กระทู้: งานวัด เริ่มกระทู้โดย: ลุงไก่ ที่ 11 ก.พ. 11, 08:05 ปัจจุบันนี้แหล่งบันเทิงมีมากมายในทุกที่ ... แต่ในสมัยก่อนนั้นล่ะ
วัยรุ่น รุ่นพ่อรุ่นแม่ของเรา จะเที่ยวกันที่ไหน ... แห่งหนึ่งที่เป็นที่รู้จักและคุ้นเคยที่สุด ก็คือ "งานวัด" ในกรุงเทพฯ เอง งานวัดที่ขึ้นชื่อลือชาที่สุดและดังที่สุด ก็คือ "งานวัดภูเขาทอง" แต่ในต่างจังหวัดล่ะ คนกรุงเทพฯ เองแทบไม่เคยรู้จักงานวัด "บ้านนอก" จะมีก็แต่คนจากต่างจังหวัดหรือ "คนบ้านนอก" ที่เข้ามาอาศัย เข้ามาทำงานในกรุงเทพฯ เล่าขานให้ฟัง จึงขอเรียนเชิญวัยรุ่นทุกรุ่น จะรุ่นผ้าขะม้าคาดพุงนุ่งกางเกงขายาว ประแป้งขาวเต็มหน้า, หรือจะเป็นวัยรุ่นสวมกางเกงมอสขาบานหรือเดฟขาลีบเสื้อเชิร์ตลายพร้อย ปกเสื้อใหญ่หรือเล็กลีบ มาเล่าประสบการณ์สู่กันฟังครับ http://www.youtube.com/watch?v=phDWS88lCYI&feature=related (http://www.youtube.com/watch?v=phDWS88lCYI&feature=related) กระทู้: งานวัด เริ่มกระทู้โดย: pathuma ที่ 11 ก.พ. 11, 14:43 งานวัดไม่ว่าจะเป็นงานประจำปี งานฉลองพัดยศ งานสงกรานต์ หรือเทศกาลต่างๆ ที่จัดตามวัด การแสดงที่ยืนพื้นคงไม่พ้นลิเกกับหนัง ลิเกที่ดังมากสมัยก่อนคงเป็นคณะ “หอมหวล” ส่วนหนังนั้นบ้านนอกมักจะเรียกว่า”หนังฉาย” เข้าใจว่าคงมีการแสดงหนังประเภทที่ไม่ได้ฉายจากเครื่องฉายหนังด้วย ชาวบ้านจึงเรียกหนังว่า “หนังฉาย” หนังเรื่องมักจะฉายตอนดึก และมักมีการคั่นรายการด้วยข่าวต่างๆรวมทั้งภารกิจของนายกรัฐมนตรี ในสมัยนั้น จำได้ว่าครั้งหนึ่งก่อนฉายหนังเรื่องมีภารกิจของท่านผู้หญิงละเอียดพิบูลสงคราม ภรรยา จอมพล ป.พิบูลสงคราม ไปจังหวัดนครนายก ฉายให้ดูด้วย วันนั้นท่านใส่เสื้อแขนสั้นสีแดงสด กระโปรงไม่มีจีบยาวสีออกเทา เดินข้ามหมู่ก้อนหินที่น้ำตกสาริกา
กระทู้: งานวัด เริ่มกระทู้โดย: :D :D ที่ 11 ก.พ. 11, 16:10 เป็นคนกรุงเทพนะคะ เมื่อก่อนกรุงเทพก็มีงานวัดค่ะ
เวลานึกถึงงานวัดจะนึกถึง.... ;D - เวลากลางคืน เพราะงานวัดมักจะไปเที่ยวกันตอนกลางคืน อากาศเย็นๆ ซึ่งเป็นความพิเศษสำหรับเด็กๆ อย่างพวกเรา (ในสมัยนั้น) เพราะนานทีปีหนถึงจะมีโอกาสได้ออกไปสูดอากาศนอกบ้านยามค่ำคืน.. - ชิงช้าสวรรค์ ซึ่งเป็นเหมือนสัญญลักษณ์ของงานวัด ตอนเป็นเด็กเวลาได้ขึ้นชิงช้าสวรรค์ทีไร