มกระทู้โดย: Thammada ที่ 16 พ.ย. 18, 15:18
(https://2.bp.blogspot.com/-LSUyGY2FNwQ/W-50Nv9oq7I/AAAAAAAAA4Q/Y7fkmnhfjiMWEWUZ-h2uZbOBly3H_i5HACLcBGAs/s1600/Pirates.jpg)

                     ๐ เถลิงการ ๐
                  (อินทรวิเชียรฉันท์ ๑๑)

ลิบล่องเถลิงหลง              มนะยงทะยานยิน
ต่ำตกก็ผกผิน                    ผิวะผล ณ ดลดาว

ดื่มด่ำระกำกลืน                กวะฟืนทิวาวาว
เติมตนปะหนหาว             รุหะห้วง ณ ดวงมาน

รุ่งรื่นมะรืนรับ                  รุจิซับพิสัยสาน   
ท่องทิศสุธาธาร                ธุระถ้วนปะชวนชัย

ชีพหนึ่ง ณ พึงหมาย          มุประกายประสงค์ใส
โลกล้วนชนวนใน             นิธินับคณาคุณ

เพียงเพียรพินิจเนือง          ภวะเปรื่องปะมานหมุน
ทุกที่วิธี-ทุน                       ทะลุเท่าธนานันท์

หลังล่องทะเลหลง             ทิศะทรงกะวาววัน
เทียบท่าอุษาสรรค์             ชยะซ้องสกุลชน ๚ะ         

                            ธรรมดา
                      ๑๖ พ.ย. ๒๕๖๑
(http://upic.me/i/i6/2201761.png)



กระทู้: " เสียงกวี "
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 04 ม.ค. 19, 13:18
ปาบึกบุก  :o


กระทู้: " เสียงกวี "
เริ่มกระทู้โดย: Thammada ที่ 09 ส.ค. 19, 12:18
(https://1.bp.blogspot.com/-wc5yiBrSdjs/XUzkoton8xI/AAAAAAAAA7A/vbAQLvt-EkgWTgGS38tDBpQeop-xPbufQCLcBGAs/s1600/%25E0%25B8%2581%25E0%25B8%259A%25E0%25B8%2581%25E0%25B8%25B4%25E0%25B8%2599%25E0%25B9%2580%25E0%25B8%2594%25E0%25B8%25B7%25E0%25B8%25AD%25E0%25B8%2599%2B4.jpg)

ค่ำกะลารุ่งเช้า                  ทรงทอง
มากหมื่นมนนอง             หนึ่งพ้น
ศิลารุ่งครรลอง                โลกลุ่ม ลาญนา
นับเนื่องนทีท้น                ท่วมเท้าธานี๚ะ๛

ริบหรี่หลงเถื่อนทิ้ง           ทางปลา
หาวห่อนสกุณา                นุ่งก้าง
กลีกิ่งกันกา                       เพียงเกลื่อน
กบบ่เกรงใจจ้าง                จึ่งกร้าวกินเดือน๚ะ๛

                "ขอบคุณ อ.เพ็ญชมพูครับ"
                           ธรรมดา
                      ๒๗/๑๐/๒๕๖๑
(http://upic.me/i/i6/2201761.png)


กระทู้: " เสียงกวี "
เริ่มกระทู้โดย: Thammada ที่ 06 ต.ค. 19, 16:19
(https://1.bp.blogspot.com/-dGc5J2o_Ybc/XZmYMOWBXHI/AAAAAAAAA7o/245pV77HEBwPjosyeXkfv1gkOyjmBycDQCEwYBhgL/s320/Cry%2BAngle.jpg)

        ๐ อาวรณ์ ๐

ดอกรักร้างทางรักมักสิ้นชื่น
ต่อให้ตื่นตาตวงแต่ทรวงเศร้า
ฝังใจจำจากสิ่งเคยพริ้งเพรา
แม้เมื่อเก่าก็ใกล้ในคำนึง
                ..
นกไม่หวนคืนคอนตอนพลบค่ำ
ฟ้าไม่ต่ำแต่นิดก็คิดถึง
เพียงพิษรักหนักหนาให้ตราตรึง
ต่อภาพซึ่งผุพังยังอาวรณ์

หากรักล้นลงจมจะขมหวาน
จะเนิ่นนานหนักนิ่งดังสิงขร
แม้นไม่คู่เคียงฝันนิรันดร
แต่อาทรท่วมท้นจนตัวตาย

เมื่อมั่นคงความรักภักดิ์สมร
จะอาวรณ์ตราบสิ้นดินสลาย
ตราบคืนค่ำแห่งฟ้าทิวาวาย
ซึ่งหาใช่สุดท้ายที่ตายตน
                 ..
สู่รู้สึกนึกน้อมกล่อมแก้วตา
หลับใหลใฝ่นิทรา ณ แห่งหน
ป่านฉะนี้จักสุขหรือทุกข์ทน
รัตติกาลม่านหม่นเมื่ออาลัย

ห่มวิโยคโลกหลากซากกำสรวล
ประหนึ่งล้วนแหลกลับกับมอดไหม้
ค่ำเช้าช่างหนาวเนิ่นเผชิญใจ
ดุจโลกไร้สิ่งสุขทุกเวลา

หวีดหวิวพลิ้วผ่านเสียงสำเนียงศิลป์
ฟ้าสู่ดินใดเล่าเฝ้าห่วงหา
วิเวกห่มลมหนาวดาวน้ำตา
วาสนานิ่งนั้น,นิรันดร
               ..
          ธรรมดา
      ๒๕/๑/๒๕๕๕
(http://upic.me/i/i6/2201761.png)


กระทู้: " เสียงกวี "
เริ่มกระทู้โดย: Thammada ที่ 13 ต.ค. 19, 11:40
(https://1.bp.blogspot.com/-UB0kIdw2Qu4/XaKZIeMZyHI/AAAAAAAAA78/NhWY679F8eAxIwD7KsdOuTcppi5qDgpygCLcBGAsYHQ/s1600/%25E0%25B8%259E%25E0%25B8%25A3%25E0%25B8%25B0%25E0%25B9%2580%25E0%25B8%25A1%25E0%25B8%25A3%25E0%25B8%25B8%25E0%25B8%25A1%25E0%25B8%25B2%25E0%25B8%25A8.jpg)



ขณะหนึ่งนัยน์ตาผู้ล้าโลก
หวั่นไหวในลมโบกวิโยคอยู่
ขณะฝนร่วงรายปลายฤดู
กำสรวลสู่ผู้คนบนแผ่นดิน

อาดูรพูนเทวษประเทศนี้
ฟ้าเศร้าสีหม่นมัวทั่วทั้งสิ้น
ขณะนั้นน้ำตาทั่วธานินทร์
ก็รู้รินอาบอ้างกลางผู้คน

ทอดอาลัยใจน้อยในรอยพ่อฯ
เพราะเมื่อต่อแต่นี้อีกกี่ฝน
จะยังจำกำสรวลของมวลชน
จำอยู่จนสุดท้าย ลมหายใจ๚

   ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อม

*************************************

               ธรรมดา
           ๑๐/๑๐/๒๕๖๑
(https://1.bp.blogspot.com/-Hq32jqDCBcY/XaKdHRaK10I/AAAAAAAAA8I/KD59ZW62roID6Nfh0HtZQJ7LgTH3BMF3wCLcBGAsYHQ/s320/22017811.gif)



