เรือนไทย

General Category => ภาษาวรรณคดี => ข้อความที่เริ่มโดย: หมูน้อยในกะลา ที่ 03 เม.ย. 06, 13:55



กระทู้: เรียนเชิญคุณจิตแผ้ว แล ผองมิตร
เริ่มกระทู้โดย: หมูน้อยในกะลา ที่ 03 เม.ย. 06, 13:55
 ...ริ เป็น . นัก กลอน .  นอน หลับ ?
ลุก ขึ้น !! . ขยับ . เส้น สาย
อย่า ให้ . เสีย ชั้น . เชิง ชาย
อวด ลาย . รู้ เช่น . เป็น ไร  
เชิญ มิตร . จิต แผ้ว . แพรว ผ่อง
มา ลอง . ให้ คลาย . สง สัง
ฝี ไม้ . ลาย มือ . ปาน ใด
ฝาก ไว้ . ให้ ชื่อ . ลือ ชา ฯ
 

วันนี้หมูฯ ผู้อารมณ์ดี  รู้สึก คันไม้ มันส์มือ อย่างไรก็มิทราบได้
หันไปหาใคร ก็เคร่งเครียด ซีเรียส ไปเสียหมด หันไปหันมาเจอกระทู้ " เมื่อริจะเป็นนักกลอน อย่านอนเปล่า " ของครูจิตแผ้วเข้า

จึงได้ (บังอาจ)สวมหัวโขน ชุดหมูน้อยฯท้ารบ  ..เรียนเชิญครูจิตแผ้ว มาช่วยชี้แนะแนวทาง มาลับฝีมือ ไว้ลายเสียสักหน่อย ถือว่าเป็นด่านประการแรก เพื่อเชื่อมไมตรี ครูฯคงไม่ถือสาหาความกัน เมื่อเฮฮาประสาคนกลอนกันแล้ว ต่อไปก็ไม่แคล้วทักทายกันง่ายขึ้น
ครั้งนี้ก็ขอถือโอกาส ขอเชิญสมาชิกบ้านเราร่วมสนุก ผูกกลอนสดกันดีกว่า(หลังจาก เคร่งเครียดกันมาสักพักใหญ่) ผิดถูกคงไม่ว่ากัน เน้นมิตรสำพันธ์เป็นอันเป้าหมาย และ ถือเป็นการทำความรู้จักคุณครูจิตแผ้ว กับ เจ้าหมูน้อยฯ ไปในตัว(ที่จริงอาจไม่อยากรู้จักก็ได้ ฮ่าๆ)  น่า ..นะครับ นานๆหมู ฯจะออกมานั่งชานเรือนกับเขาสักที
..มา  ครับมา. มาร่วมสนุกกันดีกว่า

ปล.เขาว่ากันว่า(เขาน่ะใครก็ไม่รู้)

สร้างมิตร คนเดียว ยากกว่า สร้างศัตรู สิบคน

..วันนี้หมูฯ ขอทำเรื่องยากๆสักวันเถอะ!!


กระทู้: เรียนเชิญคุณจิตแผ้ว แล ผองมิตร
เริ่มกระทู้โดย: จิตแผ้ว ที่ 04 เม.ย. 06, 04:34
 ขอบพระคุณไมตรีที่มีให้
ขอขอบใจไมตรีที่เสนอ
เชื่อมสัมพันธ์เป็นมิตรกันฉันและเธอ
อาจพบเจอได้พึ่งพาอาศัยกัน
 เจ้าหมูน้อยคนดีมีชาติเชื้อ
 เป็นขุนนางทางเหนือแดนสุขสันต์
 เมืองแสนงามคนยิ่งงามตามเผ่าพันธุ์
 เชื้อเจ็ดตน เป็นประกัน นั้นแน่นอน


กระทู้: เรียนเชิญคุณจิตแผ้ว แล ผองมิตร
เริ่มกระทู้โดย: หมูน้อยในกะลา ที่ 04 เม.ย. 06, 10:00
 รอนาน    พาลง่วง   ลวงหลับ
ขดขยับ   นับท่า   เพลาผัน
นานที   พี่ยา   ไม่มากัน
ปล่อยฉัน   นั่งเหงา  เฝ้าคอย ฯ


 ความคึก   หึกเหิม  เริ่มลด
กำลัง  ใจหด   ถดถอย
เกาหัว  หาวไป   ใจลอย
หมูน้อยฯ   หดหู่    รู้ตัว ฯ


 เห็นคุณ   จิตแผ้ว  แกล้วกล้า
แวะมา  เชื้อเชิญ  เกริ่นหัว
"  ริเป็น  นักกลอน  อย่ากลัว..
จะมัว   นอนยาว   ปล่าวใย " ฯ


 หมูน้อยฯ   นั่งนึก   คึกคัก
ร้องทัก   ยิ่มย่อง   ผ่องใส
ริกล้า    ท้าดวล   ชวนไป
หาใช่  ตีตน   เสมอครู ฯ


 เริ่มก่อน   กลอนหก   ยกให้
แม้นไม่   ไพเราะ  เพราะหู
ช่วยสั่ง  สอนเช่น  เป็นครู
ให้รู้   เชิงชั้น   ปัญญา ฯ


 เชิญพี่   ชวนน้อง   ผองมิตร
ร่วมจิต  คิดกลอน  ก่อนหนา
กลอนแปด   กลอนหก   ยกมา
สรวญเส   เฮฮา  ประสาเรา ฯ ..

...  ....   ....  . ...


กระทู้: เรียนเชิญคุณจิตแผ้ว แล ผองมิตร
เริ่มกระทู้โดย: Little Sun ที่ 04 เม.ย. 06, 23:47
 จะแต่งต่อกลอนกันแบบไหนคะ คือต้องถามก่อนค่ะ
เพื่อจะได้เข้าใจก่อน เพราะถ้าแต่งต่อกันหลอนบรรทัดที่สองคนถัดไปต้องคล้องจองกับคนก่อนหน้า หรือว่ายังไงคะ


กระทู้: เรียนเชิญคุณจิตแผ้ว แล ผองมิตร
เริ่มกระทู้โดย: จิตแผ้ว ที่ 05 เม.ย. 06, 05:20
 ไม่รู้ เหมือนกัน SUN น้อย
เชิญตอบ ข้อถ้อย กังขา
ให้แต่ง ฉันใด วราห์
บอกมา ให้แจ้ง แถลงไป
  ขอถาม สารทุกข์ สุกดิบ
  กระซิบ ข้อความ ถามไถ่
  หมูน้อย สบายดี หรือไร
  ขอได้ ตอบรับ กลับมา
เราไม่ ใช่ปราชญ์ ฉลาดรู้
แค่ครู ผูู้น้อย ด้อยค่า
ขอบใจ หมูน้อย ในกะลา
เชิญมา บรรเลง เพลงกลอน


กระทู้: เรียนเชิญคุณจิตแผ้ว แล ผองมิตร
เริ่มกระทู้โดย: หมูน้อยในกะลา ที่ 05 เม.ย. 06, 17:35
 จักแต่งคล้อง  จองกับ  ศัพท์ท้ายบท
ก็สวยสด  ชื่นสม  ชมอักษร
ท่านจึ่งเพรียก  เรียกขาน  เป็นงานกลอน
สโมสร  กลอนสด  งดออมมือ ฯ


กระทู้: เรียนเชิญคุณจิตแผ้ว แล ผองมิตร
เริ่มกระทู้โดย: Little Sun ที่ 06 เม.ย. 06, 01:29
 เพิ่งหัดใหม่ ไม่คล่อง ต้องขยัน
เขียนทุกวัน พลันดี เพราะฝึกปรือ
บทนี้ยาก บากบั่น ปั่นหาสระอือ
คำไหนหรือ ถือว่าเหมาะ เสาะหามา

หมูน้อยในกะลาเล่นลงท้ายด้วยสระอือ ทำเอาลิตเติ้ล
เหนื่อยเลยฮะๆสรุปแต่งต่อกันใช่ไหมคะ


กระทู้: เรียนเชิญคุณจิตแผ้ว แล ผองมิตร
เริ่มกระทู้โดย: หมูน้อยในกะลา ที่ 06 เม.ย. 06, 11:37
  . นั่งอ่านไป  ให้ยิ้ม  กระหยิ่มขำ
ลิตเติ้ลทำ  ให้ตรึก  นึกขึ้นได้
หากเราแปลง  แต่งอักษร  บทกลอนมา
แต่postช้า  เขาแซงไป  ทำไงดี ?  

?? ??


กระทู้: เรียนเชิญคุณจิตแผ้ว แล ผองมิตร
เริ่มกระทู้โดย: หมูน้อยในกะลา ที่ 06 เม.ย. 06, 11:48
 . นั่งอ่านไป  ให้ยิ้ม  กระหยิ่มขำ
ลิตเติ้ลทำ  ให้ตรึก  นึกได้หนา
หากเราแปลง  แต่งอักษร  บทกลอนมา
แต่postช้า  เขาแซงไป  ทำไงดี ?  


. กลอนข้างต้น ลืมไป ไม่คล้องจอง
ก็เลยต้อง แต่งใหม่พ่วง  ห่วงศักดิ์ศรี
..สรุปแต่ง  "ไงก็ได้  สบายดี
แต่งหลายที ชักงง สงสับเบลอ...


กระทู้: เรียนเชิญคุณจิตแผ้ว แล ผองมิตร
เริ่มกระทู้โดย: ชื่นใจ ที่ 06 เม.ย. 06, 20:18
 ...หมูน้อยฯ บอกให้ ตามใจฉัน
ลงมือ ทันควัน พลันเสนอ
หมูน้อยฯ คล้อยบ่าย คงหายเบลอ
คำ "เออ" ...หาได้ ลงท้ายไป

...ฝากกลอน นี้ไว้ แล้วหายหน้า
คงอีก นานช้า แวะมาใหม่
อย่าเพิ่ง เลิกรา หายหน้าไป
สอบเสร็จเมื่อใด จะรีบมา


กระทู้: เรียนเชิญคุณจิตแผ้ว แล ผองมิตร
เริ่มกระทู้โดย: จิตแผ้ว ที่ 07 เม.ย. 06, 05:58
 ขอจง รีบกลับ มาเร็ววัน
ช่วยกัน สร้างสรรค์ ศิลป์ภาษา
เติมฝัน หมูน้อย ในกะลา
สมดั่ง จินตนา ค่าอนันต์


กระทู้: เรียนเชิญคุณจิตแผ้ว แล ผองมิตร
เริ่มกระทู้โดย: MathGuy ที่ 07 เม.ย. 06, 16:32
 อ่านๆดู น่าสนุก ขอแจมด้วย
คำไม่สวย คมขำ อย่าเบือนหน้า
สอนแต่เลข คิดแต่เลข ใช่เย็นชา
มีเวลา อยากฝึกร้อย เรียงถ้อยคำ    


กระทู้: เรียนเชิญคุณจิตแผ้ว แล ผองมิตร
เริ่มกระทู้โดย: หมูน้อยในกะลา ที่ 07 เม.ย. 06, 20:23
 . . . คุณจิตแผ้ว  เข้าใจเคลื่อน  เลื่อนไปนิด  
ว่าผมสืบ  สายสนิท  สิทธิ์ท่านขุน
แต่ที่แน่  แท้จริงคือ  ถือเป็นบุญ
ราชตระกูล  บรรพกษัตริย์  ถัดสืบมาฯ

. . . เจ้าทิพย์ช้าง  ทางเหนือ  เมื่อหนหลัง
โหลน เหลนยัง  รำพึง  คะนึงหา
ตัวผมเอง  สามัญชน  คนธรรมดา
มิอาจกล้า  ริมาเปรียบ  เทียบศักดิ์ใครฯ

. . . เรื่องหนหลัง  กาลครั้งก่อน  สะท้อนจิต
ให้รู้คิด  รู้ทิศทาง  เดินอย่างไหน
อย่างน้อยน้อย  ค่อยรู้สึก  นึกภูมิใจ
เลือดภายใน  สอนให้ตรับ  รับใช้ชนฯ

. . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . .


กระทู้: เรียนเชิญคุณจิตแผ้ว แล ผองมิตร
เริ่มกระทู้โดย: หมูน้อยในกะลา ที่ 07 เม.ย. 06, 20:35
 เปลี่ยนเรื่องคุยกันดีไหม๊ครับ ?
เรายังไม่ตั้งหัวข้อเรื่องจะคุยอะไรกันดีเลย..  

....เปลี่ยนคุยเรื่อง  การเมือง-มุ้ง  สะดุ้งหาย
อ.เทาฯปราย  หางตามอง  สยองขน !!
ถ้าเช่นนั้น  ขอคุยเฟื่อง  เรื่องทุกคน
เที่ยวแห่งหน  ตำบลไหน  ไปสงกรานต์

               


กระทู้: เรียนเชิญคุณจิตแผ้ว แล ผองมิตร
เริ่มกระทู้โดย: จิตแผ้ว ที่ 08 เม.ย. 06, 05:57
 ตรุษสงกรานต์เฝ้าบ้านผสานรัก
ช่วยฟูมฟักครอบครัวไทยให้สุขสันต์
เติมรักเต็มเข้มข้นขึ้นทุกวัน
ครองรักกันชั่วนิจนิรันดร


กระทู้: เรียนเชิญคุณจิตแผ้ว แล ผองมิตร
เริ่มกระทู้โดย: จิตแผ้ว ที่ 08 เม.ย. 06, 06:12

ขอต้อนรับสุภาพบุรุษคณิตศาสตร์
เสริมเติมวาดโคลงกลอนอักษศิลป์
ปากเป็นเอกเลขเป็นโทสมดังจินต์
ให้ระบิลเลื่องชื่อเขาลือชา


กระทู้: เรียนเชิญคุณจิตแผ้ว แล ผองมิตร
เริ่มกระทู้โดย: เฟื่องแก้ว ที่ 08 เม.ย. 06, 06:42

.
ให้คุยเฟื่อง เฟื่องก็มา ประสาเฟื่อง
จะคุยเรื่อง เที่ยวไหน ให้สุขสนาน
ชวนแม่ชื่น สาวเปรี้ยว เที่ยวสงกรานต์
ไปเบิกบาน ที่ลอนดอน ก่อนเป็นไร

กินเป็ดย่าง โฟร์ซีซั่น อันลือเลื่อง
เที่ยวชมเมือง ให้เพลิดเพลิน เดินไถล
ตลาดห้าง ดูร้านค้า น่าืตื่นใจ
ใครจะไป เที่ยวด้วย ช่วยยกมือ..


กระทู้: เรียนเชิญคุณจิตแผ้ว แล ผองมิตร
เริ่มกระทู้โดย: เฟื่องแก้ว ที่ 08 เม.ย. 06, 06:45
 ตอบช้าไปค่ะ
ตั้งใจต่อกลอนคุณหมูน้อย ฯ คคห. 13 แต่ไม่ทันคุณจิตแผ้ว
เป็นอันว่าตกไป
ใครจะต่อจากคุณจิตแผ้วก็ได้นะคะ


กระทู้: เรียนเชิญคุณจิตแผ้ว แล ผองมิตร
เริ่มกระทู้โดย: Little Sun ที่ 08 เม.ย. 06, 08:15
 ต่อความเห็นที่14ของคุณจิตแผ้วก็แล้วกันนะคะ

สิบหกเมษาว่าจะไปเที่ยววัด
จัดงานสืบสานประเพณีไทยน่าสุขสันต์
ขอเชิญชวนมวลมิตรที่วัดไทยวอชิงตัน
วันนั้นใครไปได้ให้บอกมา

แต่งไม่ง่ายเลยนะคะกลอนนี่ แต่สนุก
ขาดๆเกินๆต้องขออภัยด้วยนะคะ


กระทู้: เรียนเชิญคุณจิตแผ้ว แล ผองมิตร
เริ่มกระทู้โดย: หมูน้อยในกะลา ที่ 08 เม.ย. 06, 11:13
 . . . อยากจะทัวร์  ที่ลอนดอน  ตะลอนเที่ยว
โธ่!! ห่อเหี่ยว  อยู่แสน...ไกล   ไม่ถึงฝัน
อยากไหว้พระ ณ. วัดไทย  วอชิงตัน
Little Sun  ไหว้เผื่อด้วย  ช่วยแบ่งบุญฯ



.. นี่ของหนู ห้ามแย่ง!!.
.....งั๊บๆ..


กระทู้: เรียนเชิญคุณจิตแผ้ว แล ผองมิตร
เริ่มกระทู้โดย: หมูน้อยในกะลา ที่ 08 เม.ย. 06, 11:18
 สงกรานต์ อากาศร้อนๆ แบบนี้
ได้แตงโมแช่เย็น หวานๆสัก ซีก  ก็คงจะดี


กระทู้: เรียนเชิญคุณจิตแผ้ว แล ผองมิตร
เริ่มกระทู้โดย: นิรันดร์ ที่ 08 เม.ย. 06, 12:28
 เห็นแตงโมมโหฬารกับหลานเล็ก
ในวัยเด็กเคยด่ำขย้ำหมุน
ละเลงหน้าอ้างับสรรพคุณ
ที่นอนอุ่นอาจฉ่ำจากน้ำแตง

ที่ไม่หวานแคะใส่จานน้ำตาลโรย
สักพักโพยใส่ปากได้ไม่แสลง
ลูกที่อ่อนคุณยายไปใส่แกง
ทั้งเขียวแดงชมพูขาวกินเข้าไป


กระทู้: เรียนเชิญคุณจิตแผ้ว แล ผองมิตร
เริ่มกระทู้โดย: นิรันดร์ ที่ 08 เม.ย. 06, 12:46
 อเมริกาอยู่ไกลเกินใจเอื้อม
มีเน็ตเชื่อมช่วยส่งภาพมาให้
ได้ดูเห็นพอเป็นกำลังใจ
สงกรานต์ไปบางกอกขอบอกกัน

โลหะปราสาทวัดราชนัดดา
เสาชิงช้าสะพานเหล็กสะพานหัน
วัดอรุณวัดพระแก้วท่าพระจันทร์
จราจรผ่อนพลันเที่ยวสบาย    


กระทู้: เรียนเชิญคุณจิตแผ้ว แล ผองมิตร
เริ่มกระทู้โดย: หมูน้อยในกะลา ที่ 08 เม.ย. 06, 14:18
   ..พบอาจารย์  นิรันดร์  พลันนึกออก
เมืองบางกอก  สถานที่ มีหลากหลาย
ท่องเที่ยวไทย  ใกล้แดน  แสนสบาย
เดินทางง่าย  ได้ทุกที่  มีครบครันฯ


กระทู้: เรียนเชิญคุณจิตแผ้ว แล ผองมิตร
เริ่มกระทู้โดย: หมูน้อยในกะลา ที่ 08 เม.ย. 06, 14:39
 ..ปรกาศ ..

มีข่าวคราว กล่าวแถลง  แจ้งมวลมิตร
ว่าที่ศูนย์  สิริกิติ์  มิผิดผัน
งานสัปดาห์  ขายและซื้อ  หนังสือกัน
พรุ่งนี้วัน  สุดท้ายไซร้  รีบไปกันฯ


กระทู้: เรียนเชิญคุณจิตแผ้ว แล ผองมิตร
เริ่มกระทู้โดย: หมูน้อยในกะลา ที่ 08 เม.ย. 06, 14:42
 พรุ่งนี้หมูฯจะไป ใครฝากซื้อหนังสือ อะไรบ้างไหมครับ?
หรือใครจะไปบ้าง?? ไปเจอกันในงานก็ได้นะครับ


กระทู้: เรียนเชิญคุณจิตแผ้ว แล ผองมิตร
เริ่มกระทู้โดย: MathGuy ที่ 08 เม.ย. 06, 15:07
 ต่างๆคน ต่างที่ไป คนละที่
ขอให้มี ล้นเปี่ยมสุข สนุกสนาน
ผ่านเวียนมา 13 เมษา วันสงกรานต์
36 ปีก่อนนั้น ได้ลืมตา

Happy Birthday To me เย็นฉ่ำชื่น
ทุกครอบครัว ได้กลับคืน ได้เห็นหน้า
สาดน้ำเล่น เป็นประเพณี สืบนานมา
รำลึกคุณ พ่อแม่ย่า ปู่ตายาย  


( เกือบไม่รอด !    )


กระทู้: เรียนเชิญคุณจิตแผ้ว แล ผองมิตร
เริ่มกระทู้โดย: ชื่นใจ ที่ 09 เม.ย. 06, 00:57
 "แม่ชื่นใจ" ...เสียงใคร? ได้ยินแว่ว
อ๋อ...เฟื่องแก้ว แจ้วเสียง สำเนียงใส
มาชวนฉัน ย่ำเท้า เข้ากรุงไกร
หัวเมืองใหญ่ ลอนดอน นครงาม

"ขอโทษเถิด...เฟื่องจ๋า" ถ้าต้องบอก
สาวบ้านนอก เลี้ยงขน ไว้ล้นหลาม
ดินพอกหาง พอกหัว พอกตัวตาม
พยายาม สะสาง ทั้งเช้าเย็น

ตกสภาพ อนาถใจ ไฟลนก้น
แหม...ทั้งร้อน ทั้งรน จนไหม้เหม็น
"ทำการบ้าน" หน้าที่ นี้จำเป็น
ขอแม่เฟื่อง เล็งเห็น และเอ็นดู

โอกาสหน้า ฟ้าใหม่ ไม่รอช้า
จะไปหา ถึงถิ่น แผ่นดินหรู
หอบมิตรจิต ไปด้วย ช่วยอุ้มชู
เลี้ยงให้อยู่ ยืนไกล เป็นไมตรี


กระทู้: เรียนเชิญคุณจิตแผ้ว แล ผองมิตร
เริ่มกระทู้โดย: ชื่นใจ ที่ 09 เม.ย. 06, 01:00
 ฝากถ้อยถึง ทุกคน บนเรือนไทย
สวัสดี ปีใหม่ ใกล้ดิถี
แม่ชื่นขอ อัญเชิญ คุณพระตรีฯ
จงบันดล ผลดี แด่ทุกคน

โดยเฉพาะ MathGuy ใกล้วันเกิด
แฮปปี้เบิร์ท เดย์ด้วย อำนวยผล
ขอคุณพระ มอบสิ่ง มิ่งมงคล
ปัดภัยพ้น ... สงบ-พบสุขเย็น


กระทู้: เรียนเชิญคุณจิตแผ้ว แล ผองมิตร
เริ่มกระทู้โดย: จิตแผ้ว ที่ 09 เม.ย. 06, 07:22
 ในวาระดิถีขึ้นปีใหม่
ขออำนวยอวยชัยให้สุขสันต์
ความเจ็บไข้ให้หายไปโดยพลัน
อภัยกันเคยขัดข้องความหมองใจ


กระทู้: เรียนเชิญคุณจิตแผ้ว แล ผองมิตร
เริ่มกระทู้โดย: ศรีปิงเวียง ที่ 09 เม.ย. 06, 11:40
 สวัสดีทุก ๆ ท่านอีกคราวหนึ่ง
โอกาสซึ่งใกล้สงกรานต์ขึ้นปีใหม่
อาราธนาคุณพระศรีรัตนตรัย
จงคุ้มภัยอุบัติเหตุเภทภัยเทอญ

(ตั้งใจว่าจะแต่งให้ยาวกว่านี้ แต่คิดอีกทีคงไม่ได้ความ ต้องตามคนอื่นมาช่วยแก้ไข
เพราะคิดอย่างไรก็คิดไม่ออก แต่อยากฝากบอกทุก ๆ ท่านในนี้ ว่าขอให้ประสบพบพานสิ่งดี ๆ ปฏิบัติตนเป็นศรีแก่วงศ์ตระกูล มา ณ ที่นี้ เทอญ)
โอ้!    


กระทู้: เรียนเชิญคุณจิตแผ้ว แล ผองมิตร
เริ่มกระทู้โดย: นิรันดร์ ที่ 09 เม.ย. 06, 13:29
อันบางกอกบอกว่าเวลาเก่า
เรียกขานเล่าว่าเวนิสน่าอิจฉา
จะไปไหนไปได้ด้วยเภตรา
ไม่มีรถมีรามากวนใจ

อนิจจามากรุงฯกันตอนนี้
เวนิสลี้คลองหนีไปที่ไหน
พอฝนมาฟ้ากระหน่ำลงคราวใด
คลองค่อยผุดโผล่ให้มาเห็นกัน

เดือนสงกรานต์เป็นเวลาก่อนหน้าฝน
รถยนต์วิ่งอลวนขมีขมัน
ทิ้งกรุงเทพฯกลับบ้านนอกออกพร้อมกัน
บางกอกพลันเหมือนร้างบางประชา


กระทู้: เรียนเชิญคุณจิตแผ้ว แล ผองมิตร
เริ่มกระทู้โดย: นิรันดร์ ที่ 09 เม.ย. 06, 14:05
จงสุขสันต์วันเกิดเถิด MathGuy
ขอความเครียดให้คลายหายเถิดหนา
วันสงกรานต์จงชื่นบานในวิญญาณ์
สรงน้ำพระแล้วมาสาดน้ำกัน

เอาน้ำใสใส่อบไทยให้หอมฟุ้ง
เอาแป้งปรุงประหน้าทาให้ขัน
แล้วยิ้มย่องปรองดองน้องพี่พลัน
ตั้งใจมั่นกราบแม่พ่อเราขอพร

เตรียมผ้าน้อยผ้าใหญ่สักหลายผืน
บรรจงยื่นกราบเท้าท่านที่สอน
ให้เป็นคนตนใหญ่ให้อุทร
ให้ที่กินที่นอนแต่ก่อนมา

ทดแทนท่านเท่าใดแม้ไม่หมด
แต่อย่างดระลึกมั่นถึงท่านหนา
เป็นแบบอย่างกุมารที่ตามมา
กตัญญุตาอยู่ในใจไทยทุกคน


กระทู้: เรียนเชิญคุณจิตแผ้ว แล ผองมิตร
เริ่มกระทู้โดย: Little Sun ที่ 09 เม.ย. 06, 18:24
 เห็นอาจารย์นิรันดร์แต่งกลอนถึงวัดในกรุงเทพ
รู้สึกคิดถึงกรุงเทพจับใจ เพราะมีวัดดีๆและสวยเยอะ

งานหนังสือไม่เคยพลาดไปครั้งนี้ก็พลาด
วันสุดท้ายคนคงเยอะน่าดูนะคะ

แต่ละคนแต่งกลอนได้ฝีมือเยี่ยมๆทั้งนั้น
ลิตเติ้ลนั่งพักอ่านก่อนดีกว่า
ขออู้ก่อนนะคะ
   


กระทู้: เรียนเชิญคุณจิตแผ้ว แล ผองมิตร
เริ่มกระทู้โดย: 111 ที่ 10 เม.ย. 06, 15:17
 แวะเข้ามาอ่านจ้า.....  


กระทู้: เรียนเชิญคุณจิตแผ้ว แล ผองมิตร
เริ่มกระทู้โดย: ศรีปิงเวียง ที่ 11 เม.ย. 06, 12:06
 กำลังโพสต์กระทู้โรคทางพันธุกรรมอยู่ดี ๆ
รักกันไว้เถิด ก็เปลี่ยนร่างเป็น เย็นทั่วหล้า มหาสงกรานต์แล้วครับ  
อยากให้วันสงกรานต์ เหมือนกลอนของ อ. นิรันดร์ครับ


กระทู้: เรียนเชิญคุณจิตแผ้ว แล ผองมิตร
เริ่มกระทู้โดย: หมูน้อยในกะลา ที่ 11 เม.ย. 06, 16:50
 . .  วันสงกรานต์  ในปีนี้  ยินดีนัก
เพราะว่าจัก  กลับคืนถิ่น  ถวิลหา
คืนวันเลื่อน  นับเดือนปี  กี่เวลา
คิดแล้วน้ำ  ในตา  เอ่อมาคลอ ฯ

. . หวนคำนึก  นึกถึงแม่  ท้อแท้อก
เหมือนนรก  สุมอกไหม้  ทำไมหนอ
แม่จึงพราก  จากไกล  ไม่อยู่รอ
คิดแล้วท้อ  ถอยถด  สลดใจ ฯ

. . นึกอยากน้อม  ค้อมก้มเกล้า  กราบเท้าพ่อ
ใจพลันฟ่อ  ห่อเหี่ยวจน  เกินทนไหว
โธ่...แม่จ๋า !  ..ไฉนมา  พาพ่อไป
สู่ฝากฟ้า  สุราลัย  ไกลจากจร ฯ

. . ยิ่งคร่ำครวญ  ยิ่งชวนให้  ใจรันทด
ต้องรู้อด  ทนข่มใจ  ภายในสอน
โชคดีที่  ยังมียาย  คอยอาทร
ประนมกร  กราบรดน้ำ  ดำหัวยาย ฯ

. . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . .


กระทู้: เรียนเชิญคุณจิตแผ้ว แล ผองมิตร
เริ่มกระทู้โดย: Little Sun ที่ 11 เม.ย. 06, 18:26
 แต่งกลอนซะเศร้าเลยนะหมูน้อย
ลิตเติ้ลชอบภาพนี้จังดูแล้วคิดถึงอีสานมากๆ
คิดถึงดอกคูณและเสียงแคน


กระทู้: เรียนเชิญคุณจิตแผ้ว แล ผองมิตร
เริ่มกระทู้โดย: หมูน้อยในกะลา ที่ 12 เม.ย. 06, 09:31
 . . ใคร่ชวนคู่   "ครูคณิต "  สนิทสม
มาเที่ยวชม  เทศกาล  สงกรานต์เหนือ
เล่นสาดน้ำ  ข้างลำโขง  ลงล่องเรือ
หากว่าเบื่อ  ก็เข้าเวียง  เชียงรายกัน ฯ

. . "ปาเวณี  ปีใหม่เมือง"  เลืองชื่อนัก
จึงชวนชัก   ให้ชวนชื่น  รื่นสุขสันต์
ปิดถนน  คนเล่นน้ำ  สามสี่วัน
แล้วชวนกัน  อภิวาท  พระธาตุทอง ฯ

. . “คุณเฟื่องแก้ว"   แพรวพราว  สาวขยัน
“Little Sun”  นั้นอีกคน  มิหม่นหมอง
“คุณชื่นใจ” ล้วนไกลถิ่น  แผ่นดินทอง
คงต้องลอง  ชวนอีกที  ปีถัดไป ฯ

. . “คุณจิตแผ้ว”  แกล้วกล้า  น่ามาด้วย
จะได้ช่วย  ให้คลาย  หายสงสัย
รสอาหาร   อีสานเป็น  เช่นอย่างไร
เป็นพ่อครัว  ตัว ใหญ่  ให้ชิมกัน ฯ

. . “ครูนิรันดร์”  นั้นตั้งใจ  ไปบางกอก
แต่ก็บอก  เผื่อเอาไว้   ให้ครูฉัน
หากเปลี่ยนใจ  มาพบ  สมทบกัน
ก็จะพลัน  เยี่ยม “คุณศรีฯ”   ที่เวียงพิงค์ ฯ

.  .  .  .  .  .  .  .  .  .  .  .  .  .  .  .  .  .  .  .  .  .  

.  .  "ไปเถอะ..ไปสาดน้ำกัน"


กระทู้: เรียนเชิญคุณจิตแผ้ว แล ผองมิตร
เริ่มกระทู้โดย: จิตแผ้ว ที่ 13 เม.ย. 06, 16:06
 กตัญญูรู้คุณเป็นทุนเสริม
เกื้อหนุนเพิ่มเติมค่าสง่าศรี
เป็นเครื่องหมายชี้ผลของคนดี
ผู้ใดมีทวีค่าสง่างาม
 ถึงตกทุกข์ได้ยากลำบากล้น
 ย่อมรอดพ้นผองภัยไม่เคยขาม
 พระคุณของพ่อแม่แผ่ติดตาม
 ทุกโมงยามปกเกล้าเฝ้าคุ้มครอง
มหาสงกรานต์ผ่านมาอีกคราหนึ่ง
ผองลูกพึงแทนบุญคุณทั้งสอง
ประพฤติตนให้งามตามครรลอง
สิ่งชั่วต้องหลีกไกลให้ห่างเลย
 พำนักถิ่นฐานใดให้ข่าวบ้าง
 คนเคียงข้างกายาอย่าเมินเฉย
 ปรนนิบัติรับใช้ให้เหมือนเคย
 อย่าละเลยผู้แก่เฒ่าเฝ้าดูแล
หูตามัวหัวใจเฝ้าใฝ่ฝัน
ทุกคืนวันขอลูกยามาแยแส
คือความหวังอยู่ในใจแน่แท้
ของพ่อแม่ที่พันผูกเลี้ยงลูกมา
  ภาพของหมูน้อย ความเห็นที่36 ทำให้รำลึกถึงพระคุณของแม่ตู้ที่เคยชุบเลี้ยงเมื่อ
ครั้งเยาว์วัยหลังจากที่แม่ได้คืนลมหายใจสู่ธรรมชาติในขณะที่เฮาอายุแค่8เดือนเท่านั้น


กระทู้: เรียนเชิญคุณจิตแผ้ว แล ผองมิตร
เริ่มกระทู้โดย: Little Sun ที่ 14 เม.ย. 06, 07:20
 สวัสดีปีใหม่ไทยค่ะ
ช่วงนี้นึกกลอนไม่ออกเลยอู้ต่ออีกสักวันนะคะ


กระทู้: เรียนเชิญคุณจิตแผ้ว แล ผองมิตร
เริ่มกระทู้โดย: ศรีปิงเวียง ที่ 14 เม.ย. 06, 15:16
 
มอบให้ทุก ๆ ท่านครับ


กระทู้: เรียนเชิญคุณจิตแผ้ว แล ผองมิตร
เริ่มกระทู้โดย: Karine!! ที่ 16 เม.ย. 06, 12:21
 สวัสดีปีใหม่ไทย ขอให้ทุกท่านมีความสุขสมหวังตลอดปี และตลอดไปค่ะ
(การีนแต่งกลอนไม่เป็น...... )


กระทู้: เรียนเชิญคุณจิตแผ้ว แล ผองมิตร
เริ่มกระทู้โดย: MathGuy ที่ 17 เม.ย. 06, 11:18
 ได้เที่ยววัด ช๊อปปิ้งบุญ คนล้นหลาม
ทุกถิ่นคาม ต่างประสงค์ สุขสมหวัง
อธิษฐาน ขอพรพระ เป็นกำลัง
ให้มั่งคั่ง มีโชคล้น พ้นทุกข์ภัย

ย่ำขึ้นเขา วัดพระพุทธบาท (รอย) ตากผ้า
ของพระเถระ ฝ่ายวิปัสสนา น่าเลื่อมใส
อีกทั้งคุณครูบาศรีวิชัย
รำลึกใจ ได้เพ่งมองในตัวเรา

ถึงวันรุ่ง มีแรงหน่อย ปีนดอยคะม้อ
เกือบ 2000 ขั้นต่อไต่ ไปตามเขา
เด็กหิ้วทราย วิ่งนำลิ่ว ไม่เห็นเงา
ตึงหัวเข่า ปวดข้อเท้า มุ่งหน้าเดิน

หนทางกลับ แวะชมวัด ลำปางหลวง
ใช่ตักตวง หวังผลบุญ เพียงผิวเผิน
โอกาสดี ได้ไหว้พระ ผู้จำเริญ
เชื้อชวนเชิญ สิ่งเตือนใจ ไว้ทดแทน

พระเศียรแหลม คือ ปัญญาสว่างไสว
พระกรรณยาว คือใจที่หนักแน่น
ไม่อ่อนไหว วิ่งพล่านไป ไม่คลอนแคลน
ตามองต่ำ ย้ำแท่น แกนใจเรา


กระทู้: เรียนเชิญคุณจิตแผ้ว แล ผองมิตร
เริ่มกระทู้โดย: VittruvienMan ที่ 17 เม.ย. 06, 23:40
 สวัสดี อาจารย์ ทุกท่านครับ
รวมVclub VTeam ทุกๆคน
ผมได้รู้ จักเว็บนี้ แสนบุณล้น
ปัญญาชน มากมาย ให้รู้กัน

มีบทความ น่าสนใจ หลายเรื่องราว
อีกทั้งข่าว อัพเดท ทันสมัย
วิทยาศาสตร์ คณิต ภาษาไทย
หาได้ใน เว็บไซต์ วิชาการ

ผมคนนอก ไม่อยุ่ใน "แล ผองมิตร"(อยู่เปล่าไม่รุ่)  
ขอร่วมแจม สักนิด เป็นไรหนา
เราก็คน รักความรู้ ด้วยกันนา
เลยขอมา เชื้อชิด สนิทกัน


กระทู้: เรียนเชิญคุณจิตแผ้ว แล ผองมิตร
เริ่มกระทู้โดย: VittruvienMan ที่ 17 เม.ย. 06, 23:42
 *เลยขอมา ทำความ รุ้จักกัน(เหมาะสมกว่า)


กระทู้: เรียนเชิญคุณจิตแผ้ว แล ผองมิตร
เริ่มกระทู้โดย: ศรีปิงเวียง ที่ 18 เม.ย. 06, 10:52
 ต่อกลอนอย่างไรดีเนี่ย  
ขอความสุขสวัสดีจงมีแต่ท่านครับ  
(เข้าอีหรอบเดียวกัน)


กระทู้: เรียนเชิญคุณจิตแผ้ว แล ผองมิตร
เริ่มกระทู้โดย: หมูน้อยในกะลา ที่ 18 เม.ย. 06, 11:29

นำแผนผังโครงสร้างมาให้ดูกันครับ เผื่อไว้สำหรับ ผองมิตร อีกหลายๆคน ที่อยากแต่งเข้ามาแต่ไม่รู้จะเริ่มตรงไหนดี  
จะได้แต่ง ได้รื่นและสนุกกันยิ่งขึ้นครับ  
..เอ๊า  ..ล้อมวงกันข้ามาครับ.

