เรือนไทย
ยินดีต้อนรับ ท่านผู้มาเยือน
กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
ส่งอีเมล์ยืนยันการใช้งาน?
ข่าว: การแนบไฟล์ กรุณาใช้ชื่อไฟล์ภาษาอังกฤษเท่านั้นครับ
หน้า: 1 [2] 3 4 ... 7
  พิมพ์  
อ่าน: 5022 ขัติยราชปฏิพัทธ รักเร้นในพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย
เพ็ญชมพู
หนุมาน
********
ตอบ: 12604



ความคิดเห็นที่ 15  เมื่อ 12 ม.ค. 24, 17:35

แต่ถ้า "เจ้าคุณ" หมายถึง พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าฯ   ตามที่คุณหญิงนาคเรียกแม้ว่าทรงขึ้นครองราชย์แล้ว  ก็ต้องมีเหตุการณ์สมัยธนบุรีอะไรสักอย่าง ที่เจ้าพระยาจักรีต้องพระราชอาญาจากพระเจ้าตากเช่นเดียวกับคนอื่นๆ

จากเอกสาร 'อภินิหารบรรพบุรุษ' หน้า ๔๕-๔๗ ได้ระบุไว้ว่า เมื่อคราวพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระมารดาของสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช เจ้าพระยาจักรี (ทองด้วง) ได้ทำงานผิดพลาด

"..ทรงทอดพระเนตรเห็นกระดาษทองน้ำตะโกที่ปิดประดับประดาเครื่องพระเมรุหลุดร่วงลงมาสิ้น จึ่งพระพิโรธเจ้าพระยาจักรีผู้เปนแม่กองทำพระเมรุ.."

จึงสั่งให้ลงโทษ ด้วยการโบยหลัง

"..จึ่งมีพระราชดำรัสสั่งว่า เราไว้ใจให้เปนแม่กองทำพระเมรุต่างหูต่างตาเรา เจ้าไม่เอาใจใส่ในราชการทำมักง่ายให้เมรุเปนเช่นนี้ดีแล้วฤๅ ทำให้พระเกียรติยศพระเจ้าแผ่นดินเสื่อมเสียไป จึ่งมีพระราชดำรัสสั่งให้เจ้าพนักงานองครักษ ให้ลงพระราชอาญาโบยหลังเจ้าพระยาจักรี ๕๐ ที.."

ในเอกสาร 'อภินิหารบรรพบุรุษ' ยังระบุต่อไปว่า  พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกนั้น เคยรับพระราชอาญาเฆี่ยนหลัง ๓๐ ที เมื่อจุลศักราช ๑๑๓๒ ครั้งเป็นพระยาอภัยรณฤทธิ์ครั้งหนึ่ง ซึ่งมีพระชนม์ได้ ๓๔ พรรษา  ครั้งหลังนี้เมื่อจุลศักราช  ๑๑๓๗ พระชนม์ได้ ๓๙ พรรษา
บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33585

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 16  เมื่อ 12 ม.ค. 24, 19:09

 ยิงฟันยิ้ม


บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33585

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 17  เมื่อ 12 ม.ค. 24, 19:16

ปกติไม่ค่อยจะให้คะแนนเชื่อถือ "หนังสืออภินิหารบรรพบุรุษ" นัก   แต่เหตุการณ์เรื่องนี้ สอดรับกับคำปรารภด้วยความวิตกของคุณหญิงนาคหรือสมเด็จพระอมรินทราบรมราชินีเอามากๆ 
ขอบคุณคุณเพ็ญชมพูค่ะ
บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33585

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 18  เมื่อ 13 ม.ค. 24, 10:22

