กระทู้: มาแล้วครับ จารึกลาว (พ.ศ.๑๗๑๓ ???) ที่ล่ำลือกันว่าเก่ากว่าจารึกสุโขทัยกว่าร้อยปี เริ่มกระทู้โดย: Hotacunus ที่ 10 ธ.ค. 05, 02:36
กระทู้: มาแล้วครับ จารึกลาว (พ.ศ.๑๗๑๓ ???) ที่ล่ำลือกันว่าเก่ากว่าจารึกสุโขทัยกว่าร้อยปี เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 10 ธ.ค. 05, 05:14 เห็นด้วยค่ะ
ลองเทียบจากที่คุณ Hotacunus ถอดไว้ กับตัวจารึก รู้สึกว่าแกะตามได้ไม่ยาก มองในแง่ภาษา ถ้าอายุเก่ากว่าแปดร้อยปี ดูสำนวนภาษาใกล้เคียงกับปัจจุบันมาก อย่างเช่น ๔ พี่น้องหนีเข้าป่า เป็นคนร้าย ยังกะพาดหัวข่าวน.ส.พ. แน่ะ น่าจะเป็นส่วนหนึ่งของจารึกแผ่นใหญ่ สงสัยต่อไปว่าเนื้อความในจารึกมันเป็นเรื่องอะไรสลักสำคัญถึงต้องจารึกเอาไว้ กระทู้: มาแล้วครับ จารึกลาว (พ.ศ.๑๗๑๓ ???) ที่ล่ำลือกันว่าเก่ากว่าจารึกสุโขทัยกว่าร้อยปี เริ่มกระทู้โดย: Dominio ที่ 11 ธ.ค. 05, 01:00 อยากทราบว่า ประเทศไทยได้รับอิทธิพลของ "จุลศักราช" มาจากด้านใดค่ะ (เช่น ศาสนา, ภาษา?)
บางทีก็เห็นใช้ ร.ศ. คู่กับ จ.ศ. กระทู้: มาแล้วครับ จารึกลาว (พ.ศ.๑๗๑๓ ???) ที่ล่ำลือกันว่าเก่ากว่าจารึกสุโขทัยกว่าร้อยปี เริ่มกระทู้โดย: เนยสด ที่ 11 ธ.ค. 05, 01:07 ??? แปลแล้วแปลกดีนะครับ
ผมอ่านไม่ค่อยรู้เรื่องเลยครับ กระทู้: มาแล้วครับ จารึกลาว (พ.ศ.๑๗๑๓ ???) ที่ล่ำลือกันว่าเก่ากว่าจารึกสุโขทัยกว่าร้อยปี เริ่มกระทู้โดย: Hotacunus ที่ 11 ธ.ค. 05, 02:29 ผมเองก็ยังไม่เคยค้นเกี่ยวกับ "จุลศักราช" เลยครับ แต่ทราบว่าเป็นศักราชที่นิยมแพร่หลายต่อมาจากการใช้มหาศักราช ซึ่งนิยมใช้ในสมัยที่สุโขทัยยังรุ่งเรือง
ในกฏหมายตราสามดวง ก็มีการใช้จุลศักราชเหมือนกันครับ ซึ่งแสดงว่าอย่างน้อย ความนิยมการใช้เลขจุลศักราชก็มีมาตั้งแต่สมัยอยุธยา สืบต่อมาถึงสมัยรัตนโกสินทร์ มีคำอธิบายเกี่ยวกับ "จุลศักราช" จากเว๊บไซต์ "รอยใบลาน" ดังนี้ครับ “จุลศักราช” ตามพจนานุกรม ฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. ๒๕๔๒ ให้นิยามไว้ว่า “ศักราชน้อย ตั้งขึ้นหลังมหาศักราช เป็นศักราชที่เราใช้กันก่อนใช้ศักราชรัตนโกสินทร์ เริ่มภายหลังพุทธศักราช ๑๑๘๑ ปี” จุลศักราชนี้เริ่มนับตั้งแต่พระเถระรูปหนึ่งนามว่า “บุพโสระหัน” สึกออกจากการเป็นพระเพื่อมาชิงราชบัลลังก์ เป็นการนับเดือนปีแบบจันทรคติ โดยถือเอาวันขึ้น ๑ ค่ำ เดือน ๔ เป็นวันขึ้นปีใหม่ ไทยได้รับมาใช้ตั้งแต่สมัยโบราณก่อนการเปลี่ยนมาใช้รัตนโกสินทร์ศักราชในสมัยรัชกาลที่ 5 จุลศักราชนี้มีชื่อย่อ ร.