กระทู้: " เสียงกวี "
เริ่มกระทู้โดย: Thammada ที่ 27 พ.ย. 19, 16:28
(https://4.bp.blogspot.com/-HpS35f0y6CI/W2VCdrpUdVI/AAAAAAAAAY4/m6o8-dqQDFEpRjRcjdpFnBh2uW-CQOoqQCLcBGAs/s1600/Legend-2.jpg)

     ๐ คลื่นคำนับ ๐

ขณะลมล้อคลื่นให้ครื้นเครง
เข้าข่มเหงความเงียบเคยเลียบง่าย
ทั่วทะเลเริ่มลุ้นความวุ่นวาย
แล้วลางร้ายคนเรือ ก็เมื่อนั้น

เมฆทะมึนมามากจากท้องฟ้า
กลบแสงเดือนดาราให้ฝ้าฝัน
คนเรือจะเหลือไรในชีวัน
หากต้องหันหัวเรือยอมเชื่อฟัง

คนมีความทะนงที่หลงเหลือ
พอสืบเชื้อศรัทธาให้กล้าหวัง
วัดใจตัวกลัวตายต้องพ่ายพัง
หรือรอหลั่งน้ำตาเพื่ออาลัย

อยู่เหนือน้ำหนักอึ้งถึงดวงจิต
เห็นทุกทิศสะเทือนการเคลื่อนไหว
เติมอัตราเต้นรัวของหัวใจ
แต่การให้หันกลับยังอับอาย

สู้โทสาพายุ ปะทุทั่ว
แข่งความกลัวกี่กล้าเอามาขาย
ทุ่มใจซื้อหมดใจไม่เสียดาย
แลกจุดหมายการมุ่งสู่พรุ่งนี้

คลื่นลูกแล้วลูกเล่าโถมเข้าใส่
จะหนักไหนเท่าหนักในศักดิ์ศรี
ลูกชาวเลร้องท้า โดยท่าที
เพื่อต้องมีหวังอยู่ให้สู้ชน

คืนยาวนานน้ำฟ้าความบ้าคลั่ง
ไม่รู้หลังหน้านับความสับสน
ฝ่าคลื่นซัดซวนเซร้อยเล่ห์กล
กว่าจะพ้นคมคลื่นที่กลืนกิน

เหนื่อยไม่น้อยน้ำเค็มยังเข้มค่า
หากความกล้าแลกรับเป็นทรัพย์สิน
คงไม่มาไกลมากจากแผ่นดิน
แทบพังภินท์ย่อยยับคนจับปลา

เพื่อครอบครัวหลายคนอยู่บนฝั่ง
แบกความหวังไว้หนักต้องรักษา
ลูกชาวเลต้องรอดปลอดภัยมา
คำสัญญาย้ำอยู่ ลูกผู้ชาย

          ธรรมดา
      ๒๖/๑๑/๒๕๖๒
(https://upic.me/i/1e/22017812.gif)


กระทู้: " เสียงกวี "
เริ่มกระทู้โดย: Thammada ที่ 12 ธ.ค. 19, 15:21
(https://upic.me/i/d7/19lv4.jpg)


            ๐ กบกินเดือน ๐

ค่ำกะลารุ่งเช้า            ทรงทอง
มากหมื่นมนนอง       หนึ่งพ้น
ศิลารุ่งครรลอง          โลกลุ่ม ลาญนา
นับเนื่องนทีท้น          ท่วมเท้าธานี ๚

ริบหรี่หลงเถื่อนทิ้ง     ทางปลา
หาวห่อนสกุณา          นุ่งก้าง
กลีกิ่งกันกา                 เพียงเกลื่อน   
กบบ่เกรงใจจ้าง          จึ่งกร้าวกินเดือน ๚

เถิดเพื่อนผู้หยั่งย้ำ        ยูงยาง
ขับคลื่นคำเฟืองฟาง    ขึ่นฟ้า
นับจะหนึ่งเทียนทาง   ทุกข์หมื่น เมืองชน
สิบสุข ฤ ควรค้า          ค่ำคล้อยพญายม ๚

สูงสมบูรณ์เบิ่งใบ้        บาดาล
เดือนช่วงสุรีย์ลาญ       ร่มกั้น
กลีร่น ฤๅ บาน             บัวบิ่น บรรทม
ถึงถ่องทางปลาปั้น      ป่านซึ้งสุราลัย ๚

ธรรมใจจึงดื่มได้          เดือนดาว
สูงส่งชมสกาว              กิ่งฟ้า
ลาภยศอยู่ยืนยาว          เพียงคู่ คนเป็น
ปรุงปราชญ์ยอระย้า     หยั่งแม้นมรรคผล ๚
                       
                          ธรรมดา
(http://upic.me/i/i6/2201761.png)


กระทู้: " เสียงกวี "
เริ่มกระทู้โดย: Thammada ที่ 20 ธ.ค. 19, 10:11
(https://upic.me/i/i9/aoltm.jpg)

        ๐ บ้าน ๐(สาลินีฉันท์ ๑๑)

เกิดมามีอาศัย            จะเล็กใหญ่ก็ยินยล
บ้านเรารับเอาผล       พิสิฐทรง ณ คงควร

ยินดีมีน้อยมาก          ฤ ลำบาก บ ผันผวน
ต่างจุดชำรุดรวน        และหลายจุดก็ทรุดทรง

ซ่อมส่องจึงผ่องผล    พยุงจนจะอ่าองค์
บ้านเราใครเขาหลง    พิไลเหลือจะเชื่อชม

หลังคาหน้าต่างตัว      ระเบียงรั้วระวังลม
ขาเข่าดังเสาสม           สภาพพร้อมผดุงเดิน

บ้านดีดั่งมีมนต์           มิขัดสนสภาพเพลิน
จิตด้วยไม่ขวยเขิน       ขนาบเน้นประเด็นดี

กายจิตสัมฤทธิ์โลก     จะสุขโศกก็ศักดิ์ศรี
คุณค้ำสัมมามี              สุภัคผองประคองควร ๚

                        ธรรมดา
                ๑๕/ ๑๒/ ๒๕๖๒   
(http://upic.me/i/i6/2201761.png)


กระทู้: " เสียงกวี "
เริ่มกระทู้โดย: Thammada ที่ 29 ธ.ค. 19, 10:41
(https://upic.me/i/hd/oceanwave4.jpg)

๐ พายคะนึง ๐(อุเปนทรวิเชียรฉันท์ ๑๑)

ทะเลจะรู้ไหม               ขณะไกลก็โหยหา
คะนึงประหนึ่งปลา       นิรน้ำนะทรามเชย

ลุโลกละทางเทียว          กะจะเลี้ยวเลาะเคียงเคย
คุคำจะพร่ำเผย               เฉพาะพักตร์ตระหนักนวล

ฤดีฉะนี้นับ                    ระยะกลับกมลมวล
ผลิพร้อมจะหอมหวน    มหะห้วงฤทัยถึง

ทะเลลุเห่หอม                วิจิค้อมคละอื้ออึง
คะครื้นผสานซึ่ง-           สระร้องประคองเคียง

ถกลกะโลมลาน             วจะหวานวิเศษเสียง
ละล่องก็พ้องเพียง          พิเราะโลก บ โศกซม

พระพายกระหายหา       ทวิว่าวิสัยสม
ทิศาอุราลม                     ก็ลุร้อยทยอยเยือน ๚