แผนผังกลอนแปด
๑) แสดงผังโครงสร้างกลอนแปด ความยาว ๒ บท
                             ๒) กลอน ๑ บท มี ๒ บาท คือ บาทเอกและบาทโท
                             ๓) กลอน ๑ บาท มี ๒ วรรคคือบาทเอกประกอบด้วย วรรค สดับ และวรรค รับ
                                  บาทโทประกอบด้วย วรรค รอง และวรรค ส่ง
                            ๔) กลอน ๑ วรรค มี ๘ คำ จึงเรียกว่ากลอน ๘
                            ๕) เส้นโยงภายในวรรค เรียกว่าสัมผัสใน มีหรือไม่มีก็ได้ ส่วนเส้นโยงคำท้ายวรรค เรียกว่า                                     สัมผัสนอก   เป็นกฎบังคับต้องมี
                            ๖) กลอนยาว ๒ บทขึ้นไป ต้องเชื่อมสัมผัส ท้ายวรรค ส่ง   ไปยังคำท้ายวรรค รับ   ของบท
                                 ถัดไปเสมอ


กระทู้: เรียนเชิญคุณจิตแผ้ว แล ผองมิตร
เริ่มกระทู้โดย: หมูน้อยในกะลา ที่ 18 เม.ย. 06, 12:10
 ขออนุญาตหยิบยกกลอนของอาจารย์นิรันดร์มาให้ชมเป็นตัวอย่างสัก2 บทครับ


"อันบางกอก บอกว่า เวลาเก่า
เรียกขานเล่า ว่าเวนิส น่าอิจฉา
จะไปไหน ไปได้ ด้วยเภตรา
ไม่มีรถ มีรา มากวนใจ

อนิจจา  มากรุงฯ กันตอนนี้
เวนิสลี้  คลองหนี  ไปที่ไหน
พอฝนมา  ฟ้ากระหน่ำ  ลงคราวใด
คลองค่อยผุด โผล่ให้  มาเห็นกัน"



ใครคิดจะแข่งกลอนกับอาจารย์ ล่ะก็คงเห็นทีต้องปาดเหงื่อเลยล่ะครับ
ตรงนี้จะเห็นว่า นอกจากจะได้ใจความที่กระชับ ได้ความหมายของเนื้อหาที่เจตนาจะสื่อชัดเจนแล้ว ยังมีสัมผัสนอกครบถ้วน  เพิ่มความไพเราะด้วยสัมผัสใน ไม่สัมผัสสระ ก็สัมผัสอักษร

สัมผัสในด้วยสระก็เช่น ในบาทเอกวรรคสดับของบทที่1
"อันบางกอก บอกว่า เวลาเก่า" ก็มี
กอก-บอก, ว่า-ลา

สัมผัสในด้วยอักษรหรือพยัญชนะก็เช่น ในบาทโทวรรคส่งบทที่2
"คลองค่อยผุด โผล่ให้  มาเห็นกัน" ก็มี
ผุด-โผล่,ให้-เห็น

เป็นต้น

ส่วนสัมผัสนอกไม่ต้องพูดถึง  
บอกได้ว่าครบถ้วน กระบวนยุทธ

อ๋อ อีกส่วนหนึ่งที่จะสร้างความไพเราะขึ้นอีกระดับหนึ่งก็คือ
ตรงตัวสุดท้ายของวรรค รับ ของทุกบท ควรใช้เสียง สูง หรือเสียงจัตวา จะทำให้ไพเราะขึ้นมากเลยครับในตัวอย่างของ อ.ก็เป็น (..ฉา) กับ (ไหน)


กระทู้: เรียนเชิญคุณจิตแผ้ว แล ผองมิตร
เริ่มกระทู้โดย: หมูน้อยในกะลา ที่ 18 เม.ย. 06, 12:29
 ขออนุญาตต่ออีกนิดเถอะครับ

พอดีแลไปเห็นบาทโทของทั้งสองบทอาจารย์
บทแรก

"..จะไปไหน ไปได้ ด้วยเภตรา
ไม่มีรถ มีรา มากวนใจ"

อาจเห็นว่าสัมผัสวรรค3 ที่ต้องสัมผัสกับวรรค4 ทำไมไม่สัมผัสเหมือนผังตัวอย่าง
คือคำว่า "เภตรา"  ไม่ได้สัมผัสกับคำว่า "รถ"
ตรงนี้เข้าใจว่าเป็นการอนุโลม ให้ไปสัมผัสกับตัวอักษรที่5ของวรรคถัดไปได้ ได้เสียงไพเราะเช่นกัน
"เภตรา"  สัมผัสกับคำว่า " รา" แทน

บทที่2ก็เช่นกัน
"..พอฝนมา ฟ้ากระหน่ำ ลงคราวใด
คลองค่อยผุด โผล่ให้ มาเห็นกัน"

ตรงนี้หากเราจะใช้การสำผัสดังกล่าว  ก็ควรจะทำให้เพราะยิ่งขึ้น
ด้วยการใส่สัมผัสใน ในวรรคที่เราเว้นสัมผัสไปนั้นไม่ให้มันดู ทื่อๆเกินไป เช่น  ของอ.ก็มี
"มีรถ- มีรา "
และ
"ผุด-โผล่"

ซึ่งเป็นสัมผัสอักษรหรือพยัญชนะ

เป็นต้น

เอาล่ะที่นี้ เรามาเริ่มแต่งและเข้ามาร่วมสนุกกันดีกว่าครับ..


กระทู้: เรียนเชิญคุณจิตแผ้ว แล ผองมิตร
เริ่มกระทู้โดย: MathGuy ที่ 18 เม.ย. 06, 19:22
 โอโฮ้ ... คุณ หมูน้อยฯ

ฉันทลักษณ์กลอนแปด มีบังคับสัมผัสในด้วยหรือนี่

จำไม่ได้ว่า ตอนเด็กๆ เคยเรียนหรือเปล่า
ก็เลยพอมีอยู่ในความทรงจำเฉพาะตรงที่สัมผัสนอก

แต่ดูๆ ตามแล้ว สัมผัสในที่ว่านี้ ทำให้ไพเราะ รื่น ชื่นใจจริงๆ

ผมเอาแต่เข้าทำนอง ... ให้ได้ดังใจ ตามเนื้อความ
ก็เลยจะขาด เสน่ห์ และศิลป์ ของการแต่งกลอน

พอได้รู้เพิ่มเติมตามที่ หมูน้อยฯ ได้ยกมาเป็นวิทยาทาน
ต่อไปนี้ ต้องพยายามแต่ง ตามแบบฉบับจริงๆ ให้ได้

................................................

กลอนของไทย อ่อนช้อย ค่อยๆฝึก
ใช่จะนึก ลองเล่น เห็นเป็นง่าย
สื่อภาษา สื่อความคิด ให้ติดใจ
พอแต่งได้ ต่อเติม เพิ่มความงาม


( อันนี้จะพอไหวมั้ยครับ ...    )


กระทู้: เรียนเชิญคุณจิตแผ้ว แล ผองมิตร
เริ่มกระทู้โดย: นิรันดร์ ที่ 18 เม.ย. 06, 20:34
 ........สัมผัสในไม่ได้ไว้บังคับ
แต่เหมือนกับกินกะปิแกล้มมะขาม
สัมผัสนอกหรอกครับบังคับตาม
มีเนื้อความในใจไขออกมา

ครู MathGuy ได้เห็นแผนบังคับ
ก็ขยับกลอนได้ไพเราะหนา
เหมือนเห็นสูตรสมการคณิตา
ครึ่งเพลาก็แก้ได้ดังใจจินต์


กระทู้: เรียนเชิญคุณจิตแผ้ว แล ผองมิตร
เริ่มกระทู้โดย: ศรีปิงเวียง ที่ 20 เม.ย. 06, 12:50
 ผมเห็นว่า กลอนแปดไม่จำเป็นต้องมีสัมผัสในครับ ถ้าถือตามหนังสือเรียน
ถ้ามี ผมก็แต่งไม่ได้ครับ  
อ้อ คุณหมูน้อยครับ ผมขอแต่งร่ายได้หรือเปล่าครับ เผอิญผมแต่งกลอนแล้วไม่มันเท่าร่ายครับ


กระทู้: เรียนเชิญคุณจิตแผ้ว แล ผองมิตร
เริ่มกระทู้โดย: MathGuy ที่ 20 เม.ย. 06, 18:08
 แข็งและอ่อน ร้อนและเย็น เป็นคู่ปรับ
ยื่นและรับ จับและวาง คู่ต่างเสริม
โหมและเพลา เบาและแรง คู่แต่งเติม
ราและเริ่ม  เพิ่มและลด หดหายคืน

ดูหินผา ดูดอกไม้ ดูใบหญ้า
ดูท้องฟ้า ดูแม่น้ำ ความฉ่ำชื่น
มีร่วงโรย มีผลิผลัด มีหยัดยืน
มีคราตื่น มีคราหลับ พับพักกาย


( ถ้าไม่มีแรงบันดาลใจ ... กลอนที่ได้ เหมือนว่าจะถูกเค้นออกมา... พักหลังๆ มักจะเป็นเช่นนี้อยู่เสมอ    )


กระทู้: เรียนเชิญคุณจิตแผ้ว แล ผองมิตร
เริ่มกระทู้โดย: ศนิ ที่ 21 เม.ย. 06, 18:41
 มีเกิดขึ้นดับลงไม่คงที่
พึงระลึกทุกสิ่งมีทั้งดีร้าย
หมั่นฝึกคิดพินิจค้นต้นจรดปลาย
แล้วรวบเรื่องเรียงรายให้เรียงกัน

บุราณกล่าวดาบสองคมสมดังว่า
คมนำพาโทษทางหรือสร้างสรรค์
ผู้กำหนดคือผู้รู้เท่าทัน
มิให้คมพลิกผันจนเกิดภัย


กระทู้: เรียนเชิญคุณจิตแผ้ว แล ผองมิตร
เริ่มกระทู้โดย: จิตแผ้ว ที่ 21 เม.ย. 06, 22:53
 ริจะเป็นนักกลอนสุนทรถ้อย
จงค่อยค่อยเรียนหลักอักษรศิลป์
หมั่นฝึกฝนตำราเป็นอาจินต์
ให้เคยชินเกณฑ์กฎของบทกลอน
  สัมผัสนอกและในให้รอบรู้
  นึกถึงครูเคยร่ำพร่ำสั่งสอน
  หนึ่งบรรทัดแปดคำสำนวนกลอน
  เรายังอ่อนสิบก็ได้ไม่ว่ากัน
นักเลงกลอนนอนเปล่าเขาไม่นับ
ต้องขยับจับปากกามาสร้างสรรค์
แต่บทกลอนวอนว่าสารพัน
ร่วมช่วยกันประสานรักษ์อักษรไทย


กระทู้: เรียนเชิญคุณจิตแผ้ว แล ผองมิตร
เริ่มกระทู้โดย: จิตแผ้ว ที่ 21 เม.ย. 06, 22:55
 แต่งบทกลอนวอนว่าสารพัน


กระทู้: เรียนเชิญคุณจิตแผ้ว แล ผองมิตร
เริ่มกระทู้โดย: นิรันดร์ ที่ 22 เม.ย. 06, 10:09
 นักกลอนใหม่ไม่ต้องแตะปากกา
เปิดคอมฯมาหาคีย์บอร์ดแล้วหยอดไส่
รจนาภาษาสำเนียงไป
ทั้งต้องใจข้องจิตกระบิดกระบวน
มีตัวช่วยพจนานุกรมไทยออนไลน์
ตรวจค้นได้ดูศัพท์แสงสอบสวน
ราชบัณฑิตยสถานท่านประมวล
เฟ้นแต่ล้วนส่วนดีฟรีราคา
คำประพันธ์ฉันท์กลอนและโคลงกาพย์
คือสภาพพิเคราะห์ได้ว่าไทยหนา
ถึงตึกรามร่างแต่งแปลงเปลี่ยนมา
แต่ภาษาโสตสนั่นลั่นว่าไทย


กระทู้: เรียนเชิญคุณจิตแผ้ว แล ผองมิตร
เริ่มกระทู้โดย: ศรีปิงเวียง ที่ 22 เม.ย. 06, 17:25
 ในคราวนี้เห็นทีจะต้องฝึก และต้องนึกเรื่องการกลอนให้มากไว้
ผิคราวหน้าแวะมาอีกคราใด ต่อกลอนไปสบายปร๋อมิรอรี
.....................................................................
รับสารสนองจากทุก ๆ ท่าน ที่แต่งบทกานท์มากมายเหลือนี่
เห็นทีกระผมขอตัวคงจะดี ข้อคิดเห็นใครมีส่งมาได้เลย
.....................................................................
บทหลังไม่ใช่กลอนครับ เพียงแต่แต่งคล้าย ๆ กันครับ
และกราบขออภัยทุก ๆ ท่านครับ สำหรับเรื่องที่ผ่าน ๆ มา


กระทู้: เรียนเชิญคุณจิตแผ้ว แล ผองมิตร
เริ่มกระทู้โดย: ศนิ ที่ 23 เม.ย. 06, 18:19
 คำ "นักกลอน" คือนักคิด พิชิตถ้อย
หมั่นทยอยฝึกกลอนมิผ่อนผัน
ความคิดฝันนำพาค่าความครัน
สู่บทบรรเลงพร่ำเป็นคำกลอน

ฝึกประสานแต่งเสียงให้เรียงรับ
หมั่นสดับตรับฟังผู้สั่งสอน
เชื่อมความคิดโยงความรู้ไม่นิ่งนอน
แล้วขีดเขียนทุกบทตอนให้รับกัน


กระทู้: เรียนเชิญคุณจิตแผ้ว แล ผองมิตร
เริ่มกระทู้โดย: Little Sun ที่ 24 เม.ย. 06, 07:59
 ช่วงนี้ลิตเติ้ลก็กำลังหัดแต่งกลอนค่ะ กำลังฝึกแต่ง
กลอนธรรมะอยู่ เตาะแตะอยู่เลย ขอให้กำลังใจมือใหม่
อย่าเพิ่งท้อนะคะ สู้ๆ


กระทู้: เรียนเชิญคุณจิตแผ้ว แล ผองมิตร
เริ่มกระทู้โดย: หมูน้อยในกะลา ที่ 24 เม.ย. 06, 17:33
 . . อันอ้อยตาล  พาลขม  ด้วยลมลิ้น
บอระเพ็ด  เด็ดดูดกิน  มิสิ้นหวาน
พริกกลับเปรี้ยว เข็ดเขี้ยวฟัน  ผิดสันดาน
สรรพสาร  กาลผันแปร  ด้วยแค่ลม ฯ


กระทู้: เรียนเชิญคุณจิตแผ้ว แล ผองมิตร
เริ่มกระทู้โดย: จิตแผ้ว ที่ 24 เม.ย. 06, 22:56
 จินตนาการใดในใจนี้
แม้นไม่มีที่ระบายคลายกระสัน
ลิขิตถ้อยร้อยบทพจมาน
จารึกฝันฝากไว้ในแผ่นดิน

ประกาศความเป็นไทยให้โลกรู้
น้ำใจไทยทุกผู้ดังกระแสสินธุ์
ใครเยือนถิ่นแดนไทยได้ดื่มกิน
ให้คลายสิ้นโมโหที่โกรธา

ยิ้มสยามนามระบือลืทั่วก้อง
โลกทั้งผองยกให้ไม่กังขา
งามน้ำใจงามถ้อยร้อยวาจา
งามกิริยาช้อยชดช่างงดงาม


กระทู้: เรียนเชิญคุณจิตแผ้ว แล ผองมิตร
เริ่มกระทู้โดย: จิตแผ้ว ที่ 24 เม.ย. 06, 22:58
 ยิ้มสยามนามระบือลือทั่วก้อง


กระทู้: เรียนเชิญคุณจิตแผ้ว แล ผองมิตร
เริ่มกระทู้โดย: นิรันดร์ ที่ 24 เม.ย. 06, 22:58
 .... อนิจจังทุกขังอนัตตา
คือธรรมาสามัญสรรพสิ่ง
เกิดขึ้นแล้วพลันสลายไม่จังจริง
จะขว้างทิ้งหรือยึดไว้ก็ไม่นาน

เกิดเป็นคนหรือเป็นมนุสสา
เป็นโจราปุถุชนหรือคนขาน
ว่าเป็นปราชญ์เป็นเทวาหรือสามานย์
เวลาผ่านก็สลายไปกับไฟฟืน


กระทู้: เรียนเชิญคุณจิตแผ้ว แล ผองมิตร
เริ่มกระทู้โดย: Little Sun ที่ 25 เม.ย. 06, 00:36
 เมื่อวานลิตเติ้ลแต่งบทนี้เอาไว้ค่ะ

ก้มเศียรลงตรงพระบาทกราบพระพุทธ
ผู้วิมุตรหลุดพ้นวังวนวัฏฏสงสาร
พระทรงคุณการุณย์สุดประมาณ
เพราะมีท่านเราจึงมีพระรัตนตรัย

น้ำพระทัยใหญ่ยิ่งเกินประเมิณค่า
พระเมตตากรุณาหาใครเทียบมิได้
ทรงปัญญาญาณฉลาดเลิศเกินใครใคร
คลายข้อสงสัยให้กระจ่างง่ายนิดเดียว


กระทู้: เรียนเชิญคุณจิตแผ้ว แล ผองมิตร
เริ่มกระทู้โดย: จิตแผ้ว ที่ 25 เม.ย. 06, 07:01
 วิถีพุทธต้องหยุดกามราคะ
นำธรรมะชำระใจให้ผ่องใส
สิ่งเสพย์ติดจิตชั่วมั่วอบาย
สลัดให้พ้นห่างทางชีวี

พุทธรรมน้อมนำสู่การปฏิบัติ
ให้รู้ชัดทุกกระบวนอย่างถ้วนถี่
ให้รู้รับผิดชอบรู้ชั่วดี
ให้รู้รักศักดิ์ศรีความเป็นคน

ให้รักษาศีลห้าฆราวาสธรรม
ให้รู้กฏแห่งกรรมรู้เหตุผล
ละตนเองทิ้งพวกพ้องช่วยผองชน
จากปุถุชนสู่มนุษย์ด้วยพุทธธรรม


กระทู้: เรียนเชิญคุณจิตแผ้ว แล ผองมิตร
เริ่มกระทู้โดย: จิตแผ้ว ที่ 25 เม.ย. 06, 07:06
 เติมค่าคนสู่มนุษย์ด้ยพุทธรรม


กระทู้: เรียนเชิญคุณจิตแผ้ว แล ผองมิตร
เริ่มกระทู้โดย: หมูน้อยในกะลา ที่ 26 เม.ย. 06, 20:54
 คุณศรีฯครับ หากว่าถนัดร่าย มากกว่ากลอน ก็เชิญได้เลยครับ
ขอให้ร่วมสนุกกันก็พอ
(ก็ยังคิดๆอยู่ว่า จะมีใครเขาจะขอแจม"กลอนเปล่า" ด้วยหรือเปล่าหนอ ?)
ช่วงนี้ ต้องขออนุญาต หยุดและขอนั่งอ่านเงียบๆสักพักครับ  รู้สึก ล้าๆกับเรื่องภายนอกชอบกล
ห้องกฎหมายก็ยังไม่ได้ไปเปิดกระทู้ใหม่ กระทู้เก่าก็ยังไม่เข้าไปตอบ เฮ้อ..


กระทู้: เรียนเชิญคุณจิตแผ้ว แล ผองมิตร
เริ่มกระทู้โดย: Little Sun ที่ 27 เม.ย. 06, 07:52
 เหนื่อยนักก็พัก่อนค่ะ แล้วค่อยลุกขึ้นเดินต่อไป
ไม่มีอะไรที่เป็นไปได้อย่างที่ใจ เราอยากให้เป็น100
% ยุ่งกับเรื่องภายนอกมาใจเราก็ล้า หันมาดู อารมณ์ใจคอ  เราบ้างก็ดีนะคะ


กระทู้: เรียนเชิญคุณจิตแผ้ว แล ผองมิตร
เริ่มกระทู้โดย: นิรันดร์ ที่ 27 เม.ย. 06, 23:18
 ...... หนทางไกลก้าวไปให้ถึงที่
แม้นมากมีอุปสรรคและขวากหนาม
จะเกี่ยวผิวสยิวเนื้อก็เพื่อตาม
บรรลุความคิดหมายให้มั่นคง

จะทำการสิ่งใดใจกำหนด
สู้เหมือนมดหมดชีวันดันประสงค์
ไปข้างหน้าพาชัยให้ถึงธง
เหนื่อยก็จงจิตมั่นดั้นด้นไป


กระทู้: เรียนเชิญคุณจิตแผ้ว แล ผองมิตร
เริ่มกระทู้โดย: MathGuy ที่ 29 เม.ย. 06, 13:10
 คืนอาศรม ชมรมชาวนักกลอน
คืนสถาน พักผ่อน หย่อนอัธยาศรัย
แม้หลายวัน เว้นวาย หายหน้าไกล
กลับแวะมา คราใด ได้เบิกบาน


กระทู้: เรียนเชิญคุณจิตแผ้ว แล ผองมิตร
เริ่มกระทู้โดย: จิตแผ้ว ที่ 29 เม.ย. 06, 15:54
 อุปสรรคขวากหนามตามประชิด
เพื่อทดสอบดวงจิตอันแข็งแกร่ง
สู้ต่อไปด้วยไฟใจร้อนแรง
เพื่อแสดงให้โลกรู้ ลูกผู้ชาย

สู้เพื่อความชอบธรรมของชีวิต
เพื่อให้ความถูกผิดมีความหมาย
คุณธรรมล้ำเด่นเป็นประกาย
ช่วยเชิดชายชูชื่อระบือนาม


กระทู้: เรียนเชิญคุณจิตแผ้ว แล ผองมิตร
เริ่มกระทู้โดย: นิรันดร์ ที่ 03 พ.ค. 06, 00:04
...... สักวาผองมิตรของจิตรแผ้ว
ต่างเพริดแพร้วพุทธรรมล้ำล้นหลาม
กระบวนกลอนกาพย์ร่ายขยายความ
แต่งกันตามฉันทลักษณ์อักษรไทย
แม้มือใหม่ได้มือเก่าช่วยเกลาชี้
สำนวนดีเด็ดขึ้นชื่นไฉน
หน้ามิเห็นแต่เด่นชัดมัดหัวใจ
เชิดกลอนไทยไว้ให้มั่นนิรันดร์เอย


กระทู้: เรียนเชิญคุณจิตแผ้ว แล ผองมิตร
เริ่มกระทู้โดย: จิตแผ้ว ที่ 03 พ.ค. 06, 06:19
 หน้ามิเห็นแต่กลับเป็นเช่นเห็นหน้า
บุญนำพาวาสนาช่วยอำนวยส่ง
รักในสิ่งเดียวกันมั่นจำนง
คือดำรงสมบัติไทยให้ยืนนาน

อันโคลง ฉันท์ กาพท์ กลอน สุนทรกล่าว
มรดกเราชาวไทยช่วยไขขาน
อารยธรรมถิ่นนี้มีมานาน
ช่วยกันสานสืบไว้ให้ยืนยง


กระทู้: เรียนเชิญคุณจิตแผ้ว แล ผองมิตร
เริ่มกระทู้โดย: ศนิ ที่ 03 พ.ค. 06, 15:30
 ทุกเรื่องราวล้วนมีค่าพาชีวิต
เพื่อพิชิตจิตใจไม่หมองหม่น
เปรียบบทกลอนย้อนด้วยช่วยสอนคน
ให้คิดค้นความคำเป็นสำนวน

จะสืบสานบทกลอนอย่านอนเปล่า
รีบเร่งเร้าร่วมกันอย่าผันผวน
พรมบรรเลงบทกลอนอย่าเรรวน
อย่าพะวงคร่ำครวญถึงสิ่งใด


กระทู้: เรียนเชิญคุณจิตแผ้ว แล ผองมิตร
เริ่มกระทู้โดย: จิตแผ้ว ที่ 03 พ.ค. 06, 22:51
 สักวาอาจารย์ของผองศิษย์
เป็นมิ่งมิตรมิรวนเรฤๅเหหัน
ช่วยแต่งเติมเสริมให้ใช่ประชัน
ครูนิรันดร์ฟูเฟื่องเรื่องบทกลอน

เราผู้น้อยค่อยเพียรเรียนรู้ตาม
คอยไถ่ถามคุณครูผู้พร่ำสอน
ฉันทลักษณ์อักษรไทยในบทกลอน
ขอไหว้วอนรักษ์ให้มั่นกันเถิดเอย


กระทู้: เรียนเชิญคุณจิตแผ้ว แล ผองมิตร
เริ่มกระทู้โดย: หมูน้อยในกะลา ที่ 11 พ.ค. 06, 20:42
 . . เป็นนักกลอน ห้ามนอนทน กรนสนั่น
ตื่นมาช่วย ร่วมด้วยกัน ปันความรู้
ทั้งหญิงชาย สหายมิตร ศิษย์และครู
มาช่วยกัน ปั่นกระทู้  หมูฯแทบตายฯ




วันก่อนผมเกิดนึกคึกคักตั้งกระทู้หนึ่งขึ้นมา วันนี้ก็รู้สึกว่าจนด้วยแต้มด้วยความรู้น้อย
ที่มาโพสที่นี้ก็เพื่อวอนด้วยมิตรภาพ ขอแรง เพื่อนๆผองมิตร รวมทั้งอาจารย์ที่เคารพ
ทุกท่าน  ลงขัน  มาช่วยกันปันความรู้สู่บ้านเรา กันดีกว่า

จะว่าไปแล้วนักกลอนของเราก็หาใช้เบาความรู้เชิงชั้นภาษาเสียเมื่อไหร่
เอาน่ะ!! อย่าให้เสียเชิงนักเลงกลอนอย่างเรา !
ยกทัพยกทีมมาช่วยกันนะครับ..




ปล.เรียนเชิญ อ.นิรันดร์และคุณจิตแผ้ว ด้วยนะครับ


กระทู้: เรียนเชิญคุณจิตแผ้ว แล ผองมิตร
เริ่มกระทู้โดย: หมูน้อยในกะลา ที่ 11 พ.ค. 06, 20:45
 (ขอโทษครับ ...ลืมให้กระทู้)

กระทู้นี้ครับผม...


 http://www.vcharkarn.com/include/vcafe/showkratoo.php?Cid=19&Pid=51071




.


กระทู้: เรียนเชิญคุณจิตแผ้ว แล ผองมิตร
เริ่มกระทู้โดย: นิรันดร์ ที่ 11 พ.ค. 06, 23:07
 . . . . ไม่อาจนับรับคำเพรียกเรียกครูกลอน
ได้แต่สอนฟิสิกส์นักศึกษา
ฉันทลักษณ์สมัครเล่นเป็นเวลา
ไว้คบหาเพื่อนเล่นเป็นรางวัล
ให้ชีวิตจิตแผ้วแล้วผ่องใส
เปิดหัวใจไปทางอย่างที่ฝัน
จินตนาการไร้ลิมิตนิจนิรันดร์
ไม่แบ่งชั้นแก่อ่อนกลอนเป็นกลาง


กระทู้: เรียนเชิญคุณจิตแผ้ว แล ผองมิตร
เริ่มกระทู้โดย: จิตแผ้ว ที่ 12 พ.ค. 06, 22:35
 แม้นมิใช่ครูสอนภาษาไทย
เลือดของไทยพล่านในกายใจสิ้น
ชาติเจ้าบทเจ้ากลอนเคยได้ยิน
ทั่วธรนินทร์ถิ่นนี้มีตำนาน


กระทู้: เรียนเชิญคุณจิตแผ้ว แล ผองมิตร
เริ่มกระทู้โดย: ศนิ ที่ 13 พ.ค. 06, 00:13
 มารู้เรียนเขียนอ่านงานแถลง
เพียรพลิกแพลงแปลงกลอนสุนทรแสง
แสงสุนทรกลอนแปลงแพลงพลิกเพียร
แถลงสารอ่านเขียนเรียนรู้มา


กระทู้: เรียนเชิญคุณจิตแผ้ว แล ผองมิตร
เริ่มกระทู้โดย: หมูน้อยในกะลา ที่ 15 พ.ค. 06, 08:54
 สนุกนึกก์
ตอนแรก

...จัดทัพ...


..............  ..............   .......บัดนั้น
คณาลักษณ์  นักกลอน  ไม่นอนเฉย
ประกาศกร้าว  ชาวกวี  มีรึเคย
จะอยู่เฉย  นอนนิ่ง  ประวิงกาล


... บังเกิดคึก  หึกเหิม  เป็นเริ่มต้น
แต่ละคน  ตอบกลับ  รับคำขาน
แต่งองค์  ทรงผ้า  มิช้านาน
โผทยาน  ตั้งท่า  มาทันที ฯ


กระทู้: เรียนเชิญคุณจิตแผ้ว แล ผองมิตร
เริ่มกระทู้โดย: หมูน้อยในกะลา ที่ 15 พ.ค. 06, 09:47
 สนุกนึกก์
ตอนสอง

ทัพหน้า(แผลงฤทธิ์)


... ท่านMathGuy  ร่ายมนต์ยาว  ใส่เกล้าเกศ
จำแลงเพศ  เป็นองอาจ  ราชสีห์
เผ่นผงาด  ผาดโผน  กระโจนที
จากคีรี  สุเมรุฟ้า  สุรากานต์

… ท่านจิตแผ้ว  แกล้วกล้า  พญาแกร่ง
ร่ายจำแลง  แปลงบท  คชสาร
มีสามเศียร  หกงา  มิช้านาน
เหาะทะยาน  ผ่านไกรลาส  มิขลาดกลัว

… นวลพิศ  Little Sun  ขยันยิ่ง
แม้นเป็นหญิง  อย่าหมายหยาม  ทำข้ามหัว
วายุภักษ์  เทพปักษา  ไม่มีกลัว
จำแลงตัว  ร่อนถลา  มาแต่ไกล

…  ท่านชื่นใจ  ไวว่อง  คะนองเดช
จำแลงเพศ  เป็นพญา  ชลาศัย
จอมนาคี  มีพิษ  ฤทธิไกร
แหวกน้ำไป  สมทบ  บรรจบกัน

…  ท่านเฟื่องแก้ว  แพรวพราว  สาวแสนสวย
ขอแปลงกาย  หมายจะช่วย  ด้วยมิตรฉัน
กินรี  มีปีกหาง  แผ่กางพลัน
อโนดาต  ผาดผัน  พลันบินมา

…  เหล่านักกลอน  นักกวี  ยี่สิบโกฏ
ต่างลิงโลด  เร่งอาลักษณ์  กันนักหนา
แปลงกาย  ดั่งคำ  จำนรรจา
เร่งรีบมา  เพื่อผองมิตร  ช่วยคิดกัน ฯ


.


กระทู้: เรียนเชิญคุณจิตแผ้ว แล ผองมิตร
เริ่มกระทู้โดย: หมูน้อยในกะลา ที่ 15 พ.ค. 06, 10:02
 สนุกนึกก์
ตอนจบ

ทัพหลัง(คลังเสบียง)


…  ฝ่ายหมูน้อย  กลอยใจ  รีบไวว่อง
เห็นพวกพ้อง  มาช่วย  ด้วยตัวฉัน
จึงเร่งแปลง  เปลี่ยนผ้า  พัลวัน
โธ่! ตัวฉัน  ตือโป้ยก่าย หน่ายอุรา

หิ้วปิ่นโต  อีกมือ  ถือกระติก
เดินดุ๊กดิ๊ก  อุ้ยอ้าย  อายนักหนา
สะพายย่าม  หยิบขนม  นมเนยมา
ขออาสา  เฝ้าแนวหลัง  ระวังการ ฯ

……………………………………….


