กระทู้: สุดแสนเสียดายคุณ V_Mee เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 09 ต.ค. 19, 19:05 เรือนไทยขอแสดงความเสียใจกับการจากไปของคุณ V_Mee ค่ะ
ใจหาย ยังคิดอะไรไม่ถูก ไม่นึกว่าจะกะทันหันอย่างนี้ ต่อไปใครจะมาให้ความรู้เกี่ยวกับรัชกาลที่ 6 ตลอดจนรายละเอียดอื่นๆในรัชสมัย เสียดายจนบอกไม่ถูก ขอให้คุณ V_Mee หรือคุณวรชาติ มีชูบท ไปสู่สุคติ ค่ะ กระทู้: สุดแสนเสียดายคุณ V_Mee เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 09 ต.ค. 19, 19:28 :'( :'( :'(
กระทู้: สุดแสนเสียดายคุณ V_Mee เริ่มกระทู้โดย: naitang ที่ 09 ต.ค. 19, 19:36 ขอร่วมแสดงความเสียใจด้วยครับ
กระทู้: สุดแสนเสียดายคุณ V_Mee เริ่มกระทู้โดย: CVT ที่ 09 ต.ค. 19, 20:10 ขอให้ดวงวิญญาณอาจารย์วรชาติไปสู่สุคติ ณ สัมปรายภพครับ
กระทู้: สุดแสนเสียดายคุณ V_Mee เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 09 ต.ค. 19, 20:13 เมื่อวันที่ ๙ ตุลาคม ผู้สื่อข่าวรายงานว่า มีการเปิดเผยถึงการเสียชีวิตของนายวรชาติ มีชูบท ผู้เชี่ยวชาญด้านประวัติศาสตร์ราชสำนักพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว
นายสุวีเรศ มีชูบท บุตรชาย กล่าวว่า บิดาเสียชีวิตเมื่อเวลา ๑๗.๓๐ น. ของวันนี้ จากอาการติดเชื้อในกระแสโลหิต อันสืบเนื่องจากการติดเชื้อในทางเดินอาหาร โดยหัวใจได้หยุดเต้นถึง ๔ ครั้ง กระทั่งเสียชีวิตที่โรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้าหลังเข้ารับการรักษาตัวในห้องไอซียู นายสุวีเรศกล่าวว่า หลังจากบิดาเสียชีวิต อยากให้ผลงานของท่านเป็นที่รู้จักในวงกว้าง ที่ผ่านมามีผลงานอันเกี่ยวเนื่องกับพระราชประวัติพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวเป็นจำนวนมาก ตัวอย่าง ผลงาน อาทิ เกร็ดพงศาวดารรัชกาลที่ ๖, ภาพล้อฝีพระหัตถ์ในรัชกาลที่ ๖, ราชสำนักรัชกาลที่ ๖ และเบื้องลึก เบื้องหลัง ในพระราชบันทึกเรื่อง "ประวัติต้นรัชกาลที่ ๖" เป็นต้น นอกจากนี้ ยังมีผลงานเขียนที่เกี่ยวข้องกับประวัติศาสตร์ในด้านอื่น ๆ เช่นเจ้านายฝ่ายเหนือและตำนานรักมะเมียะและย้อนอดีตล้านนา ตอนรวมเรื่องน่ารู้จากแผนที่เมืองนครเชียงใหม่ สำหรับกำหนดการสวดพระอภิธรรมจะมีขึ้นที่วัดเสมียนนารีเป็นเวลา ๕ คืน หากมีความคืบหน้าจะรายงานให้ทราบต่อไป https://www.matichon.co.th/book/book-society/news_1706359 กระทู้: สุดแสนเสียดายคุณ V_Mee เริ่มกระทู้โดย: CrazyHOrse ที่ 09 ต.ค. 19, 21:21 ใจหาย เสียใจ และเสียดาย
ขอบพระคุณสำหรับความรู้ที่ท่านแบ่งปันให้ชาวเรือนไทยตลอดมาครับ กระทู้: สุดแสนเสียดายคุณ V_Mee เริ่มกระทู้โดย: ดาวกระจ่าง ที่ 09 ต.ค. 19, 21:41 ขอแสดงความเสียใจด้วยค่ะ
กระทู้: สุดแสนเสียดายคุณ V_Mee เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 10 ต.ค. 19, 08:53 วรชาติ มีชูบท ที่บางครั้งผมจะเขียนนามปากกา V-Mee ของเขาว่าวีหมีนั้น เป็นรุ่นน้องห่างกับผมถึง ๙ รุ่น ตอนอยู่วชิราวุธเขาจึงรู้จักผมข้างเดียว และมาแนะนำตัวเองคราวที่ผมไปเป็นกรรมการมูลนิธิพระบรมราชานุสรณ์ พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ซึ่งเวลานั้นเขาได้ไปช่วยงานอยู่ที่หอวชิราวุธานุสรณ์ รับคำสั่งจากท่านหม่อมหลวงปิ่น มาลากุล ตามแต่ท่านจะใช้ ตั้งแต่นั้นมาเราก็เรียกพี่เรียกน้องสนิทสนมกัน
วรชาติมาทำงานใกล้ชิดกับผมยิ่งขึ้นเมื่อผมเป็นประธานกรรมาธิการอนุรักษ์ ศิลปสถาปัตยกรรม ของสมาคมสถาปนิกสยามฯแล้วชักชวนเขามาเป็นเลขาธิการคณะกรรมาธิการ กินเงินเดือนในขณะที่กรรมาธิการอื่นๆล้วนเป็นอาสาสมัคร ไม่มีเบี้ยอะไรทั้งนั้น วรชาติทำงานที่นั่นจนสิ้นวาระของผม แล้วได้งานเป็นพนักงานประจำในมูลนิธิพระบรมราชานุสรณ์ พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว จึงขอลาออกไป การทำงานอยู่กับหนังสือในห้องสมุดที่นั่นทุกวัน ข้างหลังหอวชิราวุธก็เป็นหอจดหมายเหตุแห่งชาติ คนที่มีใจรักอยู่แล้วจึงไม่ต้องสงสัยว่าจะตักตวงความรู้เข้าไว้ในหัวสมองและหัวใจมากมายแค่ไหน เมื่อสิ้นท่านหม่อมหลวงปิ่นแล้ว ผมจึงได้เรียกเขาว่าเอตะทัคคะในประวัติศาสตร์รัชสมัยรัชกาลที่ ๖ ซึ่งตอนแรกๆเจ้าตัวไม่ยอมรับ แต่หลังๆก็เหนื่อยที่จะปฏิเสธ บทบาทที่โดดเด่นมากของวรชาติ มีชูบท คือ เขาเป็นนักรบไซเบอร์คนเดียวที่ต่อสู้ปกป้องพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ในสมรภูมิอินเทอเน็ตที่การสาดโคลนเป็นเรื่องง่ายดายไม่ต้องใช้สมองคิด วรชาติจะใช้ข้อมูลจริงที่หนักแน่นตอบโต้ด้วยสำนวนภาษาที่สุภาพ ไม่ว่าบางเรื่องจะมาซ้ำๆซากๆกันแค่ไหน ก็อดทนชี้แจง ให้แพ้ชนะเป็นเรื่องที่คนอ่านจะเป็นผู้ตัดสิน ซึ่งตอนนั้นก็วัดไม่ได้ว่าพวกเขาเชื่อใคร แต่เมื่อวรชาติจากไปแล้วไม่ทันครบวัน ถ้อยความที่หลั่งไหลมาตามหน้าสื่ออินเทอเน็ตทั้งหลาย แสดงความอาลัยและยกย่องเขามากมายเหลือคณานับ จึงถือเป็นบทสรุป พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวท่านมิได้ทรงมีพระราชโอรส ในพระบรมราโชวาทที่โรงเรียนเราครั้งหนึ่งทรงตรัสว่า “ เจ้าเหล่านี้ ข้าถือว่าเป็นลูกข้า” พวกเราจึงเป็นลูกวชิราวุธทุกคน แต่ลูกวชิราวุธที่ทำหน้าที่ปกป้องพ่อแบบ วรชาติ มีชูบท มีน้อยมาก แต่ทะเลไม่มีขาดคลื่นลูกใหม่ ผมหวังว่า วันหนึ่งคงมีคนหนุ่มมามาสืบหน้าที่เช่นเดียวกับวรชาติได้ กระทู้: สุดแสนเสียดายคุณ V_Mee เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 10 ต.ค. 19, 08:55 วรชาติป่วยหนักมาครั้งหนึ่งในปีที่แล้ว ซึ่งเมื่อความทราบถึงพระเนตรพระกรรณ ในวันที่ ๒๐ มิถุนายน ๒๐๑๙ ก็มีโทรศัพท์จากรองเลขาธิการพระราชวังแจ้งให้ทราบว่า สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมีพระราชกระแสลงมาเมื่อคืน ให้จัดแจกันดอกไม้และกระเช้าของขวัญมาพระราชทานเยี่ยมอาการป่วยถึงที่บ้าน
วรชาติเขียนเล่าว่า “พอช่วงบ่ายโมงเศษก็มีกรมวังจากพระที่นั่งอัมพรสถานเชิญแจกันดอกไม้และกระเข้าของเยี่ยมพระราชทานมามอบให้ เป็นพระมหากรุณาธิคุณแก่นักเรียนเก่าวชิราวุธผู้เป็นข้าราชบริพารตัวน้อยๆ เช่นผมและครอบครัวอย่างหาที่สุดมิได้ การที่ได้รับพระราชทานขวัญกำลังใจครั้งนี้นอกจากจะทำให้ยิ่งสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณเหนือเกล้าฯ ยิ่งๆ ขึ้นแล้ว ยังทำให้เกิดความมานะที่จะสนองพระเดชพระคุณในล้นเกล้าฯ รัชกาลที่ ๖ และในสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวให้ยิ่งๆ ขึ้นไปตราบชีวิตจะหาไม่ ” กระทู้: สุดแสนเสียดายคุณ V_Mee เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 10 ต.ค. 19, 08:57 การเข้าโรงพยาบาลอีกครั้งในปีนี้ค่อนข้างจะฉุกละหุก ถือเป็นข่าวที่ไม่ดีจนผมอดไม่ได้ที่จะต้องทำใจไว้ล่วงหน้า สำหรับเหตุการณ์เมื่อวันวาน ขอให้อ่านตามนี้ครับ
. . เรื่องข่าวการเสียชีวิตของพี่เบะ(วรชาติ มีชูบท) เริ่มจากเมื่อสายผมได้คุยกับเตยลูกชายคนเล็กของพี่เบะ ทราบถึงอาการที่น่าเป็นห่วงของพี่เบะว่าสองวันที่อยู่โรงพยาบาลจากอาการติดเชื้อที่ทางเดินปัสสาวะจนเกิดอาการไตวายเฉียบพลัน และอวัยวะภายในล้มเหลว จนหัวใจหยุดเต้นไปถึงสามครั้ง ในสองครั้งแรกสามารถทำ CPR ขึ้นมาได้ แต่ในครั้งที่สาม ต้องใช้เครื่องกระตุ้นไฟฟ้าช่วยให้หัวใจกลับมาเต้นดังเดิม เที่ยง ต่อม(ลูกชายคนโต)โทรมาแจ้งว่า พ่ออยู่ได้ด้วยเครื่องช่วยหายใจ หมอบอกว่ามีโอกาสรอด 20% ให้ญาติทำใจ แล้วแสดงความเห็นว่า ถ้าหัวใจหยุดอีกครั้งไม่ควรปั๊มแล้ว เลยนัดกับหลานว่าสี่โมงเจอกันที่โรงพยาบาล บ่ายต้นๆต่อมโทรกลับมา "อาเฉื่อยมีอะไรจะถามมั้ย เมื่อเที่ยงที่คุยกับอา พยาบาลให้เรียกญาติฉุกเฉิน" ผมเลยคิดไปเองว่าพี่แกคงสิ้นแล้ว จึงบอกหลานว่า "ไม่ถามละ" เพราะเกรงว่าจะทำให้หลานเสียใจมากขึ้น จากนั้นก็ส่งข่าวหาพี่หน่อ ด้วยทราบมาตลอดว่าพี่หน่อมีความห่วงใยในตัวพี่เบะเสมอมา แต่ในที่สุด พี่เบะ บุคคลากรที่ทรงคุณค่าก็จากพวกเราไปแล้วจริงๆเมื่อช่วงเย็นที่ผ่านมา เฉื่อย (ภาสสกุล มีเนตรี) กระทู้: สุดแสนเสียดายคุณ V_Mee เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 10 ต.ค. 19, 08:59 คำเขียนแสดงความอาลัยของศิษย์โดยตรงของวรชาติ มีชูบท
ธนภัทร ปัญญาธีระ "แล้วตำนานของแผ่นดินก็สิ้นไป" ขึ้นชื่อว่าความสูญเสีย ก็มักเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นอย่างไม่สามารถคาดฝันได้เสมอ และในวันนี้ก็เช่นเดียวกัน คงเป็นความสูญเสียที่เร็วเกินกว่าใครจะคาดเดาได้ กับการจากไปของอาจารย์ วรชาติ มีชูบท น่าเสียดายที่ไม่ได้มีโอกาสถ่ายรูปคู่ร่วมกับอาจารย์อย่างดีๆสักครั้งหนึ่ง รูปที่พอจะหาได้จึงเป็นรูปตอนสมัยที่เรียนอยู่ช่วงมัธยมปลายกับกิจกรรมของชมรมยอดมนุษย์ ที่ได้รับความกรุณาจากอาจารย์มาบรรยายเรื่องราวต่างๆอันเกี่ยวเนื่องกับโรงเรียนวชิราวุธวิทยาลัย อาจารย์เป็นที่รู้จักอย่างยิ่งในหมู่ผู้คนที่ใฝ่รู้ในประวัติศาสตร์ของรัฐไทย โดยเฉพาะอย่างยิ่งประวัติศาสตร์อันเกี่ยวเนื่องกับรัชสมัยของล้นเกล้าฯรัชกาลที่ ๖ ผู้ทรงพระทานกำเนิดโรงเรียนมหาดเล็กหลวง ซึ่งต่อมาได้รวมเข้ากับโรงเรียนราชวิทยาลัย เป็น “โรงเรียนวชิราวุธวิทยาลัย” ผ่านงานเขียนต่างๆมากมาย เช่น หนังสือราชสำนักรัชกาลที่ ๖ และหนังสือเบื้องลึก เบื้องหลัง ในพระราชบันทึกเรื่อง “ประวัติต้นรัชกาลที่ ๖” เป็นต้น ทั้งยังได้ให้ความรู้และตอบข้อสงสัยในประเด็นต่างๆอันเกี่ยวเนื่องกับรัชสมัยดังกล่าวในเว็บไซต์พันธิป ในนาม V_Mee สำหรับส่วนตัวผู้เขียน โดยปกติแล้วโรงเรียนวชิราวุธวิทยาลัยจะมีธรรมเนียมอย่างหนึ่ง คือไม่ว่าศิษย์เก่าหรือปัจจุบัน หากมีการพบปะกันไม่ว่าจะอายุต่างกันมากเพียงใด หากไม่มีตำแหน่งใดๆรั้งไว้ ก็จะเรียกกันเป็นพี่ เป็นน้อง เป็นส่วนใหญ่ แต่สำหรับผู้เขียนอาจารย์วรชาติ เป็นมากกว่ารุ่นพี่ร่วมโรงเรียนเดียวกัน เป็นผู้ที่ผู้เขียนเคารพและไหว้ได้อย่างสนิทใจ มากเกินกว่าจะเรียกเป็นพี่ แต่ผู้เขียนเคารพยกย่องเป็น “อาจารย์” สำคัญคนหนึ่งของผู้เขียน อาจารย์เป็นผู้ที่มีเมตตาและถ่ายทอดความรู้แก่ผู้เขียนและน้องๆรุ่นหลังๆในวชิราวุธอย่างไม่อิดออดเลย อาจารย์เป็นอีกหนึ่งในไม่กี่คนในวชิราวุธที่ให้การยอมรับและสนับสนุนความสามารถของผู้เขียน ที่ต้องยอมรับว่ามีน้อยคนที่จะยอมรับความสามารถในแนวทางนี้ อาจารย์เป็นศิษย์เก่าในจำนวนน้อยคนที่จะตั้งใจศึกษาพระราชปณิธานที่แท้จริงของล้นเกล้าฯ รัชกาลที่ ๖ และมีคุณลักษณะของผู้มีความรู้ทางวิชาการอย่างดี ด้วยการที่ไม่แสดงกิริยาดูถูกดูแคลนแก่ผู้สงสัยตั้งคำถาม ไม่นำเอาความเชื่อส่วนตนมาแสดงโดยขาดเหตุผล ยอมรับให้เหตุผลตามสมควรแก่ความจริง และเผยแพร่เพียงข้อเท็จจริงเป็นหลัก พยายามผลักดันให้โรงเรียนวชิราวุธสนใจในประเด็นดังกล่าวด้วยใจจริง โดยไม่แทรกแทรงอำนาจของฝ่ายบริหาร และสมาคมนักเรียนเก่าวชิราวุธวิทยาลัย ซึ่งหากมองในมุมมองแบบสำนักสัจนิยม ก็อาจมองได้ว่า โดยปกติแล้วผู้มีความรู้หากปรารถนาในอำนาจก็ไม่ยากเลยที่จะทะเยอทะยานได้มาตามปรารถนา เพราะฉะนั้นการที่อาจารย์มีความรู้มากแต่ไม่เข้าไปยุ่งเกี่ยวในทางอำนาจนี้ จึงแสดงเจตนารมย์ของอาจารย์ได้อย่างแน่ชัดว่าอาจารย์ไม่ต้องการ เจตนารมย์และสิ่งอาจารย์ต้องการในทัศนะของผู้เขียน คือ อุดมการณ์ ผู้ที่ทำการใดๆโดยไม่สนใจอำนาจ ชื่อเสียง และเงินทอง แต่เพื่ออุดมการณ์ เพื่อสิ่งที่พิจารณาแล้วว่าเป็นข้อเท็จจริง เพื่อสิ่งที่ถูกต้อง เพื่อพระราชปณิธานโดยแท้จริงของล้นเกล้าฯรัชกาลที่ ๖ เพื่อไม่ให้วชิราวุธเป็นที่รู้จักในบุคคลทั่วไปเป็นเพียงโรงเรียนชายล้วนที่เก่งด้านรักบี้ สำหรับผู้เขียนคนลักษณะเช่นนี้สมควรได้รับการยกย่องอย่างยิ่ง สิ่งที่ผู้เขียนอยากเรียกร้องจากใจ คือ ขออย่าให้การสูญเสียในครั้งนี้ เป็นเพียงการสูญเสีย แต่เป็นสิ่งที่พึงตระหนักว่า เรา วชิราวุธวิทยาลัย ศิษย์เก่าและศิษย์ปัจจุบันจะทรงจำถึงอาจารย์วรชาติเช่นไร และจะทำเช่นไรเพื่อให้ไม่ให้สิ่งที่อาจารย์ทำไว้ด้วยอุดมการณ์อันมั่นคง ไม่สูญหายตามไปเพียงหลักอนิจจัง กระผมขอกราบลาอาจารย์วรชาติด้วยความเสียใจอย่างยิ่ง และขอให้ดวงวิญญาณของอาจารย์ไปสู่สุคติโลกสวรรค์ เคียงคู่กับใต้ฝ่าละอองธุลีพระบาทของล้นเกล้าฯรัชกาลที่ ๖ ที่อาจารย์ปกป้องและสนองพระเกียรติคุณเสมอมาครับ กระทู้: สุดแสนเสียดายคุณ V_Mee เริ่มกระทู้โดย: choo ที่ 10 ต.ค. 19, 09:04 ขอแสดงความเสียใจด้วยครับ
