ในที่สุดข้อมูลการศึกษาระยะที่ ๓ วัคซีน Sputnik V ของรัสเซีย ได้มีการเผยแพร่ในวารสารชื่อดัง Lancet กลบข้อกล่าวหาที่เคยคลุมเครือในอดีต ประสิทธิภาพสูงถึง ๙๑.๑% โดยสถาบันกามาเลยาของรัสเซีย ทดลองกับอาสาสมัคร ๑๙,๘๖๖ ราย โดยพบผู้ติดเชื้อ ๑๖ รายที่อยู่ในกลุ่มผู้ได้รับวัคซีนจริง และพบผู้ติดเชื้อ ๖๒ ราย ที่ได้รับวัคซีนหลอก
วัคซีน Sputnik V เป็นไวรัส Vector เช่นเดียวกับ AstraZeneca ที่ใช้ adenovirus เป็นตัวนำสารพันธุกรรมเข้าสู่เซลล์มนุษย์แล้วให้เซลล์มนุษย์สร้างโปรตีนเปลือกผิวของไวรัสโควิด ที่เรียกว่าสไปรท์โปรตีน AstraZeneca ใช้ adenovirus ของลิงชิมแปนซี เพื่อหวังหลบหลีกภูมิต้านทานของมนุษย์ ใช้ ๒ เข็มเหมือนกัน วัคซีนSputnik V ของรัสเซียใช้ adenovirus ของมนุษย์ แต่ใช้ไวรัส ๒ ตัว คือ adenovirus 5 และ adenovirus 26
การฉีดใน ๒ เข็ม วัคซีนที่ใช้ฉีดจะต่างชนิดกัน เช่นครั้งแรกให้ adenovirus 5 เข็มที่ ๒ จะให้ adenovirus 26 เพื่อป้องกันภูมิต้านทานต่อ adenovirus ที่ฉีดในเข็มแรก มารบกวนการสร้างภูมิต้านทานของเข็มที่ ๒ ซึ่งก็มีเหตุผล จากการทดลองของรัสเซียพบว่า ถ้าให้ไวรัสชนิดเดียวที่ เป็น vector ตัวเดียวกัน การกระตุ้นเข็มที่ ๒ ภูมิต้านทานจะขึ้นน้อย ไม่เหมือนกับการใช้ไวรัสต่างชนิด ภูมิคุ้มกันจะขึ้นสูงมากกว่า ดังนั้นวัคซีน Sputnik V ของรัสเซียจะฉีดเข็มที่ ๑ และ ๒ จะต้องมีการแยกแยะจากกัน จะไม่ฉีดไวรัสเวกเตอร์ตัวเดียวกัน เหมือนอย่างใน AstraZeneca
วัคซีน Sputnik V ได้ขึ้นทะเบียนให้ใช้ในภาวะฉุกเฉินแล้ว ๑๗ ประเทศ และให้ทะเบียนแบบปกติ ๑ ประเทศ ราคาที่ประกาศไว้บนหน้าเว็บของบริษัทก็บอกไว้ว่าราคาไม่เกิน ๑๐ ดอลลาร์สหรัฐ ขึ้นอยู่กับการต่อรอง เป็นวัคซีนที่น่าสนใจอีกตัวหนึ่ง
ข้อมูลจาก
เฟซบุ๊กของคุณหมอยง ภู่วรวรรณ