.


กระทู้: เรียนเชิญคุณจิตแผ้ว แล ผองมิตร
เริ่มกระทู้โดย: ศรีปิงเวียง ที่ 15 พ.ค. 06, 11:12
 สวัสดีครับคุณหมูน้อย และทุก ๆ ท่านครับ
สนุกนิ์นึก (ภาคพิสดาร)
สวัสดี คุณหมูน้อย ที่เคารพ
ที่ได้พบ ในวัน จันทร์นั้นหนา
เห็นถือของ ก็เกรงว่า หมดแรงนา
จะขอมา ช่วยถือ คงจะดี
.....
ตอนนี้ข้อยนั้นหมดมุก กะลุกกะหลุกกลุกกลุกขักขัก แต่งกลอนไม่ได้ยังงงมากนัก แต่งร่ายยิ่งชะงักดังที่เห็นนา


กระทู้: เรียนเชิญคุณจิตแผ้ว แล ผองมิตร
เริ่มกระทู้โดย: นิรันดร์ ที่ 15 พ.ค. 06, 14:37
 ได้ปิ่นโตโขของหมูสู้สุดฤทธิ์
เบือนบิดกายามหาศาล
จากนิรันดร์พลันเปลี่ยนเป็นเวตาล
น่ารำคาญเย็นเยือกเมือกทั้งตัว
แล้วเคลื่อนพลล้นเลื่อนมาทางอากาศ
นุ่งระบาดแทนภูษาช่างน่าหวัว
แฝงกายตามหลังคาคล้ายน่ากลัว
จะดีชั่วคราประชันไม่พรั่นใคร ฯ


กระทู้: เรียนเชิญคุณจิตแผ้ว แล ผองมิตร
เริ่มกระทู้โดย: จิตแผ้ว ที่ 16 พ.ค. 06, 04:59
 ฝ่ายจิตแผ้วแกล้วกล้าพญาช้าง
ตามคำอ้างวราห์น้อยคอยสนอง
ทะยานจากไกรลาสดังใจปอง
สู่หอห้องเรือนไทยในทันที

มีบางครั้งตกมันขยันเกิน
เที่ยวดุ่มเดินเลาะเลียบไปไม่ใช่ที่
อาจฟาดงวงงาบ้างสร้างราคี
เคราะห์ยังดีพอมีคนล้นเมตตา

ให้กล้วยอ้อยคอยปลอบมอบความรัก
ใจจึงภักดิืสมัครอยู่คู่เคหา
ขอหลังสวนดอกไม้ไกลชายคา
ที่พำนักกายาของนาเคนทร์


กระทู้: เรียนเชิญคุณจิตแผ้ว แล ผองมิตร
เริ่มกระทู้โดย: ชื่นใจ ที่ 16 พ.ค. 06, 07:04
 ... ...มาจะกล่าวบทไป
ถึงนาคีชื่นใจใต้สมุทร
ได้ยินเสียงกึกก้องประลองยุทธ
รีบโผผุดโผล่พ้นชลธาร

จากบาดาลทะยานมารวมพล
หมายประจญกลอนศึกอย่างฮึกหาญ
แต่จำศีลใต้ชลามาช้านาน
จึงไขคำรบราญไม่ชาญชัย

สนิมเกาะถ้อยคำดูดำด่าง
จะเงื้อง้างอ้างต่อก็ไม่ไหว
ขอซุ่มซ้อมกลอนศึกฝึกหัดไป
แล้วชื่นใจจะยืนทัพกับทุกคน

... ... ... ... ... ... ... ... ... ... ... ... ...

ป.ล. คุณหมูน้อยฯ เลือกได้ถูกตัวดีจัง
นาคนี่คงตัวยาวๆ ...อิฉันก็สันหลังยาว อิอิ
จะไปเคาะสนิมก่อนนะคะ
กำจัดสนิมหมดเมื่อไหร่จะมาร่วมทัพ
อย่าเพิ่งแตกทัพกันไปซะก่อนนา


กระทู้: เรียนเชิญคุณจิตแผ้ว แล ผองมิตร
เริ่มกระทู้โดย: หมูน้อยในกะลา ที่ 16 พ.ค. 06, 09:15
 แม่หมู “เจ้าหมู….แกนี่เหลือเกินจริงเชียว  รบเร้าเหล่านักกลอนให้จัดทัพมาช่วยในกระทู้ตัวเองแท้ๆ แทนที่แกจะอยู่ฝ่ายประจันบาน กลับยัดเยียดให้คนอื่นเขาไปเป็นทัพหน้า .. ส่วนตัวแกนี่ แหม๋….อยู่กับกองเสบียง สบายพุง……….เอาเปรียบ บ บ บ บ บ บ บ บ…..”

หมูน้อยฯ “ แหม๋ …..   แม่ก็
หมูมันไม่มีฤทธิ์ มีเดช จำแลงแปลงร่างได้เหมือนท่านอื่นเค้านี่ ..ราชสีห์งี้ , ช้างสามเศียรงี้ , กินรีงี้ , หมูฯได้สวมชุดเปลี่ยนผ้ามาศึกกะเค้าก็ดีถมแล้ว…. เค้าเหาะ เขาทะยาย กระโจน เขาว่ายแหวก แทรกน้ำ ดำกันมา
หมูน้อยฯ เดิน!! !
เหาะก็ไม่ได้ ว่ายน้ำก็ไม่เป็น วิ่งก็เหนื่อย เพราะฉะนั้น…. อยู่แนวหลัง กับคลังเสบียงนี่แหละ ดีแล้ว..”

ว่าแล้วก็..( งั่มๆๆ อ่ำ  แจ๊บๆๆๆ ) กินต่อ


กระทู้: เรียนเชิญคุณจิตแผ้ว แล ผองมิตร
เริ่มกระทู้โดย: หมูน้อยในกะลา ที่ 16 พ.ค. 06, 09:28
 .. โธ่..คุณศรีฯครับ ท่านจะแย่งหน้าที่ หมูฯไปใยเล่า  ไปเถ๊อะ..ไม่ต้องห่วงว่าผมจะหิ้วปิ่นโตเมื่อยดอก( ช่วยอะไรไม่ช่วย มาช่วยถือเสบียง ฝันไปเถอะพ่อคู๊ณ!! )
เอ๊ะ รึนี่..ท่านคิดหนีทัพรึ ?? ?? งั้นจับไปอยู่ทัพเสริมเสียเลย ย ย ย


กระทู้: เรียนเชิญคุณจิตแผ้ว แล ผองมิตร
เริ่มกระทู้โดย: หมูน้อยในกะลา ที่ 16 พ.ค. 06, 09:38
 สนุกนึกก์
ตอนพิเศษ

ทัพเสริม(จำใจ)


…  ท่านมนตรี  ศรีปิงเวียง  กู่เสียงก้อง
ประกาศร้อง  ฉันจะช่วย  ด้วยดีไหม
แล้วจึ่งแปลง  จำแลงตัว  ชั่วอึดใจ
มังกรใหญ่  ทะยานฟ้า  มาดุจลม

…  ศนิสาว  ดาวพระเสาร์  ลำเพาแก้ว
ได้ยินแล้ว  แปลงร่าง  ช่างเหมาะสม
พญาเงือก  เกลือกคลื่น  ระรื่นลม
แม่เอวกลม  กระโจนน้ำ  ว่ายตามมา ฯ

..........................................................


กระทู้: เรียนเชิญคุณจิตแผ้ว แล ผองมิตร
เริ่มกระทู้โดย: หมูน้อยในกะลา ที่ 16 พ.ค. 06, 10:13
 สนุกนึกก์
ตอนพิเศษ

…เคลื่อนทัพ…


…..…..    ……..…     …..เมื่อนั้น
คณาลักษณ์  นักกวี  ที่เลือกหา
เมื่อบรรจบ  ครบถ้วน  กระบวนมา
จึ่งยาตรา  เคลื่อนทัพ  เร็วฉับไว

…  ทั้งมังกร  กินรี  นาคีเงือก
คชเผือก  วายุภักษ์  เทพปักษี
สิงหราช  ผงาดอ้าง  อวดฤทธี
จ้าวราตรี  เวตาล  ทะยานมา ฯ


.


กระทู้: เรียนเชิญคุณจิตแผ้ว แล ผองมิตร
เริ่มกระทู้โดย: หมูน้อยในกะลา ที่ 16 พ.ค. 06, 17:20
 มาอ่านอีกที ก็ตกใจ ไฉลปล่อยให้หลุดไปได้ เหวย...???
กลอน2บท ข้างบนไม่คล้องกัน เห็นที่ต้องแปลงกลอนเสียใหม่แล้ว ครับผม..


กระทู้: เรียนเชิญคุณจิตแผ้ว แล ผองมิตร
เริ่มกระทู้โดย: หมูน้อยในกะลา ที่ 16 พ.ค. 06, 17:22
 สนุกนึกก์
ตอนพิเศษ

…เคลื่อนทัพ…


…..….. ……..… …..เมื่อนั้น
คณาลักษณ์ นักกวี ที่เลือกหา
เมื่อบรรจบ ครบถ้วน กระบวนมา
จึ่งยาตรา ทัพไป ในทันที ฯ

… ทั้งมังกร กินรา นาคาเงือก
คชเผือก วายุภักษ์ เทพปักษี
สิงหราช ผงาดอ้าง อวดฤทธี
จ้าวราตรี เวตาล ทะยานมา ฯ


.


กระทู้: เรียนเชิญคุณจิตแผ้ว แล ผองมิตร
เริ่มกระทู้โดย: ศรีปิงเวียง ที่ 16 พ.ค. 06, 17:31

แน่ะ....พญาหมูน้อยนั้นงื่อง่า ครั้นข้าน้อยจะไปลักกินไข่ แต่หมูน้อยกลับจับไปเป็นทัพเสริม ใครคิดจะเหิมเห็นทีต้องผงะ คิดจะย่องมานะจะบอกให้ แต่โดนคราดอันใหญ่ตีหัวโน... br />
แฮะ ๆ มังกรโคโมโดตัวนี้ขอโทษด้วยคร้าบ...
ผิดไปแล้ว ๆ แต่ก็ยังยืนยัน ว่าฉันไม่ได้ตั้งใจ...
ต้องขอบคุณเครื่องบินปีกสองชั้นครับ ที่ช่วยให้ผมบินได้...(เสียดายมีเมฆบัง คุณหมูน้อยเลยเห็นเป็นมังกรไป)
รูปมาจาก
 http://members.thai.net/enki/myst_mon/cryptoz01.html  
และอีกเว็บครับ
 http://www.ipst.ac.th/thaiversion/publications/in_sci/komodo.pdf  


กระทู้: เรียนเชิญคุณจิตแผ้ว แล ผองมิตร
เริ่มกระทู้โดย: หมูน้อยในกะลา ที่ 16 พ.ค. 06, 17:46
 @!#ws3#&(+=<"!@#!!%  อั๊ายยยยย.......

ปั๊ด.โถ่


ขวัญเอ๋ย...ขวัญมา ........
คุณศรี รี รีๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ......... ทีหน้าทีหลังจะเล่นอย่างนี้ ต้องบอกก่อนนะพ่อคุ๊ณ....ช็อกเกือบตาย หัวใจหล่นลงตาตุ่มจนหลุดไปอยู่ในตาปลา แน่ะ  !!
เอาตัวอะไรมาให้...ตกใจหมด ดื่มกาแฟอยู่ดีๆ เปิดมาเจอ .......สำลัก.....   ..น้ำกาแฟแทบพุ่งออกทางจมูก..

โอย...ขนาดผมยังตกใจแทบตาย .แล้วนี้ ถ้าคุณเฟื่องมาเห็นจะขนาดไหน เนี้ย!!


กระทู้: เรียนเชิญคุณจิตแผ้ว แล ผองมิตร
เริ่มกระทู้โดย: ศรีปิงเวียง ที่ 16 พ.ค. 06, 17:55
 ใจเย็น ๆ นะครับ ใจเย็น ๆ
ใจเย็น ๆ ไม่เครียด ดีกว่าไหม
ใจเย็น ๆ ไม่ต้องกลัว ไม่เป็นไร
ใจเย็น ๆ อย่าตกใจ ไม่กัดหรอกนา  

ต้องกราบขอโทษด้วยนะครับ เผอิญคิดมุกนี้ฉับพลัน
คราวนี้ มังกร(โคโมโด)หนุ่ม ขอเชิญซัวเจ๋งมาร่วมวงด้วยครับ
จะได้เป็นเพื่อนกับคุณหมูน้อยครับ

อ้อ! ระวังน้ำลายด้วยนะครับ


กระทู้: เรียนเชิญคุณจิตแผ้ว แล ผองมิตร
เริ่มกระทู้โดย: นิรันดร์ ที่ 16 พ.ค. 06, 18:15
 ... มังกรโคโมโดอักโขเขื่อง
ค่อยค่อยเยื้องย่องมาหาน้องหมู
ตกใจจนกาแฟหล่นพ่นจากรู
จมูกฟู่แทนไฟประลัยกัลป์
เป็นกองหลังระวังพวกหนีทัพ
จะคอยงับจับประหารพาลขาสั่น
ตะปบซ้ำย้ำเล็บพัลวัน
สิ้นชีวันหนีทัพอัปมาน


กระทู้: เรียนเชิญคุณจิตแผ้ว แล ผองมิตร
เริ่มกระทู้โดย: หมูน้อยในกะลา ที่ 16 พ.ค. 06, 19:56
 ... ลำพังว่า โดนกาแฟ  แค่พองปาก
แต่ถ้าหาก  มังกรมา  น่าสงสาร
ต้องโดนฟัด  อุตลุด  สุดประมาณ
หมูคงคลาน  เดินไม่ได้  อีกหลายเดือน ฯ


กระทู้: เรียนเชิญคุณจิตแผ้ว แล ผองมิตร
เริ่มกระทู้โดย: นิรันดร์ ที่ 16 พ.ค. 06, 22:23
 ........อึกทึกครึกโครมโหมประกาศ
ถ้าใครขลาดหลบไม้พ้นจะโดนเฉือน
เล็บมังกรกรีดยับหนาข้าขอเตือน
ฟ้าสะเทือนเคลื่อนพลสกลไกร


กระทู้: เรียนเชิญคุณจิตแผ้ว แล ผองมิตร
เริ่มกระทู้โดย: นิรันดร์ ที่ 16 พ.ค. 06, 22:48
 ราชสีห์ขมีขมันไม่ครั่นคร้าม
สง่างามน่าขามเกรงเพลงสมร
เป็นทัพหน้ากล้าณรงค์พงษ์นักกลอน
ข้ามสิงขรสอนเลขเป็นเอกอินท์


กระทู้: เรียนเชิญคุณจิตแผ้ว แล ผองมิตร
เริ่มกระทู้โดย: นิรันดร์ ที่ 17 พ.ค. 06, 08:37
 ช้างสามเศียรมหึมาข้างขวาปีก
ไม่หลบหลีกอรีมาหน้าไม่ผิน
โรมอริมิคิดหมายในชีวิน
แกร่งดังหินเหล็กกล้าท้าประจัน


กระทู้: เรียนเชิญคุณจิตแผ้ว แล ผองมิตร
เริ่มกระทู้โดย: นิรันดร์ ที่ 17 พ.ค. 06, 09:07
 ขอแก้ไข #103 ครับ

ช้างสามเศียรมหึมาข้างขวาปีก
ไม่หลบหลีกตลุยกล้าอย่างผาหิน
โรมรันได้ไม่อาลัยในชีวิน
ธรรมะมีในดวงจินต์ท้าประจัน


กระทู้: เรียนเชิญคุณจิตแผ้ว แล ผองมิตร
เริ่มกระทู้โดย: ศรีปิงเวียง ที่ 17 พ.ค. 06, 17:31

มอ....


กระทู้: เรียนเชิญคุณจิตแผ้ว แล ผองมิตร
เริ่มกระทู้โดย: หมูน้อยในกะลา ที่ 17 พ.ค. 06, 20:12
 ผมว่า อาจารย์ท่านมี กองหน้าและปีกขวาแล้ว แสดงว่าน่าจะมีก๊อก2ต่อ ตอนนี้ขอนั่งรออ่านก๊อก 2 ที่ว่านั้นก่อน แล้วค่อยร่วมบรรเลงกันต่อ ( นักเลงอดเพลงไม่ได้)


จะเข้าไปแจมซะเดี๋ยวนี้ก็เกรงว่าไปขัดลีลากลอนอาจารย์เสียเปล่าครับ พรุ่งนี้จะรีบเข้ามาแต่เช้าเลยเชียว


กระทู้: เรียนเชิญคุณจิตแผ้ว แล ผองมิตร
เริ่มกระทู้โดย: จิตแผ้ว ที่ 18 พ.ค. 06, 17:51
 แสนเปรมปรีดิ์ดีใจได้ทัพหน้า
รั้งตำแหน่งปีกขวาสมดังหมาย
ทะลวงฟาดขาดกระด็นเป็นรายราย
แม้นชีพวายชื่อคงอยู่คู่ธรนินทร์

สู้กับเหล่าอธรรมอำมหิต
สู้กับจิตวิปริตคนโหดหิน
กองทัพธรรมต้องนำชัยได้สมจินต์
ล้างให้สิ้นความชั่วช้าแลสามานย์

มีสามเศียรหกงาสง่าองค์
ปักจิตลงเคหาสน์นิวาสถาน
เขาไกรลาสเขตแคว้นแดนวิมาน
ชั่วชีวันมั่นในธรรมชำระใจ


กระทู้: เรียนเชิญคุณจิตแผ้ว แล ผองมิตร
เริ่มกระทู้โดย: จิตแผ้ว ที่ 22 พ.ค. 06, 16:25
 อมนุษย์ฉุดกระชากลากถูทึ้ง
ปานประหนึ่งผักปลาน่าอดสู
นี่หรือคือชีวิตของคุณครู
ผู้มุ่งสู่แดนฝันมั่นในงาน

จากอกอุ่นพ่อแม่แลญาติมิตร
มอบชีวิตให้เด็กน้อยคอยประสาน
สั่งสอนศิษย์อบรมบ่มวิญญาณ
หวังไม่นานบานดอกสวยกล้วยไม้งาม

ทำบาปผิดสิ่งใดอะไรหรือ
จึงลงมือทำร้ายใคร่ขอถาม
ครูงามล้ำน้ำใจใช่คนทราม
ใครเหยียดหยามน้ำใจให้เจ็บจำ

ขอประนามการกระทำต่ำช้านี้
ให้คนที่จิตโหดร้ายใจหยาบหยาม
คนโหดหินอำมหิตผิดคลองธรรม
รับผลกรรมในนรกอเวจี


กระทู้: เรียนเชิญคุณจิตแผ้ว แล ผองมิตร
เริ่มกระทู้โดย: MathGuy ที่ 23 พ.ค. 06, 14:12
 
กรรมใดหนา ไยพาเธอ พบเจอเข้า
ความดีงาม ไม่บรรเทา ให้เบากว่านี้
ช่างโหดร้าย ทำลายยับ ดับชีวี
ใครสั่งชี้ ใครตัดสิน ให้ความตาย

ไยต่อกรรม ไยทำเวร ไม่เว้นหยุด
จิตบริสุทธิ์ จิตอ่อนโยน มีบ้างไหม
ช่างสิ้นคิด มืดสนิท ปิดหัวใจ
เกิดทำไม เกิดเป็นคน ที่ฆ่าคน



...................................................................
เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับครู 2 คน
ช่างเหนือคำบรรยาย
ไม่อยากนึก ...
ไม่อยากเชื่อว่า เกิดขึ้นจริงๆ กับสังคมของคนในสมัยนี้
ช่างโหดเหี้ยม ป่าเถื่อน ไร้เหตุผล สิ้นดี

มิจฉาทิฏฐิอะไรหนอ... ทำให้เป็นไปได้ถึงเพียงนี้


กระทู้: เรียนเชิญคุณจิตแผ้ว แล ผองมิตร
เริ่มกระทู้โดย: MathGuy ที่ 24 พ.ค. 06, 10:14
 
กองทัพไทย ตำรวจไทย ทหารไทย
ความเกรียงไกร ความสามารถ มีแค่ไหน
จะพิทักษ์ รักษา คนดีไว้
ต้องใช้อะไร ต้องแลก ด้วยสิ่งใด

ไยดูดาย ให้แผ่นดิน เป็นถิ่นเถื่อน
ไม่ค้นเงื่อน ยุทธวิธี การแก้ไข
กองทัพไทย ตำรวจไทย ทหารไทย
มีไว้ทำไม ใครรู้ชอบ ช่วยตอบที


กระทู้: เรียนเชิญคุณจิตแผ้ว แล ผองมิตร
เริ่มกระทู้โดย: Little Sun ที่ 24 พ.ค. 06, 21:51
 อ่านข่าวครั้งแรกก็ตกใจเหมือนกัน
ไม่คิดว่าจะมีเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นในบ้านเมืองเรา


กระทู้: เรียนเชิญคุณจิตแผ้ว แล ผองมิตร
เริ่มกระทู้โดย: จิตแผ้ว ที่ 27 พ.ค. 06, 08:21
 ลมหายใจของเธอแผ่วรวยริน
ยังไม่สิ้นหายไปในวิถี
แต่บางเบาเหลือใจใยชีวี
ยากเกินที่เดาได้ในเหตุการณ์

โธ่!น้องครูเธอผู้ผ่องพิสุทธิ์
อมนุษย์โหดร้ายใยประหาร
ขอวิงวอนดินฟ้ามาประทาน
ปาฏิหาริย์คืนชีพน้องสู่ผองชน


กระทู้: เรียนเชิญคุณจิตแผ้ว แล ผองมิตร
เริ่มกระทู้โดย: หมูน้อยในกะลา ที่ 08 มิ.ย. 06, 21:17
 
 ..ขอเชิญชวน   มวลมิตร   สนิทสม
ของชมรม   นักกลอน   อักษรศิลป์
รวมใจภักดิ์   รักในหลวง   ห่วงแผ่นดิน
มาร่วมจินต์   ลงนามเถิด   เทิดราชัน ฯ


 http://www.vcharkarn.com/include/vcafe/showkratoo.php?Cid=18&Pid=53376  


กระทู้: เรียนเชิญคุณจิตแผ้ว แล ผองมิตร
เริ่มกระทู้โดย: จิตแผ้ว ที่ 16 ก.ค. 06, 06:15
 แสนเสียดายคืนวันที่ผันผ่าน
อกร้าวรานมานแยกแหลกสลาย
รักกลับชังฝังจิตติดจนตาย
ใครหนอใครเบือนบิดผิดวาจา
 จะยึดมั่นในรักภักดีมั่น
 ตราบอาสัญสิ้นใจไปต่อหน้า
 ขอคืนสู่รังนอนแต่ก่อนมา
 คำสัญญาสิ้นแล้วแก้วดวงใจ


กระทู้: เรียนเชิญคุณจิตแผ้ว แล ผองมิตร
เริ่มกระทู้โดย: กุ้งแห้งเยอรมัน ที่ 16 ก.ค. 06, 13:59

เป็นนักกลอนนอนหลับกลับมาตื่น
เพื่อพลิกฟื้นฝีมือกลอนอักษรใหม่
แลกเปลี่ยนชาววิชาการอันกว้างไกล
ห้องเรือนไทยที่รักมักเยี่ยมเยือน


กระทู้: เรียนเชิญคุณจิตแผ้ว แล ผองมิตร
เริ่มกระทู้โดย: อาทิตยา ที่ 16 ก.ค. 06, 21:24
 อันกลอนกานต์  กลกวี  มีมนต์ขลัง
ไทยฝรั่ง  แขกจีนญวน  ล้วนแพร่หลาย
ต่างไพเราะ  ลึกซึ้ง  ตรึงมิวาย
ประดับพราย  ทุกแว่นแคว้น  แดนมนุษย์

งามเอยงาม  คมกวี   ที่ประดิษฐ์
งามความคิด  สุนทรี  ที่พิสุทธิ์
ทั้งอ่อนหวาน  กล่อมเกลา  ทั้งเร้ารุด
ทั้งช่วยจุด  ไฟแห่งหวัง  กำลังใจ

ดีเหลือเกิน  กลอนกวี  มีในหล้า
ดีเหลือเกิน  กลอนพา  หามิตรใหม่
ดีที่สุด  คืออักษรา  ภาษาไทย
ภาคภูมิใจ  เอกราชอย่าง  ทางภาษา


กระทู้: เรียนเชิญคุณจิตแผ้ว แล ผองมิตร
เริ่มกระทู้โดย: หมูน้อยในกะลา ที่ 17 ก.ค. 06, 19:51
 แสนเปรมปรี ดีใจยิ่ง ลิงโลดนัก
เมื่อมิตรรัก มาทักทาย สหายเอ๋ย
ห่างไปนาน เมื่อผ่านมา  อย่าช้าเลย
มาร่ำกลอน เช่นก่อนเคย เฉลยคำ ฯ


ยินดีที่ครูจิตแผ้ว กลับมาบ้านเราครับ(สหายต่างวัย)
ยินดีต้อนรับ สำหรับ ท่านอื่นๆด้วยครับ
( บทกลอนสร้างมิตรภาพ มีเรื่องจริง เป็นความจริง และผมเชื่อเช่นนั้น)


กระทู้: เรียนเชิญคุณจิตแผ้ว แล ผองมิตร
เริ่มกระทู้โดย: จิตแผ้ว ที่ 18 ก.ค. 06, 15:18
 กลอนแทนสื่อภาษามาจากจิต
แผ้วผ่องพิศเพ็ญพิสุทธิ์สุกสดใส
แทนนำ้ทิพย์หยาดฟ้ามาโลมใจ
แทนมาลัยคล้องรักสลักทรวง


กระทู้: เรียนเชิญคุณจิตแผ้ว แล ผองมิตร
เริ่มกระทู้โดย: นิรันดร์ ที่ 19 ก.ค. 06, 10:12
 เปิดเทอมใหม่ เตรียมกายใจให้กับศิษย์
จึงห่างมิตรเพียงกายใจครวญหา
อยากเขียนกลอนแต่ผ่อนด้อยน้อยเวลา
ขอบอกว่าคิดถึงหนาโผล่มาเยือน


กระทู้: เรียนเชิญคุณจิตแผ้ว แล ผองมิตร
เริ่มกระทู้โดย: จิตแผ้ว ที่ 19 ก.ค. 06, 11:58
 ถึงจะห่างก็เพียงกายใจสนิท
เนาแนบชิดเคียงคู่อยู่เสมอ
มวลผองมิตรติดใจใคร่พบเจอ
โปรดเสนอไมตรีตอบมอบสัมพันธ์

ขอบพระคุณมากมายใจที่ห่วง
คอยถามทวงทนทุกข์ฤาสุขสันต์
คือมิ่งมิตรที่แท้แน่นิรันคร์
คือมิ่งขวัญจอมใจใครทุกคน


กระทู้: เรียนเชิญคุณจิตแผ้ว แล ผองมิตร
เริ่มกระทู้โดย: CrazyHOrse ที่ 19 ก.ค. 06, 16:12
 ยินข่าวว่าสึนามิมาอีกหน
ชีวิตคนหลายร้อยพลอยสลาย
ทำลายล้างบ้านเรือนจนวอดวาย
คนที่รอดจากความตายก็ไร้บ้าน

อีกฟากหนึ่งยิวรบเลบานอน
สงครามร้อนเร่งรัดผลัดกันผลาญ
ระเบิดร่วงปลิดปลงส่งวิญญาณ
เมืองแหลกราญคนไร้บ้านเพราะมือคน

อันสันดานมนุษย์นี้ก็พิลึก
แค่รับศึกธรรมชาติยังขัดสน
ดันอุตริริฆ่ากันให้อับจน
ตายเพราะตนเป็นแน่แท้มนุษย์เอ๋ย


กระทู้: เรียนเชิญคุณจิตแผ้ว แล ผองมิตร
เริ่มกระทู้โดย: อาทิตยา ที่ 19 ก.ค. 06, 23:01
 คนเรานี้  แรกกำเนิด  เกิดชีวิต
แรกก็คิด  แต่อยู่รอด  ปลอดภัยได้
เมื่ออยู่ดี  อยากอยู่ดี  มีขึ้นไป
เริ่มอยากให้  มีเงินทอง  เป็นกองภู

มีเงินแล้ว  ก็อยากสุข  สนุกสนาน
ก็เริ่มผลาญ  เงินกัน  นั้นเห็นอยู่
สุดสนุก  แล้วทุกทาง  ต่างแย่งกรู
อยากเป็นผู้  มีอำนาจ  ในชาติตน

ใหญ่ในชาติ  ซักพัก  ชักไม่พอ
อยากใหญ่ต่อ  บ้านเมืองใคร  ก็ไม่สน
เลยต้องสู้  กันไป  ไห้ทุกข์ทน
ก็เพราะคน  ที่ไม่พอ  แต่หน่อเดียว


กระทู้: เรียนเชิญคุณจิตแผ้ว แล ผองมิตร
เริ่มกระทู้โดย: Little Sun ที่ 21 ก.ค. 06, 08:58
 สวัสดีค่ะทุกๆท่าน ไม่ว่าจะเป็นหน้าใหม่
และหน้าเก่า (เอหมายคสามว่าไงเนี่ย)
มารายงานตัวค่ะ ช่วงนี้ห่างหายการ
แต่งกลอนไปนานเลยค่ะ เพราะมัวแต่เรื่องสั้น


กระทู้: เรียนเชิญคุณจิตแผ้ว แล ผองมิตร
เริ่มกระทู้โดย: จิตแผ้ว ที่ 21 ก.ค. 06, 10:42
 ขอยินดีต้อนรับกลับสู่บ้าน
จากกันนานเกินไปให้คิดถึง
ตะวันน้อยกลอยใจใฝ่รำพึง
ครุ่นคำนึงถึงอยู่มิรู้วาย

อันกานท์กลอนสุนทรถ้อยร้อยพันเรื่อง
จะฟูเฟื่องเรืองระยับหรือลับหาย
ขอเจาะจงประทับลงตรงกลางใจ
ลูกหลานไทยช่วยสานต่อแม่พ่อเรา


กระทู้: เรียนเชิญคุณจิตแผ้ว แล ผองมิตร
เริ่มกระทู้โดย: หมูน้อยในกะลา ที่ 21 ก.ค. 06, 19:31
 ขออภัย พี่น้อง แลผองมิตร
ช่วงนี้ติด งานนิดหน่อย คอยก่อนหนา
ที่หมูฯกลาย  หายหน้าจ้อย  มิค่อยมา
อย่าถือสา ว่าแหนงหน่าย สหายกลอน ฯ


แล้วจะแวะมาเรื่อยๆ มิให้ขาดครับ


กระทู้: เรียนเชิญคุณจิตแผ้ว แล ผองมิตร
เริ่มกระทู้โดย: Little Sun ที่ 21 ก.ค. 06, 20:15
 ขอฝากบทกลอนสอนใจไว้ให้คิด
ชีวิตเป็นของน้อยปล่อยทิ้งไม่ได้หนา
กิจใดค้างควรสะสางให้สบายอุรา
รอเวลาเนิ่นช้านานไปไม่ได้ความ


กระทู้: เรียนเชิญคุณจิตแผ้ว แล ผองมิตร
เริ่มกระทู้โดย: จิตแผ้ว ที่ 23 ก.ค. 06, 06:28
 สู้งานหนักมักเหน็ดเหนื่อยแลเมื่อยขบ
จงรีบหลบพบมิตรกลอนอักษรศิลป์
ร่ายเพลงกลอนวอนไปให้ได้ยิน
เยือนถึงถิ่นแดนฟ้าสุขาวดี


กระทู้: เรียนเชิญคุณจิตแผ้ว แล ผองมิตร
เริ่มกระทู้โดย: นิรันดร์ ที่ 25 ก.ค. 06, 10:28
 ถึงงานหนักหากรักมักสนุก
คงคอยขลุกรุกงานขมันขมี
เหมือนกับงานสิริราชฯหกสิบปี
ฝีพายเรือพลีชีวีให้กับงาน


กระทู้: เรียนเชิญคุณจิตแผ้ว แล ผองมิตร
เริ่มกระทู้โดย: ศรีปิงเวียง ที่ 25 ก.ค. 06, 18:11
 สารภาพตามจริงมีลวงหลอก
งานข้างนอกและข้างในมากนักหนา
จึงไม่มีเวลาคอยแวะมา
จึงต้องอ่านตำราเตรียมสอบกัน
ในเทอมนี้เขามีสอบกลางภาค
เหนื่อยมาก ๆ ตัวเป็นเอ็นกระเซ็นกระสาย
อีกอาทิตย์จะสอบแล้วคงวางวาย
งานมากมายยังไม่เสร็จเข็ดจริง ๆ

สวัสดีทุก ๆ ท่านครับ


กระทู้: เรียนเชิญคุณจิตแผ้ว แล ผองมิตร
เริ่มกระทู้โดย: จิตแผ้ว ที่ 25 ก.ค. 06, 20:00
 งานแม้หนักเพียงใดใจอย่าท้อ
จงสืบต่อสานไปให้ถึงที่
คุณธรรมนำทางสร้างความดี
ยอมมอบพลีฝากไว้ในแผ่นดิน

จงทำงานด้วยดวงใจบริสุทธิ์
งามผ่องผุดดุจทองทาค่ามากสิน
ผลของงานสดใสไร้มลทิน
ดุจผาหินแกร่งกล้าราคาคน


กระทู้: เรียนเชิญคุณจิตแผ้ว แล ผองมิตร
เริ่มกระทู้โดย: Little Sun ที่ 26 ก.ค. 06, 02:57
 เข้ามาอ่านค่ะ สวัสดีทุกท่านค่ะ สบายดีไหมคะ


กระทู้: เรียนเชิญคุณจิตแผ้ว แล ผองมิตร
เริ่มกระทู้โดย: CrazyHOrse ที่ 26 ก.ค. 06, 14:49
 ลมเอย...
ลมเจ้าเคยเหนื่อยล้าบ้างหรือไม่
หรือลมเจ้าแอบมีที่พักใจ
เจ้าจึงพัดสะบัดไหวได้ชั่วกาล

เพื่อนเอย...
เมื่อเพื่อนเรียงบทร้อยถ้อยคำหวาน
ประหนึ่งเพื่อนฟูมฟักพักวิญญาน
ที่เหนื่อยงานจะพลันหายไม่ล้าแล้ว


กระทู้: เรียนเชิญคุณจิตแผ้ว แล ผองมิตร
เริ่มกระทู้โดย: นิรันดร์ ที่ 27 ก.ค. 06, 23:13
 เพราะต่างคนต่างมีหน้าที่ต่าง
ถึงจะห่างเหินไปหทัยถึง
ชะโงกหน้ามาทางเน็ตฯสักนิดนึง
ที่คิดถึงคงคลายได้บรรเทา

ที่ยังเรียนจงเพียรให้สำเร็จ
มัวเล่นเน็ตเกรตลดจะโอดเศร้า
ที่ทำงานมัวเล่นเน็ตนายเอ็ดเอา
มือสั่นเทารับซองขาวจะเศร้านาน


กระทู้: เรียนเชิญคุณจิตแผ้ว แล ผองมิตร
เริ่มกระทู้โดย: BlueMT ที่ 28 ก.ค. 06, 22:04
 หอมกลิ่นใดเฟื่องฟุ้ง    ในจิต
หอมกลิ่นรสนิมิตร        มาศแต้ม
หอมกลิ่นเพิ่มพูนใน      รสสุ  คนธรณ์
หอมกลิ้นจากใดเล่า      กลิ่นเจ้า  ความดี

               BlueMT สมัครเล่น


กระทู้: เรียนเชิญคุณจิตแผ้ว แล ผองมิตร
เริ่มกระทู้โดย: นิรันดร์ ที่ 09 ส.ค. 06, 14:27
 .........จะหัดเขียนเปลี่ยนถ้อย ......... เป็นคำ โคลงเฮย
โทเอกสัมผัสกำ- ........................... หนดหมั้น
โคลงครูโปรดเขียนนำ .................. เป็นแบบ ฉบับนา
คำตายแทนเอกนั้น ........................ ผ่อนให้ง่ายลง


กระทู้: เรียนเชิญคุณจิตแผ้ว แล ผองมิตร
เริ่มกระทู้โดย: หมูน้อยในกะลา ที่ 10 ส.ค. 06, 11:42
 
 หอมพฤษชาติฟุ้ง            กำจาย
มิเท่าเสมือนกาย             กลิ่นน้อง
หอมตรึงจิตมิคลาย          ทรวงพี่
หากพรากจากนวลต้อง     อกอ้า เจียนสลาย ฯ


กระทู้: เรียนเชิญคุณจิตแผ้ว แล ผองมิตร
เริ่มกระทู้โดย: หมูน้อยในกะลา ที่ 10 ส.ค. 06, 12:09
 หลังๆนี่ไม่ทราบเป็นอย่างไร มักขึ้นโคลงขึ้นกลอนเป็นพร่ำพรรณนาเกี่ยวกับนวล เนื้อ นาง บ่อยๆ เรียกได้ว่ากลอนมันพาไป
....
กราบสวัสดีอาจารย์นิรันดร์และสวัสดีทุกๆท่านด้วยครับ

....
ช่วงนี้ไม่ค่อยเห็นอ.MathGuyและครูจิตแผ้ว เลยนะครับ หากว่างเมื่อไหร่ก็ขอเชิญแวะมาที่ชมรมกลอนของเราสักหน่อยนะครับ ชมรมและบรรดาสหายกลอน คิดถึง

.....

