เรือนไทย

General Category => ทันกระแส => ข้อความที่เริ่มโดย: SILA ที่ 11 เม.ย. 10, 11:02



กระทู้: แวบวาบความคิดยามวิกฤตบ้านเมือง
เริ่มกระทู้โดย: SILA ที่ 11 เม.ย. 10, 11:02
          เหตุการณ์ความไม่สงบต่อเนื่องที่ทวีความเข้มข้น รุนแรง ส่งผลต่อความรู้สึก นึกคิด
อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

          หนึ่งในความนึกคิดหลากหลาย คือ ชื่อของหนังที่แวบเข้ามาในมโนนึก
          - ชื่อ(มิใช่เนื้อเรื่อง) ที่เข้ากับสถานการณ์บ้านเมืองในตอนนี้


Cry, the Beloved Country

พล็อตเรื่อง (จาก imdb)

         In the back country of South Africa, black minister
Stephen Kumalo (Canada Lee) journeys to the city to search for
his missing son, only to find his people living in squalor
and his son a criminal.
     Reverend Misimangu (Sidney Poitier) is a young South African
clergyman who helps find his missing son-turned-thief and
sister-turned-prostitute in the slums of Johannesburg.

ภาพจากปกหนังสือ


กระทู้: แวบวาบความคิดยามวิกฤตบ้านเมือง
เริ่มกระทู้โดย: SILA ที่ 11 เม.ย. 10, 11:04
         ประวัติศาสตร์ชาติไทยสมัยนี้(ตุลา พฤษภา)บอกว่า ความขัดแย้งของบ้านเราลงเอยด้วยการฆ่ากันเอง


Clash of the Thaitans

พล็อตเรื่อง        The Clash of the Titans is set in the Greek city of Argos
                   where a war is about to explode between man and the gods.


กระทู้: แวบวาบความคิดยามวิกฤตบ้านเมือง
เริ่มกระทู้โดย: SILA ที่ 11 เม.ย. 10, 11:05
           ความขัดแย้ง แตกแยกที่ไม่มีวันสมานสนิท

บางครั้ง อดฝันไม่ได้อยากให้เป็นเพียงแค่ในหนัง

Irreconcilable Differences

พล็อตเรื่อง     a precocious little girl sues her selfish, career-driven parents
                for emancipation, surprising them both.


กระทู้: แวบวาบความคิดยามวิกฤตบ้านเมือง
เริ่มกระทู้โดย: SILA ที่ 11 เม.ย. 10, 11:07
            มืดมน อับจนหนทาง ไม่เห็นแสงสว่าง หากจะมีบ้างอาจพบได้ที่ปลายโลก

The Light at the Edge of the World

พล็อตเรื่อง

          A ruthless pirate captures the keeper of a lighthouse,
somewhere in north Argentina. His goal is obvious and horrific.
He plans to control the lighthouses signals in a way that
the passing ships will be crushed on the rocks.


กระทู้: แวบวาบความคิดยามวิกฤตบ้านเมือง
เริ่มกระทู้โดย: SILA ที่ 11 เม.ย. 10, 11:11
            ถึงอย่างไรก็ยังคงมีความหวัง และความฝันถึงวันอันสดใส แต่ไม่รู้ว่าจะมาถึงเมื่อไร

Hope and Glory

พล็อตเรื่อง

       A semiautobiographical project by John Boorman about
a nine year old boy called Bill as he grows up in London during
the blitz of World War 2.


กระทู้: แวบวาบความคิดยามวิกฤตบ้านเมือง
เริ่มกระทู้โดย: SILA ที่ 11 เม.ย. 10, 11:15
          ก่อนถึงวันนั้น ตอนนี้อยากจะหนีโลกแห่งความจริง ไปขออาศัยหลบพักกายและใจอยู่ใน
เรือนมยุรา กับคุณนกยูงและส้มฉุน

            จนกว่าสันติสุข และความสงบร่มเย็นจะกลับคืนสู่บ้านของเรา


กระทู้: แวบวาบความคิดยามวิกฤตบ้านเมือง
เริ่มกระทู้โดย: SILA ที่ 12 เม.ย. 10, 18:06
         จินตนาการสืบเนื่องเรื่องราวรับทราบจากโรงพยาบาลแห่งหนึ่ง ในคืนที่ ๑๐ เมษายน
                    

    จากบ้านเกิดเข้าเกณฑ์เป็นพลทหาร                ประจำการรับใช้ชาติตามหน้าที่

ชายไทยไม่ท้อรอสองปี                                 ล่วงแล้วพี่จะไปขอเจ้าพุ่มพวง

     สงกรานต์นี้มีพันธะภาระใหญ่                       พี่ต้องไปทำหน้าที่ที่เมืองหลวง

คงไม่มีอันตรายใดทั้งปวง                               ไม่น่าห่วงเพราะทุกคนเป็นคนไทย

     พี่มาปฏิบัติการที่สี่แยกนี้                             ในวันที่ต้องประชันกันยกใหญ่

ปราศอาวุธรุนแรงแต่อย่างใด                             แค่พลังใจจากสิ่งของพี่ต้องมี

               ............................

     เจ้าหน้าที่ตรวจบันทึกข้อมูลศพ                       สิ่งที่พบอย่างรอบคอบถ้วนถี่

สิ่งที่อยู่ในกระเป๋าพลทหารนี้                               คือโบว์สีชมพูคู่ธงไทย  

        
      " สิ่งที่เห็นคือ ริ้วธงชาติไทยและโบว์ผูกผมสีชมพู "


กระทู้: แวบวาบความคิดยามวิกฤตบ้านเมือง
เริ่มกระทู้โดย: SILA ที่ 15 เม.ย. 10, 17:29
          จากพล็อต - หนีโลกจริงสู่โลกจินตนาการ พาให้นึกถึงหนังคุณภาพเรื่องหนึ่งซึ่งประทับใจ
เมื่อไม่นานมานี้
              
              Pan's Labyrinth (2006) เล่าเรื่องราวในสเปนปี 1944 ช่วงฟาสซิสท์ฟรังโกครองเมือง

               กวาดรับรางวัลมากมายในเวทีการประกวดระดับโลก ซึ่งรวมถึง  3 Academy awards ด้วย

                         พล็อตเรื่องย่อ  - สปอยล์  

          เด็กสาวช่างฝัน กำพร้าพ่อ ดำเนินชีวิตท่ามกลางความตึงเครียดจากผู้ใหญ่ในบรรยากาศสงคราม และ
จากสุขภาพของแม่ซึ่งตั้งครรภ์แก่กับชายคนใหม่ แล้วเกิดภาวะแทรกซ้อนมีอาการตกเลือด
          เธอใช้จินตนาการจากการเป็นนักอ่านตัวยงนำพาตัวเข้าสู่โลกใหม่ที่เธอเสกสร้างขึ้นมา และ
ปฏิบัติภารกิจเพื่อช่วยชีวิตมารดาและน้องน้อยที่กำลังจะเกิด  

          ภารกิจสุดท้ายในโลกฝันจบลงพร้อมกับชีวิตของเธอในโลกนี้


กระทู้: แวบวาบความคิดยามวิกฤตบ้านเมือง
เริ่มกระทู้โดย: SILA ที่ 15 เม.ย. 10, 17:32
มโนนึกสุดท้ายนำเธอสู่ดินแดนใต้พิภพ


กระทู้: แวบวาบความคิดยามวิกฤตบ้านเมือง
เริ่มกระทู้โดย: SILA ที่ 15 เม.ย. 10, 17:35
ในฐานะเจ้าหญิงน้อยแห่งเมืองนิมิตเบื้องล่างผู้สิ้นสุดการขึ้นมาเยือนโลกมนุษย์แล้วกลับคืนสู่ราชวัง
    


กระทู้: แวบวาบความคิดยามวิกฤตบ้านเมือง
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 19 เม.ย. 10, 10:23
http://www.youtube.com/watch?v=UyGxzevO6Ds
ทำนอง : พระราชนิพนธ์ในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
คำร้อง: ท่านผู้หญิงมณีรัตน์ บุนนาค

ขอฝันใฝ่ในฝันอันเหลือเชื่อ
ขอสู้ศึกทุกเมื่อไม่หวั่นไหว
ขอทนทุกข์รุกโรมโหมกายใจ
ขอฝ่าฟันผองภัยด้วยใจทะนง

จะแน่วแน่แก้ไขในสิ่งผิด
จะรักชาติจนชีวิตเป็นผุยผง
จะยอมตายหมายให้เกียรติดำรง
จะปิดทองหลังองค์พระปฏิมา

ไม่ท้อถอยคอยสร้างสิ่งที่ควร
ไม่เรรวนพะว้าพะวังคิดกังขา
ไม่เคืองแค้นน้อยใจในโชคชะตา
ไม่เสียดายชีวาถ้าสิ้นไป

นี่คือปณิธานที่หาญมุ่ง
หมายผดุงยุติธรรม์อันสดใส
ถึงทนทุกข์ทรมานนานเท่าใด
ยังมั่นใจรักชาติองอาจครัน

โลกมนุษย์ย่อมจะดีกว่านี้แน่
เพราะมีผู้ไม่ยอมแพ้แม้ถูกหยัน
คงยืนหยัดสู้ไปใฝ่ประจัญ
ยอมอาสัญก็เพราะปองเทิดผองไทย


กระทู้: แวบวาบความคิดยามวิกฤตบ้านเมือง
เริ่มกระทู้โดย: SILA ที่ 19 เม.ย. 10, 14:27
Man of La Mancha

            หนังและละครเพลงที่แต่งขึ้นจากวรรณกรรมชิ้นเอกแห่งสเปนเรื่อง  Don Quixote
ประพันธ์โดย Miguel de Cervantes

            เป็นละครซ้อนละคร เล่าเหตุการณ์ในคุก เมื่อมิเกลถูกทางการจับกุม และถูกไต่สวนล่วงหน้า
โดยชาวคุก เขาขอต่อสู้ในศาลคุกด้วยการแสดงจากบทละครที่เขาแต่งขึ้นเพื่อตอบและอธิบาย
ความคิด ความมุ่งมั่น ความฝัน โดยมีเขากับคนรับใช้ และนักโทษทั้งหลายเป็นนักแสดง

 


กระทู้: แวบวาบความคิดยามวิกฤตบ้านเมือง
เริ่มกระทู้โดย: SILA ที่ 19 เม.ย. 10, 14:55
            เพลงเอกของละครเรื่องนี้ กลายเป็นเพลงอมตะที่รู้จักกันดีทั่วไป 

     The Impossible Dream (The Quest)

music by Mitch Leigh and lyrics by Joe Darion

    To dream the impossible dream
To fight the unbeatable foe
To bear with unbearable sorrow
To run where the brave dare not go

    To right the unrightable wrong
To love pure and chaste from afar
To try when your arms are too weary
To reach the unreachable star

    This is my quest, to follow that star
No matter how hopeless, no matter how far
To fight for the right, without question or pause
To be willing to march into Hell for a heavenly cause

    And I know if I'll only be true
To this glorious quest
That my heart will lie peaceful and calm
When I'm laid to my rest

    And the world will be better for this
That one man scorned and covered with scars
Still strove with his last ounce of courage
To reach the unreachable star!

         ภาพฉากจบจากละครเวที หลังการแสดงละครของเขาในคุกจบลง มิเกลก้าวขึ้นบันได
เพื่อไปรับการไต่สวนความผิด ในขณะที่มวลหมู่นักแสดงในคุกร่วมกันร้องเพลงนี้ส่งท้าย


กระทู้: แวบวาบความคิดยามวิกฤตบ้านเมือง
เริ่มกระทู้โดย: tian ที่ 19 เม.ย. 10, 15:11
อดไม่ได้ ขอฝากอีกเพลง
http://www.youtube.com/watch?v=d-ua2OGy-SI&feature=related


กระทู้: แวบวาบความคิดยามวิกฤตบ้านเมือง
เริ่มกระทู้โดย: JD ที่ 20 เม.ย. 10, 07:23
อยากให้อ่าน  คห 39

http://manager.co.th/Politics/ViewNews.aspx?NewsID=9530000053861


กระทู้: แวบวาบความคิดยามวิกฤตบ้านเมือง
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 20 เม.ย. 10, 09:19
ใครยังจำพระเอกหนังเรื่องนี้ได้บ้าง


กระทู้: แวบวาบความคิดยามวิกฤตบ้านเมือง
เริ่มกระทู้โดย: SILA ที่ 20 เม.ย. 10, 10:27
       เขาเคยเป็นนักมวยมาก่อนตอนยังหนุ่ม ครับ

Rocky


กระทู้: แวบวาบความคิดยามวิกฤตบ้านเมือง
เริ่มกระทู้โดย: SILA ที่ 20 เม.ย. 10, 15:02
           ย้อนไปดูไฟล์เก่าเก็บเมื่อเมษายนปีที่แล้วช่วงเหตุการณ์บ้านเมืองแบบนี้ พบว่ามีหนังอีกเรื่องหนึ่ง
ที่นึกถึงในยามนั้น นั่นคือ Gettysburg ครับ

Gettysburg

            หนังปี 1993 เล่าเรื่องยุทธการ ณ สมรภูมิสงครามกลางเมืองอเมริกาที่ Gettysburg
รัฐ Pensylvania ในปี 1863 จากบทประพันธ์รางวัลพูลิตเซอร์เรื่อง The Killer Angels
ของ Michael Shaara

         ทีมงานบรรจงถ่ายทอดเรื่องราวอย่างถูกต้องตรงตามประวัติศาสตร์ ผ่านตัวละครที่มีตัวตนจริง
โดยปราศจากการตกแต่งให้ดูดีในแบบที่เรียกว่า "improved upon by Hollywood"
         นอกจากนี้ยังจงใจนำเสนอเรื่องการสงครามเป็นหลัก ทั้งกลยุทธ์ การวางแผน ข้อผิดพลาด และ
วีรกรรมที่นำพาให้ฝ่ายใต้เสียหลัก ทำให้ตัวหนังแตกต่างจากหนังสงครามเรื่องอื่นๆ ที่เน้นดรามาโดยมี
สงครามเป็นฉากหลัง


กระทู้: แวบวาบความคิดยามวิกฤตบ้านเมือง
เริ่มกระทู้โดย: SILA ที่ 20 เม.ย. 10, 15:10
          ทีมงานตั้งใจถ่ายทำในสถานที่จริง - Gettysburg National Park เพื่อถ่ายทอดยุทธการ 3 วัน
(1-3 กรกฎาคม 1863) ที่นักรบ 158,000 คนจากทั้งสองฝ่ายโรมรันจนกลายเป็น
            ยุทธภูมิที่มีผู้คนล้มตายรวมสองฝ่ายร่วมครึ่งแสน ทุกชีวิตล้วนเป็นชนร่วมชาติชาวอเมริกัน
ผู้ต่างถืออาวุธเข้าห้ำหั่นด้วยความฮึกเหิม

           การรุกบุกครั้งนี้เป็นการตัดสินใจของแม่ทัพฝ่ายใต้ นายพลลีั ที่พลาดผิดราวกับเป็นการคิดฆ่าตัวตาย
เมื่อกองทหารถูกทัพฝ่ายเหนือซึ่งมีชัยภูมิที่ตั้งและกำลังพลเหนือกว่ายันไว้ ส่งผลให้กลายเป็นจุดเปลี่ยนของ
สงครามที่นำความพ่ายแพ้มาสู่ฝ่ายใต้ในภายหลัง

            หนังติดอันดับต้นของรายชื่อหนังคุณภาพที่มีเนื้อหาเกี่ยวกับสงครามกลางเมือง
และได้รับการยกย่องถึงความโดดเด่นในด้านความสมจริง ถูกต้องตรงตามประวัติศาสตร์

Gettysburg: A Harvest of Death


กระทู้: แวบวาบความคิดยามวิกฤตบ้านเมือง
เริ่มกระทู้โดย: SILA ที่ 20 เม.ย. 10, 15:23
          ยังมีหนังที่มีเนื้อเรื่องเกี่ยวข้องกับสงครามกลางเมือง เรื่องอื่นๆ เช่น

            Gone With the Wind(1939), Shenandoah(1965), North and South (1985, Mini-Series)
Glory(1989), Gods and Generals(2003) และ Cold Mountain(2003)   

บทความน่าสนใจ ครับ

บาดแผลสงครามกลางเมืองในสหรัฐอเมริกา ที่

           http://www.sarakadee.com/blog/oneton/?p=129


กระทู้: แวบวาบความคิดยามวิกฤตบ้านเมือง
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 21 เม.ย. 10, 09:39
บางทีก็นึกถึงดาราคนนี้เหมือนกันค่ะ


กระทู้: แวบวาบความคิดยามวิกฤตบ้านเมือง
เริ่มกระทู้โดย: virain ที่ 22 เม.ย. 10, 09:47
คิดถึงเพลง เพลงนี้ครับ

http://www.youtube.com/v/vKE7k1hauEM&hl=en_US&fs=1&


รัก Big Ass
เนื้อร้อง ขจรเดช พรมรักษา
ทำนอง พูนศักดิ์ จตุระบูล


กระทู้: แวบวาบความคิดยามวิกฤตบ้านเมือง
เริ่มกระทู้โดย: virain ที่ 22 เม.ย. 10, 10:39
....เห็นใครใครก็บ่น เกิดอะไรกับคนไทย ที่เคยรักกันก็บึ้งก็ตึงไม่เข้าใจ
รอยยิ้มที่ว่าเคยงดงาม แต่ก็เหมือนจะจางจะลบเลือนไป
ฉันก็คือคนหนึ่ง ที่ได้เกิดเป็นคนไทย
ความรักที่มีก็ยังคงเต็มในหัวใจ จิตใจคนเปลี่ยนไปทุกวัน
แต่ใจฉันมันยังไม่เปลี่ยนไปไหน

ยังไงก็ช่าง ฉันขอรักเธอต่อไป หมดทั้งหัวใจ จะทำเพื่อเธอ
ยังไงก็ช่าง ฉันขอให้จำเอาไว้ จะนานเท่าไหร่ จะรักแต่เธอ
ถึงแม้ใครโกรธกัน รู้ไว้เลยว่าฉันรักเธอ ....


กระทู้: แวบวาบความคิดยามวิกฤตบ้านเมือง
เริ่มกระทู้โดย: virain ที่ 22 เม.ย. 10, 10:41
แม้ใครๆ จะบ่น ฉันก็ยังคงภูมิใจเกิดมาทั้งทีมีบ้านเกิดคือประเทศไทย
แผ่นดินที่อุดมร่มเย็น และมีคนให้คอยเป็นห่วงเป็นใย

....


กระทู้: แวบวาบความคิดยามวิกฤตบ้านเมือง
เริ่มกระทู้โดย: virain ที่ 22 เม.ย. 10, 10:42
เพลงๆ เดียวคงไม่พอจะเปลี่ยนชีวิต ของใครเขาได้
เพียงแต่มันมีความหมายมากมายเหลือเกิน กับฉัน

ยังไงก็ช่าง ฉันขอรักเธอต่อไป หมดทั้งหัวใจ จะทำเพื่อเธอ
ยังไงก็ช่าง ฉันขอให้จำเอาไว้ จะนานเท่าไหร่ จะรักแต่เธอ
ขอสัญญาจากใจ ขอให้ประเทศไทยรู้ว่า .... รักเธอ .....


