เรือนไทย

General Category => ทันกระแส => ข้อความที่เริ่มโดย: ประกอบ ที่ 17 มี.ค. 15, 02:18



กระทู้: เมื่อฝรั่งอังกฤษก็ double standard ได้ไม่แพ้คนไทย
เริ่มกระทู้โดย: ประกอบ ที่ 17 มี.ค. 15, 02:18
ช่วงนี้ในเมืองฝรั่งอังกฤษ มีข่าวใหญ่ข่าวหนึ่งซึ่งเป็นที่สนอกสนใจของคอทีวีอังกฤษกันมากพอสมควร นั่นคือเรื่องของเจเรมี่ คลากสัน พิธีกรหลักของรายการ Top Gear ที่กำลังถูก BBC ต้นสั่งกัด สั่งพักงานอยู่ แถมยังระงับการออกอากาศของรายการ Top Gear ด้วย



กระทู้: เมื่อฝรั่งอังกฤษก็ double standard ได้ไม่แพ้คนไทย
เริ่มกระทู้โดย: ประกอบ ที่ 17 มี.ค. 15, 02:33
ก็ต้องเกริ่นถึงรายการ Top Gear กันซักหน่อยก่อน เผื่อบางท่านไม่รู้จัก โดยเฉพาะสาวๆ เรือนไทย น่าจะไม่สนใจรายการนี้กันเท่าไหร่

Top Gear เป็นรายการที่นำเสนอเรื่องราวเกี่ยวกับรถยนต์ ที่เริ่มต้นออกอากาศทาง BBC มาตั้งแต่ปี 2002 เป็นรายการที่นำเสนอเรื่องราวของรถยนต์และยานพาหนะได้อย่างน่าสนใจ  เต็มไปด้วยอารมณ์ขันตลกร้ายแบบอังกฤษ เช่นการประชดประกัน การแกล้งกัน ซึ่งบางครั้งก็ออกจะหมื่นเหม่และสร้างความขัดแย้งพอสมควร


Top Gear  เป็นรายการของ BBC ที่มีผู้ชมมากที่สุด ได้รับความนิยมสูงสุด ถูกซื้อไปฉายทั่วโลก คาดว่าแต่ละสัปดาห์มีผู้ชมประมาณ 350 ล้านคน ใน 170 ประเทศทั่วโลก  ในอังกฤษเองแต่ละสัปดาห์จะมีผู้ชมรายการประมาณ 5 ล้านคน รายการนี้ทำเงินให้กับทาง BBC ประมาณปีละ 50 ล้านปอนด์


รายการนี้ประกอบด้วยผู้ดำเนินรายการหลัก 3 คน ได้แก่เจเรมี่ คลากสัน, เจมส์ เมย์  และริชาร์ด แฮมมอน โดยแต่ละคนจะมีบุคลิกเฉพาะตัว เช่นคลากสันจะออกแนวเหมือนเด็กขี้แกล้ง แฮมมอนเป็นเหมือนได้หนุ่มตัวเล็กที่มักจะถูกแกล้ง และเจมส์ เมย์เป็นคนที่ออกไปทางกลางๆ หน่อย รวมทั้งมีนักขับรถนิรนามที่ชื่อว่าเดอะ สติ๊ก  ซึ่งจะสวมชุดแข่งรถมีหมวกกันน็อคปิดบังใบหน้าตลอด โดยไม่มีใครรูว่าตัวจริงเป็นใคร เล่นบทนักขับรถทดสอบฝีมือเยี่ยมมากแต่เป็นคนประหลาด



กระทู้: เมื่อฝรั่งอังกฤษก็ double standard ได้ไม่แพ้คนไทย
เริ่มกระทู้โดย: ประกอบ ที่ 17 มี.ค. 15, 02:47
เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา เจเรมี่ถูก BBC สั่งพักงาน และทำการสอบสวนหาความจริง จากข่าวในตอนต้นบอกว่าเจเรมี่มีข้อขัดแย้งกับผู้ช่วยโปรดิวเซอร์ในระหว่างการถ่ายทำรายการนอกสถานที่ ซึ่งก็ปรากฏเป็นข่าวต่อมาว่า เจเรมีได้ชกผู้ช่วยโปรดิวเซอร์ ออยซิน ไทมอน เนื่องจากไม่พอใจที่ผู้ช่วยโปรดิวเซอร์ไม่สามารถจัดหาอาหารร้อนๆ มาเสริฟเจเรมี่ตามต้องการได้