                          ธรรมดา
                    ๑๑/ ๑๒/ ๒๕๖๒
(https://upic.me/i/1e/22017812.gif)


กระทู้: " เสียงกวี "
เริ่มกระทู้โดย: Thammada ที่ 25 เม.ย. 20, 16:54
(https://upic.me/i/hm/world2.jpg)

        ๐ โลก ๐

คารวะอาหารทานช่วงเช้า
ทำให้เท้ามือท้องสมองมั่น
ขอบคุณปลาอารี สิ้นชีวัน
กุศลนั้นน้ำฟ้ามาประมาณ
                  ..
หลังโลกถือกำเนิดเกิดมนุษย์
ดินน้ำผุดผักปลาเป็นอาหาร
สรรพสิ่งทราบสิ้นโดยวิญญาณ
โลกคือบ้านหลังใหญ่ในอนันต์

ดั่งบิดาอาทรผู้สอนศาสตร์
บ้างมีฟาดด้วยไฟให้มหันต์
เตือนลูกหลงรั้งร้ายทำลายกัน
พ่อบีบคั้นคุกคามปรามเป็นนัย

เมื่อมารดามาโปรดพิโรธสิ้น
ธรณินน้ำฟ้าน่าหลงใหล
อร่ามรักลูกน้อยดั่งกลอยใจ
กล่อมขวัญให้หลับฝันบรรณาการ

ล้วนบิดามารดรสะท้อนทั่ว
ปลุกครอบครัวขึ้นรับทุกขับขาน
เคลื่อนครรลองร้อนหนาวมายาวนาน
ให้ถิ่นฐานทั้งมวลควรชีวิต

แค่คนดีที่พ่อขอให้เป็น
แม่อยากเห็นลูกรักประจักษ์จิต
แจ้งสมดุลคุณงามในความคิด
รู้สึกสิทธิ์รักษาคุณฟ้าดิน

ด้วยโลกรักลูกล้วนทั้งมวลมั่น
ไม่เคยหันหลังให้อาศัยสิ้น
กี่มากน้อยร้อยรัดลูกกัดกิน
ควรหรือผินหลังไร้ซึ่งไยดี
                 ..
คารวะอาหารทานมื้อเที่ยง
โลกยังเลี้ยงเรามาเหมือนหน้าที่
ขอบคุณดินน้ำฟ้าผู้อารี
ขาดโลกนี้ขาดแคลนแดนชีวิต

            ธรรมดา
     ๓ / ๑๒ / ๒๕๖๒
(https://upic.me/i/l8/000111.png)


กระทู้: " เสียงกวี "
เริ่มกระทู้โดย: Thammada ที่ 25 เม.ย. 20, 17:02
(https://upic.me/i/eh/civilizationvi.jpg)

        ๐ ภาระ ๐

……ที่รัก
โลกนี้จักดำรงการหลงใหล
รูปรสเสียงซึ้งซ่านสำราญใด
จะย้อมใจเราล้วนแต่ชวนชม

นู่นนี่นั่นสรรพสรรบันเทิงทั่ว
ใครจะกลัวความเหงาเข้ามาข่ม
โลกยังยิ้มหยิบยื่นความรื่นรมย์
ให้นิยมยินดี ตามที่เป็น
                 
เรายอมรับข้อแม้ตั้งแต่เกิด
สาธุเทิดทุกข์สุขแห่งยุคเข็ญ
จึงเงื่อนไขเร่งเท้าทุกเช้าเย็น
หาสิ่งเซ่นศรัทธาพายุร้าย

วิ่งตามลมซมซานจนกร้านกล้า
ถึงรู้ค่าสมควรที่ขวนขวาย
หลังรุ่งลาญหวานขมเคยงมงาย
แก้กระหายแห่งตนให้พ้นพบ

ว่าการเกิดการุณย์บุญญายิ่ง
หนึ่งในสิ่งอัศจรรย์จึงบรรจบ
เส้นชีวิตวาดวางทางควรคบ
ทั้งรู้หลบเรื่องร้ายอบายบัง

นับถนอมในตนเช่นคนซื่อ
บ่าแบกถือมือมั่นไม่หันหลัง
ผูกภาระหลากหลายแทบพ่ายพัง
แต่คนยังยิ้มสู้ ให้ดูดี

โลกต้องเป็นเช่นนี้นะที่รัก
ยิ่งรู้จักมันมากยิ่งอยากหนี
แต่ยิ่งถอยยิ่งเสียท่าต้องราวี
หากทุกการเสียที จะมีชัย ๚

            ธรรมดา
    ๒๓ / ๑๑ / ๒๕๖๒
(https://upic.me/i/1e/22017812.gif)


กระทู้: " เสียงกวี "
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 26 ก.ค. 20, 07:15
เรื่องหดหู่
 
 คุณดีใจคุณไม่ถูกสั่งฟ้อง
 คุณดีใจที่เงินทองช่วยกางกั้น
 คุณดีใจที่ครอบครัวประคองกัน
 คุณดีใจที่ยุติธรรม์ไม่ถึงคุณ
 มีคนตายก็ตายไปไม่ติดคุก
 ชีวิตจะเป็นสุขแสนอบอุ่น
 เหมือนอยู่ในฟองสบู่อุ่นละมุน
 ลอยหอมกรุ่นอยู่ในสายชีวิน
 
 แต่คุณจะเสียใจอยู่ในลึก
 เมื่อตรองตรึกนึกได้ไม่สุดสิ้น
 คุณฆ่าเขา คุณทิ้งเขาบนผืนดิน
 หัวใจคุณจะแหว่งวิ่นไม่สมบูรณ์
 จะกินนอนอย่างไรไม่เต็มสุข
 เหมือนมีคุกในใจไม่สิ้นสูญ
 เสียงก่นด่าร่ำไห้ใจอาดูร
 คือกองกูณฑ์ก่อไว้อยู่ในลึก

 ถึงคุณผู้ไม่ทำตามหน้าที่
 เหมือนรอยตราต่อตีปิดผนึก
 ความผิดบาปจะหลอกหลอนในสำนึก
 เหมือนออกศึกแต่ยอมใจให้ศัตรู
 ภาพวันนี้จะตีตรึงไปวันหน้า
 กาลเวลาจะบันทึกความอดสู
 คนรุ่นหลังจะสำรวจขมวดดู
 เรื่องหดหู่จะหลอนเรานานเท่านาน

 ชมัยภร แสงกระจ่าง
 ๒๔ กรกฎาคม ๒๕๖๓


(http://upic.me/i/i6/2201761.png)


กระทู้: " เสียงกวี "
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 19 ก.ย. 20, 11:54
(http://www.reurnthai.com/index.php?action=dlattach;topic=2421.0;attach=11810;image)

ตั้งจิตอธิษฐาน
ขอบัวบานในดวงใจ
สัจจะอันอยู่ใน
จงตระการบานดังบัว

ขอให้ความมุ่งมั่น
บรรลุพลันฝันระรัว
ที่มืดและหมองมัว
จงคลายคลี่ให้มีทาง

ชุมนุมใสสะอาด
ใดพินาศให้ไกลห่าง
ใดกรอบใดบอบบาง
ให้แข็งแกร่งมีแรงยัน

ขอความพิสุทธิ์ใส
จากดวงใจที่รวมกัน
เป็นพลังอันสร้างสรรค์
และงามงดทุกบทตอน

ช้าช้ามีสติ
ใดแตกปริระวังก่อน
มีภัยอย่าใจร้อน
ระวังสิสติมา

ดอกบัวจงบานกระจ่าง
ส่องสว่างในขวัญหล้า
งามวาดทุกยาตรา
ประสบชัยนะวัยเยาว์

ชมัยภร แสงกระจ่าง
๑๙ กันยายน ๒๕๖๓

(https://upic.me/i/1e/22017812.gif)