รู้สึกเหมือนว่ามันหมุนขึ้นไปสูงจังเลย ยิ่งตอนที่เขาหยุดชิงช้าเพื่อให้คนอื่นๆ ขึ้น แล้วเราได้อยู่ข้างบนสุด รู้สึกเหมือนกับ ว่าเราจะเอื้อมมือไปจับดาวได้เลย มองไปเห็นวิว มีแสงไฟสวยมากๆ เพราะสมัยที่เป็นเด็กๆ ตึกสูงๆ มีน้อย โอกาสที่จะได้ขึ้นไปมองเห็นวิวบนที่สูงมีน้อยครั้ง - ลูกโป่ง สีสวยๆ หลายๆ ใบ อยู่ในกำมือ ที่บางครั้งก็เสียน้ำตาเพราะทำหลุดมือ ได้แต่แหงนมองลูกโป่งหลุดลอยไปบนฟ้า แต่แม่ก็ทำให้มันกลายเป็นความสุขและเสียงหัวเราะได้ เพราะชี้แนะให้เราได้มองในแง่ที่สวยงามของลูกโป่งที่ลอยคว้างหลากสีบนท้องฟ้านั้น - ขนมแปลกๆ ที่ในยามปกติ ไม่ค่อยมีโอกาสได้รับประทาน เช่น สายไหม สีสวยฟูฟ่อง ที่พอแตะลิ้นก็ละลายเป็นน้ำตาลหวานๆ - การแสดงต่างๆ ที่ดูน่าตื่นตา ตื่นใจไปซะทั้งนั้น ไม่ว่าจะเป็น ลิเก ลำตัด หรือการแสดงที่ต้องเสียเงินเข้าชม เช่น รถไต่ถัง เมียงู คนสองหัว ... - เสียงอึกทึกครึกโครม เสียงประกาศ เสียงเพลง ผู้คน ละลานตา แสงสีเสียง ที่น่าตื่นตาตื่นใจ นึกถึงงานวัดทีไร เราจะรู้สึกมีความสุข นึกถึงอากาศเย็นๆ ที่ได้ไปเที่ยวกันอย่างอบอุ่นกับคุณพ่อคุณแม่ เอ...จำไม่ได้แล้วว่าไปเที่ยวงานวัดครั้งสุดท้าย เมื่อไหร่ ... แล้วงานวัดสมัยนี้เป็นอย่างไรนะ.. กระทู้: งานวัด เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 11 ก.พ. 11, 23:01 เท่าที่นึกออกตอนนี้คือ ม้าหมุน ค่ะ
(http://www.gmwebsite.com/upload/nganwad.com/content/%E0%B8%A1%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B8%AB%E0%B8%A1%E0%B8%B8%E0%B8%99%E0%B9%83%E0%B8%AB%E0%B8%8D%E0%B9%88_0.jpg) กระทู้: งานวัด เริ่มกระทู้โดย: pathuma ที่ 12 ก.พ. 11, 00:26 ของกินตามงานวัดเป็นที่โปรดปรานของเด็กๆมาก ส่วนมากจะเป็นของกินเล่น ประเภทของกินขึ้นอยู่กับท้องถิ่นนั้นๆด้วย อย่างภาคกลางก็มี ก๋วยเตี๋ยว เครื่องในต้ม ระยะหลังไก่ย่างก็พอมี พวกของขบเคี๋ยวหรือพวกขนมก็จะมี โรตี ตังเมหลอด ข้าวโพดคั่ว ไอติมหลอด น้ำแข็งกด ข้าวเกรียบว่าว ข้าวเกรียบงา ข้าวโพดต้ม อ้อยควั่น ถั่วลิสงต้ม แห้ว กระจับ ฝักบัว กล้วยแขก ที่เด็กเล็กๆชอบมากคือขนมปังกรอบก้อนกลมเล็กๆแต้มหน้าด้วยครีม 3 สีคือขาว เขียวและแดง ร้อยเป็นพวงใหญ่กว่าสายสร้อยสักสองเท่าเด็กๆชอบเอามาคล้องคอแล้วกินไปด้วย