เรือนไทย

General Category => หน้าต่างโลก => ข้อความที่เริ่มโดย: han_bing ที่ 16 พ.ย. 14, 17:36



กระทู้: ไฮโซโบราณ แห่งอเมริกา - The Gilded Age and The Mrs Astor
เริ่มกระทู้โดย: han_bing ที่ 16 พ.ย. 14, 17:36
ไปอ่านหนังสือมา แล้วสนุกดี เลยอยากจะเอามาแบ่งปันบาง

แต่สารภาพบาปว่าความรู้เกี่ยวกับโลกตะวันตกน้อย อธิบายไปก็ไม่ค่อยจับจิตจับใจอย่างเล่าเรื่องอาหารจีน

เล่าผิดไปอาจจะขายหน้า ขอทุกท่านโปรดเมตตา ถ้ามาเมตตาช่วยเสริมจะดีมากๆ

กลับเข้าเรื่องก่อนดีกว่า

สหรัฐอเมริกาหลังจากยุคสงครามกลางเมืองอันเลือดเดือด ประเทศก็ได้เจริญรุดหน้าไปอย่างรวดเร็ว เพราะความเจริญด้านวิทยาการที่เพิ่มขึ้น การคมนาคมที่สะดวกขึ้น มีทางรถไฟเชื่อมระหว่างตะภาคตะวันออกและภาคของตะวันตกของอเมริกา ทำให้ทรัพยากรถ่ายเทง่ายขึ้นอีกโข และประเทศเป็นปึกแผ่นจริงๆจังๆ

นอกจากนี้ ยังมีการค้นพบทองคำ น้ำมัน เสริมให้เศรษฐกิจที่มั่งคั่งจากอุตสหกรรมเหล็ก ร่ำรวยไปอีกเท่าตัว โดยเขตที่รวยที่สุดคือเขตตะวันออกและภาคตะวันตกของอเมริกา ส่วนภาคใต้นั้นไม่ต้องพูดถึง เพราะกำลังชอกช้ำระกำใจจากสงครามและกำลังพื้นตัว

ภาพแดนใต้ระหว่างสงคราม


กระทู้: ไฮโซโบราณ แห่งอเมริกา - The Gilded Age and The Mrs Astor
เริ่มกระทู้โดย: han_bing ที่ 16 พ.ย. 14, 17:41
แต่ถึงตะวันตกและตะวันออกจะเริ่มมั่งคั่งร่ำรวย แต่วิถีชีวิตความเป็นอยู่ของตะวันออกก็ล้ำหน้ากว่าภาคตะวันตก เนื่องจากเป็นที่ๆชาวยุโรปตั้งรกรากทำการค้า มานานนับร้อยปี เมืองที่เจริญในยุคนั้นมีหลายเมือง แต่เมืองที่ส่งรัศมีเรืองรองมากที่สุดคงจะไม่พ้นมหานครนิวยอร์ค ที่เจริญทั้งด้านเศรษฐกิจและด้านวัฒนธรรม


กระทู้: ไฮโซโบราณ แห่งอเมริกา - The Gilded Age and The Mrs Astor
เริ่มกระทู้โดย: Kunlamata ที่ 17 พ.ย. 14, 00:57
ดิฉันขอร่วมเสริมกระทู้"ไฮโซโบราณแห่งอเมริกา" แบบมีความรู้น้อยมากแต่กำลังศึกษามาสองสามปีแล้วเพราะเป็นตระกูลของสามีชาวอเมริกันที่ดิฉันแต่งงานและใช้นามสกุลเขาอยู่ด้วยคนค่ะ
จะไม่ศึกษาก็น่าเกลียด ไปดองกับเขาแล้ว มีลูกหนึ่งคนที่เขาควรรู้รากเหง้าทั้งทางพ่อและแม่ สามีเสียชีวิตแล้วเมื่อ13ปีก่อน ไม่มีโอกาสได้ซักประวัติกันเลยค่ะ

ขอเสนอไฮโซโบราณนายพลจอห์น แม็คคอสแลนด์(Brig.Gen.John Mccausland)(ค.ศ.1836-1927)ท่านเป็นหนึ่งในผู้บัญชาการรบในสงครามกลางเมืองอเมริกัน มีเชื้อสายไอริชที่อพยพจากไอร์แลนด์มาตั้งรกรากในอเมริกา ดังนั้นท่านเป็นญาติกับทางสามีดิฉันแน่นอน เพียงแต่อพยพแยกย้ายกันไปคนละรัฐ
ท่านเกิดที่เซ็นต์หลุยส์ มิสซูรี่ ทางสามีเป็นพวกแม็คคอสแลนด์ที่อพยพไปตั้งถิ่นฐานที่รัฐเมน ตะวันออกสุดติดแคนาดา หนึ่งในรัฐทางตะวันออกของอเมริกาที่เรียกว่า นิวอิงแลนด์

คืนนี้ดึกมากแล้ว ขอเสนอเครื่องแบบทหารของจริงของท่านนายพลก่อนนะคะ จะมาเล่าประวัติท่านต่อพรุ่งนี้
และขอความเมตตาท่านผู้รู้ช่วยเสริมเช่นกันค่ะ ข้อมูลทางตระกูลสามีมาก อ่านจนตาแฉะเข้าใจมั่งไม่เข้าใจมั่งจริงๆค่ะ


กระทู้: ไฮโซโบราณ แห่งอเมริกา - The Gilded Age and The Mrs Astor
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 17 พ.ย. 14, 09:22
น่าสนใจมากค่ะ
ดิฉันเคยคิดว่าจะเขียนถึงไฮโซของอเมริกาบ้างเหมือนกันแต่ยังไม่ถึงคิว   ตั้งกระทู้ไม่ได้จนแล้วจนรอด
คุณ han_bing กับคุณกุลมาตามาเล่าให้ฟัง ก็ขอขอบคุณมาก

จัดกาแฟและของว่างมาให้สำหรับคอฟฟี่เบรคนะคะ


กระทู้: ไฮโซโบราณ แห่งอเมริกา - The Gilded Age and The Mrs Astor
เริ่มกระทู้โดย: Kunlamata ที่ 17 พ.ย. 14, 10:02
ขอบพระคุณมากค่ะอาจารย์เทาชมพู ดิฉันต้องขออาจารย์ผู้รู้ช่วยเสริมด้วยค่ะ
ที่ศึกษาอ่านมากระท่อนกระแท่นค่ะ เป้าหมายคือศึกษาตระกูลของสามี ได้พบไฮโซโบราณแห่งอเมริกาบางท่าน
ลองมาเล่าดูน่ะค่ะ



กระทู้: ไฮโซโบราณ แห่งอเมริกา - The Gilded Age and The Mrs Astor
เริ่มกระทู้โดย: Kunlamata ที่ 17 พ.ย. 14, 11:16
ชีวิตในวัยเด็กของท่านนายพลจัตวาจอห์น แม็คคอสแลนด์นั้น ท่านกำพร้าคุณพ่อคุณแม่เสียชีวิตเมื่อท่านอายุเพียง 7ปี ท่านจึงย้ายจากรัฐมิสซูรี่ไปอยู่กับญาติที่ Point Pleasant รัฐVerginia ท่านจบการศึกษาจากUniversity of VerginiaและVerginia Military Institute(VMI)เกียรตินิยมอันดับหนึ่งของClass of 1857 ต่อมาท่านเข้าทำงานเป็นผู้ช่วยศาสตราจารย์สาขาคณิตศาสตร์ที่VMI ตั้งแต่ปีค.ศ.1858ถึง1861

เมื่อเกิดสงครามกลางเมืองอเมริกันเลือดเดือด(ขอยืมสำนวนเจ้าของกระทู้มาใช้)ในปีค.ศ.1861 ท่านก็ได้เข้าร่วมกับกองทัพบกในตำแหน่งผู้พันทันทีเมื่อวันที่ 16กรกฎาคม 1861
ท่านเป็นผู้บังคับบัญชา The 36th Virginia Volunteer Infantry Regiment ในการรบหลายที่ได้แก่
Battle of Fort Donelson
Valley Campaigns of 1864
Siege of Petersburg
Battle of Five Forks
Appomattox Campaign
ได้เลื่อนตำแหน่งเป็น Brigadier Generalในปีค.ศ.1864

หลังสงครามท่านย้ายไปพำนักในยุโรปและเม็กซิโกสองปีจึงกลับมาสหรัฐ ใช้ชีวิตบั้นปลายเป็นชาวนาทำนาที่ "Grape Hill Farm", Pliny,Point Pleasant รัฐWest Verginia มากกว่า60ปี จนกระทั่งถึงแก่กรรมเมื่อวันที่ 22 มกราคม ค.ศ.1927

ดิฉันขอเล่ารวบรัดประวัติย่อในฐานะท่านเป็นcelebของตระกูลMcCauslandเป็นไฮโซโบราณแห่งอเมริกา เรื่องการทหารการรบในสงครามกลางเมืองอเมริกา ดิฉันไม่ถนัดเลยค่ะ ขอเชิญท่านผู้รู้เสริมด้วยนะคะ

(ภาพของท่านนายพลเมื่อปีค.ศ.1915 อายุ 79ปีและภาพของท่านที่Grape Hill ปีค.ศ.1925)


กระทู้: ไฮโซโบราณ แห่งอเมริกา - The Gilded Age and The Mrs Astor
เริ่มกระทู้โดย: Kunlamata ที่ 17 พ.ย. 14, 11:41
ภาพที่Grape Hill ปีค.ศ. 1925 ก่อนท่านถึงแก่กรรมสองปีและบทความที่เขียนถึงท่านนายพลจอห์น แม็คคอสแลนด์ต่อ
ไฟล์ใหญ่ตามชื่อเสียงอันดุเดือดของท่าน เช่น เผาเมืองChambersburg ต้องตัดภาพค่ะ


กระทู้: ไฮโซโบราณ แห่งอเมริกา - The Gilded Age and The Mrs Astor
เริ่มกระทู้โดย: Kunlamata ที่ 17 พ.ย. 14, 11:43
ต่อภาพสุดท้าย


กระทู้: ไฮโซโบราณ แห่งอเมริกา - The Gilded Age and The Mrs Astor
เริ่มกระทู้โดย: han_bing ที่ 17 พ.ย. 14, 13:59
จริงๆแล้วอยากขึ้นหัวข้อขอให้อาจารย์เทาชมพูมาเล่าให้ฟัง แต่ตัวเองก็ไม่กล้า เกรงใจ... เลยมาเล่าด้วยความรู้กระท่อนกระแท่นของตน ท่านใดจะเมตตาเข้ามาเสริมก็ยินดีเป็นที่ยิ่ง

เล่าต่อเลยละกัน

ชาวนิวยอร์คในยุคนั้นมีมากมายหลายหลากพื้นเพ แต่กลุ่มที่เป็นชนชั้นนำในเมืองโดยมากเป็นทายาทของพ่อค้าชาวดัชที่มั่งคั่ง ไม่เช่นนั้นก็สืบเชื้อสายจากตระกูลผู้ดีอังกฤษ ฝรั่งเศส อะไรสักอย่างที่เข้ามาตั้งรกราก อย่างไรก็ตาม ผู้ดีเชื้อสายอังกฤษนั้นโดยมากหลังจากสงครามประกาศอิสระภาพของอเมริกาสิ้นสุดลง เหล่าผู้ดีเชื้อสายอังกฤษก็เก็บข้าวเก็บของขึ้นเรือกลับไปประเทศอังกฤษ ผู้ดีฝรั่งเศสที่เข้ามาตั้งรกรากก็น้อยมาก ไม่ได้เป็นหลักเป็นฐานเกาะกลุ่มกันอย่างในเมืองที่เป็นอาณานิคมเก่าของฝรั่งเศสอย่างหลุยส์เซียนา ดังนั้น กลุ่มที่โดดเด่นเป็นที่สุด จึงไม่พ้นลูกหลานพ่อค้าชาวดัชที่มาอยู่ในเมืองนี้

หากท่านใดสงสัยว่าเหตุไฉนจึงมีชาวดัชอยู่ในอาณานิคมอังกฤษแล้วไซร้ คำตอบง่ายๆ - นิวยอร์คจริงๆแล้วเป็นอาณานิคมของชาวดัชมาก่อน - แรกเริ่มเดิมทีชื่อเขาก็คือ นิวอัมเตอร์ดัม

ลูกหลานชาวดัชเหล่านี้ถูกเรียกว่า "Knickerbockers" แปลว่า กลุ่มกางเกงแค่เข่า ซึ่งเป็นกางเกงยุคโบราณที่ชาวดัชสวมใส่เมื่อครั้งแรกตั้งนคร กางเกงนี้ไม่ใช่เป็นกางเกงขาสั้น แต่เป็นกางเกงรัดที่หัวเข่า พูดไปอาจจะนึกภาพยาก ดูภาพชาวดัชในรูปภาพประวัติศาสตร์นี้ละกัน

ภาพ The Fall of New Amsterdam

ประวัติภาพมีดังนี้ by Jean Leon Gerome Ferris, showing Peter Stuyvesant (left of center, with wooden leg) standing on shore among residents of New Amsterdam who are pleading with him not to open fire on the English who have arrived in warships and are waiting in the harbor to claim the territory for England

ภาพกางใส่เสมอเข่าแบบตะวันตก


กระทู้: ไฮโซโบราณ แห่งอเมริกา - The Gilded Age and The Mrs Astor
เริ่มกระทู้โดย: han_bing ที่ 17 พ.ย. 14, 14:29
ประชากรลูกหลานชาวดัชเหล่านี้สืบเชื้อสายมาจากพ่อค้าวานิช บ้างก็ทำการค้าตามอย่างบรรพบุรุษ บ้างก็เป็นนายธนาคาร ทนายความ หมอ อาจารย์นักวิชาการ ฯลฯ โดยมากจะเป็นอาชีพที่ได้รับความนับหน้าถือตาทางสังคม และฐานะก็เรียกได้ว่าดีทีเดียว