กระทู้: " เสียงกวี "
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 20 ก.ย. 20, 16:59
(https://f.ptcdn.info/966/070/000/qgybobfy2vX53SO5Aa6-o.jpg)


รุ้งต่อรุ้ง

เมื่อเนิ่นนานผ่านมาเกือบร้อยปี
เขามองเห็นสิ่งนี้ ความใฝ่ฝัน
เขาชื่อรุ้ง ยอมตนประจญประจัญ
สังเวยวันด้วยคุกทุกข์รันทด
เขายืนยันสันติประชาธิปไตย
เฝ้ากู่ก้องร้องไปใจกำสรด
ยุคสมัยเผด็จการผ่านโค้งคด
น้ำตารดอดีตช้ำย่ำเท้ารอ

เธอชื่อรุ้ง เช่นกัน ณ วันนี้
ส่งประกายฉายรวีการสืบต่อ
แปดสิบปีเจ็บช้ำน้ำตาคลอ
น้องยื่นช่อดอกไม้ให้มวลชน
งดงามในความงามของชีวิต
ทุกก้าวร้อยต่อคิดตั้งแต่ต้น
เธอชื่อรุ้งเรืองรองผ่องมณฑล
งามทุกก้าวพราวพ้น คำใดใด

รุ้งต่อรุ้งย่อมฉายประกายส่อง
รุ้งต่อรุ้งประคับประคองให้อยู่ได้
รุ้งต่อรุ้งย่อมถักทอต่อกันไป
สิ ฝนตกในแผ่นดินนี้ด้วยปรีดา

ชมัยภร แสงกระจ่าง
๒๐ กันยายน ๒๕๖๓

(http://upic.me/i/8y/692872ophsrirm7c.gif)


กระทู้: " เสียงกวี "
เริ่มกระทู้โดย: Thammada ที่ 10 ต.ค. 20, 12:35
(https://i.ibb.co/9YYGL0Z/Hand-in-hands.jpg)

    ๐ กระซิบนคร ๐
                 ..
ตึกทรงสูงสู่ฟ้าบรรดาศักดิ์
สัญลักษณ์โลกใหม่มีไว้หวัง
ก่อบันไดไปเป็นคนเด่นดัง
ปีนขอบขังความคิดสิทธิ์เสรี
                 
เขาหรือเธอทุ่มท้าปัญญาชน
ศรัทธาผลพร่างพรายระบายสี
หอมไฟฝันดินฟ้าในธานี
ทุกก้าวที่ทอดท้า อนาคต

มากสัมมาอาชีพให้รีบเร่ง
เขาต้องเก่งเธอกล้าจึงปรากฏ
นั่น! รุ้งรางกลางกองเกียรติยศ
ต้องผ่านบทลำบากอยู่มากมาย
                  ..
ครั้นสังคมเคยหรู เริ่มดูแย่
ฝันคงแค่ความฝันเมื่อมันหาย
เหมือนสาวซึ่งเจ็บช้ำเพราะคำชาย
ฝืนทรงทรุดสุดท้าย ทำลายกัน

เมื่อเมฆครึ้มมาขู่ ฤดูฝน
ดอกไม้หล่นลงคว้างเซ่นทางฝัน
จะค่อยค่อยเหือดหายเมื่อปลายวัน
คอยเช้านั้นช่างหนาวในยาวนาน

หากจะมีฝนมาเมื่อฟ้ารุ่ง
เพียงวันพรุ่งหมื่นพันจุดบรรสาน
ดอกฝนหนึ่งนับได้ดอกไม้บาน
ร้อยเป็นล้านดอกใบในแผ่นดิน
                  ..
กี่ร้างรุ้งหลังฝน ฟังคนฝัน
นับฟ้านั้นมีเมฆไม่เสกสินธุ์
คนเคยมีความหวังเมื่อพังภินท์
ย่อมต้องดิ้นรนสู้ในหมู่คน
                   ..
โน่นแน่ะ! ความงดงามยังสามหาว
ท้าทุกก้าวที่กล้า จะฝ่าฝน
สังเวยวันหดหู่วิญญูชน
กล่อมกมลเมื่อหน้าประชาชัย

ผ่านฟ้ารุ่งพรุ่งนี้ อีกกี่รุ่ง
เขายังมุ่งดวงมานเธอหวานไหว
แม้มืดยังยาวนานการจุดไฟ
แต่ต้นให้ดอกดื่นได้ฟืนเฟือง
           
            ธรรมดา
      ๑๐ / ๑๐ / ๒๕๖๓
(https://i.ibb.co/hLGBwG7/000111.png)
"ขอบคุณ อ.เพ็ญชมพู ครับผม"
ห่างหายไปหลายเดือน งานที่เขื่อนเยอะมากครับช่วงฤดูฝน
ทำให้ขาดความมั่นคงในจินตนาการได้ง่าย
(http://upic.me/i/i6/2201761.png)


กระทู้: " เสียงกวี "
เริ่มกระทู้โดย: Thammada ที่ 15 พ.ย. 20, 10:04
(https://media.giphy.com/media/10s421g4bUltFC/giphy.gif)

๐ สดับดาว ๐(อินทรวิเชียรฉันท์ ๑๑)

สดับดาวดื่นฟ้า              ฟังลม
สวดส่งสวัสดิ์ชม           แช่มช้อย
พิศะพร่างโพยม             ยอยิ่ง ฟ้าเอย
เดือนปลั่งดาวรวงร้อย    เลื่องชั้นอัปสร ๚

ร่มร่มฤดีเทอญ                ธุระเกินก็วางก่อน
ค่ำค่ำทิฆัมพร                  ภวะจรจะดูดาว

ลุกลุกมิรอรี                     สดุดีนภาพราว
นั่นนั่นมหันต์หาว           สหสรวงสวรรค์ศิลป์

ดึกดึกจะโดยดล               ภวะจนกระจ่างจินต์
ลึกลึกก็รวยริน                 ระบุรื่นฤดีดวง

นอนนอนสะท้อนถึง       นภซึ่งพิสัยสรวง
ร่ำร่ำระบำบวง                 บุระเลื่อง ณ เบื้องบน

ฝันฝันถลันเลิศ                ดละเกิดประกอบกล
ใดใดพิสัยผล                   ก็กมลมนุสสา

เช้าเช้าสุรีย์สรรค์              นภนั้นคละเมฆา
ร้อนร้อนจะวอนว่า          สุขะมามโนมัย ๚

                          ธรรมดา
                     ๑๔/ ๑๑/ ๒๕๖๓
(https://upic.me/i/l8/000111.png)


กระทู้: " เสียงกวี "
เริ่มกระทู้โดย: Thammada ที่ 26 พ.ย. 20, 10:09
(https://upic.me/i/rk/01moon.png)
    ๐ จันทร์เสี้ยว ๐

ช่วงต้นเดือนธันวาอากาศหนาว
แสงส่งข่าวบอกลาก่อนฟ้าค่ำ
เวิ้งว้างอยู่โดยรอบอย่างชอบธรรม
เรไรร่ำบรรเลงเพลงราตรี