จากปากคำของพยานที่เห็นเหตุการณ์ ซึ่งเป็นแขกร่วมโรงแรมที่ทางทีมงานรายการไปพักเล่าว่า เวลาประมาณ 4 ทุ่ม เจเรมี่ซึ่งเพิ่งเสร็จจากการถ่ายรายการกลับมาที่โรงแรม ต้องการจะสั่งเสต็ก  แต่ครัวของโรงแรมปิดแล้ว พ่อครัวก็กลับไปแล้ว ไทมอนซึ่งเป็นทีมงานที่รับผิดชอบด้านเสบียงหาได้แต่ซุปกับอาหารที่ถูกเรียกว่าจานเย็น ไม่ใช่จานร้อน  ทำให้เจเรมี่ซึ่งโมโหหิว บันดาลโทสะ อาละวาดด่าทอและชกไทมอนไป  และสุดท้ายผู้จัดการโรงแรมก็ต้องไปหาเสต็กมาให้ตามที่เจเรมี่ต้องการจนได้

ภาพแรกออยซิน ไทมอน  ผู้ช่วยโปรดิวเซอร์เคราะห์ร้าย และเสต็กกับโรงแรมไซมอนสโตนฮอล์ ในยอร์คเชียร์ สถานที่เกิดเหตุ


กระทู้: เมื่อฝรั่งอังกฤษก็ double standard ได้ไม่แพ้คนไทย
เริ่มกระทู้โดย: ประกอบ ที่ 17 มี.ค. 15, 02:57
เรื่องแบบนี้ ถ้าเป็นพิธีกรทั่วไป หรือคนทั่วไป ที่ทำพฤติกรรมเลวทรามแบบนี้ คงโดนสังคมประนามก่นด่าต่อต้านไม่มีชิ้นดีแล้ว โดยเฉพาะสังคมอังกฤษที่ยึดมั่นกับความเป็นสุภาพบุรุษ รักในเกียรติ  ความเสมอภาคและความยุติธรรม คงจะไม่ทนกับพฤติกรรมแบบนี้ และคนที่ทำเรื่องแบบนี้จะต้องถูกไล่ออกอย่างแน่นอน

แต่กระแสสังคมของคนอังกฤษกับสิ่งที่เจเรมี่ทำ กลับกลายเป็นตรงกันข้าม


เมื่อได้ทราบว่าทาง BBC สั่งพักงานและห้ามรายการออกอากาศระหว่างการสอบสวนและตัดสินใจ  ก้อนอิฐก็ถูกระดมขว้างปาไปยัง BBC และผู้บริหารสูงสุดของ BBC ทันที มีการเรียกร้องให้ผู้คนลงชื่อสนับสนุนให้ BBC นำเจเรมี่กลับมาทำรายการ ซึ่งปัจจุบันมีผู้ร่วมลงชื่อแล้วมากกว่าเก้าแสนสามหมื่นคนในเว็บ change.org



กระทู้: เมื่อฝรั่งอังกฤษก็ double standard ได้ไม่แพ้คนไทย
เริ่มกระทู้โดย: ประกอบ ที่ 17 มี.ค. 15, 03:16
ในโพลที่ทางหนังสือพิมพ์เดลีเมลจัดทำ ถามว่าทาง BBC ควรจะไล่เจเรมี่ออกหรือไม่ ปรากฏว่าผู้ตอบ 70 เปอร์เซ็นเห็นว่าไม่ควร!!!