กระทู้: สุดแสนเสียดายคุณ V_Mee เริ่มกระทู้โดย: siamese ที่ 10 ต.ค. 19, 09:04 ขอแสดงความเสียใจและอาลัยต่อการจากไปของอาจารย์วรชาติครับ
กระทู้: สุดแสนเสียดายคุณ V_Mee เริ่มกระทู้โดย: ninpaat ที่ 10 ต.ค. 19, 09:10 ผมขอร่วมแสดงความเสียใจอย่างสุดซึ้ง ร่วมกับทุกๆท่าน ที่เรือนไทยแห่งนี้ครับ
และผมใคร่ขออนุญาตท่านอาจารย์ใหญ่ นำกระทู้เรื่องท่านอาจารย์ V_Mee กลับมาอีกครั้ง เพื่อระลึกถึงท่านครับ มาต่อเรื่องคุณ V_Mee วรชาติ มีชูบทหรือคุณวีหมี หรือที่ผมควรจะยกย่องเรียกท่านว่าอาจารย์วีร์ เป็นรุ่นน้องผมหลายรุ่นอยู่ แต่แรกพบกันเมื่อเป็นผู้ใหญ่แล้วนั้น ผมจำเขาไม่ได้หรอก ก็เป็นธรรมดาของรุ่นพี่ที่จำหน้ารุ่นน้องไม่ชัดเจนเท่าๆกับที่เขาจะจำเราได้ สามสิบกว่าปีมาแล้วกระมังที่ผมถูกเรียกไปใช้งานในมูลนิธิพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ซึ่งหม่อมหลวงปิ่น มาลากุล เป็นประธานคณะกรรมการอยู่ เราเจอกันที่หอวชิราวุธานุสรณ์ครั้งนั้นโดยอาจารย์วีร์เข้ามาแนะนำตัวเอง ท่านบอกผมว่ามีอาชีพทนายความ และมาช่วยงานที่นั่น แล้วเราก็ปฏิบัติตนเยี่ยงพี่เยี่ยงน้องต่อกันแต่บัดนั้น ข่าวว่าสมัยเป็นนักเรียน อาจารย์วีร์เป็นหนอนหนังสือประจำโรงเรียนคนหนึ่ง นอกจากพระราชนิพนธ์แล้ว ห้องสมุดวชิราวุธวิทยาลัยยังมีหนังสือดีๆตั้งแต่สมัยรัชกาลที่๖เป็นอันมาก ครั้นมาทำงานให้หอวชิราวุธานุสรณ์ซึ่งรวบรวมหนังสือและจดหมายเหตุต่างๆในรัชกาลที่ ๖ไว้มากที่สุดในประเทศ แถมที่ตั้งของหอก็อยู่ภายในบริเวณของหอสมุดแห่งชาติ ท่าวาสุกรี ด้านหลังอาคารก็ติดกับอาคารของหอจดหมายเหตุแห่งชาติ และยังได้ทำงานร่วมกับอดีตข้าราชสำนักอาวุโสในองค์สมเด็จพระธีรราชเจ้าหลายท่าน ผมจึงไม่ติดใจสงสัยเลย ว่าหนอนหนังสืออย่างอาจารย์วีร์จะซึมซับความรู้ต่างๆจากแหล่งข้อมูลของชาติลงไว้ในสมองมากแค่ไหน โดยเฉพาะความรู้ในเรื่องราวอันเกี่ยวเนื่องในองค์พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าฯและในรัชสมัยของพระองค์ทั้งหมด ซึ่งท่านชื่นชอบทางนั้นอยู่แล้วและได้แสดงออกมาให้ประจักษ์หลายครั้ง ทั้งในระหว่างการประชุม และสรรพบทความทั้งในเน็ทและในหนังสือ ช่วงหนึ่ง ผมชวนอาจารย์วีร์ไปทำงานเป็นเลขานุการของคณะกรรมาธิการอนุรักษ์ศิลปสถาปัตยกรรม สมาคมสถาปนิกสยามในพระบรมราชูปถัมภ์แบบมีเงินเดือน เพราะต้องการผู้ทำงานเต็มเวลาให้กับงานของกรรมาธิการอยู่หลายสมัย ระหว่างนั้นก็เจอกันบ่อยหน่อย ก่อนที่อาจารย์วีร์จะลาออกไปเป็นอาจารย์ของวชิราวุธวิทยาลัย หลังๆนี้ไม่ค่อยได้เจอกัน นอกจากแป๊บๆในงานโรงเรียนบ้างบางครั้ง แต่ที่เจอกันบ่อยคือในเว็บ ปัจจุบันเข้าใจว่าท่านรับงานวิจัยแบบอิสระ และทำหนังสือตามแนวถนัด หลังจากสิ้นท่านอาจารย์หม่อมหลวงปิ่น มาลากุลไปแล้ว เอกทัคคะในเรื่องของพระบาทสมเด็จพระมงกุฏเกล้าฯที่เข้าตาผมก็เห็นจะเป็นวรชาติ มีชูบทนี่แหละ แม้ท่านแรกที่ผมเอ่ยจะลึกซึ้งทางพระราชนิพนธ์วรรณคดีทั้งภาษาไทยและอังกฤษอย่างครบเครื่องสมบูรณ์แบบ ในขณะที่คุณวีหมีของผมคงจะแบ๊ะๆ แต่นั่นก็มีศิษย์อักษรศาสตร์ที่เล่นทางนี้สืบต่อจากท่านอาจารย์หม่อมหลวงปิ่นอยู่หลายท่าน คุณสมบัติของอาจารย์วีร์ที่ผมยกย่องมาก คือนอกจากองค์ความรู้ ท่านยังมีสิ่งที่ลูกวชิราวุธทั้งหลายยากจะมี คือน้ำอดน้ำทนในการให้ความรู้ความเข้าใจที่ถูกต้องในเรื่องเกี่ยวกับองค์สมเด็จพระมงกุฏเกล้าฯต่อสาธารณชนผ่านสื่ออินเทอเน็ท อันเป็นเวทีเปิดไม่รู้ตัวตนว่าใครเป็นใคร กเฬวรากที่ไหนก็สามารถโผล่เข้าไปเสนอความคิดเห็นได้โดยเสรี โดยอ้าง"เขาเล่าว่า"เข้าสาดโคลนใส่พระองค์ท่านได้โดยไม่ต้องยั้งคิด อาจารย์วีร์ได้อุทิศตนเป็น Watch Dog คอยโต้ตอบด้วยสำนวนอันสุภาพ สนับสนุนด้วยข้อมูลที่หนักแน่น ลึกซึ้งกว้างขวาง ยากที่ใครจะเถียงท่านได้ วรชาติ มีชูบทถือเป็นลูกวชิราวุธที่ได้ถวายกตเวฑิตา สนองพระมหากรุณาธิคุณให้ประจักษ์แก่คนทั้งหลาย ในการปกป้ององค์ผู้พระราชทานกำเนิดวชิราวุธวิทยาลัยโรงเรียนที่รักยิ่งของเราในโลกอินเทอเน็ทอย่างถึงที่สุด ผมนั้นไม่อาจจะนำตัวเองไปเทียบได้เลยแม้ละอองฝุ่น ความรู้นั่นน่ะเรื่องหนึ่ง แต่น้ำอดน้ำทนที่จะอธิบายอะไรซ้ำๆซากๆ เดี๋ยวนักรบไซเบอร์คนโน้นโผล่มาคนนี้โผล่มา ส่วนใหญ่ก็ในเรื่องเดียวๆกันอยู่นั่นแล้ว ทว่าอาจารย์วีร์สามารถยืนหยัดอยู่ได้อย่างซามูไรท่ามกลางเหล่านินจา แม้หลายครั้งจะโดนเขี้ยวเล็บของอีกฝ่ายจนเลือดสาดก็ตาม ช่วงหนึ่ง คุณวีหมีของผมอาจจะเมาหมัดไปบ้าง หลายคนสังเกตุว่าท่านปล่อยตัวสะกดผิดๆพลาดๆออกมาเหมือนไม่ได้ตรวจทาน ทำให้คุณค่าของงานเขียนหม่นหมองไป เหมือนเพชรที่ถูกฝุ่นจับฉันใดฉันนั้น ผมเตือนไปท่านก็บอกว่าคีย์บอร์ดท่านไม่ค่อยดี แต่เดี๋ยวนี้ผมคิดว่าท่านคงเปลี่ยนตัวใหม่แล้ว ผมจึงขอเปลี่ยนชื่อเรียกท่านบ้างจากคุณวีหมีเป็นอาจารย์วีร์ กระทู้: สุดแสนเสียดายคุณ V_Mee เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 10 ต.ค. 19, 09:14 ถ้าทราบกำหนดและวัดที่สวดพระอภิธรรมศพ ตลอดจนพระราชทานเพลิงศพ กรุณาบอกด้วยนะคะ
เท่าที่เคยพบกันในงาน ได้คุยกันนิดหน่อย ความรู้ของคุณวรชาติมีมากมายกว่าที่ถ่ายทอดให้พวกเราได้รู้กัน มีเรื่องราวเกี่ยวกับรัชกาลที่ 6 อีกมากที่อยู่ในขุมคลังสมองของท่าน เสียดายเหลือเกินที่ไม่ได้ถ่ายทอดออกมาให้หมด โลกให้เวลาท่านน้อยเกินไป กระทู้: สุดแสนเสียดายคุณ V_Mee เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 10 ต.ค. 19, 09:27 เห็นกำหนดการคร่าวๆ จะสวดพระอภิธรรมที่วัดเสมียนนารี ๕ คืนครับ อย่างอื่นถ้ามีความคืบหน้าจะนำมาเรียนต่อไป
กระทู้: สุดแสนเสียดายคุณ V_Mee เริ่มกระทู้โดย: SILA ที่ 10 ต.ค. 19, 09:31 ใจหายเมื่อเห็นข่าวจากหน้านสพ. เช้าวันนี้
ยังเห็นคุณ วี มี เพิ่งตอบกระทู้ในพันทิปเมื่อไม่กี่วันมานี้เอง ความเห็นสุดท้ายเมื่อ 30 กันยายน นี้ กระทู้: สุดแสนเสียดายคุณ V_Mee เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 10 ต.ค. 19, 09:57 กำหนดการ
สวดพระอภิธรรม บำเพ็ญกุศล และ ฌาปณกิจศพ พี่เบะ(วรชาติ มีชูบท) 46 จล. ณ วัดเสมียนนารี ศาลา 8 พฤ 10 ตค.รดน้ำศพ เวลา 16.00 น. สวดพระอภิธรรม เวลา 18.30 น. ศ 11 ตค.-ส 12 ตค. เวลา 19.00 น. อา 13 ตค. งดสวดพระอภิธรรม จ 14 ตค.-อ 15 ตค. เวลา 19.00 น. ฌาปณกิจศพ พ 16 ตค. เวลา 17.00 น. (ณ เวลานี้ ยังไม่ได้ขอพระราชทานเพลิงศพครับ) กระทู้: สุดแสนเสียดายคุณ V_Mee เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 10 ต.ค. 19, 10:00 ความเห็นสุดท้ายในเรือนไทยน่าจะเมื่อ ๒ สิงหาคม ๒๕๖๒ ในกระทู้ ข้อความใต้ครุฑ (http://www.reurnthai.com/index.php?topic=7021.msg168757#msg168757)
กระทู้: สุดแสนเสียดายคุณ V_Mee เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 10 ต.ค. 19, 11:29 ไม่ใช่ทุกคนจะชื่นชมวรชาติครับ คนประเภทนี้ก็มี ทั้งๆทีวรชาติไม่เคยใช้วาจาหยาบคายในการโต้ตอบกับนางเลย
กระทู้: สุดแสนเสียดายคุณ V_Mee เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 10 ต.ค. 19, 12:07 คุณวรชาติได้ทำหน้าที่ที่ควรทำได้สมบูรณ์แล้วในชีวิต
เมื่อมาก็มาดี จากไปก็ไปดี เป็นที่อาลัยรักของครอบครัวและคนจำนวนมากที่ตระหนักถึงคุณค่าของท่าน ความรู้และหลักฐานที่คุณวรชาติมี ไม่ได้เก็บไว้เฉยๆ แต่แสดงออกมาเพื่อให้เข้าใจถ่องแท้ถึงความจริงเกี่ยวกับพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 6 ย่อมเหนื่อย ยอมเสียเวลา ชี้แจง อธิบาย เป็นวิทยาทาน ก็ย่อมไปขัดผลประโยชน์ของคนบางกลุ่มเข้า จึงก่อความเกลียดชังให้เป็นธรรมดา กระทู้: สุดแสนเสียดายคุณ V_Mee เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 10 ต.ค. 19, 12:09 ไม่มีนักรบกล้าผู้ใดจะปราศจากแผลจากศัตรู ผมเข้าใจดีว่าในโลกไซเบอร์ไม่ใช่ทุกคนที่จะชื่นชมวรชาติ นี่คือความเสียสละที่ทุกคนจะมองข้ามไม่ได้
กระทู้: สุดแสนเสียดายคุณ V_Mee เริ่มกระทู้โดย: superboy ที่ 10 ต.ค. 19, 13:10 ขอแสดงความเสียใจครับ ผมได้รับความรู้จากในพันทิพหลายทีเลย ขอขอบคุณตรงนี้อีกครั้งหนึ่ง
กระทู้: สุดแสนเสียดายคุณ V_Mee เริ่มกระทู้โดย: Anna ที่ 10 ต.ค. 19, 13:12 ใจหายเมื่อได้ทราบข่าวนี้ ด้วยเคารพนับถือครูบาอาจารย์ทุกท่านในเรือนนี้เสมือนเป็นญาติผู้ใหญ่ ขอให้อาจารย์ไปสู่สุขคตินะคะ
กระทู้: สุดแสนเสียดายคุณ V_Mee เริ่มกระทู้โดย: azante ที่ 10 ต.ค. 19, 13:22 ขอแสดงความเสียใจอย่างยิ่งด้วยครับ ผมเคยสอบถามเรื่องราวต่างๆใน pantip บ่อยๆ
พี่เค้าก็อุตส่าห์ตอบมาทุกครั้ง เสียใจจริงๆครับ กระทู้: สุดแสนเสียดายคุณ V_Mee เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 10 ต.ค. 19, 13:33 ขอรำลึกถึงคุณวรชาติ มีชูบท ด้วยบทความที่ท่านเขียนลงในศิลปวัฒนธรรมออนไลน์ ตามข้างล่างนี้ค่ะ
