เรือนไทย

General Category => หน้าต่างโลก => ข้อความที่เริ่มโดย: NickyNick ที่ 16 ส.ค. 06, 11:19



กระทู้: วัฒนธรรมการดื่ม : นานาชาติ
เริ่มกระทู้โดย: NickyNick ที่ 16 ส.ค. 06, 11:19
 .......... พระเจ้ามังตราชะเวตี้ถูกลอบปลงพระชนม์  เวลาประมาณ ๙.๐๐ น. ของวันพุธที่ ๑ พฤษภาคม ศักราชพม่าปี ๙๑๒ ตรงกับ ค.ศ.๑๙๕๐ (พ.ศ.๒๐๙๓)  ขณะที่พระองค์กำลังเสด็จไปคล้องช้างเผือกตามคำเพ็ดทูลของขุนนางมอญผู้หนึ่ง  เพื่อล่อให้พระองค์เสด็จออกจากเมืองหลวง (กรุงหงสาวดี)  เพื่อให้พระองค์ห่างไกลผู้ที่จงรักภักดีต่อพระองค์  น้องชายของผู้ลอบปลงพระชนม์พระเจ้ามังตราชะเวตี้คือ สมิงสอว์ทุต (Thamein Sawtut)  ซึ่งเป็นขุนนางมอญและเป็นเจ้าเมือง  Sittaung เป็นหัวหน้าวางแผนการปลงพระชนม์ทั้งยังได้รวบรวมสมัครพรรคพวกรักษาป้อมปราการที่เมืองของตนและประกาศตนเป็นกษัตริย์   ทรงพระนามว่า "พระเจ้าสมิง สกาวาว" ..................

............. สมเด็จฯ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ  ทรงอธิบายว่าขุนนางเชื้อมอญชื่อ สมิง สอดวุธ (ฉบับหอแก้วว่า Thanmein Sawtut)  เป็นผู้ทูลลวงพระเจ้าหงสาวดี (ตะเบ็งชะเวตี้) ว่ามีช้างเผือกเข้ามาอยู่ในป่าที่ใกล้พระนคร  พระเจ้าหงสาวดีสำคัญว่าจริงก็เสด็จออกไปจับช้าง  เมื่อไปประทับอยู่ที่พลับพลาในป่า  พวกขุนนางช่วยกันจับพระเจ้าตะเบ็งชะเวตี้ปลงพระชนม์เสีย  พงศาวดารพม่าฉบับหอแก้วระบุว่า  ผู้ลงมือปลงพระชนม์พระเจ้าตะเบ็งชะเวตี้ คือ น้องชายของสมิง สอว์ทุต

ขอเล่าเพิ่มเติมว่า  ผู้ที่เป็นตัวการทำให้พระเจ้าตะเบ็งชะเวตี้เสวยสุราเป็นนิจสิน  คือ ชาวโปรตุเกสชื่อ ดีโก ซัวเรซ  เมื่อพระเจ้าแผ่นดินโปรดฯ แต่การเสวยสุราเป็นประจำก็ทำให้ฟั่นเฟือนไม่สามารถว่าราชการได้จนปี ค.ศ.๑๕๕๐ (พ.ศ.๒๐๙๓)  จึงได้ถูกลอบปลงพระชนม์  เรื่องพระเจ้าตะเบ็งชะเวตี้เป็นบทเรียนสอนอนุชนรุ่นหลังว่าการเสพย์สุราเป็นนิจสินย่อมมีโทษหลายสถาน   ทำให้ฟั่นเฟือน  เสื่อมเสียสติปัญญา  เสียเกียรติยศเกียรติศักดิ์  เสียราชบัลลังก์  และเสียชีวิต.........


(ภูมิหลังของไทยและแหลมทอง  โดย ไพโรจน์ โพธิ์ไทร วิจารณ์  โอเดียนสโตร์  มกราคม ๒๕๒๓  น.๒๖๘-๙)


กระทู้: วัฒนธรรมการดื่ม : นานาชาติ
เริ่มกระทู้โดย: NickyNick ที่ 16 ส.ค. 06, 11:25
 ขึ้นต้นเป็นลำไม้ไผ่  พอเหลาลงไปกลายเป็นบ้องกัญชา  เอาว่าเป็นคนละเรื่องเดียวกันก็แล้วกัน
ที่จั่วหัวไว้อย่างงั้น  เพื่อให้เหมือนเป็นนักวิชาการคุยกันหน่อย   จะได้เป็นเกียรติกับเวปดีๆ ของเรา
เก๊าะอยากขอสิทธิ์ตั้งกระทู้นี้ในห้องเรือนไทย  ห้องศิลปวัฒนธรรม  ให้เกี่ยวกับวัฒนธรรมการดื่ม   เพราะปกติผมทำมาหากินประจำในห้องศิลป์นี่แหละ  ไม่อยากไปไหนไกล  เด๊วจะเกาะกุมตัวกันยาก  แต่พิจารณาอย่างรอบคอบแล้ว  เอาอยู่ในห้องหน้าต่างโลกนี่ดีกว่า  จะได้ไม่มีใครว่า   คนจะได้มาร่วมกันเยอะๆ  

ขอเป็นกระทู้สบายๆ สักหน่อยนะครับ
ต่อไปนี้จะเล่าเกี่ยวกับวัฒนธรรมการดื่มที่ได้พบประสบมาในชีวิต   ออกตัวไว้ก่อนครับ  ว่าไม่ได้เชี่ยวชาญ  แต่ชอบเล่ารายละเอียด   ไม่ถึงกับจู้จี้หรอก   เพราะพวกบ้านยังทนกับพฤติกรรมได้  นี่เป็นข้อพิสูจน์อย่างหนึ่ง

แล้วก็ตั้งคำว่านานาชาติไว้ด้วย  เผื่อใครมาร่วมด้วยช่วยกัน  จะได้ไม่ขัดเขิน  ผมชำนาญแค่ชาติสองชาติใกล้เคียงแค่นี้แหละ  ไทยกับลาว  เพราะผมก็เป็นลูกผสมเหมือนกัน  แต่มีโอกาสคบเพื่อนหลายชาติหลายภาษา  เลยเอาอะไรๆ มาคุยกันฟัง  แฮ่ะ แฮ่ะ  เรื่องจะได้ไม่สูญไปนะครับ


กระทู้: วัฒนธรรมการดื่ม : นานาชาติ
เริ่มกระทู้โดย: NickyNick ที่ 16 ส.ค. 06, 11:55
 ก่อนเข้าเนื้อหาหลัก  ขอเอาคติเตือนใจจากชีวิตจริงของบางท่าน  โดยเฉพาะท่านที่มีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักกันดี  มาเล่าสู่กันฟัง  แล้วต่อไปเราจะเข้าเรื่องของเราอย่างราบรื่น  ถือเสียว่า  ผมเตือนท่านแล้ว

บอกด้วยตัวเองไม่ได้  ก็เอาจากที่คนอื่นเขียนนี่แหละ  มาบอกกัน

"ผมไม่เกลียดเหล้า  เพราะมันเป็นอาหารชนิดหนึ่งของร่างกายของมนุษย์เหมือนกัน  แต่ที่เหล้ามันฆ่าเพื่อนผม  ไม่ใช่ความผิดของเหล้า  เพราะเพื่อนผมดื่ม ๆ ๆ มันจนเกินขนาดจนร่างกายทนไม่ไหว  ถูกหามเข้าวัดไป  เหล้าไม่ใช่ของชั่วร้าย  เช่นเดียวกันกับอาหารทุกอย่างเหมือนกัน  ใครกินเข้าไปมากๆ ก็เป็นอันตราย"  นี่เป็นคำกล่าวของประยูร  จรรยาวงษ์


ประยูร จรรยาวงษ์  นักเขียนการ์ตูนผู้มีชื่อเสียงของไทย  ก็นับได้ว่าเป็นคอสุราขนานแท้  เคยนั่งดื่มเหล้าตั้งแต่สิบโมงเช้าจนถึงตีหนึ่งตีสองเป็นประจำทุกวัน  ไม่เว้นแม้วันพระหรือวันโกน  ทำเช่นนี้เป็นกิจวัตรมาเป็นเวลาหลายสิบปี  จนกระทั่งวันหนึ่งเขาตื่นขึ้นมาและรู้สึกทนสภาพอันน่าอนาถของตัวเองขณะเมาเหล้าไม่ไหว  จึงเลิกเหล้าเด็ดขาด  ประยูรมีชีวิตยืนยาวต่อมาอีกเป็นเวลานาน  ขณะที่เพื่อนสนิทที่ติดเหล้าอย่างหนักค่อยๆ ล้มตายไปด้วยวัยอันไม่สมควร  ไม่ต่างไปจากโกวเล้ง  หรืออีกหลายๆ ท่าน


(คัดจาก "โลกแห่งสุรา  สิ่งเสพย์ติดถูกกฎหมาย" วันชัย ตันติวิทยาพิทักษ์  นิตยสารสารคดี ก.ย.๔๔  น.๑๒๕  )


กระทู้: วัฒนธรรมการดื่ม : นานาชาติ
เริ่มกระทู้โดย: NickyNick ที่ 16 ส.ค. 06, 13:18
 แนะ แน๊ะ  เห็นเป็นกระทู้ฮ้อต  แอบหยอดโฆษณาสอนการบ้านกันซะเลย  เราต้องเอาอย่างบ้างแหละ

เมื่อสักครู่แวะเข้าไปอ่านกระทู้คุณ UP  เรื่องเครื่องสักการะที่ถูกลืม  เล่าเรื่องพุ่มเทียนให้ฟัง  ท่านเกริ่นไว้ว่านำมาคุยเพื่อให้เข้ากับบรรยากาศเข้าพรรษา  ตายละวา  ลืมนึกไป  เราเอาเรื่องแบบนี้มาคุย  คนไทยถือเป็นอบายมุข  โดยเฉพาะตอนเข้าพรรษาอย่างนี้  เขาถือ

ต่อของเราเลย  เลยตามเลย  อย่างที่เคยเป็น
นี่ก็นำมาจากที่เดียวกันกับข้างบนครับ  นิตยสารสารคดีเจ้าเก่า
เริ่มเป็นนานาชาติตามหัวเรื่องแล้วล่ะ


"บนโลกนี้มีของเหลวที่ล้ำค่าอยู่เพียงชนิดเดียว  ของเหลวนี้คือสุรา  เพราะว่ามีเพียงสุราเท่านั้นที่สามารถทำให้คนลืมเลือนเรื่องราวบางเรื่องที่เขาไม่ควรจะคิดถึง"

"นอกเสียจากความตาย  มีพียงสุราเท่านั้นที่สามารถทำให้คนลืมเรื่องบางเรื่องได้"


ทั้งสองบทนี้เป็นคำกล่าวของโกวเล้ง  นักประพันธ์ชื่อดังของคนไต้หวัน  แล้วก็  ทั่วทั้งโลก


กระทู้: วัฒนธรรมการดื่ม : นานาชาติ
เริ่มกระทู้โดย: NickyNick ที่ 16 ส.ค. 06, 15:00
 โกวเล้งเป็นนักประพันธ์เอกที่คอนิยายบู๊ลิ้มทั่วโลกรู้จักกันดี  และหลายคนก็คงรู้ว่า  ตัวเอกในนวนิยายเรื่องดังของโกวเล้ง  ไม่ว่าจะเป็น  ฤทธิ์มีดสั้น  เซียวจับอิดนึ้ง  จอมโจรจอมใจ   ล้วนถอดแบบนิสัยบางประการมาจากโกวเล้ง  นั่นคือนิยมชมชอบรสชาติของสุราเป็นชีวิตจิตใจ  ทั้งยังถือคติว่า  คนคนหนึ่งหากยังรับประทานอาหารได้  ยังดื่มสุราได้  เขาผู้นั้นย่อมเป็นผู้ที่มีโชคดี

ช่วงบั้นปลายของชีวิต  โกวเล้งเวียนเข้าออกโรงพยาบาลอยู่หลายครั้งอันเนื่องมาจากเหล้า   ถึงกระนั้นเขาก็ยังดื่มเหล้าทุกครั้งที่มีโอกาส  แม้ว่าแพทย์จะสั่งให้เลิกดื่มเด็ดขาดแล้วก็ตาม   ครั้งสุดท้ายที่ชานกรุงไทเป   โกวเล้งดื่มเหล้าติดต่อกันสามวันสามคืน   เป็นเหตุให้อาการตับแข็งกำเริบและเสียชีวิตในที่สุด

โกวเล้งเลือกที่จะเป็นปีศาจสุราตัวจริง  กล้าเผชิญหน้ากับความตายเพียงเพื่อแลกกับความสุขที่สัมผัสได้  ยามเมื่อดื่มด่ำของเหลวชนิดนี้  ในโลงศพของโกวเล้ง   เหล่ามิตรสหายยังฝากเหล้าเฮนเนสซี่เอ็กซ์โอ ๔๘ ขวด   ตามอายุปีของโกวเล้ง  ไปให้เขาได้ดื่มในปรโลกด้วย  ...................  นี่ซิ  ถือว่าเป็นเพื่อนกันจริงๆ


โกวเล้งไม่ใช่บุคคลเดียวที่ยึดสุราเป็นเพื่อนตาย  มีคนอีกมากมายในโลกใบนี้ที่กำลังก้าวเดินตามเส้นทางแห่งความตายนี้ไปอย่างไม่พรั่นพรึง  ขณะที่อีกหลายคนก็เลือกที่จะหันหลังให้มันก่อนที่ความตายจะมาเยือน

(ลอกมาจากที่เดิม)


กระทู้: วัฒนธรรมการดื่ม : นานาชาติ
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 16 ส.ค. 06, 15:47
 ถ้าหากว่าโกวเล้งรู้ภาษาไทย ก็คงบอกว่ากลอนบทนี้โดนใจ

ไม่เมาเหล้าแล้วแต่เรายังเมารัก
สุดจะหักห้ามจิตคิดไฉน
ถึงเมาเหล้าเช้าสายก็หายไป
แต่เมาใจนี้ประจำทุกค่ำคืน

แต่โกวเล้งแกเมาเหล้าไม่เคยหายไม่ว่าเช้าว่าสาย  
ตัวละครแกก็มักชมชอบสุรา เสียจนอ่านแล้วแทบจะเมาตามพวกนั้นไปด้วย


กระทู้: วัฒนธรรมการดื่ม : นานาชาติ
เริ่มกระทู้โดย: NickyNick ที่ 16 ส.ค. 06, 15:54
 โจโฉร่ายกลอนเมื่อตอนเมาว่า

นี่คือเหล้า               มาเรามารำร้อง
ชีวิตของคนเรา           นั้นมันสั้น
เหมือนกับหยาด          น้ำค้างรุ่งรางนั้น
วันดีดี                       แต่ละวันก็ล่วงไป
ฉะนั้นควร                  จะร่าเริงบันเทิงสุข
อันความทุกข์              แม้นยากจักลืมได้
อะไรเล่า                    ทำให้เราลืมเสียไซร้
เหล้ายังไง                  เล่าเหล้า  เหล้าเท่านั้น


ท่านกาญจนาคพันธุ์  อาจารย์ของผู้เขียน  ท่านถอดความจากสามก๊ก  ฉบับภาษาอังกฤษของ บริวิท เทย์เลอร์  ท่านเล่ากำกับไว้ด้วยว่า  โจโฉนั้นชอบแต่งกลอน  โดยเฉพาะเมื่อได้ดื่มสุราเต็มขนาด

กลอนของโจโฉบทนี้มีสิ่งที่ควรคิดอยู่หลายประการ  โจโฉว่าชีวิตของคนเรานั้นสั้น  ซึ่งเป็นความจริงอย่างยิ่ง  เพราะถ้าเปรียบกับอายุของโลกแล้ว  ชีวิตคนเรานี้แสนสั้นจริงๆ  โจโฉเปรียบชีวิตกับน้ำค้าง  พอตกสายฟ้าสว่างก็ระเหยไปหมด  วันคืนผ่านไปรวดเร็ว  ใครที่มัวคิดแต่ทุกข์  ชีวิตคงไม่สนุก  ฉะนั้นโจโฉจึงบอกเคล็ดลับว่า  ถึงแม้นว่าความทุกข์จะลืมยาก  แต่ถ้าได้ดื่มสุรา  ก็จะลืมความทุกข์ได้

คนเก่งอย่างโจโฉ  ใหญ่โตมีอำนาจจนเป็นถึงมหาอุปราช  คงไม่ดื่มสุราคุณภาพต่ำทำลายสุขภาพ  ขาดสติสัมปชัญญะ  ไม่อาจร่ายกลอนที่มีความหมายดังกล่าวมาแล้ว  สุราดีที่โจโฉเลือกดื่ม  อาจเป็นเหมาไต๊หรือใบไผ่เขียว  อาจใช่หรือไม่ใช่ทั้งเกาเหลียงหรืออึ้งกาเผ่  โจโฉน่าจะได้ดื่มไวน์หรือเหล้าองุ่นคุณภาพเยี่ยม  จึงเกิดอารมณ์กวีมีสุนทรียภาพจนเป็นที่เลื่องลือ  แต่เท่าที่เข้าใจนั้น  จีนชอบสุราแรงฤทธิ์มากกว่าเหล้าองุ่น  และก็ตรงนี้แหละที่อาจเป็นสาเหตุทำให้โจโฉเป็นใหญ่  แต่ไม่ถึงที่สุด .........