สมาชิกใหม่หากนึกสนุกเข้าขอเชิญเข้ามาร่วมแจมสร้างสีสรรสักหน่อยสิครับ แต่งไม่เก่ง ใช้คำไม่เพราะ ไม่เป็นไรครับ เราเน้นสนุกและมิตรภาพเป็นหลัก หากไม่ทราบหลักฉันทลักษณ์หรือเทคนิกการแต่งก็ ย้อนไปดู ที่ความเห็นแรกๆได้ครับ มีแนะนำการแต่งไว้ด้วย ถ้าแต่งผิดถูกอย่างไร เดี๋ยวอาจารย์หลายๆท่านก็คงจะกรุณาชี้แนะให้แน่  ดีซะอีกถ้าแต่งไม่เก่งเดี๋ยวก็อาจเก่งที่กระทู้นี้เอง
 
.....


กระทู้: เรียนเชิญคุณจิตแผ้ว แล ผองมิตร
เริ่มกระทู้โดย: นิรันดร์ ที่ 10 ส.ค. 06, 13:27
 .......... หมูน้อยฯรักเริ่มแล้ว ........ ในทรวง
สมองย่อมกลายเป็นกลวง ............ แก่นเร้น
ฤทัยจึ่งคิดลวง ........................... จิตต์อาตม์ เองนา
ดึกดื่นฝืนกายเฟ้น ........................ไฝ่เฝ้าฝันถวิล


กระทู้: เรียนเชิญคุณจิตแผ้ว แล ผองมิตร
เริ่มกระทู้โดย: หมูน้อยในกะลา ที่ 11 ส.ค. 06, 09:53
 
 อาศัยเพียงบทเนื้อ          นิยาย
อ่านจบจึงมาคาย              ตวัดถ้อย
หากมีรักคงอาย               ไม่บอก
ครูอย่าแซวเด็กน้อย         เหน็บให้ ขวยเขิน ฯ




กระทู้: เรียนเชิญคุณจิตแผ้ว แล ผองมิตร
เริ่มกระทู้โดย: CrazyHOrse ที่ 11 ส.ค. 06, 10:14
 ดั่งเพลิงระเริงพลุ่ง จิต(ะ)มุ่งระลุงแม่
ดื่มด่ำระส่ำแด ระอุร้าวระด่าวดิ้น
ยากดับระงับด้วย มน(ะ)ป่วยระรวยริน
ซานซมระทมสิ้น รติจมระบมใจ


กระทู้: เรียนเชิญคุณจิตแผ้ว แล ผองมิตร
เริ่มกระทู้โดย: หมูน้อยในกะลา ที่ 11 ส.ค. 06, 15:08
 
 
ดั่งน้ำ ชะโลมให้          หฤทัย เกษมศานต์
ดื่มอาบ ก็สำราญ          ดุจทุกข์ มลายไป
รักพา นิราศทุกข์         ประลุ สุข(ะ) ผ่องใส
ครึกครื้น ระรื่นใจ          ก็เพราะได้ เจอะรักเอย ฯ


กระทู้: เรียนเชิญคุณจิตแผ้ว แล ผองมิตร
เริ่มกระทู้โดย: นิรันดร์ ที่ 11 ส.ค. 06, 15:46
 ....... เพ่งพิศประดิษฐ์ฉันท์ ........ ก็จะดั้นประดิษฐ์ให้
ลางคราวหฤทัย ........................ ระริกด้วยอิสตรี
....... ด้วยฤทธิฮอร์โมน .............. สติโผนผละอินทรีย์
ร้อนเร่าฤทัยมี ........................... ประดิพัทธกลัดใน


กระทู้: เรียนเชิญคุณจิตแผ้ว แล ผองมิตร
เริ่มกระทู้โดย: หมูน้อยในกะลา ที่ 11 ส.ค. 06, 16:36
  เร็วครับคุณอาชาฯ มาจับอาจารย์นิรันดร์ไว้.. !!

จับมาปรับมาซะดีๆ
ในข้อหาผิดฉันท์ลักษณ์ฉันท์ !!

ถ้าเป็นคนอื่นผิดชาวชมรมไม่ว่า แต่ถ้าเป็นอาจารย์นิรันดร์ ต้องปรับสถานเดียว ฮ่าๆ

ปรับให้
ให้หาแผนผังของอินทรวิเชียรฉันท์ ๑๑ มาโพสให้ท่านอื่นและน้องๆที่แวะเข้ามาอ่านได้เรียนได้ความรู้จากผังฉันท์นี้ ซะดีๆ

(ผิดตรงไหนเดี๋ยวให้เจ้าตัวท่านเฉลยเอง)

ชาวชมรมท่านอื่นว่ายังไงครับ
   




เอ๊า.............เฮ้!! !! !! !! !!


กระทู้: เรียนเชิญคุณจิตแผ้ว แล ผองมิตร
เริ่มกระทู้โดย: CrazyHOrse ที่ 11 ส.ค. 06, 16:44
 #140

คุณหมูฯดูดีดี
กลบทนี้ผมเตรียมให้
เพราะรู้คุณชอบใจ
ผังเป็นไงลองหาดู

 


กระทู้: เรียนเชิญคุณจิตแผ้ว แล ผองมิตร
เริ่มกระทู้โดย: หมูน้อยในกะลา ที่ 11 ส.ค. 06, 16:55
 ทราบครับคุณอาชาฯ
แต่ผมแต่งแบบคุณอาชาฯ.....ม้าย หวาย...

สัมผัสในให้เพียบอย่างนั้น
เดี๋ยวขอให้มีเวลาว่างๆอีกสักติ๊ด..เถอะครับ จะแต่งให้เลี่ยนกันเลย


กระทู้: เรียนเชิญคุณจิตแผ้ว แล ผองมิตร
เริ่มกระทู้โดย: หมูน้อยในกะลา ที่ 11 ส.ค. 06, 17:27
 

 อันกล บทนั้น                 บ่มิทัน จะทำตาม
มัวหลง พะวงยาม              เฉพาะฉันท ลักษณ์นา
 ผิดกล บทนั้น                 มิดุกัน นะพี่หนา
ยกโทษ แนะน้องยา          ผิเพราะว่า จะแก้ตัว ฯ


กระทู้: เรียนเชิญคุณจิตแผ้ว แล ผองมิตร
เริ่มกระทู้โดย: นิรันดร์ ที่ 15 ส.ค. 06, 12:24

แผนผังอินทรวิเชียรฉันท์ ๑๑ ครับ
ลอกมาจาก
 http://thaiarc.tu.ac.th/poetry/chan/index.html#11inta

........... ไม่คิดจะแก้ตัว ......... รึจะหัวมิเป็นไร
ผิดบ้างฤพลั้งไป ................... เพราะดนูผละฉันท์นาน
เรียนวิทยาศาสตร์ ................ มิฉกาจเชิงฉันท์ขาน
แต่งได้ก็แอบอ่าน .................. ริประชันสมานมิตร
เห็นแล้วก็แก้ด้วย .................. พิเคราะห์ช่วยประกายคิด
เย้ยหยันจะพรั่นจิต ................ ก็จะบั่นสหายสูญ


กระทู้: เรียนเชิญคุณจิตแผ้ว แล ผองมิตร
เริ่มกระทู้โดย: หมูน้อยในกะลา ที่ 15 ส.ค. 06, 15:36
 
  แซวนัก เพราะรักดอก         สพยอก ธ เท่านั้น
เช่นมิตร สหายกัน                เพราะฉะนั้น ก็อย่าเคือง
 กาพย์กลอน มิแบ่งเพศ        ณ ประเทศ และเขตเมือง
เขลาขลาด ฤ ปราชญ์เปรื่อง      พฤฒ์เฒ่า ฤ เยาว์วัย
 คบกัน เพราะโคลงกลอน      บ่ ริสอน ธ ฉันไหน
หากโกรธ พิโรธไซร้              คุรุให้ อภัยเทอญ ฯ


กระทู้: เรียนเชิญคุณจิตแผ้ว แล ผองมิตร
เริ่มกระทู้โดย: นิรันดร์ ที่ 15 ส.ค. 06, 18:16
 ..... สี่เท้าก็รู้พลาด .......... ผิประมาทจะขาดเกิน
ถ้าโกรธจะหมางเมิน ....... มิประดิษฐ์ประดอยคำ  
ยังโต้วจีด้วย ................... เพราะจะช่วยผดุงธรรม
เกินขาดก็ตัดนำ ............... จรดลวิชาการ


กระทู้: เรียนเชิญคุณจิตแผ้ว แล ผองมิตร
เริ่มกระทู้โดย: หมูน้อยในกะลา ที่ 15 ส.ค. 06, 20:13
 บอกคุณอาชาฯไว้ว่าจะขอแก้ตัวในกลบทของอินทรวิเชียรฉันท์ ๑๑

ฉันท์ในความเห็นเพิ่มเติมก่อนก็ยังไม่ได้แก้ตัวอยู่ดี จึงจะขอแก้ตัวใหม่ในความเห็นเพิ่มเติมที่ ๑๕๑ ต่อไปนี้ครับ


ปล.ขอต่อ เรื่อง " ความรักเปรียบเสมือนดั่ง ?.." ต่อเลยนะครับ

คหพต.๑๔๐ " ดั่งไฟ "

คหพต.๑๔๑ " ดั่งน้ำ "

คหพต.๑๕๑ " ดั่งลม "


กระทู้: เรียนเชิญคุณจิตแผ้ว แล ผองมิตร
เริ่มกระทู้โดย: หมูน้อยในกะลา ที่ 15 ส.ค. 06, 20:25
 
    ดั่งคล้าย พระพายโบก        วิปโยค และโศกศัลย์
ต่างหาย มลายพลัน                สุขสันต์ สรัญใจ
  บางครั้ง ถะถั่งโถม               พยุโหม โพยมใส่
เจ็บช้ำ ระกำใจ                       ทุรใน ฤทัยแด ฯ


กระทู้: เรียนเชิญคุณจิตแผ้ว แล ผองมิตร
เริ่มกระทู้โดย: หมูน้อยในกะลา ที่ 15 ส.ค. 06, 20:48
 ขอขยายความในร้อยกรองประเภท ฉันท์  สักหน่อยนะครับ เพื่อที่ว่า บางทีอาจมี น้องๆเด็กๆเข้ามาอ่าน ก็จะได้เข้าใจและสนุกในการแต่ง การอ่าน ไปด้วยครับ


ฉันท์เป็นถ้อยคำร้อยกรอง ที่ได้กำหนดคณะ ครุลหุ และสัมผัสไว้


การแต่งฉันท์ ต้องบรรจุคำให้ครบ ตามจำนวนที่บ่งไว้ จะบรรจุคำให้เกินกว่ากำหนด เหมือนการแต่ง โคลง กลอน และกาพย์ ไม่ได้ เว้นไว้แต่อักษรนำ อนุญาตให้เกินได้บ้าง

แต่บัดนี้ ไม่ใคร่นิยมแล้ว คำใดที่กำหนดไว้ว่า เป็นครุและลหุ จะต้องเป็น ครุและลหุจริงๆ และเป็นได้ แต่เฉพาะ ตรงที่บ่งไว้ เท่านั้น จะใช้ครุและลหุ ผิดที่ไม่ได้  

คำที่ประสมด้วย สระอำ ในแม่ ก กา ก็ดี ใช้เป็นลหุได้ แต่บัดนี้คำที่ประสมด้วยสระอำ ไม่ใคร่นิยมใช้ เพราะถือว่า เป็นเสียงที่มีตัวสะกดแฝงอยู่ด้วย

(คัดลอกจากเว็บไซด์ที่อ.นิรันดร์ให้ไว้)



การอ่าน ก็ต้องอ่านให้เป็น คำครุและลหุ จริงๆ คำไหนเป็น คำครุ คำลหุ มีหลักดังนี้

คำครุ  เป็นเสียงหนัก ยาว ซึ่งจะสังเกตุได้จาก


1. พยางค์ไม่มีตัวสะกด (แม่ ก กาที่มีสระเสียงยาว ) เช่น มี – นา

2. พยางค์มีตัวสะกด เป็นเสียงสั้นหรือยาวก็ได้ เช่น รัก- เธอ –มาก – ไป- เปล่า

คำลหุ   เสียงสั้น เบา ซึ่งจะสังเกตุได้ดังนี้

1. พยางค์ไม่มีตัวสะกด + สระเสียงสั้น เช่น สิ- คะ, นะ-คะ

สระ อำ ไอ ไอ เอา ซึ่งจะมีเสียง /ม/ ,/ย/ และ/ว/ เป็นเสียงตัวสะกดผสมอยู่ ไม่เป็นที่นิยม


กระทู้: เรียนเชิญคุณจิตแผ้ว แล ผองมิตร
เริ่มกระทู้โดย: CrazyHOrse ที่ 15 ส.ค. 06, 21:35
 กลบทใน ๑๔๐ ผมแต่งเลียนกลบทอัษฎางค์ดุริยาของคมทวน คันธนูครับ

กลบทจะคล้ายอินทรวิเชียรฉันท์ ต่างกันแต่ว่าลหุสองคำแรกในวรรคที่สองและสี่จะแทนด้วยครุหนึ่งคำครับ สัมผัสระหว่างวรรคเหมือนกัน ที่สำคัญคือคำลหุกลางวรรคทุกวรรคบังคับเป็นคำเดียวกัน นอกจากนี้จะบังคับสัมผัสในอีกดังนี้
0AXBC 00X00
0AXBC 0AXBC

X คือคำลหุบังคับซ้ำ
A สัมผัสสระกับ B
A สัมผัสอักษรกับ C ครับ
(A,B,C สัมผัสเฉพาะในววรคเดียวกันนะครับ ถ้าข้ามวรรคด้วยต้องตั้งชื่อว่ากลบทถวายวัดครับ   )

ใน ๑๔๐ ผมยืมบังคับเพิ่มเติมของกลบทอัษฎางค์ดุริยามาใส่อินทรวิเชียรฉันท์ครับ ไม่ทราบเหมือนกันว่ามีชื่อเฉพาะอยู่หรือไม่ ผู้ใดทราบกรุณาชี้แนะด้วยครับ บังคับเพิ่มจากอินทรวิเชียรฉันท์ปกติดังนี้ครับ

0AXBC 000X00
0AXBC 00AXBC

ยกมาอีกครั้งครับ


ดั่งเพลิงระเริงพลุ่ง   จิต(ะ)มุ่งระลุงแม่
ดื่มด่ำระส่ำแด      ระอุร้าวระด่าวดิ้น
ยากดับระงับด้วย    มน(ะ)ป่วยระรวยริน
ซานซมระทมสิ้น    รติจมระบมใจ


กระทู้: เรียนเชิญคุณจิตแผ้ว แล ผองมิตร
เริ่มกระทู้โดย: CrazyHOrse ที่ 15 ส.ค. 06, 21:40
 ขอโทษครับ ผังผิดครับ สลับบรรทัดกัน ที่ถูกต้องเป็น
0AXBC 0AXBC
0AXBC 00X00
และ
0AXBC 00AXBC
0AXBC 000X00


กระทู้: เรียนเชิญคุณจิตแผ้ว แล ผองมิตร
เริ่มกระทู้โดย: CrazyHOrse ที่ 15 ส.ค. 06, 21:45
 อ้าว ถูกอยู่แล้วไปแก้เป็นผิดครับ
ถ้าเป็นไปได้ V team กรุณาช่วยลบ 154,155 ด้วยนะครับ
ขออภัยในความไม่สะดวกครับ


กระทู้: เรียนเชิญคุณจิตแผ้ว แล ผองมิตร
เริ่มกระทู้โดย: หมูน้อยในกะลา ที่ 16 ส.ค. 06, 13:13
 ว่าแล้วเชียว..
เกิดมาไม่เคยพบเคยเห็นกลบทแบบนี้
 

จะว่าไปแล้วไม่ค่อยเห็นใครใช้กลบทกับฉันท์เท่าไหร่ อย่างน้อยก็ไม่มากเท่ากลอนและโคลง

คุณอาชาฯละก็มักหาอะไรแปลกมาให้เล่นอยู่เรื่อยเลย
ครั้งก่อนก็ดัดแปลงโคลงสลับหน้า - หลัง

" ลองอยากก็แต่งเขา....ชายชาติ
อ่านคนมีไม่อาจ....ว่ารู้
กลับย้อนแต่งประหลาด....เล่นก็
หลังมาหน้าจากสู้....เพราะไม่ คงมัน "

ไม่ทันไรคราวนี้ก็เล่นสนุกดัดแปลงฉันท์อีกแล้ว
คราวหน้าน่าจะสกิดบอกกันสักนิดก่อน นะครับ แฮ่ะๆ ไม่งั้นผมหน้าแตกอย่างนี้อีก

ไอ้ผมรึสังเกตเห็นแต่สัมผัสใน ผมก็ใส่สัมผัสในให้ซะทุกวรรค
ยังไม่พอ ก็เลยแถมสัมผัสนอก ระหว่างวรรค ซะทุกวรรคเช่นกัน
แต่แป๊ววววววว....กลายเป็นว่าผิดกลบทไปซะนี่
ฮ่าๆๆ


กระทู้: เรียนเชิญคุณจิตแผ้ว แล ผองมิตร
เริ่มกระทู้โดย: หมูน้อยในกะลา ที่ 16 ส.ค. 06, 13:25
 ขอต่อจาก #152 ครับ


การอ่านฉันท์ให้ไพเราะและถูกต้องนั้น  ก็ต้องอ่านให้เป็น คำครุและลหุ จริงๆ

คือถ้าหากคำครุ ไปอยู่ในตำแหน่งบังคับลหุ แล้วละก็ ให้อ่านเป็นคำลหุ ไม่อ่านเป็น ครุ

เช่น
ศิษย์ ปกติ อ่านว่า สิด
แต่ถ้าไปอยู่ในตำแหน่งลหุ ให้อ่านว่า สิ –สะ (ศิ-ษย์)

สุข (สุก) อ่านว่า สุ – ขะ

ดุจ(ดุด) อ่านว่า ดุ – จะ

สุขสันต์ (สุก - สัน) อ่านว่า สุ - ขะ -สัน

มีชื่อดารา – ดีเจ ชื่อดังท่านหนึ่ง ท่าทางชื่อของเขาจะไปถูกโฉลกกันคำลหุ ไม่ก็ไปตรงกับตำแหน่งบังคับ ลหุ เข้าพอดี
จากชื่อ สมพล (สม – พน) ก็เลยอ่านว่า สะ – มะ- พน
??

ฯลฯ

ขอให้สนุกกับฉันท์นะครับ


กระทู้: เรียนเชิญคุณจิตแผ้ว แล ผองมิตร
เริ่มกระทู้โดย: นิรันดร์ ที่ 16 ส.ค. 06, 18:12
 จาก #142 ผิดบังคับ ครุ ลหุไปพยางค์หนึ่ง

....... เพ่งพิศประดิษฐ์ฉันท์ ........ ก็จะดั้นประดิษฐ์ให้
ลางคราวหทัย ........................ ระริกด้วยอิสตรี
....... ด้วยฤทธิฮอร์โมน .............. สติโผนผละอินทรีย์
ร้อนเร่าฤทัยมี ........................... ประดิพัทธกลัดใน

ขอแก้คำ หฤทัย เป็น ฤทัยไหว

....... เพ่งพิศประดิษฐ์ฉันท์ ........ ก็จะดั้นประดิษฐ์ให้
ลางคราวฤทัยไหว ..................... ระริกด้วยอิสตรี
....... ด้วยฤทธิฮอร์โมน .............. สติโผนผละอินทรีย์
ร้อนเร่าฤทัยมี ........................... ประดิพัทธกลัดใน

แผงผังได้เอามาลงเพื่อลุแก่โทษไปล่วงหน้าแล้ว
ถ้าเห็นที่ผิดก็ทักท้วงมาอีกนะครับ


กระทู้: เรียนเชิญคุณจิตแผ้ว แล ผองมิตร
เริ่มกระทู้โดย: หมูน้อยในกะลา ที่ 16 ส.ค. 06, 19:59
 ด้วยความเคารพ
ถ้าอย่างนั้นขออนุญาตทักท้วง(ทันควัน) อีกสักนิดนะครับ แฮ่ะๆ จะได้สมบูรณ์แบบ

ต่อจากวรรคนี้เลยครับ "..ลางคราวฤทัยไหว .."
คือ "..ระริกด้วยอิสตรี.." ครับ

ริก และ อิส- ครับผม


กระทู้: เรียนเชิญคุณจิตแผ้ว แล ผองมิตร
เริ่มกระทู้โดย: นิรันดร์ ที่ 16 ส.ค. 06, 21:41
 โอ้ย แยะจัง ขอบคุณหมู ฯ ตาคมที่ชี้แนะ
อ่อนซ้อมก็เป็นอย่างนี้แหละครับ
จะซ้อมฉันท์บ่อยก็อาจต้องเปลี่ยนอาชีพจากครูฟิสิกส์

ตกไม้หันอากาศไปอีกตัวเดียวเอง

....... เพ่งพิศประดิษฐ์ฉันท์ ........ ก็จะดั้นประดิษฐ์ให้
ลางคราวฤทัยไหว ..................... ระริกด้วยอิสัตรี
....... ด้วยฤทธิฮอร์โมน .............. สติโผนผละอินทรีย์
ร้อนเร่าฤทัยมี ........................... ประดิพัทธกลัดใน

ผมว่า ผมแต่งผิด ๆ ถูก ๆ ก็อาจจะดี
เผื่อคนที่อยากแต่ง จด ๆ จ้อง ๆ จะได้กล้างแต่งบ้าง
แต่อย่างเพิ่งไปกระเซ้าเขาแรงนักล่ะ จะท้อเสียหมด

ผมเรียนฟิสิกส์ ก็ใช้วิธีนี้เหมือนกันคือ
ลุยทำดะไปเรื่อย
ถูกก็ดี
ผิดก็ค่อยแก้เอา
บางคนที่มัวแต่กลัวจะทำผิด ก็ไม่ได้ทำเสียที
คอยแต่ลอกคีย์ แล้วก็เจอคีย์ผิด(แบบว่าผมเป็นต้นฉบับไง   )


กระทู้: เรียนเชิญคุณจิตแผ้ว แล ผองมิตร
เริ่มกระทู้โดย: หมูน้อยในกะลา ที่ 17 ส.ค. 06, 13:06
 สมาชิกของทางชมรมฯส่วนใหญ่ไม่ค่อยมีใครทำงานสายตรงกับกาพย์กับกลอนเลย ที่เป็นครูอาจารย์ก็ไม่ได้สอนวิชาภาษาไทย ที่เรียนหนังสือก็ไม่มีใครเรียนเอกภาษาไทยเลย อาศัยเพียงความรักความสนใจในศิลปร้อยกรองของไทยเท่านั้น

นับเป็นเรื่องน่ายินดีครับ หากเราจะรักและอนุรักษ์สิ่งดีงามของบรรพบุรุษเหล่านี้ไว้สืบไป รวมทั้งชักชวนเชิญชวน และปลูกฝังให้ น้องๆ เด็กๆรุ่นหลังๆมารัก , อนุรักษ์เช่นเราและบรรพชนไว้

ก่อนหน้านี้(หมายถึงในช่วงปีนี้ไม่รวมปีก่อนๆ) คุณจิตแผ้วเอากลอนมาโพสไว้ ผมนึกสนุกจึงเข้ามาเสริม หลายๆท่านก็ทยอยมาสมทบ ขาประจำบ้างขาจรบ้าง หายหน้าไปแล้วบ้าง มีสมาชิกใหม่เข้ามาบ้าง คุณอาชาฯเองพึ่งก็ แย็บๆ เข้ามาบ้างเมื่อไม่นานมานี้ เห็นว่าแต่งได้ไพเราะและแหวกแนว(?) จึงเรียนเชิญมาสถิตอยู่ในกระทู้ซะ

ตอนนี้คุณท่านก็เป็นขาประจำไปเสียแล้ว    

สนุกดีนะครับว่าไหม คนหนึ่งขึ้นกลอน อีกสองอีกสามตาม
คนหนึ่งเปิดประเด็น และใส่เนื้อหาเรื่องใดๆ คนที่เหลือก็ช่วยกันตามประเด็น

บางคนเอาโคลงมาโพส ท่านทีแต่งเป็นก็แจม ที่ไม่เป็น ไม่คล่องก็หัด (นึกถึงคุณตะวันน้อยเหลือเกิน)

ไม่มีใครเป็นร้องกรอง หรือชำนาญฉันทลักษณ์ เสียทุกอย่างทำให้เรามีเรื่องสนุก เรื่องชวนหัวและยิ้มแย้มออกมาได้เสมอๆ


ทีนี้คุณจิตแผ้วเจ้าประจำหายไป ก็กลายเป็นหมูและอ.นิรันดร์ ที่นั่งหาวเฝ้ากระทู้กัน2คน ไม่มีอะไรทำก็แซวกันเอง หยอกกันเองสนุกสนานตามเรื่องตามราว อ๋อ..มีคุณอาชาฯอีกท่านหนึ่ง

คุณจิตฯ เป็น อ.สอน อังกฤษ
อ.นิรันดร์ เป็น อ.สอน วิทย์
คุณMathGuyเป็น อ.สอนคณิต
หมูน้อยเป็นนักวิจัย (วิจัยฝุ่น)
คุณอาชาฯเป็น ..เออ..ไม่ทราบแฮะ
คุณศรีฯ เป็น นักศึกษา
ฯลฯ
หลายๆท่าน แม้ทำงานไม่เกี่ยวกับกาพย์กลอน แม้ว่าจะไม่เก่งกาจเหมือนสมาชิกเว็บกลอนเว็บต่างๆ แต่ด้วยความรักในศิลปร้อยกรอง เราจึงมารวมตัวกันตรงนี้ เป็นพี่เป็นน้อง เป็นครูเป็นศิษย์ เป็นมิตรสหายกัน


แล้วท่านที่อ่านผ่านเข้ามาละครับ ไม่คิดจะ มาร่วมเป็นสมาชิก ร่วมรักและรักษ์ ศิลปะเหล่านี้กับพวกเราบ้างฤครับ
 

.


กระทู้: เรียนเชิญคุณจิตแผ้ว แล ผองมิตร
เริ่มกระทู้โดย: CrazyHOrse ที่ 17 ส.ค. 06, 13:49
 

อาชาเพียงลากรั้ง   รถไป
สารถีคือจิตใจ     กำหนดรู้
จะไปทิศทางใด    เพียงสั่ง
จะเผ่นร้อยเส้นสู้    บ่ยั้งตีนเลย

 


กระทู้: เรียนเชิญคุณจิตแผ้ว แล ผองมิตร
เริ่มกระทู้โดย: นิรันดร์ ที่ 17 ส.ค. 06, 14:28
 แก้แล้ว ยังมีผิดอีกจนได้

ระริก เป็น ลหุ ครุ ผิดฉันทลักษณ์ ที่ต้องเป็น ลหุ ลหุ
คุณหมูฯเป็นคนพบแล้วแจ้งมาทาง SMS

ผมผิดจริง ช่วยบอกกัน ไม่โกรธเคืองหรอกครับ
เพราะไม่ได้พูดให้ผมเสียหายอะไร
แล้วผมก็เป็นประเภทดันทุรัง จะทำก็จะทำ

อยากให้คนที่คิดแต่งฉันทลักษณ์ คิดแบบนี้
สักพักก็จะค่อย ๆ ดีขึ้น
แล้วถ้าพยายามต่อไปเรื่อย ๆ ก็ต้องเก่งสักวันจนได้  

ระหว่างภาคเรียน กลุ่มนักการศึกษาก็จะบางตาไปหน่อย เป็นธรรมชาติครับ

คุยเสียแยะ ขอแก้การบ้านที่ทำผิดไว้หน่อย

....... เพ่งพิศประดิษฐ์ฉันท์ ........ ก็จะดั้นประดิษฐ์ให้
ลางคราวฤทัยไหว ..................... เพราะพะพานอิสัตรี
....... ด้วยฤทธิฮอร์โมน .............. สติโผนผละอินทรีย์
ร้อนเร่าฤทัยมี ........................... ประดิพัทธกลัดใน

แต่งฉันท์นี่ รู้สึกจะยากกว่าคำพันธ์อื่น
ด้วยบังคับเป๊ะทุกพยางค์ที่ออกเสียงเลยทีเดียว

ผมอ่าน"สามัคคีเภท"ของท่าน"ชิต บูรทัต"เป็นแบบ หัดแต่งเล่นสมัยเป็นวัยรุ่น
ตอนนี้ เป็นรุ่นแง้มฝาโลง ก็ยังพลาดอีกแยะ
ถ้าเขาตอกฝาโลงแล้ว ห้ามคุณหมู ฯ มาทักนะ เพราะมั่นใจได้ ผมจะกลับมาแก้แน่ ๆ    


กระทู้: เรียนเชิญคุณจิตแผ้ว แล ผองมิตร
เริ่มกระทู้โดย: CrazyHOrse ที่ 17 ส.ค. 06, 16:16
 ความเห็นส่วนตัวของผมนะครับ

ฉันท์เป็นฉันทลักษณ์ที่ยากจริงๆครับ สาเหตุหลักคือธรรมชาติของภาษาไทยไม่เหมาะกับฉันท์

ภาษาแขกไม่มีวรรณยุกต์ ธรรมชาติของภาษามีเสียงครุลหุอยู่มาก เมื่อไทยยืมมาก็กลายเป็นว่าต้องยืมคำแขกมาใช้ด้วย ไม่อย่างนั้นจะแต่งให้ตลอดรอดฝั่งได้ยาก

ฉันท์นั้นเน้นจังหวะ จังหวะการอ่านจึงเป็นเรื่องสำคัญ

เสียงครุไม่ค่อยจะเป็นปัญหา เพราะว่าภาษาไทยออกเสียงคำโดดอยู่แล้ว เสียงสั้นหลายเสียงเราออกเสียงเป็นเสียงหนักได้สบาย ดูอย่างเวลาแต่งฉันทลักษณ์อื่นที่ไม่บังคับครุลหุ เราจะหยิบยืมคำสองพยางค์บางคำมาใช้เป็นหนึ่งคำบ่อยๆ อย่างระลึกจะให้ออกเสียงเป็นสองพยางค์ชัดว่า ระ-ลึก หรือรวบไปเน้นที่ ลึก(บางทีถึงกับเขียนว่า รฤก) อย่างนี้เป็นต้น

ส่วนเสียงลหุจริงๆนั้นหายากในภาษาไทย คำไทยโดยธรรมชาติเป็นคำโดด เสียงบางคำถึงจะสั้นก็สั้นแบบหนัก มันก็เป็นครุอยู่ดี หากจะให้อ่านได้ราบรื่นแบบฉันท์จริงๆแล้ว ยังต้องระวังคำควบกล้ำซึ่งธรรมชาติจะออกเสียงหนักแม้จะมีรูปสระเสียงสั้นก็ตาม อย่าง ประดิษฐ์ จะออกเสียง ประ ให้เป็นเสียงเบานั้นยากแท้ จะหลบเลี่ยงก็ต้องออกเสียงเป็น ปะ แทน บางทีจะเห็นใช้ในรูปว่า ปดิษฐ์ ซึ่งนอกจากจะไม่ผิดกติกาแล้วยังคุ้นๆว่าตรงกับรากคำมากกว่าอีกครับ