อย่างไรก็ตาม แม้คนเหล่านี้จะมีเงินมีทอง ก็ใช้ชีวิตอย่างเรียบ แต่หรู เป็นความอลังการในความง่ายๆสมถะของชีวิต บ้านก็เป็นทาวเฮาส์เรียบๆ ผนังทำจากหินทรายสีน้ำตาล ซึ่งหน้าตาเหมือนกันเป็นแถวเป็นแนวไม่มีที่สิ้นสุด เรียกว่า "บ้านหินสีน้ำตาล" (Brownstone House) ซึ่งตั้งอยู่ในย่านที่ถือว่าเป็นย่านดีของนคร อันได้แต่แถบจัตุรัสวอชิงตัน (Woshington Square) กับ สวนแกรมมาซี (Gramercy Park) ภายในบ้านก็ตบแต่งอย่างงามสง่าด้วยเครื่องเรือนไม้กุหลาบ (Rosewood) จานชามที่ใช้ก็เป็นเครื่องกระเบื้องจีนเนื้อดีเรียบๆ กับเครื่องเงินที่ตกทอดกันมาในตระกูล อาหารก็เป็นอาหารคุณภาพดี แต่ปรุงง่ายๆ อาทิ อาหารอบ ย่าง รถม้าของครอบครัวโดยมากก็เป็นรถม้าเทียมมา ๑ ตัว

หมายเหตุ ตอนนี้เมืองจีนเข้ากูเกิลไม่ได้ ดังนั้นจึงหาภาพมาลงยาก ท่านใดเมตตาช่วยนำมาลงจะเป็นพระคุณอย่างยิ่ง


กระทู้: ไฮโซโบราณ แห่งอเมริกา - The Gilded Age and The Mrs Astor
เริ่มกระทู้โดย: han_bing ที่ 17 พ.ย. 14, 14:34
อีกมุมหนึ่งของบ้านหินสีน้ำตาล


กระทู้: ไฮโซโบราณ แห่งอเมริกา - The Gilded Age and The Mrs Astor
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 17 พ.ย. 14, 15:07
สงสัยมานานแล้วว่าโรสวู้ดคือไม้อะไร  โดยมากแปลกันตรงตัวว่าไม้กุหลาบ   ที่จริงมันไม่เกี่ยวอะไรกับต้นหรือดอกกุหลาบที่เรารู้จักกัน     ถามครูกู๊ก ได้ความว่าเป็นญาติใกล้เคียงกันไม้ชิงชัน 
ต้องเรียนถามท่านสถาปนิกใหญ่ในเว็บว่าใช่หรือเปล่าคะ

เครื่องเรือนทำจากไม้โรสวู้ด   ในสมัยไฮโซอเมริกัน


กระทู้: ไฮโซโบราณ แห่งอเมริกา - The Gilded Age and The Mrs Astor
เริ่มกระทู้โดย: Kunlamata ที่ 17 พ.ย. 14, 15:25
ต่อภาพบ้านของไฮโซนายพลจัตวาจอห์น แม็คคอสแลนด์อีกนิดค่ะ
ดิฉันย่อภาพไม่เป็น ขนาดภาพรวมเกิน เซฟภาพบ้านของท่านนายพลเอาไว้แล้ว

ภาพแรกบ้านGrape Hill สร้างจากหินทรายสองชั้นด้านหน้า สร้างในปีค.ศ.1885 นึกภาพท่านยืนที่ระเบียงหน้าต้อนรับแขกออกมั้ยคะ
A small, frail old man standing on the front porch...
ภาพที่สองอีกมุมหนึ่งของบ้าน ปัจจุบันขึ้นทะเบียนเป็น Historic place แห่งหนึ่งของสหรัฐฯ


กระทู้: ไฮโซโบราณ แห่งอเมริกา - The Gilded Age and The Mrs Astor
เริ่มกระทู้โดย: SILA ที่ 17 พ.ย. 14, 17:01
ระหว่างรออ่านเรื่องราวต่อไป

แจมด้วยภาพจากหนังดังซึ่งสร้างจากนิยายสะท้อนสังคมไฮโซแห่ง New York สมัยทศวรรษ 1870s


กระทู้: ไฮโซโบราณ แห่งอเมริกา - The Gilded Age and The Mrs Astor
เริ่มกระทู้โดย: SILA ที่ 17 พ.ย. 14, 17:02
เรื่อง The Age of Innocence


กระทู้: ไฮโซโบราณ แห่งอเมริกา - The Gilded Age and The Mrs Astor
เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 17 พ.ย. 14, 17:23
สงสัยมานานแล้วว่าโรสวู้ดคือไม้อะไร  โดยมากแปลกันตรงตัวว่าไม้กุหลาบ   ที่จริงมันไม่เกี่ยวอะไรกับต้นหรือดอกกุหลาบที่เรารู้จักกัน     ถามครูกู๊ก ได้ความว่าเป็นญาติใกล้เคียงกันไม้ชิงชัน 
ต้องเรียนถามท่านสถาปนิกใหญ่ในเว็บว่าใช่หรือเปล่าคะ

เครื่องเรือนทำจากไม้โรสวู้ด   ในสมัยไฮโซอเมริกัน

ไม้ชิงชัน ใช้ภาษาอังกฤษว่าโรสวู้ดก็จริงครับ แต่ไม่ทราบว่าโดยแท้แล้ว มันเป็นตัวเดียวกันหรือเป็นแค่ญาติกัน ต้องขอเชิญคุณเพ็ญชมพู หรือคุณนายตั้ง มาสาธยายต่อ


กระทู้: ไฮโซโบราณ แห่งอเมริกา - The Gilded Age and The Mrs Astor
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 17 พ.ย. 14, 17:59
ระหว่างรออ่านเรื่องราวต่อไป

แจมด้วยภาพจากหนังดังซึ่งสร้างจากนิยายสะท้อนสังคมไฮโซแห่ง New York สมัยทศวรรษ 1870s
ชอบบรรยากาศและฉากของหนังเรื่องนี้มากค่ะ  แต่ไม่ชอบเนื้อเรื่องที่ดูน้ำเน่าไปหน่อย

https://www.youtube.com/watch?v=jIFHno0CAAY (http://www.youtube.com/watch?v=jIFHno0CAAY#)


กระทู้: ไฮโซโบราณ แห่งอเมริกา - The Gilded Age and The Mrs Astor
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 17 พ.ย. 14, 18:01
สงสัยมานานแล้วว่าโรสวู้ดคือไม้อะไร  โดยมากแปลกันตรงตัวว่าไม้กุหลาบ   ที่จริงมันไม่เกี่ยวอะไรกับต้นหรือดอกกุหลาบที่เรารู้จักกัน     ถามครูกู๊ก ได้ความว่าเป็นญาติใกล้เคียงกันไม้ชิงชัน 
ต้องเรียนถามท่านสถาปนิกใหญ่ในเว็บว่าใช่หรือเปล่าคะ

เครื่องเรือนทำจากไม้โรสวู้ด   ในสมัยไฮโซอเมริกัน

ไม้ชิงชัน ใช้ภาษาอังกฤษว่าโรสวู้ดก็จริงครับ แต่ไม่ทราบว่าโดยแท้แล้ว มันเป็นตัวเดียวกันหรือเป็นแค่ญาติกัน ต้องขอเชิญคุณเพ็ญชมพู หรือคุณนายตั้ง มาสาธยายต่อ

ขอบคุณค่ะ รอคุณตั้ง/คุณเพ็ญชมพูขยายความ


กระทู้: ไฮโซโบราณ แห่งอเมริกา - The Gilded Age and The Mrs Astor
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 17 พ.ย. 14, 19:31
โรสวู้ดเป็นคำเรียกรวม ๆ ของต้นไม้ในสกุล Dalbergia กระจายอยู่ในหลายทวีปทั้งอเมริกากลางและใต้ แอฟริกา เอเซียใต้ และแถว ๆ บ้านเรา ชื่อโรสวู้ดมาจากกลิ่นของเนื้อไม้  โรสวู้ดที่ใช้ทำเฟอร์นิเจอร์ของฝรั่งส่วนมากหมายถึง  Dalbergia nigra ซึ่งเป็นไม้พื้นเมืองของบราซิล และ Dalbergia latifolia ไม้พื้นเมืองของอินเดีย

ต้นพะยูงของไทยเรา ฝรั่งเรียกว่า Siamese Rosewood หรือ Thailand Rosewood  Dalbergia cochinchinensis ส่วนต้นชิงชันคือ Burmese rosewood  Dalbergia oliveri หรือ Dalbergia bariensis  ;D


กระทู้: ไฮโซโบราณ แห่งอเมริกา - The Gilded Age and The Mrs Astor
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 18 พ.ย. 14, 08:09
 ;D


กระทู้: ไฮโซโบราณ แห่งอเมริกา - The Gilded Age and The Mrs Astor
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 18 พ.ย. 14, 08:30
ตระกูลแวนเดอร์บิลท์ เป็นตระกูลเชื้อสายดัทช์ที่เข้ามาผงาดเป็นมหาเศรษฐีโด่งดังอยู่ในนิวยอร์ค   เอ่ยถึงไว้ในหนังเรื่องที่คุณ SILA นำมาให้ชมเหมือนกันค่ะ   ชื่อเสียงของแวนเดอร์บิลท์ดังขนาดเข้าไปเป็นตำนานพื้นหลังอยู่ในหนังย้อนยุคหลายเรื่อง 
ถ้าคุณหาญบิงจะเล่าเรื่องตระกูลนี้ดิฉันก็จะขอเป็นผู้นั่งฟัง  เพราะคิดว่าคุณหาญบิงคงค้นข้อมูลมาได้มากกว่า
แต่ถ้าไม่เล่า  ว่างเมื่อไรดิฉันจะเข้ามาเล่าให้ฟังเองค่ะ   


กระทู้: ไฮโซโบราณ แห่งอเมริกา - The Gilded Age and The Mrs Astor
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 18 พ.ย. 14, 09:00
เศรษฐีมหาเศรษฐีของนิวยอร์ค เช่นตระกูลแวนเดอร์บิลท์  แอสเตอร์และร็อคกี้เฟลเลอร์    

อ่านชื่อกระทู้แล้ว คุณหาญปิงน่าจะมุ่งเล่าเรื่อง ตระกูลแอสเตอร์  (http://en.wikipedia.org/wiki/Astor_family) มากกว่า

จะนั่งรอฟังเช่นกัน  ;D


กระทู้: ไฮโซโบราณ แห่งอเมริกา - The Gilded Age and The Mrs Astor
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 18 พ.ย. 14, 09:22
อ้างถึง
หมายเหตุ ตอนนี้เมืองจีนเข้ากูเกิลไม่ได้ ดังนั้นจึงหาภาพมาลงยาก ท่านใดเมตตาช่วยนำมาลงจะเป็นพระคุณอย่างยิ่ง
นำรูปคฤหาสน์ของแวนเดอร์บิลท์มาลงประกอบกระทู้


กระทู้: ไฮโซโบราณ แห่งอเมริกา - The Gilded Age and The Mrs Astor
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 18 พ.ย. 14, 09:39
คฤหาสน์ของ  Mrs. Astor บน Fifth Avenue  ;D


กระทู้: ไฮโซโบราณ แห่งอเมริกา - The Gilded Age and The Mrs Astor
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 18 พ.ย. 14, 09:52
คฤหาสน์ของร็อคกีเฟลเลอร์


กระทู้: ไฮโซโบราณ แห่งอเมริกา - The Gilded Age and The Mrs Astor
เริ่มกระทู้โดย: han_bing ที่ 18 พ.ย. 14, 10:47
ขอขอบคุณทุกท่านสำหรับรูปสวยๆ เนื่องด้วยข้าพเจ้ามีแต่หนังสืออยู่อยู่ข้างกาย www.google.com (http://www.google.com) เข้ามิได้ เข้าได้แต่ www.baidu.com (http://www.baidu.com) ของจีน เพราะจีนบล๊อค ดังนั้น หากเล่าๆไปไม่มีภาพ ขอทุกท่านโปรดอภัยและเมตตานำรูปมาลงแทน

ในยุคกลางศตวรรษที่ ๑๙ เศรษฐีเก่าชาวนิวยอร์คเหล่านี้รวย รวยเป็นล้านก็มี บางตระกูลมีเงินเป็น ๑๐ ล้านเหรียญเลยด้วยซ้ำ ขณะที่ชนชั้นกลางทั่วไปอย่างในอังกฤษมีรายได้ปีละ ๗ ร้อยปอนด์ก็สามารถจ้างคนใช้คนครัวได้แล้ว คนอเมริกามีรายได้ปีละ ๕๐๐ เหรียญก็อยู่ได้เป็นปรกติสุข คนเหล่านี้ปีๆหนึ่งมีเงินทองไหลมาเทมาปีหนึ่งเกือบแสนดอล์ลา ไม่เรียกว่ารวยจะให้เรียกว่าอะไรกัน คนพวกนี้อยู่อย่างภาคภูมิ มั่งคั่ง แต่สมถะ เกาะกลุ่มกันเหนียวแน่น