ศ. ------------------------------------------------------------- พระเถระรูปนั้น เป็นภิกษุพม่าครับ ท้องเรื่องนี้ เกิดขึ้นที่พม่า ส่วนที่มาของการใช้นั้น อันนี้ไม่มีความเห็นครับ เพราะผมยังไม่ได้ศึกษาเรื่องนี้ แต่คุ้นๆ ว่า สมเด็จฯ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ เคยเขียนอธิบายเกี่ยวกับการใช้ "ศักราช" ต่างๆ ไว้นะครับ หนังสือเล่มดังกล่าวชื่อว่า "สำหรับสอบศักราช ซึ่งมักพบในศิลาจารึกและหนังสือเก่า ๆ ในเมืองไทย" ผมเคยสำเนาไว้ แต่ยังไม่มีเวลาอ่านครับ อิอิ แต่ถ้าตอบตามเนื้อผ้าแล้วนะครับ จุลศักราช ก็น่าจะแทรกเข้ามากับศาสนาครับ แต่จะเกี่ยวข้องอย่างไรก็พุทธ ก็ต้องค้นต่อกันครับ แต่ก็น่าสนใจว่า จะเข้ามาพร้อมกับพระภิกษุจากมอญได้หรือไม่ เพราะดูเหมือนว่า ภาคกลางและภาคเหนือสมัยต้นสุโขทัย-อยุธยา-ล้านนา นั้น นิยมนิมนต์พระภิกษุจากลังกา นครศรีธรรมราช และ เมืองพัน (มอญ) มาเทศนาธรรม ส่วน ร.ศ. (รัตนโกสินทร์ศก) เริ่มใช้กันเมื่อไม่นานมานี้ คือ สมัย ร.๕ ครับ ต่อมาก็เลิกใช้ เปลี่ยนมาใช้ พ.ศ. (พุทธศักราช) ส่วนเราใช้พุทธศักราช เมื่อใดนั้น ขอถามผู้รู้ท่านอื่นๆ ด้วยครับ กระทู้: มาแล้วครับ จารึกลาว (พ.ศ.๑๗๑๓ ???) ที่ล่ำลือกันว่าเก่ากว่าจารึกสุโขทัยกว่าร้อยปี เริ่มกระทู้โดย: Hotacunus ที่ 11 ธ.ค. 05, 02:40 เหมือนกันเลยครับ คุณ เนยสด อิอิ
เขียนอ่านออก แต่อ่านแล้วไม่รู้เรื่อง ประการหนึ่งคงเป็นสำนวนโบราณ อีกประการหนึ่ง เราไม่รู้เรื่องราวทั้งหมด ที่เห็นนี้อาจเป็นเพียงแค่ ๕ เปอร์เซ็นต์ ของข้อความทั้งหมด ก็คงเป็นไปตามความเห็นของคุณเทาชมพูครับ ที่ว่า จารึกนี้น่าจะเป็นส่วนเล็กๆ ที่หลุดออกมาจากจารึกใหญ่ ดังนั้น ถ้าจะให้ดีก็ต้องลุ้นให้ทางลาวพบส่วนอื่นๆ ด้วย (ได้ข่าวว่า สำนักฝรั่งเศสปลายบุรพทิศ (EFEO) ประจำประเทศลาว กำลังจัดทำหนังสือ "จารึกประเทศลาว" อยู่ครับ ถ้าเสร็จแล้ว เราก็คงจะได้องค์ความรู้เกี่ยวกับจารึกวิทยาของลาวเพิ่มขึ้นมาอีก) ถ้าอ่านข้อมูลเพียงเท่านี้ ก็งงเหมือนกันครับว่า จารึกต้องการบอกอะไร ??? กระทู้: มาแล้วครับ จารึกลาว (พ.