สำหรับเมืองไทยเรา ผมคิดว่าถึงเวลาที่จะบอกข้อมูลและการคาดการณ์สถานการณ์เพื่อให้เราทุกคนเตรียมรับมือสิ่งที่อาจเกิดขึ้นในปีหน้า ดังนี้ครับ...หนึ่ง เราเข้าสู่การระบาดซ้ำ/ระลอกสอง/ระบาดใหม่/ระบาดอีกครั้ง...อย่างเต็มตัวแล้ว
สอง การระบาดซ้ำที่เรากำลังจะเผชิญนี้ แม้ในอนาคตจะดำเนินมาตรการเต็มที่อย่างไรก็ตาม (รวมถึงล็อกดาวน์ “หากมี" หลังจากกลางมกราคมเป็นต้นไป ผสมกับการคลายบ้างล็อกบ้างตลอดช่วงเวลาการระบาด) เราจะมีจำนวนการติดเชื้อสูงสุดต่อวันถึงประมาณ ๙๔๐ คนต่อวัน หรือสูงกว่าระลอกแรก ๕ เท่า และดูจะมีความชัดเจนมากแล้วว่าการต่อสู้ศึกระบาดซ้ำครั้งนี้ เราจะใช้เวลาอย่างน้อย ๓ เดือนครับ
สาม จำนวนคนที่คาดว่าจะติดเชื้อทั้งหมดจากการระบาดซ้ำครั้งนี้ประมาณ ๒๓,๖๓๕-๓๓,๐๘๘ คน โดยในจำนวนนี้จะเป็นผู้ที่อาการรุนแรงประมาณ ๓,๕๔๖-๔,๙๖๔ คน และมีผู้ป่วยที่ต้องเข้า ICU และ/หรือใช้เครื่องช่วยหายใจ ๑,๑๘๒-๑,๖๕๕ คน ตาย ๒๓๗-๓๓๑ คนหากไม่มีปัญหาขาดแคลนบุคลากร/เครื่องมือ/และยา แต่หากขาดแคลนจะสูงถึง ๔๗๓-๖๖๒คน
สี่ จากการระบาดซ้ำครั้งนี้ คาดว่าสถานการณ์ไทยจะอัพเลเวลอันดับโลกไปถึงประมาณออสเตรเลียหรือฟินแลนด์ ขณะนี้ดูแล้วเป็นไปได้ยากมากที่จะกดการระบาดไปให้ถึงระดับของฮ่องกง
ห้า ด้วยลักษณะการตัดสินใจเชิงนโยบายปัจจุบัน ทั้งในเรื่องมาตรการที่ไม่เป็นทิศทางเดียวกันและช้ากว่าสถานการณ์ รวมถึงระบบการตรวจคัดกรองโรคที่ไม่เข้มแข็งเพียงพอที่จะรับมือกับการระบาดซ้ำได้ ดังจะเห็นได้จากจำนวนการตรวจที่ทำได้จำกัดมาก นอกจากนี้ยังพบปัญหาความไม่เพียงพอของอุปกรณ์ป้องกันต่าง ๆ ดังจะเห็นได้จากการขอรับบริจาคจากสาธารณะโดยโรงพยาบาลต่าง ๆ ที่เป็นด่านหน้าดูแลผู้ป่วย ทำให้คาดการณ์ว่า ระบบสุขภาพอาจประสบปัญหาในการดูแลผู้ป่วยติดเชื้อ หลังจากนี้ไปราว ๖-๘ สัปดาห์ โดยจะมีภาวะขาดแคลนอุปกรณ์ที่จำเป็นในการต่อสู้ ทั้งจากความไม่เพียงพอ หรือการกระจายส่งต่อ และที่จะต้องเตรียมรับมือคือ การจัดการความเสี่ยงต่อบุคลากรทางการแพทย์ทุกระดับ และความเหนื่อยล้า อันจะส่งผลต่อประสิทธิภาพในการทำงาน ผลลัพธ์จากการดูแลรักษา และการสูญเสียบุคลากรทั้งจากการติดเชื้อและสาเหตุอื่น
หก ผลกระทบทางเศรษฐกิจในวงกว้างจะตามมาอย่างหลีกเลี่ยงได้ยากครับ โดยเฉพาะอย่างยิ่งคนหาเช้ากินค่ำ รวมถึงกิจการขนาดเล็กและขนาดกลาง นอกจากนี้ส่วนตัวแล้วคาดว่าจะเกิดผลกระทบหนักกับโครงการของรัฐที่ได้ดำเนินมาก่อนหน้านี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเรื่องเราเที่ยวด้วยกัน ซึ่งคงยากที่จะเข็นต่อไปตลอดช่วงระบาดซ้ำรุนแรง เพราะหากฝืนทำต่อ จะวิกฤติหนักจากระบาดระลอกสามแบบญึ่ปุ่น
เจ็ด สถานการณ์ของระบบสุขภาพจะสั่นคลอนมาก เพราะถัดจากนี้ไป การดูแลรักษาโรคอื่น ๆ ให้แก่ประชาชนจะได้รับผลกระทบอย่างมาก และส่งผลต่อผลลัพธ์ทางสุขภาพของผู้ป่วย ที่จะเข้าถึงบริการทางการแพทย์ได้ยากมากขึ้น การรับการรักษาหลายอย่างได้ช้าลงกว่าเดิม นอกจากนี้ยังจำเป็นต้องวางแผนลดความเสี่ยงที่จะเกิดการระบาดในโรงพยาบาล ทั้งในบุคลากรที่ทำงานโดยตรงกับผู้ป่วย บุคลากรฝ่ายสนับสนุน รวมถึงผู้ป่วยและญาติ ทั้งในแผนกผู้ป่วยนอก และผู้ป่วยใน
แปด จากลักษณะการระบาดซ้ำในไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา มีความเป็นไปได้สูงที่จะเกิดการแพร่ระบาดใหญ่ในหลากหลายกลุ่มเสี่ยง หลากหลายพื้นที่ หลากหลายกิจการและกิจกรรม เพราะโครงสร้างทางสังคมและวัฒนธรรมการใช้ชีวิตของเรานั้นมีจุดเปราะบางหลายเรื่องที่ไวรัสชอบโจมตี ดังนั้นจึงต้องระวังทั้งที่ตลาดสด ห้างสรรพสินค้า งานบุญต่าง ๆ งานปาร์ตี้เลี้ยงฉลอง งานแต่งงาน งานศพ สถานที่ท่องเที่ยว ไปจนถึงเคานต์ดาวน์ปีใหม่ในวันพรุ่งนี้ด้วย
อยู่บ้านกันนะครับ...
ด้วยรักต่อทุกคน
รศ.นพ.ธีระ วรธนารัตน์
ภาควิชาเวชศาสตร์ป้องกันและสังคม
คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
๓๐ ธันวาคม ๒๕๖๓
https://www.facebook.com/1607465964/posts/10221505096729286/