แต่อย่างว่าโลกนี้ไม่มีอะไรจีรัง

หลังจากทศวรรษ ๑๘๖๐ เป็นต้นมา อเมริกาเจริญขึ้นมา ธุรกิจเศรษฐกิจเจริญอย่างไม่เคยพบเคยเห็น นิวยอร์คซึ่งเป็นเมืองที่เจริญที่สุดแห่งหนึ่งของอเมริกาทั้งด้านเศรษฐกิจและวัฒนธรรมดึงดูดเหล่าเศรษฐีใหม่เหล่านี้เข้ามามากมาย บ้างเข้ามาเพื่อขยายอาณาจักรธุรกิจให้ไปอยู่ในหัวใจธุรกิจ บ้างมาสร้างธุรกิจให้มั่งคั่งยิ่งกว่าเดิม หรือบ้างเขามาเพราะว่าอยากจะใช้ชีวิตหรูหราให้สบายอุรา สมดังที่หาเงินมาอย่างยากลำบาก

เหล่าเศรษฐีใหม่เหล่านี้มีเงินมหาศาล รวยยิ่งกว่าเศรษฐีเก่า เงิน ๑ - ๓ ล้านเหรียญที่เคยดูเป็นเงินมหาศาล หรือ ๑๐ ล้านเหรียญที่ดูมีค่าเหลือคณานับ กลายเป็นด้อยค่าไปทันทีเมื่อเจอเศรษฐีใหม่กระเป๋าหนักที่พกเงินมามากเกินกว่า ๑๐ ล้านเหรียญ

คนเหล่านี้ถูกเสียดสีว่าเป็น บารอนโจร (Robber baron) กันเลยทีเดียว เป็นคำแสลงหู แต่ก็สะท้อนภาพคนยุคนั้นมองได้อย่างดี โจรก็คือโจร แม้จะหรูหราดูเป็นขุนนางก็ยังเป็นโจร

แล้วเศรษฐีเก่าชาวนิวยอร์คจะทำฉันใดดี



กระทู้: ไฮโซโบราณ แห่งอเมริกา - The Gilded Age and The Mrs Astor
เริ่มกระทู้โดย: han_bing ที่ 18 พ.ย. 14, 11:14
เป็นที่เข้าใจกันดีว่านักธุรกิจ คือนักธุรกิจ เงินจะใหม่หรือจะเก่าก็ทำธุรกิจได้ เหล่าผู้ดีเก่าไม่ได้มีความรังเกียจที่จะร่วมลงทุน สามีแห่งตระกูลเก่าพึงใจที่จะประกอบการค้ากับบารอนโจรหรืออะไรก็ตามแต่ที่หอบเงินมาก แต่...

แต่...นี้ต้องตัวโตๆหน่อย

แต่ไม่ได้หมายรวมถึงภรรยา

ในสังคมอเมริกายุคศตวรรษที่ ๑๙ บทบาทผู้หญิงถูกจำกัดไว้ในบ้าน แต่อย่าลืมว่าบ้านเป็นพื้นฐานของสังคม สังคมอเมริกายุคนั้นถูกดำเนินโดยผู้หญิง ผู้หญิงเป็นคนจัดงานเลี้ยงหรูหรา เลือกแขก เลือกสถานที่ เหล่าสุภาพสตรีผู้ดีเก่าเหล่านี้ดูแคลนพวกเศรษฐีใหม่ยิ่งนัก กลุ่มคนที่มายังนิวยอร์คกลุ่มใหม่นี้ถูกเรียกว่า "Arrivistes" ขอแปลง่ายๆว่า "พวกมาใหม่" คนพวกนี้ไม่ได้ใช้ชีวิตสมถะ เพราะไม่เห็นถึงความจำเป็น ธรรมเนียมสมถะของชาวนิวยอร์คเก่าถูกเพิกเฉย ปรกติแล้วสตรีผู้ดีนิวยอร์คจะซื้อเสื้อผ้าใหม่จากยุโรป แล้วเก็บไว้ในตู้สัก ๑ - ๒ ฤดู ให้ตกยุคก่อนถึงจะใส่ เพราะสตรีผู้ดีจะต้องไม่ตามสมัยนิยมเกินไปนัก แต่กลายเป็นว่าพวกเศรษฐีใหม่เหล่านี้โดยเฉพาะประดาภรรยาใส่ชุดล่าสุดที่มาจากปารีสหรือลอนดอน จานชามกระเบื้องถูกแทนที่ด้วยจานทองคำ รถม้าเทียมม้า ๔ - ๘ ตัวราวกับราชรถพระราชา บ้านช่องก็ไม่ใช่ตึกแถวเรียบๆ แต่เป็นคฤหาสน์โก้หราน

ไพร่เหลือใจ อวดร่ำอวดรวยเป็นที่สุด นิวยอร์คที่รักคงถึงกาลล่มสลายด้วยพวกไพร่เหล่านี้แน่ๆ โอ้ ถึงยุคผู้ดีเดินตรอก ขี้ครอกเดินถนนแล้วหรือไร

แล้วใครจะมาช่วยเรา

แล้วนารีขี่ม้าขาวของเราก็มาถึง

คุณนายแอสเตอร์

Mrs Astor



กระทู้: ไฮโซโบราณ แห่งอเมริกา - The Gilded Age and The Mrs Astor
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 18 พ.ย. 14, 11:28
ภาพคุณนายแอสเตอร์ ภาพนี้ baidu คงไม่มี  ;)


กระทู้: ไฮโซโบราณ แห่งอเมริกา - The Gilded Age and The Mrs Astor
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 18 พ.ย. 14, 14:11
ตัวอย่างสาวไฮโซโบราณแห่งนิวยอร์ค ยุคปลายศตวรรษที่ 19


กระทู้: ไฮโซโบราณ แห่งอเมริกา - The Gilded Age and The Mrs Astor
เริ่มกระทู้โดย: SILA ที่ 18 พ.ย. 14, 14:49
ร่วมเปิดตัวนางเอกผู้กอบกู้วิกฤตสังคมไฮโซนิวยอร์ค

        (((((((((( The Mrs. Astor ))))))))))) 


กระทู้: ไฮโซโบราณ แห่งอเมริกา - The Gilded Age and The Mrs Astor
เริ่มกระทู้โดย: han_bing ที่ 19 พ.ย. 14, 17:51
คุณนายแอสเตอร์ผู้ยืนยงที่ก้าวเข้ามาเป็นยอดนารีผู้พิทักษ์สังคมผู้ดีของนิวยอร์ดเป็นสตรีที่เกิดในตระกูลผู้ดีเก่าเชื้อสายดัชต์ของนิวยอรค์ ชื่อเดิมคือ Caroline Webster Schermerhorn ในปี ๑๙๘๓

ตระกูล Schermerhorn ของเธอนี้เธอว่ารวยเป็นอันดับต้นๆของนิวยอร์ค ญาติของเธอโดยมากมักเป็นเศรษฐี แถมเป็นเศรษฐีแถวหน้าด้วยซ้ำ ยิ่งไปกว่าเป็นเศรษฐี ตระกูลเธอยังเป็นตระกูลผู้ดีเก่าสืบเชื่อสายข้าราชการชาวดัชต์ที่มายังอาณานิคม โดยต้นตระกูลคนแรกที่มาตั้งรกรากที่นิวยอร์ค คือ Jacob Janse Schermerhorn โดยมาถึงตั้งแต่ปี 1648 โดยเป็นเจ้าหน้าที่ทางการทหารที่ดูแลการขายอาวุธให้แก่ชาวอินเดียนแดง และสืบเชื้อสายลูกหลานจนกลายเป็นเศรษฐีผู้ดีแนวหน้าแห่งนิวยอร์ค

อย่างไรก็ตามตระกูลเธอนี้เธอว่าเป็นเศรษฐีที่ค่อนข้างเก็บตัว และไว้ตัวพอดู ญาติร่วมสกุลผู้หนึ่งของเธอได้รับฉายาว่าเศรษฐีผู้โดดเดี่ยว เพราะไม่ออกงานสังคมใดๆ กระทั่งจะฟังเพลงโอเปร่าก็ไม่ไปฟังที่โรงละคร แต่เลือกที่จะจ้างนักร้องมาร้องที่คฤหาสน์แทน คุณนายแอสเตอร์เองดูจะรับความไว้ตัวนี้ไว้เช่นกัน แม้เธอจะชอบจัดงานเลี้ยงงานเต้นรำต่างๆ แต่ใช่ว่าทุกคนจะมีสิทธิเข้าร่วมงาน ไปไหนมาไหนก็มักจะมีผ้าลูกไม้คลุมหน้าไว้ รูปภาพของเธอจะเป็นรูปที่ถูกจัดท่าอย่างดีแล้ว ไม่มีเลยที่เธอจะให้ใครถ่ายภาพในท่าสบายๆ

ความเป็นตระกูลเก่าโดยสายเลือดของเธอเป็นหนึ่งในขั้นบันไดในการก้าวเข้าสู่ตำแหน่งราชินีแห่งสังคมชั้นสูงของนิวยอร์ค อย่างไรก็ตามแม้เธอจะเป็นผู้ดีเก่า และเธอจะมีทรัพย์สมบัติมากมายจากกองมรดก (เธอมีเงินสดหลายล้านที่ได้รับส่วนแบ่งจากทรัพย์สินของบิดา) แต่มันก็อาจจะช่วยอะไรได้ไม่มาก เพราะมันก็ไม่ได้มีพลังผลักดันอะไรถึงเพียงนั้น เพราะถ้าเธอจะก้าวข้ามพวกเศรษฐีใหม่ที่มักจะรวยยิ่งกว่าเศรษฐีเก่า เธอจะต้องรวยยิ่งกว่าพวกมาใหม่ทั้งปวง

โชคดีที่ตระกูลสามีของเธอช่วยแก้ปัญหานี้ได้

เธอแต่งงานเข้าครอบครัวแอสเตอร์ (Astor)

ตำนานคุณนายแอสเตอร์กำลังเริ่มต้นขึ้นแล้ว


กระทู้: ไฮโซโบราณ แห่งอเมริกา - The Gilded Age and The Mrs Astor
เริ่มกระทู้โดย: han_bing ที่ 19 พ.ย. 14, 18:06
ตระกูลแอสเตอร์แห่งนิวยอร์คนี้ถือเป็นตระกูลเกือบเก่าตระกูลหนึ่งในยุคต้นศตวรรษที่ ๑๙ ต้นตระกูลเป็นชาวเยอรมันจนๆอพยพมาค้าขายยังอเมริกา โดยทำการค้าขนสัตว์ ปฐมวงศ์คือ John Jacob Astor (๑๗๖๓ – ๑๘๔๘) ชายผู้นี้เป็นเศรษฐีที่ได้รับลือชื่อถือความดิบ เถื่อน จนลือเลื่อง แต่ก็เป็นผู้มีวิสัยทัศน์กว้างไกลด้านการค้า กิจการของเขาข้ามประเทศเลยทีเดียว เขามาถึงอเมริกาในปีค.ศ. ๑๗๘๔ โดยทำการค้าตั้งแต่แคนาดายันสหรัฐอเมริกา และภายหลังก็ก้าวไกลไปถึงประเทศจีนโดยทำการค้าและเปลี่ยนขนสัตว์ของทวีปอเมริกา กับใบชาของจีน ภายหลังเมื่อการค้าขนสัตว์เริ่มตกต่ำ เขาก็เริ่มขยายตัวไปสู่ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ในแมนฮันตันที่กำลังเติมโต เขาเคยเปรยๆว่าเสียดาย ถ้าเขารวยกว่านี้ เขาคงซื้อที่ในเกาะแมนฮัตตันทั้งเกาะแล้ว

การบุกเบิกนี้ทำให้ในยุคของคุณนายแอสเตอร์ ตระกูลแอสเตอร์มีที่ดินในแมนฮัตตันเกือบร้อยละ ๓๐ ทีเดียว

ไม่น่าเชื่อว่าชายผู้นี้จะเริ่มต้นจากร้านขายของชำ และขนสัตว์เล็กๆเท่านั้น

แต่ถึงจะรวยแค่ไหน เขาก็ยังเป็นที่ถูกดูแคลน คนพูดกันว่าคนตระกูลแอสเตอร์โดยเฉพาะท่านผู้เป็นปฐมวงศ์นั้นกินไอสครีมด้วยมีด ขากเสลดบนพื้น บ้วนยาสูบบนพรม เช็ดปากบนผ้าปูโต๊ะ ฯลฯ ยังไม่นับความโหดของเข้าในการเก็บค่าเช่ากับผู้เช่าอีก

ถือเป็นหนึ่งในมหาเศรษฐีชวนสยองแห่งตำนาน



กระทู้: ไฮโซโบราณ แห่งอเมริกา - The Gilded Age and The Mrs Astor
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 19 พ.ย. 14, 21:29
นับตั้งแต่ปี ๑๗๘๔ จนกระทั่งสิ้นสุดสงครามปฏิวัติในปี ๑๘๑๒ เรือสินค้าจากสหรัฐอเมริกาเกือบ ๓๐๐ ลำเดินทางสู่เมืองท่ากว่างโจวของจีนถึง ๖๑๘ เที่ยว เรือเหล่านี้บรรทุกสินค้าอย่างโสม นากทะเลและหนังแมวน้ำ ฝิ่น ไม้จันทน์ และเงินดอลลาร์สเปนสำหรับซื้อใบชา ผ้าไหม เครื่องกระเบื้อง และสินค้าแปลกๆ อย่างอื่น