    พระราชนิพนธ์กาพย์ห่อโคลงเห่เรือชมเครื่องคาวหวานมีบทหนึ่งกล่าวว่า
       ทองหยอดทอดสนิท      ทองม้วนมิดคิดความหลัง
       สองปีสองปิดบัง             แต่ลำพังสองต่อสอง
    สองต่อสองในที่นี้คืออยู่ในห้องเดียวกันสองคน   ไม่ได้หมายความว่ารู้กันแค่สองคน  
    การลักลอบกันระหว่างหนุ่มสาวในสมัยโบราณ ไม่อาจเป็นเรื่องที่รู้กันแค่สองคนเท่านั้น  ยิ่งในรั้วในวังหรือตามบ้านขุนนางผู้ใหญ่แล้ว (หรือแม้แต่ตามบ้านชาวบ้านที่อยู่กันเป็นครอบครัวขยายก็เถอะ)  เพราะสภาพแวดล้อมไม่เป็นใจ  
    บ้านเรือนสมัยนั้นไม่มีความเป็นส่วนตัว (privacy)  แม้แต่หญิงสาวลูกผู้ดีเองก็ไม่ได้นอนตามลำพัง  อาจจะนอนกับคุณหญิงแม่   หรือน้องเล็กๆ   (เจ้าคุณพ่อนอนห้องเดี่ยวของตัวเอง)  หรือไม่ก็ต้องมีพี่เลี้ยงหรือบ่าวนอนรับใช้ในห้อง หรือนอนเฝ้าหน้าประตู
    แม่สื่อเป็นบุคลากรจำเป็นในเรื่องลักลอบ  ที่ชายหนุ่มต้องผ่านด่านไปได้ก่อน  เรื่องขุนช้างขุนแผนเป็นตัวอย่างที่เห็นได้ในหลายตอน     พลายแก้วจะเข้าถึงห้องนางพิมได้ก็ต้องได้ไฟเขียวจากนางสายทองพี่เลี้ยงเป็นแม่สื่อเสียก่อน    พลายงามจะเข้าห้องนางศรีมาลา  นางเม้ยพี่เลี้ยงก็ต้องเป็นใจปล่อยให้ชายหนุ่มอยู่กับนายสาว
     ยิ่งในวังด้วยแล้ว   นางในทั้งหลายไม่มีห้องเป็นส่วนตัว  ห้องหนึ่งนอนกันหลายคน  ในสี่แผ่นดิน พลอย ช้อยและคุณสายนอนในห้องเดียวกันแต่กางมุ้งคนละหลัง   ตัดปัญหาไปได้ว่าใครจะปีนเข้าวังแอบมาหาได้ถึงตัว    แม้แต่กรณีอ้ายโตกับพระองค์ยิ่งเยาวลักษณ์ ก็มีนางบ่าวเป็นสื่อชักนำพาเข้ามาถึงตำหนัก
   ดังนั้น เจ้าฟ้ากรมหลวงอิศรสุนทรจะทรงมีความสัมพันธ์กับเจ้าฟ้าบุญรอด  ก็ต้องมีพระน้องนางสององค์เป็นผู้ช่วยเหลือ   รวมทั้งนางข้าหลวงในตำหนักที่ถูกสั่งให้ปิดจนพระมารดาจับคาหนังคาเขาไม่ได้จนแล้วจนรอด
   ทั้งหมดนี้กินเวลา 2 ปี  ที่ปิดคนภายนอกได้สำเร็จ
บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33585

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 19  เมื่อ 13 ม.ค. 24, 10:39

