เพ็ญชมพู
|
ความคิดเห็นที่ 495 เมื่อ 07 มิ.ย. 20, 16:49
|
|
อัตราการเสียชีวิตช้าลง จาก ๑๖ วันในแสนที่สอง เป็น ๑๘ วัน ในแสนที่สาม และเป็น ๒๓ วัน ในแสนที่สี่
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เพ็ญชมพู
|
ความคิดเห็นที่ 496 เมื่อ 08 มิ.ย. 20, 09:57
|
|
เจ็ดล้านแล้วติดเชื้อเหลือจะเศร้า ผู้ติดเชื้อ ๔ ล้านแรกทุก ๆ ๑๒-๑๓ วัน มีผู้ติดเชื้อเพิ่ม ๑ ล้านคน ผู้ติดเชื้อล้านที่ ๕ อัตราการระบาดของโรคเพิ่มขึ้น ใช้เวลาลดลงเหลือ ๑๑ วัน ผู้ติดเชื้อล้านที่ ๖ และล้านที่ ๗ อัตราการระบาดของโรคเพิ่มขึ้น ใช้เวลาลดลงเหลือ ๙ วัน
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เพ็ญชมพู
|
ความคิดเห็นที่ 497 เมื่อ 08 มิ.ย. 20, 16:21
|
|
บราซิล บราซิ้ล บราซิลสำนักข่าวบีบีซี รายงานในวันที่ ๗ มิถุนายน ว่าทางการบราซิลได้ตัดสินใจลบข้อมูลจำนวนผู้ป่วยและผู้เสียชีวิตสะสมจากโรคโควิด-๑๙ ออกจากหน้าเว็บไซต์ของรัฐบาลแล้ว และจะแสดงผลเฉพาะข้อมูลตัวเลขผู้ติดเชื้อและผู้เสียชีวิตในรอบ ๒๔ ชั่วโมงหลังสุดเท่านั้น ไม่แสดงผลตัวเลขสะสมแบบที่เคยทำมาก่อนหน้านี้อีก นายชาอีร์ โบลโซนาโร (Jair Bolsonaro) ประธานาธิบดีของบราซิล ได้ให้เหตุผลผ่านทางทวิตเตอร์ของตัวเองว่า ที่ต้องเอาข้อมูลตัวเลขสะสมออกจากเว็บไซต์ของรัฐบาลเช่นนี้ ก็เนื่องมาจาก “ตัวเลขสะสม ... ไม่สะท้อนสถานการณ์ ณ ปัจจุบันของประเทศ” สำหรับสถานการณ์การระบาดของโรคโควิด-๑๙ ในประเทศบราซิลล่าสุด พบว่ามีผู้ติดเชื้อยืนยันแล้วรวมกว่า ๖๗๒,๐๐๐ คน ถือว่ามากที่สุดเป็นอันดับ ๒ ของโลก ส่วนจำนวนผู้เสียชีวิตสะสมอยู่ที่กว่า ๓๕,๙๐๐ ราย อยู่ในอันดับ ๓ ของโลก ต่อจากสหรัฐอเมริกาและสหราชอาณาจักร สถานการณ์การระบาดของโรคโควิด-๑๙ ในบราซิลในขณะนี้ถือว่ารุนแรงที่สุดในโลก โดยมีผู้เสียชีวิตต่อวันมากที่สุดที่กว่า ๑,๐๐๐ ราย/วัน ในขณะที่ผู้ติดเชื้อเพิ่มต่อวันก็มากที่สุดในโลกเช่นเดียวกันที่กว่า ๓๐,๐๐๐ คน/วัน https://www.facebook.com/153951094974177/posts/1311525022550106/
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
|
เพ็ญชมพู
|
ความคิดเห็นที่ 499 เมื่อ 08 มิ.ย. 20, 19:08
|
|