จอห์น เจคอบ แอสเตอร์ แห่งนิวยอร์ก (John Jacob Astor of New York), สตีเวน จิราร์ด แห่งฟิลาเดลเฟีย (Stephen Girard of Philadelphia) และ อีไลอัส แฮสเกต เดอร์บี แห่งเซเลม (Elias Hasket Derby of Salem) คือพ่อค้ากลุ่มแรกที่ทำการค้ากับจีน ซึ่งช่วยทำให้พวกเขากลายเป็นส่วนหนึ่งของคนที่ร่ำรวยที่สุดในสหรัฐอเมริกา เดอร์บีนั้นกลายเป็นเศรษฐีคนแรกของประเทศ ในขณะที่แอสเตอร์คือมหาเศรษฐีคนแรก ส่วนจิราร์ดก็เป็นรองแอสเตอร์เพียงเล็กน้อย

การค้ากับจีนคือเครื่องยนต์เครื่องแรกของบรรดานักลงทุน ความสำเร็จของมันทำให้พวกเขามีเงินไปลงทุนในธุรกิจอื่นๆ ซึ่งรวมถึงทางรถไฟ ธนาคาร และการทำเหมือง อันเป็นที่มาของการก่อร่างสร้างตัวทางเศรษฐกิจและอุตสาหกรรมของสหรัฐอเมริกาในศตวรรษที่ ๑๙

จาก การค้ากับจีนช่วยสหรัฐอเมริกาสร้างประเทศได้อย่างไร (http://ksamphan.wordpress.com/2013/02/) โดย K. Samphan  ;D


กระทู้: ไฮโซโบราณ แห่งอเมริกา - The Gilded Age and The Mrs Astor
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 19 พ.ย. 14, 22:17
เส้นทางพาณิชย์นาวีของแอสเตอร์  ฝั่งตะวันออกจากนิวยอร์ก และฝั่งตะวันตกจากแอสตอเรียเมืองที่ก่อตั้งโดย จอห์น เจคอบ แอสเตอร์   ;D


กระทู้: ไฮโซโบราณ แห่งอเมริกา - The Gilded Age and The Mrs Astor
เริ่มกระทู้โดย: han_bing ที่ 20 พ.ย. 14, 22:56
หลังจากปฐมวงศ์ซึ่งค่อนข้างจะได้รับชื่อเสียมากกว่าชื่อเสียง William Backhouse Astor, Sr. บุตรชายคนหนึ่งของ John Jacob Astor ได้รับสืบทอดตำแหน่งธุรกิจของตระกูล ด้วยนิสัยของเขาที่เป็นที่ยกย่องในความเรียบง่าย เมตตา โอบอ้อมอารี ทำให้ชื่อเสียงตระกูลแอสเตอร์ดีขึ้นตามพฤติกรรมของเขา

William Backhouse Astor, Sr. (๑๗๙๒ – ๑๘๗๕) ถูกส่งให้เรียนหนังสือแต่เด็ก แต่เมื่อใดก็ตามที่มีเวลาว่างจะต้องเข้ามาช่วยงานในร้านค้าของบิดา เมื่ออายุได้ ๑๖ ปี เขาถูกส่งไปเรียนที่มหาวิทยาลัย University of Göttingen ในเยอรมันนี ต่อมาได้ย้ายไปศึกษาต่อ University of Heidelberg ต่อมาในปี ๑๘๑๕ จึงได้กลับมายังอเมริกาและช่วยสืบทอดกิจการการค้า

William Backhouse Astor, Sr. ทำให้การค้าของตระกูลแอสเตอร์ก้าวไกล เขาลงทุนเพิ่มอีกหลายอย่าง อาทิ เส้นทางรถไฟ เหมือง และอสังหาริมทรัพย์ ยิ่งเมื่อเขาได้รับมรดกเป็นที่ดินผืนมโหราฬราคาห้าแสนเหรียญจากลุงของเขาซึ่งจากไปโดยไม่มีทายาท เขาได้นำที่ดินมาพัฒนาต่อทำให้ทรัพย์สมบัติยิ่งเพิ่มพูน

แม้ธุรกิจของเขาจะรุ่งเรืองในหลายอย่าง แต่ธุรกิจที่ทำให้เขากลายเป็นมหาเศรษฐีแนวหน้าคือธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ในเกาะแมนฮัตตัน เขาซื้อที่ดินและสร้างอาคารให้คนเช่าจนร่ำรวยมหาศาล จนได้รับฉายานามที่ไม่ค่อยจะเสนาะหูว่าเป็น “เจ้าผู้ครองสลัม”  (slum landlord) แต่อย่างไรก็ตาม เขาก็มิได้ละเลยพัฒนาอาคารที่ปล่อยให้เช่าทรุดโทรม แต่ปรับปรุงให้ดีเหมาะสมแก่การอยู่อาศัย ทำให้ชื่อของเขาดี ไม่ได้กลายเป็นวายร้าย (อย่างน้อยก็แบบบิดา)

เมื่อตอนบิดาของเขาจากไป บิดาทิ้งมรดกให้เขาเป็นมูลค่า ๒๐ ล้านเหรียญสหรัฐ แต่เมื่อเขาจากไปเขาได้ทิ้งมรดกไว้เป็นมูลค่า ๕๐ ล้านเหรียญสหรัฐ

ถ้าเขามีญาณวิเศษใดๆ เขาคงยินดีไม่น้อย หากได้รู้ว่าบุตรชายของเขาที่สืบทอดมรดก จะพัฒนาให้สมบัติก้อนนี้พัฒนาเพิ่มพูนออกไปอีกเท่าตัว


กระทู้: ไฮโซโบราณ แห่งอเมริกา - The Gilded Age and The Mrs Astor
เริ่มกระทู้โดย: SILA ที่ 21 พ.ย. 14, 10:31
           ภาพวาด New York กลางศตวรรษที่ 19(ปี 1851)


กระทู้: ไฮโซโบราณ แห่งอเมริกา - The Gilded Age and The Mrs Astor
เริ่มกระทู้โดย: SILA ที่ 21 พ.ย. 14, 10:39
             จาก The Age of Innocence ผกก.ใหญ่ Martin Scorsese ก็ยังมีผลงานย้อนยุค
นิว ยอร์คด้วยหนังเรื่อง The Gangs of New York อิงเหตุการณ์ใน Lower Manhattan
ช่วงกลางศตวรรษที่ 19


กระทู้: ไฮโซโบราณ แห่งอเมริกา - The Gilded Age and The Mrs Astor
เริ่มกระทู้โดย: han_bing ที่ 21 พ.ย. 14, 19:40
หลังจาก William Backhouse Astor, Sr.จากไป เขาได้ทิ้งมรดกก้อนโตไว้ให้ลูกๆ บุตรชายของเขาสองคนรับส่วนแบ่งไปคนละก้อนโต John Jacob Astor III ผู้พี่ และ William Backhouse Astor, Jr. (๑๘๒๙ – ๑๘๙๒) และพัฒนาให้มันโตยิ่งกว่า สองพี่น้องลงทุนทำธุรกิจแยกกันไป และแต่ละคนก็มีเงินคนละประมาณ  ๗๕ – ๑๐๐ ล้านเหรียญ แต่เป็นที่รู้กันว่า พี่ชายผู้ชื่นชอบการทำธุรกิจมากกว่าน้องชายมีเงินมากกว่าน้องชาย (แต่สันนิษฐานว่าไม่น่าจะมากกว่ากันสักเท่าใดก็ตาม)

John Jacob Astor III ผู้พี่สำเร็จการศึกษาจากมหาวิทยาลัย Columbia University แต่ว่าพี่ชายภายหลังได้ไปศึกษาต่อที่มหาวิทยาลัย University of Göttingen ในเยอรมันนี แล้วยังไปเรียนต่อที่โรงเรียนกฎหมายของฮาร์วาร์ด Harvard Law School เมื่อกลับมาได้เข้าร่วมกิจกรรมทางการเมือง การทหารจนมีชื่อเสียง และขึ้นชื่อลือชามากเกี่ยวกับความใจบุญ เขาได้บริจาคเงินก้อนโตให้พิพิธภัณฑ์ศิลปะแห่งนิวยอร์ค Metropolitan Museum of Art ถึงห้าหมื่นเหรียญ ร่วมบริจาคเงินพร้อมกับน้องชายให้โบส์ถ Trinity Church ถึงแปดพันเหรียญ

แต่เงินจำนวนนี้แม้ว่ามากแล้ว เมื่อเทียบกับเงินที่บริจาคให้ห้องสมุดแอสเตอร์ ดูน้อยไปถนัดใจเพราะเขามอบให้ถึงสี่แสนห้าหมื่นเหรียญ  และมอบเงินเป็นกองทุนให้มากถึงหนึ่งล้านห้าแสนเหรียญ
เงินก้อนโตนี้เป็นแค่ส่วนหนึ่งของโครงการสำหรับการบุญต่างๆไม่นับโครงการเกี่ยวกับโรงพยาบาล และโรงเรียนมากมาย โรงพยาบาลหลายแห่งได้รับเงินบริจาคหนึ่งแสนเหรียญขึ้นไป ภรรยาของเขา Charlotte Augusta Gibbes ก็ถือว่าเป็นคู่บุญของสามีเป็นอย่างยิ่ง เธอสนับสนุนโรงเรียนอาชีวะ German industrial school และโรงพยาบาลสตรี เธอใช้ชีวิตเรียบๆง่ายๆดูแลครอบครัว และดูแลจัดการโรงเรียนตลอดจนโรงพยาบาลที่เธอสนับสนุน งานเลี้ยงไม่ใช่แนวทางของเธอเท่าใดนัก สามีเธอก็รู้สึกเช่นกัน
   
ความใจบุญ และการใช้ชีวิตเรียบๆทำให้เขาเป็นผู้นำตระกูลแอสเตอร์ แต่ว่าไม่ได้โด่งดังเท่าใดนัก

ผิดกับน้องชาย ที่แม้จะชอบทำธุรกิจเหมือนกัน ทำบุญไม่ได้ต่างกัน แต่ว่านิยมการท่องเที่ยวและการผจญภัย

แต่ที่ต่างที่สุดคงจะเป็นนิสัยของภรรยาทั้งคู่

เชื่อหรือไม่ความแตกต่างของภรรยาระหว่างสองพี่น้องที่มีบารมี และเงินพอๆกันจะสร้างสีสันให้กับสังคมชั้นสูงของชาวนิวยอร์คอีกมากในอนาคตอีกหลายสิบปีข้างหน้าอย่างมหาศาล


กระทู้: ไฮโซโบราณ แห่งอเมริกา - The Gilded Age and The Mrs Astor
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 21 พ.ย. 14, 22:03
 ;D


กระทู้: ไฮโซโบราณ แห่งอเมริกา - The Gilded Age and The Mrs Astor
เริ่มกระทู้โดย: han_bing ที่ 22 พ.ย. 14, 22:32
คราวนี้มาถึงชายผู้น้องที่แต่งงานกับสตรีที่ก่อให้เกิดตำนานบ้าง

William Backhouse Astor, Jr. (๑๘๒๙ – ๑๘๙๒) ผู้น้อง เป็นที่ยกย่องในการสนับสนุนการเลิกทาส ตลอดจนสนับสนุนด้านการเงินให้กับกองทัพในสงคราม เป็นที่ขึ้นชื่อลือชาในด้านการทำธุรกิจ แต่ที่ขึ้นชื่อยิ่งกว่าคือเรื่องความชื่นชอบในม้า ครั้งหนึ่งในปี ๑๘๗๖ มาของเขาชื่อว่า Vagrant ชนะเลิศในการวิ่งในงานแข่งมากแห่งเคนตั๊กกี้ (Kentucky Derby)และเป็นตำนานกล่าวขานเลยก็คือความนิยมเล่นเรือ เรือยอร์ชส่วนตัวของเขา Ambassadress ขึ้นชื่อลือชาว่าเป็นเรือยอร์ชส่วนตัวที่ใหญ่ที่สุดในโลกตอนที่แรกสร้าง

William Backhouse Astor, Jr. จบการศึกษาจากมหาวิทยาลัยโคลัมเบีย (Columbia College) เช่นเดียวกับพี่ชาย แต่ไม่ได้เรียนต่อเพิ่มเติม เขาหันมาทำธุรกิจ แต่ธุรกิจที่เขาทำนั้นจะเป็นในเชิงที่เชาชอบมากกว่า อาทิ เขาชอบล่องเรือยอร์ชเป็นชีวิตจิตใจ และสถานที่โปรดในการล่องเรือของเขาคือแถบฟอริด้า ภายหลังในปี ๑๘๗๗ เขาและเพื่อนนักธุรกิจอีก ๑๖ คนได้ก่อตั้งสมาคมเรือยอร์ชแห่งฟอริด้าขึ้นที่เมืองแจ๊คสันวิล (Florida Yacht Club in Jacksonville) ซึ่งปัจจุบันนี้ถือเป็นสมาคมเรือยอร์ชที่เก่าแก่ที่สุดในอเมริกา พัฒนาและเชื่อมต่อเมือง เข้าได้ซื้อที่ดินเป็นจำนวน ๘ หมื่นเอเคอร์ตลอดฟากแม่น้ำ St. Johns River หลังจากนั้นเขาและเพื่อนอีกสองคนได้สร้างเมืองขึ้นมาหนึ่งเมือง เขาตั้งชื่อเมืองแห่งนั้นว่า Manhattan แต่ภายหลังได้เปลี่ยนเป็น Astor เพื่อเป็นเกียรติแก่เขา

นี้เป็นแค่ส่วนหนึ่งเท่านั้น เขายังได้สร้างโรงแรมที่พักไว้อีกหลายแห่งเพื่อเป็นจุดพักของเรือกลไฟที่ล่องไปตามแม่น้ำ ต่อมาก็ได้พัฒนาสร้างทางรถไฟเพื่อเชื่อมเมืองที่เขาสร้าง การสาธารณกุศลก็มากหลายในเมืองและพื้นที่เขาพัฒนา อาทิ สร้างโรงเรียน สร้างโบสถ์ ภายหลังทะเลสาบหลายแห่งบริเวณนั้นได้รับการตั้งชื่อว่า Schermerhorn ตามนามสกุลของภรรยา  Caroline Webster "Lina" Schermerhorn