นอกจากนั้น  ยังมีคอลัมนิสต์บางคน  ออกมาเขียนบทความแก้ตัวและสนับสนุนเจเรมี่อย่างออกนอกหน้าอีก นอกจากนั้น จากการอ่านความเห็นที่ผู้อ่านข่าวทางบ้านแสดงความคิดเห็นกัน ยังได้เห็นตรรกะวิบัติแบบไทยๆ มากมายที่เรามักจะได้เห็นจากผู้สนับสนุนสีเสื้อต่างๆ เป็นต้นว่า

"ถ้าไม่มีหลักฐานว่าเจเรมี่ต่อยจริง ก็จะยังไม่เชื่่อ"

"คนมันหิว ทำงานทั้งวันเหนื่อยกลับมา ก็ต้องโมโหกันบ้าง"

"ฉันชอบเจเรมี่ เอาเจเรมี่กลับมา"

"ฉันเป็นคนจ่ายเงินให้ BBC และต้องการเจเรมี่"

"ย้ายไป itv แทนก็ได้"

"ต่อยกันในที่ทำงานเป็นเรื่องธรรมดา ที่ทำงานฉันก็มี"

ความเห็นติ่งๆ แก้ตัวแทนทำนองนี้ปรากฏตามหน้าเว็บไซต์ต่างๆ เต็มไปหมด และเป็นความเห็นยอดนิยมเสียด้วย  ผู้ชมชาวอังกฤษจำนวนมากดูเหมือนจะไม่แยแสว่า  พิธีกรขวัญใจของตน ลุแก่โทสะ ใช้อำนาจบาตรใหญ่ข่มเหงรังแกทีมงานเล็กๆ กระจ้อยร่อย  พฤติกรรมเลวๆ เยี่ยงนี้ของเจเรมี่กลายเป็นเรื่องที่ยอมรับได้ เป็นเรื่องธรรมดา แค่ขอโทษก็พอแล้ว และต้องการให้เจเรมี่กลับมาทำรายการต่อไป คนอังกฤษเหล่านี้กลัวจะเสียรายการยอดนิยมของตนไป มากกว่าจะปกป้องสิทธิของคนที่ถูกกระทำ

ไทมอนที่ถูกต่อย กลายเป็นคนผิดในสายตาของคนอังกฤษจำนวนไม่น้อย ขณะนี้ถึงกับโดนขู่ฆ่า และกำลังวิตกอย่างมากว่าตนจะต้องตกงาน  ส่วนพิธีกรร่วมอีก 2 ในรายการก็แสดงท่าทีสนับสนุนเจเรมี่ มากกว่าจะสนับสนุนหลักการที่ถูกต้อง  ตอนนี้กระแสสังคมกดดันเจ้านายใหญ่ของ BBC อย่างมาก ว่าจะจัดการเรื่องนี้อย่างเหมาะสมอย่างไร

ภาพเดนนี่ โคเฮน บิ๊กบอส BBC ที่กำลังโดนสังคมกดดัน มีก้อนอิฐโถมเข้าใส่มากกว่าดอกไม้หลายเท่า


กระทู้: เมื่อฝรั่งอังกฤษก็ double standard ได้ไม่แพ้คนไทย
เริ่มกระทู้โดย: ประกอบ ที่ 17 มี.ค. 15, 03:23
ในฐานะที่อยู่ในอังกฤษมาก็หลายปี ชื่นชอบทัศนคติหลายๆ อย่างของคนอังกฤษ ได้เห็นตัวอย่างการรักความถูกต้องและความยุติธรรมของคนอังกฤษมาก็ไม่น้อย   รวมทั้งตัวผมเองก็เป็นแฟนของรายการ Top Gear มานาน ติดตามดูมาตลอด เจเรมี คลากสันก็เป็นพิธีกรคนหนึ่งที่ผมชื่นชอบ แต่เมื่อเห็นกระแสความรู้สึกนึกคิดของคนอังกฤษต่อกรณีนี้ ก็ต้องบอกตรงๆ ว่าผิดหวังมากถึงมากที่สุด คิดไม่ถึงว่าคนอังกฤษจำนวนมาก พร้อมที่จะหลับตาข้างเดียวให้กับความไม่ถูกต้อง เพียงเพื่อผลประโยชน์ส่วนตนที่ตัวจะได้ดูรายการที่ชื่นชอบต่อไป  หลักการและความยุติธรรมกลายเป็นเรื่องรองไปแล้ว   