(คัดจาก "นี่คือเหล้า  มาเรามารำร้อง"  พิชัย วาศนาส่ง  นิตยสารสารคดี  พ.ย.๔๓  น.๑๐๒)

....................................

หากคุณ CrazyHOrse แวบผ่านมา  ช่วยบอกหน่อยเด้อว่าบทกวีข้างบนจัดอยู่ใน  ซือ  แบบไหน  ขอบคุณครับ

ต้องขออ้างคนดังๆ เป็นการฝากเนื้อฝากตัวไว้ก่อน
วันนี้มาแบบพระ  พรุ่งนี้ขอมาอีกแบบ  แต่ไม่ใช่แบบมาร
to be continued


กระทู้: วัฒนธรรมการดื่ม : นานาชาติ
เริ่มกระทู้โดย: NickyNick ที่ 16 ส.ค. 06, 15:57
 ส่งแล้วเพิ่งเห็น
ขอประทานอภัยครับท่านอาจารย์เทาฯ
ที่มิได้ทักทายกันก่อนตามธรรมเนียม

พรุ่งนี้เชิญทุกท่านร่วมมา "เมา" กันต่อ
แต่ขอเมาในแง่ตัวหนังสือหรือวิชาการนะครับ

ส่วนคืนนี้  ใครจะเมาล่วงหน้าไปก่อน  เก๊าะไม่ว่ากัน


กระทู้: วัฒนธรรมการดื่ม : นานาชาติ
เริ่มกระทู้โดย: CrazyHOrse ที่ 16 ส.ค. 06, 22:13
 อันนี้ครับ

 http://www.chinapage.org/caocao2n.html

ส่วนจะซือไหนนั้น ขอฟันธงว่า...




ไม่รู้




ภูมิไม่ถึงครับ


กระทู้: วัฒนธรรมการดื่ม : นานาชาติ
เริ่มกระทู้โดย: NickyNick ที่ 17 ส.ค. 06, 09:16
 คุณ CrazyHOrse ภูมิไม่ถึง  ผมก็หมดปัญญาหาใครมาเฉลยได้แล้วครับ  อ้อ ชอบสุราด้วยเหรอ  เห็นตามหลังอาจารย์เทาฯ มาติดๆ

แปะลิ้งค์ภาษาจีนไว้ให้ด้วย  ขออนุญาตผมไปเรียนภาษาจีนสักปีสองปีก่อนครับ  แล้วจะมาเล่าต่อให้ฟัง  อ่านเขียนไม่ประสีประสา  เวอร์จิ้นครับ   พูดได้นิดหน่อย  เจียะจิ้ว


กระทู้: วัฒนธรรมการดื่ม : นานาชาติ
เริ่มกระทู้โดย: NickyNick ที่ 17 ส.ค. 06, 09:56
 พูดถึงเรื่องซือ  ก็ขอเอาบทเพราะๆ ที่เกี่ยวกับการร่ำสุราของเหล่ากวีจีนมาขยายให้ฟังกันอีกซักบท (ยาวยาว)  จะนำไปไว้ในกระทู้ของคุณ CrazyHOrse ก็กระไรอยู่  ที่นั่นมีแต่สาระดีๆ งามๆ

ลอกมาจากหนังสือศิลปวัฒนธรรมฉบับพิเศษเมื่อ ๒๐ กว่าปีก่อนนู้นนนนน  เป็นผลงานของท่านอาจารย์ยง  อิงคเวทย์  กับอาจารย์ถาวร  สิกขโกศล  ประกอบคำอธิบาย  ซึ่งเป็นกลวิธีการแปลซือชนิดหนึ่ง  ในจำนวนการแปลที่แบ่งง่ายๆ ได้ ๔ แบบ  เอาเลยนะครับ

คัดลอกจากหน้า ๑๐๐ พอดี

.........................................

ดื่มเดี่ยวใต้จันทร์  โดย หลี่ป๋อ

จีนมีกวีขี้เหล้าหลายคนและได้ฉายาต่างๆ กัน  เช่น
เทพแห่งสุรา  หลี่ป๋อ
ปีศาจสุรา  หลิวหลิง
ปราชญ์สุรา  เถาหยวนหมิง
บัณฑิตสุรา  ตู้มู่

บทกวีนิพนธ์ของกวีเหล่านี้มีเรื่องเหล้ารวมอยู่ด้วยและได้สอดแทรกทัศนะไว้แตกต่างกัน  ดังตัวอย่างบทดื่มเดี่ยวใต้จันทร์ของหลี่ป๋อต่อไปนี้

เหล้าวางหว่างบุปผชาติ     ดื่มเดี่ยวขาดเพื่อนร่วมชิม
ชูจอกชวนจันทร์ลิ้ม        ต่อหน้าเงาเท่าสามชน
จันทราหารู้ดื่ม               เงาบ่ลืมตามสกนธ์
เงาเดือนต่างเพื่อนปรน    ยามวสันต์ควรบันเทิง
ฉันซอจันทร์รอรา           ฉันรำร่าเงายุ่งเหยิง
ยามตื่นร่วมรื่นเริง           ครั้นเมาต่างแยกห่างกัน
มั่นจิตผูกสัมพันธ์           นัดหมายมั่นเมฆนที

บทสอง

หากฟ้าไม่รักเหล้า          ฟ้าขาดดาวชื่อเมรัย
หากดินชังเหล้าไซร้        ดินคงไร้ธารสุรา
ฟ้าดินรักเหล้าได้            รักเหล้าไม่อายนภา
เคยยินใสเมธา               และว่าขุ่นคือเกาศัลย์
เมื่อปราชญ์ท่านดื่มได้     ไยต้องใฝ่หาเทวัญ
สามจอกลุมมหธรรม์        หนึ่งเทเหมาะธรรมชาติเรา
ขอเสพสุขยามเมา          อย่าบอกเล่าผู้ตื่นเลย


คำอธิบาย
๑ มีเงาเป็นเพื่อนร่วมกับดวงจันทร์  รวมทั้งผู้แต่งด้วยเป็นสามคน
๒ เมื่อฉันดื่ม  เงาก็ดื่มตาม  แต่พระจันทร์ไม่ยอมดื่ม
๓ เมื่อฉันร้องเพลง  พระจันทร์ไม่ร้องตาม  แต่พอฉันร่ายรำ  เงาก็ร่ายรำตามตัว
๔ เมฆนที  คือ ทางช้างเผือก
๕ ดาวเมรัย  ตามตำราจีนว่า  ดาวธงคือดาวเหล้าอยู่ในราศีสิงห์
๖ ธารสุราเป็นชื่อจังหวัดสมัยโบราณ  ปัจจุบันอยู่ในอำเภอจิ่วเฉียน มณฑลกานซู่  น้ำในลำธารที่นี่มีกลิ่นคล้ายสุรา
๗ สมัยโบราณมีขุนนางคนหนึ่งเมาสุราจนพระเจ้าแผ่นดินกริ้ว  ขุนนางอีกคนหนึ่งช่วยทูลแก้ให้ว่าเหล้าใสคือนักปราชญ์  เหล้าขุ่นคือผู้มีศีลธรรม


กระทู้: วัฒนธรรมการดื่ม : นานาชาติ
เริ่มกระทู้โดย: NickyNick ที่ 17 ส.ค. 06, 11:03
 เล่ากันไปเรื่อยๆ นะ  เหนื่อยก็หยุดดื่ม  ไม่อยากตั้งกฎเกณฑ์อะไรกับกระทู้นี้มาก  ไม่งั้นจะดื่มอย่างไม่มีความสุข  นึกอะไรขึ้นมาได้ก็จะพูดไปเรื่อยๆ   ใครอยากแจมอะไรก็ยินดีครับ  ถือว่าเล่าสู่กันฟัง  แต่หากจะถามอะไรที่ล้ำลึกหรือเป็นกฎเกณฑ์  ตอบไม่ได้ก็จะลากเพื่อนๆ นอกวงที่เก่งๆ มาช่วย  ไม่ว่ากันนะพรรคพวก

อะแฮ่ม  เริ่มที่ไวน์ก่อนละกัน  ไม่ได้ตั้งใจจะเปรียบมวยกับคุณ Wiwanda แห่งพันทิปหรอกครับ  มวยคนละรุ่น  รู้กันอยู่แล้ว  เรามาพูดกันเป็นภาษาชาวบ้านก็แล้วกัน  ชาวบ้านก็ดื่มไวน์ได้นี่  ไม่มีใครหวง

แบ่งไวน์เป็น ๒ โลก คือโลกเก่า กับโลกใหม่
โลกเก่า คือจากประเทศยุโรป  ยุโรปตะวันออก  และกลุ่มประเทศในตะวันออกกลาง  แถบริมทะเลเมดิเตอร์เรเนียน
โลกใหม่ คืออาณาบริเวณที่ไม่เคยปลูกองุ่นทำไวน์กันมาก่อน  จะมีก็แต่องุ่นป่า  เช่นในทวีปอเมริกาเหนือและใต้ ออสเตรเลีย  นิวซีแลนด์  อย่างแถวเอเชียหรือพี่ไทยนี่ก็ถือว่าเป็นไวน์โลกใหม่นะครับ


กระทู้: วัฒนธรรมการดื่ม : นานาชาติ
เริ่มกระทู้โดย: NickyNick ที่ 17 ส.ค. 06, 11:13
เขาเก็บไวน์กันไว้ที่ Cellar ครับ  หรือเป็นห้องใต้ดินนั่นแหละ  ในนั้นจะมีไวน์มากมาย  บ้านไหนชอบดื่มก็มีเป็นพันหรือหลายพันขวด  เก็บแยกประเภท แยกสถานที่ผลิต  แยกวันเดือนปีที่ผลิต  โอ้ยยย จาระไนไม่หวาดไหว  พวกฝรั่งเขาทำอะไรกันเป็นระเบียบดี  น่านับถือ

ในห้องใต้ดินเขาก็มีเชื้อเพลิงเก็บไว้ด้วย   ก็เป็นฟืนดุ้นเล็กดุ้นใหญ่หรือไม่ก็ถ่านหิน  แล้วแต่จะเป็นบ้านอยู่ในเมืองหรือชนบท   เขาเอาไว้ใส่กับเครื่อง Heater ไงครับ  เพราะอากาศหนาว  ต้องมีเซลลาร์กันทุกบ้านเลยครับ  เพื่อเก็บเชื้อเพลิง   ไม่งั้นหนาวตายแน่ๆ

ห้องเก็บไวน์ก็ต้องมืดตลอด  ไม่มีแสง  ก็พอเหมาะกับห้องใต้ดินอย่างงี้แหละ  จะเข้าไปเอาไวน์มาดื่มที  ก็เปิดไฟพราง  เป็นไฟหลอดของโธมัส แอลวา เอดิสันแบบนั้นแหละ  ไม่ใช้หลอดนีออนหรือฟลูออเรสเซนท์แบบบ้านเราหรอก  เดี๋ยวไวน์จะเสียรสชาติ  ช่างพิถีพิถันกันจริ๊ง

แต่วันนั้นพิเศษครับ  ต้อนรับเพื่อนที่ดีอย่างเรา  เลยเปิดเซลลาร์ไวน์ซะสว่างโล่งไปหมด


กระทู้: วัฒนธรรมการดื่ม : นานาชาติ
เริ่มกระทู้โดย: NickyNick ที่ 17 ส.ค. 06, 12:24

ลงรูปให้ดูกันอีกที  มีปัญหาทางเทคนิค  ขอบคุณท่านเวปมาสเตอร์มากๆๆ ครับ ที่กรุณาแก้ปัญหา (ของผมคนเดียว) ได้ทันท่วงที  เป็นแฟนแล้วรักตายเลย

เป็นเซลลาร์ครับ  ส่วนที่เขาใช้เก็บไวน์  เป็นห้องใต้ดิน  อับๆ ทึบๆ  หายใจไม่คล่อง  พวกเราชินกับอากาศโล่งสบายๆ ลมโชยพัดเย็น  พอไปบ้านเค้า  ต้องปิดห้องหับกันหมด  ทุกที่เลย  ลมไม่เข้าบ้าน  ประตูบ้านก็เป็นแบบสองชั้น  ให้เปิดกันสองรอบ  หนักด้วย  ฝาฝนังบ้านก็หนาเป็นเมตร  เข้าบ้านกันแต่ละทีก็ยากหน่อย


กระทู้: วัฒนธรรมการดื่ม : นานาชาติ
เริ่มกระทู้โดย: NickyNick ที่ 17 ส.ค. 06, 13:10
 การวางขวดไวน์ในชั้นเก็บ   ให้คว่ำๆหรือเอียงจุกลง เพื่อไม่ให้อากาศคั่งอยู่ปากจุก  แต่ไวน์ที่ขายกันตามบ้านเราไม่รู้เป็นไง  เอาด้านจุกขวดตั้งขึ้นกันโม้ด  หรือวางเอียงให้จุกตั้งขึ้น  ทำให้มีอากาศหรือพวกออกซิเจนมารุมเร้าอยู่ที่ระหว่างจุกไม้ก๊อก  พอทำปฏิกิริยากัน  ไวน์ดีๆ จะเสียรสชาติไปอีกนิ้ดหนึ่ง

แล้วเพื่อนก็โชว์วิธีการเปิดไวน์ชั้นดี  ได้ลองดื่มแล้วนะ  ไม่บอก  หลอกให้งง  ว่ารสชาติไวน์ชั้นเยี่ยมที่ผมได้ดื่มครั้งแรกของชีวิตเป็นยังไง

เพื่อนอุ้มขวดไวน์ออกจากชั้นวางอย่างกับลูกไม่ให้ท่านกระทบกระเทือนทางจิตใจ   เดี๋ยวตะกอนก้นขวดจะโบกโบยขึ้นมา
เปิดขวดแบบเบาๆ นิ่มๆ  ที่เปิดขวดไวน์ก็ต้องใช้แบบอย่างดี  จะมางัดแงะอย่างบ้านเราไม่ได้  บางทีเขาก็เปิดกันตอนขวดเอียงๆ ยังงั้นแหละ    ทนุถนอมกันเหลือเกิน  อ้อ  ระหว่างนี้เขาก็พรางไฟไว้เหมือนเดิม   กลัวรสชาติเสียอีกมั้ง


กระทู้: วัฒนธรรมการดื่ม : นานาชาติ
เริ่มกระทู้โดย: หมูน้อยในกะลา ที่ 17 ส.ค. 06, 14:00
อ๊าย.... แวะมากระทู้นี้แป๊บเดียว
เริ่มเมาซะแล้ว ว ว

เ อื๊ . อ  .  . ก

.