เมื่อเทียบกับพี่ชายดูเขาไม่ค่อยจะจริงจังกับธุรกิจเท่าไรนัก แต่อย่างไรก็ตาม เมื่อเขาตายไป เขาก็มีทรัพย์สมบัติอย่างน้อย ๗๒ ล้านเหรียญสหรัฐ (ปัจจุบันในปี ๒๐๑๔ เทียบเป็นเงินประมาณ ๑๙๐๐ ล้านดอลล่า)

ถือได้ว่าเป็นนักผจญภัยผู้ทำเงินได้มหาศาลทีเดียว

และเงินก้อนนี้ก็เป็นฐานที่ดีให้กับภรรยาของเขาในการกอบกู้สังคมผู้ดีแห่งนิวยอร์ค


กระทู้: ไฮโซโบราณ แห่งอเมริกา - The Gilded Age and The Mrs Astor
เริ่มกระทู้โดย: han_bing ที่ 22 พ.ย. 14, 22:38
William Backhouse Astor, Jr. ผู้มีนิสัยรักการผจญภัย ได้แต่งงานกับ Caroline Webster "Lina" Schermerhorn หญิงผู้ดีผู้นิสัยผิดกับเขาอย่างลิบลับในปี ๑๘๕๕ ไม่มีใครทราบว่าด้วยเหตุผลใดสองคนที่เป็นคู่ผิดฝาผิดตัวกันมากๆเช่นนี้จึงได้แต่งงานกัน สันนิษฐานว่าการจับคู่กันระหว่างเขาและภรรยาเกิดจากความต้องการมารดาของเขา Margaret Rebecca Armstrong ซึ่งเป็นหญิงผู้ดีมีตระกูล เธอเป็นบุตรสาวของวุฒิสมาชิก John Armstrong, Jr และ Alida Livingston สตรีเชื้อสายผู้ดีแห่งตระกูล Livingston

ตระกูล Livingston ผู้ที่มาตั้งรกรากในอเมริกาคนแรกๆคือ Robert Livingston the Elder (๑๖๕๔ - ๑๗๒๘) ข้าราชการผู้ดูแลอาณานิคมนิวยอร์ค ซึ่งนอกจากจะเป็นข้าราชการแล้วยังเป็นและพ่อค้าที่มั่งคั่ง ซึ่งสืบเชื้อสายขุนนางจากอังกฤษ – สก๊อต โดยสืบเชื้อสายจากลอร์ดลิฟวิงตันที่ ๔ แห่งสก๊อตแลนด์  (William Livingston, 4th Lord Livingston)

ภาพตราประจำตระกูล Livingston และRobert Livingston the Elder


กระทู้: ไฮโซโบราณ แห่งอเมริกา - The Gilded Age and The Mrs Astor
เริ่มกระทู้โดย: han_bing ที่ 23 พ.ย. 14, 14:09
ในรุ่นของ Margaret Rebecca Armstrong ตระกูลแอสเตอร์เป็นตระกูลที่มั่งคั่งที่สุดในนิวยอร์ค แต่ว่าก็ยังเป็นตระกูลใหม่ และไม่เป็นที่น่านับถือเท่าใดนัก แม้สามีของเธอจะเป็นชายผู้ประเสริฐ แต่ว่าบิดาสามีนั้นออกจะเป็นที่ครหา ฟังดูไม่น่าแปลกอะไรที่เธอพยายามยิ่งนักให้บุตรชายของเธอแต่งงานกับตระกูลผู้ดี เพราะอย่างน้อยชื่อเสียงและวงศ์วานของภรรยาคงช่วยโรยกลีบกุลหลาบบนเส้นทางที่เธอและสามีกรุยทางให้ลูกชายอย่างยากลำบากมาก่อน

Caroline Webster "Lina" Schermerhorn หรือที่เรียกกันในหมู่ญาติว่า Lina ก็ช่วยได้จริงๆ การแต่งงานของเธอกับเขาช่วยสร้างพื้นที่ในวงสังคมชั้นสูงของนิวยอร์ดให้กับสามีเป็นอย่างดี นอกจากเธอจะใช้สกุลเธอผลักดัน เธอยังทำการผลักดันด้วยตัวเธอเอง เธอให้สามีตัดคำว่า “Backhouse” อันแปลว่า “หลังบ้าน” ออกจากชื่อสามี ให้เหลือเพียง William Astor เพื่อลบนัยยะแฝงที่ไม่ค่อยจะงามกับชื่อ ว่ากันว่ามันทำให้นึกถึงคำเล่าลือว่าครอบครัวแอสเตอร์ได้ที่ดินมาอย่างมีลับลมคมในกับผู้ว่าเมืองนิวยอร์คผู้ฉ่อฉล William Magear Tweed  (๑๘๒๓ – ๑๘๗๘) ผู้มีฉายาว่า "Boss" Tweed ที่ลงท้ายตายในคุก นี้ยังไม่นับงานเลี้ยงต่างๆที่ถูกจัดขึ้นมาเพื่อสร้างภาพลักษณ์ที่ดีให้กับครอบครัวตามธรรมเนียมผู้ดีชาวนิวยอร์ค

ถึงว่าเป็นภรรยาผู้มีคุณอยู่พอควร

แต่ว่ากุหลาบย่อมมีหนาม และทางที่โรยกลีบกุหลาบโดยลีน่า ก็มีหนามคอยทิ่มแทงสามีและภรรยาคู่นี้พอควรเช่นกัน

ภาพผู้ว่าเมืองนิวยอร์ค William Magear Tweed ผู้สุดท้ายถูกจับขังคุกและตายในคุกด้วยข้อหาทุจริตโกงกิน 


กระทู้: ไฮโซโบราณ แห่งอเมริกา - The Gilded Age and The Mrs Astor
เริ่มกระทู้โดย: han_bing ที่ 25 พ.ย. 14, 19:59
สามีภรรยาคู่นี้แต่งงานกันด้วยความรักหรือไม่ไม่มีใครทราบ แต่หลายคนสันนิษฐานว่าน่าจะมาจากความเหมาะสมทางสังคม ครอบครัวฝ่ายชายต้องการชื่อเสียงเกียรติยศของฝ่ายหญิง และครอบครัวฝ่ายหญิงก็ต้องการทรัพย์สินก้อนโตให้บุตรสาว ถึงแม้ตระกูลนี้จะมีเงินเป็นล้าน บิดาของลีน่าทำการค้าจนมั่งคั่งมีเงินมากถึง ๑๕ ล้านเหรียญในยุคนั้น (เกือบ ๓๐๐ ล้านเหรียญในยุคนี้) แต่พอแบ่งให้ลูกแต่ละคนก็ได้ไปคนละไม่กี่ล้าน สู้ให้ลูกสาวแต่งกับตระกูลแอสเตอร์ไม่ได้ สำหรับสังคมชั้นสูงชาวนิวยอร์คยุคนั้น แม้จะดูถูกพวกเศรษฐีใหม่ แต่ว่าถ้าอย่างน้อยๆทรัพย์สินที่มีนั้นสั่งสมกันมามากกว่า ๕๐ ปี ว่าง่ายๆคือมรดกอายุมากกว่าเศรษฐีใหม่ที่เข้ามาตอนนี้...ก็ถือว่าใช้ได้แล้ว

ลีน่ากับวิลลเลี่ยมใช้ชีวิตอย่างสงบนับตั้งแต่แต่งงาน โดยต่างคนก็ต่างทำกิจกรรมที่ตนเองชื่นชอบ ลีน่าจัดงานเลี้ยงและเลี้ยงลูก วิลเลี่ยมหาเงินมาให้ลีน่า แล้วเขาก็เข้าไปขี่ม้า ล่องเรือ ตามประสา ลีน่าอยากจะใช้เงินเท่าไรเขาก็ไม่ว่า ส่วนวิลเลี่ยมจะทำอะไรลีน่าก็ไม่ว่าเหมือนกัน ขอแค่อย่ามายุ่งในเรื่องของเธอ

ความสัมพันธ์ของคู่นี้แม้ไม่ได้แตกร้าว แต่ก็แยกห่างพอควร เมื่อลีน่าจัดเลี้ยง เธอพยายามกันให้สามีอยู่นอกงานเสมอ เพราะว่าสามีนั้นนอกจากจะไม่ค่อยชอบงานเลี้ยง คำบอกเล่าจากหลานของวิลเลี่ยมคนหนึ่งกล่าวถึงบุคคลิกของวิลเลี่ยมง่ายๆ "ไม่ค่อยจะน่าเข้าใกล้สักเท่าใดนัก" ด้วยเหตุผลกลฉะนี้ ลีน่าจึงพยายามอย่างยิ่งยวดให้สามีอยู่คลับกับเพื่อนฝูงนานๆ กว่าเขาจะถึงบ้าน งานเลี้ยงก็จบแล้ว แขกล้วนกลับบ้าน นักดนตรีเก็บข้าวของจนหมด ลูกๆก็ขึ้นนอน

แล้ววิลเลี่ยมก็เข้านอนอย่างสงบ โดยไม่ได้ยุ่งเกี่ยวกับอะไรเลย

และนอกจากจะกันสามีออกห่างจากงานเลี้ยงแล้ว เธอยังกันสามีออกห่างจากลูกๆเช่นกัน วิลเลี่ยมแทบไม่มีส่วนเกี่ยวข้องอะไรกับการเติบโตของลูก หน้าที่ของเขาคือทำหน้าที่พ่อยามที่ควรทำ - จูงลูกสาวสู่งานวิวาห์ - เป็นประธานการจัดงานที่พ่อควรจะอยู่ - แนะแนว รวมถึงยามต้องใช้ไม้แข็งกับลูก (ตามที่ภรรยาร้องขอ) - นอกนั้น ลีน่าจัดการเองแทบทั้งสิ้น

ทั้งสองคนใช้ชีวิตอย่างนี้ ลีน่าจัดเลี้ยง ส่วนวิลเลี่ยมล่องเรือ แต่ก็น่าอัศจรรย์ใจอยู่ ที่ลีน่าไม่เคยบ่นว่าสามีใครให้ฟังแม้แต่น้อย เมื่อพูดถึงสามี เธอพร่ำพูดแต่ว่า "เขาดีต่อฉันมาก ฉันโชคดีที่สุดแล้วที่ได้แต่งงานกับคุณแอสเตอร์"
และเมื่อคนใดก็ตามถามว่าทำไมเธอถึงไม่ไปล่องเรือกับเขาเล่า ลีน่าก็ตอบอย่างเศร้าสร้อยว่า "ฉันอยากจะไปเหลือเกิน แต่ว่าฉันนั้นเป็นกะลาสีที่แย่มาก ทุกครั้งที่เหยียบเท้าลงเรือ ฉันได้แต่เมาคลื่น และป่วยทั้งวัน - นี้คือคำสารภาพของภรรยาที่ไม่เอาไหนคนหนึ่ง"

ไม่มีใครรู้ว่าวิลเลียมดีต่อลีน่าจริงหรือเปล่า แต่ก็อาจจะเป็นได้ เพราะเขาตามใจเธอทุกอย่าง ไม่ว่าเธอจะต้องการอะไร แต่ว่าสำหรับการเมาคลื่นนั้น ก็เป็นที่ทราบดีในครอบครัวเช่นกัน ว่าลีน่าเป็นคนชอบล่องเรือมาก ขนาดเรือโดนคลื่นหนักๆ ทุกคนเมาเรือแทบจะยืนไม่ได้ เธอกลับนั่งชมวิว และหัวเราะครื้นเครงอย่างอารมณ์ดี เมื่อคลื่นอีกลูกกระแทกมา

สามีภรรยาคู่นีแม้เข้ากันไม่ได้ แต่ก็มีทายาทหลายคน ดังนี้

๑. Emily Astor (1854–1881)
๒. Helen Schermerhorn Astor (1855–1893)
๓. Charlotte Augusta Astor (1858–1920)
๔. Caroline Schermerhorn "Carrie" Astor (1861–1948)
๕. John Jacob "Jack" Astor IV (1864–1912)

ในปี ๑๙๖๒ สองสามีภรรยาได้สร้างบ้านขึ้นหลังหนึ่ง เป็นทาวเฮาส์ขนาดมโหราฬขนาด ๔ ชั้น ณ เลขที่ 350 Fifth Avenue ซึ่งเป็นย่านหรูหรา บ้านหลังนี้เป็นบ้านหินทราบสีน้ำตาลอย่างสมัยนิยม แต่ที่พิเศษคือมีห้องจัดเลี้ยงขนาดใหญ่ซึ่งจุคนได้ถึง ๔๐๐ คน ถือเป็นบ้านไม่กี่หลังในยุคนั้นที่มีห้องจัดเลี้ยง ข้างๆบ้านของเธอเป็นบ้านทาวเฮาส์ขนาดใหญ่ไม่แพ้กันของพี่ชายวิลลเลี่ยม เป็นที่ทราบกันดีว่าสองพี่น้องนี้เข้ากันไม่ค่อยได้ แต่ก็ยังเลือกที่จะอยู่ข้างกันด้วยเหตุผลกลใดไม่รู้

