ดาบวิชัยของเรา เหนื่อยหนักกว่าอัลกอร์เป็นใหนๆ ไม่เห็นโลกจะรู้จักเลย
เอาเรื่องของดาบวิชัยมาลงให้อ่านกันอีกที เขาเป็นคนเล็กๆคนหนึ่งที่เกิดมาทำสิ่งยิ่งใหญ่ให้สังคมที่เขาอาศัยอยู่
คนแบบนี้ทำความดีอย่างสงบเสงี่ยม เจียมตัว ไม่ป่าวประกาศ ไม่อวดโอ้ ก้มหน้าก้มตาทำงานปิดทองหลังพระไปเรื่อยๆ จนวันหนึ่งทองล้นออกมาถึงหน้าพระ
ผู้คนก็ได้เห็นเอง
http://www.sarakadee.com/web/modules.php?name=Sections&op=printpage&artid=327เกร็ดข่าว : วันนี้ของนายดาบตำรวจวิชัย สุริยุทธ
เรื่อง : วันชัย ตันติวิทยาพิทักษ์
ภาพ : วิจิตต์ แซ่เฮ้ง
“คุณรู้ไหม การปลูกต้นไม้เป็นการทำบุญที่ถูกต้องที่สุด มันยั่งยืนกว่า และช่วยเหลือทุกคนได้ชั่วลูกชั่วหลาน”
นายดาบตำรวจวิชัย สุริยุทธ
สารคดี ฉบับที่ ๒๒๕ พฤศจิกายน ๒๕๔๖
นายดาบตำรวจวิชัย สุริยุทธ ผู้บังคับงานหมู่สอบสวน สถานีตำรวจภูธรอำเภอปรางค์กู่ จังหวัดศรีสะเกษ วัย ๕๘ ปี กลายเป็นคนดังชั่วข้ามคืน เมื่อเครื่องดื่มชูกำลังยี่ห้อหนึ่งนำเรื่องราวชีวิตจริงของ “คนบ้า” ที่อุทิศเวลาในชีวิตร่วม ๒๐ ปี ก้มหน้าก้มตาปลูกต้นไม้ทุกวันโดยไม่หวังสิ่งตอบแทน มาถ่ายทอดในหนังโฆษณาชิ้นใหม่
เรื่องราวในโฆษณาชิ้นนั้น บอกเล่าชีวิตจริงของนายดาบตำรวจผู้ใช้เวลาว่างจากงานราชการ ออกปลูกต้นไม้ทุกวันตามที่รกร้างว่างเปล่า ไหล่ถนน ที่ดินสาธารณะ ฯลฯ ปลูกโดยที่ไม่มีนายสั่ง ไม่มีค่าตอบแทนใด ๆ จะมีบ้างก็เสียงหัวเราะลอยลมของเด็กๆ และชาวบ้านที่คิดว่าเขาเป็นบ้า
เวลาผ่านไปเกือบ ๒๐ ปี อำเภอปรางค์กู่ซึ่งเคยเป็นอำเภอที่แห้งแล้งยากจนที่สุดในประเทศ กลับร่มรื่นเขียวขจีไปด้วยต้นไม้นานาชนิด โดยเฉพาะต้นตาลที่นับได้ไม่ต่ำกว่า ๒ ล้านต้น ไม่รวมไม้ชนิดอื่นๆ ไม่ว่าต้นยางนา ต้นคูน ต้นสะเดา ต้นขี้เหล็ก ฯลฯ
ราว ๒ ปีก่อน สารคดี ตีพิมพ์บทสัมภาษณ์ชีวิตของนายดาบตำรวจวิชัย สุริยุทธ นับเป็นครั้งแรกที่สังคมได้รู้จักกับดาบวิชัย--คนบ้าผู้ปลูกต้นไม้ ๒ ล้านต้น อย่างละเอียด หลังจากนั้นชื่อของดาบวิชัยก็เริ่มเป็นที่รู้จักในสังคม จนดังเป็นพลุแตกเมื่อหนังโฆษณาชิ้นนี้ออกอากาศทางโทรทัศน์เมื่อต้นปีที่ผ่านมา
ดาบวิชัยกลายเป็นคนดังระดับประเทศ หน่วยงานต่าง ๆ ทั้งรัฐและเอกชนหันมาให้ความสนใจ มอบรางวัลและเกียรติบัตรให้ในฐานะบุคคลผู้มีความซื่อสัตย์และเสียสละ ขณะที่รายการวิทยุโทรทัศน์หลายรายการก็เข้าคิวรอที่จะสัมภาษณ์ชีวิตของนายดาบผู้นี้ต่อเนื่องกันมาอีกหลายเดือน