กระทู้: วัฒนธรรมการดื่ม : นานาชาติ
เริ่มกระทู้โดย: โพธิ์ประทับช้าง ที่ 17 ส.ค. 06, 15:03
 ขอให้เจ้าภาพ(คุณนิค) จงเจริญครับ


กระทู้: วัฒนธรรมการดื่ม : นานาชาติ
เริ่มกระทู้โดย: NickyNick ที่ 17 ส.ค. 06, 16:04
 เมาแอ๋กันแล้วพวก  ยังไม่ดึกเลย
แล้วจะกลับบ้านกันได้ไงเนี่ยะ

ยังเปิดขวดไม่ทันเสร็จเลย  ท่าทางไวน์ขวดนี้จะใช้ได้
ไม่รู้ว่าเมาเหล้ารึเมารักกันแน่  เพื่อนเรา

พรรณนาต่อละกัน

- เปิดขวดแล้วก็รินได้เลย   นิดหน่อยใส่แก้ว  แก้วไวน์ชนิดไหนก็ชนิดนั้นไม่ปะปนกัน
แต่ละบ้านจึงมีแก้วไวน์แขวนห้อยเหนือบาร์เครื่องดื่มไว้เป็นร้อยๆ แก้ว
- พอกลั้วก้นแก้วพอแล้วก็ทิ้ง  เป็นการล้างแก้วให้สะอาด
- แล้วรินใส่ใหม่สักครึ่งค่อนแก้ว
- จ้องตาเป็นมัน  แกว่งแก้วให้ตรงจังหวะจะโคน  ดูแกว่งแก้วก็พอดูออกว่าคนไหนเก่งคนไหนไม่เก่ง
- แล้วก็ดม  สูดกลิ่นไวน์เข้าปอดลึกๆ  คนเก่งๆ เขาจะรู้จากกลิ่นตรงนี้แหละว่าเป็นไวน์ผลิตจากที่ไหน เมื่อไร ค.ศ.เท่าไร ฯลฯ  ให้เขาเก่งกันไปเถอะ
- จ่อเข้าปาก  อม  ให้อยู่บนลิ้นใต้ลิ้น  แล้วก็ปล่อยให้ไวน์ลูบไล้ไหลทั่วทั้งกระพุ้งแก้ม  แบบเขย่าน้ำลายเล่นในปากในคอนั่นแหละ
- ทำอมภูมินิดหน่อย  หรือพยักหน้าหงึกๆ นิดๆ  ยิ้มกับเพื่อนไปพร้อมๆ กันด้วย  ทำสีหน้าให้รู้สึกมีความสุขว่าเป็นไวน์ชั้นเลิศ
- แล้วค่อยกลืน
- แล้วพยักหน้าหงึกๆ ซ้ำอีกที  ปั้นสีหน้าเป็นชื่นอกชื่นใจ  เบิกตากว้างๆ  ทำนองว่า  รสชาติเยี่ยมยอด  เป็นไวน์ที่แสนวิเศษ

.

รับรองไม่พลาด  แล้วเขาจะเชิญเรามาดื่มอีกบ่อยๆ  เพราะชวนเรามาแล้วทำให้เขามีความสุข
คนเรานิ  ไม่ชอบคนขัดคอหรอก  ถึงจะรู้รู้อยู่ก็เหอะ  ไม่ได้สอนให้ชเลียร์ใครนะครับ

เฉพาะความพิถีพิถันมากๆ ส่วนใหญ่เขาใช้สำหรับไวน์แพงๆ นะครับ  แต่เราก็มาประยุกต์ใช้กับไวน์ราคาถูกๆ ได้เหมือนกัน  อิอิอิ


กระทู้: วัฒนธรรมการดื่ม : นานาชาติ
เริ่มกระทู้โดย: NickyNick ที่ 17 ส.ค. 06, 16:10
 ใครเข้ามาเยี่ยม  ก็อย่าอินจัดนะ  ดื่มสุราไม่ดี  ยิ่งเข้าพรรษาด้วยแล้ว  เป็นอบายมุขหนัก
โปรดเชื่อที่ผมบอกเถอะ  แต่อย่าทำตามอย่างผม  เตือนท่านอีกรอบแล้วนะ

ใครเผลอไป  ก็อย่ามาทำเป็นคอพับคออ่อนให้เห็น  เดี๋ยวจะอดกันหมดทั้งวง  พวกบ้านใครมา  ก็หนีกันกระเจิดกระเจิง

คืนนี้ขอดื่มเศร้าๆ เงียบๆ เหงาๆ คนเดียว  ออมแรงไว้คุยต่อพรุ่งนี้  บ๊ายบาย


กระทู้: วัฒนธรรมการดื่ม : นานาชาติ
เริ่มกระทู้โดย: NickyNick ที่ 18 ส.ค. 06, 12:40
 อ้อ ลืมไป  ต้องชนแก้วก่อนจะดื่มด้วย  ตอนชน  ต้องจ้องตาเพื่อนให้เขม็งเข้าไว้  อย่าหลบตาเชียวนา  ไม่งั้นเหมือนมีลับลมคมนัย  ขาดความจริงใจ  เข้าใจผิดกันได้ง่ายๆ เชียวแหละ

ชนแก้วพร้อมกับเปล่งเสียงตามภาษาของพวกเขา  แล้วตาเราต้องเบิกกว้างๆๆ  ยักคิ้วนิดหนึ่ง  จะได้กินฟรีอีกบ่อยๆ  ม่ายช่ายยางง้าน   เป็นการแสดงความจริงใจในการดื่มให้กัน

บอกว่า  การชนแก้วเพื่อให้เกิดเสียง  จะได้ครบอายตนะ ๖  หรือประสาทสัมผัสทั้งหกไงครับ  เห็นมั้ย  เราเอาธรรมะมาประยุกต์ใช้ตอนดื่มสุราได้ด้วย

อายตนะ ๖   ก็คือประสาทสัมผัสจากทั้ง ๖ อวัยวะของเราไงครับ
ตา   ก็มองเห็นว่าเป็นเครื่องดื่มอะไร
หู  ก็ชนแก้ว  เพื่อให้ได้ยินเสียง
จมูก  ก็ได้กลิ่น
ลิ้น  ก็รสซาบซ่านถึงใจยังไง
กาย  ก็จับแก้วไงล่ะ
ใจ  ก็คงถูกใจไม่ถูกใจมั้ง

ถ้าดื่มธรรมดา  ไม่มีการชน  จะได้แค่ ๕ ประสาทสัมผัส  พอชนเข้าก็เกิดเสียง  จึงครบ ๖  จะทำอะไรครบองค์ก็ถือว่าดีกว่าไม่ครบครับ


กระทู้: วัฒนธรรมการดื่ม : นานาชาติ
เริ่มกระทู้โดย: NickyNick ที่ 18 ส.ค. 06, 14:56

ตอนชนแก้ว   ก็ต้องเปล่งเสียงไปด้วยตามภาษาต่างๆ หรือตามแต่ละวัฒนธรรม  คราวนี้เกินอายตนะ ๖ แล้วซี  เพิ่มปากด้วยอีก ๑


ถ้าเป็นอังกฤษอเมริกัน  ก็เปล่งออกว่า cheers-ssss ใส่เอสยาวๆ  เหมือนจริงใจมาก
หากเป็นเยอรมัน-ออสเตรีย ก็ prost  อ่าน โพรสท์
อิตาลี ก็ salute  อ่าน สะ-ลู้ท-เต้
สวีเดน ก็ skol  อ่าน สะโคล
ฮังการี ก็  เอ-เก-ชิ-เก-เตร  ไม่รู้สะกดยังไง  
ของเชคโกจำไม่ได้ซะแล้ว  ตอนไปที่นั่นหาเหยื่อพื้นเมืองไม่ได้  เลยอดคุย

ส่วนของกรีซ  ก็เป็นดังรูป  บอกว่า yiasou ไม่รู้ว่าอ่านกันยังไง  นี่ก็อปมาจากโปสการ์ดของเขา ไม่ได้ไปพูดคุยกับคุณลุงในรูปมาหรอก

ชนแล้วก็ไม่จำเป็นต้องดื่มกันให้หมด  ดื่มกันแบบมีความสุข  ไม่ได้ไปโอ้อวดใคร   แค่เป็นการเรียกบรรยากาศกลับคืนมา  ไม่ให้ง่วง  แล้วเป็นการย้ำให้รู้ว่า  เรายังดื่มกันอยู่นะ


เพื่อนเลยถามเรากลับว่า  ภาษาไทยเขาพูดกันว่าอย่างไร  ไอ้เราตอนแรกๆ ก็งง  เพราะสนใจแต่ดื่มหัวราน้ำ  จะชนกันก็ตอนท้าดวลดื่มให้หมดแก้ว  เอ้า  ชนละกัน  บอกเพื่อนว่า "ชน" ว่ะ   แล้วพวกเราก็  "ชน"  กันอีกรอบหนึ่ง


กระทู้: วัฒนธรรมการดื่ม : นานาชาติ
เริ่มกระทู้โดย: ศรีปิงเวียง ที่ 18 ส.ค. 06, 18:14

สวัสดีทุก ๆ ท่านครับ
1. ผมขออนุญาตฝากลิงค์นะครับ
 http://www.ipst.ac.th/ThaiVersion/publications/in_sci/jarwine.pdf
http://www.ipst.ac.th/ThaiVersion/publications/in_sci/beer.pdf
http://www.ipst.ac.th/ThaiVersion/publications/in_sci/histry_liquor.doc
2. ผมเคยได้ยินว่า มีกวีสยามที่เลื่องชื่อผู้หนึ่ง เกี่ยวดองกับสุราครับ
รู้สึกว่าจะใช้นามปากกาว่า แมวคราว ครับ
เคยมีคนเขียนบทความทำนองนี้ แต่ผมยังหาไม่เจอ ถ้ามีโอกาสก็จะนำมาลงต่อไปครับ
ตอนนี้ก็ขอนั่งฟัง (แต่ไม่คิดลอง) กับท่านผู้ใหญ่ทั้งหลายนะครับ
ป.ล. รูปนี้โพสต์เล่น ๆ เท่านั้น ไม่เกี่ยวกับเนื้อหาใด ๆ ทั้งสิ้น


กระทู้: วัฒนธรรมการดื่ม : นานาชาติ
เริ่มกระทู้โดย: NickyNick ที่ 18 ส.ค. 06, 18:41
 ลืมอีกภาษาหนึ่งไป  บรรพบุรุษของพวกเราสมัยกรุงศรีอยุธยาก็ชนแก้วกับชาตินี้มาเยอะ

santé  ครับ  อ่าน  ซองเต  เป็นภาษาฝรั่งเศส  เนื้อแท้แปลว่า  health  พอเอามาซองเตชนรอบวงนักดื่ม  ก็เพื่อสุขภาพของเราทั้งมวลครับ  สุขภาพดีหรือแย่ก็แล้วแต่ใคร  ใครสั่งสมบารมีมาก  หรือทำกรรมไว้มาก  คนนั้นก็ได้รับผลกรรมตอบแทนมากขึ้น

เมื่อสักครู่ใหญ่ๆ สนทนากับคุณ สาวใหม แห่งเวปหนึ่งมา  เธอดวลแบบสวีดีชครับ  ไม่กล้าเข้ามาเมนท์เพราะไม่ได้เป็นสมาชิกที่นี่

สาวใหมบอกว่า Cheers แบบชนเหล้าแก้ว แปลว่า skol ถูกต้องแล้ว
แต่ภาษาเดิมของเขาเขียนแบบนี้ Skål

สำหรับ Cheer ที่แปลว่าเชียร์จริงๆ ก็ heja หรือ heja på

เชิญพวกเราร่วม Skål  ดังๆ กับคุณสาวใหมอีกทีครับ


กระทู้: วัฒนธรรมการดื่ม : นานาชาติ
เริ่มกระทู้โดย: NickyNick ที่ 18 ส.ค. 06, 18:53

โอ๊ะ  คอมมันไม่ยอมอักษรแปลกๆ ของสวีดิช

อังกฤษ skol
สวีดิช  skal   ตรงหัวตัว a จะมีตัวกลมๆ ปักอยู่ข้างบนครับ

สำหรับ Cheer ที่แปลว่าเชียร์จริงๆ ก็ heja หรือ heja pa   คำว่า pa ก็เช่นกัน  มีวงกลมเล็กๆ ปักอยู่บนหัวตัว a ครับ


สวัสดีครับคุณศรีปิงเวียง  ส่งแล้วเพิ่งเห็น  หากยังเป็นเด็กอยู่  หาเงินหาทองใช้เองไม่ได้  ก็ยังไม่ต้องลองเรื่องเหล่านี้หรอกครับ  แต่ตามอ่านได้ไม่ถือ  ประดับความรู้  ส่วนวัฒนธรรมฝรั่งต่างกับของเรา  พ่อแม่ดื่ม  ลูกนั่งดู  ก็เริ่มฝึกปรือจิตใจกันตั้งแต่เด็ก  ของเขาดื่มเหล้ากันทั้งบ้านทั้งเมือง  คนเฒ่าคนแก่ก็ดื่มกันหมด  ดูอย่างในรูปนี้ซิครับ  ต้องมีเครื่องดื่มกองอยู่ตรงหน้าตลอดเวลา  เป็นของธรรมดาของเขาครับ  แต่ของเราไม่ใช่ยังงั้น  วัฒนธรรมใครวัฒนธรรมมัน  เราอยู่ที่นั่นเราทำอย่างหนึ่ง  พอกลับบ้านเรา  ก็ต้องเป็นตัวของเรา  วัฒนธรรมไทยครับ


กระทู้: วัฒนธรรมการดื่ม : นานาชาติ
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 18 ส.ค. 06, 19:43
 วัฒนธรรมการดื่มให้กันเป็นส่วนหนึ่งของชีวิต  แน่นอนว่าเป็นการจีบกันด้วยของหนุ่มสาว  จึงได้มีบทกวีหวานหยดย้อยบทหนึ่ง เลื่องลือมาร่วม ๔๐๐ ปีจนถึงวันนี้

แต่งโดยศิลปินแห่งชาติอังกฤษสมัยควีนเอลิซาเบธที่ ๑   เรียกกันว่า poet laureate  แกอยู่สมัยเดียวกับเชกสเปียร์  รู้จักมักคุ้นกันดี

ชื่อ Ben Jonson  

ชื่อโคลงคือ To Celia  แต่ไม่ค่อยมีใครจำได้   เขานิยมเรียกกันด้วยบรรทัดแรก  ว่า



Drink to me only with thine eyes

And I will pledge with mine.

