ขอบคุณสำหรับคำตอบที่มีค่ามากมายนี้ครับ ผมมั่นใจน่าจะหาอ่านเอ่านจากตำราฝรั่งไม่ได้แน่ๆ ครับ
ขอเสริมเรื่องราวจากที่ได้ศึกษามาเพิ่มลงในนี้ต่อนะครับ ผิดถูกอย่างไรช่วยชี้แนะด้วยนะครับ
- ความเข้าใจเรื่องการ "หุงพลอย" นั้นเข้าใจว่า ตอนนี้ไม่ใช่เรื่องลึกลับเหมือนแต่ก่อนแล้ว เริ่มมีตำราวิชาการเรื่องการเผาพลอยออกมาเผยแพร่ให้หาศึกษาได้ไม่ยากนัก เตาเผาพลอยที่มีคุณภาพและดีที่สุดก็ทำโดยฝรั่งไปแล้ว ซึ่งน่าจะแถมการอบรมบางอย่างมาด้วย อีกอย่างฝ่ายโน้นเล่นเจาะลึกถึงขั้นระดับโมเลกุลเคมีเพื่ออธิบายปรากฏการด้านสีและความโปร่ง ทั้งก่อนและหลังเผาเป็หลักวิทยาศาสตร์แบบถึงแก่นไปเลย ด้านนี้อาจก้าวไปไกลกว่าช่างไทยแล้วก็เป็นได้
- แท่นเจียรนัยเราก็ยังซื้อจากเมืองนอกทั้งหมดอยู่ เราไม่มีผู้ผลิตเองเลย มีข้อมูลให้เห็นบ้างก็แท่นเจียฯ อุตสาหกรรมที่ ม. จุฬาฯ ผลิตเท่านั้น แต่ยังไม่เป็นเชิงพานิชย์
ส่วนทางอินเดียนั้นนอกจากที่มีพลอยป้อนอุตสาหกรรมอัญมณีของตัวเองแล้วความก้าวหน้าในการนำเทคโนโลยีมาใช้ในการเจียรนัยก็ยังค่อนข้างล้ำหน้ากว่าไทย แม้ฝีมือการออกแบบยังเป็นรองแต่ถ้าหากเป็นเช่นนี้ต่อไปอีกไม่นานก็คงก้าวข้ามประเทศไทยไปได้ไม่ยาก
- มนุษย์สามารถสร้างอัญมณีจากห้องแล็ปได้เกือบทุกชนิดแล้ว บางอย่างเช่นทับทิมสามารถสร้างเป็นจำหน่ายระดับอุตสาหกรรมได้นานแล้ว สวิสเซอร์แลนด์เป็นผู้นำเข้ารายอัญมณีและเครื่องประดับใหญ่ที่สุดของไทย แต่ก็เป็นผู้ส่งออกทับทิมที่สร้างในโรงงานอันดับหนึ่งของโลกด้วย เพียงแต่ทับทิมสร้างนี้มุ่งเน้นไปที่การใช้งานในอุตสาหกรรมอย่างอื่นที่ไม่ใช่เครื่องประดับ ประกอบกับความนิยมในของแท้จากธรรมชาติยังเข้มข้นอยู่ ราคาของทับทิมจึงไม่ตกลงแต่นับวันจะเพิ่มสูงขึ้น
- ทับทิมแพงกว่าเพชรแต่ก็ยังเป็นรองเพชรสีที่หายากๆ ทับทิมพม่ามีฐานราคาสูงกว่าทับทิมสยาม เพียงแต่ทับทิมน้ำเอกจากเหมืองโมก็อกนั้นพอมีปรากฏให้เห็น แต่ทับทิมสยามน้ำหนึ่งหายไปนานแล้ว ผมจึงยังคงสงสัยอยู่ว่าเทียบฐานราคากันอย่างไร