เมื่อเวลาผ่านไป ลูกของทั้งสองเติบโตขึ้น โดยเฉพาะเหล่าบุตรสาวของลีน่า ในปี ๑๙๗๐ ลูกสาวคนโตสองคนกำลังสู่วัยสาว และจะเปิดตัวสู่วงสังคมพอดี และเมื่อเปิดตัวสู่สังคมแล้วไซร้ก็เป็นที่คาดหมายได้ว่าอีกไม่นานทั้งคู่จะต้องแต่งงาน

ว่ากันว่าเพราะเหตุที่ห่วงในบุตรของตัวเองจะต้องระคนกับชาติไพร่ ทำให้ลีน่ามีแรงบันดาลใจลุกขึ้นมา ปกป้องสังคมผู้ดีแห่งนิวยอร์ค ให้พ้นภัยจากพวกไพร่ที่หลังไหลมาจากทั่วทุกสารทิศ

คุณนายแอสเตอร์ได้ถือกำเนิดขึ้นแล้ว

ภาพลักษณะการตบแต่งบ้านของคุณนายแอสเตอร์ ภาพนี้เป็นภาพบ้านใหม่ บ้านเก่าข้าพเจ้าหาใน bing กับ baidu ไม่เจอ ท่านใดเจอเมตตานำมาลงจะขอบคุณมาก


กระทู้: ไฮโซโบราณ แห่งอเมริกา - The Gilded Age and The Mrs Astor
เริ่มกระทู้โดย: han_bing ที่ 25 พ.ย. 14, 20:13
ปล. ส่งไม้ต่อให้ท่านผู้เมตตา มาเขียนอธิบายธรรมเนียมเปิดตัวสตรีสาวสู่วงสังคมแบบฝรั่ง ข้าพเจ้าจะรู้สึกขอบคุณเป็นที่ยิ่ง

 ;D


กระทู้: ไฮโซโบราณ แห่งอเมริกา - The Gilded Age and The Mrs Astor
เริ่มกระทู้โดย: SILA ที่ 26 พ.ย. 14, 10:03
           ทาวน์เฮ้าส์สี่ชั้นเลขที่ 350 ณ Fifth Avenue

          โดนข่มด้วยโรงแรมใหญ่หรูของ William Waldorf Astor(บุตรชายของ John Jacob
Astor III ต้นสาแหรกรุ่นพี่ - Elder Branch) ผู้ที่ไม่ถูกกับน้าสะใภ้"Aunt Lina" แห่งสาแหรก
รุ่นน้องที่มาแย่งสมญา The Mrs. Astor ไปจากภรรยาตน จึงแกล้งสร้างโรงแรม “The Waldorf”
ซึ่งใหญ่โตหนวกหูผู้คนพลุกพล่านขึ้นที่ข้างบ้านน้าสะใภ้ให้ปวดประสาท


กระทู้: ไฮโซโบราณ แห่งอเมริกา - The Gilded Age and The Mrs Astor
เริ่มกระทู้โดย: SILA ที่ 26 พ.ย. 14, 10:05
รูปขยายใหญ่ขึ้น


กระทู้: ไฮโซโบราณ แห่งอเมริกา - The Gilded Age and The Mrs Astor
เริ่มกระทู้โดย: SILA ที่ 28 พ.ย. 14, 15:24
มาช่วยดันกระทู้

              เดอะคุณนายแอสเตอร์ หรือที่เรียกกันภายในครอบครัวว่า ลิน่า นั้นจัดได้ว่าเป็น(อดีต)
เด็กสปอยล์ ด้วยว่าเป็นลูกสาวคนเล็กของครอบครัวเศรษฐี มีพี่เลี้ยงคอยดูแล เข้าโรงเรียนผู้ดี
มีประสบการณ์ผ่านสังคมชั้นสูงในอังกฤษหลายรอบ เมื่อเติบโตเป็นสาว เธอจึงพร้อมแบบจัดเต็ม
ด้วยคุณสมบัติที่สาวน้อยไฮโซพึงมี ยกเว้น ความงามสมบูรณ์แบบทั้งเรือนร่างและหน้าตา 
              เธอจะไม่ยอมให้ใครถ่ายรูปเธอ ถ้าหากเธอไม่ได้เป็นผู้ควบคุมจัดการถ่ายภาพนั้นเอง
ด้วยเหตุนี้จึงมีภาพถ่ายของเธอตกมาถึงปัจจุบันให้ยลโฉมเพียงไม่กี่รูป
              กว่าจะมีชายมาสู่ขอแต่งงาน ลิน่าก็มีอายุปาเข้าไป 23 ปีแล้ว ซ้ำดูเหมือนว่าเหตุผล
ของการแต่งงานครั้งนี้ก็มีอยู่ว่าเป็นการแต่งเพื่ออาศัยสถานะทางสังคมของลิน่ามาสร้างชื่อให้ตระกูล
แอสเตอร์                 


กระทู้: ไฮโซโบราณ แห่งอเมริกา - The Gilded Age and The Mrs Astor
เริ่มกระทู้โดย: SILA ที่ 28 พ.ย. 14, 15:30
          หลังจากที่ลิน่าให้กำเนิดบุตรชาย(คนเดียว)แล้ว ฝ่ายชายซึ่งคงเห็นว่าภารกิจหน้าที่
สมบูรณ์แล้วจึงปลีกตัวไปใช้ชีวิตในบ้านชนบทหรือบนเรือยอชท์ ในขณะที่ลิน่าก็พาตัวเข้าสังคม
ไฮโซนิว ยอร์คอย่างเต็มตัวและเต็มใจ

           ลิน่าตัดสินใจที่จะเข้าครองและจัดระเบียบสังคมไฮโซที่นี่ในช่วงทศวรรษที่ 1870
เมื่อลูกสาวของเธอกำลังเจริญวัยเป็นสาว เธอต้องการให้ลูกๆ ของเธอได้พบปะแต่ผู้คนใน
แวดวงศ์หงส์ด้วยกันเท่านั้น

ภาพจาก The Age of Innocence


กระทู้: ไฮโซโบราณ แห่งอเมริกา - The Gilded Age and The Mrs Astor
เริ่มกระทู้โดย: SILA ที่ 28 พ.ย. 14, 15:33
            เธอมี Mr. Ward McAllister ซึ่งเป็นผู้มีอิทธิพลเป็นผู้ร่วมมือกันคัดจัดสรรค์
สมาชิกสังคมชั้นสูงนิว ยอร์คให้เหมือนกับที่เธอเคยเห็นในอังกฤษ โดยการตั้ง the  Patriarch’s
จัดการเรียงรายชื่อสุภาพบุรุษจำนวน 25 คน แต่ละคนมีทรัพย์สมบัติมากกว่า 1 ล้านเหรียญพร้อม
ความน่านับถือและความรับผิดชอบ คนที่อยากจะมาเข้าแวดวงศ์หงส์จัดตั้งขึ้นนี้ต้องมีคุณสมบัติ
สืบสายมาอย่างน้อยสามรุ่นจากบรรพชนคนแรกที่ก่อร่างสร้างตนจนร่ำรวย

เจ้าพ่อผู้ร่วมก่อตั้ง(จัดระเบียบ) สังคมไฮโซ


กระทู้: ไฮโซโบราณ แห่งอเมริกา - The Gilded Age and The Mrs Astor
เริ่มกระทู้โดย: SILA ที่ 28 พ.ย. 14, 16:03
          สุภาพบุรุษเหล่านี้จะได้รับมอบภารกิจในการเชิญสุภาพบุรุษอีกสี่และสุภาพสตรีอีกห้า รวม
เป็น 250 หงส์ มาร่วมงานกับแขกเหรื่อคนอื่นๆ ได้แก่ แขกรับเชิญ, ไฮโซจากต่างเมืองและฝูงหงส์
หนุ่มสาวที่ลิน่าคัดเลือกเชิญมาร่วมสมาคมเรียกรวมว่า 400 รายของคุณนายแอสเตอร์ "Mrs Astor’s  
Four Hundred"


กระทู้: ไฮโซโบราณ แห่งอเมริกา - The Gilded Age and The Mrs Astor
เริ่มกระทู้โดย: SILA ที่ 28 พ.ย. 14, 16:08
           400 นี้คือ จำนวนความจุผู้คนในห้องจัดเลี้ยงของ Delmonico's Restaurant มาจาก
คำตอบของเจ้าพ่อ Ward ที่ให้กับผู้สื่อข่าวซึ่งถามถึงจำนวนแขกที่จะมาร่วมงานว่า มามากเท่ากับ
ความจุของห้องที่นั่น บางครั้งเขาก็บอกว่าเป็นจำนวนความจุของห้องจัดเลี้ยงของคุณนายแอสเตอร์
และ
            ตัวเลขจำนวน 400 นี้ก็ได้สร้างความกังขาให้แก่ชาวสังคมอย่างยิ่งว่ามี ใครอิน ใครเอ๊าท์บ้าง
จนกระทั่งในปี 1892 จึงเป็นที่เปิดเผยว่ารายชื่อที่แท้จริงนั้นมี 319 คนจาก 169 ครอบครัว โดยที่
รายนามนั้นคลาดเคลื่อนทั้งการสะกดชื่อ บางรายก็ตายไปแล้ว และ
           มาตรฐานที่ว่าจะคัดสรรค์ตาม กำเนิด, กำพืด และ "กรรมพันธุ์"(birth, background, and breeding) นั้นก็ไม่แน่นอน มีรายชื่อจากครอบครัว Knickerbocker และเศรษฐีใหม่คนอื่นๆ หลุด
เข้ามาด้วย

ภาพจากหนัง The Age


กระทู้: ไฮโซโบราณ แห่งอเมริกา - The Gilded Age and The Mrs Astor
เริ่มกระทู้โดย: SILA ที่ 28 พ.ย. 14, 16:12
          หนังเรื่อง The Age of Innocence สร้างจากนิยายของ  Edith Wharton มีฉาก
งานเลี้ยงที่คฤหาสน์ของ Mrs Beaufort ที่กล่าวกันว่าผู้แต่งน่าจะได้แนวคิดจากงานเลี้ยงของ
คุณนายแอสเตอร์ซึ่งเป็นเครือญาติของเธอ

คลิปงานเลี้ยงจากหนัง

                https://www.youtube.com/watch?v=8r-Po2g7HvA (https://www.youtube.com/watch?v=8r-Po2g7HvA)


กระทู้: ไฮโซโบราณ แห่งอเมริกา - The Gilded Age and The Mrs Astor
เริ่มกระทู้โดย: SILA ที่ 28 พ.ย. 14, 16:21
           งาน Patriarch ball นี้เริ่มจัดขึ้นตลอดฤดูกาลเหมันต์สังสรรค์ในช่วงต่อปี 1872-73
ถือได้ว่าคืองาน debutante ball เปิดตัว(debut) ยุวหงส์สู่วงศ์สังคมไฮโซเป็นครั้งแรก
 
debutante or deb จากภาษาฝรั่งเศสแปลว่า  "female beginner"

1899 Debutantes Lady Blanche Ruth Brooke Tatton Grieve and Mrs. Bouchier


กระทู้: ไฮโซโบราณ แห่งอเมริกา - The Gilded Age and The Mrs Astor
เริ่มกระทู้โดย: han_bing ที่ 29 พ.ย. 14, 18:54
ขอบพระคุณ คุณ SILA ที่มาช่วยเขียนต่อให้ หลายวันมานี้ Han Bing อาหารเป็นพิษ นอนซม แต่ไม่ถึงเข้าโรงพยาบาล

ตอนนี้พึ่งดีขึ้นเดี่ยวพื้นฟูกำลังเสร็จจะกลับมาเล่าต่อ


กระทู้: ไฮโซโบราณ แห่งอเมริกา - The Gilded Age and The Mrs Astor
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 29 พ.ย. 14, 19:28
ห้องสมัยนั้นตกแต่งประดับประดา อย่างไม่แคร์เรื่องฝุ่นเลย   เพราะมีกองทัพคนรับใช้คอยดูแลอยู่


กระทู้: ไฮโซโบราณ แห่งอเมริกา - The Gilded Age and The Mrs Astor
เริ่มกระทู้โดย: SILA ที่ 30 พ.ย. 14, 10:44
ระหว่างรอจขกท.(ขอให้หายเร็วๆ) ;D

            กล่าวถึงคู่หู(ฝ่ายชาย)ผู้ตั้งตนเป็นผู้ทรงอิทธิพลแห่งสังคมไฮโซนิว ยอร์ค ช่วงทศวรรษ 1860s
ถึงต้นทศวรรษ 1890s สักหน่อย
                นามเต็ม คือ Samuel Ward McAllister
            ถือกำเนิดในครอบครัวมีหน้ามีตาที่รัฐจอร์เจีย จบการศึกษาจาก Yale College เคยทำงาน
เป็นนักกฎหมายผู้ประสบความสำเร็จในแคลอฟอร์เนียยุคตื่นทอง จากนั้นจึงข้ามแอตแลนติคไปสัมผัส
แวดวงไฮโซในยุโรปก่อนที่จะกลับมาลงรากในนิว ยอร์ค
             หลังจากได้แต่งงานกับทายาทเศรษฐี ด้วยทรัพย์สมบัติของภรรยา, บุคคลิกที่มีเสน่ห์น่าคบหา
กิริยานอบน้อมและ คอนเน็คชั่นของตนเอง คุณวอร์ดก็ได้เปลี่ยนบทบาทมาเป็น "รสนิยมกร"(tastemaker)
ให้กับนายวาณิชและเจ้าครองที่ดินรุ่นเก่าก่อนที่สืบย้อนสาแหรกไปไกลได้ถึงสมัยอาณานิคม New Amsterdam
(ในเวลาต่อมา บรรดาเศรษฐีใหม่ก็ได้มารวมอยู่ในรายชื่อของคุณวอร์ดด้วยตามที่ได้กล่าวแล้ว)