ที่ยกบทความนี้มาลง เพราะคุณวรชาติเคยเล่าให้ดิฉันฟังสั้นๆ ว่า ท่านเคยอ่าน“ประวัติต้นรัชกาลที่ ๖ เล่ม ๒” แต่ว่าเก็บเป็นความรู้ส่วนตัวไว้ ไม่ได้นำออกมาเผยแพร่ เรื่องกรมหลวงชุมพรฯ ทรงเป็นหนี้สิน คุณวรชาติก็เคยเล่าให้ฟังเช่นกัน คุณวรชาติเป็นผู้รู้กาลเทศะ รู้การควรมิควรเกี่ยวกับเจ้านายเป็นอย่างดี สมกับเป็นผู้ได้รับการอบรมมาดีทั้งจากทางบ้านและโรงเรียน ถ้าคุณวรชาติจะนำเรื่องที่รู้ออกมาเผยแพร่ ก็เป็นต่อเมื่อเห็นความจำเป็นจริงๆ เพราะถ้ารู้แล้วไม่บอก ก็จะทำความเสียหายได้มาก เนื่องจากผู้ที่ไม่รู้จริง ขยายความกันไปใหญ่ จนเรื่องเข้าใจผิดกลายเป็นเรื่องจริง คุณวรชาติก็ถือเป็นหน้าที่ว่าจะต้องบอกความจริงเข้ามา เพื่อป้องกันพระเกียรติยศของเจ้านายที่ท่านเคารพสูงสุด มิให้หมองมัวลงไปด้วยเรื่องเข้าใจผิดนั้นๆ https://www.silpa-mag.com/history/article_31726 ที่มา ศิลปวัฒนธรรม กรกฎาคม 2558 ผู้เขียน วรชาติ มีชูบท เผยแพร่ วันอังคารที่ 23 เมษายน พ.ศ.2562 เรื่องที่ นายพลเรือเอก พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมหลวงชุมพรเขตรอุดมศักดิ์ทรงถูกปลดจากราชการทหารเรือในตอนต้นรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวนั้น มีผู้กล่าวถึงกันหลายกระแส กระแสหนึ่งที่มีการอ้างถึงกันมากคือ เรื่องที่นักเรียนนายเรือวิวาทกับมหาดเล็กในสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ (พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว) ในตอนปลายรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ซึ่ง นายนาวาตรี หลวงจบเจนสมุท (เจือ สหนาวิน) ได้บันทึกไว้ว่า วันหนึ่งนักเรียนนายเรือหนุ่ม ๒ คนซึ่งเป็นศิษย์ของพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมหลวงชุมพรเขตรอุดมศักดิ์แต่งตัวเครื่องแบบขาวนักเรียนนายเรือเดินผ่านไปทางถนนสนามไชย ผ่านพวกมหาดเล็กหนุ่มๆ กลุ่มใหญ่ที่กำลังเตะฟุตบอลกันอยู่ พอมหาดเล็กเห็นนักเรียนนายเรือ ๒ คน ซึ่งหนึ่งในสองคนนั้นคือ นักเรียนนายเรือเจือ สหนาวิน เดินผ่านไป แล้วหยุดทำความเคารพธงชาติตอนหกโมงก่อนที่จะก้าวเดินออกไปพร้อมกัน ในขณะเดียวกันพวกมหาดเล็กเกิดนึกสนุกขึ้นมาส่งเสียงเป็นจังหวะว่า หนึ่ง หนึ่ง หนึ่งสอง ตามจังหวะก้าวเดิน นักเรียนนายเรือเห็นมหาดเล็กมาลูบคม จึงเกิดถามทำนองต่อว่ากัน ถามกันไปถามกันมาไม่มีใครยอมรับ ก็เลยเกิดเป็นมวยหมู่ขึ้นมาระหว่างนักเรียนนายเรือ ๒ คนและมหาดเล็กหลายสิบชกต่อยกันชุลมุนอยู่พักใหญ่ มหาดเล็กตะโกนให้ทหารยามหน้ากระทรวงกระลาโหมจับนักเรียนนายเรือ ทหารยามไม่กล้าจับ มีนายทหารคนหนึ่งเห็นเหตุการณ์ก็ร้องบอกให้นักเรียนนายเรือหลบหนีไปเสีย เพราะว่ากำลังของอีกฝ่ายมากกว่า นักเรียนนายเรือทั้งสองก็เลยแหวกพวกมหาดเล็กซึ่งไม่กล้าทำอะไรจริงกลับบ้านไปได้ เมื่อความทราบไปถึงผู้บังคับการโรงเรียน นายนาวาตรี หลวงพินิจจักรพันธุ์ (สุริเยศ อมาตยกุล ภายหลังเลื่อนขึ้นเป็นพระยาสาครสงคราม) เรียกตัวไปตักเตือนและให้ทำรายงานเสนอขึ้นไป แต่ก็แค่นั้นเพราะดูแล้วก็ไม่ใช่เรื่องร้ายแรงอะไร ต่อมา ๓-๔ เดือน เรื่องที่นึกว่าจบกันไปแล้วก็กลับลุกลามเป็นเหตุใหญ่โต ด้วยมหาดเล็กกลุ่มนั้นไปกราบบังคมทูลฟ้องสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ ว่าถูกนักเรียนนายเรือมาข่มเหงถึงหน้าวัง สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ กริ้วว่าผู้ก่อเหตุเป็นนักเรียนของกรมหลวงชุมพรเขตรอุดมศักดิ์มารังแกมหาดเล็กของพระองค์ จึงทรงทำเรื่องกราบบังคมทูลพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทราบฝ่าละอองธุลีพระบาท เมื่อกรมหลวงชุมพรเขตรอุดมศักดิ์ทรงทราบและทรงสืบสาวราวเรื่องหาข้อเท็จจริงได้แล้ว ก็ไปเฝ้าพระเจ้าลูกยาเธอ กรมหมื่นราชบุรีดิเรกฤทธิ์ เสนาบดีกระทรวงยุติธรรม ชวนกันไปเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาทพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว กราบบังคมทูลว่าในความเป็นจริง มีนักเรียนนายเรือแค่ ๒ คนเท่านั้น แต่มหาดเล็กหลายสิบคน ใครข่มเหงใครกันแน่ ไม่มีกฎหมายที่ไหนออกว่าคนน้อยข่มเหงคนมาก กรมหมื่นราชบุรีดิเรกฤทธิ์ก็ทรงสนับสนุนว่าเป็นความจริง ทั่วโลกไม่มีกฎหมายว่าคนน้อยข่มเหงคนมาก มีแต่คนมากข่มเหงคนน้อย พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงผินพระพักตร์ไปทางสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ แล้วมีกระแสพระราชดำรัสว่า “พ่อโตก็ไม่ควรเอาเรื่องเล็กๆ น้อยๆ เหล่านี้มากล่าวให้เป็นเรื่องเป็นราว เสียเวลา” นายเจือก็เลยรอดพ้นจากความผิด เรียนจบเข้ารับราชการในกองทัพเรือ เข้าวังได้ใกล้ชิดกับพระโอรสธิดาที่ทรงพระเยาว์ จนกระทั่งชราจึงได้เขียนบันทึกเรื่องนี้ไว้ให้รู้กันสำหรับคนรุ่นหลัง กระทู้: สุดแสนเสียดายคุณ V_Mee เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 10 ต.ค. 19, 13:33 อกจากนั้นยังมีเรื่องเล่าในหมู่ทหารเรืออีกว่า เมื่อแรกที่พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวเสด็จเสวยสิริราชสมบัตินั้น นายพลเรือตรี พระเจ้าพี่ยาเธอ กรมหมื่นชุมพรเขตรอุดมศักดิ์ (พระอิสริยยศในขณะนั้น) ได้กราบบังคมทูลเชิญเสด็จพระราชดำเนินไปทรงเยี่ยมโรงเรียนนายเรือที่พระราชวังเดิม และจัดถวายพระกระยาหารค่ำ ทุกอย่างดำเนินไปโดยเรียบร้อย จนเสด็จพระราชดำเนินกลับแล้วถึงได้เกิดเรื่องขึ้นมา เมื่อนักเรียนนายเรือหนุ่มบางคนไม่ระวังปาก พูดจาพาดพิงถึงพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในทำนองล้อเลียนว่าพระเกศาบางบ้าง อวดว่าเจ้านายตนเก่งกว่าบ้าง พูดจากันเสียงดังไปหน่อย สันนิษฐานว่าเสียงลอยลมข้ามคลองวัดแจ้งไปถึงบ้านพระยานรฤทธิ์ราชหัช ความจึงทราบถึงพระเนตรพระกรรณ เพราะเป็นไปได้ว่าพระยานรฤทธิ์ราชหัชนำความขึ้นกราบบังคมทูล ไม่ใช่ว่าเป็นคนช่างฟ้อง แต่ทว่าเรื่องหมิ่นพระบรมเดชานุภาพนี่ถ้ารู้แล้วอุบเงียบไว้ก็เท่ากับสมรู้ร่วมคิด ในระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์นั้นอาจจะถึงกับติดคุกหัวโต หรือไม่ก็ต้องพระราชอาญาถึงประหารชีวิตกันทั้งครอบครัว กล่าวกันว่า พระยานรฤทธิ์ราชหัชนั้นก็ต้องระวังตัวกลัวทหารเรือเอาเรื่อง ประตูหน้าบ้านจึงต้องตีไม้ทับปิดตายเอาไว้ ต้องเดินเข้าออกทางหลังบ้านทะลุตรอกไปทำงาน
เรื่องนี้พวกทหารเรือเชื่อกันว่า น่าจะเป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ไม่ทรงไว้วางพระราชหฤทัยในนายพลเรือตรี พระเจ้าพี่ยาเธอ กรมหมื่นชุมพรเขตรอุดมศักดิ์ ว่าอาจจะทรงคบคิดกับ นายพลเรือเอก สมเด็จพระเจ้าน้องยาเธอ เจ้าฟ้าฯ กรมหลวงนครสวรรค์วรพินิต (พระอิสริยยศในขณะนั้น) ชิงราชสมบัติ เรื่องนี้กลายเป็นข่าวลือกันหนาหู เพราะเจ้าจอมมารดาโหมดและพระนางเจ้าสุขุมาลมารศรี พระราชเทวี พระชนนีในสมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้าฯ กรมหลวงนครสวรรค์วรพินิตนั้นต่างก็สืบเชื้อสายสกุลบุนนาคมาด้วยกัน และเมื่อพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวเสด็จขึ้นครองราชย์ได้เพียง ๖ เดือนก็ทรงปลดพระเจ้าพี่ยาเธอ กรมหมื่นชุมพรเขตรอุดมศักดิ์จากกองทัพเรือแบบสายฟ้าแลบ เมื่อทรงถูกปลดจากราชการแล้ว เล่ากันในแวดวงทหารเรือว่า ข่าวลือทำท่าจะเป็นข่าวจริง แต่หลวงปู่ศุข วัดปากคลองมะขามเฒ่า พระอาจารย์ทรงห้ามไว้ โดยเตือนสติว่า “ท่านเป็นพระเจ้าแผ่นดิน อย่าไปขัดท่านเลย” พระเจ้าพี่ยาเธอ กรมหมื่นชุมพรเขตรอุดมศักดิ์จึงทรงได้สติ ถึงกับก้มลงกราบถวายบังคมแทบเบื้องพระยุคลบาทพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว แต่หลังจากนั้นก็ยังไม่ได้กลับเข้ารับราชการในทันที ต้องทรงอยู่นอกราชการถึง ๖ ปี จึงได้เสด็จกลับเข้ารับราชการกองทัพเรืออีกครั้ง ภายหลังจากที่สยามประกาศสงครามกับเยอรมนีแล้ว โดยระหว่างที่ทรงอยู่นอกราชการนั้นได้ทรงหาเลี้ยงชีพเป็นหมอยา ใช้พระนามว่า “หมอพร” และในช่วงนี้เองที่กล่าวกันว่า ทรงปราบนักเลงนางเลิ้งอยู่หมัด ได้นักเลงมาเป็นลูกน้องด้วย กระทู้: สุดแสนเสียดายคุณ V_Mee เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 10 ต.ค. 19, 13:34 เรื่องราวความขัดแย้งดังที่บอกเล่ากันมาทั้ง ๒ กระแสนั้น ออกจะชวนให้ฉงนสนเท่ห์อยู่ไม่น้อยว่าเพียงเรื่องราวเท่านี้หรือที่จะเป็นสาเหตุสำคัญให้พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวตัดสินพระราชหฤทัยปลด นายพลเรือตรี พระเจ้าพี่ยาเธอ กรมหมื่นชุมพรเขตรอุดมศักดิ์ ออกจากราชการทหารเรือ
คำตอบที่ชัดเจนจาก “ประวัติต้นรัชกาลที่ ๖ เล่ม ๒” จากข้อสงสัยดังกล่าว จึงเป็นที่มาของความสืบค้นเพื่อหามูลเหตุที่ทรงตัดสินพระราชหฤทัยในคราวนั้น ซึ่งในที่สุดก็ได้พบคำตอบที่ชัดเจนใน “ประวัติต้นรัชกาลที่ ๖ เล่ม ๒” ซึ่งพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงพระราชบันทึกพระราชทานเจ้าพระยารามราฆพ (ม.ล. เฟื้อ พึ่งบุญ) ว่า “ในตอนต้นปี พ.ศ. ๒๔๕๔ ได้มีเรื่องขึ้นเรื่อง ๑, ซึ่งฉันเองก็ตัดสินใจไม่ใคร่จะถูกได้ว่าฉันได้ประพฤติผิดหรือถูก, ฉะนั้นจะต้องเล่าไว้ในที่นี้ตามเหตุผลที่ได้เปนไป. เรื่องนี้คือเรื่องกรมชุมพรออกจากประจำการในกองทัพเรือ, ซึ่งเฃ้าใจว่าจะมีคนน้อยคนที่รู้ความในตลอด. เพื่อให้เฃ้าใจเรื่องนี้โดยแจ่มแจ้ง ฉันจำจะต้องกล่าวข้อความย้อนขึ้นไปในอดีตสักหน่อย. ตามที่เธอได้รู้อยู่แล้ว, แต่เดิมมากรมชุมพรกับฉันได้เคยเปนผู้รักใคร่ชอบพอกันอย่างสนิธ, เพราะนอกจากที่เกิดปีเดียวกัน ยังได้ออกไปศึกษาพร้อมๆ กัน, และเมื่อกลับเฃ้ามากรุงเทพฯ แล้ว ฉันก็ยังได้ช่วยเหลือในกิจธุระส่วนตัวกรมชุมพรเปนหลายคราว. ฉนั้นต่อๆ มาฉันจึ่งรู้สึกประหลาดใจและเสียใจเปนอันมากที่ได้สังเกตเห็นว่า, จำเดิมแต่เวลาที่หญิงทิพสัมพันธ์๑ ตายไปแล้ว, กรมชุมพรดูตีตนห่างจากฉันออกไปทุกที. ในชั้นต้นฉันเฃ้าใจเอาเองว่า คงจะเปนเพราะกรมชุมพรกับพระยาราชวังสัน (ฉ่าง แสง-ชูโต, จ่อมาเปนพระยามหาโยธา) ได้เกิดผิดใจกันขึ้น, และพระยาราชวังสันเปนผู้ไปมาหาสู่ฉันอยู่เสมอ, กรมชุมพรจึ่งพลอยไม่ชอบฉันไปด้วย. แต่ฉันรู้สึกว่าสาเหตุเพียงเท่านั้นยังไม่พอที่จะทำลายความไมตรีระหว่างกรมชุมพรกับฉัน, ฉันจึ่งตั้งต้นแสวงหาสาเหตุต่อไป. ฉันรู้อยู่ดีว่า กรมชุมพรนั้น, ถึงแม้ท่าทางและปากพูดเก่งก็จริง, แต่ที่แท้มิใช่คนที่มีใจหนักแน่นปานใดนัก, เปนคนที่ลังเลและเชื่อคนง่าย, ฉะนั้นฉันจึ่งเริ่มต้นมองหาตัวผู้ที่เปน ‘ครู’ ของกรมชุมพร. ฉันได้ทราบอยู่ก่อนแล้วว่า กรมชุมพรเคยฝากตัวเปนศิษย์กรมราชบุรี๒, และมีความนิยมตามกรมราชบุรีหลายประการ, มีสำแดงตนเปน ‘ผู้ชอบเปนอิศระ’ และถือพวกถือก๊กเปนที่ตั้ง. โดยนิสสัยของพระองค์เอง กรมชุมพรชอบพูดอวดดีแสดงความกล้าหาญและมีวิทยาอาคมอย่างแบบเก่าๆ, สักลายไปทั้งตัว, และ ‘ขลัง’ อะไรต่างๆ, มีพวกหนุ่มๆ นิยมอยู่บ้างแล้ว: ครั้นได้ไปฟังคำสั่งสอนของกรมราชบุรีเฃ้าด้วยก็เลยบำเพ็ญเปนหัวโจกมากขึ้น. กระทู้: สุดแสนเสียดายคุณ V_Mee เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 10 ต.ค. 19, 13:34 แต่ถึงกระนั้นก็ยังไม่เปนสาเหตุที่จะทำให้พร่าไมตรีกับฉัน, เพราะกรมราชบุรีเปนผู้ที่ชอบพอกับฉันโดยสม่ำเสมอตลอดมา, คงไม่ยุให้กรมชุมพรแตกกับฉัน. ฉันได้สืบแสวงไปจนได้ความว่า กรมชุมพรได้เกิดชอบพอกับกรมหลวงประจักษ์, ก็เฃ้าใจได้ทันทีถึงเหตุที่กรมชุมพรเกิดไม่ชอบฉัน, เพราะกรมหลวงประจักษ์เปนผู้ที่ไม่ชอบฉันอย่างยิ่ง, และพยายามให้ร้ายแก่ฉันอยู่เสมอๆ. ที่ฉันรู้ได้โดยแน่นอนว่ากรมชุมพรตกไปอยู่ในอำนาจของกรมหลวงประจักษ์นั้น เพราะได้เกิดคดีขึ้นเรื่อง ๑ ซึ่งถ้าเปนแต่โดยลำพังตัวกรมชุมพรคงมิได้เปนการใหญ่โตเลย. เหตุมีนิดเดียวที่พวกเด็กๆ ของฉันได้พาไปเล่นกันอยู่ที่สนามหน้าวังสราญรมย์, มีนักเรียนนายเรือ ๒ คนเดิรผ่านไปทางถนนสนามชัย, อยู่ดีๆ ก็ตรงเฃ้าไปขู่พวกเด็กๆ ของฉันว่า ห้ามไม่ให้หัดทหาร, จึ่งเกิดเปนปากเสียงกันขึ้น. ฉันจึ่งให้พระยาสุรินทราชา (นกยูง วิเศษกุล), ซึ่งเวลานั้นเปนหลวงอภิรักษ์ราชฤทธิ์ ตำแหน่งเลฃานุการส่วนตัวของฉัน, มีจดหมายต่อว่าไปยังผู้บังคับการโรงเรียนนายเรือ, และขอให้สั่งสอนว่ากล่าวพวกศิษย์ให้เฃ้าใจเสียว่า การที่เด็กอื่นๆ ปรารถนาจะฝึกหัดให้อกผายไหล่ผึ่งบ้าง ไม่ใช่กงการอะไรของนักเรียนนายเรือจะมาห้ามปราม. ฉันเฃ้าใจว่าเมื่อให้มีจดหมายไปเช่นนั้นแล้วก็คงเปนอันจบเรื่องกัน. ฉนั้นฉันประหลาดใจมากเมื่อวัน ๑ ฉันได้ถูกพระเจ้าหลวงรับสั่งให้หาเฃ้าไปในที่รโหฐานและทรงต่อว่าเรื่องที่ให้เลฃานุการมีหนังสือไปขู่ผู้บังคับการโรงเรียนนายเรือ.
