1 2 3 4 ของเอกชน และ 5 6 7 8 ของราชการ เป็นแบบนี้ค่ะ
1 ของเอกชน คือมีความกระตือรือร้นที่จะดำเนินการ มาตั้งแต่แรกเริ่ม นี่คือ 1 เช่นประสานงานกับฝ่ายพม่าไม่ว่าในระดับรัฐบาลหรือระดับท้องถิ่น เพื่อให้เกิดความคืบหน้า
ส่วนราชการ ไม่ได้บอกว่ากระตือรือร้นหรือไม่กระตือรือร้น แต่บอกว่า ไม่มีงบประมาณ อันเป็นคำตอบคลาสสิคของราชการ ในการปฏิเสธที่จะดำเนินการ จึงไม่ได้ตอบโจทย์ 1 โดยตรง
ฝ่ายหนึ่งชูป้าย 1 อีกฝ่ายยกป้ายตอบว่า 5 แบบนี้ละค่ะ
ในความคิดเห็นที่ 160 ผมได้แจกแจงไว้ชัดๆหลายข้อ แต่ไม่ได้ใส่หมายเลขกำกับไว้ ขอใส่ตรงนี้อีกทีก็แล้วกันนะครับ สั้นๆ
1-๒๔๓๗ มีนักประวัติศาสตร์พม่าเคยเขียนเรื่อง พบ “ภาพวาดกษัตริย์อยุธยา” ในสมุดข่อยที่พม่าเรียกว่า parabaik ซึ่งอยู่ในประเทศในอังกฤษ แต่เรื่องนี้ไม่ได้รับความสนใจสักเท่าใด
2- ๑ มีนาคม ๒๕๓๘ นายแพทย์ ทิน หม่อง จี ตามไปค้นหา parabaik ดังกล่าว เจอที่ British Commonwealth Library จึงขอถ่ายเอกสารมาเขียนเรื่องลงนิตยสารชื่อ Today กล่าวว่ากษัตริย์พระองค์นั้นทรงพระนามว่าพระเจ้าอุทุมพร และคาดว่าพระบรมอัฐิของพระองค์ จะอยู่ในพระสถูปทรงโกศ ในสุสานลินซินกอน (Linzingong ) ซึ่งอยู่ที่อมรปุระ
3- ๑๘ กรกฎาคม ๒๕๕๕ หนังสือพิมพ์ เดอะอิระวดี ( The Irrawaddy) ได้เสนอรายงานข่าวว่า Siamese King’s Tomb to be Destroyed สุสานพระบรมศพกษัตริย์สยามกำลังจะถูกทำลาย เพราะทางการรัฐมัณฑเลย์จะไถทิ้งสุสานลินซินกอง เพื่อพัฒนาเป็นศูนย์กลางการท่องเที่ยวของอมรปุระ โดยกำหนดให้ผู้ที่มีบรรพบุรุษหรือญาติฝังอยู่ที่นั่น ให้จัดการนำศพไปที่อื่นภายในสองเดือน หลังจากนั้นทางการจะเกรดออกเพื่อปรับปรุงพื้นที่ต่อไป
4- (ราชการ) สถานเอกอัครราชทูตไทยประจำกรุงย่างกุ้งได้รายงานข่าวดังกล่าวกลับมายังกรุงเทพ กระทรวงจึงได้สั่งการให้ท่านทูตขอร้องไปยังรัฐบาลพม่าให้ชะลอเรื่องนี้ไว้ก่อน ซึ่งพม่าก็ตอบว่ายินดีแต่ขอให้ทางราชการไทยรีบไปประสานงานโดยเร็ว
5- (เอกชน) ๕ สิงหาคม ๒๕๕๕ คณะคนไทยที่เชื่อว่า พระบรมอัฐิของพระเจ้าอุทุมพรอยู่ในพระสถูปทรงโกศ ที่สุสานลินซินกอน ได้รวมตัวกันไปขออนุญาตทางทางการรัฐมัณฑเลย์ เพื่อเข้าขุดค้นหาหลักฐานที่อาจจะยังอยู่ในพระสถูป หากเจอก็จะขอนำไปบรรจุในพระสถูปองค์ใหม่ในวัด ซึ่งเจ้าอาวาสวัดที่อยู่ใกล้ๆกันนั้น อนุญาตให้ใช้ที่ดินได้