   ฝ่ายเจ้าฟ้าหญิงทั้งสองพระองค์ ไม่สบายพระทัยว่าพระมารดาเกือบจะจับได้อย่างหวุดหวิดอยู่แล้ว  ก็เลยหาทางใหม่   เช้าวันต่อมา ทรงย้ายจากตำหนักของท่านไปเล่นสกาที่ตำหนักของเจ้าฟ้าบุญรอดแทน   เพราะคุณหญิงนาคคงจะไม่เดินไปถึงตำหนักนั้น  แต่สั่งกับนางข้าหลวงว่าถ้าพระเชษฐาเสด็จเข้ามาที่ตำหนัก ให้ทูลว่ากูไปเล่นอยู่ที่ตำหนักแดง ให้เสด็จตามไปเถิด     รับสั่งไว้แล้วก็เสด็จไปเล่นอยู่ที่ตำหนักแดง
   เมื่อเจ้าฟ้ากรมหลวงอิศรสุนทรทรงได้ "ซิก" จากพระน้องนาง ก็ดีพระทัย   ว่าเจ้าฟ้าหญิงคงจะทรงวางอุบายช่วยให้ปลอดเส้นทางมากกว่าเมื่อก่อน   เพราะตำหนักแดงนี้ก็อยู่เคียงกัน  ไม่มีผู้ใดนอกจากคนในสองตำหนักนั้นได้เห็น ครั้นเสด็จไปถึงตำหนักแล้ว ก็เข้าไปทรงเล่นด้วยกัน ก็คุ้นเคยสนิทกันยิ่งขึ้น
   แต่ว่า..ตำหนักแดง ไม่ใช่ที่ประทับของเจ้าฟ้าบุญรอดพระองค์เดียว  แต่มีเจ้าฟ้าฉิม พระพี่นางของเจ้าฟ้าบุญรอดประทับร่วมอยู่ด้วยอีกองค์หนึ่ง
   เจ้าฟ้าฉิม (ต่อมาเมื่อสิ้นพระชนม์แล้วในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ได้สถาปนาพระอัฐิของพระองค์เป็น กรมขุนอนัคฆนารี) องค์นี้ชาววังเรียกว่า "มีพระสติวิปลาส"  ถ้าเป็นปัจจุบันก็คงเรียกกันว่า "เพี้ยนๆ" หรือ "บ้าๆบอๆ"
   เหตุการณ์ที่เจ้าฟ้ากรมหลวงอิศรสุนทร เสด็จเข้ามาเล่นสกา  ประทับเคียงข้างเจ้าฟ้าบุญรอดอย่างสนิทสนม ไม่ได้รอดพ้นสายพระเนตรเจ้าฟ้าฉิม(หญิง) ไปได้    
บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33585

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 20  เมื่อ 13 ม.ค. 24, 10:46

   พอทรงเห็นก็เสด็จกลับออกมาตรัสแก่ข้าหลวงด้วยสุรเสียงอันดังว่า
   “ท้าวพรหมทัต ล่วงลัดตัดแดน มานั่งท้าวแขน ทอดสะกาพนัน สูสูสีสี อีแม่ทองจันท์ อีกสองสามวัน จะเป็นตัวจิ้งจก”
   ความที่รับสั่งร้องดังนี้ จะเป็นโดยความขัดเคืองพระทัย หรืออย่างไรก็ไม่ได้ความชัด แต่รับสั่งอยู่อย่างนี้หลายวัน ถ้าเสด็จเยี่ยมพระแกลแลเห็นผู้ใดเดินไปมาก็ร้อง
   “สูสูสีสี อีแม่ทองจันท์ อีกสองสามวัน จะเปนตัวจิ้งจก” ร้องได้วันละหลายๆ ครั้ง

   พระสติวิปลาสก็จริง แต่พระปัญญาน่าจะเฉียบไม่เบา     แสดงว่าเห็นปุ๊บรู้ปั๊บว่าต่อไปเหตุการณ์จะดำเนินไปในทางไหน    ตรัสคล้องจองเป็นคำร้อยกรองเสียด้วย  
   คำว่า "ตัวจิ้งจก" นั้นทรงเลือกใช้คำนี้เพราะอะไรไม่ทราบ  แต่จิ้งจก มันเป็นไข่กลมๆ มาก่อนจะแตกออกมาเป็นตัว    ก็ได้ความหมายว่า อีกหน่อยก็คงมีตัวอะไรออกจากท้องมาเป็นหลักฐานให้เห็น  
บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33585

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 21  เมื่อ 14 ม.ค. 24, 09:19