นัยว่ากรมชุมพรตกใจและเกรงกลัวภยันตราย จึ่งได้นำความขึ้นกราบบังคมทูล, เพื่อขอพระบารมีปกเกล้าฯ เปนที่พึ่ง. ทูลกระหม่อม๓ ทรงสั่งสอนว่า ฉันจะได้เปนใหญ่เปนโตต่อไป, ต้องระวังอย่าทำให้ผู้น้อยนึกสดุ้งหวาดหวั่นต่ออำนาจอาชญาอันอาจต้องรับกรรมความดาลโทษะของฉัน. ฉันก็รับพระบรมราโชวาทใส่เกล้าฯ โดยมิได้แก้ตัวว่ากระไร, เพราะเห็นว่าพระเจ้าหลวงมีพระราชประสงค์จะให้เรื่องสงบไป. ในวันเดียวกันนั้นเอง บริพัตร์๔, ซึ่งเวลานั้นเป็นผู้บัญชาการทหารเรือ, ได้ตามออกมาจากวังสวนดุสิตไปหาฉันถึงที่วังสราญรมย์, แสดงความเสียใจ และขอโทษในการที่ฉันต้องถูกกริ้วโดยไม่มีมูลอันควรเลย, และออกตัวว่า เธอเองมิได้รู้เห็นในคดีนั้นจนนิดเดียว, เพราะกรมชุมพรมิได้นำเรื่องเสนอเธอก่อนที่จะนำความขึ้นกราบบังคมทูล. ต่อเมื่อองค์อุรุพงศ์๕ เล่าใฟ้ฟังว่าฉันถูกกริ้ว บริพัตร์จึ่งได้รู้เรื่อง, และรับว่าจะต่อว่ากรมชุมพร และจะขอให้สัญญาว่าจะไม่ทำเช่นนั้นอีกเปนอันฃาด. เมื่อฉันได้ทราบเรื่องตลอดแล้วก็รู้แน่ว่าแก่ใจว่า กรมชุมพรคงได้ปฏิบัติตามคำแนะนำของกรมหลวงประจักษ์, ผู้ชอบก่อเหตุน้อยเปนใหญ่เช่นนี้เสมอ. นับจำเดิมแต่เมื่อได้ตกไปอยู่ในอำนาจกรมหลวงประจักษ์แล้วไม่ช้า กรมชุมพรได้ทอดทิ้งการงานทางทหารเรือมากขึ้นเปนลำดับ, จนนับว่าไม่มีเยื่อใยอะไรในกองทัพเรือ นอกจากยังคงเปนหัวโจกของทหารหนุ่มๆ บางคนอยู่เท่านั้น. ในยุคนั้นกรมชุมพรได้ริอ่านทำการค้าฃาย, คือตั้ง ‘บริษัทชุมพร’, มีพวกนายทหารเรือหนุ่มๆ ถือหุ้นอยู่หลายคน; บริษัทนั้นกระทำกิจไม่เปนผลสมปรารถนา, เกิดมีหนี้สินรุงรังขึ้น, จึ่งต้องขอพระราชทานกู้เงินพระคลังฃ้างที่ไปใช้, และพระเจ้าหลวงทรงยึดที่ดินไว้เปนประกัน, รับสั่งว่าถ้าประพฤติเรียบร้อยต่อไปจึ่งจะพระราชทานคืนให้. โดยความแนะนำของกรมหลวงประจักษ์, กรมชุมพรจึ่งได้ริอ่านหาความชอบในส่วนพระองค์พระเจ้าหลวงโดยอาการ…ในชั้นต้น, เมื่อทรงเริ่มจัดสร้างที่สวนพญาไท, กรมชุมพรรับอาสาปลูกผักที่นั้น, ทุกๆ เดือนได้มีผักเฃ้าไปถวายคราวละหลายถาด, ซึ่งกราบทูลว่าผักที่ปลูกที่พญาไท, แต่ซึ่งที่แท้เที่ยวหาซื้อเอาดื้อๆ. การหลอกพระเจ้าหลวงเช่นนี้อย่างไรๆ ก็คงเปนความคิดของ ‘ครู’, เพราะตัว ‘ครู’ ก็ประพฤติเปน ‘ลิงหลอกเจ้า’ อยู่เช่นนั้นเสมอ, และสำคัญเสียว่าพระเจ้าหลวงท่านไม่ทรงรู้เท่า; แต่ฉันเชื่อแน่ว่าพระเจ้าหลวงท่านทรงรู้เท่าดีทีเดียว, ความชอบจึ่งไม่ได้แก่กรมชุมพรสมปรารถนา. ต่อนั้นจึ่งกลายเปนช่าง, รับอาสาเขียนรูปภาพต่างๆ ติดผนังห้องเฝ้าในพระที่นั่งอัมพร, แต่ก็ไม่เห็นได้ทำอะไรเปนชิ้นเปนอันเหลือไว้เลย. นอกจากเปนช่างเขียนเกิดเปนนักดนตรี, มีน่าที่สำคัญคือกะวางลำสำหรับลคอนนฤมิตร์ของกรมนราธิป. กิจการอันท้ายนี้เปนเหตุให้กรมหลวงประจักษ์กับกรมนราธิปเกิดบาดหมางกันจนเปนเหตุใหญ่โต, ดังได้แสดงมาแล้ว ณ แห่งอื่น กระทู้: สุดแสนเสียดายคุณ V_Mee เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 10 ต.ค. 19, 13:34 การที่กรมชุมพรไม่ไปทำงานทางทหารเรือเลย แต่ก็คงได้รับเงินเดือนอยู่เต็มที่นั้น, นับว่าเปนตัวอย่างไม่ดีอย่างยิ่งสำหรับนายทหารผู้น้อยผู้ไร้สติ. ประการ ๑ พวกศิษย์พากันเห็นไปเสียว่าครูของตนเปนคนสำคัญเหลือประมาณ, อย่างไรรัฐบาลก็ต้องง้อไว้ใช้. อีกประการ ๑ ทำให้พวกหนุ่มตีราคาตนสูงเกินควรไป, คือพากันเฃ้าใจเสียว่าถ้าเปนผู้มีวิชาแล้วจะทำงานหรือมิทำก็ต้องเลี้ยง. ข้อที่ร้ายคือกรมชุมพรชอบพูดฟุ้งสร้านต่างๆ ให้พวกศิษย์ฟังอยู่เนืองๆ, ชอบนินทาผู้ใหญ่ทั่วๆ ไปให้ผู้น้อยฟัง, จึ่งทำให้พวกหนุ่มพากันฟุ้งสร้านไปเปนอันมาก.
ผลร้ายของการสอนไม่ดีของกรมชุมพรได้มากระทบหูฉัน, คือเมื่อวันที่ ๓ เมษายน๖ พระยาราชวังสัน, ซึ่งเวลานั้นเปนผู้บัญชาการเรือกลและป้อม, ได้เล่าให้ฉันฟังว่า ในการที่ฉันได้สั่งอนุญาตให้จ่ายเงินเพิ่มค่าเดิรทเล, ซึ่งได้คั่งค้างมาหลายปีแล้วนั้น, ได้มีนายทหารเรือผู้ ๑ กล่าวว่า ฉันต้องสั่งอนุญาตเช่นนั้นเพราะกลัวว่า ถ้าไม่จ่ายพวกเฃาจะ ‘เอาเรือไปลอยเสียที่ปากน้ำ’, ซึ่งตีความกันว่าพวกเฃาจะ ‘สไตร๊ก’. พระยาราชวังสันว่าจะไปขออนุญาตทำโทษนายทหารผู้นั้นให้เปนตัวอย่าง. แต่ฉันรับสารภาพว่าในเวลานั้นฉันยังหวาดหวั่นอยู่ด้วยเรื่องฃ้าราชการกระทรวงยุติธรรมหยุดงาน, เกรงว่าถ้าทหารเรือหยุดงานบ้างจะทำความลำบากมากกว่าอีก. ความฟุ้งสร้านต่างๆ ของทหารเรือหนุ่มๆ มีอยู่เปนเอนกประการ, และปรากฏว่ากรมชุมพรแทนที่จะตักเตือนห้ามปราม, กลับพอใจส่งเสริมพวกหนุ่มอยู่เสมอ, ฉันจึ่งทำใจว่าต้องให้กรมชุมพรออกจากประจำการเสียคราว ๑ เพื่อกำราบให้ละพยดลง, และจะได้เปนการรักษายุทธวินัยในกองทัพเรือได้ดีกว่าทางอื่น เสนาบดีทหารเรือนั้น, แม้ได้รู้เรื่องอวดดีฟุ้งสร้านต่างๆ ของพวกศิษย์กรมชุมพร และรู้ความบกพร่องของกรมชุมพรอยู่ดีก็จริง, แต่ก็ไม่กล้าทำอะไรให้แตกหักลงไปได้เลย, เพราะเปนคนขี้วิตกและขี้เกรงใจ. ถ้าขืนทอดทิ้งช้าไว้ฉันเกรงอยู่ว่าความสำเร็จเด็ดฃาดและอำนาจในกองทัพเรือจะไปตกอยู่ในมือกรมชุมพร, ซึ่งในเวลานั้นยังคงชอบกับกรมหลวงประจักษ์, ซึ่งน่ากลัวอันตรายมาก. ครั้น ณ วันที่ ๖ เมษายนได้มีประชุมเสนาบดีสภาตามธรรมดา, แล้วฉันจึ่งได้พบพูดเรื่องกรมชุมพรกับน้องชายเล็ก๗ และกรมนครไชยศรี๘. ท่านทั้งสองนี้ก็ออกความเห็นว่าควรให้กรมชุมพรออกเป็นกองหนุนเสียคราว ๑, เพื่อให้กรมชุมพรเองรู้สำนึกว่าจะนอนกินเงินเดือนอยู่เฉยๆ ไม่ได้, และให้พวกศิษย์รู้สึกว่าครูมิใช่คนสำคัญเท่าที่เฃาทั้งหลายตีราคาไว้. ต่อมาวันที่ ๘ เมษายนฉันจึ่งได้มีโอกาสให้หาเสนาบดีทหารเรือเฃ้าไปพูดจาเรื่องนั้น, และฉันได้ชี้แจงความเห็นของฉันให้ฟังโดยพิสดาร. ดูท่าทางบริพัตร์ออกจะวิตกอยู่, คือเกรงว่า ถ้าให้กรมชุมพรออกพวกนายทหารที่เปนศิษย์จะหัวเสียและอาจจะทำบ้าอะไรได้ต่างๆ มีลาออกพร้อมกันเปนต้น. แต่ลงปลายก็รับว่าผู้ที่ไม่ไว้วางพระราชหฤทัยแล้ว จะให้ทำราชการในตำแหน่งน่าที่สำคัญไม่ได้อยู่เอง, แล้วและเลยกล่าวขึ้นว่าเห็นควรให้วุฒิชัย๙ เปนเจ้ากรมยุทธศึกษาแทน, ฉันก็ตกลงเห็นชอบด้วย. ครั้น ณ วันที่ ๑๑ เมษายน ฉันได้รับจดหมายจากบริพัตร์แสดงความวิตกต่างๆ ในการที่จะให้กรมชุมพรออกจากราชการประจำ; แต่ความเห็นของฉันก็ยังมียืนอยู่ตามเดิมว่าต้องให้ออก, เพื่อรักษาอำนาจแห่งราชการ. ฉันได้ส่งจดหมายของบริพัตร์ไปให้น้องชายเล็กและกรมนครชัยศรีดู, ก็ได้รับตอบในวันรุ่งขึ้น ว่าไม่ควรรั้งรอไว้อีกต่อไป, ฉันจึ่งได้ตกลงตอบไปยังบริพัตร์ สั่งให้กรมชุมพรออกจากประจำการกรมทหารเรือ หนังสือต่างๆ เนื่องด้วยเรื่องนี้มีอยู่บริบูรณ, รักษาไว้ที่กรมราชเลฃาธิการ. ต่อมาอีกไม่ช้า, ใน พ.ศ. ๒๔๕๔ นั้นเอง, กรมชุมพรได้ขอเฃ้ารับราชการในกองทัพเรือตามเดิม ที่ฉันรับเอาเฃ้าทำราชการกรมมหาดเล็กนั้น เพราะต้องการควบคุมให้ได้สดวกประการ ๑, กับอีกประการ ๑ ฉันบังเกิดความรู้สึกกระดากขึ้นในใจว่าอาจจะได้ประพฤติต่อกรมชุมพรข้อนฃ้างแรงเกินไปสักหน่อย เมื่อคำนึงดูว่าทั้งผู้ที่เปนโจทก์ ทั้งผู้ที่ได้เปนที่ปรึกษาในเมื่อวินิจฉัยคดีนั้นเปนผู้ที่ไม่ชอบกับกรมชุมพรส่วนตัวอยู่. แต่กรมชุมพรก็มีความผิดจริงอยู่ด้วย ดังได้กล่าวมาแล้วซึ่งจะละเลยเสียทีเดียวนั้นก็หาได้ไม่.”๑๐ กระทู้: สุดแสนเสียดายคุณ V_Mee เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 10 ต.ค. 19, 13:35 จากพระราชบันทึกดังกล่าวแสดงให้เห็นชัดว่า พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวมิได้ทรงติดใจเอาความในเรื่องที่นักเรียนนายเรือวิวาทกับมหาดเล็กเลย และเมื่อตรวจสอบเรื่องการพระราชทานนามสกุลยังพบอีกว่า นายเรือตรี เจือ กระทรวงทหารเรือ หรือที่ต่อมาได้รับพระราชทานยศบรรดาศักดิ์เป็น นายนาวาตรี หลวงจบเจนสมุท ก็ได้รับพระราชทานนามสกุล “สหนาวิน” เป็นนามสกุลลำดับที่ ๒๓๑ เมื่อวันที่ ๗ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๔๕๖ ย่อมชวนให้เกิดข้อสงสัยต่อไปว่า หากนักเรียนนายเรือ เจือ สหนาวิน เป็นคู่กรณีวิวาทกับมหาดเล็กในสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ ดังที่ได้บันทึกไว้จริง นักเรียนนายเรือ เจือ จะกล้าขอพระราชทานนามสกุลและจะได้รับพระราชทานนามสกุลในลำดับต้นๆ เพียงระยะเวลาเดือนเศษๆ นับแต่เริ่มมีการพระราชทานนามสกุลเชียวหรือ?