สารคดี ได้พบกับดาบวิชัยอีกครั้งเมื่อเขาเดินทางมารับโล่เกียรติคุณในกรุงเทพฯ และถือโอกาสแวะมาทักทายเราถึงสำนักงาน ดาบวิชัยได้เล่าให้เราฟังถึงเรื่องราวหลายอย่างที่เข้ามาในชีวิต
“ทีมงานที่มาถ่ายทำโฆษณาเขาบอกว่ารู้จักผมใน สารคดี เขาอ่านข้อมูลในนั้นแล้วก็ส่งคนมาหาข้อมูลเพิ่มที่อำเภอปรางค์กู่หลายครั้ง ก่อนจะตกลงกัน จากนั้นเขาก็ยกทีมมาถ่ายทำ ๓ วันติดต่อกัน คนแห่มาดูทั้งอำเภอเหมือนถ่ายหนัง
“หลังจากที่โฆษณาออกฉายทางทีวี บางคนก็ไม่เชื่อว่าผมมีตัวตนจริง แรงเยอร์โปรโมตขึ้นเองหรือเปล่า คนมารู้ว่าผมมีตัวตนจริงๆ ก็เมื่อไปออกรายการ ถึงลูกถึงคน และรายการ ทไวไลท์โชว์ ๒ รายการนี้เป็นรายการที่ทำให้คนเริ่มหันมาสนใจ เพราะเมื่อก่อนนี้ไม่ค่อยมีใครเชื่อว่าผมปลูกต้นไม้ได้เยอะขนาดนี้”
ทุกวันนี้แม้จะกลายเป็นคนมีชื่อเสียง ดาบวิชัยก็ยังปลูกต้นไม้เหมือนเดิม ยังใช้มอเตอร์ไซค์คู่ชีพที่อายุสิบกว่าปีเป็นพาหนะ บรรทุกเมล็ดพันธุ์ไปปลูกตามที่ต่างๆ แต่ละปีดาบวิชัยจะเริ่มปลูกต้นไม้ก่อนหน้าฝน โดยเลือกวันที่ ๑ พฤษภาคมเป็นวันแรกของการปลูกต้นไม้ ถือเป็นการให้เกียรติวันแรงงานแห่งชาติ
“ผมยังปลูกต้นไม้เป็นกิจวัตรประจำวันเหมือนเดิมทั้งเช้าและเย็น มันเป็นนิสัยติดตัวไปแล้ว แต่เดี๋ยวนี้ไม่ค่อยสะดวกเหมือนเมื่อก่อน มีพวกสื่อต่างๆ ไปหาบ่อย ไม่ก็ต้องเข้ากรุงเทพฯ มารับรางวัล หรือเป็นวิทยากรเดินสายไปพูดเรื่องการปลูกต้นไม้ตามที่ต่างๆ ทั่วประเทศ เวลาที่ไม่มีคนไปหา ไม่มีสื่อไปหา ผมก็ปลูกต้นไม้ทุกวัน วันไหนเป็นเทศกาลพิเศษ ผมจะขอความร่วมมือจากชาวบ้าน มาช่วยกันปลูกต้นไม้ ผมปลูกด้วยเมล็ดพันธุ์ ไม่ได้ปลูกด้วยกล้าไม้ ถ้าปลูกด้วยกล้าไม้มันก็จะไม่ได้มากเหมือนอย่างนี้ เทคนิคการปลูกก็คือปลูกก่อนหน้าฝนและช่วงฝน ดินที่ปลูกต้องโปร่ง มีความชุ่มชื้น พอฝนตกมาเมล็ดก็งอก รากแก้วก็หยั่งลึก นี่ถ้าหากว่าไม่ถูกไฟไหม้ไปบ้าง มันก็จะเพิ่มกว่านี้อีกหลายเท่า แต่ก็ยังดีที่ผมปลูกต้นตาลซึ่งทนสภาพความแห้งแล้งได้ดี แล้วปลูกไม้อื่นๆ ทุกอย่างที่กินได้ อย่างขี้เหล็ก ต้นหว้า ต้นไม้บางชนิดลำต้นก็สามารถเอาไปใช้ประโยชน์ในอนาคต เช่น ต้นยางนา ต้นมะค่า
“คิดไปแล้วที่ผ่านมาน่าจะปลูกไปแล้วมากกว่า ๒ ล้านต้น คือเราเอาเมล็ดพันธุ์ไปหยอดตามขอบถนน ริมห้วยหนองคลองบึง วันละ ๔๐๐-๕๐๐ ต้นได้ ถนนเยอะยิ่งปลูกเยอะ ถ้าถนนเก่าเราก็ปลูกตาล วันหนึ่งปลูกไม่ต่ำกว่า ๑๐๐ เมล็ด เพราะต้นตาลมันทนไฟ ไม่ค่อยตาย ยิ่งเดี๋ยวนี้ได้รับความร่วมมือจากชาวบ้านมากขึ้น ก็ยิ่งปลูกได้มากขึ้น เมื่อวันที่ ๑ พฤษภาคมที่ผ่านมา เฉพาะต้นคูนก็น่าจะร่วมหมื่นต้นแล้ว เพราะคนที่มาร่วมปลูกเยอะ เดี๋ยวนี้ประชาสัมพันธ์ง่าย คนเข้าใจมากขึ้น แต่ก่อนชาวบ้านนึกว่าผมบ้าจริงๆ ตอนนี้เขาแค่ล้อเล่นว่าผมบ้า