กระทู้: ไฮโซโบราณ แห่งอเมริกา - The Gilded Age and The Mrs Astor
เริ่มกระทู้โดย: SILA ที่ 30 พ.ย. 14, 10:47
          คุณวอร์ดประสบความสำเร็จในบทบาทนี้เป็นอย่างดีเป็นที่ยอมรับในแวดวงเศรษฐี จนสามารถ
สถาปนาตนเป็นเจ้า(พ่อ) แห่งสังคมไฮโซ และได้รับงานจากเดอะคุณนายแอสเตอร์จัดงานเลี้ยงวงศ์
หงส์นิว ยอร์ค
           มีขึ้นก็ต้องมีลง เมื่อคุณวอร์ดผู้กระหายที่จะได้ออกสื่อได้ออกหนังสือบันทึกความทรงจำ ชื่อ
Society as I Have Found It ในปี 1890 แล้วปรากฏว่าบรรดาเศรษฐีผู้ต้องการความเป็นส่วนตัว
ทั้งหลายต่างไม่ปลื้ม


กระทู้: ไฮโซโบราณ แห่งอเมริกา - The Gilded Age and The Mrs Astor
เริ่มกระทู้โดย: han_bing ที่ 11 ธ.ค. 14, 21:56
ตอนนี้เจ้าของกระทู้พึ่งเสร็จสิ้นจากงานสัมนาใหญ่ของมหาวิทยาลัยที่เรียนอยู่ :P ต้องขึ้นบรรยาย ขึ้นบรรยายเสร็จแล้วต้องส่งบทความต่อ

ขอมาขยายความอะไรหน่อย
นาย Samuel Ward McAllister คนนี้เข้ามารู้จักกับคุณนายแอสเตอร์ได้ เนื่องจากญาติของเขา Samuel Cutler Ward (1814 — 1884) นายธนาคารชื่อดังแห่งยุค ได้แต่งงานกับสตรีแห่งตระกูลแอสเตอร์ คือ Emily Astor ซึ่งเป็นพี่สาวแท้ๆของสามีลีน่า แถมยังเป็นพี่สาวคนโต - ลูกคนแรกของตระกูลอีก จากความสัมพันธ์นี้ทำให้เขาเข้ามาหาลีน่าได้ง่ายดาย

Samuel Cutler Ward นี้ไม่ใช่นายธนาคารธรรมดาๆ แต่ยังเป็นนักล๊อบบี้ชื่อดังแห่งยุค ที่คอยวิ่งเต้นและผลักดันรัฐบาลให้ลงนโยบายเพื่อสนองตอบต่อความประสงค์ของกลุ่มผลประโยชน์ ทั้งนี้วิธีวิ่งเต้นของเขานั้นถือเป็นวิธีใหม่ของยุคนั้น นั้นคือ ใช้อาหารดีๆ วายดีๆ และคำพูดดีๆ ค่อยๆกล่อม จนนักการเมืองเคลิ้มตาม ความเก่งขนาดนี้ทำให้เขาได้ฉายาว่า "King of the Lobby"

ถือว่าญาติพี่น้องในตระกูลนี้เชื้อไม่ทิ้งแถวเลยทีเดียว

 ภาพของเขากับภรรยา และภาพของเขาในวัยชราปี ๑๘๘๐


กระทู้: ไฮโซโบราณ แห่งอเมริกา - The Gilded Age and The Mrs Astor
เริ่มกระทู้โดย: han_bing ที่ 11 ธ.ค. 14, 22:02
บัลลังค์ของลีน่ามั่นคงอย่าไม่เคยคลอนแคลน ใครๆก็เกรงใจเธอ จนเรียกได้ว่าเธอ "ครองราชย์" ในแผ่นดินนิวยอร์คอย่างไม่มีใครทาบรัศมีได้

แต่อย่างไรก็ตาม เมื่อก้าวเข้าสู่ปี ๑๘๘๓ ตระกูลเศรษฐีใหม่ที่รวยไม่แพ้กัน ก็ก้าวขึ้นมา และค่อยๆถูกผลักดันให้กลายเป็นเศรษฐีแนวหน้าโดยสะใภ้ของตระกูล เช่นเดี่ยวกับที่ลีนาเคยทำ

และนี้คือสตรีในตำนานอีกคน

Alva สะใภ้ผู้ยิ่งใหญ่แห่งตระกูล Vanderbilt

แอลว่ากับภาพในงานแฟนซีอันลือลั่นของเธอ


กระทู้: ไฮโซโบราณ แห่งอเมริกา - The Gilded Age and The Mrs Astor
เริ่มกระทู้โดย: han_bing ที่ 11 ธ.ค. 14, 22:05
ตอนนี้ข้าพเจ้าออกจะหัวปั่นกับงานเลยไม่มีเวลามาต่อเท่าใดนัก

อยากจะขอความเมตตาท่านใดสงสาร ช่วยมาเขียนเรื่องตระกูล Vanderbilt กับการแข่งขันชิงบัลลังค์ราชินีแห่งนิวยอร์คจะขอขอบพระคุณมาก

เดี่ยวข้าพเจ้าจะมาเขียนบั้นปลายของคุณนายแอสเตอร์ผู้ยิ่งยง เพื่อปิดท้ายเอง แต่ตอนนี้ ขอความเมตตาทุกท่านด้วย

 :-[


กระทู้: ไฮโซโบราณ แห่งอเมริกา - The Gilded Age and The Mrs Astor
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 11 ธ.ค. 14, 22:14
ใกล้ปีใหม่ ดิฉันมีงานเต็มมือ  ขอส่งไม้ต่อให้คุณ SILA  หรือท่านอื่นๆที่สมัครใจมาต่อกระทู้ให้คุณหาญค่ะ


กระทู้: ไฮโซโบราณ แห่งอเมริกา - The Gilded Age and The Mrs Astor
เริ่มกระทู้โดย: SILA ที่ 13 ธ.ค. 14, 09:38
           ชวนชาวเรือนลอง "จิ้น"ตนาการงานเลี้ยงสังสรรค์ไฮโซ Patriarch ball กันครับ
ภาพประกอบจาก The Age of Innocence เช่นเคย

          จากแนวคิดของเดอะคุณนายแอสเตอร์ในตอนแรกที่หมายจะให้เป็นงานประมาณ Debutante
ball เปิดตัวลูกสาวเข้าวงการไฮโซ จากนั้นก็ได้มีการจัดกันต่อเนื่องเพื่อเป็นงานพบปะผู้คนในแวดวง
สายพันธุ์เดียวกันที่ผ่านการคัดสรรค์แล้วว่าคู่ควร


กระทู้: ไฮโซโบราณ แห่งอเมริกา - The Gilded Age and The Mrs Astor
เริ่มกระทู้โดย: SILA ที่ 13 ธ.ค. 14, 09:44
          ผู้ที่ได้รับเชิญมางานต่างก็ต้องจัดเตรียมเสื้อผ้าหน้าผมพร้อมเครื่องประดับที่ดูดีบ่งบอก
เรื่องกิริยามารยาทสังคมนั้นชาวระดับได้รับเชิญย่อมรู้กฎกติกากันดีอยู่แล้ว เรื่องที่ต้องเตรียมการ
จึงเป็นเรื่องอื่นๆ ประเภท
           การวางตัวระหว่างการเข้าชมอุปรากรที่โรงละคอนตอนหัวค่ำก่อนไปร่วมงานหลังอุปรากรจบ
อย่างน้อยควรจะรู้เรื่องราวอุปรากรที่จัดแสดงในคืนนั้นไว้บ้างเพื่อจะได้คุยกับเขาได้ แต่ส่วนใครที่ไม่
ชอบดูชอบฟังอุปรากรเลยก็ต้องรู้จักเก็บอาการ  ไม่แสดงออกว่าเบื่อหรือเผลอหลับเป็นอันขาด


กระทู้: ไฮโซโบราณ แห่งอเมริกา - The Gilded Age and The Mrs Astor
เริ่มกระทู้โดย: SILA ที่ 13 ธ.ค. 14, 09:50
          จบจากอุปรากรแล้วบรรดาแขกเหรื่อรับเชิญก็จะเคลื่อนขบวนรถจากโรงละคอนไปต่อ
ที่อาคารสถานที่จัดเลี้ยง(แต่ยังไม่ได้กินเลี้ยง) หลังการทักทายแนะนำตัวสนทนาปราศรัยกัน
แล้วก็จะเข้าสู่ช่วงเปิดงานโดยการเปิดตัวไฮโซคนสำคัญจับคู่ออกเต้นรำเปิดฟลอร์
          แขกเหรื่อบางคนจึงอาจต้องเตรียมหาอะไรรองท้องมาก่อนหรือไม่งั้นก็ต้องเมินหิว


กระทู้: ไฮโซโบราณ แห่งอเมริกา - The Gilded Age and The Mrs Astor
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 13 ธ.ค. 14, 12:06
ขอบคุณค่ะคุณ SILA

ประเพณี coming out  หรือเปิดตัวสู่สังคมของเหล่าสาวน้อยลูกผู้ดีไฺฮโซ เป็นประเพณีข้ามทะเลจากอังกฤษมาอเมริกาฝั่งตะวันออก     พอพ้นจากห้องเรียน อายุประมาณ 18  สาวน้อยก็ต้องเปิดตัวเป็นเดบูตอง    ถ้าอยู่อังกฤษก็ต้องหัดถอนสายบัวให้สวย แต่งกายงามด้วยชุดขาวฟูฟ่องอลังการ  เตรียมเดินเรียงแถวเข้าเฝ้าพระเจ้าแผ่นดิน ร่วมกับสาวน้อยอื่นๆที่เกิดปีเดียวกัน

จากนั้นพ่อแม่ก็จัดงานบอลล์เปิดตัวลูกสาว  พาออกงานเลี้ยง ไปดูโอเปร่า ฯลฯ อย่างที่คุณ SILA เล่า จนกว่าเธอจะได้รับคำขอแต่งงานจากหนุ่มไฮโซคนใดคนหนึ่งให้จบสิ้นกระบวนการไป
ถ้าเวลาผ่านไป 1 ปี ยังหาใครไม่ได้ ก็เป็นความอับอายขายหน้าถึงวงศ์ตระกูล   เดบูตองสาวเกือบทุกคนจึงเปิดฉากชีวิตสาวด้วยความเครียดอย่างหนัก  จนกว่าจะหาคู่หมั้นได้เป็นตัวเป็นตนเสียก่อนจึงจะหายเครียด


กระทู้: ไฮโซโบราณ แห่งอเมริกา - The Gilded Age and The Mrs Astor
เริ่มกระทู้โดย: SILA ที่ 14 ธ.ค. 14, 11:01
ยังอยู่ที่งานเลี้ยงต่อ ครับ

            ล่วงเลยหลังเที่ยงคืนจึงได้เวลามื้อเที่ยง(คืน) ต่างแยกย้ายไปนั่งตามโต๊ะในห้องอาหาร
รอเสิร์ฟสารพันภักษาหารที่ผ่านการคัดสรรค์มาอย่างดี


กระทู้: ไฮโซโบราณ แห่งอเมริกา - The Gilded Age and The Mrs Astor
เริ่มกระทู้โดย: SILA ที่ 14 ธ.ค. 14, 11:03
            ระหว่างรับประทานอาหารเลิศรส ก็จะต้องมีการสนทนากับสมาชิกร่วมโต๊ะคนอื่นๆ ไปด้วย
จึงควรจะมีการทำการบ้านเรื่องหัวข้อที่จะคุยกันมาบ้าง ไม่เช่นนั้นก็ต้องทำตัวเป็นผู้ฟังที่ดี


กระทู้: ไฮโซโบราณ แห่งอเมริกา - The Gilded Age and The Mrs Astor
เริ่มกระทู้โดย: SILA ที่ 14 ธ.ค. 14, 11:08
            จวบจนกาลผ่านไปประมาณตีหนึ่งครึ่งจึงได้เวลาเปิดฟลอร์อีกครั้งด้วยการเต้นรำ
แบบ cotillion ซึ่งเป็นที่นิยมในนิว ยอร์คยุคนั้น
            นั่นคือการเต้นรำอย่างเป็นทางการของหนุ่มๆ สาวๆ ที่มีการแลกเปลี่ยนคู่เต้นรำ
            หนุ่มสาวต่างต้องเตรียมกายให้ดูงาม, เตรียมตัวฝึกฝนการเต้นรำให้ชำนาญพร้อม
กับฝึกการหว่านเสน่ห์ในช่วงเวลานาทีทองนี้ที่เป็นโอกาสได้ใกล้ชิดกันตัวต่อตัว เพื่อจะได้
ก่อความประทับใจให้บังเกิด


กระทู้: ไฮโซโบราณ แห่งอเมริกา - The Gilded Age and The Mrs Astor
เริ่มกระทู้โดย: SILA ที่ 14 ธ.ค. 14, 11:15
              เมื่อรัตติกาลผ่านพ้นจนถึง 3 นาฬิกาก่อนฟ้าจะสางจึงได้เวลาเลิกงาน
 
              ด้วยเหตุ(การณ์เป็นเช่น)นี้ ผู้ที่จะออกงานนี้จึงควรจะเตรียมตัวให้พร้อมทั้งกาย, ใจ และ
สมองเพื่อที่ว่าจะได้ออกงาน, ออกลายหงส์ได้โดยไม่พลาดแล้วกลับกลายเป็นหงส์ปีกหัก