กระทู้: แวบวาบความคิดยามวิกฤตบ้านเมือง
เริ่มกระทู้โดย: SILA ที่ 22 เม.ย. 10, 11:04
          ขอแวบย้อนถึง ตัวเอก คนเก่ง ครับ

          ช่วงนี้นึกถึงฮีโรหลายคน ทั้งที่เป็นมนุษย์แต่เก่งเกินสามัญชน ขนมาตั้งแต่
หัวแถวจนคนปัจจุบัน

    James Bond 007 สายลับในจินตนาการจากปลายปากกาของ เอียน เฟลมิง
วาดไว้ตั้งแต่ปี 1953
          แล้วกลายมาเป็น  film franchise (หนังพูดภาษาอังกฤษ) ที่สร้างต่อเนื่องยาวนาน
และประสบความสำเร็จทางรายได้มากที่สุด ตั้งแต่ปี 1962 นับจำนวนได้ 22 เรื่อง

          ล่าสุด (ข่าว 20 เม.ย. 2010) โครงการสร้างตอนที่ 23 ต้องถูกระงับไว้ก่อน
โดยไม่มีกำหนด "Indefinitely" Suspended เนื่องจากปัญหาฐานะการเงิน
ของสตูดิโอ MGM


กระทู้: แวบวาบความคิดยามวิกฤตบ้านเมือง
เริ่มกระทู้โดย: SILA ที่ 22 เม.ย. 10, 11:06
หรือ ผู้วิเศษมีเวทย์มนต์ เช่น

     Merlin พ่อมดแห่งตำนานกษัตริย์อาเธอร์ กับอัศวินโต๊ะกลม ของอังกฤษเมื่อราว
คริสต์ศตวรรษที่ 5 ที่ปรากฏในเรื่องเล่าขาน ตำนานและวรรณกรรมต่างๆ 

      ในเน็ทมีบทกลอนเล่าเรื่องเมอร์ลินกับอาร์เธอร์ ระบุว่าแต่งจากบทกลอนของ Alfred Tennyson
เรื่อง Idyls of the King (สะกดตามหนังสือเก่า)

      ท่ามกลางความโศกเศร้าและเหงาหงอย
อาเธอร์น้อยกำเนิดมาน่าสงสาร
ต้องหลบซ่อนตัวตนให้พ้นพาล
อยู่กับท่านเมอร์ลินสิ้นกังวล
      ด้วยอูเธอร์ผู้บิดาจิตป่าเถื่อน
ร้ายเสมือนสัตว์ป่าน่าฉงน
เหลิงอำนาจเกรงลูกชายทำลายตน
จึงคิดฆ่าเพื่อให้พ้นทางตนไป
      เมอร์ลินนำเด็กน้อยให้แอนตัน
ผู้ผูกพันกับอูเธอร์เกลอรุ่นใหญ่
เซอร์แอนตันกับภรรยามีน้ำใจ
เลี้ยงอาเธอร์ด้วยห่วงใยและเมตตา
      ส่วนกษัตริย์อูเธอร์ผู้เห่อเหิม
นับวันเพิ่มความร้ายกาจพิฆาตฆ่า
อาณาจักรล่มสลายไม่นำพา
หายนะสู่ประชาน่าเศร้าใจ

           - ไม่ปรากฏนามผู้แปลเป็นกลอนไทย

           ตอนเป็นนักเรียนเคยอ่านเรื่อง อัศวินแห่งกษัตริย์อาร์เธอร์ แปลโดยอาจารย์เปลื้อง ณ นคร
จากต้นฉบับของ Blanche Winder เป็นหนังสือปกอ่อนเล่มบาง  อ่านเพลิน ไม่เคยเห็นว่า
ท่านจะได้แต่งกลอนไว้บ้างหรือไม่


กระทู้: แวบวาบความคิดยามวิกฤตบ้านเมือง
เริ่มกระทู้โดย: SILA ที่ 22 เม.ย. 10, 11:11
      สำหรับบทเพลงแล้ว

       ดีที่สุดน่าจะเป็นเพลงจากพระเอกวรรณคดีไทย คือ

       พระอภัยมณี ใช้บทเพลงปี่ทำให้เกิดความสงบ จบสวยงาม


กระทู้: แวบวาบความคิดยามวิกฤตบ้านเมือง
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 24 เม.ย. 10, 21:34
ก่อนจะถึงตอนจบที่สงบและสวยงาม  คุณ SILA เคยฟังเพลงนี้ จากหนังตุ๊กตาทองชื่อเดียวกันไหมคะ

Many men came here as soldiers
Many men will pass this way
Many men will count the hours
As they live the longest day
Many men are tired and weary
Many men are here to stay
Many men won't see the sunset
When it ends the longest day
The longest day the longest day
This will be the longest day
Filled with hopes and filled with fears
Filled with blood and sweat and tears
Many men the mighty thousands
Many men to victory
Marching on right into battle
In the longest day in history

เรากำลังอยู่ในช่วง the longest day


กระทู้: แวบวาบความคิดยามวิกฤตบ้านเมือง
เริ่มกระทู้โดย: SILA ที่ 25 เม.ย. 10, 09:28
         ตอนเด็กมากๆ ได้ดูหนังเรื่องนี้อย่างไม่รู้เรื่อง ครับ
สำหรับเพลงนั้น ทำนองติดหู แม้จะได้ฟังนานๆ ครั้ง แต่เมื่อเห็นเนื้อก็ร้องได้
           ทุกครั้งที่ได้ฟังจะรู้สึกฮึกเหิม มีความหวัง แต่คราวนี้ความรู้สึกต่างไป ครับ

http://www.cinemaretro.com/index.php?/archives/266-VINTAGE-MOVIE-MARQUEES-THE-LONGEST-DAY-IN-BANGKOK.html

      Here's another rare one from the seemingly inexhaustible photo archive of Cinema Retro:
      a Bangkok, Thailand theater showing Darryl F. Zanuck's epic D-Day film The Longest Day in 1962.
The acclaimed movie stood as the highest grossing black and white film until the release of Schindler's List in 1994.


กระทู้: แวบวาบความคิดยามวิกฤตบ้านเมือง
เริ่มกระทู้โดย: puyum ที่ 26 พ.ค. 10, 11:18
   
    ::):เห็นเฉลิมไทยแล้ว  คิดถึงเฉลิมเขต   กรุงเกษม  เท็กชัส
        แกรนด์  ควีน  คิง  มูนไล
        และที่ฉายหนังไทยแถวปากคลองตลาด
:-[


กระทู้: แวบวาบความคิดยามวิกฤตบ้านเมือง
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 26 พ.ค. 10, 14:24
 
    ที่ฉายหนังไทยแถวปากคลองตลาด :-[

เอ็มไพร์ เจ้าเอ๋ยข้าเคยอยู่ใกล้มาก่อน

 ;)


กระทู้: แวบวาบความคิดยามวิกฤตบ้านเมือง
เริ่มกระทู้โดย: SILA ที่ 26 พ.ค. 10, 14:32
ไม่ทันคุณเพ็ญชมพู

           เฉลิมไทย ผ่าน ๑๔ ตุลา ๑๖ ได้รับความเสียหายเล็กน้อย (ถ้าจำไม่ผิด) โดนกระสุนปืนบางนัด
           ถูกรื้อลงในปี ๒๕๓๒

           สยาม ณ สยามสแควร์ ซึ่งเป็นโรงในเครือเดียวกับเฉลิมไทย
                  พินาศพังภินท์ เมื่อ ๑๙ พฤษภา ๕๓

เป็นโรงหนังแห่งแรกที่มีบันไดเลื่อน
 


กระทู้: แวบวาบความคิดยามวิกฤตบ้านเมือง
เริ่มกระทู้โดย: SILA ที่ 26 พ.ค. 10, 14:36
สุข เศร้า หัวเราะ ร้องไห้ - ประติมากรรมประดับผนังที่ยังเหลืออยู่


กระทู้: แวบวาบความคิดยามวิกฤตบ้านเมือง
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 26 พ.ค. 10, 21:42
คงไม่มีใครในเรือนไทย ทันรู้จักโรงภาพยนตร์ศาลาเฉลิมบุรี  ;D
เป็นโรงภาพยนตร์เก่าคร่ำคร่า แต่ฉายหนังฝรั่ง   การ์ตูนหลายเรื่องของวอลท์ ดิสนีย์ก็ฉายที่นี่

เอมไพร์ ปากคลองตลาด  ฉายหนังไทย
เทกซัสที่เยาวราช ฉายหนังอินเดีย
เฉลิมไทย  ฉายหนังฝรั่ง
เฉลิมกรุง ฉายหนังฝรั่งก่อนแล้วมาฉายหนังไทย  เรื่องเล็บครุฑ  มังกรแดง ที่ลือลั่นของพนมเทียนก็ฉายที่นี่
เช่นเดียวกับแสงสูรย์

http://www.salachalermkrung.com/salachalermkrung02.php


กระทู้: แวบวาบความคิดยามวิกฤตบ้านเมือง
เริ่มกระทู้โดย: ธีร์ ที่ 01 มิ.ย. 10, 16:13
 :oบางแห่งไม่ทันได้เกิดเลยครับ บางแห่งทันตอนเขาถอนเสา แต่ว่าแต่ละแห่งไม่เคยเข้าไปดูเลยครับผม  :D


กระทู้: แวบวาบความคิดยามวิกฤตบ้านเมือง
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 01 มิ.ย. 10, 19:36
โรงหนังอีกแห่งที่ไม่เหลือร่องรอยแล้ว คือโอเดียน ที่เยาวราช    ตอนแรกๆฉายหนังฝรั่ง แต่ไม่ค่อยมีคนดูเท่าไร
ตอนหลังหันมาฉายหนังจีน  รายได้ดีมาก  ก็เลยฉายหนังจีนเป็นประจำ   


กระทู้: แวบวาบความคิดยามวิกฤตบ้านเมือง
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 01 มิ.ย. 10, 19:43
โรงภาพยนตร์คิงส์ ที่วังบูรพา   หนังที่ฉายในรูปถ่ายนี้  จำได้ว่าเอสเธอร์ วิลเลียมส์แสดงนำ     หนังของเธอมาฉายหลายหน ทาง Turner Classic  เลยจำได้
เอสเธอร์เป็นนักว่ายน้ำระดับชาติ  เล่นหนังกี่เรื่องๆนางเอกเล่นระบำอยู่ใต้น้ำตลอด    หมดยุคเธอแล้วหนังแบบนี้ก็หมดไปด้วย   ไม่เห็นนางเอกคนไหนดำน้ำได้อึดเท่านี้มาก่อน


กระทู้: แวบวาบความคิดยามวิกฤตบ้านเมือง
เริ่มกระทู้โดย: SILA ที่ 02 มิ.ย. 10, 10:55
          สมัยเรียนมัธยมต้องนั่งรถเมล์ผ่านเยาวราชขาไป และผ่านเจริญกรุงขากลับทุกวัน ครับ

            ได้เห็นโรงหนังเรียงรายบนถนนทั้งสองสาย โดยมีโรงหนังโอเดียนเป็นหลักหมายปากทาง
เข้าสู่เยาวราช  จากนั้นก็จะเรียงรายไปด้วยโรงทางฝั่งซ้ายที่ฉายหนังจีน ในขณะที่ฝั่งขวา ได้แก่
เฉลิมบุรี กับ คาเธย์ฉายหนังไทย และ เท็กซัสฉายหนังอินเดีย 

            เมื่อถึงวังบูรพาก็จะเห็นคิงส์อยู่ตรงหน้า และที่ติดกันทางขวามือคือแกรนด์ ส่วนควีนส์อยู่ด้านใน
มองไม่เห็น

            ไม่เคยดูหนัง - "สาวน้อยร้อยชั่ง" ของเอสเธอร์ วิลเลียมส์ ครับ ได้แต่เห็นเธอจากคลิปในสารคดี
เรื่องราวเก่าๆ ของฮอลลีวู้ด

เรื่อง Million Dollar Mermaid (1952) ฉายเปิดโรงคิงส์เมื่อ พ.ศ. ๒๔๙๖


กระทู้: แวบวาบความคิดยามวิกฤตบ้านเมือง
เริ่มกระทู้โดย: manit peuksakondh ที่ 02 มิ.ย. 10, 11:56
ทันได้ดูหนังในเกือบทุกโรงที่ท่านแสดงไว้ในค.ห.34 ครับผม หนังเรื่องแรกที่ดูที่เฉลิมกรุงเป็นหนังไทยขาวดำเรื่อง"ไอ้ค้อม" ก่อนหนังฉายเขาจะเล่นไฟ"นีออน"สีที่หลืบ ครับ เฉลิมไทยนี่ถิ่นผม(ดูฟรี) เพราะท่าน"ชูศรี"สนิทกับทางบ้านท่านแต่งชุดนักศึกษามาทานขนมที่บ้านบ่อยๆ ตอนหลังก็เลยได้รับอนิสงษ์(เขียนผิดแน่นอนครับ)เข้าประตูข้างดูฟรี แต่ดูข้างหลืบที่เขาบอกบทบนเวทีนะครับ การดูที่นี่จะไม่ได้รสชาดของการแสดง แต่ได้รับความรู้ว่าเขาบอกบทกันยังไง การทำไห้เลือดออกตอนถูกยิงทำยังไง ครับผม
มานิต


กระทู้: แวบวาบความคิดยามวิกฤตบ้านเมือง
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 02 มิ.ย. 10, 12:03
Hatari (ที่ไม่ใช่พัดลม) ที่เฉลิมไทย ยังคงอยู่ในความทรงจำ

(http://upload.wikimedia.org/wikipedia/en/thumb/7/7d/Hatari.jpg/381px-Hatari.jpg)    
 


กระทู้: แวบวาบความคิดยามวิกฤตบ้านเมือง
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 02 มิ.ย. 10, 16:53
ได้ภาพมาจาก thaidvd.net
โรงหนังแกรนด์ที่วังบูรพา   รูปนี้เดาว่าถ่ายก่อนปี ๒๕๐๐  เพราะยังมีสามล้ออยู่


กระทู้: แวบวาบความคิดยามวิกฤตบ้านเมือง
เริ่มกระทู้โดย: puyum ที่ 03 มิ.ย. 10, 22:19
 
:). เห็นสายไฟฟ้ารถรางด้วย  คิดถึง
  ใกล้ๆ แกรนด์ ควีน คิง ยังมีร้านหนังสืออยู่ เมื่อเร็วๆ ผ่านไประลึกความหลัง
  นึกถึง ห้างรังนกใต้ ที่เด็กๆชอบ
   ร้านปืนยังมี ร้านมาลินีขายเครื่องกีฬา หายไปแล้ว   :P


กระทู้: แวบวาบความคิดยามวิกฤตบ้านเมือง
เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 04 มิ.ย. 10, 06:54
อ้างถึง 

--------------------------------------------------------------------------------

อ้างถึง
Hatari (ที่ไม่ใช่พัดลม) ที่เฉลิมไทย ยังคงอยู่ในความทรงจำ


ฮาตาริไม่ได้ฉายที่พาราเมาท์ ถนนเพชรบุรีหรือครับ?


กระทู้: แวบวาบความคิดยามวิกฤตบ้านเมือง
เริ่มกระทู้โดย: SILA ที่ 04 มิ.ย. 10, 09:25
            หาในกูเกิ้ลพบว่า ฮาตาริฉายโรงใหญ่ที่พาราเมาท์ครับ

Baby Elephant Walk เพลงบรรเลงประกอบโด่งดังประพันธ์โดย Henry Mancini ผู้โด่งดัง
                            จากเพลงประกอบหนังมากมาย เช่น Moon River Pink Panther

ที่นี่มีดนตรี และเนื้อร้องด้วยครับ -  http://www.jacquedee63.com/babyelephantwalk.html

ตอนจบมีโลโก้ของสตูดิโอพาราเมาท์ด้วย


กระทู้: แวบวาบความคิดยามวิกฤตบ้านเมือง
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 04 มิ.ย. 10, 09:48
กำลังจะเข้ามาตอบว่า ฮาตาริ ฉายที่พาราเมาท์ ถนนเพชรบุรี     ตอนแรกจำชื่อไม่ได้ค่ะ  ไปจำเป็น Safari
ค้นจาก IMDB  ชื่อ Hatari ถูกแล้ว   
เพลงที่โด่งดังสมัยนั้น เป็นเพลงบรรเลง ไม่มีเนื้อร้อง คือ Baby Elephants Walk  เป็นเพลงจังหวะเต้นรำที่วัยรุ่นจะเต้นกันได้   ไม่รู้จนบัดนี้ว่าจังหวะอะไร
ไปหารูปมาได้จากพันทิป


กระทู้: แวบวาบความคิดยามวิกฤตบ้านเมือง
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 04 มิ.ย. 10, 11:21
ในความทรงจำประทับไว้ว่า ดูหนังเรื่องนี้ที่เฉลิมไทย

ความทรงจำในวัยเด็กอาจจะผิดเพี้ยนไปบ้าง

มีคนมายืนยันถึง ๓ คน ไม่เชื่อก็กระไรอยู่

ขออนุญาตลบความทรงจำเก่าทิ้ง

บรรจุ ฮาตาริ-พาราเมาท์

ไว้แทน

 ;D



กระทู้: แวบวาบความคิดยามวิกฤตบ้านเมือง
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 04 มิ.ย. 10, 11:31
ตอนเด็กจนถึงเรียนมหาวิทยาลัย  โรงหนังแถวถนนเพชรบุรีที่ไปบ่อยที่สุดคือพาราเมาท์ อีกโรงคือฮอลลีวู้ด
โรงหลังนี้ฉายหนังวอลท์ ดิสนีย์ทั้งที่เป็นการ์ตูน และไม่ใช่การ์ตูน   หนังตลกครอบครัวชุด The Bug  และอีกชุดเกี่ยวกับหมาดัชฮุนท์  ดารานำคือ Dean Jones และ Susan Pleshette  ก็ฉายที่นี่บ่อย

ซูซาน เป็นสาวหน้าหวาน ผมดำ  ตาสีมรกต  สวยไม่แพ้ป้าลิซตอนสาวๆ   เธอเล่นหนังได้หลายบท ทั้งบทรักโรแมนติค   บทสยองขวัญ บทชีวิตหนักๆ บทตลก  ตั้งแต่สาวจนแก่ก็ยังอยู่ในวงการได้ตลอด   จนจากไปเมื่อปี ๒๐๐๘ นี้เอง


กระทู้: แวบวาบความคิดยามวิกฤตบ้านเมือง
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 04 มิ.ย. 10, 11:35
คุณเพ็ญอาจจะเคยดูหนังเรื่องอะไรสักเรื่องที่คล้ายๆ Hatari ที่เฉลิมไทย
ถ้ามีสัตว์เยอะๆ  ก็ The Greatest Show on Earth  แต่เป็นเรื่องละครสัตว์
คุณศิลาอาจจะพอนึกออกว่า หนังสัตว์ป่าแอฟริกาเรื่องอะไรที่เคยฉายที่เฉลิมไทย


กระทู้: แวบวาบความคิดยามวิกฤตบ้านเมือง
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 04 มิ.ย. 10, 11:56
เรื่องหนังรับรองไม่พลาด ฮาตาริ แน่นอน

แต่เรื่องโรงนี้ยอมรับว่าน่าจะจำผิด

 :(


กระทู้: แวบวาบความคิดยามวิกฤตบ้านเมือง
เริ่มกระทู้โดย: SILA ที่ 04 มิ.ย. 10, 14:33
         หนังสัตว์ป่ากาฬทวีป เรื่องโด่งดังในบ้านเราสมัยก่อนโน้นที่จำได้มี ๒ เรื่อง คือ ฮาตาริ กับ บอร์น ฟรี
เรื่องหลังนี้เขาว่าฉายที่โคลีเซียม ยมราช ครับ

           เก่าไม่เท่าสองเรื่องนั้น คือหนังเล็กๆ เรื่อง สัตว์โลกผู้น่ารัก Animals are beautiful people -
หนังสารคดีชีวิตสัตว์น่ารัก จำได้ว่าดูที่เฉลิมไทย (แต่คิดว่าเข้าฉายมากกว่าหนึ่งแห่ง)
          ให้เสียงบรรยายไทยโดยคุณสมจินต์ ธรรมทัต  หนังทำกำไรให้ผู้ซื้อมาฉายมากมายเพราะเป็นหนัง
ประเภทโนเนม ราคาถูก และถูกใจคนดู

            โรงหนังฮอลลีวู้ดน่าจะชื่อโรงดิสนีย์ เพราะฉายหนังของดิสนีย์เป็นหลัก และเอกลักษณ์อีกอย่างของโรง
คือ เป็นโรงที่ถึงมีสามชั้น
             ได้ดูหนังเก่าอย่าง วิมานลอย และคลีโอพัตรา ที่นี่ครับ


กระทู้: แวบวาบความคิดยามวิกฤตบ้านเมือง
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 04 มิ.ย. 10, 19:41
หนังของเอลวิสในยุคปลาย 1960s  ฉายที่พาราเมาท์เป็นส่วนใหญ่  เช่น G.I. Blues


กระทู้: แวบวาบความคิดยามวิกฤตบ้านเมือง
เริ่มกระทู้โดย: puyum ที่ 04 มิ.ย. 10, 21:24
  คลีโอพัตรา ฉายครั้งแรกที่ เฉลิมไทยครับ
   มี่พักครึ่งเวลาด้วย
   สี่เต่าทอง   คริป ก็ที่นี่    หนังไทย ที่จำได้ก็ เรือนแพ ชู้