Or leave a kiss within the cup

And I'll not look for wine.



ดิฉันเคยแปลเป็นกลอนเอาไว้   ขอตัวไปหาก่อน  ตอนนี้ขอเชิญจิบไวน์อังกฤษจากโคลงไปพลางๆ


กระทู้: วัฒนธรรมการดื่ม : นานาชาติ
เริ่มกระทู้โดย: Louvorian ที่ 19 ส.ค. 06, 00:58
 ขอร่วมแจม อาการเมาในทรีทนี้ด้วยคน

วัฒนธรรมการฉลองวันเกืดของคนเยอรมันที่มีการดื่ม(และอาจจะเมาบ้าง)
มาเกี่ยวพันตลอดงาน

หลังจากที่อยู่ที่เยอรมันนีมาเกือบจะ2ปีกว่าแล้วได้ไปงานวันเกิดของบุคคลในครอบครัวและเพื่อนๆ (แม้แต่กระทั้งวันเกิดของตัวเองก็ตาม)ที่ต้องมีการดื่มมาพัวพันเสมอ

งานวันเกิดของคนเยอรมันจะเริ่มต้นในตอนบ่ายๆแบบบาร์บีคิว(พูดถึงช่วงฤดูร้อน)ในสวนหลังบ้าน
เมื่อแขกทุกคนมาพร้อมหน้าแล้ว ก็จะเริ่มต้นด้วยกาแฟ และเค้กหน้าผลไม้สดต่างๆ(ตอนแรกๆรับไม่ได้จริงๆที่ต้องเริ่มมื้ออาหารด้วยของหวานเพราะเตรียมตัวมากินของย่างสุดริด) หลังจากนั้นก็จะนั่งจิบกาแฟรับประทานเค้กพร้อมกับพูดคุยกันอย่างสนุกสานและสักพักก็จะเริ่มแจกแก้วก้านสูงพร้อมกับรินแชมเปญและกล่าวโพรสอวยพรให้แก่เจ้าภาพที่เกิดในวันนั้น และอีกไม่นานนักเจ้าของบ้านหรือญาติๆก็จะเดินไปที่บ่อน้ำบาดาลและสาวเอาตระกร้าซึ่งบรรจุขวดเบียร์ไว้เต็มขึ้นมาเปิดแจกจ่ายให้แก่ทุกคนในงาน(สุดแล้วแต่ว่าใครจะดื่มหรือไม่ดื่มก็ไม่ว่ากัน) การที่เอาเบียร์แช่ไว้ในบ่อบาดาลก็เพราะว่าน้ำใต้ดินนั้นเย็นเท่ากับน้ำใส่น้ำแข็งเลยทีเดียวและทำให้ไม่เปลืองพื้นที่ตู้เย็น(หน้าหนาวก็จะเอาไปตั้งไว้นอกบ้านเพราะจะเย็นจากหิมะ) ลองนึกภาพดูว่าบ่ายๆไม่ได้กินข้าวกลางวันแล้วตั้งใจจะมากินบาร์บีคิวมันทรมานใจแค่ไหนรอว่าเมื่อไรจะเริ่ม"ย่าง"ให้ตรูกินซะที ก็รอไปเถอะจนโน่นหกโมงเย็น(ก่อนหน้านั้นแอบหลับไป2ตื่นใต้ต้นไม้มาเรียบร้อยแล้ว) ระหว่างที่หลับรอบาร์บีคิวนั้นเบียร์ก็ไม่ได้หยุดเสิร์ฟเลยนะคุณๆดื่มกันจนหน้าแดง หน้าชมพูนึกว่าไปแอบทาบลัชออนในเซลล่าแล้วออกมานั่งกลางแจ้งกันซะอีก(โฮ๊ะๆๆๆๆ ) บาร์บีคิวของคนเยอรมันนั้นก็จะเป็นเนื้อ หมู ไก่ หรือ แกะ และที่ขาดไม่ได้เลยคือ วัวซ(หรือไส้กรอกนั่นเอง)
หลังจากอิ่มหมีพลีมันกับบาร์บีคิวแล้ว ปิดท้ายของมื้ออาหารจะเป็นการดื่มคอนยัค หรือ บางทีจะเป็นอูโซ่ (แอลกอฮอล์จากกรีซรสแรงและเหมือนกินฟิชเชอร์แมนเฟรน3ห่อรวด) เครื่องดื่มทั้ง2ชนิดนี้จะดื่มในแก้วช็อต และแล้วงานเลี้ยงก็ถึงการเลิกราคราวนี้จะมาลำบากลูกๆที่บรรดาพ่อแม่พามาเพราะต้องขับรถกลับแทนพ่อแม่ที่ดื่มมากไปนิสสส

ขอตัวไปกินยิมก่อนแล้วจะมาเล่าถึงเครื่องดื่มยอดนิยมระหว่างการแสดงคอนเสิร์ตใหญ่ๆ ในสนามกีฬา คราวหน้า ถ้าเวลาเอื้ออำนวย


กระทู้: วัฒนธรรมการดื่ม : นานาชาติ
เริ่มกระทู้โดย: NickyNick ที่ 19 ส.ค. 06, 11:55
 คุณ Louvorian นำประสบการณ์ตรงมาเล่าให้ฟังสดๆ ดีครับ  เห็นภาพพจน์  เพราะเคยเจอแบบนั้นมาแล้วเหมือนกัน  มีเวลาก็เชิญมาร่วมอีกครับ  จะได้นานาชาติดังหัวข้อกระทู้ซะที

งานเลี้ยงของเขา  จะเป็นแบบนั้นแหละ  ถ้าไม่เชิญมาคนก็จะไม่กล้าเข้ามาร่วมงานกันหรอก  คุณเป็นคนสำคัญสำหรับเขาแล้วครับ  ถ้าเป็นแบบเชิญให้มานั่งกินที่โต๊ะ  บางทีจะเขียนชื่อแขกไว้บนโต๊ะเลย  ใครไม่มีชื่อไม่มีสิทธิ์นั่ง  จะกระเตงใครไปด้วยก็ต้องรอนอกโต๊ะ

มาถึงก็เริ่มดื่มกันก่อน  ยืนกันขาแข็งเลย  เราไม่ชิน  ปกติไปถึงก็หาที่นั่งคุยกันให้สบาย  ที่นั่นยืนคุยกัน  เมื่อยไม่เป็นรึไงไม่รู้   ดื่มบ้างหยิบเค็กหรือของหวานอื่นกินไปบ้าง   ดูมันไปกันไม่ค่อยได้เหมือนกันนะครับ  ถ้าเป็นของไทยพอดื่มแล้วกินของหวานด้วย  ถือว่าไม่เข้ากัน  เดี๋ยวจะเมากันเละเทะ

เขาเสิร์ฟเบียร์ไม่หยุด  ก็ดีนี่  เบียร์ของเขานิ่มจริงๆ  ดื่มแล้วไม่มีการปวดหัวหรือแฮงค์ในตอนเช้า  นึกแล้วเปรี้ยวปาก

กว่าจะย่างบาร์บีคิว  ก็ปาเข้าไป ๖ โมงเย็น  ไม่เห็นจะ late นี่ครับ  ฤดูร้อนของที่นั่นกว่าจะมืดได้ก็ ๓-๔ ทุ่ม  งงเหมือนกัน  บ้านเราเวลามันไม่ต่างกันมากแบบนั้น  หน้าหนาวมืด ๖ โมง  หน้าร้อนมืด ๑ ทุ่ม  ของเขาหน้าหนาวบางทีมืดกันตั้งแต่ ๕ โมงเย็นเลย

คุณ Louvorian ได้ prost บ่อยๆ ซีครับ  ผมก็ชินกับ prost  ไม่ค่อยได้ cheers เท่าใดนัก

ที่นั่นโชคดีเขามีเครื่องดื่มหลายแบบ  มีมากมาย  แต่ละแบบก็ใช้แก้วอย่างหนึ่ง  อย่างอูโซ่ของกรีซผมไม่เคยมีวาสนาได้ลอง  ดื่มแต่ schnups ทั่วๆ ไป  พอตกถึงท้องแล้วร้อนวาบเชียว  แล้วก็ถึงเวลา เกมาฮัม  ใครอยากจะ เกมาฟืด  ก็ตามใจ


อาจารย์เทาฯ จิบไวน์เสร็จแล้วอย่าลืม  กลอนภาคไทยของ Ben Jonson นะครับ  ผมจะจิบยินโทนิคจากเกาะอังกฤษรอไปพลางๆ ก่อน


กระทู้: วัฒนธรรมการดื่ม : นานาชาติ
เริ่มกระทู้โดย: NickyNick ที่ 19 ส.ค. 06, 16:47
 เพิ่งมาเปิดอ่าน PDF file ที่คุณศรีปิงเวียงแนบมาให้
โอ้วโฮ  ไม่เด็กแล้วนะนี่  ค้นคว้าหาความรู้มาให้อ่านกันขนาดนี้จะบอกว่ายังเยาว์ก็กระไรอยู่  ไม่คิดลอง  แล้วเคยลองอ๊ะป่าว  สองคำนี้ไม่เหมือนกัน  เฉลยมาได้เลย

ว่างๆ แวะมาเติมความเมาให้พวกเรากันหน่อย  รวมทั้งทางประวัติศาสตร์-โบราณคดีที่ท่านถนัดด้วยครับ


กระทู้: วัฒนธรรมการดื่ม : นานาชาติ
เริ่มกระทู้โดย: NickyNick ที่ 19 ส.ค. 06, 18:53

ขอพักร้อนซัก ๒ วัน
ไม่ได้ไปนอนหรือไปเที่ยวที่ไหนดอก
จะไปไขว่คว้าหาความรู้อย่างไม่รู้จักจบจักสิ้นน่ะ

เจอความลับความหลังอะไรเกี่ยวกับพวกนี้
จะมาคุยให้ฟังอีก
ใครผ่านไปผ่านมาอย่าลืมชนหน่อยนะเพื่อน
อย่าลืม  ชนทีละแก้วจนครบทุกคนในวง ให้เกิดเสียงสนั่นแต่พองาม
แล้วต้องมองตาตอนชนกับทุกคนด้วย

แล้วท่านจะเกิดความรักความผูกพันกับเพื่อนร่วมวงอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน


กระทู้: วัฒนธรรมการดื่ม : นานาชาติ
เริ่มกระทู้โดย: ศรีปิงเวียง ที่ 20 ส.ค. 06, 11:01
 สวัสดีคุณนิค และทุก ๆ ท่านในกระทู้นี้ครับ
ผมขอสารภาพว่า ผมไม่เคยดื่มเครื่องดองของเมา
และยังเรียนไม่จบครับ
แต่พอรู้เรื่องพวกนี้อยู่บ้างครับ จึงแนะนำลิงค์พวกนี้มาฝากแก่ทุกท่านครับ


กระทู้: วัฒนธรรมการดื่ม : นานาชาติ
เริ่มกระทู้โดย: NickyNick ที่ 21 ส.ค. 06, 11:31
 Drink Don't Drive



ยกเอาคำนี้ขึ้นมาเปิดเรื่องเลยครับ

เมื่อวานมีโอกาสโฉบผ่านเมืองกรุง  ระหว่างนั่งรถอยู่บน The Express Way  เก๊าะพอมองเห็น motto นี้พันอยู่รอบตึกใบหยกหลังโย่ง   ความจริงเห็นมานานแล้วล่ะ  แต่ตอนนี้  มันมาเกี่ยวข้องกับกระทู้เราโดยบังเอิญ  เลยฉุกหัวใจขึ้นมาหน่อย



ชัดๆ อยู่แล้วครับ  แปลเป็นไทยว่า เมาไม่ขับ  ไม่มีใครพากลับก็ไม่ต้องกลับบ้าน  นอนข้างทางหรือที่ไหนๆ ที่มีความสุขและคุ้มภัยให้เราได้อย่างดีน่าจะเหมาะกว่า



แต่ไอ้ที่เอามาพูดตอนเนี้ยะ  ว่ามันถูกไวยากรณ์รึเปล่าเท่านั้นแหละ  แค่ความรู้ snake snake fish fish เท่าหาง frog ของเราไม่รู้มันจะถูกต้องรึเปล่า  คิดเอาเองนะ  ควรจะเป็น





Drinks Don't Drive  หรือ

Drink Doesn't Drive



จะถูกกว่าไหม

ท่านอาจารย์ที่เคารพ  หรือคุณ CrazyHOrse ผู้เชี่ยวชาญทางภาษา  จะกรุณาให้คำตอบแก่ผู้น้อยปัญญาได้ไหมครับ


กระทู้: วัฒนธรรมการดื่ม : นานาชาติ
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 21 ส.ค. 06, 19:40
 ประโยคเต็มคือ If you drink, don't drive. ค่ะ

ย่อลงมาเป็นคำขวัญสั้นๆว่า  Drink don't drive.

คือ"เมาไม่ขับ"

คุณนิคลองอ่านในเว็บนี้ดู
 http://flickr.com/photos/42n81/203021210  


กระทู้: วัฒนธรรมการดื่ม : นานาชาติ
เริ่มกระทู้โดย: CrazyHOrse ที่ 21 ส.ค. 06, 22:28
 เอิ๊ก... ผู้เชี่ยวชาญทางภาษาเลยหรือครับ เหากินหัวแน่ครับ ผมเป็นนักเรียนสายวิทย์ มีแต่ประวัติอ่อนแอทางภาษาครับ ยิ่งภาษาอังกฤษยิ่งไปกันใหญ่เลยครับ

บรื๋อออออออออ

ส่วนผู้เชี่ยวชาญตัวจริงนั้น ท่านได้มาสาธกเรียบร้อยแล้วครับ


กระทู้: วัฒนธรรมการดื่ม : นานาชาติ
เริ่มกระทู้โดย: NickyNick ที่ 22 ส.ค. 06, 08:38
 ขอบพระคุณมากครับอาจารย์เทาฯ  เมื่อสักครู่เพิ่งเปิดอ่านลิ้งค์ที่แนบมา  ภาพเดียวเท่านั้นครับ  สื่อความหมายเป็นอักษรเกินพันคำของผมที่จะต้องพูดออกมาเสียอีก  เป็นเวปที่มีผู้คอมเมนท์ดีครับ  น่าอ่าน  ทีหลังอาจารย์มีอะไรดีๆ บอกพวกผมได้อีกเรื่อยๆ นะครับ  จะรอ

คุณ CrazyHOrse  ไม่ยอมรับเป็นผู้เชี่ยวชาญ  เป็นผู้ช่ำชองก็แล้วกัน  เพราะในแต่ละความเห็นที่แสดงออกมา  ใช้คำพูดแต่น้อย  กินใจความมาก  ผิดกับผม  น้ำท่วมทุ่ง  ผักบุ้งโหรงเหรง  ยิ่งพูดมาก  ยิ่งบอกตัวตนมาก  อิอิ  แต่ยังไงก็ชอบพูดมากกว่าเงียบ  อึดอัด


กระทู้: วัฒนธรรมการดื่ม : นานาชาติ
เริ่มกระทู้โดย: NickyNick ที่ 22 ส.ค. 06, 15:52
 ได้ภาษาอังกฤษบ้างแล้ว  คราวนี้จะแถมภาษาเยอรมันซักหน่อย  คืนกำไรกับผู้แวะเวียนมาเยี่ยมเยือน  แล้วก็เป็นการขอบคุณท่านอาจารย์ที่กรุณาเปิดโลกกว้างทางภาษาให้ผมบ้าง  พี่ CrazyHOrse ด้วยนะครับ  กำเสี่ย