ศ.๑๗๑๓ ???) ที่ล่ำลือกันว่าเก่ากว่าจารึกสุโขทัยกว่าร้อยปี เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 11 ธ.ค. 05, 11:32
กระทู้: มาแล้วครับ จารึกลาว (พ.ศ.๑๗๑๓ ???) ที่ล่ำลือกันว่าเก่ากว่าจารึกสุโขทัยกว่าร้อยปี เริ่มกระทู้โดย: เนยสด ที่ 11 ธ.ค. 05, 23:37 โอ้ย เจ็บใจตัวเองจริงๆ ครับ เป็นคนเชียงใหม่ แต่กลับตอบไม่ได้
คุณศศิศอยู่หนาย... มาช่วยหน่อยเร้ว! กระทู้: มาแล้วครับ จารึกลาว (พ.ศ.๑๗๑๓ ???) ที่ล่ำลือกันว่าเก่ากว่าจารึกสุโขทัยกว่าร้อยปี เริ่มกระทู้โดย: ศรีปิงเวียง ที่ 13 ธ.ค. 05, 17:26 ขออนุญาตแสดงความเห็นอย่างมั่วๆ ครับ
ในปัจจุบันเขามักจะใช้ อ้าย กับพี่ชาย และพี่ กับพี่สาว (ในคำเมืองเน่อหมู่พี่หมู่เสี่ยว และสะป๊ะหมู่ทั้งหลาย) ครับ ต่อมามักจะใช่คำว่า พี่ โดยไม่เลือกว่าจะเป็นชายหรือหญิง โดยข้อสันนิษฐานผมแยกประด็นว่า 1. คำว่าอ้ายคงจะใช้ใกล้เคียงกับพี่ครับ 2. คำว่าอ้าย(ที่เป็นสรรพนามบุรุษที่ 2 )อาจจะแก่กว่าคำว่าพี่ เพราะมีการใช้แพร่หลายกว่าคำว่าพี่ในสมัยก่อน ป.ล. คงต้องท่าคุณศศิศเช่นเดียวกันครับ กระทู้: มาแล้วครับ จารึกลาว (พ.ศ.๑๗๑๓ ???) ที่ล่ำลือกันว่าเก่ากว่าจารึกสุโขทัยกว่าร้อยปี เริ่มกระทู้โดย: Hotacunus ที่ 14 ธ.ค. 05, 00:32 ความเห็นทั้งของคุณเทาชมพู และคุณศรีปิงเวียง น่าสนใจทั้งคู่เลยครับ ที่เกี่ยวกับ พี่-อ้าย
เท่าที่ผมสังเกตนะครับ คำว่า "อ้าย" จะหมายถึงเฉพาะแต่พี่คนโต หรือเปล่าครับ ??? ตามความเข้าใจของผม ผมคิดว่า ทั้งคำว่า อ้าย และ พี่ น่าจะเก่าพอๆ กันครับ และน่าจะเป็นคำในภาษาตระกูลไท-กะได เช่น จารึกหลักที่ ๑ : พี่เผือผู้อ้าย ตายจากเผือเตียมแต่ยังเล็ก" (เผือ = พวกเรา) หมายความว่า พี่ชายคนโต ได้เสียชีวิตไป ตั้งแต่พ่อขุนบานเมือง และพ่อขุนรามยังเป็นเด็กอยู่ (สังเกตได้ว่ามีทั้งคำว่า พี่ และ อ้าย แต่ใช้ในความหมายที่ต่างกันนิดหน่อย คือ อ้ายจะมุ่งเน้นหมายถึง พี่ชายคนโต) พงศาวดารกรุงเก่า : กล่าวถึง ราชโอรส ๓ พระองค์ คือ เจ้าอ้ายพระยา เจ้ายี่พระยา เจ้าสามพระยา คำว่าอ้ายจึงหมายความว่า ๑ ก็คือ ลูกคนหัวปี เดือนอ้าย หมายถึง เดือน ๑ อันนี้เท่าที่ผมรู้นะครับ ------------------------------ เพิ่งนึกได้ อิอิ ลองมาดูพจนานุกรมให้ความหมายกันดีกว่าครับ คำ : อ้าย ๑ เสียง : อ้าย ชนิด : น. ที่ใช้ : โบ นิยาม ๑ : เรียกลูกชายคนที่ ๑ ว่า ลูกอ้าย. (สามดวง พระไอยการลักษณะมรดก และ พระไอยการบานแผนก). นิยาม ๒ : โดยปริยายอนุโลมเรียกพี่ชายคนโตว่า พี่อ้าย. นิยาม ๓ : คำประกอบคำอื่นบอกให้รู้ว่าเป็นเพศชายหรือสัตว์ตัวผู้ เช่น อ้ายหนุ่ม อ้ายด่าง, คำประกอบหน้าชื่อผู้ชายที่มีฐานะต่ำกว่า อย่างนายเรียกคนใช้, คำประกอบหน้าชื่อเพื่อนฝูงแสดงว่ามีความสนิทสนมมาก มักใช้กันในหมู่เด็กผู้ชาย, คำใช้ประกอบหน้าชื่อผู้ชายแสดงความดูหมิ่นเหยียดหยาม, คำประกอบคำบางคำที่ผู้ใหญ่ใช้เรียกเด็กผู้ชายหรือผู้ชายที่อายุน้อยกว่ามากด้วยความเอ็นดูหรือสนิทสนมเป็นกันเอง เช่น อ้ายหนู อ้ายน้องชาย, คำประกอบหน้าคำบางคำเพื่อเน้น เช่น อ้ายเราก็ไม่ดี อ้ายจะไปก็ไม่มีที่ไป อ้ายจะอยู่หรือก็คับใจ, คำประกอบหน้าคำบางคำเพื่อเน้นในเชิงบริภาษ เช่น อ้ายทึ่ม อ้ายโง่ อ้ายควาย, คำที่ใช้แทนสิ่งที่กล่าวถึงและเป็นที่เข้าใจกัน เช่น อ้ายนั่น อ้ายนี่, เขียนเป็น ไอ้ ก็มี, (โบ) คำนำหน้าชื่อผู้ชาย มักใช้ในทางไม่ดี เช่น อ้ายดีผู้ร้ายรับเปนสัจให้การซัดพวกเพื่อนถึงอ้ายเชด อ้ายเสน อ้ายคง อ้ายมั้น. (สามดวง). ---------------------------------------------- นั่นก็มาจากพจนานุกรมครับ แต่การใช้จริงๆ ในภาษาเหนือ กับ อีสาน ก็คงต้องให้เจ้าของภาษามาช่วยแนะนำอีกแรงครับ กระทู้: มาแล้วครับ จารึกลาว (พ.ศ.๑๗๑๓ ???) ที่ล่ำลือกันว่าเก่ากว่าจารึกสุโขทัยกว่าร้อยปี เริ่มกระทู้โดย: Hotacunus ที่ 14 ธ.ค. 05, 00:48 อีกนิดครับ เพิ่งนึกได้อีกว่า เคยค้นคำเกี่ยวกับวงศาคนาญาติของภาษาจ้วงใต้ (เผ่าจ้วงอยู่ในมณฑลกวางสี จีนตอนใต้) ก็จะนำมาเทียบกันดูครับกับคำไทย