   แฮง วิลเลี่ยม ที่คิง
 
   ที่พาราเม้า ดูเอลวิส และ โผนชก กับใครจำไม่ได้

   สุดทางเมล์ขาว นายเลิศ   หญิง ท่าเรือประตูน้ำที่โด่งดัง
   ท่าเขียวไข่กา ที่รัก บางกระบือ
   ลงอ่าง ที่ราชเทวี

    โอ้ แก่แล้วจริงๆ
 คุณเทาชมพู ช่วยแก้ปัญหาด้วย


กระทู้: แวบวาบความคิดยามวิกฤตบ้านเมือง
เริ่มกระทู้โดย: SILA ที่ 05 มิ.ย. 10, 09:22
อ้างถึง
ได้ดูหนังเก่าอย่าง วิมานลอย และคลีโอพัตรา ที่นี่ครับ

         เป็นบรรดาหนังเก่าซึ่งนำกลับมาฉายใหม่ที่ฮอลลีวู้ด (ถ้าจำไม่ผิด) ได้ดู "พิภพทุรยุค"
นำมาฉายใหม่ที่นี่ด้วยครับ

           



กระทู้: แวบวาบความคิดยามวิกฤตบ้านเมือง
เริ่มกระทู้โดย: SILA ที่ 05 มิ.ย. 10, 10:12
         โรงหนังในความทรงจำที่เสียดายที่สุดคือ อินทรา ที่โรงแรมอินทรา ประตูน้ำ ครับ

           โรงใหญ่ จอกว้าง เพราะมีเวทีสำหรับการแสดงนาฏศิลป์สากลก่อนฉายหนัง แต่จัดการแสดงได้
เพียงสองชุดก็ต้องล้มเลิกไป ไม่ประสบความสำเร็จ

           เปลี่ยนมาเป็น ซีเนรามา ฉายด้วยเครื่องฉายสามเครื่อง ปรากฏเห็นรอยต่อชัดเจนบนจอยักษ์ คนดูไม่นิยม

           จึงเปลี่ยนเป็น ซีเนรามา ซิงเกิล เลนส์ ที่ให้ภาพใหญ่ไร้รอยต่อ ฉายหนังเก่า หนังใหญ่คับจอ

           ช่วงนั้นได้มาดูหนังเก่าที่นี่อย่างเต็มตา ตื่นใจ ไม่ว่าจะเป็น บัญญัติสิบประการ, เบน เฮอร์, เซาธ์ แปซิฟิค,
มนต์รักเพลงสวรรค์ (ครั้งที่สอง), กรากะตั้ว เกาะมหาภัย, ดร. ดูลิตเติ้ล ฯลฯ      

ภาพจาก โค้กไทย - วันเสด็จพระราชดำเนินรอบปฐมทัศน์ ที่โรงภาพยนตร์อินทรา  


กระทู้: แวบวาบความคิดยามวิกฤตบ้านเมือง
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 07 มิ.ย. 10, 07:57
จำได้ว่าชื่อคณะนาฏศิลป์อินทรา   คุณพิสิฎฐ์ ตันสัจจาเจ้าของโรงหนังได้ไอเดียมาจากระบำของบรอดเวย์
แต่พอเริ่มลงมือทำ  คุณพิสิฎฐ์ก็ถึงแก่กรรม    เลยไม่มีใครสานต่อเรื่องนี้

ได้รูปโรงหนังเฉลิมเขตร์ เชิงสะพานกษัตริย์ศึก   รูปมาจาก pantip ฝีมือคุณเปาหลงซิง      ฉายหนังของละโว้ภาพยนตร์เป็นประจำ   
จำได้ถึง อีแตน ที่อรัญญา นามวงศ์ เล่น      ชื่อเรื่องภาษาอังกฤษ คนตั้งคงไม่รู้จะแปลคำว่า "อี" ว่าอะไร  เลยใช้ว่า Miss Tan
ดิฉันก็นึกไม่ออกค่ะ  ต้องถามคุณวันดี 


กระทู้: แวบวาบความคิดยามวิกฤตบ้านเมือง
เริ่มกระทู้โดย: srisiam ที่ 10 มิ.ย. 10, 22:21
 :( :( :(

เสีย สยาม ไปหนึ่งโรง ทำให้รำพึงถึงหลายๆโรงที่เคยเกรียงไกร

จาก คห. 54 ของเจ้าของกระทู้ ก็หวลรำลึกถึง ซึเนรามาเรื่องแรกที่ฉายในไทย น่าจะป็น "พิชิตตะวันตก" How the West was Won ที่เฉลิมไทย ถ่ายทำด้วยสามกล้องถ่าย ฉายด้วยสามเครื่องฉาย ดังคุณSILA ว่าไว้ รอยต่อไม่เนียนจริงๆ แต่เป็นนวัตกรรมใหม่(ในสมัยนั้น)ของวงการภาพยนต์ที่พลิกโฉมพลิกอารมย์ผู้ชมอย่างสาหัส  ยังจำได้ว่าคนดูเกือบทั้งโรงต้องเบี่ยงต้ว/หัว หลบท่อนซุงที่หลุดตกจากรถไฟ หล่นไถลใส่คนดู เป็นหนังฝรั่งที่ตัดต่อฉับไวในฉากนี้ ไวยังกะหนังฮ่องกง หรือสไตล์จอห์น วู 


หนังเรื่องแรกที่ไอ้คุณศรีฯ ชมในกรุงเทพน น่าจะเป็น  "บัญญัติสิบประการ"    /  The Ten Commandments ของท่านทวด ชาร์ลตัน เฮสตัน เมื่อป๊ 2508 คราเปลี่ยนสภาพจากเด็กบ้านนอก มาเรียนมัธยมปลายที่แถวๆมาบุญครอง(สมัยนั้นยังเป็นสลัม มีน้ำเน่าใต้ถุน ร.ร.กวดวิชา) 

เรื่องนี้ฉายที่แกรนด์วังบูรพา  น่าจะไม่ผิด



55555 ;D ;D

รำพึงของผู้เฒ่า   ;D ;D


กระทู้: แวบวาบความคิดยามวิกฤตบ้านเมือง
เริ่มกระทู้โดย: SILA ที่ 11 มิ.ย. 10, 10:19
           ขอบคุณคุณศรี ที่มารำลึกถึงความหลังครั้งได้พิชิตตะวันตกที่เฉลิมไทย ครับ
  
           ข้อมูลว่าพิชิตตะวันตกเข้าโปรแกรมฉายด้วยระบบซีเนรามาที่เฉลิมไทย
           และมีข้อมูลอีกว่า หนังเรื่องนี้ฉายครั้งแรกที่สวนลุมพินี เพราะต้องการพื้นที่กว้างใหญ่
สำหรับจอยักษ์ของระบบซีเนรามา
    
           โรงอินทรา มีเวทีสำหรับการแสดงที่กว้าง ลึก ทำให้จอหนังที่เบื้องหลังทั้งใหญ่ และโค้งได้ใจ
      
           น่าเสียดายที่หนังเปิดโรงซีเนรามา อินทรา เรื่อง This is Cinerama
เป็นหนังสารคดีเน้นภาพตื่นตาของระบบซีเนรามา โดยไม่มีเนื้อเรื่อง ไม่สนุก ทั้งยังมีรอยต่อที่ไม่กลมกลืน
ทำให้ไม่ประสบความสำเร็จ พิชิตตะวันตก เลยไม่ได้เข้าฉายที่อินทรา    

This Is Cinerama


กระทู้: แวบวาบความคิดยามวิกฤตบ้านเมือง
เริ่มกระทู้โดย: SILA ที่ 18 มิ.ย. 10, 10:27
        คุณณรงค์ จันทร์เรือง เขียนคำอาลัยรำลึกถึงโรงหนังสยาม และ ย่านสยามสแควร์ ลงมติชนสุดสัปดาห์
เมื่อราวสองสัปดาห์ก่อน ตัดตอนมาให้อ่านย้อนรอยความหลังกันครับ

           อาดูรถวิล  (อาดูร ถวิล มิใช่ อา ดู รถ วิล)


       ได้ข่าวโรงหนังสยามถูกเผาวอดวายแล้วใจหายเต็มที  

         หลังคาโหว่เห็นท้องฟ้า บันไดเลื่อนกลายเป็นซากสีดำ สัญญลักษณ์ของโรงมหรสพเป็นรูปปั้นหน้าตัวตลก
หัวเราะเริงร่ากับตัวเหลื่อมซ้อนอยู่มางขวาทำหน้าเหยเกร้องไห้..
       ตัวแรกราวจักพร่าเลือนไป เห็นแต่ตัวหลังคล้ายจะกำลังหลั่งน้ำตาออกมาด้วยความโศกเศร้า
อาดูรพูนเทวษเหลือที่จะพร่ำรำพัน

             ประมาณ ๖๐-๗๐ ปีมาแล้ว

       เป็นที่ดินแทบจะรกร้างว่างเปล่า ส่วนมากเป็นที่ลุ่มมีแอ่งน้ำ ผักบุ้งผักกระเฉดงามสะพรั่ง ฤดูฝนต้นโสน
ออกดอกเหลืองอร่าม ต่อมามีบ้านเล็กเรือนน้อย กับห้องแถวไม้เช่าที่ของจุฬาฯ อันกว้างขวางถึง ๖๗ ไร่
       บ้านช่องผู้คนคึกคักเพิ่มขึ้น เพราะมีรถรางแล่นผ่าน
       ย้อนกลับไปทางเก่า ขวามือคือวัดปทุมวนาราม วังสระปทุม ซ้ายมือเป็นถนนสนามม้า(อังรีดูนังต์)
มีคลองขนาบซ้ายขวา ฝั่งซ้ายคือคลองไผ่ที่ทะลุเลี้ยวไปถึงคลองเตย
       คลองด้านขวามือชื่อคลองอรชร ชื่อเดียวกับโรงเรียนเตรียมอรชรใกล้ๆ จุฬาฯ

       เคยมีห้างขายยาเนิฟเพียว โรงหมอไหว่เต๊ก ร้านฮาวายเฟอร์นิจอร์ โชห่วย ร้านตัดผม เสริมสวย กับ
บ้านไม้ เรือนแถว
       สองพี่น้อง(นักร้อง) คุณวรนุช กับคุณนริส อารีย์ ก็เคยอยู่ที่นั่น จารุกนก คณะละครวิทยุก็อยู่ย่านนั้น

       สี่แยกปทุมวันคือที่ว่าการอำเภอกับสถานีตำรวจ ถัดไปคือ ร.ร.สตรีศรีปทุม ..ปัจจุบันคือ มาบุญครอง


กระทู้: แวบวาบความคิดยามวิกฤตบ้านเมือง
เริ่มกระทู้โดย: SILA ที่ 18 มิ.ย. 10, 10:31
      พ.ศ. ๒๕๐๔ จุฬาฯ ทำสัญญาให้บริษัทเอกชนลงทุนสร้างอาคารพาณิชย์  สำเร็จในปี ๒๕๐๗

       ช่วงนั้นวังบูรพายังคึกคัก สยามสแควร์เงียบเหงา  เสี่ยซัว คุณพิสิฐ ตันสัจจา จากเฉลิมไทยมาสร้าง
โรงหนัง สยาม พ.ศ. ๒๕๐๙ ได้รับความสำเร็จ เกินคาดฝัน เสี่ยซัวรุกคืบสร้างลิโด สกาลา

       กลายเป็น ๓ ทหารเสือ ใหม่เอี่ยมและทันสมัยสุดๆ ดับรัศมี ๓ ทหารเสือ เจ้าเก่าแห่งวังบูรพาไปโดยพลัน

       สยาม มีเสน่หาดึงดูดใจ เพราะเหตุใด

       เป็นสถานบันเทิงที่ให้ความรู้สึกสดชื่นรื่นรมย์ เหมาะเป็นที่นัดหมายของเพื่อนฝูงและหนุ่มสาว
มีคอฟฟี่ช็อปบรรยากาศน่าดื่มกิน มีร้านอาหาร เสื้อผ้า เครื่องสำอาง รองเท้า แผ่นเสียง และหนังสือ
       มีบันไดเลื่อน แห่งแรกในโรงหนัง เสนอความสะดวกสบายคุ้มค่า

       จากสูจิบัตรรายเดือนในเครือเอเพกซ์  
            สยามสแควร์ คือชื่อคอลัมน์ของ พอใจ ชัยเวฬุ กลายเป็นคำติดปากติดหู
เป็นที่รู้กันว่าได้อิทธิพลมาจาก ไทม์แสควร์
       แผ่ไปถึง มะขามสแควร์ ข้างโรงหนังเฉลิมกรุง อัมรินทร์สแควร์ เกษรสแควร์ อินทราสแควร์
แต่ต้นตำรับจริงๆ คือบางลำพูสแควร์ ของ รงค์ วงษ์สวรรค์ (ปี ๒๕๑๕)


กระทู้: แวบวาบความคิดยามวิกฤตบ้านเมือง
เริ่มกระทู้โดย: SILA ที่ 18 มิ.ย. 10, 10:50
          ย้อนอดีต  ร้านหนังสือระดับบุ๊กสโตร์และสำนักพิมพ์เปิดที่นั่น นักเขียนนักนสพ.ก็ไปพบปะที่นั่น

           จักรพรรดิ เรื่องสั้น ปกรณ์ ปิ่นเฉลียว เข้าซอย ๒ มากับ ยามเย็น ประเสริฐ พิจารณ์โสภณเข้าประะพันธ์สาส์น
           ป๋าบีเอ็ม ว. ณ เมืองลุง จอดรถเข้าไปเยี่ยมเพื่อนฝูง รงค์ วงษ์สวรรค์แวะมาซดสุรา
โกวิท สีตลายัน นุ่งกางเกงขาบานสีเขียวหัวเป็ด เดินเข้าคลินิคอิศรเวช สวนทางกับชรินทร์ นันทนาคร ฯลฯ
           สยุมภู ทศพล เบิกค่าเรื่องจากเฮียชิวได้ก็รีบร้อนไปสนามม้า หยก บูรพา เดินออกจากประมวลสาส์น
พุ้ยก๋วยเตี๋ยวในร้านรสเด็ด
           สุชาติ สวัสดิ์ศรี เดินจาก โลกหนังสือ ของดวงกมล
           ขรรค์ชัย บุนปาน สุจิตต์ วงษ์เทศ ไปหาเบียร์ที่ร้านอาหาร ๒๔ น.
           แทบทุกวันเราจะปักหลักที่ แยมส์คอฟฟี่ช็อปข้างอิศรเวช ขาประจำคือ โกวิท สีตลายัน สมควร กระจ่างศาสตร์
ชรินทร์ นันทนาคร พงษ์ลดา พิมลพรรณ

           คอฟฟี่ช็อปที่ไหนก็ไม่เทียมทัน สยามคอฟฟี่ช็อป ไปได้ ใต้ถุนโรงหนังสยามนั่นแหละที่สุดยอด
เมนูยอดฮิตคือข้าวผัดอเมริกัน นั่งดื่มกินรอดูหนัง บ้างเลิกแล้วแวะมา ขาประจำสั่งกาแฟถ้วยเดียวนั่งแช่บ่ายจนเย็น
           นักนสพ. หน้าบันเทิง เข้ามาพักผ่อนหาข่าวดารา ไม่ว่า โกวิท สุภาพ คลี่ขจาย รีเฟล็กซ์ ฯ ดารา
ผู้อำนวยการสร้าง ผู้กำกับ
           หลายคนถือเป็นสนง. ย่อยๆ ติดต่อ ตกลงธุรกิจที่นั่น
           ใครอยากกระทบไหล่ดารา นักร้องต้องไปที่สยามสแควร์


กระทู้: แวบวาบความคิดยามวิกฤตบ้านเมือง
เริ่มกระทู้โดย: SILA ที่ 18 มิ.ย. 10, 11:00
            ยืนอยู่ที่นั่น..ลมพัดมาวูบเดียว ผู้คนที่เคยพบปะ สนิทสนมจนถึงรักใคร่มากมาย ล้วนผ่านเลยไปตามกาลเวลา

           สยามสแควร์ที่เคยเป็นศูนย์การค้าสุดฮ็อทของกรุงเทพฯ โดยเฉพาะโรงหนังสยาม อันเป็นขวัญใจของคนดูหนัง
มายาวนานเกือบ ๔๔ ปี กับเป็นจุดกำเนิดแท้จริงของสยามสแควร์ ก็เหลือแต่ความทรงจำรำลึกที่ยากจะลืมเลือนเท่านั้น

                          ------------------------------

            และสัปดาห์ต่อมา คุณเนาวรัตน์ พงษ์ไพบูลย์ก็เขียนบทความ คารวาลัย ลงที่เดียวกัน
รำลึกยกย่องโรงหนังสยาม และอีกสองโรงในเครือที่ฉายหนังดีมีคุณค่า หนังนอกกระแส โดยคำนึงถึงคนดู
และคุณค่าหนังมากกว่าการทำกำไร เพราะแม้มีคนดูไม่ถึงสิบคนก็ไม่งดฉายรอบนั้น

               คุณเนาฯ จึงเป็นขาประจำโรงหนังสยามและเครือ บางวันก็ดูสอง สามเรื่องติดต่อกัน
               และ ลงท้าย ยืมคำของท่านพุทธทาส มากล่าวยกให้โรงหนังสยามเป็นเช่น โรงมหรสพทางวิญญาณ  


กระทู้: แวบวาบความคิดยามวิกฤตบ้านเมือง
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 18 มิ.ย. 10, 20:49
บางครั้ง ความทรงจำดีๆก็เป็นยาสมานแผลได้เหมือนกัน

ดูหนังที่สยาม ลิโด สกาล่า มามากมาย  เพราะว่าอยู่ใกล้ที่เรียน   แต่จำได้แม่นอยู่ไม่กี่เรื่อง 
หนึ่งในนั้นคือหนังเพลงของอังกฤษ ชื่อ Oliver  ทำจากวรรณกรรมอมตะของชาร์ลส์ ดิกเกนส์ ชื่อ Oliver Twist   เป็นหนังสืออ่านในวิชาวรรณคดีอังกฤษของพวกเราด้วย

เพลงที่ชอบที่สุดในเรื่องนี้คือ Who Will Buy     เอามาให้ดูกันค่ะ
http://www.youtube.com/watch?v=e4gzmoUHrQ4


กระทู้: แวบวาบความคิดยามวิกฤตบ้านเมือง
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 18 มิ.ย. 10, 21:01
Oliver เป็นหนังตุ๊กตาทองปี 1968   เนิ่นนานพอจะทำให้หนูน้อยมาร์ค เลสเตอร์ ดาราเด็กในเรื่อง กลายมาเป็นชายวัยกลางคน   ไม่เหลือเค้าเดิม


กระทู้: แวบวาบความคิดยามวิกฤตบ้านเมือง
เริ่มกระทู้โดย: srisiam ที่ 19 มิ.ย. 10, 08:57


Sir, I want some more.

 ;)


กระทู้: แวบวาบความคิดยามวิกฤตบ้านเมือง
เริ่มกระทู้โดย: SILA ที่ 19 มิ.ย. 10, 09:44
อ้างถึง
Sir, I want some more.

Some more ?

ขอบคุณอาจารย์สำหรับความรู้สึกดี (มาก)ๆ ในเช้าวันนี้ ครับ

ได้ดู โอลิเวอร์ เมื่อมาฉายอีกครั้งที่ฮอลลีวู้ดครับ เพลงที่ชอบอีกเพลงในเรื่องนี้ เป็นเพลงเศร้ารันทด -

As long as he needs me ฟังแล้วทั้งสงสารเวทนาแนนซี่เหลือเกิน

        ไม่ทราบว่า เรื่องโอลิเวอร์ นี้จะเป็นต้นแบบพล็อตนิยายไทย ที่ว่า ลูกผู้ดีหรือเศรษฐี ถูกพรากไป
และได้คืนมาหรือเปล่า
        ของไทยเรารับมาแล้วเติมพริกน้ำปลาด้วยนางอิจฉาและแม่นางอิจฉา

        หนังของมาร์ค เลสเตอร์ ที่ดังสุดๆ ในไทย และฉายยืนโรงยาวนานที่สยาม คือ Melody ครับ
มีเพลงฮิทไพเราะมากมายจากบี จีส์
        เป็นหนังบังคับต้องดูของเด็กและวัยรุ่นยุคนั้น


กระทู้: แวบวาบความคิดยามวิกฤตบ้านเมือง
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 19 มิ.ย. 10, 11:41
จำขึ้นต้นได้เพลงหนึ่ง (ซึ้งมาก ขณะนั้น)

Who is the girl with the crying face ......