หลังม่านมืดโรยตัวไปทั่วป่า
ดาวบนฟ้าคึกคักคือสักขี
นกกลางคืนตื่นตารับอารี
สังคมที่ทุกอย่างต่างช่วงชิง

มืดกว่าเก่าเข้าครอบความบอบบาง
ช่วงสว่างพ่ายแพ้ก่อนแน่นิ่ง
โลกค่ำคืนตื่นเต้นตามเป็นจริง
สู้ต่อสิ่งที่เชื่อจากเมื่อวาน

หลายเริ่มต้นต้องกล้ากลางป่าเปลี่ยว
บ้างกินเที่ยวพอพักไม่หักหาญ
ทุกชีวาหน้าที่ต่างมีงาน
ที่ต้องหว่านหวังผลบนแผ่นดิน

ยิ่งดึกยิ่งเงียบงันทรงจันทร์เสี้ยว
ความเปล่าเปลี่ยวตอบมาจากผาหิน
หนาวน้ำค้างน้ำตาจนชาชิน
ก็ถวิลถึงฟ้าเพราะอาลัย

แม้เหน็บหนาวร้าวรักยังหนักหน่วง
หากทุกห้วงแห่งกาลก็หวานไหว
เก็บกำลังฝังแฝงจำแลงใจ
ยิ้มอยู่ในคืนหนาวกับดาวเดือน

            ธรรมดา
       ๒๓/๑๒/๒๕๖๒
(http://dl.glitter-graphics.net/pub/730/730781bg075bv3l4.gif)


กระทู้: " เสียงกวี "
เริ่มกระทู้โดย: Thammada ที่ 26 พ.ย. 20, 10:25
(https://upic.me/i/7g/lonelycover.png)
       ๐ ประหยัด ๐

อยากประหยัดความเหงาเอาไว้บ้าง
เพราะกลัวว่าวันอ้างว้างจะห่างหาย
ห่วงแววตาว้าเหว่ทะเลทราย
จะสุดสายตาเคียงเพียงลำพัง
                 ..
ต้องผ่านผันวันคืนยืนร้องไห้
กว่าจะได้ดื่มกินความสิ้นหวัง
ซุ่มสันโดษแดดวงในรวงรัง
จึงเห็นฝั่งเวิ้งว้างกลางเวลา

กว่าจะเหงาเท่านี้นะที่รัก
ต้องแตกหักกับวันเคยหรรษา
หลายรอยยิ้มห่างหายจากสายตา
เฝ้ามองฟ้าหดหู่อยู่คนเดียว

เริ่มรู้จักเข้าใจยามไร้ญาติ
อยู่อย่างขาดมิตรแท้ที่แลเหลียว
โลกร้อยลี้หลงร้างทางเคยเทียว
ต้องเปล่าเปลี่ยวประจำยามค่ำคืน

ฟังเสียงลมเรรวนกำสรวลโศก
ซึ้งเพลงโลกระทมที่ขมขื่น
ยินอยู่เช้าสายค่ำความกล้ำกลืน
จนเป็นอื่นอ้างว้างกลางคืนวัน
                  ..
อยากประหยัดความเหงาเอาไว้ว่า
ในหนึ่งหยดน้ำตาต้องกล้าฝัน
เก็บทุกความขมขื่นขึ้นยืนยัน
ให้แสงสรรค์โชติช่วงในดวงมาน ๚

             ธรรมดา
       ๒๐/๑๒/๒๕๖๒
(http://dl10.glitter-graphics.net/pub/581/581880way1k9e19g.gif)


กระทู้: " เสียงกวี "
เริ่มกระทู้โดย: Thammada ที่ 30 พ.ย. 20, 16:23
(https://i.ibb.co/zQtMHqq/Don-t-Cry.jpg)

  ๐ เพลงที่เธอร้อง ๐

อย่าร้องไห้ให้คนเห็นเป็นคนแกร่ง
เธอต้องแข่งความท้อต้องต่อสู้
โลกดีบ้างก็ร้ายหลายฤดู
คอยเป็นครูให้เธอเสมอมา

ยิ้มสักนิดให้เงาความเศร้าโศก
แม้อับโชคเจ็บช้ำยังนำหน้า
ก็เก็บไว้ในทรวงในดวงตา
ต่อศรัทธาเพิ่มพ้องทำนองทาง

เธอจะพ้นพบวันแสงจันทร์ส่อง
หรือไม่ท่องเท้าท้าถึงฟ้าสาง
จะเห็นวันฝันเห็นไม่เว้นวาง
ไม่ก็ห่างที่เห็นเช่นเงาจันทร์

หากเจ็บช้ำแทนเธอเสมอได้
จะร้องไห้แทนเธอทุกเวอร์ชั่น
กุมมือน้อยคล้อยขื่นขึ้นยืนยัน
ว่าโลกนั้นใช่ร้างเหลือทางเทียว
                 ..
ไม่มีใครทำเธอให้เข้มแข็ง
เท่าเธอแกร่งขึ้นข้ามสายน้ำเชี่ยว
กี่กำลังลุกล้มฝ่าคมเคียว
เธอผู้เดียวดื่มด่ำในคำนึง
                 ..
ฉันเขียนรุ้งให้โลกคราโศกเศร้า
ขับความเหงาความงามเธอถามถึง
เชื่อมดินดลหนหาวดาวดึงส์
แม้ไม่ซึ้งสักนิดมิตรราตรี

หากจิตจารผจงพอองอาจ
ก็อยากวาดดอกไม้หลายสิบสี
กำนัลวันฟ้าหม่นให้คนดี
ห่างวิถีทุกข์ท้อจะพอเพลิน

เห็นฟ้างามยามค่ำคอยย้ำยิ้ม
อุ่นเช้าอิ่มแสงเช้าดั่งหาวเหิน
เห็นฝันฟากฝากย้ำในดำเนิน
ให้ก้าวเกินกว่าก้าวเคยร้าวราน
                 ..
แล้ววันที่ฟ้าเปิดก็ปรากฏ
ให้รับรสสุนทรอันอ่อนหวาน
ฟังฟ้าหนึ่งดินได้ ดอกไม้บาน
เล่านิทานทักทายจากสายลม ๚
                 ..
            ธรรมดา
       ๒๙/๑๑/๒๕๖๓
(https://i.ibb.co/DR6LNhP/86vf5y376dj2.gif)


กระทู้: " เสียงกวี "
เริ่มกระทู้โดย: Thammada ที่ 01 ม.ค. 21, 20:57
(https://i.ibb.co/fCH0x9M/62953.jpg)

             ๐ กาละวัฏ ๐ (กมลฉันท์ ๑๒)

วระซึ่งสวัสดี                         สุจะศรีสดับดัง
กละเก่าก็เล่าหลัง                   รตะเรื่องระทมทน

กิจะใดสะดุดเดิน                   ขณะเขินคะเนผล
นิรมาณประการกล                ก็จะเกื้อประสพชม

ชิวะเชิญดำเนินใน                  ทิศะใสสวัสดิ์สม
สิริหนึ่งนภาพรม                     ภวะพ้องฉลองสิน

ชุติซึ่งจะพึงพบ                       สุประสพชโลมริน
สมะไซร้ ณ ใดดิน                   ฤดิดั่งอลังการ