(อักษรจ้วงเดิมนำอักษรจีนมาดัดแปลงครับ ปัจจุบันยืมเอาอักษรโรมันมาใช้ เพราะสะดวกกว่า ทั้งนี้ เนื่องจากเป็นภาษาตระกูลไท-กะได จึงมีเสียงวรรณยุกต์เช่นกัน ภาษาไทยเราใช้ ไม้เอก ไม้โท ไม้ตรี ไม้จัตวา แต่ของอักษรจ้วงจะใช้ตัวอักษร z, h, j, q, x เป็นวรรณยุกต์ครับ โดยใส่ไว้ท้ายคำ) อาผู้หญิง az พี่สาว az อาผู้ชาย (อาว์) auh ป้า baj สะใภ้ bajluz พ่อ baq พ่อเลี้ยง, พ่อบุญธรรม baqtswengx พ่อผัว bouq ลูกสะใภ้ bawx พี่ beih พี่เขย beikuiz พี่ชาย beihmbauh (พี่บ่าว?) พี่สะใภ้ beihnangz พี่สาว beihsau พ่อลูก bohlug พ่อเลี้ยง bohlaeng พ่อหม้าย bohmaij พ่อแม่, ผัวเมีย bohmeh จะเห็นว่า ภาษาจ้วงก็ใช้ "พี่ (beih)" ด้วยเหมือนกันครับ จริง ๆ นักวิชาการบ้านเราที่ไปศึกษาเกี่ยวกับภาษาจ้วงน่าจะพิมพ์หนังสือเกี่ยวกับ "รากคำภาษาไทย" ออกมาเผยแพร่กันบ้างนะครับ เพราะน่าสนใจมากทีเดียว ปัจจุบันในพจนานุกรมก็มักแต่จะบอกที่มากันแต่คำที่มาจากบาลี-สันกฤต หรือเขมร แต่คำที่มาจาก มอญ จีน อาหรับ ไม่ค่อยบอกกันเท่าที่ควร ยิ่งสืบกลับไปถึงภาษาตระกูลไท-กะได อื่นๆ ยิ่งไม่มีใหญ่ จริงๆ เรื่องนี้สำคัญมากครับ แต่ยังไม่มีใครศึกษา ??? กระทู้: มาแล้วครับ จารึกลาว (พ.ศ.๑๗๑๓ ???) ที่ล่ำลือกันว่าเก่ากว่าจารึกสุโขทัยกว่าร้อยปี เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 14 ธ.ค. 05, 14:27
กระทู้: มาแล้วครับ จารึกลาว (พ.ศ.๑๗๑๓ ???) ที่ล่ำลือกันว่าเก่ากว่าจารึกสุโขทัยกว่าร้อยปี เริ่มกระทู้โดย: ศศิศ ที่ 14 ธ.ค. 05, 21:44 เอาตามความเข้าใจของผมนะครับ
คำว่า "พี่" กับคำว่า "อ้าย" จะใกล้กัน แต่ผมว่าใช้ในคนละหน้าที่ คำว่าพี่ น่าจะเป็นคำกลาง ๆ ไม่ระบุเพศ เหมือนกับคำว่า น้อง ซึ่งถ้าจะให้ระบุไปว่า ชายหรือหญิง ก็จะเรียกว่า น้องบ่าว หรือว่า น้องสาวไป ไม่เหมือนคำว่า "อ้าย" และ "เอื้อย" (คนเหนืออ่านออกเสียงเป็น เอ้ย) ซึ่งทั้งคู่ แปลได้ว่าพี่ เหมือนกัน แต่ต่างเพศกันเท่านั้น หากเป็นคำเรียก หรือสรรพนามเฉย ๆ นั้น ก็จะหมายถึง คนที่อายุแก่กว่า แต่ถ้าเป็นชื่อ แล้ว จะหมายถึง ลูกชายคนโต หรือ ลูกสาวคนโต อ้าย ยี่ สาม สี่ งั่ว ลก เอื่อย อี่ อาม ... กระทู้: มาแล้วครับ จารึกลาว (พ.ศ.๑๗๑๓ ???) ที่ล่ำลือกันว่าเก่ากว่าจารึกสุโขทัยกว่าร้อยปี เริ่มกระทู้โดย: Hotacunus ที่ 14 ธ.ค. 05, 23:45 ขอบคุณ คุณเทาชมพูมากครับที่แนะนำ ถ้ามีโอกาสผมจะลองไปค้นดูครับ