หนังเรื่องนี้ดูหลายรอบ

จำได้ว่าเป็นเรื่องความรักของหนุ่มน้อยและสาวน้อยคู่หนึ่ง

แต่จำไม่ได้ว่าไปดูที่โรงไหน

 ;D


กระทู้: แวบวาบความคิดยามวิกฤตบ้านเมือง
เริ่มกระทู้โดย: srisiam ที่ 20 มิ.ย. 10, 00:25
ใช่สยามไหมเอ่ย....ค่าดูสมัยนั้นคงจะเป็นสิบบาท

มาร์ค เลสเตอร์ / แจ็คไวล์ด / เทรซี่ ไฮด์

 ;D

จากนั้นยังมี Love Story / Love means  not ever to say you are sorry.

ที่คุณวันชัย อรรถฯ นักตั้งชื่อหนังมือทอง แปลไว้ว่า "หากจะรัก ต้องลืมคำว่าเสียใจ"

West Side Story 1961
Saturday Night Fever . 1977  ของปู่ จอห์น ทราโวต้า ที่ยิ่งแก่ยิ่งเก่ง



ถวิลหาเรื่องราวในวัยเยาว์...............ก็เพราะเราคือไม้ใกล้ฝั่ง?


 ;D ;D


กระทู้: แวบวาบความคิดยามวิกฤตบ้านเมือง
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 20 มิ.ย. 10, 10:46
เชื่อว่าคุณศรีสยามคงจำ ขุมทองแมคเคนน่า ที่สยาม ได้ 
Mackenna's Gold  เป็นหนังดังอีกเรื่องในปี 1969  ฉายในกรุงเทพนานมากกกก
เพลงไตเติ้ล Old Turkey Buzzard  ฮิทกันทางวิทยุ ในช่วงนั้น

http://www.youtube.com/watch?v=aRA3SrkqDSE


กระทู้: แวบวาบความคิดยามวิกฤตบ้านเมือง
เริ่มกระทู้โดย: SILA ที่ 20 มิ.ย. 10, 11:49
         Love Story หนังของพาราเมาท์ เข้าฉายที่พาราเมาท์ ครับ

           คุณวันชัยเป็นผู้อ่านสป็อท "หากจะรัก ต้องลืมคำว่าเสียใจ" ผู้แปลประโยคนี้
(ไม่แน่ใจ) อาจจะเป็นคอลัมนิสท์ "ไก่อ่อน" ?

           Westside Story ไม่ทราบว่าฉายที่ไหน แต่มีคอลัมนิสท์เขียนว่า หนังเรื่องนี้ถูก
กองเซนเซอร์ไทยดองไว้
            ด้วยข้อหา เกรงว่าวัยรุ่นไทยจะเลียนแบบพฤติกรรมตีกันของสองแก๊งค์แบบในหนัง

           ขุมทองแม็คเคนนา ฉายที่ลิโด้ ครับ ยืนโรงยาวนานหลายเดือน จนโปรแกรมถัดไป Mayerling
ชื่อไทยประมาณ รักชั่วนิรันดร์ ต้องรอนานจนนึกว่าจะเป็นชั่วนิรันดร์

           นอกจากเพลงไพเราะแล้ว ฉากยิงปืนในหุบเขาประกอบเสียงก้องสะท้อนรอบทิศทางยังเป็นอีกสิ่งหนึ่ง
ที่ถูกกล่าวถึง และดึงดูดคนดู
           น่าเสียดาย ตอนกลับมาฉายที่อินทรา ไม่มีการติดตั้งระบบเสียงรอบโรงแบบลิโด้


กระทู้: แวบวาบความคิดยามวิกฤตบ้านเมือง
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 20 มิ.ย. 10, 12:28
ขอบคุณที่มาช่วยบอกโรงที่ถูกให้ค่ะ คุณศิลา
มาพูดถึงหนังเก่าอมตะอีกเรื่อง    เรื่องนี้ไม่ได้ฉายที่สยาม แต่ที่พาราเมาท์
ใครยังจำนางเอกคนสวย ที่แฟนหนังคลั่งไคล้กันทั่วโลก 
และเพลงในเรื่องได้บ้างคะ     
ฉากพบกันที่ระเบียงห้องนอนนางเอก กลายมาเป็นแรงบันดาลใจ ให้พระราชนิพนธ์ มัทนะพาธา  ในฉากท้าวชัยเสนและมัทนาพบกันบนลานอาศรมใต้แสงจันทร์

http://www.youtube.com/watch?v=PkxljG0OKc8&feature=related


กระทู้: แวบวาบความคิดยามวิกฤตบ้านเมือง
เริ่มกระทู้โดย: srisiam ที่ 20 มิ.ย. 10, 21:44
ขุมทองแม็คเคนน่า- โอมาร์ ชารีฟ ( ด็อคเตอร์ชิวาโก้) เพลงประกอบ -โฮเซ่ ฟิลิเซียร์โน่ 

ดูไปแทะเม็ดก๊วยจี๊ไป-ท่ามกลางควันบุหรี่หนาทึบประดุจหมอกหน้าหนาวบนภูกระดึง
ต้องขอขอบพระคุณทุกท่านที่มีส่วนผลักดันให้มีพรบ.ห้ามสูบบุหรี่ในโรงภาพยนต์ ;D

West Side Story ถ้าจำไม่พลาด อาจเป็นโรงหนังเมโทร ประตูน้ำ?

หนังแต่ละเรื่อง มักมีประโยคดีๆ..วจีเด็ดๆให้...หรือฉากประทับใจ ตรึงติดในความทรงจำของเหล่าเราเสมอๆ


จำเรื่อง Ryan's Daughter (โรงไหนเอ่ย? ใช่แกรนด์ไหม?)ได้ไหมครับ ชอบฉากไหน/คำไหนบ้าง
เรื่องนี้ผมประทับใจ......ฉากริมทะเล...ลูกสาวตาไรอั้น(นางเอก)นั่งเล่นบนก้อนหิน..ใช้ไม้เขี่ยทรายบนชายหาด........ไร้จุดหมาย...
บาดหลวงเดินผ่านมา.................


บาทหลวง: What are you doing?
นางเอก:    Nothing!
บาดหลวง:  Doing nothing is the most dangerous thing on earth.


และเมื่อไม่นาน นี้เอง  The Last Emperor ของผู้กำกับใหญ่ชาวอิตาลี่ เบอร์นาลุซซี่
ตอนจบ............จักพรรดิ์ฟูยี.....ตัดพ้อต่อว่าพัศดี(สหายแดง)...........
........You used me!  เอ็งหลอกใช้ข้า


คำตอบคือ.........What's wrong of being useful?


กระแทกใจจังทั้งสองเรื่องสองประโยคนี้.......จำมาสอนลูกสอนหลาน....น้องนุ่งตลอดมาละครับอาจารย์


 ;D;D



กระทู้: แวบวาบความคิดยามวิกฤตบ้านเมือง
เริ่มกระทู้โดย: srisiam ที่ 20 มิ.ย. 10, 23:22
ไม่มีใครที่เห็นหน้าดาราท่านนี้แล้ว...จะไม่นึกถึง The Sound of Music...............

ภาพยนตร์ที่ปลุก กรุงเกษม ให้ตื่นจากนิทรา...........ทำให้รถราติดหนึบหน้าโรง?
ถูกพี่สาวบังคับแกมขอร้องให้ไปเป็นเพื่อน....ดู(ฟรี)...............ประมาณ 6-7 รอบ...(ด้วยความเต็มใจ)

 ;) ;D


กระทู้: แวบวาบความคิดยามวิกฤตบ้านเมือง
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 21 มิ.ย. 10, 09:38
ขออนุญาตลดขนาดภาพจูลี่ แอนดรูส์ นะคะ เพื่อให้โหลดกระทู้ง่ายขึ้น
The Sound of Music เป็นหนังในความทรงจำของคนทั่วโลก    น่าจะเป็นเรื่องยิ่งใหญ่ที่สุดของดาราทั้งสอง คือจูลี่ แอนดรูส์และคริสโตเฟอร์ พลัมเมอร์
ขอนำรูปในปัจจุบันมาให้ดูด้วย  ควบคู่กับภาพในอดีต



กระทู้: แวบวาบความคิดยามวิกฤตบ้านเมือง
เริ่มกระทู้โดย: srisiam ที่ 21 มิ.ย. 10, 10:13
ขอบคุณครับที่ว่ยย่อรูปให้....

อยากเห็นหน้าคุณจูลี่ แอนดรูชัดๆเลยขออณนุญาตปรับสี....




 :)






กระทู้: แวบวาบความคิดยามวิกฤตบ้านเมือง
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 21 มิ.ย. 10, 10:26
จูลี่ แอนดรูส์ถ่ายเมื่ออายุ ๗๔  ยังมีออร่านางเอกอยู่เต็มตัว


กระทู้: แวบวาบความคิดยามวิกฤตบ้านเมือง
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 21 มิ.ย. 10, 18:33
คุณศรีสยามคงอยากทราบว่าเด็กๆ ๗ คนใน The Sound of Music เป็นอย่างไรบ้าง  ก็เอารูปมาให้ดู
เรียงลำดับจากขวาไปซ้าย คือจากคนโตลงไปถึงคนเล็ก  เขาถือรูปพวกเขาไว้ด้วย เห็นไหมคะ  ยืนเรียงกันตามลำดับเดียวกับในภาพ


กระทู้: แวบวาบความคิดยามวิกฤตบ้านเมือง
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 21 มิ.ย. 10, 18:37
คลิปวิดีโอของ Sound of Music ใน youtube มีอยู่หลายชุด  ชุดนี้เป็นการย่อเรื่อง  หวังว่าคงจะฟื้นความทรงจำสมัยไปดูที่โรงหนังกรุงเกษมขึ้นมาได้บ้าง
http://www.youtube.com/watch?v=3Y_oXjf8sio


กระทู้: แวบวาบความคิดยามวิกฤตบ้านเมือง
เริ่มกระทู้โดย: srisiam ที่ 21 มิ.ย. 10, 18:41
โอ.......ขอบพระคุณมากครับอาจารย์   ...I have a sore finger!


 ;D ;) :D :)


กระทู้: แวบวาบความคิดยามวิกฤตบ้านเมือง
เริ่มกระทู้โดย: srisiam ที่ 23 มิ.ย. 10, 17:59
ต้องขอขอบคุณคุณSILA ที่เมตตาเคาะสนิมเรื่องคุณวันชัยและไก่อ่อน( บรรเจิด ท.?).............เป็นเช่นนั้นจริงๆ


จำได้คลับคล้ายคลับคลา.......ว่าเคยดูหนังเรื่อง Brother Sun, Sister Moon เป็นหนังที่ถ่ายภาพย้อนแสงได้งาม....งามมากๆ แต่ไม่เคยพบอีกเลยไม่ว่าDVDหรือหนังสือใดๆ


ภาพย้อนแสงที่งามอีกเรื่อง ..........น่าจะเป็น  "คูลแฮนด์ลุ๊ค"   พอล นิวแมน-พระเอก




รีบถามข่าวมายังคุณศิลาและอาจารย์เทาชมพู...เกรงทั้งสองท่านจะลืมกระทู้นี้เสียก่อน

 ;D ;D ;)













กระทู้: แวบวาบความคิดยามวิกฤตบ้านเมือง
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 23 มิ.ย. 10, 18:47
ไม่ลืมค่ะ   เสียแต่ไปแวะกระทู้อื่นนานไปหน่อย
ดาราสาวทั้งหมดนี้ คุณศรีสยามต้องจำได้แน่ๆ    จำได้ไหมว่า แม้พวกเธอเล่นหนังกันคนละเรื่อง แต่ก็ชุดเดียวกัน
ชุดอะไรเอ่ย?


กระทู้: แวบวาบความคิดยามวิกฤตบ้านเมือง
เริ่มกระทู้โดย: srisiam ที่ 23 มิ.ย. 10, 19:49
ยกธงขาวครับผม.................สนิมเกาะแน่นเคาะไม่ออก..........โปรดเฉลยครับ :( ;D ;D


กระทู้: แวบวาบความคิดยามวิกฤตบ้านเมือง
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 23 มิ.ย. 10, 20:11
แล้วคุณศรีสยามก็ต้องร้อง อ๋อ

http://www.youtube.com/watch?v=nFZtMWs31oo


กระทู้: แวบวาบความคิดยามวิกฤตบ้านเมือง
เริ่มกระทู้โดย: srisiam ที่ 24 มิ.ย. 10, 18:19
 ;)

กราบขออภัยที่ทำให้อาจารย์ผิดหว้ง................จำพระเอกที่รับบทพี่บอนด์ได้ทุกคน............


 ;D   แหะๆ  จำนางเอกคนสุดท้ายได้คนเดียว????



พี่บอนด์ท่านใช้นางเอกเปลืองกว่าใช้อาวุธวิเศษของMI-6เสียอีกครับ
ว่าแต่ว่านอกจากปู่ฌอนแล้ว.........พระเอกคนไหนที่อาจารย์ชอบมากที่สุด...ติ๊ก...ต๊อก..ติ๊ก.ต๊อก..


 ;D :D


กระทู้: แวบวาบความคิดยามวิกฤตบ้านเมือง
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 24 มิ.ย. 10, 19:28
ชอบดาราหนุ่มที่เล่นเป็นเรมิงตัน สตีล  คนนี้ค่ะ


กระทู้: แวบวาบความคิดยามวิกฤตบ้านเมือง
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 24 มิ.ย. 10, 19:30
แต่พอมาถึงวันนี้  ไม่ชอบแล้วนะคะ


กระทู้: แวบวาบความคิดยามวิกฤตบ้านเมือง
เริ่มกระทู้โดย: srisiam ที่ 24 มิ.ย. 10, 22:10
คนล่าสุด....คือขวัญใจ(นอกจากปู่ฌอน)ของผมครับ...


กระทู้: แวบวาบความคิดยามวิกฤตบ้านเมือง
เริ่มกระทู้โดย: SILA ที่ 25 มิ.ย. 10, 09:33
วันสบายๆของ Brosnan

เจมส์ บอนด์ > เจมส์ บวม 


กระทู้: แวบวาบความคิดยามวิกฤตบ้านเมือง
เริ่มกระทู้โดย: srisiam ที่ 25 มิ.ย. 10, 12:31
ทำร้ายจิตใจกันเหลือเกิน.............................


 :D :D >:(


กระทู้: แวบวาบความคิดยามวิกฤตบ้านเมือง
เริ่มกระทู้โดย: Sujittra ที่ 16 ต.ค. 12, 19:10
ทบทวนกระทู้เก่าหลังจากที่สามารถเรียงลำดับกระทู้ได้ตามที่ท่าน Admin แนะนำ ทำให้ผมได้อ่านกระทู้ดีๆและกระเทาะความทรงจำเก่าๆ


กระทู้: แวบวาบความคิดยามวิกฤตบ้านเมือง
เริ่มกระทู้โดย: Sujittra ที่ 16 ต.ค. 12, 19:24
ไม่ทันคุณเพ็ญชมพู

           เฉลิมไทย ผ่าน ๑๔ ตุลา ๑๖ ได้รับความเสียหายเล็กน้อย (ถ้าจำไม่ผิด) โดนกระสุนปืนบางนัด
           ถูกรื้อลงในปี ๒๕๓๒

           สยาม ณ สยามสแควร์ ซึ่งเป็นโรงในเครือเดียวกับเฉลิมไทย
                  พินาศพังภินท์ เมื่อ ๑๙ พฤษภา ๕๓

เป็นโรงหนังแห่งแรกที่มีบันไดเลื่อน

[quote/]

จำได้ว่าเมื่อเป็นวัยเด็กต้องไปยืนเข้าคิวซื้อตั๋วดูหนังที่โรงหนังสยาม
ภาพที่เจนตาคือภาพของคนขายตั๋วผีสำหรับผู้ที่ไม่อยากเข้าคิว
เป็นสีสรรค์อย่างหนึ่งของโรงหนังในอดีต (เข้าใจว่าเดี๋ยวนี้คงน้อยลง)
หนังเรื่องหนึ่งที่ดูที่โรงหนังสยามคือ "ขุมทองแมคแคนน่า" คุณพ่อพาไปดู (คุณพ่อชอบพาผมไปดูหนังมาก ทั้งๆที่มีพี่น้อง10คน แต่คุณพ่อชอบพาผมไปดูหนังโดยเฉพาะนิวโอเดียน หนึ่งในเรื่องที่โด่งดังคือ "เดชไอ้อ้วน". "หวังอยู่" แสดงนำ)
นักร้องที่ร้องเพลง Old Turkey Buzzard คือ Jose Feliciano เป็นนักร้องตาบอดทั้งสองข้าง เพลงดังอีกเพลงของเขาคือ "Rain"

Listen to the pouring rain
Listen to it pour,
And with every drop of rain
You know I love you more........


กระทู้: แวบวาบความคิดยามวิกฤตบ้านเมือง
เริ่มกระทู้โดย: Sujittra ที่ 16 ต.ค. 12, 19:28
คงไม่มีใครในเรือนไทย ทันรู้จักโรงภาพยนตร์ศาลาเฉลิมบุรี  ;D
เป็นโรงภาพยนตร์เก่าคร่ำคร่า แต่ฉายหนังฝรั่ง   การ์ตูนหลายเรื่องของวอลท์ ดิสนีย์ก็ฉายที่นี่.......

ผมคิดว่าอาจารย์คงตัง้ใจจะสื่ิอว่า "ไม่มีใครในเรืนไทยที่ไม่รู้จักโรงภาพยนตร์ศาลาเฉลิมบุรี"
ด้านข้างเฉลิมบุรี (ห่างสัก 2-3 คูหา) มีร้านลอดช่อง ทุกวันนี้ก็ยังขายอยู่ ชื่อว่าร้าน "ลอดช่องสิงคโปร์"


กระทู้: แวบวาบความคิดยามวิกฤตบ้านเมือง
เริ่มกระทู้โดย: Sujittra ที่ 16 ต.ค. 12, 19:31
        โรงหนังในความทรงจำที่เสียดายที่สุดคือ อินทรา ที่โรงแรมอินทรา ประตูน้ำ ครับ

           โรงใหญ่ จอกว้าง เพราะมีเวทีสำหรับการแสดงนาฏศิลป์สากลก่อนฉายหนัง แต่จัดการแสดงได้
เพียงสองชุดก็ต้องล้มเลิกไป ไม่ประสบความสำเร็จ

           เปลี่ยนมาเป็น ซีเนรามา ฉายด้วยเครื่องฉายสามเครื่อง ปรากฏเห็นรอยต่อชัดเจนบนจอยักษ์ คนดูไม่นิยม

           จึงเปลี่ยนเป็น ซีเนรามา ซิงเกิล เลนส์ ที่ให้ภาพใหญ่ไร้รอยต่อ ฉายหนังเก่า หนังใหญ่คับจอ

           ช่วงนั้นได้มาดูหนังเก่าที่นี่อย่างเต็มตา ตื่นใจ ไม่ว่าจะเป็น บัญญัติสิบประการ, เบน เฮอร์, เซาธ์ แปซิฟิค,
มนต์รักเพลงสวรรค์ (ครั้งที่สอง), กรากะตั้ว เกาะมหาภัย, ดร. ดูลิตเติ้ล ฯลฯ      

ภาพจาก โค้กไทย - วันเสด็จพระราชดำเนินรอบปฐมทัศน์ ที่โรงภาพยนตร์อินทรา  

จำไดว่าได้มีโอกาสดู The sound of Music ที่โรงหนังอินทรา รวมทั้งอีกหลายเรื่อง
หาโรงหนังที่ยิ่งใหญ่เท่าอินทราไม่มีอีกแล้วครับ


กระทู้: แวบวาบความคิดยามวิกฤตบ้านเมือง
เริ่มกระทู้โดย: Sujittra ที่ 16 ต.ค. 12, 19:43
     พ.ศ. ๒๕๐๔ จุฬาฯ ทำสัญญาให้บริษัทเอกชนลงทุนสร้างอาคารพาณิชย์  สำเร็จในปี ๒๕๐๗

       ช่วงนั้นวังบูรพายังคึกคัก สยามสแควร์เงียบเหงา  เสี่ยซัว คุณพิสิฐ ตันสัจจา จากเฉลิมไทยมาสร้าง
โรงหนัง สยาม พ.ศ. ๒๕๐๙ ได้รับความสำเร็จ เกินคาดฝัน เสี่ยซัวรุกคืบสร้างลิโด สกาลา