นิวซีแล้นด์ นิวซีแลนด์วันที่ ๘ มิถุนายน ๒๕๖๓ นางจาซินดา อาร์เดิร์น นายกรัฐมนตรีนิวซีแลนด์ได้ประกาศว่ารัฐบาลสามารถควบคุมสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-๑๙ ได้อย่างสมบูรณ์แล้ว หลังไม่มีรายงานผู้ติดเชื้อรายใหม่นานกว่า ๒ สัปดาห์ ซึ่งกิจกรรมสาธารณะต่าง ๆ, ธุรกิจค้าปลีก, ภาคการบริการ และภาคการขนส่งสาธารณะทั้งหมดสามารถกลับมาเปิดให้บริการได้ตามปกติ หลังต้องหยุดให้บริการชั่วคราวมานานกว่า ๗๕ วัน ตามมาตรการล็อกดาวน์เพื่อควบคุมไวรัสโควิด-๑๙ โดยนางอาร์เดิร์นกล่าวว่า “เรามั่นใจว่าเราได้สยบไวรัสโควิด-๑๙ ในนิวซีแลนด์ได้แล้ว แต่สิ่งที่สำคัญกว่าเรื่องการกำจัดไวรัสคือความพยายาม (ในการกำจัดไวรัส) อย่างต่อเนื่อง หลังจากจากการล็อกดาวน์มานานกว่า ๗๕ วัน วันนี้พวกเราพร้อมแล้ว” ทั้งนี้ทางรัฐบาลนิวซีแลนด์จะยกเลิกมาตรการข้อจำกัดทางสังคมต่าง ๆ ในต้นสัปดาห์นี้ แต่ยังคงมาตรการคัดกรองผู้ที่เดินทางเข้าประเทศอย่างเข้มงวดต่อไป สำหรับสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-๑๙ ใน นิวซีแลนด์ล่าสุด มีผู้ติดเชื้อ ๑,๕๐๔ ราย เสียชีวิต ๒๒ ราย และรักษาหายแล้ว ๑,๔๘๒ ราย https://www.facebook.com/153951094974177/posts/1312051159164159/นิวซีแลนด์วางใจ แต่ไทยยังไม่
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เพ็ญชมพู
|
ความคิดเห็นที่ 500 เมื่อ 09 มิ.ย. 20, 08:10
|
|
ข่าวที่น่าสนใจจาก WHOวันที่ ๘ มิถุนายน ๒๕๖๓ องค์การอนามัยโลกแถลงข่าวความคืบหน้าและแนวทางปฏิบัติล่าสุดในการรับมือกับเชื้อไวรัสโควิด-๑๙ WHO ระบุว่า ผู้ที่มีเชื้อแต่ไม่แสดงอาการป่วยนั้น มีโอกาสน้อยมากที่จะนำเชื้อไปแพร่สู่ผู้อื่นได้ และไม่ได้เป็นสาเหตุหลักที่ทำให้เชื้อยังคงแพร่กระจายอยู่ ณ เวลานี้ดร.มาเรีย ฟาน เคอร์โคฟ หัวหน้าฝ่ายดูแลเชื้อพบใหม่และเชื้อที่แพร่จากสัตว์สู่คน ให้ข้อมูลผ่านเฟซบุ๊กไลฟ์ว่า เธอได้รับรายงานอย่างละเอียดจากหลายประเทศที่ทำการติดตามผู้ติดเชื้อ และไม่พบว่าผู้ที่มีเชื้อแต่ไม่แสดงอาการจะทำให้คนรอบข้างได้รับเชื้อตามไปด้วย ตอนนี้รัฐบาลควรโฟกัสไปที่การค้นหาผู้ติดเชื้อที่มีอาการป่วย และแยกคนเหล่านั้นออกมา ถ้าผลวิจัยชิ้นนี้ถูกพิสูจน์ว่าเป็นความจริง อาจทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่กับนโยบายที่ถูกนำมาใช้ในการควบคุมโรคอยู่ในตอนนี้ https://www.facebook.com/153951094974177/posts/1312423362460272/
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
ตอบ: 33598
ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม
|
ความคิดเห็นที่ 501 เมื่อ 09 มิ.ย. 20, 10:07
|
|
หวังว่าจะไม่ออกมากลับคำ เหมือนเรื่องสวมหน้ากากอีกนะคะ
