วันหนึ่งเมื่อกว่าสองปีมาแล้ว สุภาพสตรีเสียงใสท่านหนึ่งโทรศัพท์ถึงผม เธอคืออาจารย์สุโรจนา เศรษฐบุตร
ศิลปินเครื่องเคลือบในระดับวิจิตรศิลป์คนสำคัญ เราเป็นเพื่อนเก่าแม้ว่าไม่ถึงกับสนิทชิดเชื้อ
แต่ผมสนใจงานของเธอ จนเลือกให้เป็นหนึ่งในศิลปินผู้น่าจับตามองในนิทรรศการ the new path เมื่อนานมาแล้ว
ขณะนั้น เธอยังเป็นทั้งอาจารย์และศิลปินควบคู่กัน
ท่านที่สนใจ อาจจะติดตามงานของเธฮได้จากลิงค์นี้
http://www.combangweb.com/scoop4.phphttp://clayalchemy.srivilasa.com/artists.php?artistcode=Tha_Surojanaจนเมื่อสนทนากันครั้งนี้ จึงทราบว่าสกุลเดิมของเธอคือ "สนิทวงศ์" และการสนทนาครั้งนี้ ก็เกี่ยวข้องกับราชสกุลโดยเฉพาะ
อาจารย์สุโรจนา โทรฯ มาเพื่อขอความช่วยเหลือเล็กน้อย(สำหรับผม) แต่เป็นอุปสรรคสำหรับเธอ
เพราะกำลังรวบรวมพระประวัติของต้นราชสกุลสนิทวงศ์ พระองค์เจ้านวม กรมหลวงวงษาธิราชสนิท
อาจารย์แวะมาหาผมที่ห้องแสดงภาพถ่ายโบราณ(สมัยที่ยังเปิดทำการอยู่) ได้สนทนากันอย่างสนุก
สำหรับคนที่หลงอดีต จะมีเรื่องอะไรที่บันเทิงใจยิ่งกว่าเรื่องก่อนเกิด
ยิ่งกว่านั้น ยังเป็นเรื่องของบุคคลที่มีเกียรติประวัติ
มีผลงาน และมีผู้สืบเชื้อสายต่อลงมา
ในระยะเวลาที่ไม่ห่างจากเรามากจนเกินไป
อาจารย์นำเอกสารมาด้วยปึกใหญ่ เป็นงานค้นคว้าระดับถักทออดีต ที่ไกล้จะสำเร็จ
เธอแบ่งพระราชประวัติเป็น 3 ภาค คือ เมื่อเป็นพระองค์เจ้า เมื่อเป็นกรมหมื่น และเมื่อเป็นกรมหลวง
ทั้งหมด เพื่อใช้เผยแพร่ในวาระสองศตวรรษแห่งพระประสูติกาลของพระองค์ ซึ่งจะมาถึงในปี 2551
ที่ผมช่วยได้ในทันที ก็คือพระรูปที่มีอยู่ในคลังรูป
เป็นงานง่ายดายสำหรับผมเพราะได้รวบรวมไว้แล้วสมัยที่ทำ "สมุดภาพรัชกาลที่ 4"
ตั้งแต่ปีฉลอง 200 ปีพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว อันแสนหงอยเหงาคราวนั้น
แต่กลับกลายเป็นยุ่งยากสำหรับคนอื่นๆ หากจะต้องมาเริ่มศึกษารูปถ่ายโบราณ เพราะหน่วยราชการที่เก็บรักษาสิ่งของเหล่านี้
เปลี่ยนระเบียบการให้บริการจนแทบจะปิดการเข้าถึงแหล่งข้อมูลเหล่านี้อีกต่อไป....อนิจจา
ผมไม่มีความรู้เกี่ยวกับเจ้านายพระองค์นี้ ดีพอที่จะช่วยเธอมากไปกว่าข้อคิดเห็นเล็กๆ น้อยๆ
จะขอเล่าให้ฟังเป็นเครื่องเพลิดเพลินปัญญาแก่ชาวเรือนไทย
แต่โปรดเข้าใจด้วยว่าไม่เกี่ยวกับการเฉลิมฉลองเนื่องในโอกาสที่ยูเนสโก ยกย่องพระองค์เป็นบุคคลสำคัญของโลกแม้แต่น้อย
แม้ว่าอาจจะมาจากสาเหตุดั้งเดิม ที่เหลื่อมกันอย่างน่าประหลาดใจ