พวกของดองเช่นฝรั่งดอง มะม่วงดอง มะยมดอง มะดันดอง ลูกหวายดอง ลูกหว้า เป็นต้น เครื่องดื่มก็จะมีกาแฟชงแบบโบราณกับน้ำอัดลมเป็นหลัก กาแฟมีทั้งร้อนทั้งเย็น กาแฟร้อนถ้าไม่กินที่ร้านก็จะใส่กระป๋องนมให้ ใช้เชือกกล้วยร้อยที่รูฝากระป๋องนมไว้หิ้ว ร้านค้าจะใช้ตะเกียงเจ้าพายุหรือตะเกียงแก๊สช่วยส่องสว่างหรือบางร้านที่เล็กหน่อยก็ใช้ตะเกียงรั้ว
กระทู้: งานวัด เริ่มกระทู้โดย: pathuma ที่ 12 ก.พ. 11, 14:06 ขอเพิ่มเมนูของกินงานวัดอีกหน่อย ประเภทกินแล้วติดฟัน ก็มีเผือกต้ม มันต้ม ของกินที่เดี๋ยวนี้ไม่ค่อยมีขายคือ พุทราไทยเชื่อม มีทั้งเชื่อมทั้งลูกและแบบทำเป็นแผ่นกลมๆ กินกับพริกกะเกลืออร่อยมาก(น่าจะยังมีขายที่วัดหลวงพ่อมงคลบพิตร อยุธยา) นอกจากนี้ยังมี พุทรากวน ข้าวต้มผัด(ข้าวต้มมัด) ข้าวเม่าทอด ข้าวเม่าคลุก กล้วยปิ้ง เป็นต้น นอกจากลิเกกับหนังฉายที่ยืนพื้นแล้ว งานใหญ่ๆบางทีจะมีลำตัดและโขน บางทีก็มีมวย แต่โขนนั้นเท่าที่จำได้ในรอบหลายสิบปีมาเล่นที่วัดแถวบ้านแค่ครั้งเดียว ส่วนลำตัดนั้นคณะที่ดังที่สุดคงเป็น หวังเต๊ะ ผมรู้จักเพลง Hit the road jack ของ Ray Charles จากเวทีลำตัดนี่เอง หวังเต๊ะ นำไปร้องบนเวทีจำได้ว่าลุงหวังเต๊ะ ร้องเพลงนี้ 3 ประโยคแรกแค่นั้นเอง แต่ก็ประทับใจตั้งแต่นั้นมา
กระทู้: งานวัด เริ่มกระทู้โดย: pathuma ที่ 12 ก.พ. 11, 21:51 นอกจาก ชิงช้าสวรรค์และม้าหมุน “ยิงปืนไม้ก๊อก” ก็เป็นที่นิยมและยังยืนหยัดมาจนถึงทุกวันนี้เพียงแต่รางวัลที่แจกจะต่างกัน งูเป็นสัตว์ที่ถูกนำมาเล่นมากที่สุดในงานวัด เมียงูเป็นการแสดงยอดฮิตในบรรดาการแสดงของงูทั้งหลาย การแสดงแบบหลอกคนดูเช่น “หัวคนตั้งโต๊ะ” “กาขาวขันได้” ยังคงขายได้อยู่ งานวัดใหญ่ๆ จะมีรถไต่ถังด้วย ในยุคนั้น รถไต่ถังคณะ “เปรื่อง เรืองเดช”ดังที่สุด สาวน้อยตกน้ำเป็นเครื่องเล่นที่อย่างหนึ่งที่พวกหนุ่มๆยุคนั้นชอบกันมากแต่ผมสงสารพวกเธอมากกว่า โดยเฉพาะหน้าหนาว ขึ้นจากน้ำแต่ละทีพวกเธอสั่นงั่กๆจนต้องเอาผ้าขนหนูมาห่มส่วนบนเอาไว้ จ้ำบ๊ะ(ขอเซ็นเซอร์บรรยากาศ) ก็นำมาเล่นในงานวัดแต่ช่วงหลังน้อยลงเพราะถูกครหามาก สิ่งที่คู่กับงานวัดอีกอย่างคือ ขอทาน แต่ก่อนจะมีเด็กหัวโตตัวเล็กเดินไม่ได้พ่อแม่จะพาไปนอนทำตาปริบๆขอทานตามงานวัด ไม่รู้ว่ามีกี่คนแต่ไปวัดไหนก็จะเจอ แต่เดี๋ยวนี้ไม่เห็นแล้ว