เมื่อได้รับความเห็นชอบในหลักการจากฝ่ายพม่าแล้ว คณะคนไทยเหล่านั้นจึงได้กลับมาระดมทุน จะจัดหาจิตอาสาไปทำงานนี้ ภายใต้นามของสมาคมสถาปนิกสยามในพระบรมราชูปถัมภ์
6- (ราชการ) ๒๘ กันยายน ๒๕๕๕ คณะของรองอธิบดีกรมสารนิเทศ กระทรวงการต่างประเทศ นายดำรง ใคร่ครวญ ซึ่งได้เดินทางไปพบผู้ว่าการรัฐมัณฑเลย์ ทางโน้นจึงแจ้งให้ทราบว่าทางเอกชนไทย โดยนายวิจิตร ชินาลัยได้มาร้องขอไว้ก่อนแล้ว แต่หากรัฐบาลไทยสนใจในเรื่องนี้ รัฐบาลพม่าก็จะยินดีเป็นอย่างยิ่งที่จะร่วมกันทำโครงการนี้ในลักษณะทวิภาคี
เนื่องจากกระทรวงการต่างประเทศไม่ได้มีหน้าที่ในเรื่องการอนุรักษ์โบราณสถาน จึงรายงานเรื่องดังกล่าวไปยังกระทรวงวัฒนธรรม
7- (ราชการ) ๑๐ ตุลาคม ๒๕๕๕ นายสมชาย เสียงหลาย ปลัดกระทรวงวัฒนธรรม เปิดเผยกับสื่อมวลชนว่า นายดำรง ใคร่ครวญ พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่กรมศิลปากร นักวิชาการ ได้มาหารือกับตนแจ้งว่า หลังจากมีการนำเสนอข่าวสถูปสมเด็จพระเจ้าอุทุมพรไปแล้ว ได้ประสานไปยังเทศบาลเมืองมัณฑะเลย์ ซึ่งขณะนี้เทศบาลเมืองมัณฑะเลย์แจ้งกลับมาว่า ยินดีชะลอเรื่องไว้ก่อน
และนายสมชาย ยังกล่าวไปว่า กระทรวงการต่างประเทศจะได้นำนักวิชาการและเจ้าหน้าที่กรมศิลปากรลงไปตรวจสอบสถูป และเก็บข้อมูลจากการสอบถาม ตลอดจนหาเอกสารที่ปรากฏเรื่องดังกล่าวที่มหาวิทยาลัยต่างๆ ของพม่า เพราะปัจจุบันยังมีความเห็นที่แตกต่างและไม่ชัดเจน
8- (ราชการ) ๓๑ ตุลาคม ๒๕๕๕ นายสมชาย เสียงหลายปลัดกระทรวงเองได้นั่งเป็นประธานการประชุมร่วมระหว่างกระทรวงวัฒนธรรม กระทรวงต่างประเทศ และกรมศิลปากร โดยเชิญนายวิจิตร ชินาลัย ในฐานะตัวแทนของสมาคมสถาปนิกสยามเข้าร่วมด้วย เพื่อขอทราบรายละเอียดในงานที่ได้ทำไปแล้ว
แต่การที่ฝ่ายพม่าต้องการให้เข้าไปดำเนินการในเรื่องนี้โดยเร็วนั้น เป็นเรื่องที่รัฐบาลไทยทำไม่ได้ เพราะติดปัญหาเรื่องงบประมาณ ดังนั้น ในเมื่อสมาคมสถาปนิกสยามพร้อมอยู่ จึงขอร้องให้สมาคมกระทำภารกิจนี้ในนามของรัฐบาลไทยไปเลย