สุรทรงประสงค์สรรค์             มนะมั่นอุบายบาน
ชนะหนักลุศักดิ์สาน                ปฏิภาณผดุงดล

วระซึ่งสุวรรณฉาย                  สุขจายชโลมชน
วสะใดอำไพผล                       กะพิพัฒน์พะนอนาน ๚


                                 ธรรมดา
(https://i.ibb.co/C7H7K0w/34k86umwz68.gif)


กระทู้: " เสียงกวี "
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 02 ก.พ. 21, 09:30
(https://ruyiii.files.wordpress.com/2013/09/the-pigeon-with-a-broken-wing_small.jpg)

นกพิราบปีกหัก

เมื่อเช้านี้นกพิราบปีกหัก
กระอึกกระอักสะเทือนสะท้านเกินต้านได้
ข่าวร้ายข้ามขอบฟ้ามาไม่ไกล
รินน้ำตาอาบไหลร่วมใจเดียว

เพิ่งจะกางปีกบินขึ้นเหินฟ้า
เพิ่งเช็ดเลือดน้ำตาได้ประเดี๋ยว
เจ้าพิราบปีกอ่อนไม่ปราดเปรียว
เพียงชั่วเสี้ยวตระหนกก็ตกพับ

นกพิราบเมียนมาร์น้ำตาร่วง
นกพิราบทั้งปวงก็ร่วงดับ
นกพิราบทั่วโลกก็โศกยับ
อกเขาอับอกเราอ่อนร้าวรอนใน


                ชมัยภร แสงกระจ่าง
         ๑ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๔


(http://dl10.glitter-graphics.net/pub/581/581880way1k9e19g.gif)


กระทู้: " เสียงกวี "
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 29 มี.ค. 21, 18:30
นกพิราบเจ้าเอย

 ไม่รู้จะพูดกับใครที่ไหนแล้ว
 เมื่อปีกแก้วแหลกกระจุยเป็นผุยผง
 บนคคนานต์นั่นฟ้าอันควรทระนง
 กลับร่วงลงผล็อยผล็อยพร้อยพื้นดิน

 เสียงประเปรี้ยงดังก้องสนั่นโลก
 ปีกเจ้าโชกกายเจ้าดับใจกลับดิ้น
 เสียงคราวญคร่ำร่ำกระหึ่มทั้งธรณินทร์
 ใครได้ยินบ้างไหมใจจงฟัง
 
 นั่นมนุษย์นะท่านใช่ก้อนหิน
 นั่นแขนขาใช่บินได้ดังหวัง
 เมื่อถูกปืนย่อมล้มได้ไร้กำลัง
 เลือดเนื้อย่อมพ่ายพังต่อเหล็กไฟ

 นั่นผู้หญิงนะท่านใช่พฤกษา
 ยิงก็เข้าเห็นกับตาเห็นใช่ไหม
 นั่นเด็กเด็กนะท่านมองเอาไว้
 ยิงครั้งใดก็ดับดิ้นสิ้นชีวี

 รินน้ำตาทุกครั้งที่ยินข่าว
 แสนปวดร้าวเมื่อหันมาที่นี่
 โอ้บ้านเขาไฟกาฬบรรลัยมี
 โอ้บ้านเราวันนี้มีใครฟัง

        ชมัยภร แสงกระจ่าง
        ๒๘ มีนาคม ๒๕๖๔


(http://upic.me/i/8y/692872ophsrirm7c.gif)


กระทู้: " เสียงกวี "
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 29 มี.ค. 21, 20:08
ตร.พม่า โต้ ‘แองเจิ้ล’ นางฟ้าแห่งมัณฑะเลย์ สาววัย 19 ร่วมม็อบต้านรัฐประหารไม่ได้ถูกยิงโดยตำรวจ หลังบุกขุดศพจากสุสาน ขณะที่รอยเตอร์ยืนยันด้วยภาพ นาทีก่อน ‘แองเจิ้ล’ ถูกยิง

ต่อมา สถานีโทรทัศน์ MRTV ของทางการเมียนมาได้ชี้แจงสาเหตุที่มีการขุดศพ แองเจิ้ล ขึ้นจากหลุมที่สุสาน เพื่อต้องการนำไปชันสูตรศพ โดยคณะแพทย์ รวมทั้ง ผู้พิพากษา และตำรวจ ซึ่งมาเป็นสักขีพยานการชันสูตรศพ พบว่า มีรอยกระสุนเจาะเข้าบริเวณกะโหลกศีรษะด้านหลังของแองเจิ้ล ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 1.2 เซนติเมตร และในสมองมีรอยเจาะ ขนาด 0.7
สถานีโทรทัศน์ MRTV ยังรายงานว่า ขณะเกิดเหตุ เจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงระบุว่ามีการเผชิญหน้ากับกลุ่มผู้ชุมนุมต่อต้านรัฐประหารในลักษณะประจันหน้ากัน ทว่ารอยกระสุนบนศีรษะของแองเจิ้ลนั้น แสดงให้เห็นว่าถูกยิงมาจากด้านหลัง และเธอถูกยิงด้วยปืนขนาดลำกล้อง.38 ดังนั้น จึงสามารถสรุปได้ว่าแองเจิ้ลถูกลอบสังหารโดยกลุ่มคนที่ต้องการให้เกิดการไร้เสถียรภาพ
อยเตอร์ชี้ว่า ผู้ชุมนุมต้านรัฐประหารในเมืองมัณฑะเลย์เมื่อวันพุธที่ 3 มี.ค.เปิดเผยว่า พวกตนถูกยิงด้วยกระสุนจริงในช่วงเวลาที่แจ สิ่น ซึ่งสวมเสื้อยืดสีดำ สกรีนข้อความบนหน้าอกเสื้อว่า ‘Everything will be OK’ เสียชีวิต ซึ่งภาพของรอยเตอร์ที่ตีพิมพ์เผยแพร่ แสดงให้เห็นว่า เจ สิ่น ได้หันศีรษะไปยังแนวตำรวจปราบจลาจล ในช่วงก่อนเธอจะถูกกระสุนเข้าที่ศีรษะด้านหลังจนเป็นเหตุให้เสียชีวิต.

https://www.thairath.co.th/news/foreign/2045427


กระทู้: " เสียงกวี "
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 30 มี.ค. 21, 11:20
(https://gript.ie/wp-content/uploads/2021/03/Ma-Kyal-Sin.jpg)

แด่...สาวน้อยแห่งมัณฑะเลย์

มะเจซิน
โลกยลยินภาพนามนี้สุดหวั่นไหว
วีรสตรีประชาธิปไตย
เผด็จการพรากเธอไปที่เมียนมา

ด้วยมือซุ่มยิงอำมหิต
มันมุ่งปลิดจิตใจอหิงสา
เลือดแดงพุ่งกระฉูดทาบทา
ปลุกเพื่อนให้มุ่งหน้าฝ่าฟัน

"ถ้าฉันเป็นอะไรไป
มอบร่างฉันให้ใครได้ทั้งนั้น
เพื่อชีวิตผู้อื่นผู้โรมรัน"
ปฏิญาณมุ่งมั่นมะเจซิน

        ปรีดา ข้าวบ่อ
      ๔ มีนาคม ๒๕๖๔


(http://dl10.glitter-graphics.net/pub/581/581880way1k9e19g.gif)


กระทู้: " เสียงกวี "
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 26 มิ.ย. 21, 08:48
นิราศโควิดบุรี