กระทู้: งานวัด เริ่มกระทู้โดย: puyum ที่ 13 ก.พ. 11, 21:19 แล้วก็ร้านถ่ายรูป
มีฉากหลังเป็นบางแสน หัวหิน แล้วก็เชียงใหม่ ใช้กล้องตัวใหญ่ กดชัดเตอร์ด้วยการบีบลูกโป่ง ถ่ายออกมาแล้วเหมือนไปมาจริงๆ ตามด้ายตู้เซียมซี กระทู้: งานวัด เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 14 ก.พ. 11, 08:45 อย่างที่สองที่จำได้คือลูกโป่งงานวัด
กระทู้: งานวัด เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 15 ก.พ. 11, 21:26 ยิงเป้าในงานวัด
(http://statics.atcloud.com/files/comments/147/1479257/images/1_original.jpg) กระทู้: งานวัด เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 15 ก.พ. 11, 21:29 ขาดไม่ได้อีกอย่างคือลิเกงานวัด
(http://www.bloggang.com/data/junely/picture/1265092359.jpg) กระทู้: งานวัด เริ่มกระทู้โดย: pathuma ที่ 16 ก.พ. 11, 09:45 ดูภาพลิเกในรูปก็คงคล้ายๆเมื่อก่อน สิ่งที่ต่างไปคือ"ฉากลิเก" ในภาพที่ดูมีสีสันขึ้น เมื่อก่อนฉากลิเกจะเป็นรูป "ท้องพระโรง " ยืนพื้น ลิเกบางคณะที่มีลูกเล่นมากๆอย่างคณะ "แสงอุทัยเจริญ" ที่เล่นอยู่แถวภาคกลางมักจะมีฉากหลายฉาก เช่น ฉากเข้าเฝ้าจะเป็นรูปท้องพระโรง ตอนเดินป่าก็จะเอาฉากป่าลงมาแล้วใช้ไฟช่วยเป็นแบ็คกราวด์ให้ดูสมจริงขึ้น ฉากประหารชีวิตก็จะเป็นอีกบรรยากาศหนึ่ง
กระทู้: งานวัด เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 16 ก.พ. 11, 10:58 ฉากท้องพระโรงแบบนี้ใช่ไหมคะ
(http://learners.in.th/file/monumenta/1314.jpg) กระทู้: งานวัด เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 16 ก.พ. 11, 20:05 แล้วก็ไอติมหลอด
(http://statics.atcloud.com/files/comments/147/1479279/images/1_original.jpg) กระทู้: งานวัด เริ่มกระทู้โดย: POJA ที่ 17 ก.พ. 11, 10:24 ลูกโป่งที่ลอยได้ เรียกว่า ลูกโป่งสวรรค์
สมัยก่อนมีรูปทรงแบบเดียว คือหัวโตคล้ายหลอดไฟ สกรีนตัวหนังสือเป็นข้อความต่าง ๆ เช่น สวัสดีปีใหม่ ไม่ได้เป็นรูปการ์ตูนสวยงามมากมายหลายอย่างเช่นทุกวันนี้ ความสุขอย่างหนึ่ง เมื่อขอพ่อแม่ซื้อลูกโป่งสวรรค์ได้ คือ ท่านจะเอาเส้นด้ายที่ผูกลูกโป่งผูกไว้กับข้อแขนเรา เพื่อกันลูกโป่งหลุดไป แต่เราจะงอแง คิดว่าแม่จะให้ลูกโป่งพาเราลอยหนี ยังจำความรู้สึกอบอุ่นนั้นได้ คิดถึงจัง :'( กระทู้: งานวัด เริ่มกระทู้โดย: pathuma ที่ 17 ก.