ที่ประชุมจึงเป็นพ้องว่าควรจะบูรณาการความร่วมมือระหว่างภาครัฐกับเอกชน โดยกำหนดบทบาทของกระทรวงการต่างประเทศที่จะเป็นผู้ประสานกับรัฐบาลพม่า ตลอดจนอำนวยความสะดวกแก่คณะผู้แทนฝ่ายไทย อันมีผู้เชี่ยวชาญทางด้านโบราณคดีจากกรมศิลปากรและผู้แทนของสมาคมสถาปนิกสยาม ในฐานะผู้ดำเนินการสำรวจและขุดค้น เพื่อหาหลักฐานอันจะเป็นประโยชน์ต่อไป
(แต่หลังจากประชุมเสร็จ กลับไม่มีการสนองต่อมติดังกล่าวจากหน่วยงานราชการใดทั้งสิ้น แต่พ.ศ. ๒๕๕๗ อธิบดีกรมศิลป์ได้ออกมาโจมตีว่าการขุดค้นไม่เป็นไปตามหลักวิชาการ เนื่องจากไม่มีนักโบราณคดีร่วมอยู่ด้วย)
ดังนั้น 1 2 3 4 ของเอกชน และ 5 6 7 8 ของราชการ จึงไม่ได้เป็นอย่างที่ท่านอาจารย์เทาชมพูว่า คือเป็นแบบ 1 ถึง 4 เอกชน มีความกระตือรือร้นที่จะดำเนินการมาตั้งแต่แรกเริ่ม เช่นประสานงานกับฝ่ายพม่าไม่ว่าในระดับรัฐบาลหรือระดับท้องถิ่น เพื่อให้เกิดความคืบหน้า ส่วนราชการโผล่มาเมื่อถึง 5 เพื่อบอกว่า ไม่มีงบประมาณ
ที่ถูกต้อง 1 ถึง 3 เป็นเรื่องเดิมของพม่า 4 ราชการไทยเข้าไปต่อ 5 เอกชนเข้าไปเริ่มต้นทำ 6 7 และ 8 ราชการไทยเป็นฝ่ายมีบทบาท โดยในข้อสุดท้าย ได้เชิญเอกชนไปร่วมประชุม เพื่อขอร้องให้เป็นตัวแทนของรัฐบาลไทย โดยทางฝ่ายราชการจะให้การสนับสนุนทางด้านการทูต และวิชาการ ด้านขุดค้นโบราณสถาน
นี่จึงไม่ใช่สิ่งที่เรียกว่าคำตอบคลาสสิคของราชการ ในการปฏิเสธที่จะดำเนินการที่อ้างการไม่มีซึ่งงบประมาณ ถ้าภาครัฐมีความสุจริตใจ หากไม่ประสงค์จะเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับเรื่องนี้ให้เปื้อนมือ(เพราะพวกกรมศิลป์เห็นว่าไม่ใช่มาตั้งแต่ต้น) ก็บอกฝ่ายเอกชนในที่ประชุมให้ทราบสิครับว่าเมื่อพวกคุณอยากทำ ก็เข้าไปทำเองก็แล้วกัน ทางราชการจะขอดูอยู่ห่างๆ นี่ไปตั้งเขาเป็นตัวแทนฝ่ายรัฐบาลไทยทำไม เขาไม่ได้เข้ามาร้องขอ จึงไม่ใช่เรื่องไม่ตอบโจทย์เขา แล้วที่แสบสุด ก็คือหักหลังเขาตั้งแต่ออกจากห้องประชุม ปล่อยให้เขาทำตามข้อตกลงในที่ประชุมไปฝ่ายเดียว โดยเสมือนใช้เป็นเบ๊ไปหลอกฝ่ายรัฐของพม่าด้วยว่าฝ่ายราชการไทยกำลังดำเนินความร่วมมือระดับทวิภาคีอยู่
คือหลอกทั้งคนไทยและคนพม่าว่างั้นเถอะ นอกจากไม่ช่วยแล้ว ยังตามไปเหยียบเขาเสียอีกด้วยถ้อยคำที่อธิบดีกรมศิลปากรและลูกน้องให้สัมภาษณ์สื่อ ภาษามาเฟียเค้าใช้คำว่าทรยศหักหลัง ต้นเหตุที่บุคคลระดับนั้นต้องฆ่าล้างแค้นกันนั่นแล