ส่วนการที่ทรงปลด นายพลเรือตรี พระเจ้าพี่ยาเธอ กรมหมื่นชุมพรเขตรอุดมศักดิ์ ออกจากราชการเป็นกองหนุนเมื่อวันที่ ๑๖ เมษายน พ.ศ. ๒๔๕๔ ทั้งที่เพิ่งจะทรงตั้งพระเจ้าพี่ยาเธอพระองค์นี้ให้ดำรงตำแหน่งผู้ช่วยเสนาบดีกระทรวงทหารเรือและเจ้ากรมยุทธศึกษาทหารเรือไปเมื่อวันที่ ๒๓ ธันวาคม พ.ศ. ๒๔๕๓ นั้น ความในพระราชบันทึกก็ปรากฏชัดอยู่แล้วว่า เพราะไม่เสด็จไปทรงงานที่กระทรวงทหารเรือ ทั้งยังทรงเป็นต้นแบบให้นายทหารเรือรุ่นหนุ่มคิดกระด้างกระเดื่องต่อผู้บังคับบัญชา จึงต้องทรงปลดพระเจ้าพี่ยาเธอพระองค์นั้นออกเป็นกองหนุน เพื่อให้ทรงสำนึกผิด แต่ถัดมาวันที่ ๓๑ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๔๕๔ หรืออีกเพียง ๓ เดือนเศษ ก็ได้โปรดเกล้าฯ ให้เสด็จเข้ารับราชการในกรมมหาดเล็ก รับพระราชทานยศชั้น “หัวหมื่น” หรือที่ในเวลานั้นเรียกว่า “ชั้นที่ ๒ เอก” ซึ่งเป็นชั้นยศเทียบเท่านายพันเอกทหารบก และคงโปรดให้รับราชการในกรมมหาดเล็กมาจนคราวที่ทรงประกาศสงครามกับเยอรมนีและออสเตรีย-ฮังการี เมื่อวันอาทิตย์ที่ ๒๒ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๔๖๐ แล้ว และ นายพลเรือตรี พระเจ้าพี่ยาเธอ กรมหมื่นชุมพรเขตรอุดมศักดิ์ ได้กราบบังคมทูลสำนึกผิดและทรงอาสาเข้ารับราชการทหารเรือเพื่อทำหน้าที่ป้องกันพระราชอาณาจักรในสภาวะสงครามอีกครั้ง จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้เสด็จกลับเข้ารับราชการทหารเรือในตำแหน่งจเรทหารเรือ เมื่อวันที่ ๑ สิงหาคม พ.ศ. ๒๔๖๐ เมื่อได้เสด็จกลับเข้ารับราชการทหารเรือและทรงอุทิศพระองค์ปฏิบัติราชการทหารเรือด้วยพระอุตสาหะวิริยะแล้ว ก็ได้ทรงรับความไว้วางพระราชหฤทัยโปรดเกล้าฯ ให้เป็นที่ปรึกษาแห่ง “คณะที่ปฤกษาสำหรับเครื่องราชอิสริยาภรณ์อันมีศักดิ์รามาธิบดี” ทั้งยังได้รับพระราชทานฐานันดรเป็น “มหาโยธิน” แห่งเครื่องราชอิสริยาภรณ์อันมีศักดิ์รามาธิบดี และต่อมายังได้ทรงเป็นผู้แทนราชนาวีสมาคมแห่งกรุงสยาม ในพระบรมราชูปถัมภ์ ออกไปจัดซื้อเรือหลวงพระร่วง และทรงบังคับการเรือนั้นร่วมกับนายทหารเรือไทยนำเรือรบหลวงพระร่วงเดินทางจากประเทศอังกฤษมาถึงประเทศไทยโดยสวัสดิภาพ นับเป็นการเดินเรือข้ามทวีปครั้งแรกโดยคนไทย เป็นอาทิ จึงทำให้ได้รับพระมหากรุณาธิคุณเลื่อนพระยศเป็นนายพลเรือโท และนายพลเรือเอก ทั้งยังได้โปรดเกล้าฯ เฉลิมพระอิสริยยศเป็น กรมขุนและกรมหลวงชุมพรเขตรอุดมศักดิ์ตามลำดับ กับได้โปรดเกล้าฯ ให้ทรงดำรงตำแหน่งเสนาธิการทหารเรือซึ่งเป็นตำแหน่งบังคับบัญชากำลังพลเทียบเท่าตำแหน่งผู้บัญชาการทหารเรือในปัจจุบัน ก่อนที่จะโปรดเกล้าฯ ให้ทรงดำรงตำแหน่งเสนาบดีกระทรวงทหารเรืออันเป็นตำแหน่งสูงสุดในราชการทหารเรือ ในบั้นปลายพระชนมชีพ นายพลเรือเอก พระเจ้าพี่ยาเธอ กรมหลวงชุมพรเขตรอุดมศักดิ์ ได้กราบถวายบังคมลาออกไปรักษาพระองค์ที่มณฑลสุราษฎร์ซึ่งเดิมเคยชื่อว่า “มณฑลชุมพร” อันพ้องกับพระนามกรม และได้ประชวรสิ้นพระชนม์เสียที่นั้น เมื่อความทราบฝ่าละอองธุลีพระบาท พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวได้ทรงพระราชบันทึกไว้ในจดหมายเหตุรายวันส่วนพระองค์ว่า “มีความสลดใจเปนอันมากที่จำเปนต้องจดลงในรายวันนี้ว่า พระเจ้าพี่ยาเธอ กรมหลวงชุมพรเฃตอุดมศักดิ์ได้สิ้นพระชนม์เสียที่ตำบลหาดรี, ปากน้ำชุมพร, เมื่อเวลา ๑๑ นาฬิกาก่อนเที่ยงวันนี้. ฃ่าวนี้ได้รับในเวลาดึก. กระทู้: สุดแสนเสียดายคุณ V_Mee เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 10 ต.ค. 19, 13:36 เมื่อเดือนเมษายน กรมชุมพรได้ขอลาพักรักษาพระองค์ ๑ เดือน โดยคำแนะนำของหม่อมเจ้าถาวรมงคลวงศ์๑๑, นายแพทย์ใหญ่กระทรวงทหารเรือ, ผู้ที่ได้กล่าวในใบตรวจพระอาการว่า กรมชุมพรประชวรเปนพระโรคเส้นประสาทไม่ปรกติ. ตั้งแต่เมื่อทำบุญอายุเจ้าจอมมารดาโหมดได้สังเกตเห็นกรมชุมพรเดินง่องแง่งไม่ใคร่ถนัดอย่างไรอยู่. เมื่อได้รับอนุญาตแล้วก็ได้ขอยืมเรือพวก ‘ทเล’ ลำ ๑ ลงเดินทางออกไปว่าจะไปประพาศทางมณฑลสุราษฎร์. แรกที่จะได้ฃ่าวว่าประชวรครั้งสุดท้ายนี้ คือเจ้าพระยารามราฆพได้นำโทรเลขของเจ้าจอมมารดาโหมดมีมาถึงเธอนั้นมาให้เราดู, มีความว่ากรมหลวงชุมพรประชวรเป็นไข้พิษ พระอาการหนัก. ครั้นเวลาค่ำได้รับโทรเลขพระองค์เจ้าธานี๑๒ บอกฃ่าวมาว่า กระทรวงทหารเรือได้จัดส่งหม่อมเจ้าถาวรออกไปทางรถไฟยังชุมพร, และส่งเรือ ‘พระร่วง’ ออกไป โดยคำขอร้องของเจ้าจอมมารดาโหมด, เพื่อจะได้รับกรมชุมพรกลับเฃ้าไปกรุงเทพ. ครั้นเวลาดึกจึ่งได้ฃ่าวว่ากรมชุมพรได้สิ้นพระชนม์เสียแล้วที่หาดรี เมื่อ ๑๑ นาฬิกาเช้า. ตำบลหาดรีนี้, ได้ทราบจากพระยาเวียงใน๑๓ (ซึ่งเคยเป็นผู้ว่าราชการจังหวัดชุมพร) ว่า เปนที่มีไข้ป่าชุกชุม, และในฤดูเดือน ๖ เดือน ๗ ไม่มีใครอยู่ได้โดยปลอดไข้.
กรมชุมพรประสูติวันที่ ๑๙ ธันวาคม, (ปีมะโรง) พ.ศ. ๒๔๒๓, ฉะนั้นมีพระชนม์ได้ ๔๒ ปี กับ ๕ เดือน; และเพราะได้เปนเพื่อนกันมาแต่เด็กเราจึ่งรู้สึกเสียดายและใจหายมาก”๑๔ ความในพระราชบันทึกที่อัญเชิญมาข้างต้นย่อมเป็นเครื่องแสดงให้เห็นว่า พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว มิได้ทรงขัดแย้งกับพระเจ้าพี่ยาเธอ กรมหลวงชุมพรเขตรอุดมศักดิ์เลยแม้แต่น้อย ทั้งยังทรงแสดงให้เห็นถึงความผูกพันกันมาแต่ทรงพระเยาว์ตราบจนพระเจ้าพี่ยาเธอพระองค์นั้นสิ้นพระชนม์ไปเมื่อวันเสาร์ที่ ๑๙ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๔๖๖ แล้ว ก็ยังได้พระราชทานพระบรมราชานุญาตให้ทหารเรือไว้ทุกข์ด้วยการลดธงครึ่งเสามีกำหนด ๓ วัน นับแต่วันที่ ๒๑ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๔๖๖ ซึ่งเป็นวันที่เรือเชิญพระศพกลับถึงกรุงเทพฯ นอกจากนั้นยังเล่ากันต่อมาว่า เมื่อเวลาที่ นายพลเรือเอก พระเจ้าพี่ยาเธอ กรมหลวงชุมพรเขตรอุดมศักดิ์สิ้นพระชนม์นั้น พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวกำลังทรงพระอักษรอยู่ที่พระราชนิเวศน์มฤคทายวัน แล้วก็ทรงเหลียวมามีพระราชดำรัสอะไรสั้นๆ ซึ่งมหาดเล็กเวรที่เฝ้าฯ อยู่ ณ ที่นั้นก็ไม่ทราบว่ามีพระราชประสงค์อะไร ถึงวันรุ่งขึ้นเมื่อพระทายาทของพระเจ้าพี่ยาเธอพระองค์นั้นนำดอกไม้ธูปเทียนไปกราบถวายบังคมลาสิ้นพระชนม์แทนพระบิดา ก็มีรับสั่งว่า “รู้แล้ว” เชิงอรรถ ๑ หม่อมเจ้าหญิงทิพยสัมพันธ์ ภาณุพันธุ์ พระชายาในพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมหลวงชุมพรเขตรอุดมศักดิ์ ๒ พระเจ้าพี่ยาเธอ กรมหมื่นราชบุรีดิเรกฤทธิ์ ต่อมาได้รับพระราชทานเฉลิมพระยศเป็น พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมหลวงราชบุรีดิเรกฤทธิ์ ๓ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ๔ นายพลเรือโท สมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้าฯ กรมขุนนครสวรรค์วรพินิต ผู้บัญชาการกรมทหารเรือ ต่อมาได้รับพระราชทานเฉลิมพระยศเป็นจอมพล จอมพลเรือ สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้าฯ กรมพระนครสวรรค์วรพินิต ๕ พระเจ้าลูกยาเธอ พระองค์เจ้าอุรุพงศ์รัชสมโภช ๖ วันที่ ๓ เมษายน ร.ศ. ๑๓๐ (พ.ศ. ๒๔๕๔) ๗ นายพลโท สมเด็จพระเจ้าน้องยาเธอ เจ้าฟ้าฯ กรมขุนพิษณุโลกประชานาถ เสนาธิการทหารบก ต่อมาได้รับพระราชทานเฉลิมพระยศเป็น จอมพล สมเด็จพระอนุชาธิราช เจ้าฟ้าฯ กรมหลวงพิษณุโลกประชานาถ ๘ นายพลเอก พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมหมื่นนครไชยศรีสุรเดช เสนาบดีกระทรวงกลาโหม ต่อมาได้เฉลิมพระยศเป็น จอมพล พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมหลวงนครไชยศรีสุรเดช ๙ นายนาวาเอก พระเจ้าน้องยาเธอ พระองค์เจ้าวุฒิชัยเฉลิมลาภ ต่อมาได้รับพระราชทานเฉลิมพระยศเป็น นายพลเรือเอก กรมหลวงสิงหวิกรมเกรียงไกร ๑๐ พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว. ประวัติต้นรัชกาลที่ ๖ เล่ม ๒. น. ๓-๑๐. ๑๑ หม่อมเจ้าถาวรมงคลวงศ์ ไชยันต์ ๑๒ พระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าธานีนิวัติ ผู้ช่วยราชเลขาธิการ ต่อมาได้รับพระราชทานเฉลิมพระยศเป็น พระวรวงศ์เธอ กรมหมื่นพิทยลาภพฤฒิยากร ๑๓ พระยาเวียงในนฤบาล (ชุบ โอสถานนท์) ต่อมาได้รับพระราชทานบรรดาศักดิ์เป็น พระยาประชากิจกรจักร์ ๑๔ พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว. จดหมายเหตุรายวัน พระพุทธศักราช ๒๔๖๖ รัตนโกสินทรศก ๑๔๒ เปนปีที่ ๑๔ ในรัชกาล. น. ๕๐-๕๑. บรรณานุกรม “แจ้งความกรมมหาดเล็ก”, ราชกิจจานุเบกษา ๒๘ (๖ สิงหาคม ๑๓๐), น. ๙๐๕. “แจ้งความกระทรวงทหารเรือ”, ราชกิจจานุเบกษา ๒๗ (๒๕ ธันวาคม ๑๒๙), น. ๒๒๔๓. “แจ้งความกระทรวงทหารเรือ”, ราชกิจจานุเบกษา ๒๘ (๑๖ เมษายน ๑๓๐), น. ๙๑-๙๒. “แจ้งความกระทรวงทหารเรือ”, ราชกิจจานุเบกษา ๓๔ (๕ สิงหาคม ๒๔๖๐), น. ๑๓๕๖. ปิ่น มาลากุล, หม่อมหลวง. อัตชีวประวัติของหม่อมหลวงปิ่น มาลากุล. (อนุสรณ์งานพระราชทานเพลิงศพ หม่อมหลวงปิ่น มาลากุล ป.จ., ม.ป.ช., ม.ว.ม. ณ เมรุหน้าพลับพลาอิศริยาภรณ์ วัดเทพศิรินทราวาส วันเสาร์ที่ ๓๐ มีนาคม พุทธศักราช ๒๕๓๙). กรุงเทพมหานคร : โรงพิมพ์คุรุสภาลาดพร้าว, ๒๕๓๙. มงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว, พระบาทสมเด็จพระ. จดหมายเหตุรายวัน พระพุทธศักราช ๒๔๖๖ รัตนโกสินทรศก ๑๔๒ เปนปีที่ ๑๔ ในรัชกาล. (สำเนาลายพระราชหัตถ์) ______. ประวัติต้นรัชกาลที่ ๖ เล่ม ๒. (สำเนาลายพระราชหัตถ์) วชิราวุธานุสรณ์สาร. ปีที่ ๔ ฉบับที่ ๓ (๑๑ พฤศจิกายน ๒๕๒๗). วชิราวุธานุสรณ์สาร. ปีที่ ๕ ฉบับที่ ๑ (๑ มกราคม ๒๕๒๘). หมายเหตุ: เนื้อหาฉบับออนไลน์ ทีมงานปรับย่อหน้าและเพิ่มเติมหัวข้อย่อย กระทู้: สุดแสนเสียดายคุณ V_Mee เริ่มกระทู้โดย: ninpaat ที่ 10 ต.ค. 19, 15:39 ...