พ. 11, 11:48 เห็นภาพ ท้องพระโรง แล้ว นึกถึง ลิเกตอนโหมโรง ได้ยินแต่เสียงระนาดกับเสียงกลอง ผู้ใหญ่บางคนพูดว่า “แค่ลิเกโหมโรง” ซึ่งหมายถึงยังหัวค่ำหรือยังไม่มีอะไรน่าสนใจ ยังไม่ต้องรีบไปก็ได้ ตามธรรมเนียมของลิเก ก่อนเข้าเรื่องต้องมีการออกแขกก่อน จากนั้นคนพากย์ก็จะนำเข้าสู่ท้องเรื่อง เมื่อก่อนลิเกเป็นอาชีพที่เฟื่องฟูมาก ตอนหลังๆซบเซาลงไปมาก บางคราวถึงกับไปขอวัดเล่นแล้วเดินเรี่ยไรเงินจากคนดูก็มี ลิเกป็นอาชีพที่ ติดอันดับหนึ่งในสี่ของอาชีพถือว่าเป็นพวกไว้ใจไม่ได้เรื่องผู้หญิง คือ รถไฟ เรือเมล์ ลิเก ตำรวจ ลิเกภาคกลางมีถิ่นฐานอยู่แถว อยุธยา อ่างทอง ลพบุรี และจังหวัดรอบๆ จังหวัดที่มีลิเกอยู่มากเท่าที่เห็นคือที่ อยุธยา ถ้านั่งรถไฟขึ้นเหนือ เมื่อผ่านสถานีอยุธยา ด้านขวามือหลังวิหารหลวงพ่อคอหักจะมองเห็นป้ายคณะลิเกจนตาลาย ขึ้นไปจนถึงลพบุรี ที่นี่ก็มีคณะลิเกมากเช่นกันจากถนนข้างปรางค์สามยอดเรื่อยขึ้นไปจะเห็นป้ายลิเกมากมาย มากเสียกว่าที่อยุธยาอีก ยุคที่ลิเกเฟื่องฟูนั้นมีวิกลิเกซึ่งเล่นกันหลายวันมีแม่ยกสนับสนุนอยู่ไม่ขาดขนาดย้ายไปเล่นที่อื่นไกลแค่ไหนก็ต้องตามไปดู ตามงานวัดนั้นลิเกมักจะเล่นกันแค่ครึ่งคืน ส่วนหนังก็แล้วแต่ บางงานก็ครึ่งคืนบางงานก็สว่าง คนที่อยู่ดูหนังกันยันสว่างนั้นเหตุผลหนึ่งก็คือตอนกลับบ้านมืดมากและหนทางจะเปลี่ยว ส่วนใหญ่เมื่อมาแล้วก็อยู่จนสว่างแล้วค่อยกลับบ้าน
กระทู้: งานวัด เริ่มกระทู้โดย: pathuma ที่ 17 ก.พ. 11, 15:08 ไอติมหลอดเป็นของประจำงานวัดและเป็นไอติมแท่งที่ขายกันโดยทั่วไปยุคก่อน เป็นไอติมที่ทำกันตามบ้านแล้วส่งขาย มีทั้งวางขายเป็นถังหรือมีเด็กรับไปเดินขาย ไอติมหลอดแต่ก่อนมักจะใส่ใส้ต่างๆ ด้วย เช่น ถั่วดำ ลอดช่อง ข้าวเหนียว และมีรสกะทิซึ่งหวานมันกว่าไอติมหลอดที่นำมาย้อนยุคเพราะมีแต่ความหวานจากน้ำหวานอย่างเดียว เด็กขายไอติมจะสะพายตะกร้าไอติมซึ่งทำด้วยหวายมีหูยาวสำหรับสะพายไหล่ เวลากินไอติมเสร็จต้องดูไม้ไอติมให้ดี ถ้าได้ “ไม้แดง” ได้กินฟรีอีก 1 อัน จำได้ว่าเมื่อบริษัทโฟโมสต์ เข้ามาเมืองไทยใหม่ๆ ได้ทำการตลาดโดยการนำไอติมไปแจกนักเรียนตามโรงเรียนต่างๆ นักเรียนได้รับแจกไอติมคนละ 2 ถ้วย เป็นถ้วยย่อมๆทำด้วยกระดาษฟอล์ยมีจีบรอบถ้วย ถ้วยหนึ่งเป็นสีฟ้าสด อีกถ้วยเป็นสีแดงสด มีช้อนตักเป็นไม้แบนๆ เป็นไอติมที่อร่อยที่สุดเท่าที่เคยกิน