       กลายเป็น ๓ ทหารเสือ ใหม่เอี่ยมและทันสมัยสุดๆ ดับรัศมี ๓ ทหารเสือ เจ้าเก่าแห่งวังบูรพาไปโดยพลัน

       สยาม มีเสน่หาดึงดูดใจ เพราะเหตุใด

       เป็นสถานบันเทิงที่ให้ความรู้สึกสดชื่นรื่นรมย์ เหมาะเป็นที่นัดหมายของเพื่อนฝูงและหนุ่มสาว
มีคอฟฟี่ช็อปบรรยากาศน่าดื่มกิน มีร้านอาหาร เสื้อผ้า เครื่องสำอาง รองเท้า แผ่นเสียง และหนังสือ
       มีบันไดเลื่อน แห่งแรกในโรงหนัง เสนอความสะดวกสบายคุ้มค่า

       จากสูจิบัตรรายเดือนในเครือเอเพกซ์  
            สยามสแควร์ คือชื่อคอลัมน์ของ พอใจ ชัยเวฬุ กลายเป็นคำติดปากติดหู
เป็นที่รู้กันว่าได้อิทธิพลมาจาก ไทม์แสควร์
       แผ่ไปถึง มะขามสแควร์ ข้างโรงหนังเฉลิมกรุง อัมรินทร์สแควร์ เกษรสแควร์ อินทราสแควร์
แต่ต้นตำรับจริงๆ คือบางลำพูสแควร์ ของ รงค์ วงษ์สวรรค์ (ปี ๒๕๑๕)
พูดถงสยามสแควร์ก็นึกถึงสกาล่า
สมัยเป็นเด็ก โรงหนังต่างๆจะมีโปรแกรมพิเศษรอบเช้าวันอาทิตย์ตอน7โมงเช้า เป็นหนังทั่วไปแต่จัดเพื่อหาทุนสำหรับกิจกรรมของโรงเรียน
ได้ดูThe Impossible แสดงสดก่อนฉายหนังในรอบเช้าพิเศษดังกล่าว จำไม่ได้ครับว่าชื่อหนังอะไร แต่จำได้ว่าที่ดิอิมร้องเพลง "เจ้าพระยา"
ที่จำได้เพราะตอนท้ายของเพลงเขาร้องว่า "หนุ่มสาวไทยรักกุหลาบวัฒนา"
รอบนั้นจัดโดยโรงเรียนกุหลาบวัฒนา(โรงเรียนหญิงล้วน) ซึ่งอยู่ที่วัดกาลหว่าร์ เดี๋ยวนี้ถูกยุบรวมกับ "กุหลาบวิทยา" (โรงเรียนชายล้วน) เพราะนักเรียนหญิงน้อยลง (กลายเป็นโรงเรียนสห)
เหตุที่นักเรียนน้อยลงเพราะความเป็นชุมชนคริสตังค์เดิมในบริเวณนั้นหายไปเพราะทางสังฆมณฑลกรุงเทพนำที่บริเวณโดยรอบและชุมชนละแวกโบสถ์มาทำเป็นคอนโดฯ ครอบครัวเดิมจึงย้ายออกไปหมด (รวมทั้งครอบครัวผมด้วย) คนอยู่อาศัยในปัจจุบันจึงเหลือเพียงคนรุ่นเก่า (ที่เลยวัยเจริญพันธ์ุ) และคนขาจร เด็กเกิดใหม่ในละแวกนั้นจึงน้อยลง
 :'(  :'(


กระทู้: แวบวาบความคิดยามวิกฤตบ้านเมือง
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 16 ต.ค. 12, 19:48
คุณสุจิตราไปปลุกกระทู้นี้ให้คืนชีพขึ้นมาอีกครั้ง   :)

คงไม่มีใครในเรือนไทย ทันรู้จักโรงภาพยนตร์ศาลาเฉลิมบุรี  ;D
เป็นโรงภาพยนตร์เก่าคร่ำคร่า แต่ฉายหนังฝรั่ง   การ์ตูนหลายเรื่องของวอลท์ ดิสนีย์ก็ฉายที่นี่.......

ผมคิดว่าอาจารย์คงตัง้ใจจะสื่ิอว่า "ไม่มีใครในเรืนไทยที่ไม่รู้จักโรงภาพยนตร์ศาลาเฉลิมบุรี"
ด้านข้างเฉลิมบุรี (ห่างสัก 2-3 คูหา) มีร้านลอดช่อง ทุกวันนี้ก็ยังขายอยู่ ชื่อว่าร้าน "ลอดช่องสิงคโปร์"

ไม่ผิดหรอกค่ะ   ตอนนั้นนึกว่าสมาชิกเรือนไทยยังเกิดไม่ทันโรงภาพยนตร์เฉลิมบุรีกันทั้งนั้น
ความเป็นมาของร้านลอดช่องสิงคโปร์ อ่านได้ที่นี่
http://www.dmc.tv/forum/index.php?showtopic=16066


กระทู้: แวบวาบความคิดยามวิกฤตบ้านเมือง
เริ่มกระทู้โดย: Sujittra ที่ 16 ต.ค. 12, 22:35
ช่วงหลังอ่านกระทู้ใหม่ๆไม่ค่อยไหวครับ เพราะเหมือนดารรารุ่นใหม่ มาเร็วไปเร็ว
ผมก็เลยอ้อนวอนให้ท่านเจ้าเรือนและท่าน admin ช่วยจัดเรียงกระทู้ตามเรตติ้ง
 ในที่สุดก็พบว่าเว็บนี้ทำได้อยู่แล้ว ผมก็เลยไล่อ่านกระทู้เก่าๆและอยากเติมเต็มให้สมบูรณ์เท่าที่ปัญญาจะมีครับ


กระทู้: แวบวาบความคิดยามวิกฤตบ้านเมือง
เริ่มกระทู้โดย: Sujittra ที่ 16 ต.ค. 12, 22:51
Oliver เป็นหนังตุ๊กตาทองปี 1968   เนิ่นนานพอจะทำให้หนูน้อยมาร์ค เลสเตอร์ ดาราเด็กในเรื่อง กลายมาเป็นชายวัยกลางคน   ไม่เหลือเค้าเดิม

เรื่องนี้ทำให้ผมนึกถึงอดีตสมัยอยู่โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา ชั้น มศ.๔ ห้อง 717
คุณครูประจำชั้นซึ่งสอนภาษาอังกฤษมอบให้พวกเราแสดงละครเรื่อง Oliver Twist ยังจำถึงประโยคทองของเรื่องนี้ว่า "Please Sir, I want some more"
ผมเองเป็นผู้กำกับครับ เหตุและผลเพราะผมขี้อาย (ในสมัยนั้น) ไม่อยากแสดงจึงสมัครเป็นผู้กำกับ


กระทู้: แวบวาบความคิดยามวิกฤตบ้านเมือง
เริ่มกระทู้โดย: Sujittra ที่ 16 ต.ค. 12, 23:01
ไม่มีใครที่เห็นหน้าดาราท่านนี้แล้ว...จะไม่นึกถึง The Sound of Music...............

ภาพยนตร์ที่ปลุก กรุงเกษม ให้ตื่นจากนิทรา...........ทำให้รถราติดหนึบหน้าโรง?
ถูกพี่สาวบังคับแกมขอร้องให้ไปเป็นเพื่อน....ดู(ฟรี)...............ประมาณ 6-7 รอบ...(ด้วยความเต็มใจ)

 ;) ;D

Nothing comes from nothing, nothing ever could.
But somewhere in my youth or childhood.
I have must done something good.

เป็นท่อนหนึ่งของเพลงร้องที่หนุ่มและสาวร้องเพลงเกี้ยวกัน แต่ผมชอบความหมายเพราะใช้ได้กับทุกเรื่อง เหมือนคำพระที่ว่า "กมฺมุนา วตฺตติโลโก" (โยงกันได้นะขอรับ)


กระทู้: แวบวาบความคิดยามวิกฤตบ้านเมือง
เริ่มกระทู้โดย: Sujittra ที่ 16 ต.ค. 12, 23:04
คุณศรีสยามคงอยากทราบว่าเด็กๆ ๗ คนใน The Sound of Music เป็นอย่างไรบ้าง  ก็เอารูปมาให้ดู
เรียงลำดับจากขวาไปซ้าย คือจากคนโตลงไปถึงคนเล็ก  เขาถือรูปพวกเขาไว้ด้วย เห็นไหมคะ  ยืนเรียงกันตามลำดับเดียวกับในภาพ

จำได้ว่าหลงรักลูกสาวคนที่ ๓ ของกัปตันฟอนแทรป (คนที่ ๓ จากซ้าย) เพราะนัยน์ตาสวยมาก


กระทู้: แวบวาบความคิดยามวิกฤตบ้านเมือง
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 17 ต.ค. 12, 09:12
น่าจะเป็นคนนี้ Angela Cartwright  เธอเป็นดาราเด็กมาก่อน  ปัจจุบันอำลาวงการไปแล้วค่ะ


กระทู้: แวบวาบความคิดยามวิกฤตบ้านเมือง
เริ่มกระทู้โดย: SILA ที่ 17 ต.ค. 12, 09:53
^ คุณสุจิตร คงเคยดูเธอร่วมแสดงในซีรี่ส์ดังฉายทางช่องสี่ บางขุนพรหมเมื่อหลายสิบปีก่อน
เรื่อง Lost in Space (1965-8) ชื่อไทยว่า โลกพิศวง


กระทู้: แวบวาบความคิดยามวิกฤตบ้านเมือง
เริ่มกระทู้โดย: Sujittra ที่ 17 ต.ค. 12, 23:31
^
ขอบคุณท่านเทาชมพูและท่านศิลาครับ
ผมจำได้แล้วครับเรื่อง Lost in Space จำเธอคนนั้นได้ด้วย
ตัวเอกในเรื่องคือ หมอสมิธ (ที่ใส่ชุดดำ) จำประโยคเด็ดได้ว่า "อันตราย..อันตราย..." (หุ่นยนต์เป็นคนพูด)


กระทู้: แวบวาบความคิดยามวิกฤตบ้านเมือง
เริ่มกระทู้โดย: SILA ที่ 10 ธ.ค. 13, 14:41
Just for the record

ขอบันทึกแวบวาบความคิดตอนนี้ไว้ในกระทู้นี้ ครับ

           นิยายการเมืองเรื่องยาวหลายภาค(อาจมากกว่าแฮรี พ็อตเตอร์) ของเมืองไทย

           ภาคหนึ่ง "มวลมหาประชาชน" ได้จบลงตรงที่ นายกรัฐมนตรียุบสภา

           ภาคต่อไปอาจได้ชื่อว่า "สภาประชาชน" (แต่ยังไม่แน่นอน)

           อาจจะพลิกผัน, อาจจะไม่ หรืออาจจะได้ชื่อที่ไม่พึงประสงค์ว่า "สงครามประชาชน"

           คนไทยทั้งหลายคือผู้กำหนดเนื้อเรื่องของภาคต่อๆ ไปว่าจะพาไปจบลงที่ตรงไหน

           จะให้จบด้วยน้ำตาแห่งการสูญเสีย หรือ น้ำตาของ "ปวงประชาสามัคคี"


กระทู้: แวบวาบความคิดยามวิกฤตบ้านเมือง
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 13 ธ.ค. 13, 08:44
อินทรเน็ตทำให้ติดตามข่าวสารบ้านเมืองได้ แม้ว่าอยู่คนละซีกโลก
นำภาพบางภาพมาลงไว้เป็นประวัติศาสตร์


กระทู้: แวบวาบความคิดยามวิกฤตบ้านเมือง
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 13 ธ.ค. 13, 08:46
อีกสองภาพ


กระทู้: แวบวาบความคิดยามวิกฤตบ้านเมือง
เริ่มกระทู้โดย: samun007 ที่ 13 ธ.ค. 13, 09:55
ถ้าจะมีสภาประชาชน

ผมอยากให้สภาประชาชน เป็นแบบกรีกโบราณนะครับ

ไม่อยากให้เป็นสภาประชาชนแบบปฏิวัติฝรั่งเศส

เพราะถ้าเป็นสภาประชาชนแบบยุคปฏิวัติฝรั่งเศส เรื่องบานปลายแน่นอน


อีกประการที่คิดไว้นานแล้วก็คือ อยากจะให้ปฏิวัติเรื่องของ การเรียนรู้สำหรับคนไทยทุกคน ให้รู้จักตระหนักถึง

สิทธิส่วนบุคคล ทั้งของตนเอง และของผู้อื่น

หน้าที่ของประชาชน ที่พึงกระทำและพึง

ระเบียบ วินัย ที่ตนเองต้องทำให้ได้ ตามที่กฎหมายระบุเอาไว้



คนไทยบอกว่ารักชาติ แต่ก็ยังฝ่าฝืนกฎหมายพื้นฐานต่าง ๆ มากมาย ในชีวิตประจำวันก็เห็นกันอยู่บ่อย ๆ อย่างเช่นเรื่องของการจราจรต่าง ๆ ฯลฯ เป็นต้น

กฎต่าง ๆ มีไว้เพื่อให้ฝ่า  หรือจะเป็นเรื่องของสิทธิส่วนบุคคล เราก็เห็นการฝ่าฝืนมากมาย จนกลายเป็นเรื่องชินชาไปเสียแล้ว

ประเทศที่เจริญแล้ว เขาตระหนักในเรื่องของสิทธิส่วนบุคคล หน้าที่ตามกฎหมาย และ ระเบียบวินัย เป็นอย่างยิ่ง

ถ้าปฏิรูปกันแต่การเมือง โดยละเลย พื้นฐานสำคัญเรื่อง สิทธิ , หน้าที่ , ระเบียบวินัย แล้ว ก็ไม่มีประโยชน์อะไรที่จะทำต่อไปครับ

เพราะสุดท้าย วังวันมันก็ยังอยู่เหมือนเดิม



สุดท้ายขอ ฝากคำขวัญไว้ครับ ให้สภาประชาชน ที่ถ้ามีโอกาสเกิดขึ้นในอนาคต

Liberté, Égalité, Fraternité

หวังว่า สภาประชาชน ที่อยากจะมีกัน จะไม่ทิ้งหลักการข้อใดข้อหนึ่งไปนะครับ !!!!!!!!!


กระทู้: แวบวาบความคิดยามวิกฤตบ้านเมือง
เริ่มกระทู้โดย: SILA ที่ 13 ธ.ค. 13, 16:22
        
อ้างถึง
Liberté, Égalité, Fraternité
     
         ภาษาฝรั่งเศสสามคำ ทำให้นึกถึง Do You Hear the People Sing?
จากหนังเรื่อง Les Miserables

ป.ล. นึกถึง(เพลง)เท่านี้ ไม่มีการสื่อหรือแฝงความหมายอื่นใด ครับ

          http://www.youtube.com/watch?v=gMYNfQlf1H8

      
อ้างถึง
ไม่อยากให้เป็นสภาประชาชนแบบปฏิวัติฝรั่งเศส

เพราะถ้าเป็นสภาประชาชนแบบยุคปฏิวัติฝรั่งเศส เรื่องบานปลายแน่นอน


กระทู้: แวบวาบความคิดยามวิกฤตบ้านเมือง
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 13 ธ.ค. 13, 22:10
ฉันคือประชาชน

http://www.youtube.com/watch?v=5RBa5KxWq44

ฉันคือประชาชน       ไม่ใช่คนมีอำนาจ
ไม่เคยคิดไม่เคยคาด   จะผูกขาดประเทศไทย


(http://ptcdn.info/emoticons/toy_h/17.png)


กระทู้: แวบวาบความคิดยามวิกฤตบ้านเมือง
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 23 ธ.ค. 13, 10:14
เธอผู้เสียสละ

http://www.youtube.com/watch?v=bo5AqFHEKYQ

เธอก็ถูกกล่าวหา         เป็นกบฏชั่วช้าคิดคดการณ์ไกล
กบฏหรือคือผู้นำชัย      เข่นฆ่าโพยภัยหมดสิ้นดินทอง


(http://ptcdn.info/emoticons/toy_h/13.png)




กระทู้: แวบวาบความคิดยามวิกฤตบ้านเมือง
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 23 ธ.ค. 13, 11:04
หน้าหนึ่งของวันนี้ ที่จะเป็นประวัติศาสตร์การเมืองไทยในวันหน้า
จาก
http://www.oknation.net/blog/rinrudee/2013/12/22/entry-1
http://www.oknation.net/blog/Tip2/2013/12/22/entry-1


กระทู้: แวบวาบความคิดยามวิกฤตบ้านเมือง
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 23 ธ.ค. 13, 11:59
ตายสิบเกิดแสน

http://www.youtube.com/watch?v=pfB42-YiZ4U

สังคมใหม่ ผู้คนใหม่        คือคนไทย ใช่คือทาส
เข้ามาเถิด เข้ามา           เดินเข้ามา มาหา มาหา


มวลประชา ผู้เป็นใหญ่

(http://ptcdn.info/emoticons/toy_h/11.png)


กระทู้: แวบวาบความคิดยามวิกฤตบ้านเมือง
เริ่มกระทู้โดย: samun007 ที่ 24 ธ.ค. 13, 22:49

ขอเสริมครับ   ;D ;D ;D ;D

http://www.youtube.com/watch?v=BWf-eARnf6U


กระทู้: แวบวาบความคิดยามวิกฤตบ้านเมือง
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 25 ธ.ค. 13, 09:27
นิทานเรื่องกระต่ายแข่งกับเต่า
เป็นเรื่องเก่าดึกดำบรรพ์ไม่ทันสมัย
จะแข่งขันประชันไปทำไม
มารวมใจร่วมด้วยเราช่วยกัน


พระราชนิพนธ์ในสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี  สวัสดีปีเถาะ ๒๕๕๔    

http://www.youtube.com/watch?v=j9TdIEzhZBQ

กระต่ายกับเต่าและนกแสงตะวัน

หันหน้ากันคนละทาง            สร้างดาวกันคนละดวง
ช่วงชิงไปสู่สวรรค์               ใครไม่ทันเป็นคนหลงทาง


เจ้านกแสงตะวันบินผ่านมา      มันส่งเสียงเจรจา

ทำไมเกิดมาเพื่อแข่งขัน        น่าจะร่วมกันสู่เส้นชัย
ปลุกเพื่อนจากการหลับใหล    เพื่อสร้างสมใจร่วมทาง


(http://ptcdn.info/emoticons/toy_h/08.png)


กระทู้: แวบวาบความคิดยามวิกฤตบ้านเมือง
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 27 ธ.ค. 13, 09:10
หยุดก่อน

http://www.youtube.com/watch?v=MnGJZkEpeGo

ลูกกระสุนของใครแล่นไปฆ่า              ผู้ที่ตายวายชีวามีเจ้าของ
เราฆ่ากันเพื่อไทยเลือดไหลนอง          แต่ศึกต้องยืดเยื้อนี้เพื่อใคร

หยุดก่อนประชาชนผู้ขมขื่น                ดาบหอกกระบอกปืนนั้นคือหน
สุดท้ายที่ท่านมั่นใจตน                    เราจะฝ่าเราจะทนเราจะไป

หยุดก่อน หยุดก๊อน หยุดก่อน             หยุดก่อน หยุดก๊อน หยุดเอาไว้
มาเถิดดื่มน้ำเย็นจากบ่อใส                ผนึกหัวใจไตร่ตรอง


(http://ptcdn.info/emoticons/toy_h/24.png)


กระทู้: แวบวาบความคิดยามวิกฤตบ้านเมือง
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 28 ธ.ค. 13, 11:06
http://www.youtube.com/watch?v=IvNyrxObU-A

มาร์ชพิทักษ์สันติราษฎร์

http://www.youtube.com/watch?v=LGHrFQQAyME

ชาติชายเอาไว้ลายตำรวจไทย   ช่วยประชาไม่ว่าหนไหน
เป็นมิตรด้วยดวงจิตสดใส        เราอยู่ไหนประชาอุ่นใจทั่วกัน


(http://ptcdn.info/emoticons/smiley/อมยิ้ม16.png)


กระทู้: แวบวาบความคิดยามวิกฤตบ้านเมือง
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 29 ธ.ค. 13, 07:24
       แด่ดาว

ดาวดวงร่วงลงในดงเลือด
ดินเดือดแดงโดดโชติสี
หัวใจหลายดวงร่วงฤดี
ราตรีโอบอุ้มคลี่คลุมดาว

โชกฉ่ำน้ำตาแห่งนาคร
สะอื้นสะท้อนสะเทือนหาว
ดาวดับกลับสว่างขึ้นพร่างพราว
บอกเล่าเรื่องราววีรกรรม

จารึกตำนานความหาญกล้า
เมื่อถูกไล่ล่าดึงฟ้าต่ำ
สละชีพป้องฟ้านาครธรรม
ยุคดำจะต้องสิ้นแผ่นดินไทย

ดาวดวงยังดื่นระดะดวง
ยิ่งร่วงยิ่งแรงยิ่งแสงใส
ทรราชทรมาต้องปราชัย
ตกในอเวจี ไม่มีดาว !