“ชีวิตผมไม่เปลี่ยน ผมคงเส้นคงวาเหมือนเดิม ปณิธานเริ่มต้นอย่างไรบั้นปลายชีวิตก็อย่างนั้น อยากฝากขอบคุณสื่อต่างๆ ที่ไปค้นหาคนตัวเล็กๆ คนหนึ่งที่อยู่ในพงหญ้ากลางทุ่ง ในถิ่นทุรกันดาร มาให้คนในสังคมรู้จัก ถ้าหากว่าใครเอาไปเป็นตัวอย่างได้ก็ดีสำหรับเขา แต่ส่วนตัวผมนั้นก็คงเหมือนเดิมแหละ อย่างไรก็อย่างนั้น เรียบง่ายและก็จะทำไปเรื่อยๆ จนกว่าสังขารจะไม่ไหว คิดว่ามรรคผลจากสิ่งที่เราทำมันเกิดกับชาวบ้าน ถ้าหากว่าทั้งประเทศมีคนทำอย่างนี้ไปเรื่อยๆ ประเทศชาติก็จะเจริญ อยากจะฝากกับพี่น้องชาวชนบททั้งหลายว่าถ้าเลียนแบบผมได้ก็จะดี มรรคผลเกิดที่ตัวเขาเองไม่ได้เกิดที่ใคร ถ้าเขาทำเขาก็ได้ของเขาเอง จะช้าก็ไม่เป็นไร ผมชอบอุดมคติที่ว่าการสร้างฐานะของตนเองคือการสร้างฐานะของชาติ ถ้าหลายๆ คนมาร่วมกันทำให้ตัวเองเหมือนอย่างผมทำ มันก็มีพลัง”
สิ่งที่ติดตามมาอีกอย่างเมื่อกลายเป็นคนมีชื่อเสียง ก็คือเริ่มมีนักการเมืองหลายคนวิ่งเข้าหา บางคนมาขอให้ช่วยเป็นหัวคะแนนในการเลือกตั้งวุฒิสมาชิกสมัยหน้า บางคนก็มาชวนให้เป็นสมาชิกพรรค แต่ดาบวิชัยยืนยันหนักแน่นว่าไม่เล่นการเมืองเด็ดขาด
“เล่นแล้วสู้เขาไม่ได้หรอก เราก็ไม่ชอบอยู่แล้วด้วย เราไม่ชอบความวุ่นวาย ถ้าเล่นการเมือง มันจะมาสร้างความวุ่นวาย เล่นการเมืองเมื่อไรปวดหัวเมื่อนั้น เพราะว่าเราไม่อยากเอาใจใคร ผมว่าถ้ารักประเทศชาติจริงๆ ก็มาทำคล้ายๆ ผมนี่แหละ ให้มีความจริงใจต่อผืนแผ่นดิน แล้วก็มีความจริงใจต่อตัวเอง ประเทศชาติก็เจริญเองแหละ"
http://www.pattayadailynews.com/thai/shownews.php?IDNEWS=0000000619ดาบวิชัย ได้รับรางวัล บุคคลดีเด่นแห่งปี 2549
ร้อยตำรวจตรีวิชัย สุริยุทธ (ดาบวิชัย) ได้รับเลือกให้เป็นบุคคลดีเด่น สาขาอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ประจำปี 2549 จากคณะกรรมการเอกลักษณ์ของชาติ สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี
นายเอนก สิทธิประศาสน์ ประธานคณะอนุกรรมการคัดเลือกบุคคล และหน่วยงานดีเด่นของชาติ ในคณะกรรมการเอกลักษณ์ของชาติ สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงข่าวการคัดเลือกบุคคล และหน่วยงานดีเด่นของชาติ ประจำปี 2549 จำนวน 5 สาขา ประกอบด้วย สาขาพัฒนาสังคม ประเภทบุคคล ได้แก่ นายประยงค์ รณรงค์ (ด้านการพัฒนาชุมชน) ประเภทหน่วยงาน คือ มูลนิธิตงฮั้วการแพทย์ ในพระบรมราชูปถัมภ์ (ด้านการสาธารณสุข)