ภาษิตของนักรบโบราณ พระราชนิพนธ์ในพระบาทสมเด็จพระมงกุฏเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงแปลจากภาษิตภาษาฝรั่งเศษ โดยเทียบเป็นคำโคลงภาษาไทย ดังนี้ ๐ มะโนมอบพระผู้................เสวยสวรรค์ แขนมอบถวายทรงธรรม์.........เทอดหล้า ดวงใจมอบเมียขวัญ...............และแม่ เกียรติศักดิ์รักของข้า.............มอบไว้แก่ตัว ฯ เมื่อแต่งเป็นโคลงแล้ว พระองค์ได้ทรงให้นายช่างชาวอิตาเลียนในกรมศิลปากรชื่อ ริโกล เขียนภาพขึ้นไว้ ๔ ภาพ เพื่อประกอบโคลงนั้นบาทละภาพ ภาพทั้ง ๔ นี้คณะ "ดุสิตสมิต" ได้ขอพระบรมราชานุญาตจำลองลงพิมพ์ในหนังสือ "ดุสิตสมิต" พร้อมกับโคลงในระหว่างเวลา ที่เสือป่ากองเสนาหลวงรักษาพระองค์กำลังชุมนุมพลอยู่ ที่สนามจันทร์ จังหวัดนครปฐม เมื่อ เดือนมกราคม พ.ศ. ๒๔๖๑ โคลงภาษิตนักรบโบราณ นายพลเสือป่า พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว นายกเสือป่า และผู้บัญชาการกองเสนาหลวงรักษาพระองค์ ทรงพระราชนิพนธ์ ๐ "มะโนมอบพระผู้...........เสวยสวรรค์" นักรบต้องรักธรรม์...........เที่ยงแท้ ยามสู่ยุทธภูมิอัน...............ประชิด จิตจึ่งจะมั่นแม้.................เศิกกล้าไป่ขาม ๐ สงครามทำเพื่อป้อง.......ธรรมา นักรบเริงอาสา.................ไป่คร้าม อยู่ในที่ถูกหา...................ความขลาด ได้ฤๅ จิตมั่นขวัญพาข้าม............ปลอดพ้นอันตราย ๐ เป็นชายเชื้อชาติแกล้ว....เพ็ญขวัญ "แขนมอบถวายทรงธรรม์...เทอดหล้า" รับใช้เพื่อป้องกัน.............วรบาท พระเอย เพื่อพระคงคู่ฟ้า...............ครอบเกล้าเราสราญ ๐ ภูบาลจะตรัสใช้.............ไคลคลา เหินห่างจากเคหา.............ห่างห้อง ภักดีและอาสา.................เพราะเชื่อ ว่าพระบารมีป้อง.............ปกเกล้าเราไป ๐ หักใจจรจากห้อง...........หฤหรรษ์ รักราชและรักธรรม์..........เที่ยงแท้ "ดวงใจมอบเมียขวัญ.........และแม่" คงเสน่ห์อยู่แม้.................อยู่ร้างกลางสนาม ๐ ยามไปในถิ่นกว้าง..........ทางไกล พบสิ่งยั่วยวนใจ................อยู่บ้าง ก็จะไม่เหลวไหล...............หลงวุ่น เพราะจิตจอดอยู่ข้าง........หนึ่งแล้วมั่นคง ๐ รณรงค์ยงยุทธแย้ง.........ยิ่งภัย อื่นนอ จำจะต้องทำใจ.................กาจกล้า นักรบจึงควรใฝ่................เตือนสติ ตนเอง "เกียรติศักดิ์รักของข้า.......มอบไว้แก่ตัว" ๐ มัวรอให้พวกพ้อง..........คอยเตือน คงไม่รู้จิตเหมือน..............จิตได้ ใครจะทราบว่าเพื่อน.........นึกหวั่น ขึ้นนอ ตัวสิเตือนตัวไว้................เหมาะแท้ทุกยาม ๐ สรุปความว่าแม้มั่น........ธรรมา ธิปแฮ อีกภักดีอาสา..................ราชไท้ รักเมียรักแม่พา...............ใจแน่ว สงวนศักดิ์จักสละได้...........หมดแม้ชีวี ๐ ศรี ศรีสวัสดิ์พร้อม.......พูนผล สิทธิ์ จัตุพรดล................อย่าแคล้ว ฤทธิ์ เรืองฤทธิ์แรงรณ......อริราช ชัย ชะนะศึกแกล้ว...........เกียรติก้องสากล ๐ ปวง พลเสือป่าผู้...........ภักดี ภัย พิบัติอย่ามี.................พาดพ้อง พิ บูลย์พิริยภีย์.................โยยิ่ง ยิ่งเทอญ นาศ อะมิตร์จิตข้อง...........ขัดน้อยอย่ามี ฯ กระทู้: สุดแสนเสียดายคุณ V_Mee เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 10 ต.ค. 19, 17:26 คิดถึง วรชาติ มีชูบท
ช่วงหนึ่งตอนวรชาติอยู่ม.ปลายวรชาติพยายามจะทำให้กฏ ระเบียบของห้องสมุดศักดิ์สิทธิ์มากขึ้น โดยตั้งกฏว่า.ใครขอยืมหนังสือไปแล้วคืนไม่ตรงกำหนดจะโดนปรับวันละ 10 บาท วรชาติรักษากฏไม่เว้นแม้แต่ครู ครูขอยืมหนังสือไป 1 เล่ม ครบกำหนดเมื่อวาน วันรุ่งขึ้นครูนำหนังสือมาด้วยแต่ยังไม่ถึงห้องสมุด เพราะติดสอนหนังสืออยู่ ครูกำลังสอน ม. อะไร จำไม่ได้ค่ะ เวลาประมาณ 9.30 น. วรชาติเดินเข้ามาในห้องเรียนและขอปรับ 10 บาท ครูยอมจ่ายให้ 10 บาท และบอกว่า ครูจะปรับเธอบ้างได้ไม๊ เพราะขณะนี้คือเวลาเรียน แต่เธอไม่เข้าเรียน วรชาติบอกว่า ครูคิดว่าช่วยผมรักษากฏก็แล้วกันนะครับ ผมจะได้ยกเป็นตัวอย่างว่า กฏนี้จริงจังไม่เว้นแม้แต่ครู ครูสมลักษณ์เป็นพยานได้ วันนั้นไม่รู้ว่าครูจะโกรธ หรือจะแค้นดี . Somlak Suvanvong สู่สุคติภพนะคะ ครูอโหสิกรรมให้ทุกประการ กระทู้: สุดแสนเสียดายคุณ V_Mee เริ่มกระทู้โดย: Koratian ที่ 10 ต.ค. 19, 17:40 ขอแสดงความเสียใจด้วยครับ กระทู้: สุดแสนเสียดายคุณ V_Mee เริ่มกระทู้โดย: ประกอบ ที่ 10 ต.ค. 19, 18:20 ผมเป็นอีกคนหนึ่งที่อท่านอาจารย์วรชาติเคยสละเวลาเมตตาให้ความรู้ ทั้งที่ผมก็เกรียนไม่น้อยเลย เห็นท่านในเฟสบุ๊คก่อนหน้ายังโพสต์ว่าอาการป่วยดีขึ้นแล้4ว ยังนึกว่าท่านคงไม่เป็นอะไร มาทราบข่าวเมื่อวานก็ใจหาย คงจะต้องหาโอกาสไปขออโหสิกรรมและกราบคารวะท่านอาจารย์้ป็นครั้งสุดท้าย
กระทู้: สุดแสนเสียดายคุณ V_Mee เริ่มกระทู้โดย: world ที่ 10 ต.ค. 19, 22:15 ขอแสดงความเสียใจด้วยครับ ถือว่าเรื่องเกิดรวดเร็วมาก
ก่อนหน้านี้เมื่อเดือนสิงหาคมผมยังคุยกับเจ้าตัวเรื่องอาการประชวรของรัชกาลที่ 6 ว่าบันทึกของไทยกับฝรั่งต่างกันมาก คุณ V_Mee ก็ยังชี้แนะข้อมูลเพิ่มมาว่าของฝรั่งเองก็น่าจะมีผิดด้วย กระทู้: สุดแสนเสียดายคุณ V_Mee เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 11 ต.ค. 19, 06:16 Boriphat Sangpakorn
. · หนังสือเหล่านี้เป็นความเอื้อเฟื้อจากอาจารย์วรชาติ ในส่วนที่ท่านให้ ก็ส่วนให้ ให้เป็นอัธยาศัยไมตรีผมก็รับไว้ด้วยใจ แต่ส่วนซื้อผมก็ซื้อต่างหากไว้ทุกเล่ม ไม่ได้คิดว่าจะรับเปล่าๆ ถ่ายเดียว อย่างเล่มซ้ายวันที่เปิดตัว ผมก็เอาเล่มที่ซื้อเองไปให้อาจารย์วรชาติเซ็น ท่านเห็นปกนี้เข้าก็บอกได้ไปแล้วไม่ใช่หรอ ซื้ออีกทำไม ผมจำไม่ได้ว่าตอบแก้ไปอย่างไร พอดีว่าพี่สุทธิพงษ์ พื้นแสน ถามถึงหนังสือเล่มนี้ขึ้นมา ผมก็เลยส่งไปให้ ทีแรกเขาว่าจะใช้ราคา ผมจึงบอกพี่สุทธิพงษ์ว่าหนังสือนี้ได้มาเปล่าๆ ที่ซื้อไว้นี่เป็นส่วนที่คิดจะซื้ออยู่แล้ว ก็ในเมื่อได้รับความเอื้อเฟื้อจากอาจารย์วรชาติ ก็ถือว่าผมส่งต่อความเอื้อเฟื้อต่อไปแล้วกัน ถ้าจะใช้ราคา ต่อไปพี่ซื้อไว้แล้วส่งให้ห้องสมุดสักแห่งแล้วกัน ส่วนสองเล่มทางขวา ผมให้น้องขิง จริงๆ เดิมจะให้เจ้าเมือง สงขลา ถามที่อยู่เค้าทำอิดออดน่าหมั่นไส้ ก็เลยบอกกับน้องขิงว่าไม่ต้องซื้อ เดี๋ยวส่งไปให้ ผมมาทราบภายหลังจากอาจารย์วรชาติ ว่าท่านส่งหนังสือไปให้เจ้าเมือง สงขลา ไปแล้ว อ่อที่แท้ทำเป็นเล่นตัวเพราะได้รับหนังสือจากอาจารย์วรชาติโดยตรงแล้วนี่เอง ตอนที่เอาสองเล่มหลังนี้ไปให้อาจารย์วรชาติเซ็น คราวนี้ผมคิดคำตอบเผื่อแล้วว่าจะเอาไปฝากน้องขิง จึงจดชื่อนามสกุลไปด้วย บอกว่าจะเอาไปฝากน้อง พออาจารย์วรชาติเห็นนามสกุล จึงทักขึ้นมาว่าน้องขิงเป็นอะไรกับคุณสิงห์โต ปุกหุต ผอ.ท้องฟ้าจำลอง หนังสือหนะ ถ้าเป็นของอาจารย์วรชาติ ยังไงผมก็ซื้ออยู่แล้ว ถึงท่านให้ฟรีๆ ผมก็ซื้ออยู่ดี ส่วนที่ให้ก็ส่วนให้ ส่วนที่ซื้อก็ส่วนซื้อ ในเมื่อท่านเอื้อเฟื้อมา ผมก็ส่งต่อความเอื้อเฟื้อต่อไป ความเอื้อเฟื้อเหล่านี้เกิดแต่อาจารย์วรชาติ ผมจำไม่ได้ว่าอาจารย์เคยให้หนังสืออะไรมาบ้าง แต่ว่าให้มาหลายเล่มมาก แรกสุดเลยผมบอกกับท่านว่าหนังสืออนุมานนวสาร ซึ่งลงเรื่องสิ่งที่ข้าพเจ้าพบเห็นของท่านหญิงพูน ผมตามหาไม่ได้ ท่านบอกว่าเดี๋ยวจะส่งไปให้ ในตอนนั้นเรารู้จักกันผิวเผิน ผมก็เกรงใจไม่อยากรบกวน เลยไปขอกับพี่โก้แทน พี่โก้เป็น บก.หนังสืออนุมานนวสาร จะเรียกให้ถูกก็ต้องเรียกอาจารย์โก้ เพราะท่านก็เคยสอนหนังสือผมมา พี่โก้เป็นทั้งครู เป็นทั้งรุ่นพี่ ผมรู้จักกับอาจารย์โก้เพราะที่ปรึกษาภาคนิพนธ์เป็นผู้แนะนำมา เดิมผมคิดทำภาคนิพนธ์ศึกษาเกี่ยวกับประเด็นปัญหาสิทธิสภาพนอกอาณาเขต แต่ขัดใจกับอาจารย์ที่ปรึกษาคนแรก ผมจึงเปลี่ยนหัวข้อไปทำเรื่องการประเมินประสิทธิภาพการดำเนินงานของธนาคารซีไอเอ็มบีแทนเพื่อตัดรำคาญ จึงมาได้อาจารย์ที่ปรึกษาคนใหม่คืออาจารย์อนันตชัย ซึ่งอาจารย์อนันตชัยคงเห็นใจ ไม่อยากให้เปลี่ยนจึงแนะนำพี่โก้ อย่างนั้นก็ตามที ตอนแรกที่คุยกันกับพี่โก้ คำถามแรกที่พี่โก้ถามคือ รู้จักวีหมีไหม ผมตอบโดยไม่คิดทันทีว่า เหตุผลที่ผมคิดจะทำประเด็นสิทธิสภาพนอกอาณาเขต ก็เพราะวีหมีนั่นแหละ เมื่อผมตัดสินใจแล้ว ผมไม่เคยคิดเปลี่ยนกลับไปกลับมา ก็เป็นว่าไม่ทำเรื่องสิทธิสภาพนอกอาณาเขต ทีนี้จะมารบกวนพี่โก้ ก็เพราะอยากอ่านเรื่องสิ่งที่ข้าพเจ้าพบเห็นของท่านหญิงพูนเนี่ยแหละ รบกวนพี่โก้ เพราะไม่อยากรบกวนอาจารย์วรชาติ อีกครั้งหนึ่ง ผมตามหาหนังสือพระราชประวัติ ร.6 ไม่ได้ ซึ่งเป็นเล่มที่ ม.ร.ว.ถนัดศรี สวัสดิวัตน์ ให้คำนิยม เป็นหนังสือที่ขายดีมาก ผมไปถามที่ร้านริมขอบฟ้า คนขายบอกหนังสือหมดยังไม่เข้า ขายดีมาก ผมไปบอกอาจารย์วรชาติ ท่านเลยจะส่งมาให้ผมอีก ตอนนั้นผมกับอาจารย์วรชาติ เรียกได้ว่าไม่รู้จักกันเลย ไม่มีความสนิทสนมแม้แต่น้อย นอกจากชื่อผมแล้ว ท่านไม่รู้อะไรเกี่ยวกับตัวผมแม้อย่างเดียว ไม่รู้แม้กระทั่งใจผมมีแต่กรมดำรงเพียงคนเดียว คนที่ ร.6 บอกว่า เป็นคนไม่มีชาติไม่มีศาสนา วันนึงพูดอย่างหนึ่ง อีกวันพูดอีกอย่างหนึ่ง ความไม่สนิทสนม ไม่รู้จักกัน ผมจึงเกรงใจมาก จึงไม่ตอบอะไรท่าน ขณะเดียวกันผมก็สั่งซื้อหนังสือเล่มดังกล่าวไปยังสำนักพิมพ์สร้างสรรค์บุ๊คส์ พอจ่ายเงินไปแล้วจึงได้เรียนให้อาจารย์วรชาติทราบว่าขอบคุณในความเอื้อเฟื้อของอาจารย์ แต่ผมสั่งซื้อหนังสือจากสำนักพิมพ์ไปแล้ว รู้สึกหนังสือเล่มแรกที่ผมตั้งใจขอก็คือ จดหมายเหตุบรมราชาภิเษก ร.6 เพราะผมเคยเจอแต่จดหมายเหตุ ร.7 และ ร.9 ส่วน ร.5 ก็หาอ่านได้จากพระนิพนธ์กรมดำรง ของ ร.6 ผมหาไม่ได้จริงๆ หาจากหอสมุดหลายๆ มหาลัยก็หาไม่ได้ จึงได้เรียนถามอาจารย์วรชาติ ท่านจึงส่งมาให้อ่าน ชีวลิขิต ของคุณชายอาจารย์เสนีย์ อาจารย์วรชาติก็ส่งมาให้เล่มนึง อันที่จริงเมื่อปีที่แล้วสำนักพิมพ์วิญญูชนก็เพิ่งพิมพ์ขาย ผมก็ซื้อไว้เล่มนึง แต่ให้น้องฟร้องไป(สะกดงี้เปล่าไม่รู้ จำไม่ได้) ตัวเองหนะมีแต่หนังสือสำเนาที่อาจารย์วรชาติให้มา แต่เล่มใหม่ๆ สวยๆ ไม่มีหรอก ให้เขาไปแล้ว เมื่อนึกถึงความเอื้อเฟื้อ ความเมตตา ที่อาจารย์วรชาติได้เคยแบ่งปันให้ ผมรู้สึกว่าผิดมากถ้าหากจะรับความเอื้อเฟื้อเหล่านี้เฉยๆ ราวกับว่ามีอะไรมาดลบันดาลให้เราจะต้องส่งต่อความเอื้อเฟื้อต่อไป อาจารย์วรชาติในความทรงจำของผมคือ ความเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ ที่ไม่มีข้อกีดกั้น เอื้อเฟื้อให้กับทุกๆ คน ไม่เลือก และเอื้อเฟื้อทุกคนเท่ากันไม่มีแบ่งแยก อาจารย์วรชาติเปรียบเสมือนฝน อาจารย์วรชาติโปรยปรายความเอื้อเฟื้อเมื่อใด ผู้ได้รับความเอื้อเฟื้อก็ชุ่มฉ่ำหัวใจ กระทู้: สุดแสนเสียดายคุณ V_Mee เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 11 ต.ค. 19, 08:25 ศาลา ๘ วัดเสมียนนารี
กระทู้: สุดแสนเสียดายคุณ V_Mee เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 11 ต.ค. 19, 08:28 กำหนดการ
กระทู้: สุดแสนเสียดายคุณ V_Mee เริ่มกระทู้โดย: tita ที่ 11 ต.ค. 19, 09:30 ขอร่วมแสดงความเสียใจในการจากไปของคุณ V-Mee ค่ะ ข้อมูลความรู้ที่ได้รับจากคุณ V-Mee ช่วยเพิ่มมุมมองที่มีต่อประวัติศาสตร์ยุครัชกาลที่ 6 นับเป็นคุณูปการอย่างยิ่ง
ขอให้กุศลผลบุญที่คุณ V-Mee สั่งสมมา และที่ครอบครัวญาติมิตรบำเพ็ญอุทิศให้ จงเป็นปัจจัยเกื้อหนุนให้คุณ V-Mee ได้ไปสถิตยังภพภูมิที่ดีงามค่ะ กระทู้: สุดแสนเสียดายคุณ V_Mee เริ่มกระทู้โดย: Naris ที่ 11 ต.ค. 19, 09:31 ขอแสดงความเสียใจกับครอบครัวและญาติของท่านอาจารย์ด้วยครับ
กระทู้: สุดแสนเสียดายคุณ V_Mee เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 11 ต.ค. 19, 13:34 แด่ อาจารย์วรชาติ มีชูบท หอสมุดวชิราวุธานุสรณ์เคลื่อนที่ผู้จากลา