ก็ขอให้กำลังใจ BBC ต่อไป หวังว่า BBC จะยึดมั่นในหลักการและความถูกต้อง อย่าให้กระแสสังคมชักนำให้ตัดสินใจไปในทางที่ผิด จนยอมละทิ้งอุดมการณ์เพียงเพื่อผลประโยชน์  >:(  >:(  >:(


กระทู้: เมื่อฝรั่งอังกฤษก็ double standard ได้ไม่แพ้คนไทย
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 17 มี.ค. 15, 05:11
ก็ขอให้กำลังใจ BBC ต่อไป หวังว่า BBC จะยึดมั่นในหลักการและความถูกต้อง อย่าให้กระแสสังคมชักนำให้ตัดสินใจไปในทางที่ผิด จนยอมละทิ้งอุดมการณ์เพียงเพื่อผลประโยชน์ 

BBC สู้สู้  ;D

หลักการคือประทีป          เชิดชูชีพพิภพใส
สังคมที่สมใจ               ย่อมมีได้ด้วยมือเรา

รวี โดมพระจันทร์




กระทู้: เมื่อฝรั่งอังกฤษก็ double standard ได้ไม่แพ้คนไทย
เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 17 มี.ค. 15, 07:45
ท่านธมฺมวิตกฺโกเคยเขียนสอนไว้ว่า จะไปถืออะไรกับปากมนุษย์ ถึงจะดีแสนดีมันก็ติ ถึงจะชั่วแสนชั่วมันก็ชม

ฝรั่งหรือไทยมันก็ไอ้ครือกัน  รู้อย่างนี้จะได้ไม่จิตตกกับไอ้พวกตะแบงบางสายพันธุ์   นะคุณประกอบนะ


กระทู้: เมื่อฝรั่งอังกฤษก็ double standard ได้ไม่แพ้คนไทย
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 18 มี.ค. 15, 08:10
กรณีนี้ อเมริกาก็พอจะมีตัวอย่างบ้าง ไม่น้อยหน้าอังกฤษ 
คงจำประธานาธิบดีบิล คลินตันได้  เมื่อดำรงตำแหน่งวาระที่สอง   คลินตันถูกข้อหาหลายข้อหา นำไปสู่ Impeachment  หรือการถูกถอดถอนจากตำแหน่ง  เมื่อวันที่ 19 ธันวาคม ค.ศ. 1998 โดยวุฒิสภา (House of Senate) เป็นผู้ทำหน้าที่โหวตลงคะแนนขับออกจากตำแหน่งประธานาธิบดี   

ข้อหาที่อื้อฉาวที่สุดคือความสัมพันธ์ทางเพศกับ โมนิก้า ลูวินสกี้ นักศึกษาฝึกงานในทำเนียบขาว  ตอนแรกคลินตันปฏิเสธ  แต่ต่อมามีหลักฐานพยานมัดดิ้นไม่หลุด ก็ต้องยอมจำนน

ผู้นำในการสืบสวนคืออัยการอิสระ นายเคนเนธ สตาร์ (Kenneth Starr) หลังการไต่สวนของวุฒิสภา  กฎหมายกำหนดให้ต้องใช้เสียง 2 ใน 3 ในการถอดถอนประธานาธิบดี
ผลของการโหวต  คล้ายๆกับในประเทศอะไรก็ไม่รู้ประเทศหนึ่ง  เสียงของวุฒิสภาไม่ถึง 2 ใน 3   แปลว่าท่านนักการเมืองผู้มีเกียรติ ส่วนใหญ่เห็นว่าความผิดของคลินตันไม่ถึงขั้นจะถูกถอดถอน ทั้งๆมันผิดทั้งกฎหมาย ผิดทั้งศีลธรรรม และเป็นตัวอย่างที่น่าละอายมากในบทบาทผู้นำของโลก

