ปั้นสาย ขัดเงา สีตับหมู (ตับเป็ด) ประมาณสมัยรัชกาลที่ 5 ตรงกับปลายราชวงศ์ชิง สยามคิดหุ่นปั้นแล้วสั่งทำจากจีน เรียกว่า “ปั้นอย่าง” หรือ “ปั้นอย่างสยาม” ส่วนมากเป็นปั้นขนาด 200-500 มล. ขณะใช้งานนิยมวางบนจานรองปั้น หรือชามรองปั้น
ปั้นสาย=ปั้นที่มีวงโค้งสำหรับหิ้ว (อีกแบบคือ ปั้นหู ที่หูจับติดเป็นเนื้อเดียวกับกา)
.
สีตับหมู หรือสีตับเป็ด เรียกกันตามสำเนียงแต้จิ๋วว่า “กัวเซ็ก” หรือจีนกลางว่า “กานเส่อ” (肝色-Gān sè) แปลตรงตัวได้ว่า “สีตับ” เป็นสีโทนน้ำตาลอมม่วง น้ำตาลแดง หรือน้ำตาลเข้ม ได้รับความนิยมในสมัยรัชกาลที่ 2-5 โดยพบข้อมูลจากหนังสือเรื่อง “ปั้นชาและเครื่องถ้วยชาจีน” ของมัตตัญญู ที่กล่าวถึงปั้นชาสีตับหมูที่นิยมในสมัยโบราณว่า “สียิ่งเข้มยิ่งดี” แต่สีดำสนิทนั้นไม่นิยม เพราะไม่ได้เกิดจากสีของดินแท้ๆ
.
ปั้นชาสีตับ หรือ กัวเซ็ก ทำจากดินจื่อซา (紫砂 – zǐshā) ประเภท จื่อหนี (紫泥 - zǐ ní)(ดินม่วง) จากเมืองอี๋ซิง ประเทศจีน เผาด้วยอุณภูมิกว่า 1000 องศาเซลเซียส จากนั้นนำมาขัดผิวให้เงา-ใส่สายหิ้ว-เลี่ยมขอบในสยาม ปั้นดินจื่อหนีมีคุณสมบัติเก็บความร้อนได้ดี มีรูพรุนมากกว่าปั้นสีแดง(จูหนี) จึงทำให้สามารถเก็บกลิ่นชาไว้ในเนื้อปั้นได้มาก จนมีผู้นิยมดื่มชาบางท่านกล่าวว่า ปั้นชาจื่อหนี สามารถชงชาผูเอ่อร์ได้รสชาติกลมกล่อมที่สุด ยิ่งใช้บ่อยยิ่งชงชาได้หอมลึกซึ้งยิ่งนัก ชงชาที่มีรสขมก็กลับกลายเป็นหวาน (หวานอย่างชามิใช่หวานอย่างน้ำตาล)
---------
ดินจื่อซาใช้ทำปั้นชามาตลอดตั้งแต่สมัยหมิงเป็นต้นมา แต่ในยุคหลังมีปั้นที่ทำเลียนแบบรูปทรง แต่ไม่ได้ใช้ดินจื่อซาแท้แบบปั้นอี๋ซิง เนื่องจากช่างฝีมือดีๆและดินจื่อซาคุณภาพดี มีราคาแพง จึงพบเห็นปั้นรูปทรงโบราณ แต่ทำจากดินอื่นที่มีเนื้อสีดำๆ ดินแม่น้ำ ดินกระถาง หรือแม้แต่ดินเคมี
.
การขัดเงา จากการอ่านพบว่ามีหลายวิธี เช่น ขัดด้วยกากเพชร ใบกล้วย น้ำยาชักเงา ฯลฯ ซึ่งผู้ที่สามารถขัดเงานั้นหาได้ยากยิ่งในปัจจุบัน
.
ระโยง
https://www.facebook.com/Kenniegallery/posts/1588148794682976