ดื่มไวน์  ที่เรารู้จักกันดีก็ดื่มกันเพียวๆ
แต่หากต้องการจิบเรื่อยๆ ให้คล่องคอ  นั่งเรียกบรรยากาศ  ก็ผสมโซดาด้วย  จะได้ไม่แรงจัด  ส่วนใหญ่ก็ผสมครึ่งๆ  เรียกว่า Spritzer  อ่าน ชปริทซาร์

ภาษาเยอรมัน  S ตามด้วย p  หรือ t   ออกเสียง  ชอ  สั้นๆ นะคร้าบ  บางทีคุยกับคนเยอรมันเป็นภาษาอังกฤษ  เขาจะบอก stop ว่า ชะท้อป  งงได้เหมือนกัน

ส่วน -er  บางสำเนียงเขาจะอ่าน -อาร์  ไม่  -เออร์  กันหรอกครับ  ดังนั้นอย่างงนะครับว่าคนอังกฤษพูด  สปริทเซอร์  แต่ทำไมคนเยอรมันจึงพูด  ชปริทซาร์

หากคุณ Louvorian แวะเวียนผ่านมา  ก็คงมีโอกาสได้บอกกล่าวเรื่องภาษาเยอรมันที่ถูกต้องกับท่านๆ ทั้งหลายครับ


ดื่ม Spritzer แบบนี้  ไม่เปลืองไวน์นัก  เมาช้า  แต่ฉี่บ่อย  รู้ๆ กันอยู่เพราะอะไร

แล้วจะมีสาระแทรกเป็นยาแดงเรื่อยๆ  คอยติดตามนะคร้าบ


กระทู้: วัฒนธรรมการดื่ม : นานาชาติ
เริ่มกระทู้โดย: NickyNick ที่ 23 ส.ค. 06, 09:13

วันนี้จะติดตาม Ernest Hemingways นักเขียนรางวัลโนเบลไปดื่มอะไรสักหน่อย

มาถึงเวนิส อิตาลี เชียวนะ  เมื่อท่านนักเขียนรางวัลโนเบลผู้นี้เดินทางมาเยือนเวนิส  ท่านจะต้องมาดื่มที่นี่ทุกครั้ง  ที่นี่ ที่ไหน  คือ Harry’s Bar ครับ  เขียนเป็นตัวหนังสือแปะไว้ที่กระจกทั้งสองบานไล่เรียงลงมา  ใครตาดีอ่านได้ครับ

ใครมาถึงเวนิสแล้ว  ต้องแวะมาดื่มเครื่องดื่มชนิดนี้กันทุกคนครับ  Bellini  แก้วเล็กๆ  นิ้ดเดียว  แต่แพงน่าดู  ราคาตอนนั้นเมื่อไปเที่ยวปี ๒๕๓๘ (7 Oct 1995) ราคา ๑๖,๐๐๐ ลีร่า  หรือแก้วละ ๒๕๓ บาทไทย  นี่ ๑๐ กว่าปีก่อนนะครับ  หากเป็นตอนนี้คงจะทะลุ ๕๐๐ บาทเป็นแน่

เขาบอกว่า  Bellini  เป็น  Sparkling Wine ชนิดหนึ่ง  ผสมกับน้ำผลไม้ที่ปรุงมาจาก nut ชนิดหนึ่ง  ไม่รู้รายละเอียดยิบย่อยเหมือนกัน  ต้องรินใส่แก้วเล็กๆ นะครับ  ราคาต้องแพงด้วย  ไม่งั้นไม่ขลัง  ดื่มอึกเดียวเล็กๆ ก็เกลี้ยงแก้วแล้ว  คืนนั้นเราสามคน  ลองแค่คนละ ๒ แก้ว ก็เท่ากับ ๒ อึก  ออกมาตัวเบาโหวงเลย  ยังไม่ทันได้สนทนากับท่าน  Ernest Hemingways ด้วยซ้ำ


กระทู้: วัฒนธรรมการดื่ม : นานาชาติ
เริ่มกระทู้โดย: NickyNick ที่ 23 ส.ค. 06, 15:17
 ขอฝากคำคมจากจีนแผ่นดินใหญ่ไว้หน่อยก็แล้วกัน  ตัวอักษรจีนเขียนยังไง  คุณ CrazyHOrse หรืออาจารย์ท่านอื่นคงรู้กันนะครับ

เมรัยขึ้นหน้า  หูย่อมร้อน   จุ้ย-อัน-หนี่-เยอะ

คำนี้  กล่าวอีกนัยหนึ่งที่ฟังง่ายเข้าไปหน่อยก็ว่า  คนหน้าแดงหูแดง  คนที่ไม่ได้เจ็บไข้ได้ป่วยนั้น  หากหูแดงหน้าแดง  ก็มักจะเป็นคนดื่มเหล้านั้นเอง  มิใช่ใครอื่น

ดังนั้น  จุ้ย-อัน-หนี่-เยอะ  จึงเป็นคำที่ใช้เรียกคนเมา  หรือใช้เรียกสภาพของคนเมาเหล้านั่นเอง

คัดลอกจากของ  "พิชัย รัตนประทีป"


กระทู้: วัฒนธรรมการดื่ม : นานาชาติ
เริ่มกระทู้โดย: NickyNick ที่ 23 ส.ค. 06, 16:23
 อันนี้เป็นของตะวันตกเค้าล่ะ

Old friends and old wine are best.
เพื่อนเก่าและเหล้าเก่าเป็นสิ่งที่ดีที่สุด

(สุภาษิตและคำพังเพยอังกฤษ  "บุญเสริม ฤทธาภิรมย์")


กระทู้: วัฒนธรรมการดื่ม : นานาชาติ
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 23 ส.ค. 06, 20:34
 " วันนี้มีเมรัย วันนี้เมามาย   วันพรุ่งทุกข์ร้อนกราย วันพรุ่งแบกรับ"
จาก
เจาะเวลาหาจิ๋นซี
ของ หวงอี้
แปลโดย น.นพรัตน์


กระทู้: วัฒนธรรมการดื่ม : นานาชาติ
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 23 ส.ค. 06, 20:41


 Drink to me only with thine eyes

And I will pledge with mine.

Or leave a kiss within the cup

And I'll not look for wine.



เรืองเมรัยรุ้งระยับจับตาเจ้า

ให้ดื่มเอาแทนเมรัยมอบให้พี่

หรือจุมพิตฝากตรึงถึงฤดี

ตัวพี่นี้จักสนองด้วยปองใจ

*



กระทู้: วัฒนธรรมการดื่ม : นานาชาติ
เริ่มกระทู้โดย: Louvorian ที่ 24 ส.ค. 06, 03:17
 เสียง er ภาษาเยอรมัน จะออก ไปในแนว แอร บ้างก็ว่าถ้าอยากให้ชัดก็ควรรัวล้นด้วยจะทำให้ฟังง่ายขึ้น เพราะ บางที คำที่ลงท้ายด้วย e ถ้าฟังผ่านๆมันจะมีเสียงคล้ายกับ er (somehow) ยังไงซะถ้าคำลงท้ายมันมี er ก็ออกเสียงแอร ไว้เป็นดีที่สุด


กระทู้: วัฒนธรรมการดื่ม : นานาชาติ
เริ่มกระทู้โดย: NickyNick ที่ 24 ส.ค. 06, 10:40
 ชัดเจนครับอาจารย์ฯ
ช่างไพเราะเสนาะหูหวานซาบซึ้งตรึงใจเสียเหลือเกิน
สมคุณค่ากับการรอคอย


เรืองเมรัย  รุ้งระยับ  จับตาเจ้า
ให้ดื่มเอา  แทนเมรัย  มอบให้พี่
หรือจุมพิต  ฝากตรึง  ถึงฤดี
ตัวพี่นี้  จักสนอง  ด้วยปองใจ

ยามดึกดื่น  ค่อนคืน  หวนคิดถึง
เฝ้าคนึง  ถึงอยู่  มิรู้หาย
เฝ้าแวะเวียน  ชมกลิ่น  รินเมรัย
ด้วยห่างไกล  นวลน้อง  ของพี่ยา

อยากมีสุข  หาสุข  ได้ดังหวัง
ทอนกำลัง  บั่นบ่วง  ด้วยห่วงหา
เพียงแค่จุม-  พิตรวด  ขวดสุรา
มิอาจมา  ชมน้องได้  สมใจปอง


กระทู้: วัฒนธรรมการดื่ม : นานาชาติ
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 24 ส.ค. 06, 12:01
 ไวน์ที่ชาวพุทธถือเป็นเครื่องดองของเมา ต้องห้ามในศีลห้า  สำหรับฝรั่งแล้วนอกจากเป็นเครื่องหมายศักดิ์สิทธิ์ทางศาสนา
ดื่มในศาสนพิธีแทนโลหิตของพระคริสต์แล้ว  
ยังกลายมาเป็นแรงบันดาลใจของกวีอีกหลายคน
อย่างในบทกวี "Vitae Summa Brevis" ของกวีชาวอังกฤษ  Ernest Dowson (1867-1900)
ไวน์เป็นสัญลักษณ์ของความรักอันหอมหวาน เทียบได้กับดอกกุหลาบ  ก็เลยถูกจับมาคู่กัน

They are not long, the days of wine and roses:
Out of a misty dream
Our path emerges for a while, then closes
Within a dream

คำว่า days of wine and roses ก็เลยเป็นแรงบันดาลใจให้นักแต่งเพลงประกอบภาพยนตร์ ระดับราชันย์คนหนึ่งของอเมริกา ชื่อ  Johnny Mercer นำไปแต่งเป็นเนื้อร้องให้เพลงที่แต่งทำนองโดยราชันย์เพลงอีกคน คือ Henry Mancini
ชื่อว่า Days of Wine and Roses  ทั้งเนื้อและทำนองเศร้าซึ้งตรึงใจ
ใครมีความรักความหลังที่ลืมไม่ลง   ได้แต่มาทบทวนถึงแม้เวลาผ่านไปนานปี กลิ่นอายความหอมหวานในอดีตก็ยังไม่จาง  ก็น่าจะโหลดเพลงนี้มาฟัง

The days of wine and roses,
Laugh and run away,
Like a child at play,
Through a meadowland,
Toward a closing door,
A door marked never more,
That wasnt there before.

The lonely night discloses,
Just a passing breeze,
Filled with memories,
Of the golden smile,
That introduced me to,
The days of wine and roses,
And you!

wine ในเพลงมีมนต์ขลังไม่แพ้เมรัยในผลงานของโกวเล้ง  คือมีฤทธิ์พอจะส่งเพลงนี้ให้คว้ารางวัลอะคาเดมี อวอร์ดหรือตุ๊กตาทองของฮอลลีวู้ดไปได้  ในค.ศ. 1962
นักร้องดังในอดีตอย่างแฟรงค์ สิเนตร้า   แอนดี้ วิลเลียมส์ เพอรี่ โคโม  ล้วนแล้วแต่เคยร้องเพลงนี้กันทั้งนั้นค่ะ


กระทู้: วัฒนธรรมการดื่ม : นานาชาติ
เริ่มกระทู้โดย: NickyNick ที่ 24 ส.ค. 06, 12:58
 ลืมขอบคุณคุณ Louvorian อีกครั้ง  เดี๋ยวจะผ่านเลยไปไกล

มีเพื่อนสนิทชาวออสเตรียเวียนนาของผม ๒ คน  ชื่อ RAINER ครับ
หากเป็นภาษาอังกฤษ  จะอ่านว่า เรน-เนอร์
แต่เขาอ่านชื่อตัวของเขาเองเป็นภาษาเยอรมันว่า   ไร-นาร์

ซึ่งผมก็งงเหมือนกันในทีแรก  แต่ต่อๆ มาก็เห็นเป็นเรื่องปกติเพราะคำอื่นที่ผสม -er เขาจะอ่านกันแบบนี้แทบทั้งหมด  นี่ผมยกตัวอย่างเฉพาะ สำเนียงของชาวเวียนนาครับ  ท้องถิ่นอื่นอาจพูดไม่เหมือนแบบนี้ก็ได้  และโดยรวมก็เป็นแบบที่คุณ Louvorian ได้ชี้แจงมา

อ้อ  ส่วนนามสกุลของเพื่อนชาวออสเตรียคนอื่นอีก ๒ คน  คำท้ายลงด้วย -hofer  เขาอ่าน โฮ-เฟอร์ ครับ  ไม่ใช่ โฮ-ฟาร์  ส่วนการกระเดาะลิ้นออกเสียง R ก็ต้องฝึกกันเองให้ชินด้วยครับ มีความสำคัญ   ไม่งั้นคนฟังจะไม่เข้าใจที่เราพูด


กระทู้: วัฒนธรรมการดื่ม : นานาชาติ
เริ่มกระทู้โดย: NickyNick ที่ 24 ส.ค. 06, 15:15
 ผมต้องไปโหลดเพลงนี้มาฟังบ้างแล้วครับ  อาจารย์เทาฯ  เผื่อผมจะได้เป็นนักประพันธ์เพลงเพราะๆ กับเขาบ้าง

ตอนนี้เริ่มสับสนตัวเองแล้วล่ะ  ว่าจะเอาดีทางไหนแน่  เห็นอะไรดีๆ แล้วอยากเป็นไปหมด  ดูอย่างในกระทู้ต่างๆ ของห้องเรือนไทยสิครับ  ต้อนรับผมไปหมดแทบทุกที่  โชคดีที่เป็นวัยรุ่นอยู่นะครับ  ยังเลือกที่จะเป็นโน่นเป็นนี่ได้ไม่รู้จักเบื่อ



ไวน์กับศาสนาคริสต์ดูเหมือนจะเป็นสิ่งคู่กันดังที่อาจารย์ยกตัวอย่างมาครับ  ในพระคัมภีร์ไบเบิลกล่าวว่า  พระผุ้เป็นเจ้าประทานไวน์มาให้มวลมนุษย์  เมื่อครั้งที่น้ำท่วมโลก  โนอาห์ผู้สร้างเรือยักษ์ได้นำต้นองุ่นลงเรือไปด้วย  และเมื่อน้ำลด  โนอาห์ก็นำองุ่นมาปลูก  ทำไวน์ดื่มต่อไป  กล่าวกันว่าไวน์เปรียบเสมือนโลหิตของพระเยซูเจ้า   บาทหลวงใช้ไวน์ในพิธีกรรมอันศักดิ์สิทธิ์  บรรดาโบสถ์ต่างๆ  ในสมัยโบราณจึงปลูกองุ่นไว้ผลิตไวน์เอง

ตอนละเลียดไวน์อย่างชุ่มฉ่ำหัวใจ  ก็ต้องนึกถึงโนอาห์ผู้เก็บพันธุ์องุ่นไว้เพื่อโลกของเราด้วยนะครับ


กระทู้: วัฒนธรรมการดื่ม : นานาชาติ
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 24 ส.ค. 06, 21:45
ถ้าชอบ Light Classical Music
คุณนิคละเลียดไวน์ไป  
ฟังวอลทซ์ Wine, Women, and Song  ของ Johann Strauss  ไปด้วย  
ไวน์อาจจะหวานขึ้นค่ะ