ก่อนจะหมดวาระประธานาธิบดีสมัยที่สอง คลินตันได้ตกลงกับศาลในการยุติการสืบสวน ซึ่งแลกกับการถอนใบอนุญาตทางกฎหมายเป็นเวลา 5 ปี
ทุกอย่างก็เจ๊ากันไป   


กระทู้: เมื่อฝรั่งอังกฤษก็ double standard ได้ไม่แพ้คนไทย
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 18 มี.ค. 15, 08:19
กรณีของคุณคลากสันและคุณคลินตัน เมืองไทยมีศัพท์ให้เรียก

"บกพร่องโดยสุจริต"

 ;D ;D ;D


กระทู้: เมื่อฝรั่งอังกฤษก็ double standard ได้ไม่แพ้คนไทย
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 22 มี.ค. 15, 23:00
มีการเรียกร้องให้ผู้คนลงชื่อสนับสนุนให้ BBC นำเจเรมี่กลับมาทำรายการ ซึ่งปัจจุบันมีผู้ร่วมลงชื่อแล้วมากกว่าเก้าแสนสามหมื่นคนในเว็บ change.org

ล้านแล้วจ้า  ;D

ชายที่แต่งตัวเป็น Stig ซึ่งเป็นบุคคลปริศนาที่ทำหน้าที่เทสต์รถในรายการท็อปเกียร์ มาพร้อมรถถังเพื่อนำกล่องที่มีรายชื่อของแฟน ๆ จำนวน ๑ ล้านคนมามอบให้ผู้บริหารบีบีซีเพื่อทบทวนคำสั่งพักงานเจเรมี คลาร์กสัน

http://youtube.com/watch?v=04PSoVibXNg#ws (http://youtube.com/watch?v=04PSoVibXNg#ws)


กระทู้: เมื่อฝรั่งอังกฤษก็ double standard ได้ไม่แพ้คนไทย
เริ่มกระทู้โดย: Rattananuch ที่ 23 มี.ค. 15, 12:28
ย่องเข้าบอกคุณ่่ชายประกอบเทพว่า กระทู้นี้โดนแฮ็บไปลงบางขุนพรหมpantip เรียบร้อยแล้ว
แถมไม่ไห้เครดิตเจ้าของเสียอีก :-\


กระทู้: เมื่อฝรั่งอังกฤษก็ double standard ได้ไม่แพ้คนไทย
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 23 มี.ค. 15, 13:03
เมื่อฝรั่งอังกฤษก็ double standard ได้ไม่แพ้คนไทย
http://pantip.com/topic/33408733 (http://pantip.com/topic/33408733)

จริงด้วย จขกท.ให้เครดิตคุณวิรุศฑ์ษมาศร์ อัฐน์อังการจณ์ ซะอย่างงั้น   ;D ;D  ;) ;)


กระทู้: เมื่อฝรั่งอังกฤษก็ double standard ได้ไม่แพ้คนไทย
เริ่มกระทู้โดย: CVT ที่ 23 มี.ค. 15, 13:22
เมื่อฝรั่งอังกฤษก็ double standard ได้ไม่แพ้คนไทย
http://pantip.com/topic/33408733 (http://pantip.com/topic/33408733)

จริงด้วย จขกท.ให้เครดิตคุณวิรุศฑ์ษมาศร์ อัฐน์อังการจณ์ ซะอย่างงั้น   ;D ;D  ;) ;)

ผู้ใช้นามว่า "คุณหน่อง" จขกท ในพันทิป double standard ครับ  ;) ;) ;) ;) ;)


กระทู้: เมื่อฝรั่งอังกฤษก็ double standard ได้ไม่แพ้คนไทย
เริ่มกระทู้โดย: ประกอบ ที่ 23 มี.ค. 15, 15:30
ฮิฮิ เห็นตั้งแต่เมื่อวานแล้วครับ  เผื่อคราวนี้้วิรุศฑ์ษมาศร์ จะได้แจ้งเกิดบ้าง  ;D  ;D