    สิ่งน่าสังเกตอีกอย่างคือเจ้าฟ้าฉิม กรมขุนอนัคฆนารีเป็นคนสมองดี ความจำแม่น    ท่านอาจเป็นเจ้านายที่อ่านออกเขียนได้  หรือถ้าไม่ได้ ต้องให้นางข้าหลวงอ่านหนังสือถวาย ท่านก็เข้าใจเรื่องที่อ่านอย่างดี   เรื่องนั้นคือเรื่องกากีของเจ้าพระยาพระคลัง(หน)  เล่าถึงท้าวพรหมทัตที่โปรดปรานการเล่นสกา จนพญาครุฑแปลงตัวเป็นมานพหนุ่มน้อยมาเล่นด้วย
   พอเห็นเจ้าฟ้ากรมหลวงอิศรสุนทรมาเล่นสกากับเจ้าฟ้าบุญรอด   เจ้าฟ้าฉิมก็โยงเข้ากับท้าวพรหมทัตได้ทันที  สามารถเปรียบเปรยออกมาได้ แบบมีชั้นเชิง    ท่านก็คงไม่พอพระทัยกับการลักลอบครั้งนี้   จึงฟ้องผู้คนไปทั่วด้วยคำคล้องจองที่ว่า 
   เจ้าฟ้าบุญรอดได้ยินก็ตกพระทัย ว่าแบบนี้คงปิดเป็นความลับต่อไปไม่ได้  เป็นอันว่าวงสกาแตก   กรมหลวงศรีสุนทรเทพต้องย้ายวงกลับไปที่ตำหนักของท่านอย่างเดิม   เพิ่มความระมัดระวังโดยให้นางข้าหลวงไปนั่งดูต้นทางอยู่หน้าตำหนัก    วันไหนเห็นคุณหญิงนาคเดินเลี้ยวมุมวังเข้ามาให้วิ่งมาทูล  จะได้ซ่อนองค์ทัน   
บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33585

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 22  เมื่อ 14 ม.ค. 24, 09:29

    จากนั้นก็ตกลงนัดแนะกันใหม่ว่า วันไหนพระมารดามาถึง คนที่ต้องเข้าไปหลบซ่อนในห้องด้านในคือเจ้าฟ้าบุญรอด     ส่วนอีกสามองค์พี่ชายน้องสาวอยู่รับหน้าพระมารดาตามปกติ    ถ้าคุณหญิงนาคมาเยี่ยม เห็นแต่พี่น้องนั่งเล่นอยู่ด้วยกัน   ก็จะไม่สงสัย  นึกว่าพี่ชายมาเยี่ยมน้องสาวตามปกติ
    แต่ถ้ามาทีไรเห็นเจ้าฟ้าบุญรอดอยู่ด้วยทีนั้น ก็จะสงสัยขึ้นมา   ส่วนอุบายแบบเดิมคือลูกชายหนีไปซ่อนในห้อง คงใช้ไม่ได้แล้ว    เพราะคุณหญิงนาคสงสัยเจ้าฟ้าบุญรอดก็คงเข้าไปค้นตามห้องหับในตำหนัก  เจอเจ้าฟ้ากรมหลวงอิศรสุนทรเข้า ความแตกแน่นอน   คุณหญิงคงไม่ยอมปกปิดไว้เพราะเกรงความผิดจะมาถึงตัว
    เมื่อตกลงหาทางออกกันได้แล้ว   ทุกคนก็ตกลงเห็นพร้อมกัน   จากนั้นเจ้าฟ้ากรมหลวงอิศรสุนทรก็เสด็จกลับวังที่พระราชวังเดิม     วันต่อๆมา เจ้าฟ้าบุญรอดก็เสด็จไปเล่นที่ตำหนักกรมหลวงศรีสุนทรเทพและกรมหลวงเทพยวดี เป็นประจำ
   นางข้าหลวงทุกคนถูกสั่งให้เย็บปากสนิท   มีคนดูต้นทางไม่ให้คุณหญิงนาคจู่โจมเข้ามาถึงตำหนักได้สำเร็จ   เป็นอันว่าท่านจับความจริงไม่ได้จนแล้วจนรอด    พระเอกนางเอกเรื่องนี้ก็ปกปิดความสัมพันธ์กันมาได้ถึง 2  ปี จนความแตกออกมาเอง 
บันทึกการเข้า
Rattananuch
อสุรผัด
*
ตอบ: 37


ความคิดเห็นที่ 23  เมื่อ 14 ม.ค. 24, 12:32

มีความสงสัยในความรักของทั้งสองพระองค์มานานแล้วในเรื่องที่พระองค์ท่านมาเพิ่งมาตกหลุมรักกันในวัย32ทั้งคู่ ทั้งสองเป็นลูกพี่ลูกน้องกันที่พ่อแม่ของแต่ละฝ่ายสนิทสนมกันมาก ซึ่งลูกๆของแต่ละฝ่ายก็ต้องเล่นหัวคลุกคลีกันมาตั้งแต่เล็กๆ จนอายุสิบสี่สิบห้าและคงแยกกันไม่ค่อยได้พบปะเมื่อสถาปนาราชวงศ์จักรี และฝ่ายหญิงต้องเข้าไปอยู่ฝ่ายใน
คำถามคือทำไม่พระองค์ท่านถึงไม่ต้องใจกันตั้งแต่วัยรุ่น ซึ่งในยุคนั้นก็เป็นวัยสมควรแต่งงานออกเรือนได้แล้ว
บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33585