 ต้องจำร้างห่างหายไม่เห็นหน้า
 ทุกคืนค่ำร่ำร้องนองน้ำตา
 อนิจจาทุกข์เศร้าร้าวชีวี

 นับต้นปีหกสามโรคลามร้าย
 ต้องกักตัวหัวหายใจหดหนี
 ทำท่าเหมือนจะคุมได้ใกล้ใกล้ดี
 ตอนปลายปีเริ่มเริงร่าพากันครื้น

 พอเหยียบเข้าหกสี่อนิจจา
 สงกรานต์เดือนเมษาแสนขมขื่น
 เป็นสงกรานต์ปีสองต้องกล้ำกลืน
 กราบพระน้ำตารื้นน้ำตานอง

 โควิดลามงามหน้าพญาวัน
 เริ่มคับขันฝืนตาแม่ค้าหมอง
 คนทำมาหากินสิ้นครรลอง
 ได้แต่มองหน้ากันฝันหนีไกล

 ประเทศอื่นฉีดวัคซีนชีวินชื่น
 ประเทศไทยฝืดฝืนน้ำตาไหล
 รอวัคซีนก็เลื่อนไม่เหมือนใจ
 โอ้ อะไรอะไร มารุมเร้า

 โควิดขึ้นเหมือนเห็ดที่โน่นนี่
 คลัสเตอร์มาถี่ถี่ก็แสนเศร้า
 ทั้งในคุกนอกคุกไม่บรรเทา
 ทั้งโรงเล่าโรงเรียนก็เพียรมา

 แม้แต่หมอพยาบาลมันรู้จัก
 เข้าประชิดฝากรักให้หนักหนา
 เตียงไม่มีเตียงไม่พอท้ออุรา
 ชาวประชาน้ำตานองแสนหมองตรม

 จะกราบพระอย่างไรให้เรารอด
 จะกกกอดความสุขใดให้เหลือข่ม
 คิดถึงครูสุนทรร้อนคำคม
 ขอคำครูสู้อารมณ์ที่ขุ่นมัว

 ขอให้กลอนชำระคราบความเศร้า
 ขอให้กลอนบรรเทาความมืดสลัว
 ขอให้กลอนเสริมใจให้ไม่กลัว
 ขอให้ชัวร์ชัวร์ในว่าใจมี

 จะได้หยัดยืนสู้ช่วยกู้จิต
 จะได้เชื่อมชีวิตเต็มศักดิ์ศรี
 วันนี้วันสุนทรภู่ครูกวี
 กราบเอาแรงด้วยยินดีมีชัยเทอญ

         ชมัยภร แสงกระจ่าง
         ๒๖ มิถุนายน ๒๕๖๔


(http://upic.me/i/8y/692872ophsrirm7c.gif)



กระทู้: " เสียงกวี "
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 25 ก.ค. 21, 17:32
พรรษาธิษฐาน

     ขอ บ้านเมืองคลี่คลายหายทุกข์โศก
     ขอ ให้โลกเคลื่อนไปได้ดังเก่า
     ขอ ให้คนแบ่งปันช่วยบรรเทา
     ขอ ให้แพทย์ทันเท่าเจ้าโรคร้าย

     ให้ ผู้คนเรียนรู้การอยู่ร่วม
     ให้ สมรมสำรวมสู่จุดหมาย
     ให้ หลีกเรื่องสารพันอันตราย
     ให้ แสงฉายสำนึกรู้ทุกผู้คน

     มี ความรักต่อกันฉันมนุษย์
     มี ดวงใจพิสุทธิ์ทุกแห่งหน
     มี มุ่งมาดหมายซึ่งจะพึ่งตน
     มี ตายลสิ่งต่างอย่างลงตัว

     เรื่อง ขัดแย้งไม่เห็นเป็นขัดแย้ง
     เรื่อง ขันแข่งก็เห็นเป็นยิ้มหัว
     เรื่อง หลอกหลอนยิ้มได้ไม่น่ากลัว
     เรื่อง มั่วมั่วก็ขำได้ไม่ว่ากัน

     ดี พอได้ดีพองามดียามยาก
     ดี ลำบากดีลำบนดีจนฝัน
     ดี แต่เหนื่อยดีแต่หน่ายดีรายวัน
     ดี ประจันดีประจญดีผลมี

     เข้าพรรษาอธิษฐานเบิกบานยิ่ง
     ล้วนแต่สิ่งนึกฝันทุกวันวี่
     หวังแต่หวังว่าเมื่อคิดตั้งจิตดี
     โลกรอบตัวย่อมคลายคลี่เป็นศรีเทอญ

              ชมัยภร แสงกระจ่าง
              ๒๕ กรกฎาคม ๒๕๖๔
                 วันเข้าพรรษา


(https://upic.me/i/1e/22017812.gif)


กระทู้: " เสียงกวี "
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 04 ก.ค. 22, 10:35
(https://ak-d.tripcdn.com/images/1i61q22344u45kwu9181D_R_400_400_R5_Q90.jpg?proc=source/trip)

หิ่งห้อย

 วับวับวิบพริบพรายในความมืด
 โลกที่ชืดชากร่อยค่อยมีแสง
 ดั่งดวงดาวดวงน้อยร้อยรุ่งแรง
 กระพริบแซงซ้อนซ้อนเป็นพรพราย

 เจ้าผู้เป็นแสงหวังสว่างหล้า
 เจ้าผู้คล้อยเคลื่อนคลาวาบวาบหาย
 เจ้าผู้เป็นทิพย์ธิดาราตรีราย
 เจ้าผู้จุดประกายฝันแก่คน

 โลกของเด็กตราตรึงหนึ่งหิ่งห้อย
 หนึ่งตัวน้อยแต่ยิ่งใหญ่ในใจหม่น
 วันที่ล้าทุกข์เหงาร้าวทุรน
 หนึ่งแสงดลดาลใจให้คลายทุกข์

 เจ้าเป็นฝันเจ้าเป็นไฟในชีวิต
 เจ้าสถิตเป็นแสงแห่งความสุข
 เจ้าเป็นอัญมณีศรีแห่งยุค
 เจ้าปลอบปลุกให้รักยิ่งสิ่งแวดล้อม

 สิ่งแวดล้อมไม่ดีไม่มีเจ้า
 เจ้าเตือนเราให้รู้จักรักถนอม
 หนึ่งแสงวิบจุดประกายไพรพฤกษ์น้อม
 ขอก้มค้อมแก่หิ่งห้อยตัวน้อยนิรันดร์

       ชมัยภร แสงกระจ่าง
       ๓ กรกฎาคม ๒๕๖๕


(http://dl10.glitter-graphics.net/pub/581/581880way1k9e19g.gif)


กระทู้: " เสียงกวี "
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 05 ก.ค. 22, 15:35
Think Again

        คอยอ่อนน้อม ถ่อมตน ในความรู้
        อย่าผยอง ว่าตัวกู นั้นยิ่งใหญ่
        คอยยำเกรง ความไม่รู้ คู่กันไป
        อย่าหยุดใฝ่ แสวงหา ปัญญาเดิม

        ร่วมคิดใหม่ ทำใหม่ ด้วยใจเปิด
        ร่วมให้เกิด ความสงสัย ให้ส่งเสริม
        ร่วมตรวจทาน ทบทวน ความเชื่อเดิม
        เพื่อให้เพิ่ม ปัญญาใหม่ ไว้แบ่งปัน