นภาลัย (ฤกษ์ชนะ) สุวรรณธาดา
๒๘ ธันวาคม ๒๕๕๖


กระทู้: แวบวาบความคิดยามวิกฤตบ้านเมือง
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 02 ม.ค. 14, 11:19
แสงดาวแห่งศรัทธา

http://www.youtube.com/watch?v=6XF0r0OB84U

พายุฟ้าครืนข่มคุกคาม                         เดือนลับยามแผ่นดินมืดมน
ดาวศรัทธายังส่องแสงเบื้องบน               ปลุกหัวใจปลุกคนอยู่มิวาย

ขอเยาะเย้ยทุกข์ยากขวากหนามลำเค็ญ      คนยังคงยืนเด่นโดยท้าทาย
แม้ผืนฟ้ามืดดับเดือนลับละลาย               ดาวยังพรายศรัทธาเย้ยฟ้าดิน

ดาวยังพรายอยู่จนฟ้ารุ่งราง


(http://ptcdn.info/emoticons/toy_h/06.png)


กระทู้: แวบวาบความคิดยามวิกฤตบ้านเมือง
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 06 ม.ค. 14, 11:31
เมื่อท้องฟ้าสีทอง (http://topicstock.pantip.com/library/topicstock/2007/12/K6169531/K6169531.html#1)

http://www.youtube.com/watch?v=WT7eG8WeQ2g

ไม่มีอำนาจใดในโลกหล้า        ผู้ปกครองต่างมาแล้วสาบสูญ
ไม่มีใครล้ำเลิศน่าเทิดทูน        ประชาชนสมบูรณ์นิรันดร์ไป

เมื่อยืนหยัดต่อสู้ผู้กดขี่           ประชาชนย่อมมีชีวิตใหม่
เมื่อท้องฟ้าสีทองผ่องอำไพ     ประชาชนย่อมเป็นใหญ่ในแผ่นดิน


(http://ptcdn.info/emoticons/toy_h/18.png)


กระทู้: แวบวาบความคิดยามวิกฤตบ้านเมือง
เริ่มกระทู้โดย: samun007 ที่ 08 ม.ค. 14, 22:09
 ;D ;D ;D ;D

G81z-uTVfqA

ถ้าหากฉันเกิดเป็นนกที่โผบิน
ติดปีกบินไปให้ไกลไกลแสนไกล
จะขอเป็นนกพิราบขาว
เพื่อชี้นำชาวประชาสู่เสรี


ถ้าหากฉันเกิดเป็นเมฆบนนภา
จะนำพาความร่มเย็นเพื่อท้องนา
หากฉันเกิดเป็นเม็ดทราย
จักโถมกายเป็นทางเพื่อมวลชน


ชีวา ยอมพลีให้ มวลชน ที่ทุกข์ทน
ขอพลีตน ไม่ว่าจะตายกี่ครั้ง...


กระทู้: แวบวาบความคิดยามวิกฤตบ้านเมือง
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 18 ม.ค. 14, 12:00
อยากให้ความรักแก่คนทั้งโลก


http://www.youtube.com/watch?v=sri4binjQe0

อยากให้ความรักเพื่อคนทั้งโลก       อยากจะให้โชคเพื่อคนทั้งหล้า
อยากให้รอยยิ้มลบคราบน้ำตา       อยากให้ชีวาแก่คนทั้งปวง


(http://ptcdn.info/emoticons/toy_h/08.png)


กระทู้: แวบวาบความคิดยามวิกฤตบ้านเมือง
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 25 ม.ค. 14, 14:21
เพลงชาติ (http://www.reurnthai.com/index.php?topic=2652.msg55280#msg55280)

http://www.youtube.com/watch?v=OPPqFvWFAIo

ทุกวันนี้ศึกไกลยังไม่ห่วง           แต่หวั่นทรวงศึกใกล้ไล่ข่มเหง
ถ้าคนไทยหันมาฆ่ากันเอง        จะร้องเพลงชาติไทยให้ใครฟัง


(http://ptcdn.info/emoticons/toy_h/07.png)


กระทู้: แวบวาบความคิดยามวิกฤตบ้านเมือง
เริ่มกระทู้โดย: puyum ที่ 25 ม.ค. 14, 20:07
กรุงศรีอยุธยา -  ๔๑๗ ปี - กบฏ  ๒๔ ครั้ง
กรุงธนบุรี - ๑๕ ปี -  กบฏ  ๒  ครั้ง
กรุงเทพ -  ๒๓๑ ปี -  กบฏ  ปฏิวัติ  รัฐประหาร  ปฏิรูป  ???  ครั้ง :-X
ย้ายเมืองหลวง - เปลี่ยนชื่อประเทศ - เปลี่ยนธงชาติ :P


กระทู้: แวบวาบความคิดยามวิกฤตบ้านเมือง
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 31 ม.ค. 14, 10:43
Blowin' in the Wind

http://www.youtube.com/watch?v=RsjiSfAmEeo

How many roads must a man walk down
Before you call him a man?

Yes, 'n' how many deaths will it take till he knows
That too many people have died?

The answer, my friend, is blowin' in the wind,
The answer is blowin' in the wind.


(http://ptcdn.info/emoticons/toy_h/20.png)



กระทู้: แวบวาบความคิดยามวิกฤตบ้านเมือง
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 09 ก.พ. 14, 11:36
http://www.youtube.com/watch?v=5tllpIPGPHE

กลิ่นรวงทอง

http://www.youtube.com/watch?v=LI0b0uySusw

อย่าดูถูกชาวนาเห็นว่าอับเฉา               มือถือเคียวชันเข่า เกี่ยวข้าวเลี้ยงเราผ่านมา
ความหวังเอยของเราชาวนา                 สักวันหนึ่งเมฆร้ายเคลื่อนคลา ชาวนาสุขสันต์รื่นรมย์


(http://ptcdn.info/emoticons/smiley/อมยิ้ม16.png)




กระทู้: แวบวาบความคิดยามวิกฤตบ้านเมือง
เริ่มกระทู้โดย: chupong ที่ 10 ก.พ. 14, 16:03
เรียนท่านอาจารย์เทาชมพูที่เคารพยิ่ง เรียนคุณศิลาเจ้าของกระทู้ รวมถึงท่านสมาชิกเรือนไทยทุกท่านครับ

   ผมจดๆจ้องๆ จะเข้าร่วมกระทู้นี้มาหลายครั้ง แต่ยังกล้าๆกลัวๆอยู่ วันนี้ สลัดความกลัวออกแล้วครับ

   จะว่าไป นายกหญิงคนแรกของเรา ก็ก่อแรงบันดาลใจให้ผม คนตาบอดตัวเล็กๆ นำไปเขียนงานได้จำนวนหนึ่งครับ ผมขออนุญาตนำบางส่วน มาบันทึกไว้ ณ เรือนไทยหลังงามหลังนี้ ในฐานะพลเมือง ซึ่งมีสิทธิ์ มีเสรีภาพแสดงความเห็นทางการเมืองตามระบอบประชาธิปไตย ขอเริ่มด้วยงานชิ้นนี้ก่อนครับ

ยุคเน่า
กาพย์โกสุม ๒๔ กลบทกบเต้นต่อยหอย

   “ดีแต่กู้”         ดูตอนเก่า
เพียรด่าเขา         เผาโดยคำ
เมื่อนี้ขัน         มันน่าขำ
ทวยโลนส่ำ         ทำเลวทราม
   ยกพจน์แช่ม      แย้มเพื่อฉล
“กู้” เสียป่น         กลสัตว์ปาม
โจรรุมหลั่ง         จังไรหลาม
ตั้งเหล่าห่าม         ตามล้อมฮือ
   ชาติทรุดท่าว      ชาวสาไถย
เมืองบาปไล้         ไม่บันลือ
ครานายทุน         ครุ่นนึกถือ-
ทรัพย์รวยอื้อ         ซื้อรัฐเอา
   ใช้สินจ้าง      ช่างสรรจ่าย
คึกเล่ห์นาย         ขายลำเนา
ผู้ใดค้าน         พาลด่าเขา
เช่นนี้เล่า         เฉานักแล
   ชลเต็มนัยน์      ใช้แต่หนี้
หมดสุขดี         มีโศกแด
มวลอาธรรม์         มันอ้างแถ
ยุคเน่าแท้         แย่หนอไทย

(๑๔ กันยายน พ.ศ. ๒๕๕๖)

หมายเหตุ:
๑.   กลบท “กบเต้นต่อยหอย” มีปรากฏอยู่ทั้งในวรรณคดีไทยเรื่อง
“ศิริวิบุลกิตติ์” รจนาโดย ท่านหลวงศรีปรีชา (เส้ง)
แหละหนังสือ ประชุมจารึกวัดพระเชตุพน ครับ
ผมอาศัยศึกษาแบบอย่างจากหนังสือสองเล่มดังกล่าว ร่วมกับท่วงทำนอง ร่ายจัดทัพ จากร่ายยาวมหาเวสสันดรชาดก กัณฑ์มหาราช
สำนวนพระนิพนธ์สมเด็จพระมหาสมณะเจ้า กรมพระปรมานุชิตชิโนรส
ควบคู่ไปกับหนังสือกวีนิพนธ์ร่วมสมัย อาทิ
กฎบนกลบท, เรียงถ้อยขึ้นร้อยถัก ของท่านอาจารย์คมทวน คันธนู
รอยทราย ของท่านอาจารย์วันเนาว์ ยูเด็น ครับ
๒.   “กาพย์โกสุม ๒๔” เป็นฉันทลักษณ์ซึ่งท่านอาจารย์คมทวน คันธนู ประดิษฐ์ขึ้น สำแดงผ่านงานกวีของท่านหลายชิ้น ครับผม
 


กระทู้: แวบวาบความคิดยามวิกฤตบ้านเมือง
เริ่มกระทู้โดย: chupong ที่ 10 ก.พ. 14, 16:12
ส่วนงานชิ้นนี้ ขอมอบแด่ชาวนาทุกท่านที่กำลังประสบความลำเค็ญ แหละต่อสู้อย่างบากบั่นอดทนครับ

พลังชาวนา
เปษณนาทฉันท์ ๑๖

   สมัยชาวนาชะตาแค้นหนัก
ระงมยิ่งนักปะพรรคหน้าหนา
ริ “จำนำข้าว” เขรอะคาวค้างคา
ระยำมารยามุสาย่ำยี

   ประมวลขื่นขมระบมเกินขาน
สะเทือนถิ่นฐานสะท้านทุกที่
โขยงนายทุนสถุลท่าที
ขยันสร้างหนี้กลีไหลนอง

   ละชาวนาให้ฤทัยแห้งหาย
สตางค์ค้างจ่ายขมายมุ่งจ้อง
ขโมยโกงกินถวิลทรัพย์กอง
เคราะห์ชาวนาต้องตริตรองตรอมตาย

   ฉะนั้นเราไยไฉนนิ่งอยู่
ระดมแรงสู้มิรู้สิ้นสาย
ประหนึ่งน้ำท้นประจญท้าทาย
เขยื้อนเคลื่อนย้ายขยายเหยียดยาว

   ฉกาจยืนยันฉกรรจ์โต้แย้ง
พลังเก่งแกร่งแสดงกล้ากร้าว
ตะโกนกราดเกรี้ยวประเดี๋ยวกริวกราว
อุบาทว์ต้องหนาวเพราะชาวนาเนือง

   กระจายเข้าเข่นประเคนคนคด
ระทมต้องปลด ระทดต้องเปลื้อง
จะซื้อขายข้าวมิร้าวรานเคือง
ประเทศบรรเทืองเมลืองรวงทอง

(๒๑ มกราคม พ.ศ. ๒๕๕๗)

หมายเหตุ:
   “เปษณนาทฉันท์ ๑๖” นี้ เป็นรูปแบบฉันทลักษณ์ซึ่งท่านอาจารย์สุภร ผลชีวิน ประดิษฐ์คิดค้นขึ้น ครับผม


   




กระทู้: แวบวาบความคิดยามวิกฤตบ้านเมือง
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 20 ก.พ. 14, 09:03
(http://f.ptcdn.info/137/015/000/1391204322-download-o.jpg)

จดหมายจากชาวนา

http://www.youtube.com/watch?v=EKevuac46ho

จดหมายชาวนาฉบับนี้                เขียนที่บ้านป่าดงดอน
เขียนถึงผู้อยู่ในนคร                  อันความเดือดร้อนชาวนายิ่งใหญ่

ทำนาก็พอได้ข้าว                     พอขายข้าวก็ต้องเสียใจ
ยากแค้นอดอยากยากไร้              ถูกโกงข้าวไปฉันขอลาตาย


(http://ptcdn.info/emoticons/toy_h/07.png)


กระทู้: แวบวาบความคิดยามวิกฤตบ้านเมือง
เริ่มกระทู้โดย: Neepata ที่ 21 ก.พ. 14, 02:12
ตอนนี้หนูสงสารประเทศไทยจับใจ เนื่องจากป่วยหนักมีทั้งน้ำเลือดทั้งน้ำหนองไหลออกมาไม่หยุด กินยาเท่าไหร่ก็ไม่หายเพราะคาดว่าได้ยาไม่ถูกตามโรค ให้ทั้งยาเม็ด ยาน้ำ ยาฉีดก็แล้ว  เซล์ต่างๆเริ่มค่อยๆตายไปทีละนิดจากเดินได้ก็ต้องนอนกับที่ ขยับอะไรก็ลำบากเหลือเกินเพราะเดี๊ยวเลือดไหล เดี๋ยวหนองไหล   อยากได้หมอวิเศษมารักษาเร็วๆจังเลย หมอที่ตั้งใจเต็มใจรักษาและอดทนกับอาการป่วยของประเทศไทย  หนูหวังว่าคุณหมอใจดีจะรีบมาทันเวลานะคะ  :'(


กระทู้: แวบวาบความคิดยามวิกฤตบ้านเมือง
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 24 ก.พ. 14, 11:09
http://www.youtube.com/watch?v=gJ-Vfya3QgY

ปณิธานกวี  (http://www.gotoknow.org/posts/160415)

แย่งแผ่นดินอำมหิตคิดแต่ฆ่า      เพราะกิเลสบ้าหฤโหดสิงซากผี
ลืมป่าช้าคุณธรรมความดี          เสียศรีสวัสดิ์ค่าแท้วิญญาณ

อังคาร กัลยาณพงศ์


(http://ptcdn.info/emoticons/toy_h/07.png)



กระทู้: แวบวาบความคิดยามวิกฤตบ้านเมือง
เริ่มกระทู้โดย: samun007 ที่ 25 ก.พ. 14, 10:37
ตอนนี้หนูสงสารประเทศไทยจับใจ เนื่องจากป่วยหนักมีทั้งน้ำเลือดทั้งน้ำหนองไหลออกมาไม่หยุด กินยาเท่าไหร่ก็ไม่หายเพราะคาดว่าได้ยาไม่ถูกตามโรค ให้ทั้งยาเม็ด ยาน้ำ ยาฉีดก็แล้ว  เซล์ต่างๆเริ่มค่อยๆตายไปทีละนิดจากเดินได้ก็ต้องนอนกับที่ ขยับอะไรก็ลำบากเหลือเกินเพราะเดี๊ยวเลือดไหล เดี๋ยวหนองไหล   อยากได้หมอวิเศษมารักษาเร็วๆจังเลย หมอที่ตั้งใจเต็มใจรักษาและอดทนกับอาการป่วยของประเทศไทย  หนูหวังว่าคุณหมอใจดีจะรีบมาทันเวลานะคะ  :'(

ส่วนตัวผมคิดว่า ถ้าคนไข้ป่วยหนัก อาการตรีทูตแล้ว จะยื้อไว้ ก็ทำให้คนไข้ทรมานกว่าเดิมนะครับ บางทีเพราะความหวังดีของเรา อาจจะกลายเป็นประสงค์ร้ายก็ได้ครับ

ถึงหมอจะวิเศษแค่ไหน แต่ถ้าถึงกาลแล้วล่ะก็ อย่างไรเสียก็ต้องตายอยู่ดีล่ะครับ ไม่มีใครหนีพ้นความตายไปได้หรอก

อาการไข้แบบนี้ ก็ไม่ใช่จะเพิ่งจะปรากฏรอบแรก แต่มันก็มีมาให้เห็นตั้งหลายร้อยปีผ่านมาแล้ว คนอื่นเขาก็เป็นกันมาก่อน เพราะฉะนั้นวิธีการรักษามันก็มีหลากหลาย

ในเมื่อญาติคนไข้บางส่วน เลือกที่จะรักษาแบบนี้ ก็ถือว่าช่วยไม่ได้ล่ะครับ เป็นกรรมของคนไข้กันเองล่ะหนอ


กระทู้: แวบวาบความคิดยามวิกฤตบ้านเมือง
เริ่มกระทู้โดย: SILA ที่ 25 ก.พ. 14, 10:47
                 พระไตรปิฎก เล่มที่ ๒๖  พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ ๑๘
                        ขุททกนิกาย วิมาน-เปตวัตถุ เถร-เถรีคาถา
                                    เถรีคาถา ฉักกนิบาต
                              ว่าด้วยคาถาสุภาษิต ในฉักกนิบาต
                                 ๑. ปัญจสตาปฏาจาราเถรีคาถา
                                     สุภาษิตระงับโศก

พระปฏาจาราเถรีแสดงธรรมด้วยคาถา ความว่า


[๔๕๑]                      ท่านไม่รู้ทางของผู้ใดซึ่งมาแล้วหรือไปแล้ว แต่ท่านก็ยังร้องไห้ถึงคนนั้น
                          ซึ่งมาแล้วจากไหนว่า บุตรของเราๆ ถึงท่านจะรู้จักทางของเขาผู้มาแล้ว
                          หรือไปแล้วก็ไม่ควรเศร้าโศกถึงเขาเลย เพราะสัตว์ทั้งหลายมีอย่างนี้เป็น
                          ธรรมดา เมื่อเขามาจากปรโลก ใครๆ ไม่ได้อ้อนวอนเลย เขาก็มาแล้ว
                          เมื่อเขาจะไปจากมนุษยโลก ใครๆ ก็ไม่ได้อนุญาตให้ไป เขามาจากไหน
                          ก็ไม่รู้ พักอยู่ที่นี้ ๒-๓ วันแล้วไปก็ดี มาจากที่นี้สู่ที่อื่น ไปจากที่นั้นสู่
                          ที่อื่นก็ดี เขาละไปแล้วจักท่องเที่ยวไปโดยรูปมนุษย์ มาอย่างไรก็ไป
                          อย่างนั้น การร่ำไห้ในการไปของสัตว์นั้นจะเป็นประโยชน์อะไร.

พระภิกษุณี ๕๐๐ รูปกล่าวว่า

                                 ท่านได้ช่วยถอนขึ้นซึ่งลูกศร ที่บุคคลเห็นได้ยาก อันเสียบแทงอยู่ใน
                          หทัยของเราแล้ว เมื่อเราถูกความโศกถึงบุตรครอบงำ ท่านได้บรรเทาเสีย
                          แล้ววันนี้ เรามีลูกศร อันถอนขึ้นแล้ว หมดความหิว ดับรอบแล้ว
                          เขาขอถึงพระพุทธเจ้าผู้เป็นนักปราชญ์ กับทั้งพระธรรมและภิกษุสงฆ์
                          ว่าเป็นสรณะ.