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 24  เมื่อ 14 ม.ค. 24, 13:01

    ตอนที่พระบาทสมเเด็จพระพุทธเลิศหล้าฯเจริญพระชนม์รุ่นหนุ่มขึ้นมาสมัยปลายธนบุรี   ท่านมี "แฟน" หรือคนรักอยู่แล้ว  ชื่อคุณสี หรือศรี ธิดาเจ้าพระยาศรีธรรมาธิราช (บุญรอด บุณยรัตพันธุ์)   บิดามีเคหสถานใกล้กับเคหสถานของพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช ซึ่งขณะนั้นยังดำรงยศเป็นสมเด็จเจ้าพระยามหากษัตริย์ศึก
    คุณสีเป็นคนงามมาก   เคยเป็นนางละครหลวงรุ่นเล็ก มีสมญาว่า "ศรีสีดา" หมายถึงรำเป็นตัวนางสีดา 
     เมื่อพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราชขึ้นครองราชย์ จึงได้พระราชทานให้เป็นหม่อมห้ามในสมเด็จเจ้าฟ้ากรมหลวงอิศรสุนทร ราวปี พ.ศ. 2328  เมื่อหม่อมสีอายุ 15 ปี
     เจ้าจอมมารดาสีมีพระราชธิดา 2 พระองค์ คือพระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าจักรจั่น (ประสูติ พ.ศ. 2328 — สิ้นพระชนม์ รัชกาลที่ 1) บ้างเรียก พระองค์เจ้าหญิงใหญ่ กับพระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าบุบผา หรือบุพภาวดี (ประสูติ พ.ศ. 2334 — สิ้นพระชนม์ พ.ศ. 2367)
บันทึกการเข้า
Rattananuch
อสุรผัด
*
ตอบ: 37


ความคิดเห็นที่ 25  เมื่อ 14 ม.ค. 24, 14:03

ขอบคุณมากค่ะอาจารย์
ก็คือทั้งสองพระองค์โตมาด้วยกัน ตอนนั้นก็คิดกันแบบพี่น้องไม่มีความรู้สึกแบบชายหญิง ฝ่ายชายก็ไปมีกิจกรรมนอกบ้าน มีสาวๆให้มองติดพันตามประสาหนุ่มรูปงามเนื้อหอม จนแยกจากกันเป็นสิบกว่าปีเมื่อตั้งราชวงศ์ และเมื่อกลับมาพบกันอีก ความรู้สึกเดิมๆก็เปลี่ยนไป
บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33585

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 26  เมื่อ 15 ม.ค. 24, 08:36