โดย ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.อานนท์ ศักดิ์วรวิชญ์ อาจารย์ประจำสาขาวิชา Business Analytics and Intelligence และ Actuarial Science and Risk Management คณะสถิติประยุกต์ สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ อาจารย์วรชาติ มีชูบท หรือ V_Mee (วีหมี) อันเป็นนามปากกาในเว็บไซต์ Pantip และเรือนไทย เป็นอาจารย์ นักเขียน และทนายความ ผู้มีความรู้ประวัติศาสตร์ในรัชกาลพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว อย่างยอดเยี่ยมและลึกซึ้งมากที่สุด ต้องเรียกว่าอาจารย์วรชาติเป็นเอตทัคคะด้านวชิราวุธศึกษา (King Vajiravudh’s studies) อย่างยิ่งยวด ความรู้ด้านประวัติศาสตร์การเมืองการปกครองของอาจารย์ยังรวมไปถึงรัชกาลอื่น ๆ การได้สนทนากับอาจารย์จึงไม่ต่างกับการสนทนากับ Encyclopedia หรือ Almanac เคลื่อนที่ได้ ผมทราบว่าอาจารย์ชำนาญประวัติศาสตร์นับแต่รัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวลงมาทีเดียว อาจารย์วรชาติเป็น OV หรือ Old Vajiravudh หรือเป็นนักเรียนเก่าวชิราวุธวิทยาลัย รุ่นไหนผมไม่ทราบ แต่สิ่งที่ผมทราบแน่แก่ใจคือ อาจารย์วรชาติ เป็นผู้มีความจงรักภักดีในสถาบันพระมหากษัตริย์และพระมหาจักรีบรมราชวงศ์เป็นที่สุด ผมเห็นอาจารย์เข้าไปตอบกระทู้หรือตอบคอมเมนต์ผู้ที่ใส่ร้ายสถาบันพระมหากษัตริย์และพระมหากษัตริย์ทุกพระองค์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ที่ทรงถูกใส่ร้ายด้วยข้อความอันเป็นเท็จอยู่เนือง ๆ จากเกรียนคีย์บอร์ด และลิเบอร่านล้มเจ้า สิ่งที่น่ามหัศจรรย์ก็คืออาจารย์วรชาติเป็นคนใจเย็น ใช้เหตุใช้ผล โต้ตอบด้วยหลักฐานทางประวัติศาสตร์อันหนักแน่น และหักล้างการโจมตีด้วยท่าทีที่อดทน แม้อีกฝั่งจะหยาบคายก้าวร้าวเพียงใดก็ตาม อาจารย์จะพยายามอธิบาย และสอนให้ความรู้ประวัติศาสตร์การเมืองการปกครองของไทยด้วยจิตวิญญาณของความเป็นครู และความจงรักภักดียิ่ง ผมเห็นได้ชัดเจนว่าอาจารย์มีความกตัญญูกตเวทิคุณต่อพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ผู้ทรงสถาปนาโรงเรียนมหาดเล็กหลวงหรือต่อมาวชิราวุธวิทยาลัยที่อาจารย์เป็นศิษย์เก่า ผมทราบมาว่าอาจารย์นั้นเดิมเป็นทนายความ ต่อมาได้มาเป็นอาจารย์สอนที่วชิราวุธวิทยาลัยด้วย และมาทำงานช่วย ศาสตราจารย์ หม่อมหลวงปิ่น มาลากุล ประธานมูลนิธิพระบรมราชานุสรณ์ พระบาทสมเด็จพระมงกุฏเกล้าเจ้าอยู่หัว ที่หอวชิราวุธานุสรณ์ หอสมุดแห่งชาติ ถนนสามเสนใน ติดท่าวาสุกรี กระทู้: สุดแสนเสียดายคุณ V_Mee เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 11 ต.ค. 19, 13:35 ผมได้พบอาจารย์วรชาติ มีชูบทเป็นครั้งแรกที่หอวชิราวุธานุสรณ์และได้ความรู้จากอาจารย์วรชาติ เมื่อผมเป็นนิสิตชั้นปีที่หนึ่ง คณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ผมไปทำหนังสือที่แผนกสาราณียกร องค์การบริหารสโมสรนิสิตจุฬาฯ ที่ตึกจุลจักรพงษ์ และเพราะอาจารย์สวัสดิ์ จงกล ผู้เชี่ยวชาญเอกสารประวัติจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย แนะนำให้ผมไปรู้จักอาจารย์วรชาติ เพื่อไปขอความรู้ ผมเองไปถึงหอสมุดวชิราวุธานุสรณ์ยังตื่นเต้นที่ได้เห็น หม่อมหลวงปิ่น มาลากุล นั่งทำงานในห้องอีกฝั่ง ในฐานะนักเรียนเก่าเตรียมอุดมศึกษาแห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ย่อมต้องตื่นเต้นที่ได้พบผู้ก่อตั้ง/ผู้อำนวยการโรงเรียนเตรียมอุดมศึกษาคนแรก ตอนนั้นจำได้ว่าอาจารย์วรชาติเล่าประวัติศาสตร์ล้นเกล้ารัชกาลที่ ๖ ได้ราวกับสายน้ำไหล ด้วยความแม่นยำในเนื้อหาและการอ้างอิง ผมยังคิดในใจว่า ถ้า ศาสตราจารย์ หม่อมหลวงปิ่น มาลากุล ถึงแก่อสัญกรรมเมื่อใด ความรู้เรื่องประวัติศาสตร์ในรัชกาลที่ ๖ ย่อมมีผู้สืบทอดแล้ว
อาจารย์วรชาติ เป็นคนขยันเขียนหนังสือมาก ขยันค้นคว้า และขยันเขียนมาก และเขียนเล่าเรื่องได้สนุก อ่านแล้วสนุก ใช้ภาษาไทยง่าย ๆ กระชับ แต่ใช้ราชาศัพท์แม่นยำถูกต้อง โดยเฉพาะเบื้องหลัง เบื้องลึก ในพระราชบันทึกเรื่อง ประวัติต้นรัชกาลที่ ๖ นั้น ต้องไปอ่าน ประวัติต้นรัชกาลที่ ๖ ซึ่งเป็นพระราชนิพนธ์ก่อน แม้จะมีการละคำพูดหรือชื่อบุคคลหรือพระนามเจ้านายออกไปบ้าง แต่ก็อ่านแล้วเข้าใจการเมืองการปกครองไทยในสมัยรัชกาลที่ ๕ และ ๖ ได้เป็นอย่างดี ยิ่งมาอ่านหนังสือที่อาจารย์วรชาติแต่งยิ่งทำให้อ่านพระราชนิพนธ์ ประวัติต้นรัชกาลที่ ๖ ได้อย่างเข้าในถึงภูมิหลังทางประวัติศาสตร์ แรงจูงใจ และความจำเป็น ในเวลานั้นได้อย่างดียิ่ง อาจารย์วรชาตินอกจากเขียนหนังสือเกี่ยวกับล้นเกล้ารัชกาลที่ ๖ เท่าที่ผมเคยอ่านและค้นคว้ามาหกเล่ม (และคงมีมากกว่านั้นอีกที่ผมไม่ทราบ) แล้วยังเขียนหนังสือเกี่ยวกับประวัติวชิราวุธวิทยาลัยที่อาจารย์เป็นนักเรียนเก่า และเขียนหนังสือเกี่ยวกับประวัติศาสตร์ล้านนา เชียงใหม่ และเจ้านายฝ่ายเหนือได้ชวนอ่าน และอ่านแล้วสนุกเป็นอย่างยิ่ง วันนี้ผมอ่าน Facebook ของ หม่อมหลวงชัยนิมิตร นวรัตน และได้ทราบข่าวร้ายว่า หอสมุดวชิราวุธานุสรณ์เคลื่อนที่ คือ อาจารย์วรชาติ มีชูบท ได้จากไกลไปเสียแล้วด้วยความตกใจและเสียใจ ผมจึงเขียนบทความนี้เพื่อกราบลาอาจารย์วรชาติ มีชูบท ด้วยความอาลัยว่าจะหาผู้ที่จงรักภักดีในสถาบันพระมหากษัตริย์และทุ่มเทค้นคว้าอย่างไม่ย่อท้อและมีคุณสมบัติของครูและนักวิชาการด้านประวัติศาสตร์ https://mgronline.com/daily/detail/9620000098109 กระทู้: สุดแสนเสียดายคุณ V_Mee เริ่มกระทู้โดย: kui045 ที่ 11 ต.ค. 19, 15:33 ร่วมแสดงความเสียใจด้วยครับ
กระทู้: สุดแสนเสียดายคุณ V_Mee เริ่มกระทู้โดย: ศรีสรรเพชญ์ ที่ 11 ต.ค. 19, 19:43 ขอขอบพระคุณความรู้ที่คุณ V_mee ได้กรุณามอบให้มาโดยตลอด และขอแสดงความเสียใจมาในโอกาสนี้ด้วยครับ
กระทู้: สุดแสนเสียดายคุณ V_Mee เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 12 ต.ค. 19, 08:06 จาก FB วิพากษ์ประวัติศาสตร์ (https://www.facebook.com/1046096062120530/posts/2536699336393521?sfns=mo)
กระทู้: สุดแสนเสียดายคุณ V_Mee เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 12 ต.ค. 19, 09:42 :'(
กระทู้: สุดแสนเสียดายคุณ V_Mee เริ่มกระทู้โดย: คนธรรมพ์สัญจร ที่ 13 ต.ค. 19, 03:55 ขอแสดงความเสียใจกับครอบครัวคุณV_Mee ด้วยนะครับ และแล้วคนสำคัญคนนึงของเว็บก็หายไปอย่างไม่มีวันกลับ :'(
เธอผู้ห่างไกล กระทู้: สุดแสนเสียดายคุณ V_Mee เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 14 ต.ค. 19, 08:37 กระทู้ที่คุณ V_Mee ตอบและถูกกล่าวถึงในพันทิป
https://pantip.com/profile/211927#comments https://pantip.com/search?q=V_Mee มีพวงหรีดของพันทิปในงานอาจารย์วรชาติ อย่างที่คุณ world (zodiac 28 แห่งพันทิป) คิดไว้ บ้างไหมหนอ ❓ https://pantip.com/topic/39306316 กระทู้: สุดแสนเสียดายคุณ V_Mee เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 14 ต.ค. 19, 09:09 อาลัยเพื่อนเบะ(วรชาติ มีชูบท)
เพื่อนเบะ(OV46) รู้จักกันมาตั้งแต่เด็กตั้งแต่อยู่คณะสนามจันทร์ วชิราวุธวิทยาลัย ไม่แน่ใจว่าเพื่อนชอบค้นคว้าประวัติศาสตร์มาแต่เมื่อไร .. แต่เห็นเพื่อนชอบเขียนเรื่องเกี่ยวกับประวัติโรงเรียนและประวัติเกี่ยวกับในหลวงรัชกาลที่๖ ลงในหนังสือรุ่นตั้งแต่รุ่นพี่ยันรุ่นน้องทะลุไปรุ่นลูกรุ่นหลาน และเป็นสาราณียกรให้สมาคมศิษย์เก่าวชิราวุธมาตั้งแต่ครั้งโบราณ เรียกว่าหนังสือเกี่ยวกับวชิราวุธทุกเล่มจะต้องมีเรื่องที่เขียนโดย “วรชาติ” มาโดยตลอด ดังนั้นไม่ว่าจะมีกิจกรรมอะไรที่เกี่ยวกับประวัติศาสตร์ในหลวงรัชกาลที่๖ แล้ว เพื่อนก็จะถูกเชิญมาร่วมเป็นกรรมการทุกครั้ง เพื่อนเคยปรารภว่า ความรักที่มีต่อในหลวงรัชกาลที่๖ ของเพื่อนนั้นคล้ายกับ “ย่าเหล”ผู้ซื่อสัตย์ต่อในหลวงท่าน ไม่ว่าใครจะหมายปองร้าย เขียนข้อความในทางไม่ดีเกี่ยวกับพระองค์ท่าน เพื่อนก็จะเข้าปกป้อง เปลี่ยนความเห็นผิดเป็นชอบ อย่างมีเหตุมีผล ถือได้ว่าเป็นลูกที่ดีมีความกตัญญูต่อพ่อผู้ที่ได้เลี้ยงสนับสนุนให้เราได้เรียนหนังสือในโรงเรียนของท่าน..ที่ได้สร้างให้เราเป็นสุภาพบุรุษ เป็นคนมีคุณธรรมโดยสมบูรณ์แบบของความเป็นลูกผู้ชายและคนดีของประเทศชาติ จำได้ว่าเมื่อครั้งโรงเรียนจะให้ช่างแกะสลักหินอ่อนปั้นรูปเหมือนในหลวงรัชกาลที่๖ เราได้ส่งรูปปั้นขึ้นต้นแบบดินเหนียวไปให้เพื่อนดูว่ามีข้อผิดพลาดตรงไหนหรือไม่ เพื่อนได้ส่งรูปปั้นที่ท่านอาจารย์ศิลป์ พีระศรี ได้ปั้นไว้ พร้อมได้เล่าว่า อาจารย์ศิลป์ได้กำชับว่า ใครก็ตามที่จะปั้นรูปในหลวงรัชกาลที่๖ ให้พึงระวัง..ด้วยเปลือกพระเนตรด้านซ้ายของพระองค์ท่านมีเปลือกพระเนตร 4 ชั้น ความรู้นี้ทำให้เราอึ้งไปว่า เพื่อนเราศึกษาจนรู้ลึกอะไรจะขนาดนั้น อีกครั้งที่โรงเรียนจะสร้างหอเกียรติยศ (Hall of Fames) ขึ้นที่ตึก “นวภูมินทร์” จึงเชิญเพื่อนมาเป็นกรรมการ เพื่อที่จะวาดรูปผู้บังคับการวชิราวุธในอดีตจนถึงปัจจุบัน .. ปรากฏว่าเราหารูปต้นแบบของท่านผู้บังคับการบางท่านได้เพียงรูปเดียว และเป็นรูปขาวดำ ทางโรงเรียนได้พยายามติดต่อครอบครัวลูกหลานของท่าน แต่ไม่สามารถมารถสืบค้นหาตัวบุคคลมายืนยันได้ พวกเราก็ต้องอาศัยเพื่อนช่วยให้รายละเอียดจากรูปขาวดำให้กลายเป็นรูปสี และรายละเอียดของเหรียญตรา แถบแพร สีเสื้อทั้งนอกทั้งใน พร้อมคำอธิบายและข้อมูลอ้างอิงอย่างมีเหตุผลที่ไม่มีใครจะเถียงได้ ทำให้โรงเรียนได้รูปเขียนอันทรงคุณค่าของท่านผู้บังคับการจากอดีตถึงปัจจุบันจนครบถ้วนทุกท่าน...รูปท่านผู้บังคับการนี้จึงถือเป็นต้นแบบสำคัญที่เพื่อนได้เป็นส่วนสำคัญในการสร้างหอเกียรติยศ..ในตึกนวภูมินทร์ ที่จะอยู่คู่วชิราวุธ วิทยาลัยตลอดไป ถ้าจะให้พรรนาเรื่องของเพื่อนอีก ก็คงเปลืองหน้ากระดาษอีกหลายร้อยหน้า จึงขอกล่าวไว้แต่เพียงโดยสังเขป ขอเพื่อนจงไปสู่สุขคติทิ้งรอยประทับในสิ่งดีที่ทรวคุณค่า..ที่เพื่อนได้ขีดเขียนไว้เป็นประวัติศาสตร์ไห้ยุวชนคนรุ่นหลังไว้..ชื่อของเพื่อนจะไม่เป็นที่ลืมเลือนและอยู่ในใจของพวกเราชาววชิราวุธตลอดไป กระทู้: สุดแสนเสียดายคุณ V_Mee เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 14 ต.ค. 19, 09:41 คลิปนี้ อาจารย์วรชาติถวายรายงานพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ขณะทรงเป็นสมเด็จพระบรมฯ เสด็จเปิดพระบรมราชะประทรรศนีย์ที่หอวชิราวุธานุสรณ์
ในคลิปจะได้ยินเสียงอาจารย์กราบบังคมทูลเรื่องธงชัยราชกระบี่ยุทธ์ และธงชัยพระครุฑพ่าห์ https://www.facebook.com/library.vc/videos/1159340527590714/?t=97 กระทู้: สุดแสนเสียดายคุณ V_Mee เริ่มกระทู้โดย: Jalito ที่ 14 ต.ค. 19, 11:28 ไม่ได้เข้ามาเรือนไทย 5-6 วัน พอเข้ามาวันนี้ ก็ใจหาย
จากการจากไปของอาจารย์วรชาติ มีชูบท นักวิชาการด้านประวัติศาสตร์สมัยรัชการที่ ๖ ขอแสดงความเสียใจกับครอบครัวของท่าน ขอท่านจงสู่สุขคติภพด้วยเทอญ กระทู้: สุดแสนเสียดายคุณ V_Mee เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 14 ต.ค. 19, 13:58 โธ่เอ๋ยน้อง ผมก็เพิ่งจะรู้ความจริง หลงตำหนิไปหลายครั้ง คุณก็ได้แต่ "ขอโทษครับ"
กระทู้: สุดแสนเสียดายคุณ V_Mee เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 15 ต.ค. 19, 08:51 เชิญอ่าน จดหมายเหตุวชิราวุธ ของอ.วรชาติ มีชูบท ได้ที่นี่ค่ะ
http://www.vajiravudh.ac.th/VC_Annals/index.htm กระทู้: สุดแสนเสียดายคุณ V_Mee เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 15 ต.ค. 19, 09:53 อาจารย์วรชาติเขียนเกริ่นไว้ในตอนต้นว่า
ขออนุญาตรายงานตัวให้ท่านผู้อ่านได้ทราบถึงวัตถุประสงค์ของคอลัมน์นี้ไว้ก่อนว่า เกิดขึ้นมาจากท่านกรรมการอำนวยการโรงเรียนท่านหนึ่งได้ปรารภกับผู้เขียนว่า อยากจะให้มาช่วยเขียนเรื่องราวเกี่ยวกับวชิราวุธวิทยาลัยเผยแพร่ในเว็บไซต์ของโรเรียนบ้าง โดยเรื่องราวที่จะนำบอกเล่านี้ท่านสั่งมาว่า น่าจะเป็นเรื่องที่มีทั้งสาระและไม่มีสาระคละเคล้ากันไป จึงได้ตกลงใจแยกเรื่องราวที่จะบอกเล่าออกเป็น ๒ คอลัมน์ คือ คอลัมน์สาระความรู้เชิงวิชาการให้ชื่อว่า "จดหมายเหตุวชิราวุธ" ที่พยายามจะทยอยเขียนมาลงเป็นประจำทุกวันที่ ๑ และ ๑๖ ของเดือน ส่วนที่เป็นเรื่องเล่าจากความทรงจำของนักเรียนเก่าอาวุโสหรือที่ผู้เขียนได้ประสบพบเห็นมาด้วยตนเองได้ให้ชื่อคอลัมน์นั้นว่า “ฝากเรื่องราวไว้กับน้อง ๆ” ซึ่งกำหนดจะนำเสนอผ่านหน้าเวบนี้ราววันที่ ๙ และ ๒๔ ของทุกเดือน จดหมายเหตุวชิราวุธ http://www.vajiravudh.ac.th/VC_Annals/vc_annal1.htm ฝากเรื่องราวไว้กับน้อง ๆ http://www.vajiravudh.ac.th/OVtoVC/OVtoVC_01.htm กระทู้: สุดแสนเสียดายคุณ V_Mee เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 15 ต.ค. 19, 14:50 กระทู้ที่คุณ V_Mee ตอบและถูกกล่าวถึงในพันทิป https://pantip.com/profile/211927#comments https://pantip.com/search?q=V_Mee มีพวงหรีดของพันทิปในงานอาจารย์วรชาติ อย่างที่คุณ world (zodiac 28 แห่งพันทิป) คิดไว้ บ้างไหมหนอ ❓ https://pantip.com/topic/39306316 กระทู้: สุดแสนเสียดายคุณ V_Mee เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 17 ต.ค. 19, 05:54 งานฌาปนกิจศพอาจานย์วรชาติ มีชูบทเมื่อวาน วันที่ ๑๗ ตุลาคม ๒๕๖๒ เจ้าภาพได้แจกหนังสือที่ระลึกให้แก่ผู้มาร่วมงานทุกคนดังนี้
กระทู้: สุดแสนเสียดายคุณ V_Mee เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 17 ต.ค. 19, 05:57 ผมจะทยอยสแกนหนังสือเล่มปกสีน้ำเงินซึ่งมีอยู่ทั้งหมด ๔๐ หน้า มาบันทึกไว้ในเพจนี้ เพื่อที่ผู้สนใจจะได้อ่านนะครับ
กระทู้: สุดแสนเสียดายคุณ V_Mee เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 17 ต.ค. 19, 05:58 .