กระทู้: งานวัด เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 17 ก.พ. 11, 18:20 เคยกินไอติมขายในกระติกที่คนขายสะพานเดินขายตามบ้าน เป็นแท่งยาว มีหลายรส ที่กินเป็นประจำคือสีแดง รสหวานแบบน้ำหวาน
กระทู้: งานวัด เริ่มกระทู้โดย: pathuma ที่ 18 ก.พ. 11, 13:46 นอกจาก ลูกหว้าแล้ว "ชำละเลียง" ก็เป็นของกินที่มีขายตามงานวัดเหมือนกัน ชำมะเลียงอย่างที่เห็นในรูปเป็น "ชำมะเลียงบ้าน" ลูกโตกว่าลูกหว้า มีสีเข้ม กินแล้วปากและฟันจะเป็นสีม่วงเข้มๆเหมือนสีเปลือกชำมะเลียง อีกประเภทหนึ่งคือ "ชำมะเลียงป่า" ลูกเล็กกว่าชำมะเลียงบ้านกินได้เหมือนกันแต่มักไม่มีขาย หาได้ตามป่าละเมาะ "ชำมะเลียง" มีรสหวานอมฝาด แม่ค้ามักนำไปขายเสริมกับของกินอย่างอื่นมากกว่าเป็นของขายหลัก เพราะรสชาดไม่ค่อยถูกปากเด็กเท่าไรนัก ชำมะเลียงป่า มีลูกขนาดเล็กพอดีรูไม้ไผ่ บางทีเด็กๆก็จะใช้เป็นกระสุน "ไม้โผละ" หรือ "ไม้โพล๊ะ" เอาไว้ยิงเล่นกัน ถ้าหาเม็ดชำมะเลียงไม่ได้ก็ใช้กระดาษอ่อนชุบน้ำแล้วปั้นเป็นก้อนยัดไปในรูไม้ไผ่แล้วใช้แกนไม้กระแทก เวลาโดนไม้โพล๊ะยิงจะรู้สึกเจ็บๆคันๆ เล่นกันเอาสนุกมากกว่าใช้เป็นอาวุธ
กระทู้: งานวัด เริ่มกระทู้โดย: pathuma ที่ 18 ก.พ. 11, 13:54 "ชำมะเลียงบ้าน" (ภาพจาก http://www.kaset4you.com/forum/index.php?topic=1479.0)
กระทู้: งานวัด เริ่มกระทู้โดย: pathuma ที่ 18 ก.พ. 11, 22:53 ขออภัย ชำมะเลียงในจานเป็น "ชำมะเลียงป่า " ครับ
กระทู้: งานวัด เริ่มกระทู้โดย: pathuma ที่ 19 ก.พ. 11, 17:32 “ยกตะลุ่ม” - งานวัดมักจัดในวันพระสำคัญ ๆ โดยตอนเช้าจะมีการทำบุญเลี้ยงพระ ตอนกลางคืนจะมีมหรสพ มีงานวัดแต่ละครั้ง นอกจาก พระ เณร ต้องทำงานหลายอย่างแล้ว เด็กวัดก็เหนื่อยเหมือนกันเพราะต้องทำงานตามที่พระสั่งแต่หลักๆจะเป็นงานที่ใช้แรง สิ่งที่เด็กวัดชอบอยู่อย่างหนึ่งคือได้เปิดหูเปิดตาและได้กินอาหารดีๆที่ญาติโยมนำมาถวายพระหลังจากที่พระฉันเสร็จแล้ว บางทีก็จะได้เงินเล็กๆน้อยๆ จากหลวงลุง หลวงพี่ด้วย กิจกรรมหลักของเด็กวัดตอนเลี้ยงพระก็คือการ “ยกตะลุ่ม” เป็นการยกอาหารที่ใส่ไว้ใน “โอ” ที่อยู่ในถาดนำไปประเคนให้พระ(จริงๆแล้วโอใส่อาหารต้องอยู่ใน ตะลุ่ม แล้วยกไปถวายพระ แต่ยุคหลังใช้ถาดแทนตะลุ่ม แต่ยังคงเรียกว่า “ยกตะลุ่ม “ อยู่) “โอ” เป็นภาชนะคล้ายขันใบเล็กๆแต่ปากจะเล็กกว่าและทรงสูงกว่าขัน “โอ” ใช้วัสดุเคลือบแบบจานสังกะสี มี สีขาว สีไข่ไก่ สีน้ำเงินและ สีเขียวอ่อน เมื่อพระฉันเสร็จเด็กวัดก็จะยกถาดอาหารไปเก็บ พอพระสวดเสร็จก็จะได้กิน จากนั้นก็ทำหน้าที่ล้าง โอ จาน ถาดและบาตรพระ โดยเฉพาะบาตรพระต้องขัดทั้งข้างนอกข้างในจนดูเป็นเงาวับ “โอ” คงจะหายไปพร้อมๆกับจานสังกะสีเพราะ เดี๋ยวนี้ใช้ถ้วยหรือจานกระเบื้องใส่อาหารแทน จึงเหลือแต่ คำว่า “ถ้วย โถ โอ ชาม”
กระทู้: งานวัด เริ่มกระทู้โดย: Rangson Boontham ที่ 19 ก.พ. 11, 21:52 ตอนเป็นเด็กไปงานวัดกับครอบครัว แม่จะเขียนชื่อกับที่อยู่ตัวเองใส่กระเป๋าให้ทุกครั้ง พูดถึงงานวัดแล้วอยากกลับไปเป็นเด็กจัง :-[
กระทู้: งานวัด เริ่มกระทู้โดย: pathuma ที่ 20 ก.พ. 11, 14:39 “พวงมโหตร” เป็นสิ่งที่สร้างสีสันให้กับงานวัด โดยเฉพาะบนศาลาวัดที่ญาติโยมมาชุมนุมกัน “พวงมโหตร “(พวง-มะ-โหด) ทำด้วยกระดาษสีบางๆ มีหลายสี ทำโดยนำกระดาษสีมาพับเป็นชั้นๆแล้วตัดให้เป็นลายตามต้องการจากนั้นคลี่ออกจะกลายเป็นพวง ใช้แขวนประดับตามจุดต่างๆบนศาลาวัด สิ่งประดับศาลาวัดอีกอย่างคือ “ธงสี” เป็นธงกระดาษสามเหลี่ยมติดไว้บนเชือกยาวประดับตามระเบียงศาลาวัด ตรงกึ่งกลางเพดานศาลาวัดมักประดับด้วย “กระดาษสี”เส้นเล็กๆยาวหลายเมตร แขวนจากกึ่งกลางเพดานศาลาไปจรดชายคาโดยรอบ กระดาษสีจะถูกตีเป็นเกลียวเวลาเคลื่อนไหวจะพลิ้วไปมา
กระทู้: งานวัด เริ่มกระทู้โดย: pathuma ที่ 21 ก.พ. 11, 09:55 “เครื่องไฟ “– เมื่อก่อนบ้านนอกไม่มีไฟฟ้าใช้ เวลามีงานวัดหรืองานบ้านต้องอาศัย “เครื่องไฟ” ทั้งนั้น คนบ้านนอกเรียกเครื่องปั่นไฟ เครื่องขยายเสียงรวมทั้งไฟประดับต่างๆว่า “เครื่องไฟ” สมัยที่หลอดฟลูออเรสเซ็นต์(ที่เรากันเรียกติดปากว่าหลอดนีออน) ยังไม่แพร่หลาย ไฟส่องสว่างที่ใช้ตามโรงลิเกและที่ต่างๆเป็นแบบหลอดใส้ธรรมดา บรรยากาศจึงไม่สว่างไสวเหมือนหลอดแบบปัจจุบัน เมื่อหลอดฟลูออเรสเซ็นต์แพร่หลายคณะเครื่องไฟก็นำไฟหลอดยาวๆมาใช้ตามงานวัด โดยผูกกับไม้ปักเรียงกันไปบนถนนหน้าวัด หลังวัด ข้างวัด ยาวไปหลายสิบเมตร