กระทู้: วัฒนธรรมการดื่ม : นานาชาติ
เริ่มกระทู้โดย: NickyNick ที่ 25 ส.ค. 06, 08:51
 ถ้าข้างขวดไวน์เป็นยี่ห้อที่มีรูปแบบนี้
หวานแน่นอนครับ

เพลงชุดของ Johann Strauss ผมเคยเปิดให้ลูกๆ ฟังเมื่อยังเด็กทารกอยู่ครับ  กะจะให้เขาติดใจตั้งแต่เด็ก  แล้วก็มีอีคิวที่ดีด้วย  ตอนนี้รู้สึกว่าโชคจะดีที่ดูเหมือนจะเป็นอย่างนั้น  แต่ได้เพิ่มเติมมาอีกอย่างคือความซุกซนที่ไม่หยุดหย่อน  ทั้งสองคนเลยครับ  ไม่อยากจะเชื่อ  แล้วก็ไม่อยากจะโทษว่าเป็นเพราะผลงานของท่าน Strauss  แต่ว่าสองคนก็ร้อยเปอร์เซ็นต์เข้าไปแล้ว  คิดว่าลองต้องเชื่อซักหน่อยครับ


กระทู้: วัฒนธรรมการดื่ม : นานาชาติ
เริ่มกระทู้โดย: NickyNick ที่ 25 ส.ค. 06, 12:06

เกี่ยวกับวัฒนธรรมที่แตกต่างกันระหว่างของพุทธกับคริสต์  เมื่อคืนกลับไปนอนคิดที่บ้านก็นึกขึ้นมาได้อย่างหนึ่ง  ขอต่อความเห็นจาก คหพต.๔๓ ของอาจารย์เทาฯ เลยครับ

ขอเอารูปมาโชว์เพื่อให้ง่ายกับการเข้าใจครับ  นี่คือ โบสถ์มาริอาเซลล์ (Church of Mariazell)  ตั้งอยู่ที่จังหวัดชไทเออร์มาร์ค (Steiermark)  ของออสเตรีย  ภาษาอังกฤษเรียกจังหวัดสตีเรีย (Styria)  บ้านเกิดของ Arnold Schwarzenegger นักแสดงชื่อดังชุดคนเหล็กของฮอลลีวู้ดครับ  แต่ตอนนี้ได้เป็นผู้ว่าการรัฐแคลิฟอร์เนียของสหรัฐไปซะแล้ว

โบสถ์นี้เป็นโบสถ์คาทอลิกเก่าแก่แห่งหนึ่งของประเทศ  สร้างเมื่อราว ค.ศ.๑๒๐๐  เป็นโบสถ์สำคัญมากที่สุดแห่งหนึ่งที่พวกนักแสวงบุญ (Pilgrim) ทั้งจากออสเตรีย – เยอรมนี – หรือฮังการี  จะเดินเท้าเข้ามาสักการะ  ซึ่งการเดินเท้าจะเดินยาวเชื่อมต่ออย่างน้อย ๒ โบสถ์ที่ผมรู้จักครับ  อีกแห่งหนึ่งคือโบสถ์มาเรีย วีนแบร์ก (Church of Maria Weinberg) ที่ตั้งอยู่ในจังหวัดบัวรก์เองลันด์ (Burgenland) ติดพรมแดนฮังการี


กระทู้: วัฒนธรรมการดื่ม : นานาชาติ
เริ่มกระทู้โดย: NickyNick ที่ 25 ส.ค. 06, 13:22

นี่เป็นภายในของโบสถ์คาทอลิก Church of  Maria Wienberg  ในจังหวัด Burgenland  ครับ  ที่เป็นเส้นทางเดินจาริกของผู้แสวงบุญ  เป็นโบสถ์เล็กๆ  ขนาดกะทัดรัดเมื่อเทียบกับโบสถ์อื่นๆ โดยเฉพาะในกรุงเวียนนาที่ใหญ่โตมโหฬารกันเสียจริงๆ   ดีที่เพื่อนบอกว่าที่นี่มีความสำคัญมาก  ถึงได้ถ่ายรูปเก็บไว้

Burgenland  แปลว่า Land of the Castle  เพราะในเขตจังหวัดนี้มีปราสาทเก่าแก่มากมายครับ

เดี๋ยวคอยเฉลยครับ


กระทู้: วัฒนธรรมการดื่ม : นานาชาติ
เริ่มกระทู้โดย: NickyNick ที่ 25 ส.ค. 06, 13:45

แล้วเราก็นั่งดื่มกันที่หน้าโบสถ์ Mariazell ครับ  ดื่มได้ทุกอย่างในนี้  ไวน์  เบียร์  เพราะเป็นวัฒนธรรมของเขา   เขาไม่ห้ามดื่มเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์กันในเขตวัดครับ  เป็นการดื่มเพื่อผ่อนคลายจริงๆ ครับ  ไม่ได้เป็นการดื่มเพื่อเมามายหรือดับทุกข์ดับโศกอะไร

ร้านค้าเครื่องดื่มของเขาจึงตั้งกันอยู่ภายในรั้ววัดเลย เพราะอย่างที่รู้กันอยู่ว่าไวน์แดงถือเป็นเลือดของพระเยซู  ที่จะต้องใช้ประกอบพิธีสำคัญภายในโบสถ์  วัฒนธรรมเกี่ยวโยงกันยังงี้จึงไม่มีการรังเกียจเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ทั้งหลายในวัด

และก็ที่น่านับถือก็คือ  พวกเขาจะสงบเสงี่ยมมากเมื่อเข้าไปในโบสถ์  แม้ว่าจะดื่มกันมามากก่อนหน้านั้นก็ตาม  ลองเปรียบเทียบดูนะ  พวกเราบางคนที่แม้จะไม่ดื่มอะไรเลย  ก็ยังคุยกัน  นินทากันในวัด  หรือพูดแข่งขณะพระกำลังสวดเลยทีเดียว


กระทู้: วัฒนธรรมการดื่ม : นานาชาติ
เริ่มกระทู้โดย: NickyNick ที่ 25 ส.ค. 06, 18:22
 ก็มี Evening Tip เหมือนอย่างเคย


ศีล ๕  การรักษากายวาจาให้เรียบร้อย (The Five Precepts)

๑. เว้นจากการฆ่าสัตว์    Refraining from killing
๒. เว้นจากการลักทรัพย์  Refraining from stealing
๓. เว้นจากการประพฤติผิดในกาม  Refraining from unchastity
๔. เว้นจากการพูดปด  Refraining from lying
๕. เว้นจากการดื่มสุราและเมรัย  Refraining from drinking intoxicants

สุรา  คือน้ำเมาที่กลั่น distilled liquor    ส่วนเมรัย คือน้ำเมาที่หมักดอง  fermented liquor


กระทู้: วัฒนธรรมการดื่ม : นานาชาติ
เริ่มกระทู้โดย: กุ้งแห้งเยอรมัน ที่ 26 ส.ค. 06, 02:32
 เพราะ
และซึ้งค่ะ


กระทู้: วัฒนธรรมการดื่ม : นานาชาติ
เริ่มกระทู้โดย: NickyNick ที่ 26 ส.ค. 06, 11:03
 ขอบคุณครับคุณกุ้งแห้งเยอรมัน
ที่ว่าเพราะ  เพลงของ Johann Strauss ที่อาจารย์เทาฯ แนะแนะมา
หรือว่าธรรมะของผมครับ

ยินดีต้อนรับสู่วงการของเราอีกท่านหนึ่งครับ


กระทู้: วัฒนธรรมการดื่ม : นานาชาติ
เริ่มกระทู้โดย: NickyNick ที่ 26 ส.ค. 06, 13:36

ย้อนกลับไปที่กรุงเวนิสกันอีกทีครับ  อยู่ที่อิตาลี  ขอบทะเลเอเดรียติกนู่น  ไปโน่นไปนี่เรื่อย  เดี๋ยวหลงแน่เลย

นี่เป็น สะพานริอัลโต้ (Rialto)
เปรียบกันว่าเป็นเหมือน "สะพานหัน"  ของเมืองไทย  รัชกาลที่ ๕ ท่านตรัสไว้อย่างนี้นะครับ
คงเพราะรูปทรงคล้ายๆ กัน (บ้างนะ)  แล้วก็มีหลังคาเหมือนกัน  เป็นสะพานโค้งข้ามคลอง  มีร้านขายของบนสะพานแบบเดียวกัน


กระทู้: วัฒนธรรมการดื่ม : นานาชาติ
เริ่มกระทู้โดย: NickyNick ที่ 26 ส.ค. 06, 13:42

แล้วเราก็ไม่มีพลาด  บรรยากาศดีๆ
นั่งดื่มกันอีกรอบ   ตาหนึ่งมองคลอง  อีกตาหนึ่งมองสะพาน
แล้วก็ชนแก้ว  Salute (สะ-ลู้ท-เต้) ท่ามกลางบรรยากาศ original ของที่นี่ ..... เวนิส
โอ้ววว   ไม่มีสุขใดไหนเท่า


ดื่มเช้า ดื่มสาย  ดื่มเที่ยง  ดื่มบ่าย  ดื่มเย็น  ดื่มค่ำ  ดื่มมืด  ดื่มดึก
แล้วก็เผลอหลับไปเมื่อไรไม่รู้


กระทู้: วัฒนธรรมการดื่ม : นานาชาติ
เริ่มกระทู้โดย: tuka007 ที่ 26 ส.ค. 06, 15:00

.

โอย..จะอิจฉาดีมั้ยเนี่ยเรา

เขาดื่มกันจนหลับเมื่อไหร่ไม่รู้

       


กระทู้: วัฒนธรรมการดื่ม : นานาชาติ
เริ่มกระทู้โดย: NickyNick ที่ 26 ส.ค. 06, 18:09
 ดื่มตั้งแต่เช้ามืด  ยันกลางคืนจนดึกดื่น  ก็เจ้านายของคุณตูก้าในรูปนี่แหละ
อย่าลืมปลุกคุณทามะมาช่วยชงด้วยล่ะ


Evening Tip เช่นเคย
คุณกุ้งแห้งเยอรมันจะได้ซึ้งอีกครั้ง  

Hair of the dog (that bit one) – ถอน (ใช้ในนักเลงเหล้า)

Mr. TIBO suggests that if MOO-NOI got a hangover try a hair of the dog that bit him.
นายติบอแนะว่า  ถ้าคุณหมูน้อยฯ เพลียหลังจากการดื่มเหล้า  คุณหมูน้อยฯ ต้องลองถอนเสีย  คืนนี้เลยเป็นไง

It will be addicted to you if you have the hair of the dog that bit you regularly.
ถ้าคุณถอนเป็นประจำคุณจะติด  จำไว้นะหมูน้อยฯ  ต้องมีผู้ใหญ่กำกับ


กระทู้: วัฒนธรรมการดื่ม : นานาชาติ
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 26 ส.ค. 06, 18:53
 กรีกมีเทพเจ้าแห่งไวน์ ชื่อไดโอไนซุส   เป็นผู้ก่อกำเนิดไวน์ให้มนุษย์
พวกที่เรียน Drama จะต้องเรียนประวัติของเทพองค์นี้ก่อน เพราะเป็นที่มาของละครกรีก ซึ่งมีอิทธิพลต่อละครอังกฤษและฝรั่งเศสในภายหลัง

เอารูปมาฝากคุณนิค  หารูปที่หล่อที่สุดได้แค่นี้เองค่ะ



กระทู้: วัฒนธรรมการดื่ม : นานาชาติ
เริ่มกระทู้โดย: หมูน้อยในกะลา ที่ 26 ส.ค. 06, 22:41
 แฮ่ะๆๆ เอาผมเข้าไปเกี่ยวกับเรื่องพวกนี้อีกจนด้ายยย

เอื๊อก.. ก...ก....ก


กระทู้: วัฒนธรรมการดื่ม : นานาชาติ
เริ่มกระทู้โดย: NickyNick ที่ 27 ส.ค. 06, 10:29
 แล้วเรื่องพวกเนี้ยะ ........ มันม่ายดีตรงหนาย ....... เกี่ยวหน่อยเหอะ

ไม่อยากเกี่ยวกับผม  ก็เกี่ยวกับอาจารย์เทาฯ ก็ได้
หาองค์ไดโอไนซุส  เทพเจ้าแห่งไวน์ของกรีกที่หล่อกว่าของอาจารย์ฯ มาแปะอีกดิ  หลายเวอร์ชั่นก็ไม่ว่า  ถนัดป่าว


กระทู้: วัฒนธรรมการดื่ม : นานาชาติ
เริ่มกระทู้โดย: กุ้งแห้งเยอรมัน ที่ 27 ส.ค. 06, 12:43

คุณNickyNickคะ
รออ่านต่อค่ะ
ระหว่างรอ ขออนุญาตส่งรูปมาร่วมเฮฮาด้วยคน
รัมหนึ่งแก้ว ริมฝั่งแม่น้ำแคว
น่าจะทำให้จินตนาการเตลิดได้
ไม่แพ้ดื่มไวน์นะคะ


กระทู้: วัฒนธรรมการดื่ม : นานาชาติ
เริ่มกระทู้โดย: NickyNick ที่ 27 ส.ค. 06, 14:58
 เตลิดแล้วคร้าบ  คุณกุ้งแห้งฯ
สติสตังไม่อยู่กับเนื้อกับตัว
แค่เห็นภาพ  ก็ยั่วยวนจนน้ำลายไหล
หากเห็นเจ้าของ  มิฝันไปไกลพู้นนน เลยเหรอ

ถ้ารู้ว่ามีของดีๆ แบบนี้แต่แรก  ต้องชวนพรรคพวกไปล่องแพเมืองกาญจน์ซะให้เข็ด


กระทู้: วัฒนธรรมการดื่ม : นานาชาติ
เริ่มกระทู้โดย: NickyNick ที่ 27 ส.ค. 06, 16:40
 ต่อเรื่องเวนิสเลยนะครับ
ไปเที่ยวเวนิส  ก็เรียกว่าเข้าไปในประเทศอิตาลีแล้ว  ประเทศนั้นมีกาแฟที่เด่นๆ เป็นภาษาอิตาเลียนที่เราคุ้นเคยกันดีคือ คาปูชิโน (Capuccino) เป็นกาแฟผสมนมแล้วอัดฟอง  แล้วอีกอย่างก็คือ  เอสเปรสโซ (Espresso)  ก็ไอ้กาแฟดำบ้านเรานี่แหละครับ

ก็คุยเรื่องดื่มกาแฟบ้างก็แล้วกัน  ไม่ได้มีสาระเท่าไรหรอกนะ  เพราะแบบนั้นจะคุยไม่เป็นเท่าไร  อ้อ  ใครอยากเล่าเกี่ยวกับอุปกรณ์การต้มกาแฟ  หรือพวกอะไรเทือกเนี้ยะ  เชิญได้เลยครับ

ก็จะพูดเรื่องความสัมพันธ์กับเพื่อนครับ  โดยใช้กาแฟหรือเครื่องดื่มต่างๆ เป็นสื่อ  สัมพันธ์แบบที่เรียกว่า Relationship นะครับทุกท่าน  ในฐานะที่มีเพื่อนเยอะ  หลายเชื้อชาติหลากวัฒนธรรม  หากเผลอไปนิดหน่อย  ความสัมพันธ์อาจขาดสะบั้นเลยก็ได้  เพราะมันอาจเกิดขึ้นอย่างไม่คาดฝันเลยก็ได้