    ความรอบคอบของเจ้าฟ้าหญิงทั้งสองที่ใช้นางข้าหลวงไปดูต้นทางเป็นประจำ   นับว่าไม่เกินกว่าเหตุ  เพราะเวลาคุณหญิงนาคท่านมาเยี่ยมพระธิดา  ท่านไม่ได้ส่งข่าวล่วงหน้า   หมายความว่าท่านอยากมาวันไหนท่านก็มา   
    วันหนึ่งท่านคิดถึงพระธิดาก็ออกจากพระราชวังเดิมมาถึงพระบรมมหาราชวัง พอเลี้ยวมุมพระที่นั่งเข้ามา
 นางข้าหลวงที่นั่งคอยดูอยู่หน้าตำหนัก ก็วิ่งเข้าไปกราบทูลเจ้านาย
    วันนั้น แจ๊กพ็อท  เสด็จพร้อมกันอยู่ทั้งสี่พระองค์    พอเกิดเหตุจวนตัว  เจ้าฟ้าบุญรอดก็เสด็จวิ่งหนีเข้าไปซ่อนอยู่ในห้องพระบรรทมของเจ้าฟ้าหญิงทั้งสอง   เจ้าฟ้ากรมหลวงอิศรสุนทรก็ไม่อยู่รับหน้าพระมารดา ทรงวิ่งหนีตามเข้าไปบ้าง
     พอคุณหญิงนาคเข้ามาถึงตำหนัก ก็เห็นพระธิดาทั้งสองพระองค์ประทับนั่งกันอยู่  ไม่มึคนอื่น  ก็ไม่ระแวงพระทัย เสด็จประทับอยู่ตั้งแต่เช้าจนเย็น ได้เวลาก็เสด็จกลับข้ามไปวัง
     ในเรื่องบอกว่าพระมารดาไม่ระแวง  แต่ดิฉันอดสงสัยไม่ได้ว่าท่านนั่งอยู่ตั้งแต่เช้าจนเย็น  นอกจากอยากเห็นอยากคุยกับลูกสาวตามประสาแม่ๆลูกๆ แล้ว   คงนั่งคุมเชิงอยู่ว่าจะมีใครเข้ามาหาในวันนั้น หรือว่ามีพิรุธเห็นใครวอบๆแวบๆ อยู่ในตำหนักบ้างไหม
    ตามเหตุการณ์ที่ว่านี้  ก็กลายเป็นว่าเจ้าฟ้าอิศรสุนทรกับเจ้าฟ้าบุญรอดได้อยู่กันสองต่อสองในห้องบรรทม   ไม่มีใครล่วงล้ำเข้าไปได้    แล้วจะเกิดอะไรขึ้นก็คงไม่ต้องเดากันให้ยุ่งยาก
บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33585

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 27  เมื่อ 16 ม.ค. 24, 09:36

    ในเมื่ออยู่ประจำตำหนักเดียวน่าจะเสี่ยงมากกว่าย้ายไปมา 2 ตำหนัก  แต่นั้นมา ทั้ง 4 พระองค์ก็ผลัดเปลี่ยนกันไปเล่นตำหนักโน้นบ้าง ตำหนักนี้บ้าง   แต่ก็อย่างที่กล่าวมาแล้วว่า สังคมสมัยนั้นไม่มี privacy  ถึงจะเล่นซ่อนหากับคุณหญิงนาคได้สำเร็จ    ก็ไม่อาจรอดพ้นสายตาเจ้านายฝ่ายในและนางข้าหลวงชาววังด้วยกันไปได้
    เรื่องซุบซิบก็แพร่กระจายไปถึงพระกรรณกรมหลวงพิทักษมนตรี
    สมเด็จพระสัมพันธวงศ์เธอ เจ้าฟ้ากรมหลวงพิทักษมนตรี มีพระนามเดิมว่า จุ้ย ทรงเป็นพระโอรสลำดับที่ 5 ในสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากรมพระศรีสุดารักษ์   นับง่ายๆอีกทีคือเป็นพระอนุชาของเจ้าฟ้าบุญรอด
   กรมหลวงพิทักษมนตรีเป็นลูกพี่ลูกน้องของเจ้าฟ้ากรมหลวงอิศรสุนทร เรียกได้ว่าโตมาด้วยกัน  เมื่อก่อนก็สนิทสนมกลมเกลียวกันดี  แต่พอรู้ข่าวซุบซิบนี้ก็ไม่พอพระทัยว่าเจ้าฟ้ากรมหลวงอิศรสุนทรกระทำการผิดราชประเพณี ไม่เห็นแก่หน้าผู้ใหญ่ทางฝ่ายหญิง   
    เวลาเข้าไปเฝ้าพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าฯ ตามหน้าที่  ทรงพบเจ้าฟ้ากรมหลวงอิศรสุนทร ก็มีพระกิริยามึนตึงด้วยความขัดเคืองพระทัย   ส่วนอีกฝ่ายทรงเห็นพระกิริยากรมหลวงพิทักษมนตรีไม่เหมือนแต่เดิม    เห็นสีพระพักตร์เจื่อน ท่าทีจำใจจำตรัสด้วย ก็เข้าพระทัยว่ากรมหลวงพิทักษมนตรีจะล่วงรู้ความลับที่ไม่ลับอีกแล้ว จึงได้มึนตึงออกมานอกหน้า
บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33585