กระทู้: เมื่อฝรั่งอังกฤษก็ double standard ได้ไม่แพ้คนไทย
เริ่มกระทู้โดย: ประกอบ ที่ 26 มี.ค. 15, 03:38
ข่าวจาก BBC Thai ครับ ถึงข้อสรุปสุดท้ายของทาง BBC



บีบีซีปลดเจเรอมี คลากสัน ไม่ให้ดำเนินรายการท็อปเกียร์ ระบุ "ล้ำเส้น"

ลอร์ดโทนี ฮอลล์ ผู้อำนวยการทั่วไปของบีบีซี ประกาศว่า บีบีซีจะไม่ต่อสัญญาให้เจเรอมี คลากสัน หลังเกิดเหตุทะเลาะวิวาทถึงขั้นทำร้ายร่างกายผู้กำกับรายการคนหนึ่ง

ลอร์ด ฮอลล์ บอกว่าเขาตัดสินใจเรื่องนี้อย่างระมัดระวังและทราบดีว่าจะมีผู้ที่มีความเห็นแตกต่างออกไป อย่างไรก็ดี ได้เกิดการ “ล้ำเส้น” เกิดขึ้นในกรณีนี้ และเขาไม่อาจให้อภัยได้

คลากสันถูกสั่งพักดำเนินรายการเมื่อวันที่ 10 มีนาคม หลัง “ทะเลาะวิวาท” กับออยซิน ไทมอน ที่โรงแรมในเมืองยอร์คเชียร์ มีรายงานว่าเหตุการณ์เกิดขึ้นเพราะไม่มีการจัดเตรียมอาหารร้อนให้เขา

จากการสอบสวนเป็นการภายในเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว พบว่านายเทย์มอน ต้องไปหาหมอที่โรงพยาบาลเอง หลังถูก “ทำร้ายทั้งทางร่างกายและวาจาทั้งที่ไม่ได้ยั่วยุหรือท้าทาย”

นายไทมอน ถูกทำร้ายจนปากเจ่อและแตก และยังถูกว่ากล่าวด้วยถ้อยคำสบถ และถูกขู่ว่าจะถูกไล่ออกจากงาน เหตุการณ์ยุติลงเพราะผู้เห็นเหตุการณ์เข้ามาห้าม

ทั้งนี้ นายไทมอน ไม่ได้รายงานเรื่องนี้ต่อบีบีซี และเป็นที่เข้าใจว่าคลากสัน ได้รายงานเรื่องนี้ให้ผู้บริหารบีบีซีหลายคนทราบเอง หลังเกิดเหตุเมื่อวันที่ 4 มี.ค.ที่ผ่านมา

หลังจากนั้นบีบีซีได้สั่งพักงานเขา ซึ่งทำให้แฟนรายการจำนวนมากพากันออกมาสนับสนุนคลากสันรวมทั้งลงชื่อทางออนไลน์นับล้านชื่อเพื่อให้บีบีซียอมให้เขากลับมาดำเนินรายการต่อ

เป็นที่คาดว่ารายการท็อปเกียร์จะยังออกอากาศต่อไปโดยปราศจากคลากสัน ที่คงจะถูกรุมแย่งตัวจากสถานีโทรทัศน์ช่องอื่น ขณะที่ยังไม่เป็นที่ชัดเจนว่าเจมส์ เมย์ และริชาร์ด แฮมมอนด์ ผู้ดำเนินรายการร่วมจะยังดำเนินรายการต่อไปหรือไม่ สัญญาของคนทั้งสามจะสิ้นสุดภายในปีนี้

รายการท็อปเกียร์เป็นหนึ่งในรายการที่ทำเงินให้บีบีซีมากที่สุด มียอดขายในต่างประเทศราว 50 ล้านปอนด์ต่อปี