สาขาพัฒนาเศรษฐกิจ ประเภทหน่วยงาน ได้แก่ บริษัทสวนสามพราน จำกัด (ด้านอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว)
สาขาอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ประเภทบุคคล ได้แก่ ร.ต.ต.วิชัย สุริยุทธ หรือ ดาบวิชัย สาขาวิทยาศาสตร์เทคโนโลยี ประเภทบุคคล ได้แก่ ศ.เกียรติคุณ นพ.ยงยุทธ วัชรดุลย์ สาขาเผยแพร่เกียรติภูมิของไทย ประเภทบุคคล ได้แก่ ศ.อุดม รุ่งเรืองศรี (ด้านการอนุรักษ์ภาษาถิ่น)
ทั้งนี้ คณะกรรมการเอกลักษณ์ของชาติได้เริ่มดำเนินการคัดเลือกบุคคล และหน่วยงานดีเด่นของชาติ มาตั้งแต่ปี 2526 เป็นต้นมา เพื่อเป็นการส่งเสริมให้กำลังใจบุคคล และหน่วยงานดีเด่น เผยแพร่สู่สาธารณชน ตลอดจนให้เยาวชนของชาติ และประชาชน ยึดถือเป็นแบบอย่าง และเป็นแนวทางประพฤติอย่างภาคภูมิใจต่อไป
ประวัติดาบวิชัย ดาบตำรวจผู้พลิกแผ่นดิน เริ่มต้นที่บ้านนาโนน ตำบลลำโขง (ปัจจุบันเป็นตำบลหนองไฮ) อำเภออุทุมพรพิสัย จังหวัดศรีสะเกษ ที่นั่นมีแต่ความแห้งแล้ง พ่อแม่ทำนา ฐานะทางบ้านยากจน ต้องรับจ้างทำงานสารพัดทั้งกรรมกรก่อสร้าง จับกัง กระทั่งได้ศึกษาต่อที่โรงเรียนอุทุมพรพิสัย ศรีสะเกษวิทยาลัย และหลังจบโรงเรียนพลตำรวจ3 จังหวัดนครราชสีมา ก็ได้เข้ารับราชการตำรวจ เมื่อปีพ.ศ.2511 ประจำ สภ.อ. เมืองศรีสะเกษ ต่อมาในปี พ.ศ.2513 ย้ายมาประจำ สภ.อ.ปรางค์กู่ ตำแหน่งธุรการงานสอบสวน จนถึงปัจจุบัน
หลังจากได้เข้าร่วมอบรมโครงการแผ่นดินธรรมแผ่นดินทอง เมื่อ พ.ศ.2530 ที่เน้นเรื่องความสงบสุขของชาวบ้าน และเศรษฐกิจพอเพียง มีการนำเสนอโครงการ ชุมชนชีวิตใหม่ เน้นเชิดชูคนดีที่เสียสละเวลาเพื่อส่วนรวม โดยเริ่มต้นที่ตัวเอง ไม่เรียกร้องความช่วยเหลือจากใคร โดยเฉพาะจากสอนว่า
"เราต้องขยันอย่างฉลาด และต้องปราศจากอบายมุข เราจะต้องพึ่งตนเองให้ได้อย่างมีศักดิ์ศรีโดยไม่เบียดเบียนใคร ความทุกข์ของเพื่อนบ้านคือภารกิจที่เราต้องร่วมกันแก้ไข เมื่อเรามีเพื่อนบ้านดีก็ไม่ต้องมีรั้วบ้าน การทำงานหนักคือดอกไม้ของชีวิต"