ก็เคยได้ยินอยู่เหมือนกันครับ ที่มีอาจารย์หลายท่านไ้ด้ทุนวิจัย ซึ่งทางมหาวิทยาลัยศิลปากรน่าจะพิมพ์เผยแพร่ให้มากกว่านี้ครับ เรื่องดีๆ มักถูกเก็บ (ซ่อน) ไว้ตามตู้หนังสือจริงๆ อิอิ ผมเคยเห็นผลงานของทางจุฬาฯ คือ พจนานุกรม จ้วงใต้-ไทย / ปราณี กุลละวณิชย์.กรุงเทพฯ : คณะอักษรศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย, 2535 แต่เสียอย่างเดียวที่ไม่มีการถอดคำอ่านด้วยอักษรไทยครับ ก็เลยไม่รู้ว่าจ้วงออกเสียงใกล้เคียงกับเรามากน้อยแค่ไหน ไปๆ มาๆ คือ "ไทใหญ่" ก็อีกภาษาหนึ่งด้วยครับที่น่าสนใจ ผมมองว่าบางที่ถ้าจะศึกษาถึง "รากศัพท์" จริงๆ แล้วอย่างน้อยต้องมีการเปรียบคำกันหลายภาษาเลยครับ ไทใหญ่ - สิบสองพันนา - ล้านนา - อีสาน - กลาง - ใต้ - จ้วง - ไทดำ (เวียดนามเหนือ)งานช้างๆ แบบนี้ ราชบัณฑิตยสถานสมควรทำอย่างยิ่งครับ (เสร็จเมื่อไหร่อีกเรื่องครับ อิอิ) ปล. ทราบมาว่า "สารานุกรมไทย ฉบับราชบัณฑิตยสถาน" (เริ่มพิมพ์ตั้งแต่ พ.ศ.๒๔๙๙) ปัจจุบันพิมพ์ถึงอักษร "ล" เองครับ ... ๔๙ ปีผ่านไป ??? หวังว่า ชีวิตนี้คงได้เห็นเล่ม "ฮ" นะครับ อิอิ เห็นใจครับที่บุคลากรน้อย "แต่" มันก็เป็นการสะท้อนให้เห็นถึง ความเอาใจในของรัฐบาลครับ โดยเฉพาะอย่างยิ่งรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องว่า "ไม่เคยจริงจังกับพื้นฐานการศึกษาไทยเลย" ทำโครงการอะไรก็ฉาบฉวยลืมพื้นฐานกันทั้งนั้น สารานุกรมไทย นี้จัดได้ว่าเป็นแหล่งความรู้แรกๆ ที่ควรไปเปิดดูเลยครับ (เหมือนการใช้ google หาเว็บใน internet)(อืม น่าคิดว่า เด็กรุ่นใหม่จะรู้หรือเปล่าว่ามี "สารานุกรมไทย ฉบับราชบัณฑิตยสถาน" อยู่ด้วย) แต่ไม่เคยมีใครสนใจที่จะทำให้เสร็จ ที่สำคัญคือ "สารานุกรมไม่ใช่ของตาย" ครับ เพราะว่า มีความรู้ใหม่ๆ เกิดขึ้นตลอดเวลา ก็ไม่รู้ว่า หมวด "ก" ที่พิมพ์ไปเมื่อเกือบๆ ๕๐ ปี ที่แล้ว ปัจจุบันจะมีคำใหม่เกิดขึ้นมาอีกไม่่รู้กี่ร้อยคำ เดี๋ยวนี้มันเลยดูเหมือนว่า ความรู้ของอเมริกา อังกฤษ หรือ ฝรั่งเศส จะหาง่ายกว่า ความรู้ของไทยเสียอีก (จากบรรดา Encyclopedia ที่แข่งกันทำอย่างมากมาย ทั้งที่เป็นในรูปหนังสือ และ DVD) กลุ้มครับ กับการทำงานของรัฐบาลที่ไม่เคยสนใจเรื่ององค์ความรู้ แต่ยังไงก็เป็นกำลังใจให้ "ราชบัณฑิตยสถาน" ทำงานกันต่อไปครับ กระทู้: มาแล้วครับ จารึกลาว (พ.