กระทู้: แวบวาบความคิดยามวิกฤตบ้านเมือง
เริ่มกระทู้โดย: SILA ที่ 25 ก.พ. 14, 10:49
อ่านประวัติ พระปฏาจาราเถรี เอตทัคคมหาเถรีเลิศทางผู้ทรงวินัย

     ผู้สูญเสีย    "บุตร ๒ คน ตายเสียแล้ว สามีของเราก็ตายเสียที่ทางเปลี่ยว
                       มารดาบิดาและพี่ชายก็ถูกเผาบนเชิงตะกอนเดียวกัน"     

       http://www.dharma-gateway.com/bhikunee/pra-pata-jara.htm


กระทู้: แวบวาบความคิดยามวิกฤตบ้านเมือง
เริ่มกระทู้โดย: samun007 ที่ 25 ก.พ. 14, 17:11
                พระไตรปิฎก เล่มที่ ๒๖  พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ ๑๘
                        ขุททกนิกาย วิมาน-เปตวัตถุ เถร-เถรีคาถา
                                    เถรีคาถา ฉักกนิบาต
                              ว่าด้วยคาถาสุภาษิต ในฉักกนิบาต
                                 ๑. ปัญจสตาปฏาจาราเถรีคาถา
                                     สุภาษิตระงับโศก

พระปฏาจาราเถรีแสดงธรรมด้วยคาถา ความว่า


[๔๕๑]                      ท่านไม่รู้ทางของผู้ใดซึ่งมาแล้วหรือไปแล้ว แต่ท่านก็ยังร้องไห้ถึงคนนั้น
                          ซึ่งมาแล้วจากไหนว่า บุตรของเราๆ ถึงท่านจะรู้จักทางของเขาผู้มาแล้ว
                          หรือไปแล้วก็ไม่ควรเศร้าโศกถึงเขาเลย เพราะสัตว์ทั้งหลายมีอย่างนี้เป็น
                          ธรรมดา เมื่อเขามาจากปรโลก ใครๆ ไม่ได้อ้อนวอนเลย เขาก็มาแล้ว
                          เมื่อเขาจะไปจากมนุษยโลก ใครๆ ก็ไม่ได้อนุญาตให้ไป เขามาจากไหน
                          ก็ไม่รู้ พักอยู่ที่นี้ ๒-๓ วันแล้วไปก็ดี มาจากที่นี้สู่ที่อื่น ไปจากที่นั้นสู่
                          ที่อื่นก็ดี เขาละไปแล้วจักท่องเที่ยวไปโดยรูปมนุษย์ มาอย่างไรก็ไป
                          อย่างนั้น การร่ำไห้ในการไปของสัตว์นั้นจะเป็นประโยชน์อะไร.

พระภิกษุณี ๕๐๐ รูปกล่าวว่า

                                 ท่านได้ช่วยถอนขึ้นซึ่งลูกศร ที่บุคคลเห็นได้ยาก อันเสียบแทงอยู่ใน
                          หทัยของเราแล้ว เมื่อเราถูกความโศกถึงบุตรครอบงำ ท่านได้บรรเทาเสีย
                          แล้ววันนี้ เรามีลูกศร อันถอนขึ้นแล้ว หมดความหิว ดับรอบแล้ว
                          เขาขอถึงพระพุทธเจ้าผู้เป็นนักปราชญ์ กับทั้งพระธรรมและภิกษุสงฆ์
                          ว่าเป็นสรณะ.

ขอเสริมด้วย อรรถกา ที่เกี่ยวข้องกันครับ

                                              
อรรถกถา อังคุตตรนิกาย เอกนิบาต เอตทัคคบาลี วรรคที่ ๕


                                                 อรรถกถาสูตรที่ ๔     ประวัติพระปฏาจาราเถรี  

                      
                                                         น สนฺติ ปุตฺตา ตาณาย       น ปิตา นปิ พนฺธวา
                                                         อนฺตเกนาธิปนฺนสฺส           นตฺถิ ญาตีสุ ตาณตา.
                
                                                       ไม่มีบุตรจะช่วยได้ บิดาก็ไม่ได้ พวกพ้องก็ไม่ได้
                                                       เมื่อบุคคลถูกความตายครอบงำแล้ว หมู่ญาติก็ช่วย
                                                      ไม่ได้เลย.
                    
                        
                                                          เอตมตฺถวสํ ญตฺวา       ปณฺฑิโต สีลสํวุโต
                                                         นิพฺพานคมนํ มคฺคํ           ขิปฺปเมว วิโสธเย.
                    
                                                       บัณฑิตรู้ความจริงข้อนี้แล้ว สำรวมในศีล
                                                       พึงรีบเร่งชำระทางไปพระนิพพานทีเดียว.


                                               http://www.84000.org/tipitaka/attha/attha.php?b=20&i=150&p=4


 ซึ่งก็ตรงกับพระราชดำรัส ที่ทรงตรัสแก่อดีตยสกุลบุตร คราวที่รำพึงว่า

                                          
                              ยสกุลบุตร : เปล่งอุทานในที่ไม่ไกลพระผู้มีพระภาคว่า  ท่านผู้เจริญ  ที่นี่วุ่นวายหนอ ที่นี่ขัดข้องหนอ.

                              พระพุทธองค์ : ดูกรยส ที่นี่ไม่วุ่นวาย ที่นี่ไม่ขัดข้อง  มาเถิดยส  นั่งลง  เราจักแสดงธรรมแก่เธอ.

                   จากนั้นพระองค์ทรงแสดงธรรมต่อจาก อนุปุพพิกถา ว่า : "...สิ่งใดสิ่งหนึ่งมีความเกิดขึ้นเป็นธรรมดา สิ่งนั้นทั้งมวลมีความดับเป็นธรรมดา...."

http://www.84000.org/tipitaka/attha/v.php?B=4&A=576&Z=666            


กระทู้: แวบวาบความคิดยามวิกฤตบ้านเมือง
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 27 ก.พ. 14, 09:09
ความตาย (http://www.thummada.com/cgi-bin/iB315/ikonboard.pl?act=ST;f=12;t=1023;st=210;hl=เพลงความตาย;#entry28655)

http://www.youtube.com/watch?v=4MfDeKXBP8E

ชีวิตคนนั้นมีมาก แต่เป็นคนยากหนักหนา
ตายเพื่อประชา หนักกว่าภูผา ชีวาสูงค่า
มวลประชา เทิดไว้ความดี

แต่บางคน ใจอำมหิต กดขี่คน ขูดรีดประชา
ตายอย่างขนนก เบากว่าแรงใด ชีวาไร้ค่า
ปวงประชา จะเอาขึ้นศาลลงทัณฑ์


(http://ptcdn.info/emoticons/toy_h/08.png)


กระทู้: แวบวาบความคิดยามวิกฤตบ้านเมือง
เริ่มกระทู้โดย: samun007 ที่ 27 ก.พ. 14, 13:43
                                                                           


                                                                                 จิตเต สังกิลิฏเฐ ทุคติ ปาฏิกังขา


กระทู้: แวบวาบความคิดยามวิกฤตบ้านเมือง
เริ่มกระทู้โดย: kulapha ที่ 27 ก.พ. 14, 20:57
ประมวลข่าวเรื่อง รับจำนำข้าวแล้ว นึกถึงเพลงชาวนา เพลงนี้จัง

"และแล้วก็ถึงวันนั้น"  ของ วงกงล้อ

ชีวิตชาวนาแสนยาก ลำบากตรากตรำสู้งาน ชีวิตร้าวรานเรื่อยมา
ถูกยัดเยียดความจนเป็นตราบาป ถูกสาปไว้กลับความโง่เขลา
ถูกเหยียดเอา หยามเอา โกงเอา
(ซ้ำ *)

** และแล้วจะถึงวันนั้น มันเป็นวันแห่งชาวนา
ลุกขึ้นมาทวงสิทธิ์กลับคืน ยัดยืนสู้ความอยุติธรรม
(ซ้ำ **)  

เป็นเพลงชาวนาเพื่อชีวิตยุคหลังๆหน่อย
ไม่เก๋าเหมือน เปิปข้าว หรือ จดหมายจากชาวนา ของ คาราวาน

ฟังต้นสำเนียงเพลงได้ที่นี่ค่ะ

http://www.oknation.net/blog/print.php?id=38253 (http://www.oknation.net/blog/print.php?id=38253)


กระทู้: แวบวาบความคิดยามวิกฤตบ้านเมือง
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 28 ก.พ. 14, 14:48
ประมวลข่าวเรื่อง รับจำนำข้าวแล้ว นึกถึงเพลงชาวนา เพลงนี้จัง

ชาวนารำพึง

http://www.youtube.com/watch?v=pBQr6YawliU

ตัวฉันทำนาปลูกข้าวเลี้ยงเขา   แต่ตัวฉันเล่าข้าวจะกินยังไม่มี
เมื่อไหร่หนาสังคมจะปรานี      โอ้ชีวิตฉันนี่ไม่มีความเป็นธรรม


(http://ptcdn.info/emoticons/toy_h/07.png)


กระทู้: แวบวาบความคิดยามวิกฤตบ้านเมือง
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 02 มี.ค. 14, 12:20
ข้าวคอยฝน (http://www.thummada.com/cgi-bin/iB315/ikonboard.pl?s=425f1cf4714fffff;act=ST;f=12;t=1023;st=216)

http://www.youtube.com/watch?v=oMFBbVVlueg

อยู่อย่างข้าวคอยฝน      กี่คนกี่คนแห้งตาย
กี่คนกี่คนสบาย           ขี่ควายไม่เหมือนขี่คน


(http://ptcdn.info/emoticons/toy_h/11.png)


กระทู้: แวบวาบความคิดยามวิกฤตบ้านเมือง
เริ่มกระทู้โดย: visitna ที่ 02 มี.ค. 14, 19:56
รู้ข่าววงในกันหรือไม่

เมื่อไม่นานมานี่ทักษิณไปหาหมอไสย

โดนทำนายว่าไม่มีทางหลบหนี กรรม มืดดำ ได้ตลอดชาตินี้

คุณหมอธีรวัฒน์ท่านมาเล่าไว้.................



กระทู้: แวบวาบความคิดยามวิกฤตบ้านเมือง
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 03 มี.ค. 14, 13:44
๕ ๕ ๕ ๕ ๕


กระทู้: แวบวาบความคิดยามวิกฤตบ้านเมือง
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 05 มี.ค. 14, 19:16
http://www.youtube.com/watch?v=gejS-R6t3gY

แผ่นดินไทย

http://www.youtube.com/watch?v=HL-Lhp11vP8

สุขสราญชีวี              ชาติเรามีเสรีมานาน
แต่มีแดงใจพาล           คิดรุกรานแผ่นดินแดนไทย
อย่าให้มันราวี            อย่าให้มีปวงภัย
อธิปไตยของเราไทย     ใครอย่ารุกราน


(http://ptcdn.info/emoticons/smiley/อมยิ้ม16.png)


กระทู้: แวบวาบความคิดยามวิกฤตบ้านเมือง
เริ่มกระทู้โดย: samun007 ที่ 06 มี.ค. 14, 15:58
รู้ข่าววงในกันหรือไม่

เมื่อไม่นานมานี่ทักษิณไปหาหมอไสย

โดนทำนายว่าไม่มีทางหลบหนี กรรม มืดดำ ได้ตลอดชาตินี้

คุณหมอธีรวัฒน์ท่านมาเล่าไว้.................




รู้สึกว่า  ซาน ซาร์นี โบ  หมอดูพม่าที่อดีตนายกไปหา เขาไม่ได้ทำนายไว้อย่างนั้นนะครับ ในกรุงเทพธุรกิจก็มีลงไว้

คัดมาแต่เฉพาะส่วนที่เกี่ยวข้องกัน

"............. แต่เขาบอกเป็นนัยเกี่ยวกับอดีตนายกฯว่า “Nobody will live in exile forever.” แปลว่า ไม่มีใครที่จะสามารถลี้ภัยได้ตลอดชีวิต........."


http://www.bangkokbiznews.com/home/detail/politics/politics/20140301/566064/%E0%B8%AB%E0%B8%A1%E0%B8%AD%E0%B8%94%E0%B8%B9%E0%B8%9E%E0%B8%A1%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%9F%E0%B8%B1%E0%B8%99%E0%B8%98%E0%B8%87%E0%B9%84%E0%B8%A1%E0%B9%88%E0%B8%A1%E0%B8%B5%E0%B8%A3%E0%B8%B1%E0%B8%90%E0%B8%9B%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%AB%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%8A%E0%B8%B1%E0%B8%A7%E0%B8%A3%E0%B9%8C!.html


กระทู้: แวบวาบความคิดยามวิกฤตบ้านเมือง
เริ่มกระทู้โดย: samun007 ที่ 06 มี.ค. 14, 16:10
ส่วนเรื่องหนีกรรม ผมว่าเราชาวพุทธไม่ควรใช้คำนี้นะ เพราะกรรมมันเข้ามาสนองตลอดเวลาอยู่แล้ว ไม่ว่าจะกรรมดี หรือ กรรมไม่ดี ที่เห็นมาก็ยังไม่เคยมีใครหนีกรรมได้สักที ในกรณีที่วาระกรรมส่งผลแล้วนะ ถ้าวาระกรรมยังไม่ส่งผลก็ว่ากันอีกเรื่องหนึ่ง

ส่วนใหญ่เรามักจะคิดว่าการหนีกรรมคือหนีแต่กรรมไม่ดี โดยที่ลืมไปว่ากรรมดีที่มาสนองในวาระนั้น ๆ เราก็รับผลกรรมนั้นอยู่ โดยเต็มใจและไม่คิดหนี  (ฮา)  ;D ;D

ดังนั้นไม่ว่าใครจะทำอะไร ดีหรือไม่ดีมากน้อยแค่ไหน ก็ไม่มีทางหนีกรรมที่ตัวเองทำพ้นหรอกครับ จะส่งผลช้าหรือเร็วก็ว่ากันไปอีกเรื่องหนึ่ง

พระพุทธองค์จึงทรงตรัสสอนไว้ว่า

สพฺพปาปสฺส อกรณํ            ให้เว้นจากการกระทำความชั่ว คือบาปทั้งปวง
กุสลสฺสูปสมฺปทา               ให้ทำความดีให้ถึงพร้อม
สจิตฺตปริโยทปนํ                ให้ทุกคนชำระจิตใจของตนให้ผ่องใสจากกิเลส

เพราะแม้แต่กรรมเพียงเล็กน้อย ก็ส่งผลได้ ดังเช่นกรณีก่อนที่พระพุทธองค์จะทรงเสด็จดับขันธ์ปรินิพพาน ทรงกระหายน้ำมาก ตรัสสั่งพระอานนท์ไปตักน้ำมา แต่พระอานนท์กราบทูลว่าน้ำขุ่นเพราะเกวียนเพิ่งผ่านไป  พระพุทธองค์ทรงตรัสให้พระอานนท์กลับไปตักน้ำมาใหม่  คราวนี้กลับไปตักใหม่ในเวลาไม่นานนัก น้ำใสปิ๊งเลย ซึ่งไม่น่าเป็นไปได้

มูลเหตุก็เพราะกรรมในอดีต ในสมัยที่พระพุทธองค์ทรงเสวยพระชาติเป็นเด็กเลี้ยงกระบือ ทรงหวังดีว่า เห็นกระบือเหล่านั้นเหนื่อยมาทั้งวัน ก็อยากจะให้กินน้ำใส ๆ จึงจูงกระบือเหล่านั้นไปกินน้ำที่ใสแทนบ่อน้ำที่ขุ่น ที่กระบือกำลังจะกินอยู่

ด้วยผลกรรมเจตนาดีเพียงเท่านี้ แม้จะเป็นเจตนาที่ดี กรรมนั้นก็มาส่งผลให้ก่อนจะทรงเสด็จดับขันธ์ปรินิพพาน จึงต้องมาทรงกระหายน้ำเช่นนี้แล



กระทู้: แวบวาบความคิดยามวิกฤตบ้านเมือง
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 06 มี.ค. 14, 18:47
ดิฉันเข้าตามลิ้งค์ของคุณ samun007 ไม่ได้ เลยไปหาในกูเกิ้ลมาให้แทนค่ะ
http://www.komchadluek.net/mobile/detail/20140301/179966.html
หมอดูพม่าฟันธงไม่มีรัฐประหารชัวร์! : อรรวี แตงมีแสง ย่างกุ้ง พม่ารายงาน

         จุดเริ่มต้นของการไปสัมภาษณ์หมอดูชาวพม่า ซาน ซาร์นี? โบ เกิดจากความสงสัยส่วนตัวเรื่องที่ว่าทำไมตัวเองถึงหลงรักประเทศพม่านัก ไปกี่ครั้งก็รู้สึกสบายใจ อยากอยู่ต่อ จึงเขียนในสเตตัสถามเพื่อนๆ ที่พม่าในเฟซบุ๊กว่าหมอดูนอกจากอีทีแล้ว มีคนไหนที่ดังอีกในพม่า ทุกคนลงความเห็นว่าเป็นหมอดู ซาน ซาร์นี โบ
   
         ประจวบกับความบังเอิญที่เขาตกเป็นข่าวว่า คุณหญิงพจมาน ณ ป้อมเพชร เดินทางไปดูดวงอดีตนายกฯทักษิณ ชินวัตร กับหมอดูท่านนี้ หนึ่งอาทิตย์ก่อนที่ดิฉันจะเดินทางไปทำงานและพักร้อนที่ประเทศพม่า ด้วยความเป็นนักข่าวที่มีความอยากรู้อยากเห็นเป็นทุนเดิม ดิฉันจึงหาข้อมูลในอินเทอร์เน็ต และให้เพื่อนโทรไปจองให้ เพราะไม่แน่ใจว่าเขาพูดภาษาอังกฤษหรือไม่
   
         ไปครั้งแรก เขานัดหกโมงเช้า ก็เจอเขา โดยไปพูดเปิดอกว่า เป็นนักข่าว อยากจะขอสัมภาษณ์เรื่องประเด็นที่เป็นข่าว และอยากรู้อนาคตของประเทศไทย การพบกันครั้งแรกไม่ดีนัก เขาค่อนข้างไม่พอใจ และพูดว่า “Don’t underestimate Burmese people.” คืออย่าไปคิดว่าเขาจะบอกเรื่องนั้นเพื่อให้ตัวเองดัง ดิฉันจึงขอโทษขอโพยเป็นการใหญ่ เพราะก็ไม่ได้ตั้งใจจะไปดูถูกเขา ดิฉันก็รักพม่าพอๆ กับรักประเทศไทย
   
         การพบเจอครั้งแรกไม่เป็นผล ดิฉันจึงขอนัดดูดวงส่วนตัวของดิฉันเองในครั้งที่สอง การดูดวงของคุณซาน ซาร์นี โบ จะดูลายมือและวันเกิดเป็นหลัก เขามีทีท่าเป็นมิตรขึ้นมาก พอเขาได้ดูลายมือของฉันเขามีทีท่าเปิดใจยอมรับดิฉันมากขึ้น ทำให้การพบเจอครั้งที่สองเป็นไปได้ด้วยดี
   
         ดิฉันจึงติดต่อเพื่อนัดสัมภาษณ์อีกครั้ง เขาตกลงอย่างโดยดี เราใช้เวลาคุยกันเกือบชั่วโมง โดยเขาเล่าประสบการณ์ชีวิตกว่า 30 ปี ในการเป็นหมอดูให้ฟังอย่างสนุกสนานและตอบคำถามที่ดิฉันอยากทราบ
   
         แต่แรก เขาไม่ได้ตั้งใจจะเป็นหมอดู เขาอยากจะเป็นวิศวกร เขาเคยเป็นนักศึกษาวิศวะมาก่อน และในขณะนั้นเขายังเป็นนักเคลื่อนไหวทางการเมืองอีกด้วย ซาน ซาร์นี โบ เข้าร่วมเคลื่อนไหวทางการเมืองจนถูกจับกุมเข้าคุกถึง 3 ครั้งด้วยกัน จนทำให้สูญเสียตาข้างหนึ่งระหว่างการถูกคุมขัง
   
         ระหว่างที่ออกมาจากคุก มีหมอดูพม่าที่ถือว่าเป็นอีทีในยุคนั้น คือการใช้พลังภายในดู มาทักว่าเขาจะไม่ได้เป็นวิศวกร แต่จะเป็นหมอดูแทน ซึ่งตอนแรกเขาก็ไม่เชื่อ
   
         จนวันหนึ่ง ตอนที่เขาอายุประมาณ 22 ปี แฟนของเขาที่กลายมาเป็นภรรยาถึงทุกวันนี้ ได้ชวนเขาไปดูลายมือกับหมอดู และหมอดูคนนั้นก็ทักเขาอีกว่า เขาจะได้เป็นหมอดู หมอดูท่านนั้นจึงเชิญชวนเขาให้ลองมาศึกษาศาสตร์ในการดูดวง ทั้งเขาและแฟนจึงตัดสินใจศึกษาศาสตร์การดูดวงจากลายมือ เขาศึกษาเรื่องศาสตร์การดูดวงถึง 3 ศาสตร์หลัก ทั้งการคำนวณ การอ่านดวง และวิธีการสะเดาะเคราะห์ จากอาจารย์หลายท่าน
   