- ราคาทับทิมแบ่งตามเกรด จึงจะต้องกำหนดเกรดก่อนโดยกำหนดจากความอิ่มของสี ตามมาด้วยความโปร่ง มลทิลในเม็ด (สิ่งปลอมปน) เมื่อจัดเกรดได้แล้วจึงคำนวนราคาตามขนาดน้ำหนักโดยคิดเป็นกะรัต โดย 1 กะรัตเท่ากับ 0.2 กรัม และ 1 ก.ก. จะหนัก 5,000 กะรัต เม็ดใหญ่ๆ เกรดสูงๆ จะหาได้ยาก เพราะของที่เกิดตามธรรมชาตินั้นอะไรที่ขนาดใหญ่ก็ยิ่งมีโอกาสถูกปลอมปนมาก และโดยการใช้งานก็จะใช้ในขนาดไม่ใหญ่นัก เช่น หัวแหวน จะใช้ 1-3 กะรัต ใหญ่หน่อยก็ขึ้นไป 5-7 กะรัต ส่วนสร้อยก็ใหญ่ขึ้นไปหน่อย ส่วนเม็ดขนาดที่ใหญ่มากๆ เช่น 100 กะรัต ก็น่าจะทำอย่างอื่นไม่ได้แล้วนอกจากประดับบนมงกุฎ (อันนี้พอเห็นได้เลาๆ แล้วว่าถ้าวาสนาไม่มีบารมีไม่ถึงแล้ว การจะครอบครองทับทิมเม็ดใหญ่ๆ นั้นอาจไม่เป็นคุณแก่ตัว)
- ราคาซื้อขายไม่เหมือนเพชร ราคากลางสำหรับซื้อขายทับทิมไม่มีข้อกำหนดแน่นอน ราคาอาจมีตังแต่ 10 USD จนไปถึง 150,000 USD ต่อกะรัต สาเหตุปัจจัยที่เกี่ยวข้องกับราคานั้นมีมากมายจนแทบจัดเป็นศาสตรชั้นสูงอีกสาขาได้เลยก็ว่าได้ ตอนนี้ราคาประเมิลพื้นฐานที่ "สถาบันวิจัยและพัฒนาอัญมณีและเครื่องประดับแห่งชาติ (องค์การมหาชน)" ลงประกาศไว้ที่นี่
http://www.git.or.th/thai/info_center/gems_price_list/colored_stone_prices/2012/09/2012_cstones_09.pdf ผมสรุปราคาทับทิมดิบขนาด 1 กะรัต ไว้คร่าวๆ ตรงนี้คือ
เกรด ราคา/กะรัต
(Fine)
6-7 1,300-2,200 USD/carat
7-8 2,200-2,600 USD/carat
(Extra Fine)
8-9 2,600-4,000 USD/carat
9-10 4,000-7,750 USD/carat
เม็ดขนาด 1 กะรัตที่สวยๆ เท่าที่ทราบนั้นพอหาได้ แต่ใหญ่กว่านั้นถึงสวยก็เป็นเกรดสูงยากเพราะมลทินมาก ราคานี้ดูเหมือนจะแพงนะครับ แต่ราคาจริงๆ ที่ซื้อขายสำหรับเกรดดีๆ นั้นสูงกว่านี้
*ที่สำคัญ ระดับราคาก็พุ่งสูงขึ้นตามขนาด ผมเรียกมันว่าสูตรระเบิดนิวเคีร์ยเพราะสูตรคำนวนของมันคือ
ราคา = ราคาต่อกะรัต x ขนาดยกกำลังสอง
ตัวอย่างเช่น
ผมมีทับทิมดิบเม็ดสวยเกรด 9 ขนาด 14 กะรัต หากผมจะขายผมก็จะตั้งราคาที่ 4,000 x (14x14) = 784,000 USD
หรือตกที่ราคา 56,000 USD ต่อกะรัต
และเมื่อเจียรนัยเสร็จน้ำหนักอาจหายไป 40% จะเหลือ 8.4 กะรัต จึงตกที่ราคาอย่างน้อยราว 93,333 USD ต่อกะรัต
ดังนั้เมื่อผมขายได้ ผมก็อาจได้เงินถึงประมาณ 23,520,000 บาทจากการขายทับทิม 1 เม็ด (โดยเฉพาะว่ากันว่าถ้าใครมีทับทิมสยามตอนนี้ราคานั้นอยู่ที่ปากกันเลยทีเดียวครับ)
น่าเสียดายที่ผมจะไม่ได้เงินก้อนนี้เพราะไม่รู้จะไปขายให้ใครและขายที่ใหน และที่สำคัญมันเป็นเรื่องที่ผมสมมุติเอาครับ