ส่วนคำที่ไม่ใช่คำแขกอย่าง ผละ อันนี้ไปไม่เป็นเหมือนกันครับ ออกเสียงเบายาก และนึกไม่ออกว่าจะใช้คำไหนแทน

หรืออย่าง ก็ รูปสั้น แต่เสียง ก้อ เป็นเสียงยาว อย่างนี้ก็ลำบากเหมือนกัน

สุดท้ายแล้วเจตนาของฉันทลักษณ์ผมยังเชื่อว่ามีความสำคัญมากกว่ารูป เพราะการแบบแผนเหล่านี้ ล้วนมีเจตนาเพื่อกำหนดจังหวะและท่วงทำนอง

ลองเทียบดูกับวิชชุมาลาฉันท์ก็ได้ครับ บังคับครุหมด วรรคละ 4 คำ บทละ 4 วรรค
1111 1111
1111 1111

พอมาอ่านอินทรวิเชียรฉันท์อีกที
11011 001011
11011 001011

จะรู้สึกเหมือนวิชชุมาลาที่เติมเขบ็ตเข้าไปชั้นหนึ่ง

ดนตรีแท้ๆเลยนะครับ

สุดท้ายเชื่อหูดีกว่าดูรูปครับ

ความเห็นส่วนตัวของผมนะครับ


กระทู้: เรียนเชิญคุณจิตแผ้ว แล ผองมิตร
เริ่มกระทู้โดย: หมูน้อยในกะลา ที่ 17 ส.ค. 06, 17:34
 
 
 ถึงเรามีร่างเพี้ยง           เพียงหมู
ขอมุ่งตามใจดู                ดั่งม้า
อาชาช่ำชองลู่                โลดแล่น
เรายิ่งมิรอช้า                  วิ่งห้อหวดตาม ฯ




ผมมีความเห็นเช่นเดียวกับคุณม้าฯครับ

อาจมีเสริมด้วยเล็กน้อย ก็เช่นเรื่อง กลบท ครับ

บางที ใส่กลบท ไปทำให้บทกวี ยากขึ้น แต่ดูดี ดูมีศิลปะในการใช้คำและความหมายลึกซึ้งมากขึ้น แสดงถึงภูมิปัญญาและความคิด ของผู้ประพันธ์ได้เป็นอย่างดี
แต่บางที การใส่กลบท ก็สามารถทำให้ความไพเราะของบทกวีลดลงแทนที่จะเพราะขึ้น กลับแย่ลงอย่างเห็นได้ชัด

ผมไม่ได้หมายถึงทุกบทกลอนกวี ที่ใส่กลบทลงไป แต่ผมพูดถึงการนำมาใช้ ถ้าใช้เป็นและถูกต้อง (หรือบางครั้งอาจไม่ถูกต้อง) ก็เป็นผลบวก
ถ้าใช้ไม่ถูกหรือขณะที่ไม่น่าจะใช้ ผลที่ออกมาก็ตรงข้าม

หรือท่านอื่นเห็นว่าอย่างไรครับ  


กระทู้: เรียนเชิญคุณจิตแผ้ว แล ผองมิตร
เริ่มกระทู้โดย: นิรันดร์ ที่ 17 ส.ค. 06, 22:44

ขอบคุณ คุณ CrazyHOrseที่มาให้คำแนะนำในการแต่งฉันท์
ชอบอ่านฉันท์แล้วก็อยากแต่งฉันท์ให้ได้เหมือนคำประพันธ์อื่น
แต่รู้สึกตะกุกตะกักพิกล

ผมเห็นฉันทลักษณ์ของคำประพันธ์ประเภทต่าง ๆ แล้วก็รู้สึกว่ามันเหมือนสูตรคณิตศาสตร์
มีแบบแผนบังคับคล้ายคลึงกัน คือรูปแบบที่ค่อนข้างจะตายตัว
ต่างกันแต่เพียงแทนที่จะเอาตัวเลขเข้ามาเติมในสูตร
ก็เพียงหาคำมาเติมในแผนผัง
ผมเป็นคนเคยเก่งคณิตศาสตร์( ) ก็คิดว่าจะสามารถแต่งฉันทลักษณ์ได้
ด้วยการเคารพกฎเกณฑ์แบบเดียวกันได้
แต่มันก็ยากไปอีกแบบหนึ่ง เพราะเราต้องรู้จักคำมากๆ
และรู้วิธีการใช้คำที่มีความหมายคล้ายคลึงกันมาแทนคำที่ใช้กันเป็นพื้นฐาน


คุณหมูน้อย ฯ ก็ไม่ต้องกังวลใจว่าผมจะเคืองนะครับ
ทักท้วงมา ดีกว่าปล่อยให้เด็ก ๆ จำอะไรผิด ๆ ไป
เห็นแก่ส่วนรวมเป็นใหญ่เป็นดีที่สุด

เวลาสอนหนังสือ เด็ก ๆ ก็ท้วงว่าผมคิดเลขผิดบ่อยไป ก็ไม่ได้เคืองใคร
พ่อผมซึ่งเป็นครูวิทยาศาสตร์เหมือนกัน ก็สอนวิธีสอนให้ผมว่า
เวลาทำโจทย์ให้เด็กดู ให้จงใจทำผิดให้เด็กจับได้บ้าง
เด็ก ๆ จะได้มีกำลังใจ คิดว่าสามารถเอาชนะครูได้เล็ก ๆ น้อย ๆ

อย่างไรคุณหมู ฯ ก็ระวังผมเอาคืนนะครับ    


กระทู้: เรียนเชิญคุณจิตแผ้ว แล ผองมิตร
เริ่มกระทู้โดย: นิรันดร์ ที่ 17 ส.ค. 06, 23:01
 ดูจากความคิดเห็นของคุณ CrazyHOrse แล้ว

เหมือนกับว่า เราจะใช้คำว่า 'เพราะ' หรือ 'ประ' จัดเป็นครุหรือครับ



พอจะมีตัวอย่างหรือไม่ว่ามีการใช้คำควบกล้ำแบบนี้เป็นคำ'ครุ'

หรือเป็นคำกลาง ๆ เป็นได้ทั้งครุและลหุ


กระทู้: เรียนเชิญคุณจิตแผ้ว แล ผองมิตร
เริ่มกระทู้โดย: CrazyHOrse ที่ 17 ส.ค. 06, 23:54
 ผมก็คิดเหมือนอาจารย์ครับ นักเรียนสายวิทย์ไม่ว่ารุ่นอาจารย์นิรันดร์หรือรุ่นลูกศิษย์อย่างผมไปจนถึงรุ่นน้องๆหลานๆสมัยนี้ผมเชื่อว่ามีแน้วโน้มจะติดที่จะคิดอะไรเป็นแบบแผน ซึ่งความจริงผมก็คิดว่ามาถูกทางระดับหนึ่งอยู่แล้ว (ถ้าไม่นับเรื่องสุนทรียะในบทกวีนะครับ)

ปัญหาอยู่ที่ว่าแบบแผนเหล่านั้นคือทั้งหมดของฉันทลักษณ์แล้วหรือไม่?

ผมคิดว่า "ไม่" ครับ

หลายสิ่งหลายอย่างไม่เคยแสดงในแบบแผนครับ ยกตัวอย่างเช่นกลอนสุภาพที่เราคุ้นเคยกันนั่นแหละครับ คำท้ายวรรคสองโดยมากจะต้องเป็นเสียงจัตวา อาจะเป็นเสียงโท เสียงตรี เสียงเอกได้บ้าง แต่ยากที่จะเป็นเสียงสามัญครับ ในขณะที่คำท้ายวรรคสามกลับใช้เสียงสามัญเป็นหลัก

เรื่องแบบนี้ดูเหมือนจะเป็นเรื่องพื้นๆที่คนเคยแต่งกลอนทุกคนจะรู้ แต่ผมไม่เคยเห็นในผังกลอนเลยครับ

อย่างนี้จะเรียกว่าเป็น undocumented pattern ได้หรือไม่?

ในฉันทลักษณ์แบบอื่นๆก็แล้วแต่มีเคล็ดลับเหล่านี้ อย่างโคลงสี่สุภาพ ดูไปสักพักผมก็เริ่มรู้สึกแบบนี้เหมือนกัน บางทีแต่งเอกเจ็ดโทสี่เป๊ะฟังแล้วไปรื่นหู แต่แต่งแบบไม่เคร่งครัดกลับไพเราะกว่า

แต่ในความไม่เคร่งครัดนั้นก็มี pattern ของมันอยู่เหมือนกัน ไม่ใช่มั่วเลยนะครับ

ผมยังเข้าไม่ถึงหัวใจของศาสตร์นี้ แต่มีข้อสงสัยในหลายเรื่องที่อาจจะเกี่ยวข้องกัน

1.ทำไมโคลงถึงบังคับรูป ไม่ได้บังคับเสียง
2.จารึกพระขุนรามราชมีแต่ไม้เอกและไม้โท ไม่มีวรรณยุกต์อื่นๆเลย วรรณยุกต์ตรีและจัตวาเพิ่งจะมีใช้ในสมัยอยุธยา
3.โคลงลาว(กลอนอ่าน)ฉันทลักษณ์ไม่ตรงกับโคลงไทยเสียทีเดียว บังคับรูปวรรณยุกต์เหมือนกัน และที่สำคัญ มีบังคับแค่รูปเอกและโทเหมือนกัน
4.โคลงจีน(ที่ผมยกมาในอีกกระทู้หนึ่ง) บังคับเสียงวรรณยุกต์โดยที่วรรณยุกต์จีนในยุคที่ฉันทลักษณ์นั้นเป็นที่นิยม มีเสียงตรงกับเสียง สามัญ,เอกและโทในภาษาไทย
5.โคลงไทยโบราณ(โคลงดั้น) โคลงลาว และโคลงจีนมีบังคับสัมผัส แต่ไม่มาก นอกจากนั้นยังมีแนวโน้มว่ายิ่งเก่าเท่าใดก็ยิ่งเคร่งครัดน้อยเท่านั้น (การวิเคราะห์โคลงลาวและโคลงไทยโบราณหาอ่านได้ในหนังสือโองการแช่งน้ำโดยจิตร ภูมิศักดิ์ครับ)

บางทีการศึกษาเรื่องการประพันธ์ อาจจะต้องย้อนกลับไปดูที่มาของฉันทลักษณ์นั้นๆว่ามาอย่างไร เจตนาของบังคับที่มีนั้นมีเพื่ออะไรนะครับ


กระทู้: เรียนเชิญคุณจิตแผ้ว แล ผองมิตร
เริ่มกระทู้โดย: CrazyHOrse ที่ 18 ส.ค. 06, 00:20
 เสียง เพราะ, ประ ตระกูลนี้ตามตำราถือว่าเป็นลหุนะครับ แต่ในความเห็นส่วนตัวของผม ธรรมชาติของเสียงควบกล้ำแบบนี้มันไม่ใช่เสียงลหุครับ เรื่องใช้เป็นลหุนั้นใช้ได้แน่ๆ(เพราะนิยมใช้กันอยู่) แต่ผมว่าอ่านแล้วไม่รื่นหูครับ

ในขณะที่เราก็สามารถใช้คำเหล่านี้แทนคำครุได้อย่างสบาย

ผมจะลองใส่ใน วิชชุมาลาฉันท์ดูนะครับ บังคับครุทั้งหมด

ประเทศเราก็ มีพ่อเพียงหนึ่ง
เพราะเป็นที่พึ่ง ของประชาราษฎร์


กระทู้: เรียนเชิญคุณจิตแผ้ว แล ผองมิตร
เริ่มกระทู้โดย: นิรันดร์ ที่ 18 ส.ค. 06, 14:19
 ถ้าอย่างนี้
เอาเป็นว่า
เวลาอ่าน
ถ้าคำนี้อยู่ตรงตำแหน่งลหุ ก็อ่านเบา ๆ หน่อย หรือลงเสียงสั้น ๆ เข้าไว้
ถ้าไปอยู่ตรงตำแหน่งครุ ก็ให้เน้น ๆ หน่อย จะได้ทำนองฉันท์ตามที่บังคับ?


กระทู้: เรียนเชิญคุณจิตแผ้ว แล ผองมิตร
เริ่มกระทู้โดย: CrazyHOrse ที่ 18 ส.ค. 06, 14:50
 บนพื้นฐานที่ว่าภาษาไทยเป็นภาษาคำโดด(ทำให้คำไทยทุกคำออกเสียงหนักหมด) ผมเห็นอย่างนั้นครับอาจารย์


กระทู้: เรียนเชิญคุณจิตแผ้ว แล ผองมิตร
เริ่มกระทู้โดย: นิรันดร์ ที่ 18 ส.ค. 06, 22:03
 ถ้าเช่นนี้ คงหาลหุแท้ ๆ มาแต่งฉันท์ได้ยาก
คงต้องแบบกล้อมแกล้มไปเท่านั้นกระมังครับ


กระทู้: เรียนเชิญคุณจิตแผ้ว แล ผองมิตร
เริ่มกระทู้โดย: จิตแผ้ว ที่ 18 ส.ค. 06, 22:41

ผิดเป็นครูแต่คนที่เป็นครูจงพยายามอย่าทำความผิด


กระทู้: เรียนเชิญคุณจิตแผ้ว แล ผองมิตร
เริ่มกระทู้โดย: หมูน้อยในกะลา ที่ 19 ส.ค. 06, 00:12
 เกือบคืนค่อน นอนไม่หลับ นั่งนับฝัน
ตกกลางวัน เฝ้าฝันต่อ มิท้อถอย
โอ้ว่าฝัน มันเฝ้าล้อ การรอคอย
หิ่งห้อยน้อย คอยฝันอยู่ อยากคู่เดือน ฯ


นอนไม่หลับเหมือนกันหรือครับ ครูจิตแผ้ว ช่วงนี้ไม่ค่อยเจอกันเลยนะครับ
 

ในเมื่อฝันหายไปแล้ว ขอไปนั่งนับดาวต่อล่ะครับ..


กระทู้: เรียนเชิญคุณจิตแผ้ว แล ผองมิตร
เริ่มกระทู้โดย: หมูน้อยในกะลา ที่ 19 ส.ค. 06, 00:14
 ด้วยความยินดีครับผมอ.นิรันดร์
แต่แหม๋..ผมคงพลาดยากนะครับอาจารย์นิรันดร์



กระทู้: เรียนเชิญคุณจิตแผ้ว แล ผองมิตร
เริ่มกระทู้โดย: CrazyHOrse ที่ 19 ส.ค. 06, 01:04
 แหม๋ ได้ไงครับ ต้อง แหม ครับ

โดนซะแล้วมั้ยล่ะ    


กระทู้: เรียนเชิญคุณจิตแผ้ว แล ผองมิตร
เริ่มกระทู้โดย: จิตแผ้ว ที่ 19 ส.ค. 06, 05:58
 แสงหิ่งห้อยอาจด้อยค่าคราจันทร์ฉาย
ไร้ความหมายหากยังมีสุริยฉัน
คราอาทิตย์อับแสงแล้งเงาจนัทร์
หิ่งห้อยพลันแจ่มบรรเลิดเลิศวิไล


กระทู้: เรียนเชิญคุณจิตแผ้ว แล ผองมิตร
เริ่มกระทู้โดย: CrazyHOrse ที่ 19 ส.ค. 06, 10:04
 เย็นฝนยามฟ้าสาง เย็นเยือกอย่างนางเลือดเย็น
ยามยิ้มดังหนึ่งเช่น กรีดใจเล่นเซ่นใจนาง


กระทู้: เรียนเชิญคุณจิตแผ้ว แล ผองมิตร
เริ่มกระทู้โดย: นิรันดร์ ที่ 19 ส.ค. 06, 20:33
 ........ สี่ . ตีนปีนป่ายพลั้ง ....... พลาดลง
เท้า . ที่เหยียบดินคง ............. ลื่นได้
รู้ . หรือไม่ก็จง ...................... สติมั่น
พลาด . ผิดทีเดียวไซร้ ........... อาจให้เสียการ

........ นัก . เรียนเพียรร่ำรู้ ....... วิชา
ปราชญ์ . เปรื่องเรื่องนานา ...... พลาดได้
รู้ . มากเท่าใดหนา ................ ฤๅหมด
พลั้ง . ง่ายประมาทให้ ............ หมดสิ้นชีวิน


กระทู้: เรียนเชิญคุณจิตแผ้ว แล ผองมิตร
เริ่มกระทู้โดย: CrazyHOrse ที่ 19 ส.ค. 06, 23:48
 
งามดุจภาพสวรรค์   ดวงตาวันลับแผ่นฟ้า
สะท้อนในอกข้า    อีกไม่ช้าราตรีเยือน


กระทู้: เรียนเชิญคุณจิตแผ้ว แล ผองมิตร
เริ่มกระทู้โดย: NickyNick ที่ 21 ส.ค. 06, 11:47
 เลียบๆ เคียงๆ มองง่องกระทู้นี้อย่างใจจดใจจ่ออยู่หลายวัน  แต่มิบังอาจเข้าร่วม  กลัวไม่ถูกกาลเทศะ  เดี๋ยวจะโดนผู้ใหญ่ดุเอา  วันนี้นึกครึ้มใจขึ้นมา  เป็นไรเป็นกันวะ  อายครูไม่รู้วิชา  อายภรรยาไม่มีบุตร  โบราณเขาว่าไว้อย่างงั้น  นี่มีบุตรตั้งหลายคนแล้ว  ก็ไม่ควรอายครูด้วย

แต่ก่อนอื่น  ขอยกครูก่อนละกัน  เป็นธรรมเนียมไทยๆ  แล้วก็ฝากเนื้อฝากตัวพี่ๆ ทั้งหลายด้วยเน้อ

     แสงอรุณเรืองรองสาดส่องฟ้า     ทั่วแหล่งหล้าวาววะวับจับแจ่มสี
ทิวากาลล่วงผ่านม่านราตรี             ชีวิตนี้ตระหง่านล้ำเลิศอำไพ

    ก่อกำเนิดเกิดมาใต้ฟ้ากว้าง       แววสว่างปัญญาน้อยด้อยสดใส
แต่สิ่งซึ่งโชติช่วงกลางดวงใจ          คือความใฝ่เรียนรู้อยู่ในตน

    โลกสร้างครูมาเสนอสนองมนุษย์  เป็นผู้จุดเปลวปัญญาทุกแห่งหน
สั่งสมความดีไว้ให้ปวงชน                 นำโลกพ้นความขลาดเขลาเบาปัญญา

    ครูสอนสั่งวิชาให้ไม่ปกปิด            หวังให้ศิษย์สูงเด่นเช่นเชิงผา
เปรียบแสงเทียนส่องสว่างกลางมรรคา  ให้วิชาเป็นเสบียงเลี้ยงชีวี

    เอ่ยนามครูคนรู้รักเคารพ              ศิษย์ขอนบประณตนอบเกศี
ขอทวยเทพชั้นฟ้าผู้อารี                    ให้ครูมีแต่สุขทุกคืนวัน




ห้าบทพอนะ  หมดภูมิ
แล้วก็  ฝากพี่หมูน้อยฯ พิจารณาด้วยว่า  กลอนชุดข้างบนนี้  พอเข้าได้กับฝีมือของเด็กระดับสติปัญญามัธยมไหน  หรืออยู่ในช่วงอายุไหนได้  ช่วยประเมินหน่อยดิ   จะได้จัดเกรดของตัวเองได้ถูก


กระทู้: เรียนเชิญคุณจิตแผ้ว แล ผองมิตร
เริ่มกระทู้โดย: หมูน้อยในกะลา ที่ 21 ส.ค. 06, 20:42
 แหม..(ตกลง..คราวนี้สะกดถูกต้องแล้วนะครับ )
คุณNickyNick ทำลีลาอมภูมิ  

ต้องให้ครูท่านอื่นๆลองพิจารณาดูเองแล้วละครับ
เพราะขืนให้นักเรียนอย่างผมพิจารณาก่อนครูเดี๋ยวเหากินหัวพอดี


กระทู้: เรียนเชิญคุณจิตแผ้ว แล ผองมิตร
เริ่มกระทู้โดย: CrazyHOrse ที่ 21 ส.ค. 06, 23:03
 

งามกลอนงามต่างได้   ตามใจ
งามย่อมผิดแผกไป    หลากถ้อย
แบบแผนผูกพันไว้     เป็นหลัก ยึดนา
ต่างที่อารมณ์ร้อย     สอดสร้อยสำเนียง


ว่าแต่ว่าคุณ NickyNick "หวังให้ศิษย์สูงเด่นเช่นเชิงผา" มันไม่โหดร้ายไปหน่อยหรือครับ ขอเป็นยอดผาหรืออย่างน้อยก็กลางๆผาก็ยังดีนะครับ    


กระทู้: เรียนเชิญคุณจิตแผ้ว แล ผองมิตร
เริ่มกระทู้โดย: Little Sun ที่ 22 ส.ค. 06, 07:14
 สวัสดีค่ะ ทุกๆท่าน ลิตเติ้ลมารายงานตัวกลัวจะลืม
สมาชิกคนนี้ไปค่ะ ขอเข้ามาอ่านอย่างเดียวก่อนนะคะ
ช่วงนี้ฟุ้งซ่านค่ะ เลยแต่งกลอนไม่ได้ คิกๆ


กระทู้: เรียนเชิญคุณจิตแผ้ว แล ผองมิตร
เริ่มกระทู้โดย: NickyNick ที่ 22 ส.ค. 06, 09:33
 คุณพี่ครู CrazyHOrse เป็นกำลังใจ  เบาใจครับ  เพราะไม่เพราะอยู่ที่อารมณ์ของเราด้วย  ส่วนเชิงผา  ตอนนั้นแต่งเสร็จหมด  แก้ไม่ไหวแล้ว  ไม่งั้นจะต้องเกี่ยวพันไปถึงบทก่อนด้วย  ก็ต้องเลยตามเลยตามถนัด

ก็เป็นกลอนเก่าเก็บ  เอามาโชว์อ็อฟก่อน  ของใหม่แต่งไม่ไหว  ยังขาดอารมณ์ร่วม  ชุดนี้แต่งเมื่อตอนจบมัธยมชั้นสุดท้าย  ยังไม่บอกว่าปีพอศอไหน  ให้พี่หมูน้อยทายเล่นสนุกๆ เป็นการบ้าน

นึกแล้วอย่าไปแอบฝันถึงใบหน้าผมนะครับ  เดี๋ยวจะฝันร้าย  แล้วจะเกิด bias  แปลว่าอคติ  ไม่อยากใช้คำไทย  เพราะความหมายเหมือนแง่ลบ  แต่ความจริงมันมีทั้งอคติทางบวกด้วย  ขอใช้ bias ก็แล้วกัน


กระทู้: เรียนเชิญคุณจิตแผ้ว แล ผองมิตร
เริ่มกระทู้โดย: NickyNick ที่ 22 ส.ค. 06, 10:21
 มาช่วยกันปั่น  ตามถนัด (อีกอย่าง)
พี่หมูน้อยยินยอมคบกับผมแล้ว  ไม่ต้องกลัว  จะมาร่วมสร้างความคึกครื้นให้กับกระทู้อย่างมิหยุดหย่อน
แล้วก็  จะได้เต็ม ๑๐ pages  ไวๆ ดังใจหวัง

คราวนี้เอาของเก่าเหมือนกัน  ขุดขึ้นมาจากกรุ  แล้วจะเฉลยทีหลังว่าแต่งไว้เมื่อปีพอศอไหน  ตอนนั้นเกิดคึก  วันเดียวแต่งรวด ๑๐ บท  แค่วันเดียวเท่านั้นนะ  วันอื่นหายเห่อ  ล้าจากวันนั้นจนถึงวันนี้  แล้วก็ไม่เคยแต่งโคลงจริงๆ จังๆ อีกเลย  วันเดียวเกินคุ้ม


ศิลปะมีแต่ครั้ง         เนานาน
เกิดก่อนบรรพกาล     เก่าโพ้น
บุรพพฤฒาจารย์        ท่านเลิศ  ล้ำเอย
สรรคิดประดิษฐ์ค้น     เรื่องไว้ให้เรียน

ข้าเพียงผู้หนึ่งน้อย     นิดวัย
อยากท่องผจญภัย     ใฝ่รู้
โปรดอย่าคร่าผลักไส  ไล่ส่ง
เพียงเพื่อขอขับสู้        เคี่ยวด้านการสือ

ข้าขอมีส่วนด้าน         การกวี
ขัดแต่วัยอันมี            อ่อนช้า
อยากริร่วมดูที           แสนหวั่น
การอักษรสุดล้า         คระคร้านเหลือแสน

กวีกานท์สุดลึกเร้น      ลับนา  ท่านเอย
เคยไป่พบสบมา         แต่กี้
รีบเร่งรัดศึกษา           แสนยาก
พบว่าอันอาตม์นี้         ที่แท้  กานท์กลอน

ขอครูปราดเปรื่องด้าน  การโคลง
โปรดร่วมใจจรรโลง     ศิษย์ไว้
ไป่ให้ล่มลืมหลง         มรรคแห่ง  กานท์นา
ผดุงศักดิ์ดาลศิษย์ได้  สว่างแจ้งทางสมอง
 


ให้ทุกท่านร่วมพิจารณาก่อนสัก ๕ บท
พรุ่งนี้ค่อยมาต่ออีก ๕ บทสุดท้าย
พร้อมคำเฉลย  อิอิ  เกมทายอายุ

แล้ววันต่อๆ ไปจะขอใช้เชาว์ปัญญาสดๆ อันอ่อนด้อย  ติดสอยห้อยตามทุกท่านไปพร้อมๆ กัน


กระทู้: เรียนเชิญคุณจิตแผ้ว แล ผองมิตร
เริ่มกระทู้โดย: ภูมิ ที่ 22 ส.ค. 06, 13:47
 ไม่ได้เข้ามานานขอตามเก็บเสนอความเห็นก่อน

#168
>บางทีแต่งเอกเจ็ดโทสี่เป๊ะฟังแล้วไม่รื่นหู แต่แต่งแบบไม่เคร่งครัดกลับไพเราะกว่า

ในความเห็นผมควรทำให้เป๊ะและรื่นหูครับ(กำปั้นทุบดินไปหน่อยไหมเนี่ย)
ถ้าทำได้นั้นคือสิ่งที่แสดงถึง"ฝีมือ" นั่นเอง


กระทู้: เรียนเชิญคุณจิตแผ้ว แล ผองมิตร
เริ่มกระทู้โดย: ชายองค์ ที่ 23 ส.ค. 06, 13:44
 ขอร่วมแสดงความคิดเห็นเรื่องการแต่งบทกวีนิพนธ์นะครับ
พอดีอ่าน ความเห็นคุณภูมิ #187 ที่อ้างถึง #168

การแต่งแบบเอกเจ็ดโทสี่ หรือใช้คำตายแทนเอก ฟังแล้วรื่นหู ครับ ผมเคยคุยกับเพื่อนที่จบด้านวรรณกรรมมา เขาบอกผมว่า ฉันท์ลักษณ์ของโคลงสี่สุภาพเป็นรูปแบบที่สมบูรณ์ที่สุดของโคลง การที่ลงตำแหน่งเอกโท สัมพันธ์กับการขับทำนองลำนำ

การแต่งไม่เคร่งครัดไพเราะกว่า ผมไม่เห็นด้วย เพราะแสดงถึงฝีมืออ่อนด้อย คนที่เชี่ยวชาญชำนาญกลอนจริง ฉันทลักษณ์จะอยู่ในสายเลือด อาจารย์ผมท่านหนึ่งเคยอธิบายให้ผมฟังว่า เวลาท่านแต่งโคลงนั้นไม่ต้องท่องว่าเอกโทอยู่ไหน เพียงแต่ขับทำนองไปด้วยแต่งไปด้วย เอกโทย่อมอยู่ตรงนั้นอย่างแม่นยำ

เป็นแค่ความเห็นนะครับ...


กระทู้: เรียนเชิญคุณจิตแผ้ว แล ผองมิตร
เริ่มกระทู้โดย: MathGuy ที่ 24 ส.ค. 06, 07:06
 ไม่ได้เข้ามาเสียน้าน...นาน...นานมาก

ชมรมนักกลอนแห่งนี้ มีอะไรใหม่ๆ เยอะแยะทีเดียว

เอาแค่เรื่อง ฉันท์ นี่ผมดูๆ แล้วนานสองนาน

ก็เลยตัดสินว่า ... ขอเอาไปฝึกดูก่อน

แต่เห็นเขียนฉันทลักษณ์กันแบบนี้

11011 001011
11011 001011

ทำให้นึกถึง Code หรือ เลขฐานสอง
ก็ให้นึกถึง โครงงานคณิตศาสตร์ ขึ้นมาทันที

คิดเข้าทางถนัดของเราเองนี่ง่ายกว่าเยอะ  

ก็เลยมีคำถามง่ายๆ ดังนี้

ถ้าเราลองเขียนฉันทลักษณ์ขึ้นมาเองแบบแปลกๆ
ซึ่งดูแล้ว น่าจะเขียนได้หลากหลายรูปแบบมาก
เสร็จแล้ว เราก็ลองเอามาแต่งคำใส่ดูว่า อันไหนมันจะ สนุก ระรื่นหู ให้อารมณ์แบบต่างๆกันอย่างไร

( TRY and SEE แบบ อ.นิรันดร์ )

ทำแบบนี้ เราจะได้ถึงขั้นงานวิจัย เลยหรือเปล่าครับ ?


กระทู้: เรียนเชิญคุณจิตแผ้ว แล ผองมิตร
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 24 ส.ค. 06, 08:38
 ตอบคุณ  Math Guy
ไม่ใช่งานวิจัย  เป็นงานสร้างสรรค์  
แต่ถ้าหากว่าสามารถอธิบายขั้นตอนการทำงานจนกระทั่งบรรลุผลได้เสร็จสมบูรณ์   อาจเป็นวิทยานิพนธ์ปริญญาโททางภาษาไทยได้ 1 เรื่อง ค่ะ

การคิดมาตราฉันท์ขึ้นมาใหม่ ไม่ยาก แต่ต้องเช็คให้ดี ว่ากวีรุ่นโบราณท่านไม่ได้คิดขึ้นมาก่อนหน้าแล้ว
อีกอย่างคือต้องทดลองแต่งเองว่าคิดมาตราขึ้นมาแล้ว  มันเวิร์คหรือเปล่า

เช่นมีลหุ 3 ตัว  000 ติดกันแบบนี้ แต่งให้เพราะได้ยากมาก    ลักษณะนี้มีปนอยู่ในสัททุลวิกีฬิตฉันท์ ๑๙  แต่งกันแทบตายทีเดียวกว่าจะผ่าน


กระทู้: เรียนเชิญคุณจิตแผ้ว แล ผองมิตร
เริ่มกระทู้โดย: นิรันดร์ ที่ 24 ส.ค. 06, 10:19
 การแต่งเพลง ก็มีฉันทลักษณ์ที่แตกต่างกันมากมาย แล้วก็ไพเราะด้วย
ผมเห็นว่า อาจารย์ MG อาจสร้าง ฉันท์ใหม่ขึ้นมา แล้วก็ไพเราะด้วย
ก็ได้สักวันหนึ่ง
เอาใจช่วยครับ    


กระทู้: เรียนเชิญคุณจิตแผ้ว แล ผองมิตร
เริ่มกระทู้โดย: CrazyHOrse ที่ 24 ส.ค. 06, 12:18
 คุณภูมิครับ:
เห็นด้วยที่ว่าถ้าได้ทั้งฉันทลักษณ์และรื่นหูได้เป็นดีครับ ส่วนเรื่อง"ฝีมือ"อันนี้น่าคิดเหมือนกันครับ เพราะความมุ่งหมายในการแต่งบทกวีของแต่ละคนไม่เหมือนกันครับ

คุณชายองค์ครับ:
คุณชายองค์ยกประเด็นที่น่าสนใจขึ้นมาพอดีเลยครับ
"ฉันท์ลักษณ์ของโคลงสี่สุภาพเป็นรูปแบบที่สมบูรณ์ที่สุดของโคลง การที่ลงตำแหน่งเอกโท สัมพันธ์กับการขับทำนองลำนำ"
ผมก็คิดอย่างนั้นครับ แต่ติดใจที่ว่าการขับลำนำนั้นเป็นเรื่องเสียงวรรณยุกต์ แต่โคลงบังคับรูปวรรณยุกต์
ถ้ายึดเอาเสียงวรรณยุกต์ปัจจุบันในการวิเคราะห์ฉันทลักษณ์ของโคลงในแง่ของความสัมพันธ์ของรูปและเสียงวรรณยุกต์แล้ว พอสรุปได้ดังนี้
- รูปวรรณยุกต์เอก เสียงเอก,โท
- รูปวรรณยุกต์โท เสียงโท,ตรี
- คำสุภาพ เสียงสามัญ, จัตวา
จะเห็นว่าตำแหน่งวรรณยุกต์เอกและโท จะมีเสียงที่พ้องกันได้คือเสียงวรรณยุกต์โท และ(ในความเห็นของผม)นั่นคือสาเหตุที่อนุญาตให้ใช้เอกโทษโทโทษได้

สำหรับโทโทษคงไม่มีปัญหาอะไรเพราะเข้าใจว่าใช้ ห นำครอบคลุมทุกคำอยู่แล้ว

แต่ปัญหาอยู่ที่ว่า บางคำบางเสียง เขียนเป็นเอกโทษไม่ได้ เช่น
คำว่า ต้อง เราสามารถใช้ในตำแหน่งคำเอกได้หรือไม่? เพราะเป็นคำเสียงโท ถ้าพิจารณาในแง่การขับลำนำย่อมไม่แตกต่างกับการใช้คำเอกแต่อย่างใด

ในทางกลับกัน ลองลืมเรื่องเสียงไป ยึดแต่รูป มองว่ารูปคือความงามจริงแท้ของโคลง ลองดูโคลงบทนี้นะครับ


เชิญดูตูค่าเหล้น      โคลงโลด โผนเทอญ
ยกค่อยอประโยชน์    เค่าเหยี้ยง
เอกโทษท่อยโทโทษ   เทียบใฮ่ เห็นฮา
แปรแซร่งแปลงถูกเถี้ยง  ท่วนถี้ดีแสดงฯ


เป็นบทนิพนธ์ของน.ม.ส.ครับ ฟังไม่ขัดหู แต่รูปไม่งามครับ

แล้วสุนทรียะของโคลงอยู่ที่ไหนกันแน่?