กระทู้: เมื่อฝรั่งอังกฤษก็ double standard ได้ไม่แพ้คนไทย
เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 29 มี.ค. 15, 16:07
ท่านธมฺมวิตกฺโกเคยเขียนสอนไว้ว่า จะไปถืออะไรกับปากมนุษย์ ถึงจะดีแสนดีมันก็ติ ถึงจะชั่วแสนชั่วมันก็ชม

ฝรั่งหรือไทยมันก็ไอ้ครือกัน  รู้อย่างนี้จะได้ไม่จิตตกกับไอ้พวกตะแบงบางสายพันธุ์   นะคุณประกอบนะ


อีกตัวอย่างหนึ่ง ที่อยู่เฉยๆไว้จะดีกว่า

อุดรธานี - พนักงานโรงพยาบาลเอกอุดรที่มี “เสี่ยบั๊ก” บรรเจิด ฉัตรไพฑูรย์ เป็นเจ้าของ และตอนนี้เป็นผู้ต้องหาจ้างวานฆ่าพระหมอ โพสต์ข้อความระบายความในใจ ยังนับถือ ยังภูมิใจ และไม่อายใคร เพราะเขาคือเจ้านายของฉัน
      
        ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากกรณีที่ นายบรรเจิด ฉัตรไพฑูรย์ “เสี่ยบั๊ก” ประธานการมการบริหารโรงพยาบาลเอกอุดร ตกเป็นผู้ต้องหาบงการฆ่าพระอาจารย์บัณฑิต สุปัญฑิโต หรือพระหมอ ทำให้สังคมวิพากษ์วิจารณ์กันไปต่างๆ นานา
      
        ทั้งนี้ พนักงานซึ่งทำงานในโรงพยาบาลเอกอุดรคนหนึ่ง ได้ออกมาระบายความในใจผ่าน เฟซบุ๊กส่วนตัว โดยมีข้อความระบุว่า “ไม่ว่าเหตุการณ์จะลงเอยอย่างไร ใครจะมองท่านยังไง หรือสังคมจะพิพากษาท่านไปขนาดไหน ไม่ใช่ประเด็นสำคัญเพราะสำหรับเราแล้วท่านยังคงเป็นเจ้านายผู้โอบอ้อมอารีมีเมตตาต่อพวกเราเสมอ และความเคารพนับถือที่มีต่อท่านก็ยังมั่นคงไม่ได้จางหายไป หรือลดลงไปแม้แต่น้อย และฉันก็ภูมิใจที่ได้ทำงานในโรงพยาบาลเอกอุดร ฉันไม่อายใคร โรงพยาบาลของฉัน เจ้านายของฉัน”
      
        โดยข้อความดังกล่าวเพื่อนพนักงานรายนี้เข้ามากดถูกใจแล้วกว่า 50 คน
      
        นอกจากนี้ ยังมีเพื่อนแสดงความเห็นต่อโฟสต์นี้ว่า ใช่ๆๆ พวกเราคือ “ครอบครัวเอกอุดร” เรารักท่าน รักเจ้านาย หรือเห็นด้วย 1,000%

ที่มา


http://www.manager.co.th/Local/ViewNews.aspx?NewsID=9580000036151 (http://www.manager.co.th/Local/ViewNews.aspx?NewsID=9580000036151)




กระทู้: เมื่อฝรั่งอังกฤษก็ double standard ได้ไม่แพ้คนไทย
เริ่มกระทู้โดย: ประกอบ ที่ 29 มี.ค. 15, 17:17
ตัวอย่างข้างบนที่ท่านอาจารย์นวรัตนนำมาให้ชม ผมก็เห็นด้วยเช่นกันว่าอยู่เฉยๆ ยังจะดีกว่า  แต่จากข้อความให้กำลังใจดังกล่าว และการกด like อีกมากมาย ผมคิดว่าผมเห็นอะไรบางอย่างที่น่ากลัว นอกจากแค่เรื่องของการสองมาตรฐานหรือการไม่รู้ดีรู้ชั่วของคน

อย่างแรกที่เห็นก็คือ การเลียแข้งเลียขาเจ้านายอย่างไร้ยางอายของคนที่เขียน เพราะข้อความทั้งหมด เป็นการยกย่องล้วนๆ แบบไม่มีอย่างอื่นเจือปน ผมไม่รู้จักนายเสี่ยอะไรคนนี้ ไม่รู้ว่านิสัยใจคอหรือการปฏิบัติต่อลูกน้องเป็นอย่างไร แต่เชื่อว่าผมเห็นโลกมาขนาดหนึ่ง เจอผู้คนมาหลากหลาย มีโอกาสสังเกตคนทั้งคนดีคนชั่ว  สิ่งหนึ่งที่ผมพบคือ คนที่มีข้อเสียไม่ว่าแบบไหน ไม่สามารถปกปิดข้อเสียของตนได้ตลอด สุดท้ายข้อเสียนั้นๆ ต้องแสดงออกมา  เช่นความโง่เขลา เย่อหยิง ถือดี กักขระ บ้าอำนาจ เจ้าชู้ เห็นแก่ตัว เอาแต่ได้  ไม่รู้จักเอาใจเขามาใส่ใจเรา ฯลฯ  สิ่งเหล่านี้สังเกตได้ง่ายกว่าความดี เช่นความโอบอ้อมอารี มีน้ำใจ เสียสละมากมายนัก   อาเสี่ยคนนี้เป็นผู้จ้างวานจริงหรือไม่ ศาลยังไม่ตัดสิน แต่พฤติกรรมหลายๆ อย่างก็บ่งชี้ให้เห็น ทั้งยังมีข่าวมากมายที่ออกมาตีแผ่ทำให้เข้าใจได้ไม่ยากว่าคนคนนี้ดีเลวอย่างไร  จะให้เชื่อว่าคนคนนี้ดีจริง  ดังนั้นการที่ลูกน้องรักมากนี่ผมคงทำใจเชื่อได้ยาก


เมื่อวันนี้มีคนออกมาแสดงความชื่นชมบูชา  และเป็นคนที่อยู่ในสถานะลูกจ้างหรือลูกน้อง  ทำให้มองอย่างอื่นไม่ได้ว่าเป็นการแสดงความต้องการเอาอกเอาใจที่เกินธรรมดาแบบออกนอกหน้า ขี้ประจบ และยังป่าวประกาศโชว์ให้โลกออนไลน์และคนรอบข้างเห็น  การทำแบบนี้เป็นการกระทำที่หวังผล มากกว่าการแสดงออกซึ่งความเคารพนับถือจริงๆ ที่ควรแสดงออกอย่างอื่นที่เป็นการส่วนตัวกว่า


ส่วนคนที่กด like ก็เช่นกัน  ผมมองว่าน่ากลัว เพราะมันเป็นเหมือนจิตวิทยาการนำฝูง  ผมไม่เชื่อว่าคนที่กดไลค์ทั้งหมดเห็นดีเห็นงามไปกับการประจบเอาใจนี้  แต่เมื่อเพื่อนกด ฉันก็ต้องกด เพราะการไม่กดอาจกลายเป็นความนอกคอก การไม่เห็นใจเจ้านายในยามวิกฤติ และอาจส่งผลถึงบทบาทสถานะหรือหน้าที่การงานของตนในทางอ้อมได้ ทำให้ต้องแห่แหนเข้ามาให้กำอกกำลังใจกันแบบนี้  เพราะใครไม่กดไลค์จะกลายเป็นเหมือนลูกน้องที่ไม่มความภักดีไปอีก


เห็นเรื่องนี้แล้วทำให้นึกถึงยุคนาซีมากๆ เดี๋ยวไว้ส่งเล่มวิทยานิพนท์แล้ว จะกลับมาเล่าเรื่องของนาซีที่เป็นคนธรรมดา แต่สิ่งแวดล้อมชักนำทำให้กลายเป็นผู้รับผิดชอบฆ่าคนไปเป็นล้าน สภาวะแวดล้อมทำให้คนเราขาดเขลาต่อจริยธรรมได้มากอย่างไม่น่าเชื่อ