ผู้ป้วยที่ไม่แสดงอาการ แปลว่ามีเชื้อโควิดน้อยมาก อาจจะหายเองได้ใช่ไหม WHO จึงตัดสินว่ามีโอกาสแพร่เชื้อได้น้อย ทีนี้เราจะแยกได้ยังไง ระหว่างผู้ป้วยที่ "ยังไม่แสดงอาการ" กับ "ผู้ป่วยที่ไม่แสดงอาการเลย" เด็กๆไปโรงเรียน เรียนและเล่นอยู่กับเพื่อน ซึ่งไม่แสดงอาการ กว่าจะรู้ว่าเพื่อนอยู่ในระยะยังไม่แสดงอาการ มาแสดงอาการทีหลัง เด็กน้อยร่วมห้องก็มีโอกาสติดไปแล้วใช่ไหมคะ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
ตอบ: 33598
ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม
|
ความคิดเห็นที่ 502 เมื่อ 09 มิ.ย. 20, 10:45
|
|
ฟ็อกซ์นิวส์ - ชาวบ้านแคนซัสรายหนึ่ง มีผลตรวจไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่(โควิด-19) ออกมาเป็นบวก หลังเมื่อเร็วๆนี้ไปร่วมการชุมนุมท่วงคืนความยุติธรรมแก่ "จอร์จ ฟลอยด์" และต่อต้านพฤติกรรมป่าเถื่อนของตำรวจ ตามรายงานของสำนักข่าวฟ็อกซ์นิวส์ในวันจันทร์(8มิ.ย.)
เจ้าหน้าที่สังกัดหน่วยงานสาธารณสุขของลอเรนซ์-ดักลัส เคาน์ตี ในรัฐแคนซัส เปิดเผยว่าบุคคลรายดังกล่าวไปร่วมประท้วงที่ย่านกลางเมืองลอเรนซ์เมื่อวันที่ 31 พฤษภาคม โดยไม่สวมหน้ากากอนามัย ดังนั้นจึงแนะนำให้ทุกคนที่เข้าร่วมชุมนุมในวันเวลาดังกล่าว กักกันโรคตนเองและสังเกตอาการ
"เช่นเดียวกับที่ในเวลานี้เราร้องขอให้ทุกคนที่ออกมาสถานที่สาธารณะ เราร้องขอให้ทุกคนที่เข้าร่วมประท้วงเร็วๆนี้สังเกตอาการตนเองว่ามีอาการของโควิด-19 หรือไม่ และกักกันโรคตนเองหากว่าล้มป่วย เช่นเดียวกับโทรศัพท์แจ้งผู้ให้บริการด้านสาธารณะในขั้นต่อๆไป" โซเนีย จอร์แดน ผู้อำนวยการฝ่านประชาสัมพันธ์หน่วยงานด้านสาธารณสุขลอเรนซ์-ดักลัส เคาน์ตีกล่าว
เจ้าหน้าที่สาธารณสุขระบุด้วยว่าผู้ประท้วงที่ไม่เปิดเผยชื่อรายนี้ ยอมรับว่าเขาไม่ได้สวมหน้ากากอนามัยระหว่างร่วมชุมนุม
ผลการตรวจออกมาเป็นบวกของเขามีขึ้นใขณะที่บรรดาเจ้าหน้าที่สาธารณสุขของสหรัฐฯ มีความกังวลมากขึ้นว่าการประท้วงทั่วประเทศเรียกร้องความยุติธรรมให้ "จอร์จ ฟลอยด์" ชายผิวสีที่เสียชีวิตระหว่างถูกตำรวจควบคุมตัว อาจจุดชนวนการแพร่ระบาดของโควิด-19ในวงกว้างกว่าเดิม และเป็นบ่อนทำลายความพยายามต่างๆนานาของเจ้าหน้าที่ในการสกัดการแพร่ระบาด ในนั้นรวมถึงบังคับใช้มาตรการหยุดอยู่บ้านนานหลายเดือน
"มันเป็นองค์ประกอบที่สมบูรณ์แบบสำหรับการแพร่ระบาดของไวรัส ในแง่ของการก่อปัญหาบางประการ ซึ่งอาจกลายเป็นการแพร่ระบาดอีกระลอก" นายแพทย์แอนโทนี่ เฟาซี หนึ่งในคณะทำงานเฉพาะกิจรับมือโควิด-19 ของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชน
ในการชุมนุมที่มีคนเข้าร่วมจำนวนมากและเบียดเสียดยัดเยียดกัน พบเห็นส่วนใหญ่แล้วไม่สวมหน้ากากป้องกัน บางส่วนตะโกนหรือไม่ก็ร้องเพลง สร้างความกังวลว่ามันอาจซ้ำเติมสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 โดยจนถึงตอนนี้ในสหรัฐ มีผู้ติดเชื้อแล้วกว่า 2 ล้านคนและเสียชีวิตกว่า 1.1 แสนราย
ศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคติดต่อสหรัฐฯ(CDC) บอกว่าส่วนใหญ่แล้วเชื่อว่าไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่แพร่เชื้อจากคนหนึ่งไปสู่อีกคนที่มีการสัมผัสติดต่อกันในระยะใกล้
"ตอนที่ผมนั่งดูหน้าจอทีวี รับชมสถานการณ์จากวอชิงตัน ดี.ซี., นิวยอร์กซิตี, ลอสแองเจลิส ไปจนถึงฟิลาเดลเฟีย ผมมีความกังวลอย่างยิ่ง" เฟาซีกล่าว "ผมถึงกับอุทาน โอ้พระเจ้า ผมหวังว่ามันจะไม่ฉุดเราให้ก้าวถอยหลังไปมากมายนัก หลังจากทุ่มเทในความพยายามคงไว้ซึ่งการเว้นระยะห่างทางกาย ตอนนี้ผมเริ่มกังวลว่าเราอาจเห็นการแพร่ระบากระลอกใหม่"
ข่าว MGR Online
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
SILA
|
ความคิดเห็นที่ 503 เมื่อ 09 มิ.ย. 20, 12:07
|
|
คร่าวๆ ครับ ผ่านไปร่วมครึ่งปีแล้ว แต่โรคอุบัติใหม่นี้ยังไม่เก่า
ข้อมูล,ความรู้เกี่ยวกับโรคนี้ยังไม่นิ่งสนิท ยังมีข้อมูล,รายงานการศึกษาออกมาเป็นระยะๆ บางข้อมูลก็มีการปรับ เปลี่ยน(เช่น เรื่องการสวมหน้ากาก) บางรายงานก็น่าข้องใจจนวารสารวิชาการแนวหน้าของโลกของสองฝั่งแอตแลนติค ต้องดึงกลับรายงานการศึกษาบางชิ้นเมื่อไม่กี่วันก่อนหน้านี้
ประเด็น WHO ระบุว่า ผู้ที่มีเชื้อแต่ไม่แสดงอาการป่วยนั้น มีโอกาสน้อยมากที่จะนำเชื้อไปแพร่สู่ผู้อื่นได้ และ ไม่ได้เป็นสาเหตุหลักที่ทำให้เชื้อยังคงแพร่กระจายอยู่ ณ เวลานี้ An official with the World Health Organization (WHO) has stated that it appears to be "rare" that an asymptomatic individual can pass SARS-CoV-2 to someone else.
หวังว่า ฮูคงจะไม่ต้องกลับลำมาทบทวนแก้ใหม่เหมือนเรื่องการสวมหน้ากากในวันวาน รายงานจาก Annals of Internal Medicine พบว่า อย่างน้อย 30% แต่น่าจะ 40-45% มากกว่า, ของผป.โควิด ที่เมื่อย้อนรอยกลับไปพบว่ารับมาจากผู้แพร่เชื้อที่ไม่รู้ตัวเลยว่าติดเชื้อ
In a study published June 3 in the Annals of Internal Medicine, researchers at the Scripps Research Translational Institute reviewed data from 16 different groups of COVID-19 patients from around the world to get a better idea of how many cases of coronavirus can likely be traced to people who spread the virus without ever knowing they were infected. Their conclusion: at minimum, 30%, and more likely 40% to 45%.