ส่วนเรื่องการแต่งไม่เคร่งครัดเพราะกว่า อันนี้ต้องชี้แจงหน่อย เดี๋ยวอ่านกันไปจะจับประเด็นสับสนกันหมด ผมเจตนาสื่อว่า บางครั้งการแต่งโคลงที่บังคับเอกโทถูกต้องทุกประการฟังแล้วไม่รื่นหู แต่บางบทที่แต่งโดยไม่ได้เคร่งครัดนัก ในบางกรณียังไพเราะกว่าบางบทที่แต่งตรงเป๊ะได้ครับ ไม่ได้เจตนาจะสื่อว่านอกแบบดีกว่าในแบบนะครับ

เหตุผลก็คือ ผมยังไม่เข้าใจว่าแบบแผนของโคลงที่แท้คืออะไรกันแน่ แนวทางเอกเจ็ดโทสี่หากมองในสายตา(อันคับแคบ)ของผมตอนนี้ก็เหมือนตำราฮาวทูที่สอนทางลัดให้คนแต่งโคลงกันได้ง่ายๆ แต่หัวใจที่แท้ของโคลงคืออะไร?

ดังนั้นหากจะด่วนสรุปว่าโคลงที่แต่งไม่ได้เอกเจ็ดโทสี่แสดงถึงความอ่อนด้อยของผู้แต่ง ผมว่าดูจะด่วนสรุปไปหน่อย จริงอยู่ที่ว่ามือใหม่เขียนโคลงอาจจะประสบปัญหากับการจดจำตำแหน่งเอกโทบ้าง แต่ผมว่าหลังจาก 10-20 บทไปแล้ว มันก็ไม่ใช่ปัญหาอีกต่อไป ไม่ต้องถึงกับเชี่ยวชาญเข้าสายเลือดหรอกนะครับ หากจะมีการใช้ไม่เคร่งครัดบ้างก็อยู่ที่เจตนาของผู้แต่งครับ

ลองดูบทนี้นะครับ

ยายกะตาตำข้าว   กลางจันทร์
หอมรำมาพาขวัญ  งำฟ้า
ดึกดึกดำบรรพ์ฝัน  ขำขำ
ลำนำโลมใจหล้า   ทำให้หฤหรรษ์

อังคาร กัลยาณพงศ์ ประพันธ์ครับ


กระทู้: เรียนเชิญคุณจิตแผ้ว แล ผองมิตร
เริ่มกระทู้โดย: NickyNick ที่ 24 ส.ค. 06, 12:24
 ขอขัดจังหวะท่านอาจารย์ทั้งหลายด้วยครับ

ขอต่อจาก คหพต.๑๘๖  จะได้จบๆ กันไป
เป็นโคลงรวม ๑๐ บทที่เห่อแต่งขึ้นมาเพียงวันเดียว


เทวดาโปรดช่วยข้า      คราเข็ญ
ขออย่าพาลำเค็ญ        ขัดข้อง
หากติดกุกกักเป็น         เกวียนตก  หลุมนา
ขอท่านเทียวรับร้อง      บอกแจ้งแห่งสรรพ์

การประพันธ์นั่นซึ้ง       แสนกล
มีเล่ห์หลอกแยบยล      ยักย้าย
อาจจักคิดวกวน           หลายแง่
อาตม์เริ่มสมัครเล่นไซร้ จักได้จินตนา

องค์อินทร์สถิตอยู่ฟ้า    นภาลัย
โปรดช่วยอวยพรชัย     ลูกน้อย
ยั้งยับเหตุเภทภัย         เกิดแก่  ข้านา
อันส่งโคลงคลาดคล้อย เคลื่อนค้างกลางคัน

เริ่มลงลายลักษณ์ไว้    ในวัน
ยี่สิบสี่สิงหังคาร           เริ่มสร้าง
พุทธศกสองห้าครัน      ครั้นบ่าย  โมงนา
ตกฤกษ์ดีดิถีอ้าง          หกขึ้นสารทเดือน

ขอคำข้าคิดค้น            คมคาย
ชนชื่นชมโฉมชัย          ฉ่ำชื้อ
จนจับจ่อจิตใจ             จ้าแจ่ม
หยุดแย่งอยากยุดยื้อ     ย่างเยื้องเยือกเย็น
 



ตอนนั้นอยากจะแต่งหนังสือหรือนิทานสักเรื่องหนึ่งเป็นร้อยกรอง  เพื่อพัฒนาตนเองในด้านการประพันธ์   มีเวลาวันใดก็จะแต่งเติมไปเรื่อยๆ

แต่พอถึงบทหลังๆ การแต่งค่อนข้างพิถีพิถัน   ไม่ได้พยายามแต่งให้ง่ายๆ อย่างที่คิดไว้แต่ทีแรก   มีการแต่งแบบเล่นคำมากเกินไปซึ่งค่อนข้างยากมากขึ้น   ประกอบกับสมองไม่แล่น   มีภารกิจทางด้านการศึกษาที่เป็นของหลักมากกว่า   จึงเริ่มท้อ  

และใช้เวลาเพียงแค่วันเดียวเท่านั้น   อำนาจฝ่ายขี้เกียจก็ครอบงำและชนะอำนาจแห่งความขยัน  และชนะมาเป็นเวลา ๒๔ ปีแล้ว  นับจากวันนั้นครับ  ๒๔ ปีพอดีเลยครับ  ไชโย

พี่หมูน้อยฯ คงรู้ว่าผมแต่งโคลงชุด ๑๐ บทนี้  เมื่อไรนะครับ  บอกรายละเอียดวันเดือนปีขึ้นแรมเสร็จสรรพ  เฉลยไว้แล้วในบทที่ ๙ ครับ  ตอนนั้นกี่ขวบแล้ว  ม่ายบอก


กระทู้: เรียนเชิญคุณจิตแผ้ว แล ผองมิตร
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 24 ส.ค. 06, 21:34
 ยายกะตาตำข้าว   กลางจันทร์
หอมรำมาพาขวัญ  งำฟ้า
ดึกดึกดำบรรพ์ฝัน  ขำขำ
ลำนำโลมใจหล้า   ทำให้หฤหรรษ์
สงสัยค่ะ  ว่าอ่านทำนองเสนาะแล้วจะออกมาเป็นยังไง

การใส่เอกโทในโคลง คงมีความหมาย
เป็นไปเพื่ออะไรสักอย่าง ไม่ใช่สักแต่ว่าใส่อะไรลงไปก็ได้ หรือไม่ใส่ก็ได้


กระทู้: เรียนเชิญคุณจิตแผ้ว แล ผองมิตร
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 25 ส.ค. 06, 18:23
 เข้ามาเพิ่มเติมความเห็นค่ะ
คนที่เขาแต่งเก่งแล้ว ถ้าจะพลิกแพลงฉันทลักษณ์ของเดิมมาสร้างในรูปแบบใหม่   อย่างคุณอังคารทำในบทที่คุณอาชาผยองยกมา    
เขาก็ทำออกมาได้ไพเราะอยู่นั่นเอง เพราะพื้นฐานเขาแน่นแล้ว  สามารถจับได้ว่าการใช้คำในโคลงสี่สุภาพต้องทำแบบไหน
เช่นใช้คำน้อย แต่ความหมายหนักแน่น ครบถ้วน
แต่ก็ไม่ได้หมายความว่า คนที่แต่งยังไม่คล่อง จะมองข้าม ฉันทลักษณ์แบบเดิม  ด้วยความรู้สึกว่าแต่งไม่เคร่งครัดมันก็เพราะพริ้งได้  ไม่เห็นจะจำเป็นต้องเอาไว้

ถ้างดเอกโทไปเสีย กลายเป็นอะไรก็ได้  จะทำให้แต่งคล่องขึ้นแน่นอนเพราะมันง่ายขึ้นกว่าเก่า
แต่ความง่ายมันเป็นสิ่งสวนทางกับความจัดเจน     และความจัดเจนก็คือเส้นทางสู่ความงาม


กระทู้: เรียนเชิญคุณจิตแผ้ว แล ผองมิตร
เริ่มกระทู้โดย: CrazyHOrse ที่ 25 ส.ค. 06, 18:55
 เป็นอย่างที่อ.เทาชมพูชี้แนะไว้ครับ โคลงบทที่ยกมามีเหตุที่เป็นอย่างนี้ แต่เรื่องมันยาว ขอติดไว้ก่อนครับ ผู้ประพันธ์"กำหนด"ที่จะให้เป็นอย่างนี้ด้วยความจัดเจนครับ

ส่วนผู้อ่อนด้อยอย่างผม ขอใช้ตำราฮาวทูต่อไปก่อนจนกว่าจะทำความเข้าใจได้ลึกซึ้งกว่านี้

ปล. หมู่นี้เข้า vcharkarn.com ไม่ค่อยได้เลยครับ ไม่ทราบว่าท่านอื่นเจอปัญหาเดียวกันหรือไม่?


กระทู้: เรียนเชิญคุณจิตแผ้ว แล ผองมิตร
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 25 ส.ค. 06, 19:15
เป็นค่ะ เข้ายากมาก


กระทู้: เรียนเชิญคุณจิตแผ้ว แล ผองมิตร
เริ่มกระทู้โดย: หมูน้อยในกะลา ที่ 25 ส.ค. 06, 20:21
 พี่นิกกี้เยินยอกันเกินไปแล้ว ข้าน้อยมิกล้า มิกล้า
คุณนิกกี้เป็นคนรู้จักใช้คำมากครับ ช่างสรรหาคำมาใช้ให้เข้ากับรูปฉันทลักษณ์โคลงและเนื้อหาที่อยากจะสื่อ  ใช้คำได้กระชับและความหมายชัดเจน

รวมถึงรู้จักคำเก่าๆ หรือคำที่ใช้ในเฉพาะการแต่งร้อยกรอง นำมาปนกับคำที่แผลงขึ้นเอง เช่นสิงหา สนธิกับ อังคาร เป็นสิงหังคาร (?)  คิดได้ เยี่ยงไรพี่ท่าน ฮ่าๆๆ

แต่ขอบอกล่าวแนะกันสักหน่อย ในฐาแนะ เอ๊ย ฐานะคนชอบพอนิสัยใจคอกัน เดี๋ยวจะหาว่ายอกันอย่างเดียวไม่จริงใจ


กระทู้: เรียนเชิญคุณจิตแผ้ว แล ผองมิตร
เริ่มกระทู้โดย: หมูน้อยในกะลา ที่ 25 ส.ค. 06, 20:26
 เริ่มจากโคลงบทแรกของท่านนิ๊กฯที่ว่า

ศิลปะมีแต่ครั้ง         เนานาน
เกิดก่อนบรรพกาล     เก่าโพ้น
บุรพพฤฒาจารย์        ท่านเลิศ  ล้ำเอย
สรรคิดประดิษฐ์ค้น     เรื่องไว้ให้เรียน


ไม่ค่อยรื่นหูรื่นตาตรงคำว่า "โพ้น" กับคำว่า"ค้น" ครับคำหนึ่งเสียงสัน อีกอันเสียงยาว...

ขอครูปราดเปรื่องด้าน  การโคลง
โปรดร่วมใจจรรโลง     ศิษย์ไว้
ไป่ให้ล่มลืมหลง         มรรคแห่ง  กานท์นา
ผดุงศักดิ์ดาลศิษย์ได้  สว่างแจ้งทางสมอง


โคลงบทนี้เช่นกัน"หลง" เป็นเสียงสระโอะ,ส่วนโคลงกับโลง เป็นสระโอ


กระทู้: เรียนเชิญคุณจิตแผ้ว แล ผองมิตร
เริ่มกระทู้โดย: หมูน้อยในกะลา ที่ 25 ส.ค. 06, 20:34
 โคลงบทที่ 7 , 9 และ 10ก็เช่นกัน
แก้คำตรงนั้นได้โคลง10บทนี้จะถือว่าเยี่ยมยุทธ์
ว่ากันว่าบางคนถ้าไม่เมาจะแต่งไม่รื่น ที่คุณนิ๊กฯแต่งรื่นนี้จะเป็นเพราะกระทู้วัฒนธรรมการดื่มฯ หรือเปล่าหนอ
เห็นทีหมูฯต้องขอเข้าไปรื่น.. ในกระทู้นั้นหน่อยล่ะ


กระทู้: เรียนเชิญคุณจิตแผ้ว แล ผองมิตร
เริ่มกระทู้โดย: หมูน้อยในกะลา ที่ 25 ส.ค. 06, 20:37
 โอ้.....................เกือบลืมทักทายอาจารย์ MG สวัสดีครับ หายไปนานเลยนะครับ
ครั้งนี้กลับมาคงไม่รีบด่วนจากไปอีกนะครับ        


กระทู้: เรียนเชิญคุณจิตแผ้ว แล ผองมิตร
เริ่มกระทู้โดย: NickyNick ที่ 26 ส.ค. 06, 10:57
 คนเคยชอบพอคนละคอกัน  หายไปไหนนานชักคิดถึง
มามาดใหม่  ลูบหลัง  แล้วบ้องหู

คุยเรื่องเดิมก่อนนะ

"โพ้น" กับคำว่า"ค้น" ครับคำหนึ่งเสียงสัน อีกอันเสียงยาว...

"หลง" เป็นเสียงสระโอะ,ส่วน "โคลง" กับ "โลง" เป็นสระโอ


ขอบคุณมากที่ชี้แนะ  แต่เขาอนุโลมให้ใช้แบบนี้ได้ไหม  ไม่เคยรู้มาก่อน  บอกหน่อยดิ
รู้แต่ว่าไม่ไพเราะเท่าที่ควรจะเป็น  ยอมรับ  เพราะยังอ่อนเยาว์นัก  ไม่เหมือนพี่หมู  อาวุโสพอควรแล้ว

แต่ที่บอกว่า  อันหนึ่งเสียงสัน  มันสั้นหรือมันสั่นเหรอ  ถ้าบอกว่าสั่น  พอรับได้  แต่ถ้าบอกว่าของผมสั้น  ไม่ย้อมไม่ยอม

แล้วก็  ถ้าไม่เมาจะแต่งไม่รื่น ที่คุณนิ๊กฯแต่งรื่นนี้จะเป็นเพราะกระทู้วัฒนธรรมการดื่มฯ หรือเปล่าหนอ

บ้านผมมีแต่ลื่น  ลื่นไหลไง
ถ้าเป็นรื่น  ก็รื่นเริง

เอ้า  เชิญไปรื่นเริงกันได้นะพรรคพวก
เห็นทีหมูฯต้องขอเข้าไปรื่น....  ในกระทู้นั้นหน่อยล่ะ


กระทู้: เรียนเชิญคุณจิตแผ้ว แล ผองมิตร
เริ่มกระทู้โดย: MathGuy ที่ 26 ส.ค. 06, 11:37
 ยังงัยก็ไม่ได้กะจะหายไปเลยหรอกคุณหมูน้อย
แวะๆเข้ามาดูอยู่บ้าง

อ่านๆ เป็นผู้ฟัง ผู้อ่านที่ดี ก็ได้ประโยชน์หลายสถาน
อยู่กับตัวเลข สมการ สัญลักษณ์ ตรรกศาสตร์การคำนวณ

พอมาดูทางสายศิลป์บ้าง ก็เป็นอะไรที่เติมเต็มชีวิต เปิดโลกอีกด้านหนึ่งเลยทีเดียว


ที่สำคัญ ... พอได้เริ่มเรียนรู้ว่า ที่ชมรมนักกลอนแห่งนี้
มีแต่ผู้ที่มีฝีมือ ระดับของจริง

มือ (อยาก) สมัครเล่นอย่างผม ก็ต้องพิจารณาตัวเองแล้วล่ะ

และก็ต้อง ขอบคุณ คุณเทาชมพู
ที่ช่วยตอบคำถาม ของผมเป็นอย่างดี

สุดท้ายนี้ ก็ขอลงฉันท์ ที่เคี่ยวเข็ญอยู่กว่า 2 วัน
ต้องบอกว่า ฝืนธรรมชาติของผมจริงๆ  

................................................

อ่อนใจระรวยริน..........ปะทะศิลป์บ่คุ้นเคย
หนักเบ่ามิรู้เลย..........จะเสาะหาเหมาะแก่คำ
คิดคิดพินิจนึก..........ริจะฝึกเตาะแตะตาม
ไพเราะและงดงาม...........จะแสดงบ่เห็นมี


..................................................

จะเห็นว่ามีคำว่า "จะ" อยู่ถึง 3 ที่ คำว่า บ่ อีก 2 ที่

นี่อุตส่าห์ ไปเอา poster ก - ฮ ของลูกชายมา
ลองใส่สระเสียงสั้น ว่าจะเป็นคำอะไรได้บ้าง

คำที่ได้ ช่างจำกัดมากๆ และก็จะเอามาแต่งให้ได้ความ
ยิ่งยากเข้าไปใหญ่


สงสัยว่า ต้องแก้ไข ด้วยการ ไปศึกษา คำศัพท์ในวรรณคดี
หรือคำสมาส สนธิ อะไรต่างๆ ... เอามาใช้ตรงเสียง เบา ซึ่งผมทำได้ยากมากๆ


แต่ก็...สนุกดีครับๆ ... ถ้าว่างๆ จะเก็บไว้ฝึก เป็นของจรรโลงใจ ฝึกทักษะภาษา การคิด ได้ดีทีเดียว

เด็กๆ มัธยมบ้านเรา น่าจะได้ฝึกสิ่งเหล่านี้    


กระทู้: เรียนเชิญคุณจิตแผ้ว แล ผองมิตร
เริ่มกระทู้โดย: หมูน้อยในกะลา ที่ 26 ส.ค. 06, 22:59
 บ้านท่านพี่มี ลื่นไหล
บ้านผมก็มี รื่นหู  ผมใช้คำว่า รื่น นั้นตรงกับความในใจที่อยากสื่อแล้วครับ

ท่านพี่นิ๊กฯหัดแต่งมา 20กว่าปี ผมยังไม่หัดได้ไม่กี่ปี จะกล้าเทียบรุ่นได้อย่างไรเล่าครับ

ที่น่าชื่นชมคือ อ. MG นี่แหละทั้งที่ลองแต่งมาไม่กี่เดือน(ลองอ่านในความเห็นต้นๆ) แต่เดี๋ยวนี้อ.ท่านล้ำหน้าหมูฯผู้อุ้ยอ้ายไปเสียแล้ว ว .  ว


กระทู้: เรียนเชิญคุณจิตแผ้ว แล ผองมิตร
เริ่มกระทู้โดย: CrazyHOrse ที่ 27 ส.ค. 06, 00:17
 จาก http://www.geocities.com/lekpage  โดยคุณ Lek Isara ครับ

&#8226; คลังคำ &#8220;ลหุ&#8221;
โดยคุณนก สกุณา คุณอังคาร และเพื่อนๆ จากถนนนักเขียน pantip

กฏิ (สะเอว)
กณิกนันต์ (ละเอียดยิ่ง)
กติกา (ตกลง)
กปณ , กปณา = (กะปะนะ ,กะปะนา) กำพร้า, อนาถา
กรณีย (อันพึงทำ,อันควรทำ)
กระสินธุ = สายน้ำ แม่น้ำ
กวะ - (ราว)กับว่า
กิระ - คำเล่าลือ
ขนิษฐา,อนุช - น้อง
คคน , คคนะ , คคนางค์ , คคนานต์ , คคนัมพร - ท้องฟ้า
คช - ช้าง
จินต- คิด
เฉพาะ
ชไม ชรไม = คู่
ชรทึง = แม่น้ำ
ชรริน = ประดับ
ชรเรือด = แทรก
ชรโลง ชโลง = พยุง จูง
ชรอัด = ชัด
ชรอุ่ม = ชอุ่ม มืดคลุ้ม
ชระ = สะอาด บริสุทธิ์
ชระงม = ป่ากว้าง
ชล = แห่งน้ำ
ชลธาร ชลธารก = สายน้ำ ลำน้ำ
ชลธิศ = ทะเล
ชลนัยต์ ชลนา ชลเนตร = น้ำตา
ชลาศัย ชลาลัย ชโลทร = แม่น้ำ ทะเล
ชวาลา (ตะเกียง)
ชุติ (ความรุ่งเรือง,สว่าง)
ฐิติ (การตั้งอยู่, ดำรงอยู่, ตำแหน่ง)
ฐิติ = การตั้งอยู่, ดำรงอยู่
ดนย (ดะนะยะ) = ลูกชาย= ดนัย
ดนยา = ลูกสาว
ดนุ (ฉัน,ข้าพเจ้า)
ดนุ,ดนู = ข้าพเจ้า
ดนุช = ผู้บังเกิดแก่ตน , ลูกชาย
ดรงค์ = คลื่น ระลอก
ดรุ = ต้นไม้
ดฤถี = ดิถี
แด - ใจ
ทวิ (สอง)
ทหระ = เด็กหนุ่ม
ทุรยศ = ทรยศ
ทุรราช = ทรราช
นค = ภูเขา
นมะ,นม - ไหว้
นยะ (นัย)
นฤ - คน
นฤ (คน) นฤนาถ,นฤบาล,นฤเบศ (พระราชา)
นฤนาถ = พระราชา
นฤมล (นาง, ไม่มีมลทิน)
นันท (ความสนุก, ยินดี, ร่าเริง)
นิเคราะห์ (ข่ม,ปราม)
นิจ (ต่ำ) เที่ยง, ยั่งยืน,เสมอ
นิธิ (ขุมทรัพย์)
นิร (ไม่มี) นิรโฆษ (เสียงดัง),
นิรคุณ (ไม่ดี), นิรทุกข์, นิรเทศ (เนรเทศ) นิรมิต
นิลาวัลย์ (งามยิ่ง, งามเลิศ)
นิลาส, พิลาส (งามมีเสน่ห์)
นิศา ,นิศากาล - กลางคืน
นิศาคม - เวลาโพล้เพล้
นิศาชล - น้ำค้าง
นิศาทิ - เวลาขมุกขมัว
นิศารัตน์ ,นิศานาถ ,นิศาบดี ,นิศามณี , - พระจันทร์
นิษกรม - เฉย
บุระ (เมือง)
บุหรง = นก
ปฏิพัทธ์ - ผูกพัน, รักใคร่
ประจุ (บรรจุ)
ปิยะ - อันเป็นที่รัก
ผจง - ความตั้งใจ
ผละ (สละ,จากออกไป)
ไผท = แผ่นดิน
พจี - คำพูด
พิร (ผู้เพียร,ผู้กล้า)
พิลาลส (อยาก,กระหาย,เศร้าโศก,เสียใจ)
พิลาส ,วิลาส(กรีดกราย,เยื้องกาย,งามอย่างสดใส,คะนอง,สนุก,ฟ้อนรำ)
พิลาส = กรีดกราย งามสง่า
พิลึก
พิโลน = สุกใส
พิไล = งาม
พิษฐาน = อธิษฐาน
พิสัย
พิสิฐ = ประเสริฐ
พิสุทธิ์ - บริสุทธิ์, สะอาด
พิสุทธิ์ = บริสุทธิ์
พิหค = นก
ภค = โชคดี ,เกียรติ
ภณ ( พะนะ) = กล่าว พูด บอก
ภร (พะระ) = เลี้ยงดู ค้ำจุน
ภระ - ภาระ
ภระ, ภร (เลี้ยงดู)
ภว (ความเกิด, ความมี)
ภิท ( พิ-ทะ) = แตก,ทำลาย
มติ - ความคิด, ความเห็น
มธุ - น้ำผึ้ง
มธุกร, มธุการี ,มธุพรต , มธุมักขิกา, มธุลีห์ (แมลงผึ้ง)
มธุปฎร (รวงผึ้ง)
มธุรส : ไพเราะ
มธุรส = น้ำผึ้ง
มธุสร (เสียงหวาน)
มนัส,มนะ,มโน - ใจ
มยุรา (นกยูง)
มร = ความตาย
มร, มตะ (ความตาย)
มฤคย์ = สิ่งที่ต้องการ
มฤจฉา = มิจฉา = ผิด
มฤต = ตายแล้ว
มฤต = ตายแล้ว
มฤทุ = อ่อนโยน สุภาพ นุ่ม
มฤธุ = น้ำผึ้ง = มธุ
มฤษา = มุสา
มล (มะละ) = ความมัวหมอง ( อ่านได้ทั้ง มน มนละ และมะละ )
มล, มละ (ความมัวหมอง, ไม่บริสุทธิ์)
มละ (ละทิ้ง)
มสิ (เขม่า, หมึก)
มห, มหะ ,มหิมา (ยิ่งใหญ่,มากนัก)
มาน - ใจ, ดวงใจ
มุฐิ (กำมือ)
มุต (รู้แล้ว)
มุติ (ความรู้สึก, ความเห็น)
มุทิกา (คนขับเสภา)
มุทิตา(ความมีจิตพลอยยินดีในลาภยศสรรเสริญสุขของผู้อื่น)
ยะเยื้อง, ยะยับ (ระยับ)
ยะหิทา (เล็บ)
ยุรยาตร (เดิน)
ยุว (หนุ่ม)
รชะ (ธุลี)
รชะ = ธุลี ละออง ความกำหนัด
รดี = รติ = ฤดี - ความรัก
รตนะ - แก้ว
รตะ (ความสุข, ความสนุก,ยินดี, ชอบใจ)
รติ , ฤดิ (ความยินดี, ชอบ, ความรัก)
รติ,ฤดิ - ความรัก, ความยินดี
รบส (ระบด) - เลี้ยง รักษา
รบาญ - รบ
รพ (ระพะ) รพา - ต่อสู้
รพิ รพี รวิ รวี - ดวงอาทิตย์
รมณี - ผู้หญิง
รมณีย - บันเทิง
รยะ (เร็ว,พลัน,ไว,ด่วน)
รว (ระวะ) - เสียงดัง
รวิ (อาทิตย์)
ระแคะ (เล่ห์, เงื่อนความ)
ระยะ (ช่วงเวลา, ช่วงสั้นยาว)
ระรึง - ผูกแน่น
รังสิมันตุ์ , รังสิมา = ดวงอาทิตย์
ริ (แรกคิด)
รุจ รุจา รุจิ รุจี รุจิระ รุจิรา = งาม แสงสว่าง
รุจน = ความชอบใจ ความพอใจ
รุจิรา (แสง, ความรุ่งเรือง, ความงาม)
รุจิเรข (มีลายงาม)
รุจิเรข = มีลายงาม มีลายสุกใส
รุชา = ความไม่สบาย
รุทร = น่ากลัวยิ่งนัก
รุธิร รุเธียร = เลือด สีแดง
รุหะ (งอกงาม, เจริญ)
ฤชุ = ซื่อ
ฤดิ - ความยินดี
ฤตุ = ฤดู
วจะ ,วทะ, วจิ (คำพูด)
วตะ (พรต,ข้อปฎิบัติ,ความประพฤติ,การจำศีล,การบำเพ็ญทางศาสนา)
วติ (รั้ว)
วธ (ฆ่า)
วธุ (หญิงสาว)
วนิดา
วนิพก
วปุ (ตัว ร่างกาย)
วปุ = ร่างกาย
วร (พร, ของขวัญ, เยี่ยม, ประเสริฐ,เลิศ)
วรางคณา - หญิงผู้ประเสริฐ
วลาหก - เมฆ
วสนะ - เสื้อผ้า
วสภ - วัวตัวผู้
วสละ -คนชั่ว
วสลี - หญิงชั่ว
วสลี (หญิงชั่ว,หญิงต่ำช้า)
วสะ (อำนาจ, กำลัง, ความตั้งใจ, ปราถนา)
วสุ (ทรัพย์, สมบัติ)
วสุธา, พสุธา (แผ่นดิน)
วิกจ (วิ-กะ-จะ) = แย้ม บาน
วิเคราะห์
วิจิ (คลื่น,ลูกคลื่น)
วินิบาต (การทำลาย, การฆ่า)
วิปการ (ผิดฐานะ)
วิมล - ปราศจากมลทิน
วิร = กล้าหาญ
วิร, วีร (กล้าหาญ)
วิเรนทร์ = จอมกษัตริย์
วิโรจ วิโรจน์ = สว่าง แจ่มใส
วิโรฒ = งอกงาม
วิโรธ วิโรธณ์ = พิโรจ พิโรจน์
วิลย วิลัย = ความย่อยยับ
วิลาป = พิลาป = ร้องไห้ คร่ำครวญ
วิลาวัณย์ - งามยิ่ง
วิลาวัณย์ : งามยิ่ง
วิษุวัต (จุดราตรีเสมอภาคโลกมีกลางวันและกลางคืนเท่ากัน)
วุฐิ (ฝน)
ศกุนี (นกตัวเมีย)
ศฐ (คนโกง,คนล่อลวง,คนโอ้อวด)
ศต (100)
ศย (นอน, หลับอยู่)
ศศ-, ศศะ : กระาย
ศศพินทุ์, ศศลักษณ์ : ดวงจันทร์
ศศะ - กระต่าย
ศศิ - ดวงจันทร์
ศศิวิมล : บริสุทธิ์เพียงจันทร์
ศิขริน, ศิขรี : ภูเขา
ศิขรี,ศิขรา , ศิขริน (ภูเขา)
ศิร (หัว)
ศิร : หัว, ยอด
ศิลป
ศิศุ : เด็กแดงๆ เด็กเล็ก
ศุกะ (นกแก้ว)
ศุนัก,ศุนิ,ศุน (หมา)
ศุภ - ความดีงาม
ศุภะ, ศุภ , สุ ,สุภะ (ความดี,ความงาม)
สขิ (เพื่อน, สหาย)
สินะท่าน
สิริ (ศรี)
สุข (สบาย)
สุขุมาล (ละเอียดอ่อน, อ่อนโยน,นุ่มนวล, ผู้ดีตระกูลสูง)
สุจิ (สะอาด,หมดจด,ผ่องใส)
สุณิสา (ลูกสะใภ้)
สุต, สุตะ (ได้ยิน, ได้ฟังแล้ว)
สุร (เทวดา)
สุริยา,ยน,เยนทร์,เยศ,โย (พระอาทิตย์)
สุวคนธ์ (ดี,งาม)
สุวภาพ (สุภาพ)
สุวินัย (สอนง่าย, ว่าง่าย, ดัดง่าย)
สุวิมล (กระจ่าง, บริสุทธิ์แท้)
สุหฤท (เพื่อน, ผู้มีใจดี)
หทย = หัวใจ
หย (ม้า)
หิริ (ความละอายใจ, ละอายบาป)
หุต (การบูชาไฟ)
เหมาะเจาะ
เหยาะแหยะ
แหวะ, แหะ, แหมะ,แหละ
อจล (อะจะละ) = ไม่หวาดหวั่น ไม่เคลื่อนคลอน
อจลา (แผ่นดิน)
อจลา = แผ่นดิน
อจิระ = ไม่นาน
อช (แพะ)
อชินี (เสือเหลือง)
อชิร = สนามรบ
อฎวี (ดง,ป่า,พง)
อฏวี = ดง ป่า พง
อณิ (ลิ่ม
อณุ, อนุ (เล็กน้อย)
อโณทัย = พระอาทิตย์ยามเช้า
อดิ, อติ (พิเศษ, ยิ่ง, มาก, เลิศล้น,ผ่าน, ล่วง,พ้นเลยไป)
อดิถี (แขกผู้มาหา)
อดิถี = แขก ผู้มาเยือน
อดิเรก
อดิศร (ผู้เป็นใหญ่)
อดิศัย - เลิศ ประเสริฐ
อดิศัย (เลิศ,ประเสริฐ)
อติชาตบุตร, อภิชาตบุตร(บุตรผู้มีคุณสมบัติสูงกว่าบิดามารดา )
อติมานะ (ความเย่อหยิ่ง, ความจองหอง)
อติสาร = ความเจ็บไข้ ใกล้ตาย
อธิกรณ์ (เหตุ, โทษ, คดี , เรื่องราว)
อธิคม (การบรรลุ, ความสำเร็จ, การได้)
อธิบาย
อธิมาตร (เหลือคณนา)
อน = ไร้ ไม่มี
อนยะ = ทุกข์เคราะห์ร้าย
อนิยม
อนุ (ภายหลัง, รุ่นหลัง)
อนุชา (น้องชาย)
อนุชิต (ชนะเนืองๆ)
อนุพัทธ์ (ที่ติดต่อ, ที่เกี่ยวเนื่อง)
อนุมาน (คาดคะเน)
อนุรูป (สมควร, เหมาะ, พอเพียง)
อนุโลม
อนุวัต (ทำตาม, ปฏิบัติตาม, ประพฤติตาม)
อนุสร (ระลึก, คำนึงถึง)
อนุสรณ์ (เครื่องระลึก, ที่ระลึก)
อปรา (พ่ายแพ้)
อปราธ (ความผิด, โทษ)
อปโลกน์ (อุปโลกน์)
อปวาท (คำติเตียน)
อปหาร (การปล้น, การขโมย, การเอาไป)
อภวะ = ความไม่มี ความเสื่อม ความฉิบหาย
อภิ (ยิ่ง, วิเศษ) อภิยศ, อภิบาล(บำรุงรักษา, ปกครอง)
อภิฆาต (การฆ่า)
อภินันท์ (ความยินดียิ่ง, ความดีใจยิ่ง)
อภินัย (การแสดงละคร, การแสดงท่าทาง)
อภิบาล = บำรุงรักษา
อมนุษย์ (ไม่ใช่คน)
อมรา (ผู้ไม่ตาย)
อมฤต (น้ำทิพย์)
อรณ ( อะระนะ ) = ไม่รบ
อริ (ข้าศึก, ศัตรู)
อรุ = บาดแผล
อวรุทธ์ = ถูกขับไล่
อโศก = ไม่เสียใจ, ไม่โศก
อสิ = ดาบ
อสิต ( อะสิตะ ) = สีดำคล้ำ
อสุ = ชีวิต, ลมหายใจ
อสุ = ลมหายใจ ชีวิต
อะนะ = บุตร
อิณ ( อิ-นะ) = หนี้
อินทุ = พระจันทร์
อิษฐ์ = น่ารัก น่าปรารถนา
อุจ (สูง)
อุชุ = ซื่อ
อุชุ = ซื่อตรง
อุชุ = ซื่อสัตย์
อุทก = น้ำ แม่น้ำ
อุบล = ดอกบัว

เป็นประโยชน์กับการแต่งฉันท์อย่างมากครับ


กระทู้: เรียนเชิญคุณจิตแผ้ว แล ผองมิตร
เริ่มกระทู้โดย: CrazyHOrse ที่ 27 ส.ค. 06, 00:28
 อย่างที่เคยคุยกับอ.นิรันดร์ไว้ก่อนหน้านี้แหละครับ คำลหุในภาษาไทยหายาก ต้องเจาะจงเก็บสะสมไว้เพื่อแต่งฉันท์โดยเฉพาะครับ

มือเก่าๆในเรือนไทยผมว่าฝีมือไม่ธรรมดาทั้งนั้น ไม่น่าจะถล่มตัวกันเลยครับ น้องๆรุ่นหลังๆอย่างพวกผมนี่แหละที่จะมาขอคำชี้แนะ

คุณพี่ Nick ครับ(ต้องเรียกพี่ เพราะตอน 2525 ผมยังง้างอยู่นั่นแล้ว ไม่เคยได้ลงมือแต่งอะไรออกมาซักกะอย่าง ส่วนท่านพี่ปั่นโคลงออกมาได้ขนาดนี้ ต้องอาวุโสกว่าผมหลายกิโลขีดอยู่)

เรื่องสั้นกับยาว ปกติไม่อนุโลมให้สัมผัสกันได้ครับ ต้องแอบใช้(อิอิ)แต่ในเรือนไทยรอดยาก เพราะหมูน้อยฯตาไวครับ ฮ่าฮ่า


กระทู้: เรียนเชิญคุณจิตแผ้ว แล ผองมิตร
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 27 ส.ค. 06, 08:26
 โคลงสี่สุภาพ

 http://www.vcharkarn.com/include/vcafe/showkratoo.php?Cid=19&Pid=5002  


กระทู้: เรียนเชิญคุณจิตแผ้ว แล ผองมิตร
เริ่มกระทู้โดย: NickyNick ที่ 27 ส.ค. 06, 15:55
 ทั้งคลังของคุณ CrazyHOrse กับลิ้งค์ที่อาจารย์เทาฯ แปะไว้ให้  เยี่ยม......