         ซาน ซาร์นี โบ เริ่มต้นธุรกิจการเป็นหมอดูอย่างจริงจัง เมื่อประมาณปี 2526 และขณะนั้นก็ยังเข้าร่วมเป็นสมาชิกพรรคสันนิบาตแห่งชาติเพื่อประชาธิปไตย ที่นำโดยนางออง ซาน ซูจี
   
         ชื่อเสียงของเขาในพม่าจะเป็นที่ทราบกันดีว่า เขาเป็นคนเปิดเผย ตรงไปตรงมา ไม่แบ่งชนชั้น จะดูดวงให้ทุกคน ไม่ว่าคนพม่า คนไทย หรือชาวต่างชาติ ที่ไม่แสดงอำนาจบาตรใหญ่
   
         การจะไปดูดวงกับเขาคือ ต้องผ่านการจองทางโทรศัพท์ล่วงหน้า และเดินทางไปดูที่บ้านเขา ทุกวันนี้เขารับดูดวงที่บ้านประมาณ 30 คนต่อวัน และอีกประมาณ 20 คน เป็นการดูตั้งชื่อ วันเกิด ดูฤกษ์ ดูยามต่างๆ เพื่อความเป็นสิริมงคล
   
         นอกจากการดูรายบุคคลแล้ว เขายังเขียนคำทำนายลงหนังสือพิมพ์และแม็กกาซีนหลายฉบับในพม่า รวมทั้งดูดวงผ่านวิทยุรายวันเพื่อประชาชนทั่วไปอีกด้วย
   
         "ค่าครู" ในการดูดวงของเขาสำหรับชาวต่างชาติอยู่ที่ 50 ดอลลาร์ หรือ ประมาณ 1,600 บาท หลังจากการดูดวงเขาจะให้ซีดีคำทำนายรายบุคคล สมุดโน้ตในการจดระหว่างดูดวง และใบลายมือของบุคคลนั้น   
   
         เราเองมีโอกาสพูดคุยกับหมอดูซาน ซาร์นี โบ เพื่อถามถึงเรื่องข่าวลือเรื่องคุณหญิงพจมานมาดูดวงกับเขา เขาบอกว่า ไม่สามารถเปิดเผยได้ เพราะว่าต้องรักษาจรรยาบรรณของการเป็นหมอดู แต่เขาบอกเป็นนัยเกี่ยวกับอดีตนายกฯทักษิณว่า “Nobody will live in exile forever.” แปลว่า ไม่มีใครที่จะสามารถลี้ภัยได้ตลอดชีวิต
   
         สำหรับอนาคตของประเทศไทย หมอดูซาน ซาร์นี โบ บอกว่า สถานการณ์ทางการเมืองของไทยจะพบทางออกภายในเดือนมีนาคม
   
         ซึ่งผลการทำนายเรื่องอนาคตการเมืองไทย ซาน ซาร์นี โบ บอกว่า
   
         1.ระหว่างวันที่ 27 กุมภาพันธ์ ถึง 3 มีนาคม ผู้นำ กปปส. หรือฝั่งรัฐบาล จะมีการแถลงการณ์ จะมีการตกลงกันระหว่างสองฝ่าย
   
         2.ไม่มีการรัฐประหารอย่างแน่นอน
   
         3.ทั้งสองฝ่ายจะมีการเจรจาหารือระหว่างวันที่ 3-12 มีนาคม และวันที่ 12 มีนาคม ทั้งสองฝ่ายจะมีการตกลงกันได้ ภายในวันที่ 27 มีนาคม ทุกอย่างจะกลับมาเป็นปกติ
   
         แต่กว่าจะถึงวันนั้น จะมีความวุ่นวายเกิดขึ้น จนถึงวันที่ 3 มีนาคม
   
         หลังจากวันที่ 3 ทุกอย่างจะดีขึ้น ระหว่างวันที่ 12-27 มีนาคม การเจรจาหารือ จะเป็นไปในทางที่ดี

         ทุกอย่างจะกลับมาสงบสุข และคาดว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดี
   
         ทั้งหมดนี้เป็นเพียงคำทำนายเท่านั้น ซึ่งควรจะใช้วิจารณญาณในการรับสาร แต่ดิฉันก็เชื่อว่าขณะนี้คนไทยทุกคนอยากจะเห็นประเทศไทยกลับมาสงบสุขอีกครั้ง ไม่ว่าจะทางใดก็ทางหนึ่ง


กระทู้: แวบวาบความคิดยามวิกฤตบ้านเมือง
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 06 มี.ค. 14, 18:50
อ้างถึง
“Nobody will live in exile forever.” แปลว่า ไม่มีใครที่จะสามารถลี้ภัยได้ตลอดชีวิต
หมอดูคนนี้ฉลาด  เพราะประโยคนี้สามารถตีความได้ครอบจักรวาลทั้งทางบวกและลบ   ไม่ว่าข้อเท็จจริงจะออกมายังไง ตอบแบบนี้ก็ไม่ผิดอยู่แล้ว

1.ระหว่างวันที่ 27 กุมภาพันธ์ ถึง 3 มีนาคม ผู้นำ กปปส. หรือฝั่งรัฐบาล จะมีการแถลงการณ์ จะมีการตกลงกันระหว่างสองฝ่าย
วันนี้วันที่ 6 แล้ว ยังตกลงกันไม่ได้เลย


กระทู้: แวบวาบความคิดยามวิกฤตบ้านเมือง
เริ่มกระทู้โดย: Neepata ที่ 06 มี.ค. 14, 23:04
เห็นด้วยกับอาจารย์เทาชมพูค่ะ ตอนนี้ไม่ว่าคำทำนายออกมาอย่างไง ก็ไม่ค่อยตรงเหตุการณ์เปลี่ยนไปทุกวัน แต่หนูเชื่อในกฎแห่งกรรม ตอนนี้ได้แต่เอาใจช่วยคนที่เดือดร้อนทุกฝ่ายนะคะไม่แบ่งฝ่ายไม่แบ่งสีเพราะก็คนไทยเหมือนกัน แต่คนที่คิดจะทำลายประเทศไม่นับรวม(ไม่รู้ว่าใครบ้าง :-X) ขอให้ประชาชนคนไทยทุกคนรักกันสักที ออกจะโลกสวยไปหน่อยแต่ก็ยังหวังอยู่น้าา


กระทู้: แวบวาบความคิดยามวิกฤตบ้านเมือง
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 14 มี.ค. 14, 14:49
ปูนาขาเก

http://www.youtube.com/watch?v=JqczCN8LtdI

โบราณท่านเคยสั่งสอน        เป็นอุทาหรณ์สอนใจ
ตัวเองยังไม่เท่าไร             อย่าเที่ยวไปติติงใครเขา
เหมือนแม่ปูพร่ำสอนลูกปู     เดินอย่าเซเฉไปไม่เอา
แม่เธออับอายใครเขา         ว่าไม่สั่งสอนเราให้ดี

แม่ปูจึงเดินให้ดู                ลูกปูดูไม่เข้าใจ
เดินเท่าไรเท่าไร               ก็ไม่ตรงสักทีอยู่ดี
แม่ปูพร่ำสอนลูกปู             เดินให้ดูตัวอย่างแม่นี้
ลูกปูก็งงอยู่ดี                  กี่ทีกี่ทีก็ขาเกเซมารู


(http://ptcdn.info/emoticons/smiley/อมยิ้ม16.png)


กระทู้: แวบวาบความคิดยามวิกฤตบ้านเมือง
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 30 มี.ค. 14, 11:33
โคลงสรรเสริญเกียรติกรุงเทพมหานครยุคไทยพัฒนา  (http://www.reurnthai.com/index.php?topic=5587.0)

ฟ้ามืดเมื่อมีได้                               ก็ฟ้าใหม่ย่อมคงมี
แสงทองเหนือธรณี                           จะท้าทายอย่างทระนง  


ฟ้าใหม่

http://www.youtube.com/watch?v=opMrKDF_Cnw

โน่นขอบฟ้าเรืองรอง ทาบทองอำไพ
ใสสดงามตา คือฟ้าใหม่ใกล้มา นำมวลทาสเป็นไท

อาบด้วยแสงเสรี ภราดรธรรม
ฟุ้งเฟื่องประจำ งามล้ำกว่าก่อนไกล ชีพสดใสเริงรื่น

เร็วลุกขึ้นเถิด เร็วลุกขึ้นเถิด ทุกชั้นชนไทย
ชนผู้รักชาติ รักความเป็นไท จงสามัคคี

เร็วลุกขึ้นเถิด เร็วลุกขึ้นเถิด ทุกชั้นชนไทย
พร้อมใจกันก้าวตรงไปสู่ไทยเสรี


(http://ptcdn.info/emoticons/smiley/อมยิ้ม04.png)


กระทู้: แวบวาบความคิดยามวิกฤตบ้านเมือง
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 09 เม.ย. 14, 11:41
Imagine

http://www.youtube.com/watch?v=PO5NCxTxoL4

Imagine there's no countries
It isn't hard to do
Nothing to kill or die for
And no religion too

ลบเส้นแบ่งแห่งรัฐชาติลองวาดฝัน
เพียงเท่านั้นเรื่องร้ายร้ายก็คลายคลี่
ไม่ต้องฆ่าไม่ต้องรีบเอาชีพพลี
และไม่มีเส้นทางต่างศรัทธา

No need for greed or hunger
A brotherhood of man
Imagine all the people
Sharing all the world

จะสิ้นทุกข์ทรมานการกดขี่
เมื่อโลกนี้พี่น้องกันชนทั้งผอง
ลองวาดฝันวันใหม่ได้ปรองดอง
ร่วมแบ่งปันครรลองโลกของเรา


คำแปลโดย จิระนันท์ พิตรปรีชา (http://guru.google.co.th/guru/thread?tid=209934c2658de6be)

(http://ptcdn.info/emoticons/smiley/smiley01.png)


กระทู้: แวบวาบความคิดยามวิกฤตบ้านเมือง
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 23 เม.ย. 14, 18:05
กำลังใจ (http://board.postjung.com/761865.html)

http://www.youtube.com/watch?v=Rzse1dfQVXQ

กำลังใจจากใครหนอ              ขอเป็นทานให้ฝันให้ใฝ่
ให้ชีวิตได้มีแรงใจ                 ให้ดวงใจลุกโชนความหวัง

กำลังใจจากใครหนอ             ขอเป็นทานให้ฉันได้ไหม
ดั่งหยาดฝนบนฟากฟ้าไกล      ที่หยาดรินสู่พื้นดินแห้งผาก


(http://ptcdn.info/emoticons/smiley/smiley09.png)


กระทู้: แวบวาบความคิดยามวิกฤตบ้านเมือง
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 02 พ.ค. 14, 11:36
โรงเรียนของหนู (http://www.dailynews.co.th/Content/regional/234490/%E0%B8%99%E0%B8%9B%E0%B8%8A.%E0%B8%AA%E0%B8%81%E0%B8%A5%E0%B8%AF%E0%B8%AE%E0%B8%B7%E0%B8%AD%E0%B9%84%E0%B8%A5%E0%B9%88%E0%B8%95%E0%B8%B0%E0%B9%80%E0%B8%9E%E0%B8%B4%E0%B8%94%E0%B9%84%E0%B8%A1%E0%B9%88%E0%B9%83%E0%B8%AB%E0%B9%89+_%E0%B8%9B%E0%B8%B9-%E0%B8%9E%E0%B8%87%E0%B8%A9%E0%B9%8C%E0%B8%AA%E0%B8%B4%E0%B8%97%E0%B8%98%E0%B8%B4%E0%B9%8C_%E0%B9%80%E0%B8%9B%E0%B8%B4%E0%B8%94%E0%B8%84%E0%B8%AD%E0%B8%99%E0%B9%80%E0%B8%AA%E0%B8%B4%E0%B8%A3%E0%B9%8C%E0%B8%95)

http://www.youtube.com/watch?v=KdIsDy-cgPI

ใช่จะวอนให้เห็นใจ  ความสำนึกต่อเพื่อนไทย  ไทยกับไทยไยแตกต่างกัน

(http://ptcdn.info/emoticons/smiley/smiley20.png)


กระทู้: แวบวาบความคิดยามวิกฤตบ้านเมือง
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 15 พ.ค. 14, 12:15
ตะวันชิงพลบ

http://www.youtube.com/watch?v=8HKoNgAouyE

รักโลภโกรธหลงมั่นคงในใจ
ปิดบังดวงตามืดมัวหม่น

แก่งแย่งแข่งขันห้ำหั่นเชือดเฉือน
ไม่มีเพื่อนมีมิตรจริงใจ


(http://ptcdn.info/emoticons/smiley/smiley14.png)


กระทู้: แวบวาบความคิดยามวิกฤตบ้านเมือง
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 23 พ.ค. 14, 08:50
ตะวันชิงพลบ (ภาคอวสาน)

http://www.youtube.com/watch?v=8HKoNgAouyE#ws (http://www.youtube.com/watch?v=8HKoNgAouyE#ws)

ชีวิตไม่พ้นขึ้นลงก็แค่นั้น
อยากจะขึ้นอย่างนั้นให้นานนาน

ตะวันชิงพลบชิงตกจากฟ้า
ลาจากหายไป.......


(http://ptcdn.info/emoticons/smiley/smiley15.png)


กระทู้: แวบวาบความคิดยามวิกฤตบ้านเมือง
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 23 พ.ค. 14, 09:32
คนดีไม่มีวันตาย/น้ำมนต์ ธีรนัยน์ (http://www.youtube.com/watch?v=uXhm6kY67cM#)


กระทู้: แวบวาบความคิดยามวิกฤตบ้านเมือง
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 23 พ.ค. 14, 10:03
^

คนดีไม่มีวันตาย

แม้นไม่มีใครรู้แต่เรารู้                    รู้ว่าเรานั้นทำเพื่อใคร
ไม่ว่าวันพรุ่งนี้มันจะเป็นเช่นไร          ก็จะไม่เสียใจกับสิ่งที่เราได้ทำ
ฟ้าและดินไม่เห็นไม่เป็นไร             ไม่ได้หวังให้ใครจดจำ
แม้ยากเย็นแค่ไหนไม่เคยบ่นสักคำ    ไม่มีใครจดจำแต่เราก็ยังภูมิใจ

จะปิดทองหลังองค์พระปฏิมา          จะยอมรับโชคชะตาไม่ว่าดีร้าย
ไม่มีใครอยู่ค้ำฟ้าถึงเวลาก็ต้องไป     เหลือไว้แต่คุณงามความดี
ขอเทิดทูนศักดิ์ศรียิ่งสิ่งใด             แม้แต่ลมหายใจก็ยอมพลี
โลกยังไม่สิ้นหวังถ้ายังมั่นในความดี   ศรัทธาไม่เคยหน่ายหนี....คนดีไม่มีวันตาย


(http://ptcdn.info/emoticons/smiley/อมยิ้ม04.png)


กระทู้: แวบวาบความคิดยามวิกฤตบ้านเมือง
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 03 มิ.ย. 14, 11:48
นึกถึงเพลงของคุณศิลา

       
อ้างถึง
Liberté, Égalité, Fraternité
     
         ภาษาฝรั่งเศสสามคำ ทำให้นึกถึง Do You Hear the People Sing?
จากหนังเรื่อง Les Miserables

ป.ล. นึกถึง(เพลง)เท่านี้ ไม่มีการสื่อหรือแฝงความหมายอื่นใด ครับ

 (http://www.youtube.com/watch?v=gMYNfQlf1H8#ws)

(http://ptcdn.info/emoticons/smiley/smiley15.png)


กระทู้: แวบวาบความคิดยามวิกฤตบ้านเมือง
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 22 มิ.ย. 14, 12:20
ถามกลับท่านอาจารย์และผู้รู้ทุกท่านบ้าง เพราะผมกำลังสงสัยจริงๆ    :-*

1.  ขณะนี้ประเทศไทย ใช้ระบบการปกครองแบบใด
2.  ตำแหน่งผู้นำของรัฐบาลในปัจจุบัน เรียกว่า
3.  หลังวันที่ 30 กันยายน  ผบทบ คนปัจจุบันจะต้องเกษียณอายุราชการหรือไม่
4.  ผลการออกรางวัล EURO-MILLION งวดประจำวันศุกร์ที่ 20 มิย. นี้คือตัวเลขใด
  ;D

http://www.youtube.com/watch?v=3l4nVByCL44#ws (http://www.youtube.com/watch?v=3l4nVByCL44#ws)

คำตอบอยู่ในสายลม

สักกี่ครั้งที่คนพลันพันหน้าหนี
แล้วทำทีมิรู้เห็นเร้นหลีกหาย
โอ้เพื่อนเอ๋ยคำตอบแลอธิบาย
อยู่ในสายลมพลิ้วลิ่วล่องลอย

Blowin' in the Wind

Yes, ´n´ how many times can a man turn his head,
Pretending he just doesn´t see?
The answer, my friend, is blowin´ in the wind,
The answer is blowin´ in the wind.


(http://ptcdn.info/emoticons/smiley/อมยิ้ม04.png)


กระทู้: แวบวาบความคิดยามวิกฤตบ้านเมือง
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 22 มิ.ย. 14, 12:35
มิได้ล่องลอยในสายลมทุกคำถามหนอ
คำตอบข้อสุดท้ายมีแล้วหนอ


กระทู้: แวบวาบความคิดยามวิกฤตบ้านเมือง
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 20 พ.ย. 14, 10:34
http://www.youtube.com/watch?v=JIst2OtawKw#ws (http://www.youtube.com/watch?v=JIst2OtawKw#ws)

เพียงหวังจะเฟื่องฟุ้ง              หรือจึงมุ่งมาศึกษา
เพียงเพื่อปริญญา                 เอาตัวรอดเท่านั้นฤๅ
แท้ควรสหายคิด                  และตั้งจิตร่วมยึดถือ
รับใช้ประชาคือ                   ปลายทางเราที่เล่าเรียน

นเรศ นโรปกรณ์


(http://ptcdn.info/emoticons/smiley/อมยิ้ม04.png)


กระทู้: แวบวาบความคิดยามวิกฤตบ้านเมือง
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 20 พ.ย. 14, 19:02
ถึงเจ้าของค.ห.ที่ถูกลบทั้งหมด
กรุณาอย่าคิดว่าดิฉันไม่เห็นด้วยกับท่าน   หรือว่ามีความโกรธเคืองไม่พอใจกับความเห็นของท่าน   ตรงกันข้าม ดิฉันเห็นด้วยกับความเห็นหลายข้อในนี้
แต่ในเมื่อเว็บเรือนไทยวางเป้าหมายไว้ว่า จะไม่นำการสนทนาไปสู่การเมืองปัจจุบัน  อันจะนำไปสู่ความขัดแย้งระหว่างสมาชิก และความเดือดร้อนมาสู่แอดมินและผู้ดูแลเรือนได้        จึงจำเป็นต้องลบค.ห.ทั้งหมด ด้วยความจำเป็นดังกล่าวค่ะ


กระทู้: แวบวาบความคิดยามวิกฤตบ้านเมือง
เริ่มกระทู้โดย: ประกอบ ที่ 20 พ.ย. 14, 19:26
ครับผม


กระทู้: แวบวาบความคิดยามวิกฤตบ้านเมือง
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 21 พ.ย. 14, 10:36
เอาข่าวนี้ไปอ่านให้ "คิด" ก็แล้วกันค่ะ คุณประกอบ

‘บิ๊กป้อม’วอนอย่าแสดงออก

พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ให้สัมภาษณ์ถึงการแสดงสัญลักษณ์ต่อต้านรัฐบาลโดยชู 3นิ้วตามสถานที่ต่างๆ ว่า ไม่มีอะไร ไม่หนักใจ เพราะมีคนตั้ง 67ล้านคน เชื่อว่าจะไม่บานปลายและนายกฯได้ตอบคำถามหมดแล้ว ตนไม่จำเป็นต้องตอบ ตนเห็นว่าประชาชนส่วนใหญ่เข้าใจว่า คสช.และรัฐบาลทำอะไรอยู่ เราต้องการความปรองดอง ไม่ต้องการความแตกแยก คิดต่างได้ แต่อย่าแสดงออก ขอเวลา คสช.บ้าง ตามเนื้อเพลงคืนความสุข ซึ่งขอเวลาแค่ 1ปี พอปฏิรูปสำเร็จแล้วเลือกตั้งก็จบ ไม่มีอะไร อย่าคิดมาก