หลังจากอบรมโครงการนี้เสร็จ ทำให้ดาบวิชัยได้เกิดแง่คิดที่จะทำประโยชน์ให้กับแผ่นดิน และเนื่องจากอำเภอปรางค์กู่ เป็นอำเภอที่ยากจนที่สุดของ จังหวัดศรีสะเกษ ผืนดินมีแต่ความแห้งแล้ง โครงการปลูกต้นไม้ในที่สาธารณะเพื่อส่วนรวมจึงเกิดขึ้น คือ รณรงค์ปลูกต้นยางนา เพื่อเอาไว้สร้างบ้านเรือน รณรงค์ปลูกต้นตาล ซึ่งเป็นพืชสารพัดประโยชน์ ใช้ได้ทั้งต้น กาบ ใบ ลูก รวมทั้งจาวตาลและคอตาล ต้นตาลปลูกง่ายโตเร็วและทนทาน รณรงค์ปลูกต้นคูน ต้นไม้ประจำภาคอีสานและประจำชาติไทย ดอกเหลืองอร่ามบานสะพรั่งตลอดหน้าแล้ง รณรงค์ให้เปลี่ยนการทำนาปีเป็นไร่นาสวนผสม
ดาบวิชัยเริ่มต้นรณรงค์ชาวบ้านตามโครงการทั้ง 4 ที่ตั้งไว้ตั้งแต่ พ.ศ.2531 จนเห็นเป็นรูปธรรมและได้รับการยอมรับจากชาวบ้าน กระทั่งวันที่ 5 ก.ค. พ.ศ.2543 ประชาคม อ.ปรางค์กู่ทั้ง 10 ตำบล ได้พร้อมใจกันลงมติให้ใช้ 4 โครงการนี้เป็นคำขวัญของ อ.ปรางค์กู่ ที่ว่า "ปรางค์กู่อยู่ในป่ายางกลางดงตาล บานสะพรั่งดอกคูน บริบูรณ์ไร่นาสวนผสม"
"ผมยึดหลัก ทำเพื่อความสุขของผู้อื่น ทำให้คนที่ไม่รู้ ทำให้คนที่เสียโอกาส ผมจะปลูกต้นไม้ ไปเรื่อยๆ ทุกวันนี้ผมไม่ได้ปลูกแต่ต้นยางนา คูน ตาล เท่านั้น ผมปลูกขี้เหล็ก สะเดา กระถิน ตะไคร้ โตแล้วให้ดอกออกผลก็เป็นของชาวบ้าน ใครจะกินก็มาเก็บเอา บางคนเก็บไปขาย ส่งลูกเรียน ผมเห็นแล้วก็ชื่นใจ ผมมีความสุขทุกขั้นตอน ตั้งแต่เอาเมล็ดพันธุ์ใส่ถุง แบกจอบ หิ้วขึ้นมอเตอร์ไซค์ ขี่ไปปลูกจนเสร็จสิ้นกระบวนการ ผมจึงตั้งใจปลูกต้นไม้ไปเรื่อยๆ จนกว่าชีวิตจะหาไม่"
กว่า 18 ปี ที่ ดาบวิชัย ที่เริ่มต้นลงมือปลูกต้นไม้ เหมือนเป็นหน้าที่ที่ต้องทำทุกวัน บางคนว่าบ้า บางคนว่าเพี้ยน แต่คำพูดเหล่านี้ไม่ได้เปลี่ยนวิถีชีวิตของดาบวิชัย ที่ยังคงดำเนินต่อไป
ดาบวิชัยได้รับรางวัลเกียรติบัตรยกย่องเชิดชูจากสมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราชสกลมหาสังฆปรินายก ในฐานะผู้บำเพ็ญประโยชน์ต่อพุทธศาสนา ในด้านส่งเสริมการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม เมื่อวันที่ 6 พฤษภาคม พ.ศ.2544 ได้รับพระราชทานรางวัลเสาเสมาธรรมจักร สาขาส่งเสริมการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม จากสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ เมื่อวันที่ 6 พฤษภาคม พ.ศ.2544 ได้รับโล่พร้อมใบประกาศเกียรติคุณ และรางวัลลูกโลกสีเขียว ประเภทบุคคล รางวัลชมเชย จากนายอานันท์ ปันยารชุน เมื่อวันที่ 18 ธันวาคม พ.ศ.2544 ได้รับรางวัลจากมูลนิธิบุณยะจินดา โดย พล.ต.อ.พจน์ บุณยะจินดา อดีตอธิบดีกรมตำรวจ และได้รับรางวัลโล่เกียรติยศ จากพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี