เด็กนักเรียนที่เบื่อวรรณคดีมีจุดเริ่มต้นมาจากไม่รู้เรื่อง ไม่เข้าใจ พอไม่รู้เรื่องก็เบื่อ พอเบื่อแล้วก็หลับ พวกเราเองก็เหมือนกัน ถ้าถูกบังคับให้ไปดูหนังอะไรที่มืดๆทึมๆ พูดภาษาประหลาดๆแล้วไม่มีบทบรรยาย ไม่ถึงสิบนาทีก็คงหลับในโรงหนัง
นักเรียนคนที่โพสเข้ามาอาละวาดในกระทู้เก่านั้น กำลังเบื่อสุดขีดกับวรรณคดีไทยที่เธอไม่รู้เรื่อง แต่หลับไม่ได้ เพราะถูกกำหนดให้ทำรายงานเอาคะแนน เพื่อนๆก็ไม่ช่วย(เพราะคงไม่รู้เรื่องพอกัน) เธอก็เลยมาขอให้ชาวเว็บนี้ทำการบ้านให้พอเอาตัวรอดไปได้ เมื่อไม่ได้ แล้วเจอคนตอบคนหนึ่งที่ตอบแบบไม่มีจิตวิทยา ยั่วโทสะเข้าอีก เธอก็เลยระเบิด
ดังนั้น เมื่อสอนวรรณคดีไทย ก็ต้องเริ่มจากทำให้เด็กเข้าใจเนื้อหาที่สอนให้กระจ่างที่สุดเท่าที่จะทำได้ ถ้าสอนว่าวรรณคดีไทยเป็นคำประพันธ์ที่ไพเราะ ก็ต้องทำให้เด็กเข้าใจให้่ได้ ว่าภาษาอะไรที่เรียกว่าไพเราะ อะไรที่เรียกว่าไม่ไพเราะ
ภาษาไม่ใช่สักว่าเป็นแค่ภาษาแล้วก็จบกัน ภาษามีระดับของมัน หลายชั้นและหลายเชิง อย่างตอนขุนแผนเข้าห้องนางแก้วกิริยา ฝ่ายชายเกี้ยวพาราศี แต่ฝ่ายหญิงปฏิเสธ เมื่อได้ยินคำปฏิเสธ แทนที่จะมีปฏิกิริยาโกรธ ลุกขึ้นด่าสวนกลับไปว่าไม่ง้อ ผู้ชายก็ตอบอย่างไพเราะอ่อนหวานว่า
น้อยหรือวาจาช่างน่ารัก เสนาะนักน้ำคำร่ำเสียดสี
ปิ้มจะกลืนชื่นใจในวาที เสียดายแต่ยังไม่มีคู่ภิรมย์
แม้นชายใดได้อยู่เป็นคู่ครอง จะแนบน้องเชยชิดสนิทสนม
พี่จะอยู่สู้รักไม่แรมชม มิใช่ลมลวงน้องอย่างหมองใจ
ส่วนข้างล่างนี้เป็นปฏิกิริยาจากคำปฏิเสธเหมือนกัน แต่เป็นภาษาที่หาความไพเราะไม่ได้เอาเลยทีเดียว
ความคิดเห็นที่ 5 เมื่อ 31 พ.ค. 07, 19:15
ภาษามันก็ใช้เซ็นส์น่ะค่ะ บทกลอนก็เหมือนๆกันในนิราศ เห็นสถานที่ เห็นปลา เห็นขนมเครื่องคาวหวาน ก็เตือนใจให้คิดไปถึงคนรัก
สังเกตดูสิคะ ว่าเป็นแบบนั้นหรือเปล่า เห็นปลาแล้วนึกถึงอะไร -
แหวะ รู้ตั้งนานแล้ว ไม่อยากจะsaid ช่างมันเถอะ เรามันโชคร้ายเองที่โดนให้อยู่กับบุคคลต่างๆ ที่ไม่เอาการเอางาน เราก็ต้องทำคนเดียว ครูว่าก็คงต้องว่าเราคนเดียวเพราะเราเป็นหัวหน้า ขอบคุณสำหรับคำแช่งคำด่า ถ้าเป็นชมไม้ เราก็จะไม่ถามเรย นี่เราไม่ได้เราเรยถาม มาว่ากันอย่างนี้ ทำให้ยิ่งเกลียด ภาษาไทย ขอบคุณที่ทำให้เรายิ่งเกลียดความเป็นไทย มีแต่คนไร้น้ำใจ มีแต่คนแช่ง ขอบอกตรงๆว่า โคตรงี่เง่าของงี่เง่าเรยถ้าครูหาตัวอย่างมาเปรียบเทียบให้เห็นความไพเราะและไม่ไพเราะได้ นักเรียนก็จะแยกแยะภาษาของวรรณคดีได้ว่าเกิดจากการบรรจงขัดเกลาถ้อยคำให้รื่นหูได้อย่างไร แตกต่างจากภาษาในชีวิตประจำวัน ที่แสดงออกแบบไม่ขัดเกลา อย่างไรบ้าง
ครูอาจจะสอนต่อไปว่า ถ้าขุนแผนฉุนเฉียวปากไว สวนกลับแก้วกิริยากลับไปว่าไม่รับรักก็ไม่เห็นจะง้อ แถมแช่งด่าส่งท้ายไปอีก ก็คงไม่สามารถชนะใจผู้หญิงได้โดยดีอย่างที่เป็นอยู่ ข้อคิดจากวรรณคดีในตอนนี้ ทำให้พวกเธอได้คิดอะไรบ้างจากภาษาที่แตกต่างกัน และเอาไปใช้กับชีวิตประจำวันได้บ้างไหม
อย่างนี้เด็กอาจจะได้ใช้ความคิด ไม่ใช่ท่องจำอย่างเดียว และนำไปต่อยอดความคิดได้ด้วย
เรื่องต่อไปจะพูดถึงการถอดคำประพันธ์ ยาหม้อใหญ่ของการเรียนวรรณคดี