กระทู้: วัฒนธรรมการดื่ม : นานาชาติ
เริ่มกระทู้โดย: NickyNick ที่ 27 ส.ค. 06, 16:59
 คืนนั้นดื่มทุกอย่างที่เขาบอกว่าสุดยอดที่เวนิสแล้ว  กลางคืนก็นอนอย่างสบายใจเฉิบ  ตอนเช้าตื่นขึ้นมาก็ต้องดื่มกาแฟต้นฉบับของที่นั่น  เราก็เลือกดื่มคาปูชิโน  ฮะฮ้า  ของแท้  ต้องไม่ละเลยที่จะต้องลองสักครั้งของชีวิต

พอดื่มเสร็จ  เพื่อนก็ถามเราว่า  เป็นไงมั่ง  เราตอบว่า  ก็ยังงั้นยังงั้นแหละ  ก็จริงๆ นี่  กาแฟฟองฟูๆ  อัดแก๊สให้มีบั๊บเบิ้ลมากๆ  รสชาติมันก็กาแฟเราดีๆ นี่เอง   ไม่เห็นจะเป็นช็อกโกแล็ตเลยนี่  ใช่ไหมพวก  เพื่อนมันทนกับพฤติกรรมเราไม่ไหวแล้วล่ะ  อุตส่าห์พามาดื่มกาแฟชั้นเลิศของโลกที่นี่แล้วยังมาตอบว่ายังงั้นๆ  เหมือนกับดื่มที่เมืองไทย  ดื่มเอสเพรสโซ  ก็บอกว่าเหมือนกาแฟดำบ้านเรา   ลิ้นช่างไม่รู้จักแยกแยะรสชาติความอร่อยไม่อร่อยเลย  มันอยากเตะเราสักป้าบสองป้าบ  แล้วก็บ่นกันไป

มันต่างวิจารณ์เราว่า  เพราะคนไทยกินเผ็ดกันทั้งประเทศ  ทำให้ลิ้นแยกแยะรสชาติไม่ออก  ตุ่มรับรสเลยพังหมด  มันว่าเราเป็นพวกหมดความรู้สึก  เลยต้องเถียงกันยาว  หมดความรู้สึกเฉพาะลิ้นแค่นั้นนะไอ้เพื่อนยาก  อย่างอื่นยังปึ๋งปั๋งอยู่

มันบอกว่าลิ้นเราแยกแยะรสชาติของกาแฟที่เป็นชั้นเลิศของโลกอย่างนี้ไม่ได้
จำแนกชนิดของไวน์ว่าเป็นยี่ห้ออะไรไม่ได้  หรือผลิตจากประเทศไหน  เมื่อไร  จากดินแดนตรงไหน  ปลูกติดแม่น้ำอะไรไม่ได้

ใครจะไปเก่งอย่างพวกท่านละ  หรือหากจะอยากแข่งเรื่องรายละเอียดบางอย่าง  เอาแว่นมาส่องพระแข่งกันไหมล่ะ  เราจะบอกเป็นฉากๆ เลยว่าเป็นพระอะไร  แท้ไม่แท้  รุ่นไหน  สร้างปีพ.ศ.อะไร   แล้วก็เอ็งจะตีราคาให้ข้าเท่าไร  ก็มันคนละวัฒนธรรมกันนี่หว่า  จะให้ไปเหมือนพวกท่านได้ไง

ก็ยังดีที่เขาคิดว่าเพราะเรากินเผ็ดจนลิ้นเลี่ยน  ไม่ได้วิจารณ์เราถึงเรื่องรสนิยม  ความจริงเราก็รสนิยมสูงนะ  คือ  คือว่าพวกเธอสูงๆ ทั้งนั้น  แล้วเราก็  ก็  ก็สูงพอๆ กับเธอนั่นแหละคร้าบ  อย่าคิดมากเลยเพื่อน

วันนี้มีแต่มัน  มัน  มัน  เพราะเอาเรื่องที่มันหงุดหงิดมาเล่า


กระทู้: วัฒนธรรมการดื่ม : นานาชาติ
เริ่มกระทู้โดย: NickyNick ที่ 27 ส.ค. 06, 17:05
 Evening Tip  เช่นเคย
จะเรียกนิทานหมูน้อยก็ไม่ได้  เดี๋ยวแย่งอาจารย์เทาฯ ดังอีกคน
เรียก ภาษิตหมูน้อย ก็แล้วกัน

Wash – ตบตูด (ภาษานักดื่ม)
This liquor is too strong, do you have a wash?
เหล้านี้แรงเกินไป  คุณมีอะไรตบตูดไหม?



Moo-Noii usually drinks pure with a glass of ice water for a wash.
ตามปกติคุณหมูน้อยดื่มอย่างเพียวๆ  กับน้ำแข็งแก้วหนึ่งตบตูด


กระทู้: วัฒนธรรมการดื่ม : นานาชาติ
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 27 ส.ค. 06, 17:41
 ตามอ่านของคุณนิคกับคุณกุ้งแห้ง ถึงค.ห. 61   ดิฉันก็เริ่มเมาแล้ว
พออ่านผ่านค.ห. 64 มาถึงตอนนี้  
ต้องชงกาแฟดำมาถอนเป็นการใหญ่  


กระทู้: วัฒนธรรมการดื่ม : นานาชาติ
เริ่มกระทู้โดย: กุ้งแห้งเยอรมัน ที่ 28 ส.ค. 06, 10:45
 อาจารย์เทาชมพูคะ
ขออนุญาตเสนอวิธีถอนอีกวิธีได้ไหมคะ
ด้วยชาสักแก้วและพายลำใยสักชิ้น
สมองโปร่งค่ะ
ชาจะละลายพายได้กลมกล่อม
ไม่กลัวน้ำหนักเพิ่มค่ะ


กระทู้: วัฒนธรรมการดื่ม : นานาชาติ
เริ่มกระทู้โดย: NickyNick ที่ 29 ส.ค. 06, 08:24
 สุภาพบุรุษตบตูดกันเรียบร้อยแล้ว
สุภาพสตรีแนะวิธีถอนกันยกใหญ่

ใช้วิธีถอนด้วยกาแฟของอาจารย์เทาฯ กลางดึก  เกิดตาแข็งขึ้นมา  ยายจะยุ่งเน้อ
ส่วนพายลำไยของคุณกุ้งแห้งฯ ไม่น่าจะหวานนัก  เห็นคุยว่าไม่ทำให้น้ำหนักเพิ่ม ต้องลองพร้อมกับชาดูสักที  หุ่นที่อวบอิ่มจะได้สะเลนเดอร์ขึ้น  อิอิ


กระทู้: วัฒนธรรมการดื่ม : นานาชาติ
เริ่มกระทู้โดย: NickyNick ที่ 29 ส.ค. 06, 08:39

ก็พามาแนะนำสถานที่โรแมนติกแห่งหนึ่งที่พวกเราชื่นชอบกันมาก  จะบอกว่าทำไมพวกเราถึงเป็นแฟนของที่นี่กันบ่อยๆ มาก

ที่นี่มีนามว่า
Kaffee Alt Wien  ครับ  แปลว่า Cafe Old Vienna

Vienna เป็นชื่อเมืองหลวงของออสเตรียเป็นภาษาอังกฤษ  ส่วนคนออสเตรียเรียกเป็นภาษาเยอรมันว่า Wien  อ่านว่า "วีน" ครับ

ตั้งอยู่ที่ถนน Baeckerstrasse  นี่เป็นรูปก็อปจากโปสการ์ดของเขาครับ  ได้มาตั้งแต่ปี ๒๕๓๗ โน้นนนน

เพื่อนๆ ชอบมานั่งดื่มกันที่นี่มาก  เพราะคุ้นเคยกับทุกคนในนี้  ทั้งกุ๊ก  ทั้งเด็กเสิร์ฟชาวโครเอเชีย  ทั้งผู้จัดการร้าน  สถานที่ข้างในก็ไม่ได้มีความพิเศษอะไร  เป็นร้านเล็กๆ แคบๆ ดูแออัดยัดเยียด  โต๊ะเก้าอี้เก่าๆ ราว ๑๐ กว่าโต๊ะ  ข้างฝาเต็มไปด้วยรูปภาพทั้งเก่าทั้งใหม่  มีการเขียนบ้าง เซ็นบ้างทั้งบนภาพและบนฝาผนังคอนกรีต

ความเป็นเช่นนี้แหละที่ทำให้คนมาเที่ยวชื่นชอบ  รวมกับเสน่ห์ของการบริการข้างใน  ไม่ได้เรียกร้องเงินทองมากเช่นที่อื่น   หากบางรายไม่มีเงิน  ก็ลดราคาลงหรือให้ฟรีเลยก็ได้   หากใครดื่มมากก็จะทิปเป็นเครื่องดื่มแก้วสุดท้ายให้ฟรี   ความมีน้ำใจของที่นี่  คนจึงมาเที่ยวกันอย่างเนืองแน่น

เพื่อนบอกว่า  หากเขาปรับปรุงทาสีใหม่  ความเป็นของเดิมก็จะไม่เหลือ   รวมทั้งค่าบริการจะแพงขึ้นเป็นเงาตามตัว  คนส่วนหนึ่งก็จะเลือกไปรับบริการที่อื่นกัน

นี่เป็นภาพที่ผมพบเห็นในช่วงปี ๒๕๓๗-๒๕๔๐ นะครับ  ตอนหลังไม่รู้ว่าเปลี่ยนไปมากน้อยแค่ไหน  ใครผ่านไปมาทางนั้น  แวะเข้าไปเยี่ยนเยือน  กลับมาเล่าให้ฟังบ้างนะครับ

คืนนั้นเราก็ได้รับทิป  The last drink  ทั้งจากเจ้าของร้าน  แล้วก็จากพวกเรากันเอง  กลายเป็น The last drinkssss ก่อนกลับไปนอนบ้านซะแล้ว


กระทู้: วัฒนธรรมการดื่ม : นานาชาติ
เริ่มกระทู้โดย: NickyNick ที่ 29 ส.ค. 06, 09:29
ตอนสนุกๆ มีความสุขก็ไม่ได้ถ่าย  หวง  อยากเก็บความทรงจำที่ดีงามไว้คนเดียว    แล้วต้องตามมาเก็บรูปตอนหลังเมื่อเวลาผ่านไปอีกนานเน  ก็ธรรมดาโลก  เวลาดื่มเวลากินเวลาเที่ยว  ใครคอยจะมัวแต่ชักรูปอยู่ล่ะ

เหมือนกับตอนที่ไปดื่มที่ Harry’s Bar ในกรุงเวนิส อิตาลีนั่นแหละ  ตอนกำลังดื่มอย่างมีความสุขก็ไม่ได้ถ่าย  ต้องเดินไปอีกวันตอนเช้า  เหนื่อยน่าดูกว่าจะกลับไปค้นเจอ  เพราะทางมันคดเคี้ยววนเวียนไปหมด  น่าเวียนหัว  และทุกที่ก็อยู่ติดคลองเหมือนกันซะด้วย  ที่เวนิสต้องเดินครับ  หรือนั่งเรือเท่านั้น  ไม่มีรถให้นั่งเลย  รถเป็นของห้ามของหวงที่สุดของเวนิสเลยครับ

ภาพนี้ถ่ายเมื่อปี ๒๕๓๙ ครับ  ไม่มีหมาอยู่ข้างหน้าเหมือนกับภาพข้างบน  นี่เป็นคน ๓ คนนะครับ  ดูกันให้ดีๆ  เพื่อนชาวแคนาดา ๒ คนนี้อยากได้รูปเก็บไว้  เราเลยมีโอกาสได้ถ่ายร่วมกันด้วย  ไม่งั้นคงไม่มีรูปมาโชว์หรอก  เป็นพี่น้องกัน  คนหนึ่งแก่กว่าผมปี  อีกคนเด็กกว่าผมปี  อิอิ  รู้แล้วซีว่าผมอายุเท่าไร  ก็อยู่หว่างกลางระหว่าง ๒ คนนี้ไง

ผมตัวไม่เตี้ยนะครับ  แต่เพื่อนมันตัวสูงกว่า


กระทู้: วัฒนธรรมการดื่ม : นานาชาติ
เริ่มกระทู้โดย: NickyNick ที่ 29 ส.ค. 06, 15:36
 ที่ Kaffee Alt Wien  อันเป็นที่รักยิ่งของเราในค่ำคืนหนึ่ง  ขณะที่เรากำลังดื่มด่ำกับความสุขทั้งกับเพื่อนเก่าที่สนิทกัน  แล้วกับเพื่อนใหม่ที่เริ่มจะสนิท  เธอคนใหม่ของราตรีนี้เป็นหญิงสาวครับ  มีเสน่ห์  คุยเก่ง  และที่สำคัญ  เธอเป็นทั้งนักสูบและนักดื่มตัวยง  ผมมิมีทางเปรียบคู่กับเธอได้เป็นอันขาด  บอกซ้ำอีกที  ไม่มีทางเลย

..
..
..
..

........... ขณะที่เรากำลังมีความสุขอย่างเหลือล้นอยู่นั้น  พลันก็มีเหตุการณ์ไม่คาดฝันเกิดขึ้น

เป็นความพลิกผันอย่างรวดเร็วจากหน้ามือเป็นหลังมือ

ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าเป็นเช่นนั้นได้


กระทู้: วัฒนธรรมการดื่ม : นานาชาติ
เริ่มกระทู้โดย: NickyNick ที่ 29 ส.ค. 06, 16:00
 Evening Tip อีกเช่นเคย  สำหรับภาษิตหมูน้อย
มาร่วมรักษาโรคแอบนอย ของหมูน้อยด้วยอีกคน  นิทานหมูน้อยของอาจารย์เทาฯ ช่วยบรรเทาไปได้ส่วนหนึ่ง  ตอนนี้ภาษิตหมูน้อยมาช่วยป้องกันการกำเริบ
เอ  แต่ว่า โรคแอบนอยมันมีความหมายแท้ๆ ยังไง  ผมก็พูดตามเขาไป  เรื่อยเปื่อย


Drink like fish  แปลว่า  คอทองแดง
เพื่อให้เข้ากับเธอ  ตัวละครสำคัญ  และเป็นจุดเปลี่ยนผันของค่ำคืนนั้นกลางกรุงเวียนนา

TIBO, what do you like to have?  I have ordered a bottle of Mekong.
"ติบอ  นายจะสั่งอะไร?   พี่สั่งแม่โขงขวดหนึ่งแล้ว"  พี่หมูน้อยถาม

Why that much?
"ทำไมสั่งมากล่ะพี่?"  ติบอชักสงสัย

Don’t worry, I drink like a fish.
"ไม่ต้องเป็นห่วง  พี่เป็นพวกคอทองแดง"

อีกสักคนก็แล้วกัน  ไม่ได้เผานะน้อง  ยกตัวอย่างเพื่อเป็นประโยชน์ทางวิชาการ
I never see GURUGULA got drunk at all. How could he, he drinks like a fish.
ฉันไม่เห็นกุรุกุลาเมาสักทีเลย  เขาจะเมาได้อย่างไรในเมื่อเขาเป็นพวกคอทองแดง


