จากรายงานของสมเด็จกรมพระยาดำรงฯที่คุณหนุ่มสยามยกมานี้ ขอตีความว่าเรื่องที่มจ.หญิงฉวีวาดหนีไปเขมร เป็นเรื่องส่วนตัวของท่านหญิง มิได้เป็นเรื่องการเมือง และมิได้เป็นเรื่องหนีราชภัย
ถ้าเป็นความจริง ตามที่สมเด็จกรมพระยาดำรงฯ ทรงรายงานไว้ เรื่องที่ทรงรายงานต่อเจ้าฟ้ากรมหลวงลพบุรีราเมศร์ก็ให้คำตอบต่อข้อสงสัยของดิฉันในกระทู้กรมหมื่นสถิตย์ ว่าทำไมการหลบลี้วิกฤตของกรมพระราชวังบวรวิชัยชาญกับการหนีของท่านหญิงฉวีวาดจึงแตกต่างกันมาก
การลี้ภัยการเมืองของกรมพระราชวังบวรฯ กับหม่อมเจ้าหญิงฉวีวาด แตกต่างกันเห็นชัด
กรมพระราชวังบวรฯ ท่านทรงลี้ภัยแบบฉุกละหุกมาก เหมือนทรงรู้นาทีไหน ก็หนีกันเดี๋ยวนั้นเลย ข้าราชบริพารที่ตามเสด็จก็คือคนที่เข้าเฝ้าอยู่ในคืนนั้น จึงเป็นคำตอบว่าทำไมไม่มีขุนนางระดับบิ๊กเวียงวังคลังนาของวังหน้ารวมอยู่ด้วยเลยสักคน เจ้าพระยาและพระยาเหล่านั้นกว่าจะรู้ก็คงวันรุ่งขึ้น เจ้านายเสด็จเข้าสถานทูตไปเสียแล้ว
ส่วนกรณีหม่อมเจ้าหญิงฉวีวาด ม.ร.ว. คึกฤทธิ์เล่าว่า
"เมื่อเกิดเหตุขึ้นแล้ว รุ่งขึ้นอีกวันหนึ่งท่านป้าฉวีวาดก็ว่าจ้างเรือสำเภาหนึ่งลำ ขนทรัพย์สมบัติลงเรือ แล้วนำละครของเจ้าจอมมารดาอำภาซึ่งตกมาถึงท่านนั้นลงเรือทั้งโรง พร้อมทั้งเครื่องละครและดนตรีปี่พาทย์รวมเป็นคนหลายสิบคน ท่านลงเรือที่แม่น้ำใกล้ๆวังหน้าตอนใกล้ค่ำ แล่นเรือไปทั้งคืน พอเช้ามืดก็ออกปากน้ำ ท่านเหลียวไปดูทางท้ายเรือ เห็นเรือกลไฟจักรข้างของหลวงแล่นตามมาลำหนึ่ง แสดงว่าทางกรุงเทพฯ รู้แล้วว่าท่านจะหนี จึงส่งเรือหลวงออกมาตามจับตัว เรือหลวงคงจะออกตอนดึกจึงมาทันที่ปากน้ำ
ท่านเล่าว่าท่านยกมือนมัสการพระสมุทรเจดีย์แล้วอธิษฐานว่า หากบุญญาบารมีท่านยังมีอยู่แล้ว ขอให้เรือสำเภาใช้ใบของท่่านออกทะเลหลวงไปให้ได้ตลอดรอดฝั่ง ท่านบอกว่าพอท่านอธิษฐานเสร็จ เรือหลวงที่แล่นตามไปนั้นก็จักรหักลงพอดี ต้องทอดสมออยู่กลางน้ำ เรือของท่านก็ใช้ใบไปจนถึงเมืองเขมร"
ดูตามรูปการณ์ หม่อมเจ้าหญิงฉวีวาดน่าจะเตรียมแผนในการออกทะเลมาล่วงหน้าแล้ว ถ้าท่านไม่รู้ล่วงหน้ามาก่อน มีเวลากะทันหันไม่ถึง ๒๔ ช.ม. จะหาเรือสำเภาขนาดใหญ่ ออกทะเลได้ ที่ยังทอดสมอว่างอยู่เฉยๆ มาจากไหน เรือสำเภาไม่ใช่แท็กซี่ว่าง จะได้เรียกได้ง่ายจากข้างถนน
แล้วยังต้องเรียกชุมนุมนางละครกับนักดนตรีหลายสิบคนจากบ้านช่อง ให้ทิ้งพ่อแม่ลูกเมียลงเรือไปทันทีทันเวลา ไม่มีใครขัดขืนเลยสักคน พรึ่บเดียวลงเรือไปหมด เสบียงกรังก็มีพร้อมในเรือ
มันน่าจะบอกถึงการเตรียมล่วงหน้ามาเป็นเดือนแล้ว อีกอย่างอาจจะมีการสื่อสารกันกับพระเจ้าแผ่นดินเขมรล่วงหน้าแล้ว ถึงไปอย่างมั่นใจว่าทางโน้นต้อนรับแน่ และรู้ด้วยว่าจะต้องเอาอะไรหรือใครไปบ้างจึงจะเป็นที่ต้อนรับ อาจจะเป็นออเดอร์จากทางโน้นเสียด้วยซ้ำไป
ในเมื่อเป็นกันคนละอย่างแบบนี้ ก็น่าจะเห็นได้ว่า ไม่ได้สมรู้ร่วมคิดกัน ส่วนท่านหญิงฉวีวาดคิดการใหญ่ด้วยตัวเองหรือรู้เห็นเฉยๆ หรือว่าเป็นแผนประจวบเหมาะ ก็ต้องหาข้อมูลเพิ่มเติม
ขอเสนอคำตอบขั้นต้น ว่า ทั้งกรมพระราชวังบวรวิชัยชาญและม.จ.ฉวีวาด ไม่ได้รู้เรื่องกัน แต่เป็นเหตุการณ์ประจวบเหมาะเท่านั้น ม.จ.ฉวีวาดท่านเตรียมตัวหนีไปเขมรโดยไม่ขอพระบรมราชานุญาต (ข้อนี้สามารถสันนิษฐานได้เพิ่ม) จึงวางแผนล่วงหน้าเตรียมเรือ เตรียมการเดินทางไว้แล้ว ผิดกับกรมพระราชวังบวรฯที่ไม่ทรงทราบอะไรล่วงหน้าเลย เกิดเหตุฉุกละหุกก็หนีแบบไม่มีอะไรติดไม้ติดมือ ทันแต่พาแม่พาน้องสององค์ไปหลบภัยด้วยเท่านั้น
ดังนั้นเราพอจะพูดต่อได้ไหมว่า ท่านหญิงฉวีวาดหลบจากสยามออกไปอยู่เขมรด้วยเรื่องส่วนพระองค์ ไม่ใช่เรื่องการเมือง ข้อนี้เจ้านายสำคัญของสยามเช่นสมเด็จกรมพระยาดำรงฯก็ทรงทราบดี แต่เป็นเรื่องที่ไม่ควรป่าวประกาศหรือแม้แต่จะเผยแพร่ให้รู้กันมากคน เจ้านายฝ่ายไทยก็ทรงเงียบเสียเท่านั้น