จึงมีความเห็นว่า ถ้าทำละครเพื่อเทิดพระเกียรติสมเด็จพระมหาบูรพกษัตริย์ แล้วมีฉากที่สองพระองค์กับหนึ่งบรรพบุรุษของตระกูลขุนนางใหญ่สุดของรัตนโกสินทร์มาเดินเที่ยวเตร็ดเตร่ตามสถานที่ อันเรียกได้ว่า "อโคจร" แม้จะมีการออกตัวให้ตัวละครพูดว่าไม่มีอารมณ์เพราะห่วงบ้านเมือง มันก็ไม่ได้ทำให้ความรู้สึกดิฉันดีขึ้น แต่นี่ก็เป็นความเห็นส่วนตัว ท่านอื่นอาจจะไม่รู้สึกอะไรก็ได้
ผมรู้สึกครับ เนื่องจากฉากเที่ยวหอโคมแดงครั้งแรกนั้น อยู่ถัดจากฉากการเข้าเฝ้าพระภิกษุพระเจ้าอุทุมพร เพื่อกราบบังคมทูลว่าพระเจ้าเอกทัศน์ ให้เข้าเฝ้าเวลายามหนึ่งวันนี้
ผมก็มานึกถึงตัวผมเองว่า ถ้าผมอยู่ในเหตุการณ์อย่างนี้ กล่าวคือ มีราชการสำคัญอะไรสักอย่าง โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าเรื่องสำคัญนั้น ตัวผมเองเป็นเจ้าของเรื่องด้วย แล้วผมเป็นผู้ไปเรียนให้รัฐมนตรีทราบ ท่านรัฐมนตรีบอก "เออ สำคัญจริงๆด้วย นริศ คุณไปเชิญท่านอธิบดีมาพบผมทีซิ" กรณีอย่างนี้ต่อให้ท่านรัฐมนตรีไม่ได้บอกว่า เวลาท่านจะคุยกับอธิบดีผมจะต้องเข้าไปด้วยหรือไม่ต้องเข้าไปด้วยก็ตาม แต่ผมก็ควรต้องอยู่รอแถวๆ นั้นเผื่อท่านเรียก จะได้นำเสนอข้อมูลหรือตอบคำถามในที่ประชุมได้ทันที และที่แน่นอนก็คือ ผมไม่กล้าชวนเพื่อนไปเที่ยวในเวลาเช่นนั้นแหงๆ
ก็เหมือนเรื่องนี้ ที่หลวงยกระบัตรเมืองตากเป็นปฐมเหตุขี่ม้าคาดดาบเข้าไปกราบบังคมทูลราชการศึก จึงเป็นที่มาที่พระเจ้าเอกทัศน์เรียกหาพระเจ้าอุทุมพรให้มาประชุมข้อราชการกัน แต่เมื่อถึงเวลาประชุม ท่านดันไปเที่ยวหอโคมแดงซะงั้นอ่ะครับนี่ถ้าเกิดประชุมๆกันอยู่แล้วตรัสเรียกหา "เอ้า สิน ไหนเจ้าลองเล่าให้พระเจ้าอุทุมพรฟังซิ พวกอุปนิกขิตมันรายงานมาว่าอย่างไร เอ้า เฮ้ย สินไปไหน" ฉากต่อมาก็ ....บรื๋อ...