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 28  เมื่อ 16 ม.ค. 24, 09:56

   เจ้าฟ้ากรมหลวงอิศรสุนทรท่านเป็นกวี   เวลาคิดอะไรเปรียบอะไรท่านก็ออกมาในรูปของบทกวี  อย่างเรื่องที่คิดเกลี้ยกล่อมให้กรมหลวงพิทักษมนตรีหายขุ่นเคือง ท่านก็ยกบทละครเรื่อง "อิเหนา" ที่ลือชื่อมาตั้งแต่ปลายกรุงศรีอยุธยา ขึ้นมาเป็นนัยเปรียบเทียบ
   ดังที่ในหนังสือเล่าว่า
   "วันหนึ่งยังไม่มีเจ้านายอื่นเข้าไปเฝ้า มีอยู่แต่พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้าฯ กับกรมหลวงพิทักษมนตรี สองพระองค์เท่านั้น พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้าฯ จึงรับสั่งแก่กรมหลวงพิทักษมนตรี ว่าบ้านเมืองเราทุกวันนี้เหมือนวงศอสัญแดหวา ไปภายหน้าจะรุ่งเรืองถาวรยิ่งนัก เมื่อกรมหลวงพิทักษมนตรีได้ทรงฟังดังนั้นก็เฉลียวพระทัย อยากจะใคร่ทรงฟังเรื่องราวต่อไป จึงทูลถามขึ้นว่าเมืองกุเรปันอยู่ที่ไหน
   พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้าฯ จึงตรัสตอบว่า พ่อจุ้ยมานั่งอยู่ที่นี่เมืองของใครเล่า กรมหลวงพิทักษมนตรีก็เข้าพระทัย จึงแส้งทูลถามต่อไปว่า อย่างนั้นล้นเกล้าล้นกระหม่อมหาบน มิต้องเกณฑ์ให้เปนดาหาหรือ และกาหลัง สิงหัดส่าหรียังแลไม่เห็น"

    คนที่ไม่ได้อ่านเรื่องอิเหนา หรืออ่านแต่ลืมไปแล้ว คงไม่เข้าใจว่าเจ้านาย 2 องค์นี้ตรัสเรื่องอะไรกัน  จึงขออธิบายพื้นหลังของเรื่องอิเหนาว่า  แต่เดิมมาในแคว้นชวา  ถือกันว่ามีอยู่ 4 เมืองใหญ่ที่กษัตริย์ผู้ครองเมืองเป็นวงศ์อสัญแดหวา(แปลว่าวงศ์เทวดา)  เพราะสืบเชื้อสายมาจากเทพผู้เป็นใหญ่ชื่อองค์ปะตาระกาหลา  ท้าวพระยาพี่ใหญ่สุดครองกรุงกุเรปัน รองลงมาคือครองเมืองดาหา  แล้วก็กาหลัง  และสิงหัดส่าหรีเป็นเมืองน้องเล็กสุด
     ส่วนเมืองอื่นๆแม้ว่ามีกษัตริย์ครองเหมือนกันแต่ก็ไม่ได้สืบเชื้อสายเทวดา   จึงนับว่าต่ำกว่า 4 เมืองที่ว่า
     ดังนั้น 4 เมืองที่เป็นวงศ์เทวัญด้วยกันนี้ จึงนิยมให้ลูกหลานได้เสกสมรสกันเอง  เพื่อรักษาเชื้อสายเทวดาไว้ในกลุ่มเดียวกัน    ไม่นิยมให้ไปเสกสมรสกับเจ้าเมืองอื่นๆ  ถ้าเจ้านายฝ่ายชายไปได้ลูกสาวเจ้าเมืองอื่นมาเป็นนางเล็กๆ ก็ไม่ว่ากัน   หรือแม้จะมาได้เป็นชายาเอกก็ยังพอไหว    แต่ถ้าพระธิดาวงศ์อสัญแดหวาต้องไปเสกสมรสกับเจ้านายชายเมืองอื่นๆนี่ ถือว่าเสื่อมเสียพระเกียรติทีเดียว

     เจ้าฟ้ากรมหลวงอิศรสุนทร ทรงเปรยขึ้นมาก่อนทำนองนี้ ก็หมายความว่า เป็นเรื่องดี ถ้าในพระราชวงศ์จักรีจะมีเจ้านายลูกพี่ลูกน้องเสกสมรสกันเอง
บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33585

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 29  เมื่อ 16 ม.ค. 24, 10:44

    ต่อไปนี้คือการตีความ
    เมื่อกรมหลวงพิทักษมนตรีได้ทรงฟังดังนั้นก็เฉลียวพระทัย อยากจะใคร่ทรงฟังเรื่องราวต่อไป จึงทูลถามขึ้นว่าเมืองกุเรปันอยู่ที่ไหน
   พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้าฯ จึงตรัสตอบว่า พ่อจุ้ยมานั่งอยู่ที่นี่เมืองของใครเล่า นั่งอยู่ในกรุงเทพ  เมืองนี้ก็เปรียบได้กับกรุงกุเรปัน  ของอิเหนา( หรือเจ้าฟ้ากรมหลวงอิศรสุนทร)
   กรมหลวงพิทักษมนตรีก็เข้าพระทัย จึงแสร้งทูลถามต่อไปว่า "อย่างนั้นล้นเกล้าล้นกระหม่อมหาบน มิต้องเกณฑ์ให้เปนดาหาหรือ และกาหลัง สิงหัดส่าหรียังแลไม่เห็น"
   กรมหลวงพิทักษมนตรีก็หยั่งเชิงต่อไปว่า  ถ้าอย่างนั้น เมืองใหญ่รองลงมาเป็นอันดับ 2 คือกรุงดาหา  ก็เท่ากับวังหน้า (ทูลกระหม่อมหาบน หมายถึงกรมพระราชวังบวรมหาสุรสิงหนาท)  
   กาหลัง สิงหัดส่าหรียังแลไม่เห็น คือเมืองที่ 3  และ 4  ก็ยังไม่รู้ว่าหมายถึงใคร
   พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้าฯ ทรงพระสรวล แล้วรับสั่งว่าพ่อจุ้ยพูดยังไม่ถูก ล้นเกล้าล้นกระหม่อมหาบนมีแต่สะกาหนึ่งหรัด ควรจะเปนแต่กาหลัง
   ล้นเกล้าฯหาบนมีแต่สะกาหนึ่งหรัด =  กรมพระราชวังบวรมีพระธิดาพระองค์เดียวคือเจ้าฟ้าพิกุลทอง  ซึ่งไม่ได้เกี่ยวอะไรกับเรื่องนี้   จึงควรจะเป็นเมืองกาหลัง  วงศ์เทวดาเมืองที่ 3  ซึ่งมีลูกสาวคนเดียวชื่อนางสะการะหนึ่งหรัด
  กรมหลวงพิทักษมนตรีจึงทูลว่ากระนั้นดาหาอยู่ที่ไหนเล่า พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้าฯ จึงรับสั่งว่าดาหาก็อยู่ริมที่นี่เอง กรมหลวงพิทักษมนตรีได้ทรงฟังดังนั้นพระพักตร์ก็ตึงมากขึ้น ไม่ทูลโต้ตอบประการใด

   ดาหา คือเมืองของนางบุษบา นางเอกของอิเหนา 
   เมื่อเจ้าฟ้ากรมหลวงอิศรสุนทรตรัสว่า ดาหาอยู่ริมที่นี่เอง  คือหมายถึงวงศ์ของกรมหลวงพิทักษมนตรี อันได้แก่เจ้าฟ้าบุญรอด    เท่ากับตรัสว่า นางเอกของข้าคือพี่สาวของเจ้าอย่างไรเล่า
   เจ้าฟ้ากรมหลวงพิทักษมนตรีไม่ได้ยินดีในเรื่องนี้ แถมยังเคืองอีกด้วย  ก็เลยพระพักตร์บึ้งแทนคำตอบ  แทนคำว่า say no

  
  
บันทึกการเข้า
หน้า: 1 [2] 3 4 ... 7
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

Powered by SMF 1.1.21 | SMF © 2006, Simple Machines
Simple Audio Video Embedder

XHTML | CSS | Aero79 design by Bloc หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.065 วินาที กับ 19 คำสั่ง