กระทู้: วัฒนธรรมการดื่ม : นานาชาติ
เริ่มกระทู้โดย: NickyNick ที่ 31 ส.ค. 06, 10:45
 วัฒนธรรมของเรากับตะวันตกมีความแตกต่างกันหลายอย่าง
บางอย่างเราว่าไม่ดี  แต่เขาไม่ถือ  อย่างเรื่องการดื่มเครื่องดื่มเหล่านี้  ถ้าไม่เกินไปนัก  ถือว่าเป็นเรื่องธรรมดา
แต่ของชาวพุทธ  เป็นการผิดศีล ๕  ไม่ควรเอาเยี่ยงอย่าง  แม้แต่ดื่มน้อยๆ ก็เถอะ
ดื่มน้อยก็ผิด  ดื่มมากก็ผิด  อย่ากระนั้นเลย  ดื่มมากไปเลยจะได้คุ้มค่ากับความผิด  บางทีเราก็คิดเลยเถิดไปถึงขั้นนี้ก็มี

ตอนพูดคุยกับเพื่อนๆ  หากไม่รู้ใจกัน  หรือไม่เข้าใจวัฒนธรรมของเขามาก่อน  อาจเกิดความเข้าใจผิดกันได้ง่ายๆ
เช่น  เขาชมว่าเราเป็นคนดีมาก  น่าคบหาสมาคมด้วย  ระหว่างพูดเขาก็ส่ายหน้าหลายๆ ที   ส่ายอยู่นั่นแหละ  แถมพวกเขาพูดแล้วไม่ยิ้มด้วย  ยิ้มบ่อยๆ นักก็ไม่ดี

เราอย่าไปคิดในทางลบนะครับ  ไม่มีลับลมคมนัยอะไรด้วย  การส่ายหน้าไปด้วยเป็นการชื่นชมในด้านดีครับ  แสดงว่าดีมากๆ

เป็นวัฒนธรรมที่แตกต่างกันครับ

เรื่องเล็กๆ น้อยๆ เหล่านี้  หากเราไม่เข้าใจกัน  อาจนำไปสู่ความบาดหมางได้โดยรู้เท่าไม่ถึงการณ์ก็มี


กระทู้: วัฒนธรรมการดื่ม : นานาชาติ
เริ่มกระทู้โดย: NickyNick ที่ 01 ก.ย. 06, 13:29
 อันนี้จะเรียกว่า  เพราะวัฒนธรรมที่แตกต่าง  หรือเพราะความมักง่าย  หรือเพราะความไม่รู้  จะเข้าข่ายไหน  ลองร่วมพิจารณากันครับ


แล้วในคืนนั้นผมก็ซื้อดอกกุหลาบสีแดงดอกใหญ่มอบให้เธอครับ  บอกย้ำอีกครั้งว่าดอกใหญ่จริงๆ  สวยด้วย  เพราะดอกไม้เมืองหนาวยังไงมันก็ใหญ่  กัดฟันซื้อ  เพราะดอกกุหลาบที่นั่นแพงมาก  ยิ่งมาขายในผับกลางคืนดึกๆ ยิ่งแพงใหญ่   ๑๐ กว่าปีก่อนดอกละราว ๑๕๐ บาท  ตอนนี้ไม่รู้ว่าเท่าใด

ซื้อให้เธอคนเดียวครับ  เพราะมันแพง  แล้วเธอก็เป็นเพื่อนใหม่  อยากผูกความสัมพันธ์ด้วย  เพื่อนผู้หญิงคนอื่นร่วมโต๊ะเดียวกันในฐานะที่รู้จักสนิทชิดเชื้อกันนานแล้ว  อดครับ  คิดๆ  ง่ายๆ  ไปเอง  ไม่น่าจะเป็นเรื่องแปลก


กระทู้: วัฒนธรรมการดื่ม : นานาชาติ
เริ่มกระทู้โดย: NickyNick ที่ 01 ก.ย. 06, 15:40
 ดอกกุหลาบเป็นดอกไม้ที่มีความหมายลึกซึ้ง  เฉพาะตัว   หากจะมอบให้ใครให้ดูให้ดี  อย่าให้โดยสุ่มสี่สุ่มห้า  ถ้าสุ่มหกคงพอได้ อิอิ  ของผมที่เล่ามานี้เป็นตัวอย่างที่ไม่ดี  อย่าเอาเยี่ยงเอาอย่างเด็ดขาด

ตอนดื่มอยู่  หรือโอกาสไหนๆ ก็แล้วแต่   แล้วใจป้ำอยากจะซื้อดอกกุหลาบให้สาวๆ  ก็นับดูให้ดีนะว่ามีอเธออยู่ร่วมโต๊ะเรากี่คน  ไม่ใช่ให้เฉพาะคนที่เราปิ๊งแค่นั้นนะครับ  ต้องกวาดให้เธอหมดทั้งโต๊ะ  หากซื้อให้คนหนึ่ง  แล้วอีกคนไม่ได้รับ  ถือเป็นการเสียมารยาทรุนแรงที่สุดในชีวิตของท่านเลยนะครับ  แม้ว่าหญิงผู้นั้นท่านจะสนิทสนมปานจะกลืนกินก็ตาม  หากเธอไม่ได้รับดอกกุหลาบพร้อมกับสาวอื่นในโต๊ะ  เธอจะแปลงร่าง แว๊บบบบบ เป็นนางมารร้ายในฉับพลัน  พูดจาไม่เป็นภาษามนุษย์กันอีกต่อไป  เพราะเป็นต้นเหตุทำให้เธอเสียหน้าอย่างที่สุดในชีวิต

หากอยากมอบให้เธอคนที่หมายปองเพียงคนเดียว  ก็แอบมอบให้ในเวลาอื่น  ที่ไม่มีหญิงใดอยู่ใกล้เป็นอันขาด

ผมเคยเจอมาแล้ว  ต้องจดจำไปตลอดชีวิต  เป็นวัฒนธรรมหรือมารยาทสังคมที่เราต้องเรียนรู้เพิ่มเติมด้วยอย่างไม่มีข้อแม้

คืนนั้น  ขณะที่ผมกำลังระเริงสุข  โดยไม่คาดฝัน  ผมกลับได้รับประสบการณ์ที่เลวร้ายที่สุดของชีวิตในวงเหล้า  บอกได้คำเดียวว่าเละครับ  ไม่มีโอกาสได้แก้ตัวแม้แต่สักคำเดียว
ทุกข์กับสุขมันมาพร้อมๆ กันเลยครับ
หากพูดแบบชาวพุทธ  เวรกรรมมีจริงครับ


กระทู้: วัฒนธรรมการดื่ม : นานาชาติ
เริ่มกระทู้โดย: NickyNick ที่ 01 ก.ย. 06, 18:56
 โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน

Evening Tip  เช่นเคยครับ

Booze  - เที่ยวดื่มเหล้าอย่างไม่หยุดหย่อน

Mr. TIBO was boozing last night and came in at 2 am.
นายติบอเที่ยวดื่มเหล้าเมื่อคืนนี้และกลับเข้าบ้านตอนตี ๒

MOO-NOII never drinks a galss of two, he boozes like hell.
นายหมูน้อยไม่เคยดื่มเหล้าแก้วสองแก้ว  เขาดื่มไม่หยุดหย่อน


กระทู้: วัฒนธรรมการดื่ม : นานาชาติ
เริ่มกระทู้โดย: กุ้งแห้งเยอรมัน ที่ 02 ก.ย. 06, 12:31
 คุณNickynickเขียนเรื่องเมาๆได้ดีจังค่ะ โดยเฉพาะการยกตัวอย่าง


กระทู้: วัฒนธรรมการดื่ม : นานาชาติ
เริ่มกระทู้โดย: จิตแผ้ว ที่ 07 ก.ย. 06, 01:01
 เมาเหล้าเมารัก        ขับร้อง: สันติ ดวงสว่าง    

ดนตรี 4 Bars..2...3...4.
ถึงแม้ พี่จะขี้เมา เพื่อเจ้าพี่ ก็ยอม หยุดพัก
เดี๋ยวนี้พี่ เลิกเมา สุรา แต่ต้อง กลับมา กลับมาเมารัก
โฉมเอ๋ย โฉมเฉลา พี่รักเจ้าปาน จะกลืนกิน
น้อง อย่าดีดดิ้น อย่าหยามหมิ่น ว่าพี่ขี้เมา
ถึงเมาเหล้า เช้าสาย ก็หายไป แต่เมาใจ เพราะหลงรักเจ้า
พี่เมาประจำ ทุกค่ำทุกเช้า ยิ่งเสียกว่า เมาเหล้า
นั่นคือพี่เมา ความรัก ใบหน้า ในตา
น้องหวานหวาน มองน้องนานนาน แล้วยิ่งพาล เมาหนัก
เนื้ออ่อน ให้พี่ได้นอน หนุนตัก เห็นหน้า นงลักษณ์ แล้วพี่ยิ่งชัก เมาใจ
พี่ติดเหล้า เมาง้ำ เพราะห้ามหัก แต่เมารัก รักนงราม ห้ามไม่ไหว
เลิกเมาเหล้า แล้วซิเรา กับเมาใจ เมาเหล้า ไม่เท่าไร มาหนักใจ เมื่อเมารัก
ดนตรี 4 Bars..2...3...4.
ใบหน้า ในตา น้องหวานหวาน มองน้องนานนาน
แล้วยิ่งพาล เมาหนัก เนื้ออ่อน ให้พี่ได้นอน หนุนตัก
เห็นหน้า นงลักษณ์ แล้วพี่ยิ่งชัก เมาใจ
พี่ติดเหล้า เมาง้ำ เพราะห้ามหัก แต่เมารัก รักนงค์ราม ห้ามไม่ไหว
เลิกเมาเหล้า แล้วซิเรา กับเมาใจ เมาเหล้า ไม่เท่าไร
มาหนักใจ เมื่อเมารัก ไไม่เมาเหล้ แล้วซิเรา กับเมารัก
ไม่เมาเหล้า แล้วซิเรา กับเมารัก ไม่เมาเหล้า แล้วซิเรา กับเมารัก.
..... จบ .....


กระทู้: วัฒนธรรมการดื่ม : นานาชาติ
เริ่มกระทู้โดย: โพธิ์ประทับช้าง ที่ 07 ก.ย. 06, 01:13
   


กระทู้: วัฒนธรรมการดื่ม : นานาชาติ
เริ่มกระทู้โดย: กุ้งแห้งเยอรมัน ที่ 07 ก.ย. 06, 09:31
 ไปงอนอยู่ทีไหนนะ เจ้าของกระทู้


กระทู้: วัฒนธรรมการดื่ม : นานาชาติ
เริ่มกระทู้โดย: กุรุกุลา ที่ 07 ก.ย. 06, 14:48
   


กระทู้: วัฒนธรรมการดื่ม : นานาชาติ
เริ่มกระทู้โดย: นิลกังขา ที่ 08 ก.ย. 06, 09:52
 เอื๊อก.....
อ่านมาได้แค่นี้ก็ เมาครับ

ขอตัวช่วยครับ ทางจีน ดูเหมือนมีเรื่องตำนานการผลิตเหล้าเป็นครั้งแรกในโลกไม่ใช่หรือครับ ตั้งแต่ครั้งไคเภ็กหรืออะไรนี่แหละ สมัยที่มนุษย์ยังไม่เจริญยังแทบจะเป็นคนถ้ำอยู่ บรรพฮ่องเต้ยุคโน้น มีองค์หนึ่งชื่อซุ่นเต้ หรือเงี้ยวเต้ หรือไงก็จำไม่ได้แล้ว

ตามความจำอันแหว่งวิ่นของผม ตำนานเล่า (คล้ายๆ) ว่า ครั้งนั้นมีกระทาชายนายหนึ่ง ชื่อแซ่มิได้ปรากฏ หรือถึงปรากฏไว้ข้าพเจ้าผู้เล่าก็จำมิได้ ด้วยมัวแต่มัวเมากลิ่นสุราในกระทู้นี้อยู่ หลงลืมไปสิ้นแล้ว ขออภัยข้าพเจจ้าเสียเถิด ... ครั้งนั้นมีกระทาชายนายหนึ่ง อยู่มาวันหนึ่งเผอิยอยุ่มิสุข เอาผลไม้แลน้ำตาลมาปนระคนกันหมักดองทิ้งไว้เพลาหนึ่ง เกิดส่าเหล้าขึ้น ครั้นสิ้นกระบวนการหมักดองแล้วก็ได้ของเหลวชนิดใหม่ยังเคยบังเกิดมีในโลกมาก่อนในเวลานั้น กระทาชายนายนี้ดื่มเข้าไปก็ให้รู้สึกมึนงง จิตใจโปร่งสบายประหลาดผิดกว่าเคย ฤทธิ์สุราพาให้ออกโลดเต้นร้องรำทำเพลงไปประสาเมาจนฟุบ แต่นั้นก็แอบหมักเหล้ากินเล่นเสมอ เรื่องก็ลือไปว่ากระทาชายนายนี้มีความสามารถประดิษฐ์น้ำรสประหลาดได้

ความทราบถึงพระกรรณฮ่องเต้ พระองค์ก็เสด็จมาจะใคร่ทดลองให้เห็นประจักษ์เท็จแลจริง จึ่งให้กระทาชายนายคนนั้นแหละเอาสุราหมักมาถวายให้เสวย ครั้นพอจิบเข้าไปได้คำหนึ่งพระเจ้าฮ่องเต้ก็สะท้านไปทั้งพระวรกาย พระโลมาลุกเกรียวซาบซ่านในพระทัยยิ่งนัก หากแต่องค์ฮ่องเต่ทรงเป็นผู้นำชุมชน ทรงพระสติปัญญาอันยิ่ง ก็ระงับพระองค์ลงเป็นปกติ  แล้วตรัสสรรเสริญของเหลวใหม่ประหลาดนี้ว่ามีรสวิเศษแปลกมหัศจรรย์ชวนหลงใหลยิ่งนัก จึ่งทรงพยากรณ์ว่า ในอนาคตกาลนานไป จะต้องมีฮ่องเต้ที่ต้องสูญเสียราชสมบัติด้วยความลุ่มหลงสุรานี้เป็นมั่นคง จึ่งมีรับสั่งให้ทุบทำลายหม้อหมักหม้อกลั่นอุปกรณ์ประกอบทำสุราทั้งปวงลงจนสิ้นเชิง อย่าให้หลงเหลืออยู่ได้สืบไป

(แต่ข้าพเจ้าผู้เล่านิทานนี้สงสัยว่า พอสิ้นรัชกาล ก็คงมีคนจีนรายอื่นหมักกลั่นเหล้าขึ้นใหม่อีก ไม่อย่างนั้นจีนจะรู้จักกินเหล้ามาถึงเดี๋ยวนี้หรือ)


กระทู้: วัฒนธรรมการดื่ม : นานาชาติ
เริ่มกระทู้โดย: thawankesmala ที่ 09 ก.ย. 06, 12:23
 อยากทราบเรื่อง สุราเหมาไถ (หรือเมาไถ) ประมาณเนี้ยครับ หรือมีอะไรเกี่ยวกับสุราก็นำมาลงให้หน่อย กำลังติดตาม


กระทู้: วัฒนธรรมการดื่ม : นานาชาติ
เริ่มกระทู้โดย: จิตแผ้ว ที่ 10 ก.ย. 06, 17:09
 Ah,fill the cup:-what boots it to repeat
How time is slipping underneath our feet:
Unborn To-morrow and dead Yesterday
Why fret about them if T-day be sweet!

เหล้าปริ่มถ้วยก็ปริ่มฝันแล้วสหาย
เวลาผายผันล่วงเร็วเพียงไหน
วันวานกับวันนี้พะวงไย
หากชื่นหวานสราญใจในวันนี้


โอมาร์ คัยยัม รจนา สุริยฉัตร ชัยมงคล ถ่ายทอด จิตแผ้ว คัดลอก