ศ.๑๗๑๓ ???) ที่ล่ำลือกันว่าเก่ากว่าจารึกสุโขทัยกว่าร้อยปี เริ่มกระทู้โดย: pharmaceutical scientist ที่ 14 ธ.ค. 05, 23:53 ทางอีสานก็ใช้ในลักษณะเดียวกันกับทางเหนืออย่างที่คุณศศิศบอกไ้ว้ครับ (อ้างอิงจากที่ตัวเองใช้อยู่ประจำ)
แต่คำว่า พี่ ทางอีสานมักจะไม่เรียกเดี่ยวๆ ไม่ใช้เรียกสรรพนามแทนตัวเอง เช่น พี่ฮักเจ้า แต่จะเป็น อ้ายฮักเจ้า ไม่ใช้เรียกสรรพนามบุคคลที่ 2 เช่น พี่คำแพง แต่จะเป็น เอื้อยคำแพง แต่คำว่า พี่ จะรวมในคำว่า "พี่น้อง" ซึ่งจะหมายความถึง เป็นญาิติพี่น้องกัน ถ้าจะเรียกแทนตัวเองหรือบุคคลที่ 2 จะใช้คำว่า อ้าย และ เอื้อย แทน เคยได้ยินมีผู้เฒ่าผู้แก่ใช้คำว่า พี่อ้าย บ้าง แต่ไม่เคยได้ยินคำว่า พี่เอื้อย ซึ่งมักใช้พูดถึงบุคคลที่สามในการไล่ลำดับญาติพี่น้องกัน สำหรับการนำไปใช้เป็นชื่อนี้ไม่ทราบเหมือนกันว่าจะหมายถึง ลูกชายและลูกสาวคนโตหรือไม่ กระทู้: มาแล้วครับ จารึกลาว (พ.ศ.๑๗๑๓ ???) ที่ล่ำลือกันว่าเก่ากว่าจารึกสุโขทัยกว่าร้อยปี เริ่มกระทู้โดย: sound engineer ที่ 22 ธ.ค. 05, 12:15 ผมใช้ พี่อ้าย เรียกพี่เขย ครับ และใช้เอื้อย เรียกพี่สาว ใช้อาว เรียก น้องพ่อที่เป็นผู้ชาย
กระทู้: มาแล้วครับ จารึกลาว (พ.ศ.๑๗๑๓ ???) ที่ล่ำลือกันว่าเก่ากว่าจารึกสุโขทัยกว่าร้อยปี เริ่มกระทู้โดย: หยดน้ำ ที่ 23 ธ.ค. 05, 17:25 ผมขออนุญาตย้อนไปเรื่อง "จุลศักราช" นะครับ
ไทยเริ่มใช้ "จุลศักราช" ในสมัยอยุธยา แต่เดิมในยุคต้นๆ ของสมัยนั้นก็ใช้ "มหาศักราช" แต่ภายหลังจากเสียกรุงศรีอยุธยาครั้งที่ 1 ในปีพ.ศ. 2112 เอกสารส่วนใหญ่ในสมัยนั้นและสมัยต่อมาต่างก็ใช้ "จุลศักราช" เป็นส่วนใหญ่ครับ โดยส่วนตัวผมเห็นว่าการที่เราเปลี่ยนมาใช้ "จุลศักราช" แทนมหาศักราช" นั้น ก็เพราะว่า "จุลศักราช" เป็นศักราชประจำชาติของพม่า ดังนั้นเมื่อเราตกเป็นเมืองขึ้น เราจึงต้องเปลี่ยนมาใช้ศักราชนี้ตามพม่าครับ แต่อย่างไรก็ตามมี "จุลศักราช" เป็นที่รู้จักดีที่สุดสำหรับคนไทยในสมัยโบราณ เพราะถือว่าเป็นศักราชที่แพร่หลายในทางล้านนา สุโขทัย และอยุธยา โดยเฉพาะการใช้จุลศักราชในล้านนาและสุโขทัยนั้น มีผู้สันนิษฐานว่าเป็นการถ่ายทอดทางวัฒนธรรม เพราะพุกามเป็นเมืองหลวงและเป็นศูนย์กลางทางวัฒนธรรม และพุทธศาสนานิกายเถรวาท ก่อนที่รัฐไทยทั้ง 2 แห่งนี้จะมีบทบาทเข้ามาแทนที่ สำหรับมหาศักราชนั้น ถือกันว่าเป็นศักราชศักดิ์สิทธิ์ ดังนั้นจารึกรุ่นแรกๆ ของไทยและในดินแดนแถบนี้จึงพบศักราชนี้เป็นส่วนมาก และพม่าเองแต่เดิมก็ใช้ศักราชนี้เช่นกัน "...อย่างไรก็ตามในสมัยโบราณ ไทยใช้ศักราชสำคัญๆ หลายศักราช โดยมิได้ระบุนามศักราชอย่างชัดเจน แต่ผู้อ่านสามารถทราบได้เองจากบริบทของข้อความที่อยู่ในหลักฐานเอกสารนั้น ในเอกสารบางชิ้น มหาศักราชอาจหมายถึง พุทธศักราช ก็ได้..." (วันวาร กาลเวลาฯ : กรมวิชาการ) สำหรับพุทธศักราชนั้นไทยประกาศใช้เป็นศักราชอย่างเป็นทางการในสมัยรัชกาลที่ 6 ตามประกาศพระบรมราชโองการลงวันที่ 21 กุมภาพันธ์ รัตนโกสินทร์ศก 131 ตรงกับพ.ศ. 2455 ครับ กระทู้: มาแล้วครับ จารึกลาว (พ.ศ.๑๗๑๓ ???) ที่ล่ำลือกันว่าเก่ากว่าจารึกสุโขทัยกว่าร้อยปี เริ่มกระทู้โดย: จิตแผ้ว ที่ 21 ก.ค. 06, 11:28 ในเมืองอีสานที่จริงคือลาวพุงขาวไม่นิยมการสกัหมึก ส่วนลาวทางเหนือเรียกว่าลาวพุงดำเพราะนิยมการสักหมึก คำ พี่อ้ายใช้เรียกแทนพี่เขยเชียงใหม่เรียก จาย ส่วนพี่เอื้อย ใช้เรียก พี่สะใภ้ แถวเมื่องแพร่เมืองน่านเรียยกสะใภ้ว่า ไป้ เรียกลูกเขย ว่าเขย เรื่อง ลาวนั้นให้อ่านเพิ่มเติมจากหนังสือ ลาวในรุงรัตนโกสินทร์ รู้สึกว่า สำนักพิมพ์มติชน
จะเป็นผู้พิมพ์ถ้าจำไม่ผิด ทั้งหมดที่แสดงทัศนมาหากผิดพลาดขอกราบอภัย ผิดเป็นครูครับ ถ้าถูกต้องแล้วครับต้อง ลุงปังยากะน้องเดียว สองคงเลย กระทู้: มาแล้วครับ จารึกลาว (พ.ศ.๑๗๑๓ ???) ที่ล่ำลือกันว่าเก่ากว่าจารึกสุโขทัยกว่าร้อยปี เริ่มกระทู้โดย: วรรณวรรธน์ ที่ 21 ก.ค. 06, 20:34 ขอบคุณที่พิจารณาหลักเกณฑ์ความเก่าแก่ของจารึกหลักนี้ค่ะ
ค่อนข้างเห็นด้วยกับการพิจารณาอายุความเก่าดังกล่าว ว่าไม่น่าจะถึงสมัยตามจุลศักราชที่อ้างในจารึก แล้วขอมากราบรายงานตัว อ.เทาชมพู ว่ายังอยู่ตามสุมทุมพุ่มไม้ของเรือนนี้ไม่ได้ไปไหนห่างไกลเลยค่ะ |