นอกจากนี้ ในบทบรรณาธิการของ New England Journal of Medicine เมื่อปลายเดือนที่แล้วยังกล่าวว่า ปัจจัยในการแพร่ ระบาดไปทั่วของโรคนี้ คือการที่ไวรัสนี้ถูกปล่อยออกมามากมายในทางเดินหายใจส่วนบนของผป. แม้ผป.นั้นจะยังไม่แสดงอาการ
A key factor in the transmissibility of Covid-19 is the high level of SARS-CoV-2 shedding in the upper respiratory tract, even among presymptomatic patients... Asymptomatic transmission of SARS-CoV-2 is the Achilles’ heel of Covid-19 pandemic control through the public health strategies we have currently deployed.
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
Koratian
|
ความคิดเห็นที่ 504 เมื่อ 09 มิ.ย. 20, 17:48
|
|
ประเทศไทยไม่น่าจะเกิด second peak ที่รุนแรงครับ
ผู้ติดเชื้อไม่แสดงอาการ (Asymptomatic) ที่ไม่ใช่ Presymptomatic ควรนับว่าเป็นผู้ป่วยหรือไม่ คนส่วนใหญ่มี Adaptive immunity ที่ต้านไวรัสได้แล้วหรือยัง คำถามนี้น่าจะใกล้มีคำตอบแล้วครับ การวัด immunity โดยดูการทำงานของ T-cell CD4+ และ CD8+ จะให้คำตอบที่ชัดเจนกว่าการวัดด้วย Antibody
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
ตอบ: 33598
ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม
|
ความคิดเห็นที่ 505 เมื่อ 09 มิ.ย. 20, 17:58
|
|
คำถามนี้น่าจะใกล้มีคำตอบแล้วครับ แปลว่าจนทุกวันนี้ก็ยังไม่มีใครรู้คำตอบใช่ไหมคะ จนกว่าจะเกิดกรณีผู้ป่วยติดเชื้อจากคนที่ไม่แสดงอาการ เพิ่มมากขึ้นๆจนนับจำนวนได้ ถึงจะรู้คำตอบว่าติด หรือไม่ ก็ได้คำตอบว่า ต่อให้อยู่บ้านเดียวกัน ไปทำงานที่เดียวกัน ก็ไม่ติดจนแล้วจนรอด
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เพ็ญชมพู
|
ความคิดเห็นที่ 506 เมื่อ 10 มิ.ย. 20, 07:05
|
|
องค์การอนามัยโลกกลับลำอีกครั้งหนึ่ง ดร.มาเรีย แวน เคอร์โคฟ (Dr. Maria Van Kerkhove) หัวหน้าฝ่ายโรคติดเชื้ออุบัติใหม่และโรคติดต่อขององค์การอนามัยโลก เปิดโต๊ะแถลงข่าวในวันอังคาร ๑ วันหลังองค์การอนามัยโลกแสดงความเห็นเรื่องการศึกษาผู้ติดโควิด-๑๙ แบบไม่แสดงอาการนั้นเกิดขึ้นได้ยาก ซึ่งกลายเป็นประเด็นโต้เถียงอย่างหนักในสื่อสังคมออนไลน์และจากหน่วยงานสาธารณสุขทั่วโลก ดร.เคอร์โคฟอธิบายว่า การศึกษาผู้ติดเชื้อไม่แสดงอาการยังต้องได้รับการศึกษาเพิ่มเติมอีกมาก และคำว่า “เกิดขึ้นได้ยาก” ในมุมมองของเธอคือกลุ่มตัวอย่างที่มีจำนวนน้อยมากในการศึกษา แต่ไม่ได้หมายความว่าผู้ติดเชื้อโควิด-๑๙ แบบไม่แสดงอาการนั้นจะไม่สามารถแพร่เชื้อได้อย่างที่เป็นข่าว และจนถึงตอนนี้องค์การอนามัยโลกยังไม่มีคำตอบที่ชัดเจนเกี่ยวกับเรื่องนี้ แต่จากการนำเสนอข่าวในช่วงที่ผ่านมาเป็นการตอบคำถามขององค์การอนามัยโลกที่มาจากผู้สื่อข่าวเท่านั้น และไม่ได้เป็นการแสดงจุดยืนหรือท่าทีขององค์การอนามัยโลกเกี่ยวกับการระบาดของโควิด-๑๙ ทั้งนี้ องค์การอนามัยโลกได้ตอบผู้สื่อข่าวเมื่อวันจันทร์ กล่าวถึงการศึกษาที่พบว่า ๑๖% ของประชากรอาจเป็นกลุ่มติดเชื้อโควิด-๑๙ แบบไม่แสดงอาการ ซึ่งแตกต่างจากการศึกษาโดยนักวิทยาศาสตร์กลุ่มอื่น ๆ พบว่าการแพร่เชื้อโควิด-๑๙ ราว ๔๐% ทั่วโลกมาจากผู้ติดเชื้อไม่แสดงอาการ นอกจากนี้ องค์การอนามัยโลก ยังเปิดเผยในวันอังคารด้วยว่า ช่วงเวลาที่ผู้ป่วยโควิด-๑๙ แพร่เชื้อได้มากที่สุด คือ ช่วงเวลาที่ผู้ป่วยแสดงอาการในระยะเริ่มต้นออกมา ถ้อยแถลงในประเด็นนี้ขององค์การอนามัยโลก ตรงกับการศึกษาในสหรัฐฯและเยอรมนีที่ว่า ผู้ป่วยโควิด-๑๙ ที่มีอาการไม่รุนแรง จะสามารถแพร่เชื้อให้ผู้อื่นได้นานถึง ๘-๙ วัน ซึ่งนานกว่าผู้ป่วยโควิดที่มีอาการรุนแรงเสียอีก https://www.voathai.com/a/who-walked-back-on-coronavirus-asymtomatic-case-06092020/5455860.html
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
ดาวกระจ่าง
มัจฉานุ
ตอบ: 89
|
ความคิดเห็นที่ 507 เมื่อ 10 มิ.ย. 20, 21:03
|
|
อ่านเรื่องผู้ป่วยที่ไม่แสดงอาการแล้วงงค่ะ คือถ้ามีเชื้ออยู่ในตัวแต่ถ้าเราแข็งแรง คนรอบข้างแข็งแรงถึงจะได้เชื้อก็ไม่เป็นอะไร แต่กลับกันถ้าเราอ่อนแอ คนรอบข้างอ่อนแอก็จะมีอาการหลังจากได้รับเชื้อ หรือเปล่าคะ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เพ็ญชมพู
|
ความคิดเห็นที่ 508 เมื่อ 11 มิ.ย. 20, 15:38
|
|
มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีและการออกแบบแห่งสิงคโปร์ (เอสยูทีดี) ได้ปะมวลข้อมูลและพยากรณ์ถึงพัฒนาการตลอดจนช่วงเวลาสิ้นสุดของโรคโควิด-๑๙
ในส่วนของประเทศไทยนั้น จะสิ้นสุดการแพร่ระบาดหรือมีผู้ติดเชื้อคนสุดท้าย (๑๐๐%) ในวันที่ ๑๑ มิถุนายน ๒๕๖๓ วันนี้ (๑๑ มิถุนายน ๒๕๖๓) เป็นวันที่ ๑๗ ที่ไม่มีผู้ติดเชื้อในประเทศไทย น่าจะถือได้ว่าสิ้นสุดการระบาดของโควิด-๑๙ เหมือนอย่างที่นายกรัฐมนตรีนิวซีแลนด์ประกาศด้วยความเริงรื่นว่าปลอดโรคเมื่อประเทศไม่มีผู้ติดเชื้อเป็นเวลา ๑๗ วันในวันที่ ๘ มิถุนายน ๒๕๖๓ ฝันว่านายกรัฐมนตรีแห่งประเทศไทยจะออกมาประกาศชัยชนะด้วยลีลาอย่างนี้บ้าง
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
ตอบ: 33598
ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม
|
ความคิดเห็นที่ 509 เมื่อ 11 มิ.ย. 20, 16:45
|
|
อ้างถึง #506 องค์การอนามัยโลกน่าจะนัดกันให้ดีก่อนแถลงข่าว ไม่ใช่มากลับไปกลับมา หรือแก้ข่าวครั้งแรก บ่อยนัก ทำให้ความน่าเชื่อถือลดลงมากค่ะ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
|