ก็มีประเด็นที่น่าสนใจ
ภาษาไทยมาตรฐานที่ใช้ในสมัยก่อนจะมีพจนานุกรมฉบับราชบัญฑิตสถาน พ.ศ.2493 มีอักขรวิธีอย่างหนึ่ง หลังจากปี พ.ศ.2493 จึงมีการปรับอักขระวิธีเป็นดังเราใช้กันส่วนมากในปัจจุบัน ก็ใช้ต่อเนื่องกันมาจนกระทั่งมีพจนานุกรมฉบับใหม่การประกาศใช้ในปี พ.ศ.2525 แล้วก็มีฉบับใหม่ใน พ.ศ.2554
ผมไม่เคยเปรียบเทียบความต่างในเชิงของอักขรวิธีระหว่างพจนานุกรมทั้ง 3 ฉบับ ก็เชื่อว่าจะต้องมีแน่นอน เพราะในระหว่างช่วงเวลาของแต่ละมาตรฐานใหม่ ก็มีย่อมพัฒนาการต่างๆและเกิดเรื่องใหม่ๆที่เกียวกับชีวิตเรามากมาย เกิดมีคำและศัพท์ต่างๆเกิดขึ้น รวมทั้งการขยายความหมายของคำเดิมหรือใช้คำที่มีอยู่เดิมไปในความหมายอื่นใดที่เพิ่มขึ้นมา ในระหว่างช่วงเวลานั้นๆ การสะกดคำใหม่ๆ การเรียกชื่อ/ตั้งชื่อสิ่งใหม่ๆก็เกิดขึ้นมา มีทั้งในรูปของคำอธิบายและการบัญญัติคำ/คำศัพท์ขึ้นมาใหม่ อยู่ในสภาพมีความหลากหลาย ขาดมาตรฐานหรือความเป็นหนึ่งเดียวกัน ก็จึงเป็นปกติที่จะต้องมีการสังคายนาให้เป็นหนึ่งเรื่องเดียวกัน ซึ่งก็อาจจะทำให้เกิดมีการบัญญัติศัพท์ใหม่ขึ้นมาเป็นการเฉพาะ
คงนึกออกภาพนะครับว่า ผู้ที่มีชีวิตอยู่คร่อมช่วงเวลาของการเปลี่ยบนแปลงตั้งแต่ก่อน พ.ศ.2493 ถึงปัจจุบันนี้ จะพบกับอะไรบ้างในเรื่องของการเขียน/การใช้ภาษา ที่แย่ก็คือ เมื่อสูงวัยจัดๆ ความจำมันเลอะเลือน และเป็นปกติที่มักจะย้อนกลับไปนึกออกถึงสิ่งที่ถูกโปรแกรมไว้เป็นมาตรฐานในสมองตั้งแต่ในวัยเด็ก การเขียนผิด-ถูกของผู้สูงวัยจึงดูจะเป็นเรื่องที่ต่างไปจากคนหนุ่มสาวในปัจจุบัน