วัดตามบ้านนอกมักอยู่ใกล้ลำน้ำและใกล้ทุ่งนา ปกติจะมืดมาก พอนำไฟไปติดก็จะมีกองทัพแมลงมาเล่นไฟและจะมีฝูงคางคกนักร้อยๆก็จะมารุมกินแมลงตามหลอดไฟ พวกเด็กๆจะพากันไปไล่คางคกเป็นที่สนุกสนาน อาชีพ “เครื่องไฟ” แต่ก่อนคงไม่ได้เป็นอาชีพที่มีรายได้ดีนัก เพลง “ชีวิตคนเครื่องไฟ” ที่คำรณ สัมบุณณานนท์ร้องจึงพรรณาถึงความลำเค็ญของคนเครื่องไฟเอาไว้อย่างมองเห็นภาพได้ (ฟังเพลง “ชีวิตคนเครื่องไฟ”http://www.baanmaha.com/forums/showthread.php?t=8913 ) ตามบ้านนอกนั้นถ้าวัดไหนมีงานและเปิดเครื่องขยายเสียง เสียงจะ “ดังลั่นทุ่ง” จากท้องทุ่งฟากหนึ่งไปถึงท้องทุ่งอีกฟากหนึ่งที่อยู่ไกลออกไปหลายสิบเส้น เพลงที่เปิดก็คงเป็นเพลงแนวของ คำรณ สัมบุณณานนท์ ชาญ เย็นแข กุหลาบ กฐินะสมิต เช่น เพลง ชีวิตคนเครื่องไฟ เด็กข้างถนน สาวพลัดถิ่น เป็นต้น แต่ก่อนเวลาหาเครื่องไฟมาเล่นต้องเดินทางไปเป็นวัน จากวัดแถวบ้านบางทีต้องนั่งเรือและต่อรถไปถึง “แปดวา” คนสมัยก่อนเรียก “คลองรังสิต” ว่า “แปดวา” ตามความกว้างของคลอง
กระทู้: งานวัด เริ่มกระทู้โดย: puyum ที่ 22 ก.พ. 11, 22:14 คุณpathuma พูดถึงพวงมะโหด ธงทิว เมื่อสิบปีก่อน ชนอิสลามที่ผักไห่ ตัดขาย มีหลายแบบ ไม่ทราบว่ายังมีอยู่หรือเปล่า กระทู้: งานวัด เริ่มกระทู้โดย: pathuma ที่ 24 ก.พ. 11, 10:03 “ข้าวตังงานวัด” – เมื่อมีงานวัด ที่วัดจะหุงข้าวด้วยกระทะใบใหญ่และต้องใช้คนที่หุงข้าวกระทะเป็นมาหุง กระทะข้าวจะตั้งอยู่บนเตาที่ก่อด้วยอิฐและสุมด้วยฟืน คนหุงข้าวจะใช้พายคนข้าวอยู่เรื่อยๆ การหุงข้าวแบบนี้ไม่ต้อง “เช็ดน้ำ” พอข้าวสุกได้ที่คนหุงก็จะตักข้าวใส่กระบุงที่รองด้วยใบต้องหรือไม่ก็เป็นกาละมังใบใหญ่ๆ เมื่อข้าวสวยถูกตักออกไปจากกระทะหมดแล้วข้าวที่เหลือในกระทะจะจับตัวเป็นแผ่นทั่วกระทะกลายจนกลายเป็น “ข้าวตัง” พอข้าวใกล้สุกเด็กก็จะมารอเตรียมรับแจก ข้าวตัง คนหุงข้าวจะปล่อยให้ข้าวตังแห้งพอประมาณไม่เกรียมมากนัก จากนั้นจะตัดแจกเด็กๆ รสชาดจืดชืดแต่ก็ถือว่าอร่อยสำหรับเด็กเพราะนานๆจะได้กินสักครั้ง ถ้าคนหุงใจดีหน่อยก็จะเพิ่มรสชาดข้าวตังโดยการโรยเกลือป่นลงไปเล็กน้อยพอมีรสเค็มหรือไม่ก็โรยหน้าด้วยมะพร้าวขูด กินตอนอุ่นๆ ได้ทั้งรสเค็มและรสมัน “ข้าวตังงานวัด” เดี๋ยวนี้หากินยากเพราะหุงข้าวด้วยหม้อไฟฟ้ากันหมด
|