กระทู้: ไฮโซโบราณ แห่งอเมริกา - The Gilded Age and The Mrs Astor
เริ่มกระทู้โดย: SILA ที่ 15 ธ.ค. 14, 14:37
           สิ่งหนึ่งที่อดสงสัยไม่ได้ เมื่อได้รู้ว่างานเลี้ยงนี้กินเวลาเกือบทั้งคืน ก็คือ เหล่าดรุณีเด็บ
ทั้งหลายซึ่งแต่งตัวจัดเต็มด้วยกระโปรงบานยาวฟูฟ่องมีวิธีจัดการกับ "อุทกภัย" ของร่างกายอย่างไร
            คาดว่า ต่างคงพยายามจำกัดปริมาณน้ำดื่มและดริ๊งค์ให้น้อยที่สุด แต่ด้วยว่าเวลาที่ยาวนาน
ขนาดนั้น อย่างไรเสียธรรมชาติก็ย่อมเป็นฝ่ายชนะและพวกเธอต้องจำนน

            ในยุคนี้ที่มีแพมเพอร์ใช้แต่คงไม่สะดวกกายสบายตัว พวกเธอได้เลือกใช้วิธีร่วมด้วยช่วยกัน
ดังในภาพ(เรท 13+) นี้


กระทู้: ไฮโซโบราณ แห่งอเมริกา - The Gilded Age and The Mrs Astor
เริ่มกระทู้โดย: SILA ที่ 16 ธ.ค. 14, 11:09
          ดังได้กล่าวไปแล้วว่างาน Patriarch ball นี้มีขึ้นหลังจากการชมอุปรากรจบแล้ว
เทศกาลงานเลี้ยงนี้จึงเริ่มขึ้นพร้อมๆ กับช่วงเวลาเริ่มฤดูกาลอุปรากรซึ่งเป็นตอนหน้าหนาว
ในนิว ยอร์ค สถานที่แรกเริ่มเป็น Academy of Music แล้วต่อมาจึงย้ายไปที่ใหม่ ณ
Metropolitan Opera House
         เดอะคุณนายแอสเตอร์จะปรากฏกายในชั้นบ็อกซ์ของเธอ นั่งโดดเด่นเป็นสง่าราวราชินี
เธอมักจะรับชมรับฟังอยู่ไม่นานเกินองก์แรกแล้วก็เดินออกไป โดยเป็นที่รู้กันดีว่าถ้าใครลุกออก
ไปก่อนเธอจะถือว่าเป็นการเสียมารยาทอย่างรุนแรง


กระทู้: ไฮโซโบราณ แห่งอเมริกา - The Gilded Age and The Mrs Astor
เริ่มกระทู้โดย: SILA ที่ 16 ธ.ค. 14, 11:11
            ช่วงเวลา 12 สัปดาห์ในหน้าหนาวของนิว ยอร์คนี้คือ ช่วงเวลาเทศกาลงานฉลอง
นอกจาก คริสต์มาสปีใหม่, ฤดูกาลอุปรากรแล้วก็ยังมีงาน New York Horse Show และ
ที่สำคัญก็คือ งานเลี้ยงของเดอะคุณนายแอสเตอร์นี้ที่เริ่มในเดือนธันวาคมของทุกปี โดยกำหนด
ให้เป็นเดือนแห่งงานเลี้ยงต้อนรับการเปิดตัวของเหล่าดรุณีเด็บ(debutante)
            จนกระทั่งเมื่อย่างเข้าเดือนกุมภาพันธ์ครั้นเมื่องานการกุศล Charity Ball ได้ถูกจัดขึ้น
ทั่วประเทศ เมื่อนั้นนั่นก็คือสัญญาณของการสิ้นสุดเทศกาลงานเลี้ยง        
            เหล่า 400 รายของคุณนายแอสเตอร์ได้เวลาพักผ่อนสักที แต่ก็อาจจะมีงานเลี้ยงจัดกัน
ภายในกลุ่มอย่างไม่เป็นทางการบ้าง หรือออกงานการกุศลไปพลาง และเตรียมการไปพลางสำหรับ
การออกงานที่จะจัดขึ้นในหน้าร้อนซึ่งย้ายไปที่ Newport, Rhode Island ที่นั่นเดอะคุณนายก็มี
คฤหาสน์ขนาดใหญ่จัดงานเลี้ยงรับรองแขกได้ 400 คน


กระทู้: ไฮโซโบราณ แห่งอเมริกา - The Gilded Age and The Mrs Astor
เริ่มกระทู้โดย: SILA ที่ 16 ธ.ค. 14, 11:16
           เดอะคุณนายแอสเตอร์ ครองบัลลังก์ราชินีวงศ์หงส์นิว ยอร์ค โดยมีคุณนายมหาเศรษฐีเก่า
รายอื่นๆ ร่วมด้วยช่วยกันผดุงกรุงไกรไฮโซของแท้ ตลอดช่วงเวลาตั้งแต่ทศวรรษ 1870s จนถึง 1880s
ก่อนที่คลื่นลูกใหม่, ลูกใหญ่จะถาโถมตามมา นั่นคือ Mrs. William K. Vanderbilt(เรียกตามนามสามี)
หรือชื่อที่เพื่อนๆ เรียกกันว่า Alva
           คุณนายเศรษฐีใหม่ผู้ก้าวเข้ามาด้วยจุดมุ่งหมายจะทลายกำแพงวังหงส์ที่เดอะคุณนายสร้างขึ้น
           ทั้งๆ ที่ตระกูล Vanderbilt ในยุคนั้นจัดได้ว่าเป็นหนึ่งในตระกูลที่มั่งคั่งที่สุด แต่ทว่าทรัพย์สิน
ของตระกูลมาจากธุรกิจสร้างทางรถไฟไม่ได้ร่ำรวยอยู่ก่อนเก่าจากมรดกตกทอด เดอะคุณนายและกลุ่ม
จึงไม่ยอมรับอัลวาเข้าแวดวงศ์ ทั้งสองไม่เคยแม้แต่จะพูดจากันเลย

ไฮโซคลื่นลูกใหม่, ลูกใหญ่


กระทู้: ไฮโซโบราณ แห่งอเมริกา - The Gilded Age and The Mrs Astor
เริ่มกระทู้โดย: SILA ที่ 17 ธ.ค. 14, 09:23
            นอกจากนี้ อัลวายังไม่ได้สิทธิ์มีที่นั่งชั้นบอกซ์ประจำที่ Academy of Music ด้วย
เหตุนี้เธอจึงรวมตัวกับเศรษฐีคนอื่นๆ ให้ทุนสนับสนุนการก่อตั้งโรงละคอนแห่งใหม่นั่นคือ Metropolitan
Opera House ในปี 1883 ซึ่งกาลต่อมาปรากฏว่าโรงอุปรากรแห่งใหม่นี้ได้อยู่ยั้งยืนยงคงถึงปัจจุบัน
ในขณะที่ Academy of Music นั้นถูกทุบไปในปี 1926
           ปีเดียวกันนั้นเอง คฤหาสน์ที่อัลวาทุ่มทุนสร้างที่ Fifth Avenue เพื่อจัดงานคอสตูมยิ่งใหญ่
อลังการตระการตา ให้เป็นทอล์ค อ๊อฟ เดอะ ทาวน์ ชาวประชาไม่เคยเห็นกันมาก่อนก็พร้อมใช้งาน
ในเดือนมีนาคม ปี 1883 ซึ่งเป็นเดือนที่เทศกาลงานเลี้ยงสิ้นสุดลงแล้ว


กระทู้: ไฮโซโบราณ แห่งอเมริกา - The Gilded Age and The Mrs Astor
เริ่มกระทู้โดย: SILA ที่ 17 ธ.ค. 14, 09:28
          เมื่อข่าวแพร่กระจายไป แคร์รี่ ลูกสาวคนเล็กของเดอะคุณนายแอสเตอร์ได้ฝึกซ้อมเต้นรำ
เพื่อออกงานนี้ เธอตื่นเต้นรอลุ้นว่าจะได้รับเชิญไปร่วมงานหรือไม่ อัลวาได้ทีจึงปล่อยข่าวให้ไปถึง
ว่าเนื่องจากตัวเธอไม่เคยได้รับเชิญไปงานของเดอะคุณนายเลยดังนั้นเธอจึงเห็นว่าน่าจะเป็นการไม่
เหมาะสมที่เธอจะเชิญแคร์รี่มางานนี้
           แม้อัลวาได้ส่งสัญญาณท้าทาย แต่เดอะคุณนายที่รักและสงสารลูกสาวมากกว่าเรื่องศักด์ศรี
ก็ได้ตัดสินใจไปคฤหาสน์อัลวาด้วยตัวเธอเอง เธอนั่งอยู่ในรถและยื่นนามบัตรของเธอให้แก่บริกรของ
คฤหาสน์ เมื่อได้รับนามบัตรเดอะคุณนายมาแอลวาก็แสนดีใจที่แผนการประสบความสำเร็จ ประตูสู่
แวดวงศ์หงส์ได้เปิดรับแล้ว อัลวาจึงส่งเทียบเชิญครอบครัวแอสเตอร์ในทันที

ภาพเดอะคุณนายแอสเตอร์และอัลวาในช่วงปี 1900s


กระทู้: ไฮโซโบราณ แห่งอเมริกา - The Gilded Age and The Mrs Astor
เริ่มกระทู้โดย: SILA ที่ 17 ธ.ค. 14, 09:32
           เดอะคุณนายครองตำแหน่งเจ้าแม่สังคมไฮโซนิว ยอร์คต่อเนื่องยาวนานนับสองทศวรรษ
ในช่วงปลายสมัยของเธอนี้ได้มีไฮโซใหม่เข้ามาปะปนไฮโซเก่ามากขึ้นจนน่าตกใจ


กระทู้: ไฮโซโบราณ แห่งอเมริกา - The Gilded Age and The Mrs Astor
เริ่มกระทู้โดย: SILA ที่ 17 ธ.ค. 14, 09:34
           กระทั่งปี 1892 เมื่อสามีของเดอะคุณนายตายจาก เธอจึงต้องอำลาวงการไป
ในช่วงไว้ทุกข์ ครั้นเมื่อเธอกลับมาก็ได้พบว่าอิทธิพลอำนาจของเธอได้เสื่อมไปไม่เท่าแต่
เก่าก่อนแล้ว

หนึ่งในภาพถ่ายไม่กี่ใบของเดอะคุณนายในตำนานไฮโซนิว ยอร์ค


กระทู้: ไฮโซโบราณ แห่งอเมริกา - The Gilded Age and The Mrs Astor
เริ่มกระทู้โดย: hobo ที่ 17 ธ.ค. 14, 09:48
Vanderbilt นี่ไม่น้อยหน้าในประวัติศาสตร์อเมริกาและของโลกเลยนะครับ ใครที่ได้ดูละคร Downton Abbey ของอังกฤษจะเห็นได้ว่าคนแต่งเอามาจากเรื่องจริงคือ Countess ของท่าน Earl เป็นคนอเมริกัน แต่งกันเพราะเอาเงิน มากอบกู้สถานะของตนไว้ และเศรษฐีอเมริกันเอาเกียรติให้ลุกสาวได้ยศศักดิ์ เรื่องอย่างนี้มีหลายตระกูลมาก เช่นตระกูลของ Churchill

Duke of Marlborough คนที่ 9 Charles Spencer-Churchill แต่งงานกับ Consuelo Vanderbilt ๆ เอาเงินเข้ามาให้ใช้ เป็นร้อยล้านปอนด์ในปัจุจบันนะครับ great granddaughter ของ Consuelo เล่าเอง ท่านดยุคเอามาปรับปรุง Blenheim Palace ซื้อรถ 20 กว่าคัน ทำสวนใหม่ จากเดิมที่กำลังจะล้มละลาย ก็รอดมาได้ ไม่ได้รักกันสุดท้ายก็หย่า แล้วมีหลายตระกูลมากที่ทำแบบนี้ Lord Carnarvon ที่เป็น sponsor จ่ายเงินขุดหาฟาโรตุตันคามุนก็เอาเงินภรรยามาใช้ครับ


กระทู้: ไฮโซโบราณ แห่งอเมริกา - The Gilded Age and The Mrs Astor
เริ่มกระทู้โดย: hobo ที่ 17 ธ.ค. 14, 09:54
Blenheim Palace นี้ หลายท่านที่เคยไปอังกฤษคงจะได้เห็นมาแล้ว เครื่องเรือนและสมบัติต่างๆ ถูกท่านดยุคคนก่อนขายจนเกลี้ยง ที่เห็นในปัจจุบันได้เงินของ Vanderbilt มาช่วยซื้อใหม่ทั้งนั้นครับ

การที่จู่ๆ ลูกสาวได้เป็น Duchess คงจะเป็นที่ถูกอกถูกใจคุณนายแห่งเอมริกาเป็นแน่ ผมว่าดีกว่าพวกเศรษฐีอเมริกันที่มักโดนคนอังกฤษดูถูกว่าเป็น New money เพราะนี่คือไฮโซของจริง สืบสายตระกูลไป 700-800 กว่าปี หลานก็ได้เป็นคยุคคนที่ 10 ท่านดยุคคนที่ 11 เพิ่งเสียไปเมื่อตุลาคมนี้เองครับ


กระทู้: ไฮโซโบราณ แห่งอเมริกา - The Gilded Age and The Mrs Astor
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 10 ม.ค. 15, 16:21
่อ่านต่อได้ที่นี่ค่ะ
ไฮโซโบราณ แห่งอเมริกา(2)
http://www.reurnthai.com/index.php?topic=6196.msg140403;topicseen#msg140403 (http://www.reurnthai.com/index.php?topic=6196.msg140403;topicseen#msg140403)