แต่คงยังจดจำอะไรได้ไม่คล่องนัก  หากไม่ได้ฝึกปรือฝีมือเพื่อใช้งานจริง

ตอนปี ๒๕๒๕  ที่ผมง้างเร็ว  เพราะผมพวกไวไฟครับ  จะเรียกแก่แดดแก่ลมก็ไม่ผิดนัก   คุณ C.คงมีความรู้สึกช้ากว่าผมก็ได้มั้ง  ไม่น่าใช่ที่อายุดอก

แต่ถ้าจะให้เรียกน้อง  จะเรียกน้องอะไรดีล่ะ  น้องม้า... ก็ไงอยู่
เคยแอบแปลให้ดูน่ารักว่า "ม้าพยศ"  พอไหวไหม

ขอเรียกสั้นๆ ว่าคุณ C. ก็แล้วกัน  ได้บ่

จาก นิค


กระทู้: เรียนเชิญคุณจิตแผ้ว แล ผองมิตร
เริ่มกระทู้โดย: ชายองค์ ที่ 27 ส.ค. 06, 21:26
 ขอตอบคุณ  CrazyHOrse

กับข้อกังขาที่ว่า การใช้เอกโทษ โทโทษ
หากว่าเราพิจารณา ด้านการแตกตัวของเสียงวรรณยุกต์ของภาษษาไทย เราจะเห็นว่าในภาษาไทยกลาง รูปวรรณยุกต์บางรูป รูปเอก กับรูปโท เสียงเดียวกัน เช่น ค่า กับ ข้า หากเราพิจารณาจากภาษาถิ่น บางถิ่น จะเห็นว่า ค่า กับ ข้า คนละเสียงวรรณยุกต์

บางคำ ที่เราบอกว่าเป็นโทโทษ จริงแล้ว หาใช่โทโทษด้วยแท้ หากสืบตามหลักทางภาษา และตรวจสอบภาษาถิ่น เราจะพบว่า โดยจริงแท้ ในภาษาไทยกลางได้ปรับรูปภายหลัง เนื่องจาก รูปที่ต่างแต่เสียงเหมือน เช่นคำว่า เล่น โบราณเราพบว่า เขียนว่า เหล้น ในภาษาถิ่นยังเขียนและใช้คำว่า เหล้น อยู่ ออกเสียงต่างจาก เล่น อย่างชัดเจนครับ... ดังนั้นปราชญ์แต่โบราณมิได้ใช้โทโทษ ดั่งปราชญ์ยุคหลังอธิบายกัน

สำหรับเอกโทษ หากพิจารณาจากตัวสะกด ที่ลงด้วยตัวสะกดพวกเสียงกัก (stop) มักจะออกเสียงตรงกับเสียงวรรณยุกต์เอกเสมอ ดังนั้นคนโบราณจึงใช้แทนที่กันได้ครับ


กระทู้: เรียนเชิญคุณจิตแผ้ว แล ผองมิตร
เริ่มกระทู้โดย: CrazyHOrse ที่ 28 ส.ค. 06, 12:07
 1.ประเด็นเรื่องโทโทษ ไม่รู้ว่าผมเข้าใจถูกหรือเปล่าว่า คุณชายองค์จะบอกว่าการใช้โทโทษไม่มีจริง คนรุ่นหลังเข้าใจผิดกันไปเอง

อยากให้ลองดูทั้งสองบทจากลิลิตพระลอนะครับ


ท้าวทูลธิราชไท้          ชนนี
ไหว้บาทบงกชศรี         ใส่เกล้า
ข้าพระอยู่มามี           ใจเหนื่อย พระเอย
จักใคร่ลาพระเจ้า         เที่ยวเหล้นพนาสนฑ์ ฯ

ฝันทรงภูษิตจ้า          ใสสุทธิ์
พระเกศทัดธารบุษป์       กลิ่นฟุ้ง
ไปทิศอุไทยอุต          ดมยิ่ง นั้นนา
ฝันว่าอ่อนเล่นถุ้ง         ทั่วท้องสระศรี ฯ


รบกวนชี้แนะเพิ่มเติมด้วยครับ ที่ว่า เหล้น กับ เล่น เป็นคนละเสียงกัน แบบนี้คือคนละคำกันเลยหรือครับ(แต่ความหมายเดียวกัน?)

2.ประเด็นเรื่องเอกโทษกรณีคำตาย(ตัวสะกดเป็นเสียงกัก) ถ้าพยัญชนะเป็นอักษรกลางหรือสูงประกอบกับสระเสียงยาวก็จะเป็นเสียงวรรณยุกต์เอกอย่างคุณชายองค์ว่า แต่ถ้าพยัญชนะเป็นอักษรต่ำ ประกอบสระเสียงยาวจะเป็นเสียงวรรณยุกต์โท และเมื่อประกอบสระเสียงสั้นจะเป็นเสียงวรรณยุกต์ตรี

แล้วกลุ่มที่พยัญชนะเป็นอักษรต่ำเหล่านี้ใช้เอกโทษไม่ได้หรือครับ?

ลองดูบทนี้นะครับ ลิลิตพระลอเช่นเดิม

ออกท้าวฟังลูกไท้         ทูลสาร
ถนัดดังใจจักลาญ         สวาทไหม้
น้ำ้ำตาท่านคือธาร          แถวถั่ง ลงนา
ไห้บรู้กี่ไห้              สรอื้นอาดูร ฯ


หรือว่าลิลิตพระลอยังถือว่าเป็นผลงานปราชญ์รุ่นหลัง ถ้าเป็นอย่างนั้นปราชญ์โบราณคือใคร? มีผลงานเรื่องใดให้ศึกษา? เพราะผมเข้าใจว่าลิลิตพระลอน่าจะเป็นโคลงสี่สุภาพที่อยู่ในกลุ่มที่เก่าที่สุดอยู่แล้ว ส่วนโคลงดั้นโคลงลาวที่เก่ากว่านี้ก็ไม่เคร่งครัดแบบแผนมากนักอยู่แล้ว

งงครับ รบกวนชี้แนะด้วยครับ


กระทู้: เรียนเชิญคุณจิตแผ้ว แล ผองมิตร
เริ่มกระทู้โดย: หมูน้อยในกะลา ที่ 28 ส.ค. 06, 20:08
 

    ค้นคิดคำค่ำค้ำ          คอคาง
สรรเสาะสุดแสงสาง        สร่างสร้าง
จวบจันทร์จบแจ้งจาง       จ้างจ่าง
แรรุ่งรางร่างร้าง              เลิกล้มล่มลม ฯ


กระทู้: เรียนเชิญคุณจิตแผ้ว แล ผองมิตร
เริ่มกระทู้โดย: ชายองค์ ที่ 01 ก.ย. 06, 14:24
 คำว่าเล่น กับเหล้น เดิมเราใช้คำว่า เหล้นครับ ไม่มีคำว่า เล่น คำว่าเล่นเกิดขึ้นภายหลัง เมื่อเกิดการรวมเสียงวรรณยุกต์ เหมือนกับคำว่า ถ้า กับ ท่า คำว่า คอยท่า ซึ่ง แต่เดิมเป็นคำว่า ถ้า ครับ หรือว่า เถ้า กับเฒ่า เดิมก็เป็นคำว่า เถ้า ทำไมถึงรู้หรือครับ เราใช้ภาษาถิ่นที่ปรากฏการใช้อยู่เป็นคู่เทียบและสืบสร้างรูปโบราณ ครับ

ส่วนประเด็นที่สอง ขอเวลาค้นเพิ่มเติมครับ
แต่เท่าที่เห็น ถ้าใช้กล่องเสียงวรรณยุกต์ช่วย เราจะเห็นได้ว่า อักษรต่ำรูปเอกตรงกับ อักษรสูงและกลางรูปโท...
ซึ่ง คำตายสระเสียงยาวกลับตรงกับ รูปเอกทุกประการ...คือ ทั้งได้เสียง เอก และเสียงโท...
ส่วนคำตายสระเสียงสั้น นั้น ในกลุ่มอักษรกลางและสูงก็ยังเป็นเสียงเอก แต่ในอักษรต่ำนั้นกลับได้เสียงตรี...

ตรงนี้คงต้องกลับไปเทียบกับกลุ่มอักษร รูปวรรณยุกต์ในภาษาถิ่นอื่นมาเทียบครับ เช่นภาษาถิ่นเหนือ อักษรสูง และกลางรูปโท จะเสียงวรรณยุกต์ไม่ตรงกับ อักษรต่ำรูปเอก...

ดังนั้น หมายความว่า คำตายสระเสียงยาวกับรูปวรรณยุกต์เอก ในภาษาถิ่นเหนือ เป็นเสียงชุดเดียวกัน จึงพออธิบายได้ว่า โบราณจึงใช้แทนที่กันได้ ส่วนคำตายสระเสียงสั้น ขอผมใช้เวลาค้นก่อนครับ...

เวลาเราจะพิจารณาถึงโคลงที่มา และความเป็นมา คงต้องใช้วิธีทางนิรุกติศาสตร์ ทางภาษาศาสตร์เชิงประวัติ ภาษาถิ่น เอามาเทียบด้วยครับ หากเราใช้ข้อมูลเสียงที่ปรากฏในปัจจุบัน คงเป็น "การตัดตอน" หรือ "ลดทอน" ไปเสียครับ


กระทู้: เรียนเชิญคุณจิตแผ้ว แล ผองมิตร
เริ่มกระทู้โดย: อ้อ ที่ 01 ก.ย. 06, 16:49
 สวัสดีทุกท่านค่ะ  ถนัดแต่งกลอนสุภาพ  
โคลงไม่เป็นเลย  
แต่อยากเก่ง  ขอลองแต่งด้วยคนนะคะ
ชี้แนะด้วยค่ะ  ขอบคุณค่ะ

ขอฝากตัวเล่าอ้าง            ยินยล  พี่เอย
ขอชื่นชมทุกคน              เก่งพร้อง
ขอโคลงล่องทุกหน          นะพี่  สักครา
โอ้ว่าอันนวลน้อง             อ่อนซ้อมจริงเอย


กระทู้: เรียนเชิญคุณจิตแผ้ว แล ผองมิตร
เริ่มกระทู้โดย: อ้อ ที่ 01 ก.ย. 06, 17:38
 ระรานรีบเร่งร้อน.............รอนรา
เผลอไพล่ไหลคลาดคลา...ล่างแล้ว
นานนิดนิ่งหน่อยหนา........นะนี่   จักดี
มองมุ่งมุดมัดแม้ว............ไม่ให้อยู่นาน


กระทู้: เรียนเชิญคุณจิตแผ้ว แล ผองมิตร
เริ่มกระทู้โดย: CrazyHOrse ที่ 01 ก.ย. 06, 18:05
 คุณชายองค์ครับ

1. ถ้าพิจารณาโคลงสองบทที่ผมยกมาใน 210 บทแรกเขียน "เหล้น" ในตำแหน่งโท ในขณะที่บทที่สองเขียน "เล่น" ในตำแหน่งไม่บังคับ แสดงว่า "เหล้น" ที่ปรากฎในบทแรกไม่ได้เป็นโทโทษ คงพอจะบอกได้ว่า ผู้ที่คัดลอกเขียนว่า "เล่น" เป็นรูปแบบปกติ ในขณะที่ใช้ "เหล้น" เป็นโทโทษอย่างแน่นอน ยืนยันได้ 2 ประการคือ
- ผู้คัดลอกมีการใช้โทโทษจริง
- ผู้คัดลอกเขียน "เล่น" เป็นรูปปกติ
เรื่องที่ต้องพิจารณาต่อไปคือ ในสมัยที่แต่งลิลิตพระลอ(อยุธยาตอนต้น) ใช้เหมือนที่ผู้คัดลอกใช้หรือไม่ ซึ่งน่าจะช่วยในการสืบยุคสมัยที่มีการรวมเสียงวรรณยุกต์ได้นะครับ

2.เรื่องคำตายเสียงสั้นอักษรต่ำกลายเสียงวรรณยุกต์เอกเป็นตรีนั้น น่าจะเป็นเพราะเสียงวรรณยุกต์เอกอักษรต่ำปกติเป็นเสียงโท ซึ่งเป็นเสียง falling มีการเปลี่ยนแปลงช่วงความถี่ในคำค่อนข้างมาก บวกกับคำตายสระเสียงสั้นนั้น นอกจากมีเสียงสระที่สั้นแล้วยังมีตัวสะกดเป็นเสียงกัก(stop หรือ plosive) ทำให้เกิดความไม่สะดวกในการออกเสียง ภาษาไทยบางสำเนียง(เช่นสำเนียงกรุงเทพฯ)จึงเลื่อนไปออกเสียงเป็นเสียงตรี ซึ่งเป็นเสียง high มีการเปลี่ยนแปลงช่วงการออกเสียงน้อยแทน ทำให้ออกเสียงสั้นๆได้ง่ายขึ้นครับ ข้อสังเกตอีกอย่างหนึ่งในกรณีนี้คือ ไม่มีเสียงตายไม่ว่ารูปใดที่ออกเสียงเป็นเสียงจัตวาซึ่งเป็นเสียง rising มีการเปลี่ยนแปลงช่วงความถี่ในคำค่อนข้างมาก ออกเสียงยากเช่นกันครับ

ขอบคุณที่ชี้แนะครับ แต่รบกวนขอเพิ่มเติมด้วยครับ ขอบคุณล่วงหน้าเลยครับ


กระทู้: เรียนเชิญคุณจิตแผ้ว แล ผองมิตร
เริ่มกระทู้โดย: CrazyHOrse ที่ 01 ก.ย. 06, 19:19
 จะเป็นไรเล่าอ้อ กันเอง เชิญร่วมวงบรรเลงแต่งได้ ถูกผิดไม่ต้องเกรงใจหรอก ขอบอกออกตัวไว้ พี่หมั้วประจำ

เอิ๊กๆ

comment ของคุณอ้อหน่อย

"นานนิดนิ่งหน่อยหนา........นะนี่ จักดี"

ตรงสร้อย "จักดี" นี่ ถ้าเป็นสำนักฝ่ายธรรมะเห็นเข้า เขาจะว่าเราไม่มีฝีมือ เรียกเป็นภาษานักโคลงว่า เจตนัง คือเติมคำสร้่อยลงไปเพราะว่าไม่สามารถรวบความให้จบลงใน 30 คำได้

ถ้าเป็นฝ่ายธรรมะแบบธรรมะพอควร เขาจะพอยอมรับได้ เพราะจบด้วยคำเป็น(จักดี) และไม่ได้มีความหมายชัด แต่ถ้าฝ่ายโคตรธรรมะรู้สึกว่าเขาจะกำหนดตายตัวไว้แค่ 19 คำที่เป็นไปได้

ส่วนฝ่ายมารอย่างข้าพเจ้า...

เชิญตามสบายเทอญ ถ้าทำแล้วสบายใจไม่เดือดร้อนใคร ฮี่ๆ


กระทู้: เรียนเชิญคุณจิตแผ้ว แล ผองมิตร
เริ่มกระทู้โดย: หมูน้อยในกะลา ที่ 01 ก.ย. 06, 19:42
 

ท่า หย่าง ณั้น มู๋  หน๊อย ฯ ค๋อ หมั้ว เปน ฝ่าย มาล ด้วย คน



กระทู้: เรียนเชิญคุณจิตแผ้ว แล ผองมิตร
เริ่มกระทู้โดย: CrazyHOrse ที่ 01 ก.ย. 06, 21:21
 หมูน้อยฯโดนกลผมอีกแล้วแน่ๆ

เอิ๊กๆ

อุตส่าห์บอกทางให้แล้วนะ    


กระทู้: เรียนเชิญคุณจิตแผ้ว แล ผองมิตร
เริ่มกระทู้โดย: หมูน้อยในกะลา ที่ 02 ก.ย. 06, 23:10
 หากคุยกับท่านม้า ผยอง ขอบอกหากจะลองถกถ้อย โปรดจงอ่านแลมองสังเกตุก่อนนา หาไม่เหมือนหมูน้อย ที่หน้าแตกเอย

เฮ้อ อ อ อ อ

เอ ... คุณม้าครับ น่าจะยก 19 คำที่ว่านั้นมาโพสหน่อยนะครับ..คนที่เข้ามาหลังๆจะได้รู้ด้วย
( แฮ่ะๆ ที่จริงผมก็จำไม่ได้ทั้งหมดแล้วเหมือนกันครับ)  


กระทู้: เรียนเชิญคุณจิตแผ้ว แล ผองมิตร
เริ่มกระทู้โดย: CrazyHOrse ที่ 03 ก.ย. 06, 00:40
 คัดลอกมาตรงๆจากเว็บไซต์ของคุณเล็กอิศรา www.geocities.com/lekpage (จนใจระบุ URL เป๊ะๆไม่ได้ เพราะผมเซฟเก็บไว้นานแล้วครับ) ทั้งหมด 18 คำ อีกคำผมแถมเองครับ(เอาคำว่า ฮือ ดีไหม?   ) ขออภัยในความผิดพลาด



ตำราแบบสำนักมาตรฐานครับ ชอบไม่ชอบก็ควรต้องรู้ครับ



*********************************************



&#8226; สร้อยโคลง



ขอเสริมพี่เล็กเรื่อง คำสร้อย หน่อยครับ ผมเคยสงสัยเสมอมา ว่าเราจะใช้คำสร้อย แบบไหน เมื่อไหร่

พอดีไปเจอหนังสือชื่อ "การประพันธ์โคลงสี่สุภาพ" ของ กรมศิลปากร พิมพ์ปี ๒๕๔๑



คำสร้อยซึ่งใช้ต่อท้ายโคลงสี่สุภาพในบาทที่ ๑ และบาทที่ ๓ นั้นจะใช้ต่อเมื่อใจความขาด

หรือยังไม่สมบูรณ์ หากความในบาทนั้นสมบูรณ์ได้ใจความดีอยู่แล้ว ก็ไม่จำเป็นต้องมีสร้อย

ซึ่งถ้าใช้สร้อยในที่ไม่จำเป็นก็จะทำให้โคลงบทนั้น "รกสร้อย" ตัวอย่างโคลงที่สมบูรณ์ไพเราะที่ไม่ต้องมีสร้อย

เช่น



๏ โบสถ์ระเบียงมรฑปพื้น ..................... ไพหาร

ธรรมาสน์ศาลาลาน .............................. พระแผ้ว

หอไตรระฆังขาน .................................. ภายค่ำ

ไขประทีปโคมแก้ว ............................... ก่ำฟ้าเฟือนจันทร์



และตัวอย่างโคลงที่ความไม่สมบูรณ์ ต้องใช้สร้อยจากเรื่องเดียวกัน คือ



๏ อยุธยายสล่มแล้ว .............................. ลอยสวรรค์ ลงฤๅ

สิงหาสน์ปรางค์รัตน์บรร ....................... เจิดหล้า

บุญเพรงพระหากสรรค์ ......................... ศาสน์รุ่ง เรืองแฮ

บังอบายเบิกฟ้า ................................... ฝึกฟื้นใจเมือง



คำสร้อยที่นิยมใช้กันมาแต่โบราณนั้น มีทั้งหมด ๑๘ คำ ดังนี้



๑. 'พ่อ' ใช้ขยายความเฉพาะบุคคล เช่น ฤทธิ์พ่อ, นี้พ่อ, นาพ่อ ฯลฯ

ศัตรูหมู่พาลา ...................................... พาลพ่าย ฤทธิ์พ่อ



๒. 'แม่' ใช้ขยายความเฉพาะบุคคล หรือเป็นคำร้องเรียก เช่น แม่แม่, มาแม่ ฯลฯ

แสนศึกแสนศาสตร์ซ้อง ......................... แสนพัน มาแม่



๓. 'พี่' ใช้ขยายความเฉพาะบุคคล อาจทำหน้าที่เป็นสรรพนามบุรุษที่ ๑ หรือบุรุษที่ ๒ ก็ได้ เช่น เรือพี่, ฤๅพี่ ฯลฯ

สองเขือพี่หลับไหล ............................... ลืมตื่น ฤๅพี่



๔. 'เลย' ใช้ในความหมายเชิงปฏิเสธ เช่น เรียมเลย, ถึงเลย ฯลฯ

ประมาณกึ่งเกศา ................................. ฤๅห่าง เรียมเลย



๕. 'เทอญ' มีความหมายในเชิงขอให้มี หรือขอให้เป็น เช่น ตนเทอญ ฯลฯ

สารพัดเขตจักรพาล ............................ ฟังด่ำ บลเทอญ



๖. 'นา' ดังนั้น เช่นนั้น

จำบำราศบุญเรือง .............................. รองบาท พระนา



๗. 'นอ' มีความหมายเช่นเดียวกับคำอุทานว่า 'หนอ' หรือ 'นั่นเอง'

ยอกไหล่ยอกตะโพกปาน ..................... ปืนปัก อยู่นอ



๘. 'บารนี' สร้อยคำนี้ นิยมใช้มากในลิลิตพระลอ มีความหมายว่า 'ดังนี้' 'เช่นนี้'

กินบัวอร่อยโอ้ .................................. เอาใจ บารนี



๙. 'รา' มีความหมายละเอียดว่า 'เถอะ' 'เถิด'

วานจวนชำระใจ ................................ ความทุกข์ พี่รา



๑๐. 'ฤๅ' มีความหมายเชิงถาม เหมือนกับคำว่า หรือ

มกุฏพิมานมณ ................................. ฑิรทิพย์ เทียมฤๅ



๑๑. 'เนอ' มีความหมายว่า ดังนั้น 'เช่นนั้น'

วันรุ่งแม่กองทวิ ................................ ทศพวก นายเนอ



๑๒. 'ฮา' มีความหมายเช่นเดียวกับ คำสร้อย นา

กวัดเท้าท่ามวยเตะ ............................ ตึงเมื่อย หายฮา



๑๓. 'แล' มีความหมายว่า อย่างนั้น เป็นเช่นนั้น

กัลยาเคยเชื่อไว้ ............................... วางใจ มาแล



๑๔. 'ก็ดี' มีความหมายทำนองเดียวกับ ฉันใดก็ฉันนั้น

นิทานนิเทศท้าว ................................. องค์ใด ก็ดี



๑๕. 'แฮ' มีความหมายว่า เป็นอย่างนั้นนั่นเอง ทำนองเดียวกับคำสร้อย แล

อัชฌาสัยแห่งสามัญ ........................ บุญแต่ง มาแฮ



๑๖. 'อา' สร้อยคำนี้ไม่มีความหมายแน่ชัด แต่จะวางไว้หลังคำร้องเรียกให้ครบพยางค์

เช่น พ่ออา แม่อา พี่อา หรือเป็นคำออกเสียงพูด ในเชิง รำพึง แสดงความวิตกกังวล

เป็นไฉนจึงด่วนทิ้ง .......................... น้องไป พี่อา



๑๗. 'เอย' ใช้เมื่ออยู่หลังคำร้องเรียก เหมือนคำว่า เอ๋ย หรือวางไว้ให้คำครบตามบังคับ

จำปาจำเปรียบเนื้อ .......................... นางสวรรค์ kuเอย



๑๘. 'เฮย' ใช้ในลักษณะที่ต้องการเน้น ให้มีความเห็นคล้อยตามข้อความที่กล่าวมาข้างหน้า

สร้อยคำนี้มาจากคำเขมรว่า "เหย" แปลว่า "แล้ว" ดังนั้นเมื่อใช้ในคำสร้อย จึงน่าจะมีความหมายว่า

เป็นเช่นนั้นแล้ว ได้เช่นกัน

ขึ้นดั่งชัยพฤกษ์พร้อม ....................... มุรธา ภิเษกเฮย



คำสร้อยทั้ง ๑๘ คำที่กล่าวมานี้ เป็นคำสร้อยแบบแผน ที่ใช้กันมาแต่โบราณจนถึงปัจจุบัน นอกจากนี้แล้ว

ยังมีคำสร้อยอีกชนิดหนึ่งเรียกว่า "สร้อยเจตนัง" เป็นคำสร้อยที่กวี ต้องการให้เป็นไปตามใจของตน

หรือใช้คำสร้อยนั้นโดยจงใจ ผู้ที่เริ่มฝึกหัดการประพันธ์ ควรใช้แต่สร้อยที่เป็นแบบแผน

หลีกเลี่ยงการใช้สร้อยเจตนัง ในงานกวีนิพนธ์ที่เป็นพิธีการ ก็ไม่ควรใช้เช่นกัน สร้อยแบบนี้ไม่พบบ่อยนัก

ในวรรณกรรมเก่า จึงหาตัวอย่างได้ยาก เช่น

หายเห็นประเหลนุช .......................... นอนเงื่อง งงง่วง

พวกไทยไล่ตามเพลิง ........................ เผาจุด ฉางฮือ

ลัทธิท่านเคร่งเขมง .......................... เมืองท่าน อือฮือ



การใช้คำสร้อยของกวีในอดีต แต่ละท่านมีความนิยมแตกต่างกัน ในงานประพันธ์บางชิ้น

ที่ไม่ทราบว่าท่านใดเป็นผู้ประพันธ์ อาจใช้รูปแบบความนิยมในการใช้คำสร้อย เป็นสิ่งช่วยวินิจฉัยว่า

ผลงานนั้นเป็นของกวีท่านใดได้



โดยคุณ : อังคาร (เพื่อนชาวถนนนักเขียน ในเว็บ pantip.com)


กระทู้: เรียนเชิญคุณจิตแผ้ว แล ผองมิตร
เริ่มกระทู้โดย: CrazyHOrse ที่ 03 ก.ย. 06, 00:53
 อันนี้คัดลอกจากกระทู้ ทบทวนกระสวน &#8220;โคลง&#8221; จาก pantip.com ครับ link ไม่มีครับ ขออภัย เป็นคคห.ที่คุณเล็กอิศราเขียนไว้ตั้งแต่ปี 2544 ครับ ความคิดเห็นของคุณหนอนสุราน่าสนใจมากๆครับ

------------------------------------------

ขอยกคำโคลงที่พี่เล็กเขียนตอนเป็นมือใหม่ (ไม่เอาไหนจริงๆ) มาให้อ่านกัน
เพื่อให้มือใหม่ ได้มีกำลังใจว่า &#8220;ผิดเป็นครู&#8221; เรียนรู้ได้ไม่ยากเลย

( ตอนนั้นก็ได้คุณหนอนสุรา มาแนะนำ / ช่วงนั้นยังไม่เรียกเธอว่าครู
เล่นกันอยู่หลายกระทู้ งัดตำรามาโต้เถียงกันจนคุณหนอนฯ เหนื่อย
แต่ท้ายที่สุด พี่เล็กก็ยอมรับ &#8220;ครูหนอน&#8221; ทั้งกายและใจ ... อิอิอิ )

>>ครูหนอนฯ เข้ามาทักเรื่องสร้อยโคลงพี่เล็กเมื่อ ๒-๓ ปีที่แล้ว
ในกระทู้ ๖ ตุลา ในกลุ่มห้องสมุดดังนี้ครับ

--> ตอน ๖ ตุลา ๑๙ นั้น ผมเรียนจบแล้วหมาดๆ ....
กำลังรองานอยู่ซึ่งจะไปรายงานตัวในวันที่ ๑ พ.ย. ๑๙
ผมดู TV อยู่บ้าน เห็นภาพเหตุการณ์ในธรรมศาสตร์ ...
( คนมีอาวุธ กับ นักศึกษามือเปล่า )

๏ บังคับให้ถอดเสื้อ ......... ทุกคน
ชายหญิงคลานปะปน ........ สนามหญ้า
ทำเกินกว่าเป็นคน ............. ฤๅมา จากนรก
สันดานดิบต่ำช้า ............... สาบแล้วเผด็จการ

โดยคุณ : lek Isara  - [วันออกพรรษา 21:55:18]

-------------------------------------------------------------------

คุณlek Isara

ผมว่าจะบอกคุณหลายครั้งแล้วเรื่องสร้อยโคลง
แต่กลัวคุณจะโกรธ เพราะเราเพิ่งรู้จักกันไม่นาน
แต่เท่าที่แลกเปลี่ยนทัศนะกัน ผมว่าคุณเป็นคนเปิดใจได้กว้างมาก
และเห็นคุณชอบใช้สร้อยโคลงบ่อย ซึ่งหลายบททำให้เสียงโคลงเสียไป
เกือบๆจะกลายเป็นโคลงเคลง...ล้อเล่นนะครับ
กวีรุ่นเก่า รุ่นใหญ่ทั้งหลายจะไม่ใช้สร้อยโคลงด้วยคำที่มีความหมาย
เรียกคำพวกนี้ว่า เจตนัง ที่ไม่ใช้เพราะทำให้ดูไร้ฝีมือ ไม่สามารถจัดคำให้ลงพอดีได้
อันนี้เป็นทัศนะของพวกสุดโต่ง ส่วนทัศนะผมเน้นเรื่องเสียงที่เสียไป
เนื่องจากผมเป็นคนชอบเสียงโคลงมาก
ผมว่าสร้อยโคลงของกวีรุ่นใหญ่ทั้งหลายท่านใส่เข้ามาเพื่อเบรคเสียงโคลงให้ช้าลง
คงต้องลองอ่านออกเสียงดังๆ ถึงจะเข้าใจ
ส่วนกวีรุ่นเราจะใช้คำที่มีความหมายผมว่าไม่แปลก
ข้อกำหนดของผมคือคำสร้อยโคลงต้องลงด้วยสระเสียงยาว
และเป็นเสียงสามัญหรือจัตวาเท่านั้น เสียงโคลงถึงจะไม่เคลง
อย่างโคลงที่คุณเล็กแต่งมา
ถ้าแก้"ฤามา จากนรก" เป็น "มาจาก นรกฤา" เสียงโคลงบทนี้จะดีขึ้นอีกเยอะ
แต่ถ้าให้ดีกว่านี้บทนี้ต้องแก้ให้ไม่มีคำสร้อย
เพราะต้องการเสียงที่เร็วและดุดันตามความหมายที่จะสื่อ แต่ผมไม่บังอาจแก้ให้ดู

จะเห็นว่าตอนนั้น นอกจากพี่เล็กไม่รู้จักการใช้สร้อยโคลงที่ถูกต้องแล้ว
พี่เล็กยัง &#8220;ตกเอก&#8221; อีกด้วย เพราะยังไม่รู้จัก &#8220;คำตาย&#8221; นั่นเอง แหะๆ


กระทู้: เรียนเชิญคุณจิตแผ้ว แล ผองมิตร
เริ่มกระทู้โดย: ติบอ ที่ 03 ก.ย. 06, 09:16
 ....เล่นโคลงคำข้อถ้อย........สรพพวิชชา
เปิดอ่านค้นตำรามา.............นับร้อย
ยิ่งอ่านยิ่งปัญญา................ด้อยอ่อน ลงนา
หวังท่านช่วยต่อถ้อย...........ชี้แนะคำโคลง



มาไวไปไวครับ วันนี้เวลาน้อย


กระทู้: เรียนเชิญคุณจิตแผ้ว แล ผองมิตร
เริ่มกระทู้โดย: ชายองค์ ที่ 03 ก.ย. 06, 14:05
 ทดสอบ...

ทดสอบ...

เอกโทษ โทโทษ ตามตำราเขาว่าไว้ เอามาใช้แต่งดูก็ดูเก๋
ลองอ่านดูแปลกไปใจโลเล ชักสนเท่ห์ว่าจริงแท้เป็นอย่างไร?

แบบ ๑
นกบินจากคบหนี้   เร็วไว
วนลัดลดเลี้ยวไป   คบหนั้น
เจื้อยระริกเสียงใส   บอกรัก   น้องนา
โดดซบเอียงคอหมั้น   พบขู้ ของตัว ฯ

แบบ ๒
ส่งสารมาซ่างหร้าง   ก่อใจ
เอ่ยท่อยจากดวงใน   ค่องขลั้ง
คิดถึงเซร่าป่วนไอ   อกคึ่ง น้องนา
จับไค่แม้นนอนหนั้ง   ค่าวเขรื้อง บ่กิน

พอใช้ได้หรือเปล่าฮับ...

ฮิฮิฮิ


กระทู้: เรียนเชิญคุณจิตแผ้ว แล ผองมิตร
เริ่มกระทู้โดย: ชายองค์ ที่ 03 ก.ย. 06, 16:02
 ทดสอบ อีก ไม่ทราบแบบนี้ใช้ได้หรือไม่
ใช้เอกโทษโทโทษ ตามตำราล้วนๆ

นอนหนาวอกพรั่นผลั้น     เดียวดาย
ตัวค่านึกแล้วอาย     งั่งหงั้ง
พบนวลน่านุชกราย     ข้ามค่าม พี่นา
หรือแซร่งแกล้งแทบขลั้ง  พี่ผี้ อยากตาย


กระทู้: เรียนเชิญคุณจิตแผ้ว แล ผองมิตร
เริ่มกระทู้โดย: หมูน้อยในกะลา ที่ 03 ก.ย. 06, 17:54
 ขอบคุณคุณม้าฯ มากครับ.