        ขอคิดใหม่ ทำใหม่ ได้ประโยชน์
        ลดความโกรธ คลายความเกลียด สร้างความฝัน
        Think Again สร้างสิ่งใหม่ ไปพร้อมกัน
        ช่วยสร้างสรรค์ สังคมดี ที่เป็นจริง

                 ชัชชาติ สิทธิพันธุ์
           คำนิยมหนังสือ Think Again

(https://upic.me/i/l8/000111.png)


กระทู้: " เสียงกวี "
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 14 ก.ค. 22, 11:35
จากวันอาสาฬหบูชาถึงวันเข้าพรรษา

๏ ระลึกแรกพระพุทธเจ้า     แสดงธรรม
แก่เหล่าปัญจวัคคีย์จำ        แห่ห้อม
พระโกณฑัญญะนำ           ขอบวช
รัตนตรัยจึงพร้อม             ครบถ้วนสามประการ ฯ

๏ กราบกรานน้อมแนบเกล้า เนาดิน
พระคุณย่ิงปฐพิน              แกร่งกล้า
ตรัสรู้เพื่อชีวิน                 ล้ำเลิศ มนุษย์เฮย
โปรดสัตว์ทั้งแหล่งหล้า      ร่วมร้อยนิรวาณ ฯ

๏ ปณิธานจิตตั้ง              ตามมา
ขอแต่บุญรักษา               จิตไว้
สามเดือนแห่งพรรษา         ฝนฝาก
จักส่องมองในไซร้            สติพร้อมยอมธรรม ๚ะ๛

              ชมัยภร  แสงกระจ่าง
              ๑๔ กรกฎาคม ๒๕๖๕

(https://upic.me/i/1e/22017812.gif)


กระทู้: " เสียงกวี "
เริ่มกระทู้โดย: Thammada ที่ 13 ก.ย. 23, 13:08

  ๐ สุดสายน้ำเชี่ยว ๐

แสงแดดอ่อนอรุณเริ่มอุ่นหล้า
ภาพท้องนาผืนนั้นในวันเก่า
ปลุกสำนึกริบหรี่โลกสีเทา
ที่คละเคล้าควัน-คนอย่างทนทาน
                  ...
อยากมีฝันวันคืนอันตื่นตา
ได้เทียบท่าธงทิวมีวิวหวาน
หากวาดหวังดั่งได้ดอกไม้บาน
สมผสานสักครั้งที่ยังยืน

เมื่ออยากมีให้มากไม่อยากหยุด
มองไม่สุดไม่ชัด ยังขัดขืน
แต่ละก้าวเก็บกำความกล้ำกลืน
ก่อเป็นฟืนเป็นไฟในดวงตา

ต้องเจ็บจมคมหนามตามเล่ห์โลก
สุขบ้างโศกแซกซัดสิ่งขัดขา
เพื่อจะพ้นพบฝันของมรรคา
ก็ต้องกล้ากว่าเก่าอีกเท่าทน

ถึงบางอ้อ อารมณ์ประสมสี
เพราะอยากมีอยากได้อยู่หลายหน
ลืมคำเล่าหลายเรื่องของเมืองคน
ในม่านหม่นมายาและอารมณ์

เธอมาไกลกว่าเก่าได้เท่านี้
จำโลกที่เธอท้าเอามาห่ม
พบไม่พบภาพฝันพระจันทร์จม
ก็สั่งสมให้สร้างเป็นทางเทียว
                  ...
แสงเช้าซึ่งอ่อนโยนจากโพ้นฟ้า
เหนือทุ่งนาผืนเก่าภูเขาเขียว
โอบอาภรณ์อ่อนช้อยรับรอยเรียว
สายน้ำเชี่ยวสุดสาย ถึงปลายทาง ๚

          ธรรมดา
      ๑๒/๙/๒๕๖๖
ขอบพระคุณ อ.เพ็ญชมพู ครับผม
ห่างหายไปนานพอสมควรครับ


กระทู้: " เสียงกวี "
เริ่มกระทู้โดย: Thammada ที่ 14 ก.ย. 23, 06:30
(https://i.ibb.co/whHrZdc/images-1-2.jpg) (https://imgbb.com/)


สองเท้าที่ก้าวกล้าย่อมสาหัส
มือเคยมัดเป้าหมายให้หลายหน
กายเคยแกร่งเคยก้มเพราะคมคน
ใจอับจนก็แจ้งจากแรงใจ
                ...
คนขับเรือรู้คลื่นที่ฝืนฝ่า
หากรู้ว่าหมดหวังก็หวั่นไหว
แล้วเรือจะรอดล่มจากคมใคร
คนย่อมไม่ถึงฝั่งที่หวังนั้น

พ้อพายุน้อยใหญ่ อยู่ในอก
หนักเท่านกที่ท้าเอาฟ้าฝัน
หากไร้คลื่นโหมหามอยู่ตามกัน
รู้เรือมั่นอยู่ไหม วัดใจคน

มองไม้ใหญ่ยืนโตโชว์กิ่งก้าน
ประสบการณ์ความกล้ากี่ฟ้าฝน
พายุใหญ่ไฟฟอนกี่ร้อนรน
ยิ่งเติบตนยิ่งต้านต่อมารมวล

มองตัวเราเท่าไหนในโลกกว้าง
กี่ขีดขวางคอยขั้นให้ผันผวน
ต้องรุก-รับ หรือหลบ ต้องทบทวน
ยิ่งจำนวนยิ่งหนุนเป็นคุณคม
                  ...
เมื่อมองโลกมองเรามองเขาด้วย
แม้ไม่ช่วยให้ชื่นหรือขื่นขม
มองเพื้อพักตักหล้าและอารมณ์
เพื่อผสมสีสัน สู่วันชัย ๚

         ธรรมดา
     ๑๒/๙/๒๕๖๖

(https://i.ibb.co/yNgNcF8/22017812.gif) (https://imgbb.com/)


กระทู้: " เสียงกวี "
เริ่มกระทู้โดย: Thammada ที่ 06 ต.ค. 23, 18:27
(https://i.ibb.co/F4Z8vcp/image.jpg) (https://imgbb.com/)

        ๐ เยาวชน ๐(กาพย์ยานี ๑๑)

เธอคือเยาวชน            เติบตนตระหนักแค่ไหน
สร้างสรรค์สมวันวัย     วาดวิถีวาดชีวิต

ดีงามได้ตามแต่ง         ด้วยลำแข้งคุมลิขิต
ก้าวย่างอยู่ทางทิศ      ที่ควรค่าราคาคน

สังคมมีคมมาก            หลายหลากลึกต้องฝึกฝน
สร้างชาติคือสร้างชน  สร้างตนต่อเป็นข้อควร

คำแม่จำแลรัก             คำพ่อหนักให้หันหวน
คุณท่านต้องทบทวน   ทั้งตอบแทนคุณแผ่นดิน

สำนึกในศึกษา            ชาติเป็นมามีชาติสิน
เอกผู้พระภูมินทร์        มิ่งขวัญศาสน์ที่ชาติทรง

เธอคือเยาวชน            จักพ้นผู้ทั้งรู้-หลง
เมื่อมือเธอถือธง          ที่ศรัทธาสง่างาม ๚
      
                      
                        ธรรมดา
(https://i.ibb.co/yNgNcF8/22017812.gif) (https://imgbb.com/)