กระทู้: สุดแสนเสียดายคุณ V_Mee เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 17 ต.ค. 19, 05:59 .
กระทู้: สุดแสนเสียดายคุณ V_Mee เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 17 ต.ค. 19, 06:00 .
กระทู้: สุดแสนเสียดายคุณ V_Mee เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 18 ต.ค. 19, 07:08 ภาพประกอบตามความในหน้า ๑๐ ครับ
กระทู้: สุดแสนเสียดายคุณ V_Mee เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 18 ต.ค. 19, 08:13 ความในหน้า ๘ - ๑๑
http://www.vajiravudh.ac.th/OVtoVC/OVtoVC_01.htm กระทู้: สุดแสนเสียดายคุณ V_Mee เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 18 ต.ค. 19, 08:28 ต่อครับ
กระทู้: สุดแสนเสียดายคุณ V_Mee เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 18 ต.ค. 19, 08:36 ภาพนักเรียนมหาดเล็กหลวงสมัยรั๙กาลที่ ๖ ครับ
กระทู้: สุดแสนเสียดายคุณ V_Mee เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 18 ต.ค. 19, 10:16 ความในหน้า ๑๒ - ๑๕
http://www.vajiravudh.ac.th/OVtoVC/OVtoVC_09.htm กระทู้: สุดแสนเสียดายคุณ V_Mee เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 19 ต.ค. 19, 08:04 ต่อครับ
กระทู้: สุดแสนเสียดายคุณ V_Mee เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 19 ต.ค. 19, 08:08 เพลงสรรเสริญพระบารมีบทพระสุบิน หรือที่สมเด็จกรมพระยานริศฯทรงใส่เนื้อร้อง แล้วทรงตั้งชื่อว่าเพลงสรรเสริญเสือป่นั้น มีความดังนี้
พวกเรา ประนอมกันเข้าเปนเสือป่า ตั้งสัตย์โดยจินตนา กตเวที ปู่ย่าตายายไม่เสียดายชีวี บำราบอรีเลื่องลือ เราฤๅจักปล่อยให้ถอยศักดิ์ได้ จะรกำ ฤ จะลำบากเท่าไร จนถึงว่าตัวจักตายเปนตาย ขณะถึงคราวควรตาย เกิดเปนชาติไทย ถึงอย่างไรไม่ยอมเปนทาษ เหตุว่าเรารักชาติ แลศาสนาเปนอาจิณ เราหนอจงอารักษ์ รัฐจักรแลพระจอมแผ่นดิน คอยผลาญสัตรูในนอกให้สิ้น แม้เสียชีพอย่าเสียสัตย์ ฯ ปัจจุบันมีผู้นำเพลงนี้ลงเผยแพร่ในยูทูปหลายรายด้วยกันโดยไม่ได้ระบุที่มา ซึ่งเกิดขึ้นเมื่อคราวฉลองโรงเรียนครบ ๗ รอบ สมาคมนักเรียนเก่าวชิราวุธวิทยาลัยได้จัดทำเทปบันทึกเสียงเพลงโรงเรียนทั้งหมด โดยมอบหมายให้ ดร.ประทักษ์ ประทีปะเสน เป็นผู้อำนวยเพลง รวมถึงเพลงสรรเสริญพระบารมีบทพระสุบิน บทขับร้องหมู่นี้ด้วย ทั้งนี้ เพื่อเป็นการอนุรักษ์มิให้สูญไปกับกาลเวลา http://youtu.be/pO9huPCh94c (http://youtu.be/pO9huPCh94c) กระทู้: สุดแสนเสียดายคุณ V_Mee เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 19 ต.ค. 19, 08:14 จวบจนทุกวันนี้ ทุกครั้งที่มีงานเสด็จพระราชดำเนิน ก่อนที่จะประทับนั่ง โรงเรียนจะเปิดพระวิสูตรพระบรมฉายาทิศลักษณ์ของพระบาทสมเด็จพระมงกุฏเกล้าเจ้าอยู่หัวบนหอประชุม พร้อมกับนักเรียนร้องเพลงมหาวชิราวุธราชสดุดี
หลังจากนั้นจึงจะเข้าสู่พิธีการ และเมื่อจะเสด็จพระราชดำเนินกลับ วงจุลดุริยางค์วชิราวุธวิทยาลัยจะบรรเลงเพลงสรรเสริญพระบารมีบทพระสุบิน เพื่อปิดพระวิสูตร ทรงประทับยืนถวายความเคารพ ตอนท้ายเสียงเพลงจะค่อยๆแผ่วลงๆ จนจบพอดีกับพระวิสูตรที่ปิดสนิท หลังจากนั้นจึงเสด็จพระราชดำเนินลงจากหอประชุม (เป็นบทที่ไม่มีการขับร้องครับ) http://youtu.be/rqTcTV4e468 (http://youtu.be/rqTcTV4e468) กระทู้: สุดแสนเสียดายคุณ V_Mee เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 19 ต.ค. 19, 18:26 ความในหน้า ๑๕ - ๑๘
http://www.vajiravudh.ac.th/OVtoVC/OVtoVC_10.htm กระทู้: สุดแสนเสียดายคุณ V_Mee เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 20 ต.ค. 19, 10:48 ต่อครับ
กระทู้: สุดแสนเสียดายคุณ V_Mee เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 20 ต.ค. 19, 10:50 .
กระทู้: สุดแสนเสียดายคุณ V_Mee เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 20 ต.ค. 19, 10:50 .
กระทู้: สุดแสนเสียดายคุณ V_Mee เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 20 ต.ค. 19, 19:18 ความในหน้า ๑๘ - ๒๑
http://www.vajiravudh.ac.th/OVtoVC/OVtoVC_40.htm กระทู้: สุดแสนเสียดายคุณ V_Mee เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 21 ต.ค. 19, 11:19 ต่อครับ
กระทู้: สุดแสนเสียดายคุณ V_Mee เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 21 ต.ค. 19, 11:22 พระบรมราชานุสาวรีย์พระบาทสมเด็จพระมงกุฏเกล้าเจ้าอยู่หัว ณ ลานหน้าสวนลุมพินี เมื่อสร้างเสร็จในครั้งแรก และหลังจากปรับปรุงใหม่เพื่อเสริมความสูงของฐานแล้ว
กระทู้: สุดแสนเสียดายคุณ V_Mee เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 21 ต.ค. 19, 11:26 พระบรมรูปหน้าหอประชุมวชิราวุธวิทยาลัย ในวันที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ ๙ ทรงกระทำพิธีเปิด และเป็นที่พระเจ้าอยู่หัวทุกพระองค์ทรงเคารพสักการะ ในทุกครั้งที่เสด็จพระราชดำเนินมายังโรงเรียนแห่งนี้
กระทู้: สุดแสนเสียดายคุณ V_Mee เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 21 ต.ค. 19, 11:34 ทุกวันที่ ๒๕ พฤศจิกายน นักเรียนวชิราวุธจะต้องไปวางพวงมาลา และถวายบังคมระลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณ ณ พระบรมราชานุสาวรีย์ เสร็จแล้วตั้งแถวรอรับเสด็จพระราชดำเนิน ณ ลานพระบรมรูปบริเวณหน้าสวนลุมพินี
ส่วนในเวลาเช้า นักเรียนเก่ารุ่นต่างๆจะมาถวายพวงมาลาและถวายบังคมที่พระบรมรูปหน้าหอประชุม และเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ซึ่งนักเรียนวชิราวุธจะพึงมาถวายบังคมขอพระราชทานพรทุกครั้ง ก่อนที่จะต้องไปกระทำการอันสำคัญ กระทู้: สุดแสนเสียดายคุณ V_Mee เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 21 ต.ค. 19, 11:47 วชิราวุธวิทยาลัยในช่วงเช้าของวันที่ ๒๕ พฤศจิกายน
กระทู้: สุดแสนเสียดายคุณ V_Mee เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 21 ต.ค. 19, 18:43 ความในหน้า ๒๑ - ๒๔
http://www.vajiravudh.ac.th/OVtoVC/OVtoVC_88.htm กระทู้: สุดแสนเสียดายคุณ V_Mee เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 22 ต.ค. 19, 06:49 ต่อครับ
กระทู้: สุดแสนเสียดายคุณ V_Mee เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 22 ต.ค. 19, 06:54 (บน) พระราชวังสราญรมย์ในสมัยที่พระบาทสมเด็จพระมงกุฏเกล้าฯทรงประทับ ขณะยังทรงเป็นสมเด็จพระบรมโอรสาธิราช สยามมกุฎราชกุมาร
(กลาง) ภาพโครงการก่อนที่จะทำการบูรณะปฏิสังขรณ์ (ล่าง) เมื่อโครงการแล้วเสร็จสมบูรณ์ในสภาพปัจจุบัน กระทู้: สุดแสนเสียดายคุณ V_Mee เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 22 ต.ค. 19, 06:56 การทำโทษของโรงเรียนมหาดเล็กหลวงที่อาจารย์วรชาติกล่าวถึง แต่ไม่มีรายละเอียดในหนังสือเล่มนี้
กระทู้: สุดแสนเสียดายคุณ V_Mee เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 22 ต.ค. 19, 06:57 .
กระทู้: สุดแสนเสียดายคุณ V_Mee เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 22 ต.ค. 19, 18:08 ความในหน้า ๒๔ - ๒๘
http://www.vajiravudh.ac.th/OVtoVC/OVtoVC_95.htm ความในหน้า ๒๘ -๓๐ http://www.vajiravudh.ac.th/VC_Annals/vc_annal1.htm กระทู้: สุดแสนเสียดายคุณ V_Mee เริ่มกระทู้โดย: ราชปักษา ที่ 23 ต.ค. 19, 10:03 อาลัยท่านครับ
ท่านอ. เคยตอบผมเรื่อง รถม้าในสยาม กระทู้: สุดแสนเสียดายคุณ V_Mee เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 23 ต.ค. 19, 10:05 ต่อครับ
กระทู้: สุดแสนเสียดายคุณ V_Mee เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 23 ต.ค. 19, 10:06 ขยายภาพที่ไม่ชัดครับ
กระทู้: สุดแสนเสียดายคุณ V_Mee เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 23 ต.ค. 19, 10:11 การเข็นรถพระที่นั่งส่งเสด็จในตอนต้นรัชกาลที่ ๙ ดูจะเป็นธรรมชาติอยู่บ้าง ภายหลังเมื่อทอดพระเนตรเห็นว่าเด็กมะรุมมะตุ้มกันมาก ทรงเกรงว่าพลาดพลั้งไปแล้วถูกรถพระที่นั่งทับจะเป็นอันตราย จึงรับสั่งให้ผู้บังคับการจัดระบบใหม่ ให้เด็กเข็นถวายในช่วงหลังของล้อรถยนต์พระที่นั่งไปแล้ว
กระทู้: สุดแสนเสียดายคุณ V_Mee เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 23 ต.ค. 19, 10:12 การเข็นรถพระที่นั่งในสมัยรัชกาลที่ ๑๐ ครับ
http://youtu.be/-YzAdjTE4Us (http://youtu.be/-YzAdjTE4Us) กระทู้: สุดแสนเสียดายคุณ V_Mee เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 23 ต.ค. 19, 18:21 ความในหน้า ๓๐ -๓๓
http://www.vajiravudh.ac.th/VC_Annals/vc_annal2.htm กระทู้: สุดแสนเสียดายคุณ V_Mee เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 24 ต.ค. 19, 09:05 ต่อครับ
กระทู้: สุดแสนเสียดายคุณ V_Mee เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 24 ต.ค. 19, 09:06 .
กระทู้: สุดแสนเสียดายคุณ V_Mee เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 24 ต.ค. 19, 09:17 การค้นพบประกาศในพระราชกิจจานุเบกษา ลงวันที่ ๔ มกราคม พ.ศ. ๒๔๕๖ ในเรื่องเครื่องแต่งกายนักเรียนเก่าโรงเรียนมหาดเล็กหลวงที่พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงมีพระบรมราชานุญาตไว้ ถือเป็นผลงานชิ้นโบว์แดงล่าสุด ซึ่งทำให้นักเรียนเก่าวชิราวุธมีเครื่องแบบข้าราชสำนักในการเข้าเฝ้า แทนการแต่งชุดขอเฝ้าตามปกติทั่วไป
ภาพซ้ายเป็นมหาดเล็กหลวงในรัชกาลปัจจุบัน และขวา คือเครื่องแบบนักเรียนเก่าวชิราวุธ สำหรับใช้ในโอกาสอันเหมาะสม กระทู้: สุดแสนเสียดายคุณ V_Mee เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 24 ต.ค. 19, 09:21 วรชาติ มีชูบท ในเครื่องแบบนักเรียนเก่าวชิราวุธ (ที่ ๓ จากซ้าย) ถ่ายภาพกับบางส่วนของคณะกรรมการบริหารสมาคมนักเรียนเก่าวชิราวุธวิทยาลัย ในพระบรมราชูปถัมถ์ หน้าศาลาสหทัยสมาคม พระบรมมหาราชวัง
กระทู้: สุดแสนเสียดายคุณ V_Mee เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 24 ต.ค. 19, 09:22 หน้าสุดท้าย
กระทู้: สุดแสนเสียดายคุณ V_Mee เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 24 ต.ค. 19, 18:31 ความในหน้า ๓๓ - ๓๖
http://www.vajiravudh.ac.th/VC_Annals/vc_annal97.htm ความในหน้า ๓๖ - ๔๐ http://www.vajiravudh.ac.th/VC_Annals/vc_annal105.htm กระทู้: สุดแสนเสียดายคุณ V_Mee เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 24 ต.ค. 19, 18:51 ขอขอบคุณคุณเพ็ญชมพูที่เข้ามาร่วมเผยแพร่งานคุณวรชาติในครั้งสุดท้ายนี้ด้วยครับ
กระทู้: สุดแสนเสียดายคุณ V_Mee เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 25 ต.ค. 19, 18:04 ๏ วร ศาสตร์รู้สรรพสิ้น พงศา วดารแฮ
ชาติ ปราชญ์ชาญปัญญา ยิ่งล้วน มี มนัสภักดิ์กตัญุตา ฉัฏฐรัชช พระเฮย ซูบท พจน์ถ่องถ้วน ลิชิตแพร้วบรรณสาร ๚ะ๛ ไว้อาลัยแด่การจากไปของอาจารย์วรชาติ มีชูบท ปราชญ์ผู้เชี่ยวชาญเรื่องราวราชสำนัก โดยเฉพาะอย่างยิ่งสมัยรัชกาลที่๖ที่เรียกได้ว่ารู้จริงและรู้แจ้ง ธนโชติ เกียรติธนภัทร กระทู้: สุดแสนเสียดายคุณ V_Mee เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 25 ต.ค. 19, 18:17 อ้างอิง
ฝากเรื่องราวไว้กับน้อง ๆ http://www.vajiravudh.ac.th/OVtoVC/OVtoVC_01.htm หน้า ๘ - ๑๒ http://www.vajiravudh.ac.th/OVtoVC/OVtoVC_09.htm หน้า ๑๒ - ๑๕ http://www.vajiravudh.ac.th/OVtoVC/OVtoVC_10.htm หน้า ๑๕ - ๑๘ http://www.vajiravudh.ac.th/OVtoVC/OVtoVC_40.htm หน้า ๑๘ - ๒๑ http://www.vajiravudh.ac.th/OVtoVC/OVtoVC_88.htm หน้า ๒๑ - ๒๔ http://www.vajiravudh.ac.th/OVtoVC/OVtoVC_95.htm หน้า ๒๔ - ๒๘ จดหมายเหตุวชิราวุธ http://www.vajiravudh.ac.th/VC_Annals/vc_annal1.htm หน้า ๒๘ - ๓๐ http://www.vajiravudh.ac.th/VC_Annals/vc_annal2.htm หน้า ๓๐ - ๓๓ http://www.vajiravudh.ac.th/VC_Annals/vc_annal97.htm หน้า ๓๓ - ๓๖ http://www.vajiravudh.ac.th/VC_Annals/vc_annal105.htm หน้า ๓๖ - ๔๐ |