กระทู้: เรียนเชิญคุณจิตแผ้ว แล ผองมิตร
เริ่มกระทู้โดย: หมูน้อยในกะลา ที่ 03 ก.ย. 06, 20:17
 คนจะดี ดีนิสัย ใช่สมอง
ควรจะลอง โง่ดูบ้าง อย่างสร้างสรรค์
อวดรู้ไป ไร้มิตร สนิทกัน
ส่วนตัวฉัน ขอโง่เป็น เช่นนี้เอย ฯ


กระทู้: เรียนเชิญคุณจิตแผ้ว แล ผองมิตร
เริ่มกระทู้โดย: CrazyHOrse ที่ 03 ก.ย. 06, 21:02
 อารมณ์ขันของฮิวเมอริสต์(ครูอบ ไชยวสุ) ประชดประชันได้แสบมาก

ชมเพลินเดินดู่พ้รรณ  พฤกษา
มากม่ายในวนา     เหลื่อจ้ำ
แลเหนพ่วงพะกา    กรองส่วย จริงโวย
จึงเก่บมันมาท้ำ     เป่นพ้วงมาลัย


กระทู้: เรียนเชิญคุณจิตแผ้ว แล ผองมิตร
เริ่มกระทู้โดย: CrazyHOrse ที่ 03 ก.ย. 06, 21:10
 ขอบคุณคุณชายองค์อีกครั้งที่ช่วยบอกทางครับ เป็นประโยชน์มาก

หากมีอะไรจะชี้แนะอีกขอเชิญได้เลยนะครับ ผมกำลังสนใจเรื่องการบังคับเสียงวรรณยุกต์ในโคลงกับเสียงวรรณยุกต์ไทยโบราณอยู่ครับ


กระทู้: เรียนเชิญคุณจิตแผ้ว แล ผองมิตร
เริ่มกระทู้โดย: นิรันดร์ ที่ 04 ก.ย. 06, 12:10
 ...... ผจงเรียงแต่งถ้อย ...... โคลงแถลง
คำเช่นดังสำแดง ............... ใช่แกล้ว
กางผังจึ่งดัดแปลง ............. คำกล่าว
เลือกเปลี่ยนจนตรงแล้ว ...... ส่งข้อความมา


กระทู้: เรียนเชิญคุณจิตแผ้ว แล ผองมิตร
เริ่มกระทู้โดย: น้ำเงิน ที่ 04 ก.ย. 06, 16:11
 เพิ่งหัดแต่ง กรุณาแนะนำด้วย
---------------------
ลองฝึกหัดแต่งบ้าง   โคลงกลอน
แม้นถูกผิดช่วยสอน  ติชี้
ความรู้จึ่งขจร           มากยิ่ง ยินดี
จักหมั่นฝึกแต่งนี้       ผิดได้เป็นครู


กระทู้: เรียนเชิญคุณจิตแผ้ว แล ผองมิตร
เริ่มกระทู้โดย: CrazyHOrse ที่ 04 ก.ย. 06, 21:44
 

เอกเจ็ดโทสี่ชี้      ทางโคลง
แรกเริ่มควรยึดโยง   เคร่งไว้
ฝึกจนแม่นครรโลง   โคลงก่อน
หลีกเลี่ยงคำโทษให้  ห่างได้เป็นดี


กระทู้: เรียนเชิญคุณจิตแผ้ว แล ผองมิตร
เริ่มกระทู้โดย: อ้อ ที่ 05 ก.ย. 06, 13:18
 ขอขอบคุณ คุณ CrazyHOrse เป็นอย่างมาก
ในการติเพื่อก่อ  และให้คำชี้แนะเกี่ยวกับ
การสร้อยเป็นอย่างดี     และหวังว่าคงจะ
ได้รับความกรุณานี้อีก   ขอบคุณค่ะ

[code]
ทะเลเกลียวคลื่นม้วน     พึงยล
เฉกเช่นเปลวเพลิงลน     เป่าไหม้
โหมกระหน่ำทุกหน        รับช่วง
ลมป่วนซวนเซไซร้        ดั่งนี้ไม่ดี


กระทู้: เรียนเชิญคุณจิตแผ้ว แล ผองมิตร
เริ่มกระทู้โดย: ชายองค์ ที่ 05 ก.ย. 06, 13:36
 ทดสอบ

ฝนหยดหยาดแรกหร้วง   สู่ดิน
ไม้แมกอ่อนน้ำริน   ทาบฉุ้ม
ขีดเขียนวาดจากจินต์   ลากไหล้ เส้นนา
ได้ภาพแสร้งเส้นหนุ้ม   เทียบผ้าง จิตรกร ฯ

แต่งยากมากๆ

คุงม้าลำพองครับ
พระลอที่ว่า เล่น กับ เหล้น
ผมไปค้นมาแล้ว เขาผ่านการแก้มาแล้วครับ
เดี่ยวถ้าได้เข้ามาอีก ผมจะคัดที่เขากล่าวไว้ใน วรรณกรรมสมัยอยุธยา มาให้อ่านครับ

ปล. ผมเข้าใจผิดไปเองว่า โทโทษ ไม่มี จริงๆ มีครับ...
ขออภัยด้วย...


กระทู้: เรียนเชิญคุณจิตแผ้ว แล ผองมิตร
เริ่มกระทู้โดย: CrazyHOrse ที่ 05 ก.ย. 06, 13:49
 ตอนนี้ผมสงสัยว่าโคลงลาวโบราณจะไม่มีการใช้เอกโทษหรือโทโทษครับ กำลังหาท้าวฮุ่งฉบับเต็มมาตรวจสอบอยู่ สาเหตุน่าจะเป็นว่าโคลงลาวค่อนข้างจะยืดหยุ่นมากในเรื่องการสลับตำแหน่งคำบังคับ บวกกับเรื่องระบบเสียงวรรณยุกต์ที่ไม่สอดคล้องกับระบบเอกโทษโทโทษครับ (ขอบคุณอีกครั้งที่ชี้ทางให้นะครับ)

ส่วนฝั่งอยุธยา ส่วนเอกโทษโทโทษเห็นชัดว่าใช้กันมาอย่างน้อยตั้งแต่สมัยพระบรมไตรโลกนาถเป็นต้นมาครับ

และถ้าฝั่งล้านนาใช้"เล่น"ในรูปดั้งเดิมคือ"เหล้น" แสดงว่าโคลงใน 210 ต้องเป็น


ฝันทรงภูษิตจ้า          ใสสุทธิ์

พระเกศทัดธารบุษป์       กลิ่นฟุ้ง

ไปทิศอุไทยอุต          ดมยิ่ง นั้นนา

ฝันว่าอ่อน*เหล้น*ถุ้ง         ทั่วท้องสระศรี ฯ


ใช่ไหมครับ?


กระทู้: เรียนเชิญคุณจิตแผ้ว แล ผองมิตร
เริ่มกระทู้โดย: ชายองค์ ที่ 05 ก.ย. 06, 15:20
 ใช่ครับ มันคล้ายๆ ว่าจะเป็น โทคู่เหมือนพวกโคลงในล้านนา หรือโคลงดั้นเสียด้วยซ้ำครับ...

ในล้านนาเอง โทโทษมิได้ใช้เลย
เอกโทษก็เช่นกัน
แต่เราใช้คำตายแทนครับ...

บางคำ ที่เราพบ ที่ว่าเป็นโทโทษ บางทีไม่ใช่โทโทษ อย่างตำราว่าก็มีครับ เป็นโท แท้ๆ ในคำโบราณ ผมเข้าใจว่ามันเปลี่ยนในสมัยปลายอยุธยา ถึงรัตนโกสินทร์ตอนต้นครับ


กระทู้: เรียนเชิญคุณจิตแผ้ว แล ผองมิตร
เริ่มกระทู้โดย: อ้อ ที่ 05 ก.ย. 06, 17:49
 หฤหรรษ์ผ่องแผ้ว..........นพคุณ
ใสแจ่มกระจ่างจุณ.........จิตแผ้ว
ปล่อยวางว่างว้าวุ่น..........ทุกที่
เฉกเช่นนักปราชญ์แล้ว....ย่อมให้อภัย


กระทู้: เรียนเชิญคุณจิตแผ้ว แล ผองมิตร
เริ่มกระทู้โดย: CrazyHOrse ที่ 05 ก.ย. 06, 18:35

ผังโคลงมาตรฐานจากอาศรมชาวโคลง pantip.com ครับ

ตำแหน่งสีน้ำเงิน 4 ตำแหน่งเป็นคำสุภาพครับ

โดยเฉพาะคำสุดท้ายของบทจะต้องไม่เป็นคำตาย


กระทู้: เรียนเชิญคุณจิตแผ้ว แล ผองมิตร
เริ่มกระทู้โดย: นิรันดร์ ที่ 06 ก.ย. 06, 16:03
 ........ ภาชนะใส่น้ำ ......... จำนวน หนึ่งเฮย
มือจุ่มลงไปกวน .............. ก่อน้ำ
ดึงมือเลื่อนเลิกรวน .......... ชลนิ่ง
รอยบ่มีเห็นซ้ำ ..................หมดสิ้นรอยมือ


กระทู้: เรียนเชิญคุณจิตแผ้ว แล ผองมิตร
เริ่มกระทู้โดย: อ้อ ที่ 06 ก.ย. 06, 16:54
 มธุรพจน์นี้....................งดงาม
ขับกล่าวสะท้อนความ......เจิดจ้า
ความสุขเมื่อติดตาม........คลุมแผ่
ปัดเป่าความเมื่อยล้า.......เปี่ยมด้วยพลัง


กระทู้: เรียนเชิญคุณจิตแผ้ว แล ผองมิตร
เริ่มกระทู้โดย: CrazyHOrse ที่ 06 ก.ย. 06, 17:27
 มีข้อคิดเห็นอีกเรื่องหนึ่งที่คุณหนอนสุราเขียนไว้ในอาศรมชาวโคลงหลายปีมาแล้ว ลิงก์นั้นหายไปแล้ว แต่ผมยังมีเก็บไว้ อยากให้ได้อ่านกัน เพราะผมเห็นว่าน่าสนใจครับ

----------------------------------------------------

กับดักโคลง

หลังจากเล่นโคลงกันมายืดยาวหลายกระทู้ น่าจะแทรกภาคทฤษฎีเข้ามาสักนิด

ทฤษฎีบทต่างๆ ที่ผ่านมาเป็นการบอกว่าแต่งโคลงอย่างไรให้ได้ดีทั้งรสความแลรสคำ                  ตอนนี้เลยอยากแทรกว่า แล้วโคลงที่ไม่ดี มีสาเหตุมาจากอะไรบ้าง แต่ก่อนแจกแจงขอบอกก่อนว่าต่อไปนี้เป็นเพียงข้อสังเกตของหนอนสุราบ่ใช้ตำรา ฉะนั้นอย่ายึดติด ไม่งั้นจะกลายเป็นยึดติดว่าจะไม่ยึดติด งงมั้ยเนี่ย ฮ่าฮ่า

๑.ติดเสียงจัตวา

อันนี้ไม่รู้ได้คติมาจากที่ใดว่าโคลงที่ส่งด้วยเสียงจัตวาดีกว่าส่งด้วยเสียงสามัญ เดาเอาว่าน่าจะมาจากโคลงตัวอย่างในจินดามณีที่คัดมาจากลิลิตพระลอ

เสียงลือเสียงเล่าอ้าง . . . อันใด พี่เอย
เสียงย่อมยอยศใคร . . . .ทั่วหล้า
สองเขือพี่หลับใหล . . . . ลืมตื่น ฤาพี่
สองพี่คิดเองอ้า . . . . . . . อย่าได้ถามเผือฯ

หลายต่อหลายคนยึดติดการส่งด้วยเสียงจัตวามาก หลายต่อหลายครั้งถึงกับยอมเสียรสความ ตัวอย่างมีให้เห็นอยู่เพียบ แต่ไม่ยกมาชำแหละให้ดู ยกให้เป็นหน้าที่ พู่ฉ้วยครู แห้...

ย้อนกลับเข้าภาคทฤษฎีตามแบบหนอนสุราต่อ

เวลาพิเคราะห์โคลงต้องดูตัวอย่างหลายๆ บทก่อนเขียนทฤษฎี แต่ถ้าขี้เกียจหรือไม่มีเวลาก็ต้องดูทั้งบท อย่าดูแค่บาทเดียว เพราะจะทำให้เข้าใจผิดเป็นตุเป็นตะ

เสียงส่งบาทจบมีความสัมพันธ์กับเสียงขึ้น (คำท้ายบาทแรก-ไม่นับสร้อย) กับเสียงรับสัมผัสบาทสองและสาม (คำที่ ๕) จากตัวอย่างบทนี้วิเคราะห์ได้ว่ากวีมองทีละคู่ คู่แรกในบาท ๑ และ ๒ ใช้เสียงสามัญ (ใด-ใคร) คู่หลังในบาท ๓ และ ๔ ใช้เสียงจัตวา (ใหล-เผือ)

ลองดูตัวอย่างอีกบทที่ใช้สูตรเสียงทั้งสี่บาทด้วยสูตรเดียวกันกับตัวอย่าง แต่สลับขึ้นจัตวาส่งสามัญ ที่เหลือทิ้งไว้ให้วิเคราะห์เอง จะได้จับปลาเป็น ฮิฮิ

สายหยุดหยุดกลิ่นฟุ้ง . . . ยามสาย
สายบ่หยุดเสน่ห์หาย . . . ห่างเศร้า
กี่คืนกี่วันวาย . . . . . . . . . วางเทวศ ราแม่
ถวิลทุกขวบค่ำเช้า . . . . . หยุดได้ฉันใดฯ

ไหนๆ ก็พูดถึงเรื่องเสียงแล้ว เอาให้ครบถ้วนจบกระบวนความทีเดียวดีกว่า
เว้นวรรคยาวเดี๋ยวหลับหมด มีอีกสูตรที่นิยมใช้กันมาก คือใช้เสียงสลับทีละบาท คัดตัวอย่างมาให้ดู เช่น

ลมหนาวหนาวห่มผ้า . . . ฤๅหาย
พระท่านทายว่าตาย . . . . แน่แล้ว
สายยาแม่ยาสาย . . . . . . . เซ้าสวาท พี่รา
ผี้ว่าพี่กอดแก้ว . . . . . . . . .กลับเช้าชุ่มกชวยฯ

อีกบท

จำใจจำจากเจ้า . . . . . . จำจร
จำนิราศแรมสมร . . . . แม่ร้าง
จำเรียมจักไปรอญ . . . . อรินราช นาแม่
จำทุกข์จำเทวศว้าง . . . สวาสดิว้าหวั่นถวิลฯ

บทหลัง บาทสามทุกตำราคัดว่า (หนอนสุราก็เคยลอกตาม)

เพราะเพื่อจักไปรอญ อริราช แลแม่

หนอนสุราเพิ่งมาอ่านทวนคำวิจารณ์ของท่านจันทร์ พิเคราะห์แล้วน่าเชื่อกว่าเลยเปลี่ยนใจลอกตามท่านจันทร์ทั้งหมด

หมายเหตุ

๑. สูตรเสียงโคลงบ่ได้มีเท่านี้ แต่โคลงเสียงดีมักเดินตาม ๒ สูตรนี้ มือใหม่ควรลอกตามให้คล่องมือ ส่วนมือเก่าควรพินิจพิเคราะห์

๒. การคิดแบบตรรกะ เฉลยได้ว่าที่เราเรียก อังคาร กัลยาณพงศ์ ว่า ท่านอังคาร เป็นการเรียกตาม ท่านจันทร์ หรือ มจ.จันทร์จิรายุวัฒน์ รัชนี ทั้ง ๒ ท่านต่างเคยเล่นโคลงสดที่บ่อนท่าช้าง ณ มิ่งหลี มาด้วยกัน

ท่านจันทร์ : จันทร์จิรายุเจ้า เหนือดาว อื่นเฮย
ท่านอังคาร : ดาวก็ดาวใช่ยาว กว่าข้า

ฮ่าฮ่าโฮ่โฮ่ หลักการคิดแบบตรรกะบอกนสร.ว่า ท่านจันทร์ทรงประสูติวันจันทร์ ส่วนท่านอังคารเกิดวันอังคารชัวร์ป้าบ

ปรากฎว่าผิดหมด ฮ่าฮ่าโฮ่โฮ่

จากคุณ : หนอนสุรา
---------------------------------------------


กระทู้: เรียนเชิญคุณจิตแผ้ว แล ผองมิตร
เริ่มกระทู้โดย: น้ำเงิน ที่ 06 ก.ย. 06, 18:31
 กูรูสอนสั่งให้   แม่นโคลง
ศิษย์หมั่นแต่งทุกโมง   ค่ำเช้า
คำแนะก่อจรรโลง   แช่มชื่น
อยากเก่งตามอย่างเท้า   พี่ม้าคลั่งแฮ
-------------
โปรดชี้แนะ  


กระทู้: เรียนเชิญคุณจิตแผ้ว แล ผองมิตร
เริ่มกระทู้โดย: CrazyHOrse ที่ 07 ก.ย. 06, 00:27
 อย่าเก่งเหมือนเท้าผมเลยครับ เพราะเท้าผมไม่ค่อยดี  

ขอทำความเข้าใจหน่อยนะครับ ผมไม่ได้เป็นกูรูแต่อย่างใด เป็นนักเรียนที่กำลังเรียนโคลงอยู่เหมือนท่านทั้งหลาย เจออะไรน่าสนใจก็เอามาปัน หวังว่าท่านอื่นๆจะได้ประโยชน์บ้างเท่านั้นเอง

ผมเพียงมาคดข้าว        ใส่จาน
เชิญเพื่อนเพื่อนสนุกสนาน   อร่อยเคี้ยว
ขอให้อยู่นานนาน        จนอิ่ม เอมอา
แกงเผ็ดมันหวานเปรี้ยว     จัดให้ตามประสงค์


กระทู้: เรียนเชิญคุณจิตแผ้ว แล ผองมิตร
เริ่มกระทู้โดย: หมูน้อยในกะลา ที่ 07 ก.ย. 06, 09:45
 
 
ใยถ่อมตนนักเหล้า          อาจารย์
ประดิษฐ์คิดอาหาร           อร่อยเอื้อ
เมตตาแบ่งเป็นทาน          อิ่มทั่ว
หากทัพไร้ภัตรเกื้อ           จักก้าวเยี่ยงไร ฯ


กระทู้: เรียนเชิญคุณจิตแผ้ว แล ผองมิตร
เริ่มกระทู้โดย: น้ำเงิน ที่ 07 ก.ย. 06, 09:56
 วิชาการแหล่งล้วน         ฝีมือ
ปราชญ์เปรื่องน่านับถือ  แน่แท้
ขัดข้องสิ่งใดฤา            ถามไถ่
รู้ใฝ่ก่อเกิดแก้             ช่วยได้ทางตัน


กระทู้: เรียนเชิญคุณจิตแผ้ว แล ผองมิตร
เริ่มกระทู้โดย: นิรันดร์ ที่ 07 ก.ย. 06, 10:25
 ......... ดิฉันหมายแต่งได้ ...... เพียงโคลง
สัมผัสเอกโทโยง .................. แม่นบ้าง
มิหวังเก่งคุยโฉมง ............... หรอกเพื่อน
เพียงก่อมิตรภาพสร้าง ......... ส่งให้เหงาคลาย


กระทู้: เรียนเชิญคุณจิตแผ้ว แล ผองมิตร
เริ่มกระทู้โดย: นิรันดร์ ที่ 07 ก.ย. 06, 10:37
 ........ ยามใดใจวุ่นว้า ......... เขียนโคลง
ความอื่นจับยัดโลง ............. หมุดย้ำ
พาทีเปรียบเปิดโปง ............ ลงสมุด
ดุจดั่งสหายมาค้ำ ............... เครียดแค้นคลายไคล


กระทู้: เรียนเชิญคุณจิตแผ้ว แล ผองมิตร
เริ่มกระทู้โดย: น้ำเงิน ที่ 07 ก.ย. 06, 14:33
 แต่งไม่เก่ง ขออภัย
---------------------
ชื่นชมคนเก่งด้าน   ฟิสิกส์
ทุกสิ่งสูตรจับพลิก    พ่อรู้
มากมายถ่ายเทคนิค   แบบอย่าง ศึกษา
คือท่านนักปราชญ์ผู้   อยู่เหย้านิรันดร์


กระทู้: เรียนเชิญคุณจิตแผ้ว แล ผองมิตร
เริ่มกระทู้โดย: นิรันดร์ ที่ 08 ก.ย. 06, 00:26
 ........มิอาจรับที่อ้าง ...... เป็นปราชฌ์
เพียงแต่วิทยาศาสตร์ ..... ทราบบ้าง
ภาษาไม่บังอาจ ............ อวดเก่ง ได้นา
เพียงแต่งเติมเสริมสร้าง .. มิตรไว้คลายเหงา


กระทู้: เรียนเชิญคุณจิตแผ้ว แล ผองมิตร
เริ่มกระทู้โดย: หมูน้อยในกะลา ที่ 08 ก.ย. 06, 17:55
 คุณอาชาฯมีความคิดบรรเจิดขึ้นมาในการนำภาพถ่าย มาตีความหมาย มาสอดใส่บทกวีลงไป ทำให้เกิดความสวยงามของการสอดคล้องระหว่างภาพและถ้อยคำ

หากจะมีกระทู้แนะนำกระทู้ใหม่ขึ้นมาอีกสักกระทู้หนึ่ง ผมมีความเห็นว่ากระทู้นี้คือกระทู้ที่ไม่ควรมองข้าง
ดังนั้นในกระทู้เรียนเชิญคุณจิตแผ้วฯนี้ผมเห็นควรว่าจะขอแนะนำกระทู้ที่ว่านี้แก่เพื่อนสมาชิกชมรมกลอนเรา ว่าไม่ควรพลาดไปร่วมแจม

ตัวผมเองชอบกาพย์ที่อ.เทาชมพูร้อยกรองขึ้นจากการแปลบทกวี , ถ้อยคำ จากภาษาต่างประเทศ นอกจากจะได้ความหมายตรงกับความเดิมแล้วยังสามารถนำร้อยเป็นกาพย์ได้อย่างไพเราะและลงตัว(โดยเฉพาะ คหพต.ที่ 4ของกระทู้ดังกล่าว)
ขออนุญาตมาชื่นชมที่กระทู้นี้เพราะหากไปคุยที่กระทู้นั้นแล้วกลัวจะเสียอรรถรสของแกลอรี่ภาพถ่ายและถ้อยคำ

ส่วนผมอยากจะไปแจมอยู่แต่ยังหาภาพเหมาะๆไม่ได้ ยังไงเชิญล่วงหน้าไปแจมกันก่อน แล้วผมจะตามไปทีหลังครับ

เชิญที่ลิ้งค์นี้ครับผม สัมผัสจินต์ สัมผัสใจ

.


กระทู้: เรียนเชิญคุณจิตแผ้ว แล ผองมิตร
เริ่มกระทู้โดย: จิตแผ้ว ที่ 10 ก.ย. 06, 18:56
 ทดลองไปเบิ่งแล้ว   หวามใจ

หวาดหวั่นพลันทันใด    ขัดข้อง

อับจนจักหาไหน       ภาพถ่าย


รอก่อนอาชาน้อง      เผื่อกล้องเรามี


คงต้องหมั่นซื้อหวยในเร็ววัน


กระทู้: เรียนเชิญคุณจิตแผ้ว แล ผองมิตร
เริ่มกระทู้โดย: นิรันดร์ ที่ 10 ก.ย. 06, 23:52
 ...... ซื้อหวยรวยไม่ได้ ..... ดอกเธอ
อบายที่รัฐฯเสนอ ............ มอบให้
หนทางแปดหากเผลอ ...... หลุดจาก ทางนา
ทนทุกข์จนอกไหม้ .......... สุขได้ฉันใด

...... ทำการงานชอบนี้ ..... จึงมี
สินทรัพย์นับทวี .............. มากได้
ทรัพย์จางหยิ่งศักดิ์ศรี ...... เสมอชีพ เรานา
แปะแต่กลอนโคลงให้ ...... อ่านได้อ่านดี


กระทู้: เรียนเชิญคุณจิตแผ้ว แล ผองมิตร
เริ่มกระทู้โดย: ศรีปิงเวียง ที่ 13 ก.ย. 06, 18:11
 คำอาจารย์ท่านกล่าวไว้ พึงเก็บไว้ในจิต แล้วจึงคิดพิจารณ์ตาม ถามถึงความเหมาะซร้อง ตามครรลองที่พึงมี เพราะท่านนี้ย่อมผ่านร้อน ผ่านหนาวก่อนเรามา ดังนี้ดีแล    


กระทู้: เรียนเชิญคุณจิตแผ้ว แล ผองมิตร
เริ่มกระทู้โดย: OBORO ที่ 13 ก.ย. 06, 21:41
 มิอาจหาญประชันโคลงจรรโลงจิต
คงต้องคิดเร่งพินิจฝึกจิตก่อน
เคยแต่งไปครูส่ายหน้าตาเว้าวอน
ครูก็สอนเธอแล้วบ้องแบ๊วจัง

ไว้ถ้ามีเวลาจามาฝึก
มาตรองตรึกนึกคิดพินิจผัง
ฝึกเอกโทษโทโทษตอนนี้ยัง
ขอวันหลังได้ไหมจากใจจริง


กระทู้: เรียนเชิญคุณจิตแผ้ว แล ผองมิตร
เริ่มกระทู้โดย: นิรันดร์ ที่ 13 ก.ย. 06, 23:01
 ......หาญประชันแต่งปั้น ..... โคลงเป็น
โทเอกบังคับเข็น .... .......... ออกบ้าง
เอกตายใส่แทนเห็น ........... มาบ่อย
เพียรแต่งอย่ารอร้าง ...........เลิกแล้วเลือนลืม


กระทู้: เรียนเชิญคุณจิตแผ้ว แล ผองมิตร
เริ่มกระทู้โดย: หมูน้อยในกะลา ที่ 14 ก.ย. 06, 15:35
 เมื่อคืนลองแต่งฉันท์ที่ชื่อ "วิชชุมมาลาฉันท์" ดูแล้วรู้สึกว่าแต่งง่ายและสนุก เวลาอ่านก็เป็นทำนองไพเราะไม่แพ้ฉันท์หรือร้อยกรองอื่นๆ จึงอยากลองแนะนำท่านสมาชิกให้ลองแต่งกันดูบ้างครับ
วิชชุมมาลาฉันท์ ๘ นี้มีบังคับคุรุ ลหุ ด้วยเช่นเดียวกับฉันท์ประเภทอื่น แต่พิเศษตรงว่า บังคับให้ทุกคำเป็น คุรุ ทั้งหมด

ผังของวิชชุมมาลาฉันท์๘
 
O O O O                  O O O O
O O O O                   O O O  O

O O O O                  O O O O
O O O  O                    O O O O




กระทู้: เรียนเชิญคุณจิตแผ้ว แล ผองมิตร
เริ่มกระทู้โดย: หมูน้อยในกะลา ที่ 14 ก.ย. 06, 15:57
ผังของ"แพรพิรุณ"จะเห็นชัดเจนกว่าครับ

.


กระทู้: เรียนเชิญคุณจิตแผ้ว แล ผองมิตร
เริ่มกระทู้โดย: อ้อ ที่ 14 ก.ย. 06, 16:31
 เมื่อเศร้าใจแต่งได้.........โคลงกลอน
ความเร่าร้อนริดรอน.......ลดได้
ความสุขเริ่มขจร............บังเกิด
เอิบอิ่มละมุนไล้............ไล่ได้ทุกข์ใจ


กระทู้: เรียนเชิญคุณจิตแผ้ว แล ผองมิตร
เริ่มกระทู้โดย: CrazyHOrse ที่ 14 ก.ย. 06, 17:24
 คุณคมทวน คันธนูดัดแปลงวิชชุมมาลาฉันท์โดยแทรกคำลหุ ๑ คำไว้ตรงกลางทุกวรรค เรียกว่า ฉันท์ ๔๐ ครับ


กระทู้: เรียนเชิญคุณจิตแผ้ว แล ผองมิตร
เริ่มกระทู้โดย: นิรันดร์ ที่ 14 ก.ย. 06, 19:57
 คุณหมูน้อย ช่วยยกตัวอย่างฉันท์ที่เพราะ ๆ สักหลายบท
เพื่อเป็นแนวทางในการแต่ง
ดูแต่ผัง มันไม่มีแรงบันดาลใจครับ


กระทู้: เรียนเชิญคุณจิตแผ้ว แล ผองมิตร
เริ่มกระทู้โดย: หมูน้อยในกะลา ที่ 15 ก.ย. 06, 10:00
 

๐แรมทางกลางเถื่อน          ห่างเพื่อนหาผู้
หนึ่งใดนึกดู                      เห็นใครไป่มี
หลายวันถั่นล่วง                 เมืองหลวงธานี
นามเวสาลี                        ดุ่มเดาเข้าไป

๐ผูกไมตรีจิต                    เชิงชิดชอบเชื่อง
กับหมู่ชาวเมือง                  ฉันท์อัชฌาสัย
เล่าเรื่องเคืองขุ่น                ว้าวุ่นวายใจ
จำเป็นมาใน                      ด้าวต่างแดนตน

๐เขาแสนสมเพช                สังเกตอาการ
แห่งเอกอาจารย์                 ท่าทีทุกข์ทน
ภายนอกบอกแผล              แน่แท้ทุพพล
เห็นเหตุสมผล                   ให้พักอาศัย
                                    (สามัคคีเภทคำฉันท์)

ฉันท์บทนี้ก็น่าจะถือว่าเป็นที่นิยมใช้เป็นต้นแบบของการแต่ง วิชชุมมาลาฉันท์๘ ครับอาจารย์


กระทู้: เรียนเชิญคุณจิตแผ้ว แล ผองมิตร
เริ่มกระทู้โดย: นิรันดร์ ที่ 15 ก.ย. 06, 17:54
 อยู่ไกลเหมือนใกล้ ....เพราะได้มีเน็ต
เหมือนดั่งมีเพชร .... เลิศล้ำเลอค่า
คบหาเพื่อนผอง ...... ปรองดองกันมา
ช่วยเหลือเอื้ออา ....... ธรกันสานใจ

ไม่รู้ช่วยบอก ........... ถามออกมาพลัน
หลายคนช่วยกัน ...... เติมเต็มความนัย
ผิดบ้างพลั้งบ้าง ....... ใช่ร้างหัวใจ
ยกโทษเสียได้ ..........รักกันวันคืน

เอามาส่งครูหมูน้อย ฯ ครับ    


กระทู้: เรียนเชิญคุณจิตแผ้ว แล ผองมิตร
เริ่มกระทู้โดย: ศรีปิงเวียง ที่ 15 ก.ย. 06, 18:06
 โศกเศร้าเหงาซึม   ใจครึ้มหมองหม่น
เหตุเพราะจำทน   อดกลั้นลืมกลืน
กับความทุกข์ตรม ขื่นขมหมดชื่น
เพราะงานเมื่อคืน ไม่เสร็จเลยเรา

งานมิเสร็จยังริไปเล่นเน็ต ไม่เคยเข็ดเลยนะพ่อทูนหัว
ทำอะไรมิตรองใจจึงมัว  เพราะว่ากลัวคุณครูจะว่าเอา
คะนงคะแนนจะเก็บกันในวันนี้ แต่ไม่มีงานสักอันจึงเวียนหัว
ได้แต่เขียนฉันท์ย้ำความเขลาตัว ว่าอย่ามัวดองงานมันไม่ดี


กระทู้: เรียนเชิญคุณจิตแผ้ว แล ผองมิตร
เริ่มกระทู้โดย: จิตแผ้ว ที่ 10 ต.ค. 06, 11:30
 หนาวลมเหมันต์              พัดผันวันคืน

สุดช้ำกล้ำกลืน               ฝืนปาดน้ำตา


ลมหวลทวนใจ               ห่างไกลลืมลา


รักแล้งโรยรา                ยากนักจักคืน


กระทู้: เรียนเชิญคุณจิตแผ้ว แล ผองมิตร
เริ่มกระทู้โดย: อ้อ ที่ 14 ต.ค. 06, 16:36
 สายฝนพร่างพรำ........กระหน่ำสดชื่น
อดทนหยุดยืน...........ให้ฝนเปียกตัว
เมื่อฝนขาดสาย.........แดดกรายส่องทั่ว
ขจัดหม่นมัว..............สายรุ้งสวยงาม

ลมหวนพัดผ่าน..........สะท้านอกหวาม
ความรักติดตาม.........พร่างพรมลงดิน
ร้างรักโรยรา.............น้ำตาไหลริน
ความรักไม่สิ้น..........อยู่ในใจเรา


กระทู้: เรียนเชิญคุณจิตแผ้ว แล ผองมิตร
เริ่มกระทู้โดย: อ้อ ที่ 29 พ.ย. 06, 16:00
จะจากลาแล้ว..............น้องแก้วอย่าเศร้า
เจ็บปวดรวดร้าว...........กล้ำกลืนฝืนทน
ยังอยู่ร่วมฟ้า...............หลังคาใต้ฝน
จะกลับมายล..............หน้ามนน้องยา


กระทู้: เรียนเชิญคุณจิตแผ้ว แล ผองมิตร
เริ่มกระทู้โดย: นิรันดร์ ที่ 15 ธ.ค. 06, 11:32
 จะลาไปหนใดสายสวาท ................ กายจะคลาดเคลื่อนคลาหน้าไม่เห็น
เคยอยู่เผ้าเคล้ากันชมจันทร์เพ็ญ ..... ที่ลอยเด่นประดับฟ้าในราตรี
พอลมโชยชื่นกลิ่นบุปผชาติ ........... ดาราดาดดื่นฟ้าจักราศรี
น้ำค้างต้องร้องหนาวเจ้าคนดี .......... คราวเบียดพี่สิสิ้นหนาวหวังเจ้าจำ


กระทู้: เรียนเชิญคุณจิตแผ้ว แล ผองมิตร
เริ่มกระทู้โดย: จิตแผ้ว ที่ 05 ก.พ. 11, 17:57
พิณกังวาลหวานแว่วแผ่วสิ้นเสียง
ฝากสำเนียงไพเราะเสนาะหู
แทนคำรักสุดดวงใจให้พธู
เคล้าคลอคู่อยู่เคียงนางมิห่างไกล
แคนเว้าวอนอ้อนออดพลอดเพ้อพร่ำ
ขับลำนำฮักคำแพงบ่แหนงหน่าย
ซอเสียงเศร้าเนาแนบอิงแอบกาย
โหวดกอดก่ายกรุ่นไอรักสลักทรวง