เรือนไทย

General Category => ทันกระแส => ข้อความที่เริ่มโดย: NAVARAT.C ที่ 29 มิ.ย. 14, 21:41



กระทู้: เวนคืนวังสระปทุม แค่คิดก็ผิดแล้ว
เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 29 มิ.ย. 14, 21:41
หลังจากมีข่าวจะเวนคืนวังสระปทุม และมีผู้แสดงความเห็นค้ดค้านอย่างรุนแรง ผู้รับผิดชอบก็โผล่ออกมาแก้ตัว


กระทู้: เวนคืนวังสระปทุม แค่คิดก็ผิดแล้ว
เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 29 มิ.ย. 14, 21:42
นายอัยยณัฐ ถินอภัย ผู้ว่าการการทางพิเศษแห่งประเทศไทย หรือ กทพ. ชี้แจงกรณีที่มีข่าวว่า รัฐบาลได้ออกพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินที่จะเวนคืน เพื่อก่อสร้างทางด่วน สายบางโคล่-แจ้งวัฒนะ โดยจะมีการเวนคืนพื้นที่วังสระปทุมด้วย เรื่องดังกล่าวไม่เป็นความจริง เพราะแนวเส้นทางอยู่ฝั่งตรงข้ามวังสระปทุม คนละฝั่งคลอง อีกทั้งการเวนคืนที่ดินเพื่อก่อสร้างทางพิเศษทุกโครงการ มีหลักการหลีกเลี่ยงสถานที่สำคัญ เช่น พระราชวัง วัด โรงเรียน โรงพยาบาล โบราณสถาน เป็นต้น

โดยทางด่วนสายนี้ มีความเป็นมาตั้งแต่ปี 2530 และยังไม่สามารถจัดกรรมสิทธิ์ให้แล้วเสร็จได้ เพราะมีการต่อต้านจากประชาชน จึงต้องขอต่ออายุพระราชกฤษฎีกาเวนคืนเรื่อยมา แต่ไม่มีการเปลี่ยนแปลงแนวเส้นทาง

ครั้งนี้ เป็นการขอต่ออายุพระราชกฤษฎีกาที่หมดอายุลงทุก 4 ปี เป็นฉบับที่ 7 ซึ่งได้ส่งหนังสือถึงเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเพื่อรายงานข้อเท็จจริงแล้ว และจะเร่งพิจารณาทบทวนการดำเนินโครงการต่อไป


กระทู้: เวนคืนวังสระปทุม แค่คิดก็ผิดแล้ว
เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 29 มิ.ย. 14, 21:44
คุณดูรู้เรื่องมั้ย

มีคนนำมาขยายด้วยเส้นแดง หม่อมเจ้าจุลเจิม ยุคล นำมาแถลงข่าว


กระทู้: เวนคืนวังสระปทุม แค่คิดก็ผิดแล้ว
เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 29 มิ.ย. 14, 21:46
ดูให้ชัดๆ
ผมยอมรับว่า แม้ตนเองจะมีอาชีพสถาปนิก แรกๆก็ยังดูไม่ออกว่าที่ใดเป็นที่ใด


กระทู้: เวนคืนวังสระปทุม แค่คิดก็ผิดแล้ว
เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 29 มิ.ย. 14, 21:49
เมื่อนำภาพถ่ายทางอากาศจากกูเกิลเอิร์ธมาเทียบเคียง


กระทู้: เวนคืนวังสระปทุม แค่คิดก็ผิดแล้ว
เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 29 มิ.ย. 14, 21:52
คุณพระช่วย นี่เขากำลังโกหกประชาชนแบบเนียนๆอยู่ชัดๆ ครึ่งหนึ่งของพื้นที่วังสระปทุมอยู่ในเส้นแดงที่เขาจะเวนคืน


กระทู้: เวนคืนวังสระปทุม แค่คิดก็ผิดแล้ว
เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 29 มิ.ย. 14, 22:13
เสียดายรูปไม่ชัด แต่พอเห้นพระตำหนักที่อยู่ในแนวเวนคืน

๑ พระตำหนักของสมเด็จพระพันวสาอัยยิกาเจ้า ณ พระตำหนักนี้ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระราชินีนาถได้เข้ารับพระราชทานน้ำพระมหาสังข์
๒ พระตำหนักของสมเด็จพระบรมราชชนก ซึ่งปัจจุบันเป็นที่ประทับของสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา


กระทู้: เวนคืนวังสระปทุม แค่คิดก็ผิดแล้ว
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 29 มิ.ย. 14, 22:13
ขอบคุณท่าน NAVARAT.C  ที่ตั้งกระทู้นี้ขึ้นค่ะ     ดิฉันก็ติดตามข่าวมาหลายวันแล้ว แต่ยังไม่รู้จะไปถามใคร  

ขอปูพื้นฐานเรื่องสำหรับท่านที่อาจจะยังไม่ได้ติดตามข่าวโดยละเอียด
 
เมื่อวันที่ 26 มิ.ย.2557   พล.ต.ม.จ.จุลเจิม ยุคล หรือ “ท่านใหม่” พระโอรสลำดับที่ 4 ในพระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าอนุสรมงคลการ กับหม่อมอุบล ยุคล ณ อยุธยา เขียนข้อความผ่านทวิตเตอร์ชื่อ "@cyugala" ว่า  สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา สยามบรมราชกุมารี ทรงซื้อที่ดินแปลงเล็กๆ ที่จังหวัดเชียงใหม่ เพื่อทรงปลูกบ้าน โดยเป็นการใช้พระราชทรัพย์ส่วนพระองค์ในการซื้อที่ดินแปลงนี้ ท่านรับสั่งว่า ไม่ปลูกวัง เพราะต่อไปเขา ( เขา??? ) จะไล่ฉัน ไม่ให้อยู่วังแล้ว จึงใช้พระราชทรัพย์ส่วนพระองค์ซื้อเองนั้น

ต่อมา “ท่านใหม่” ได้ทวิตข้อความอีก 6 ข้อความสั้นๆ และซ้ำๆ กันว่า หลายคนคงสงสัยกรณีที่ทวิตข้อความเกี่ยวกับสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา สยามบรมราชกุมารี ซื้อที่ดินเพราะเขาไล่ฉันไม่ให้อยู่วังว่า คนที่ไล่ไม่ให้อยู่วังนั้นเป็นใคร  ท่านจึงขอไขปริศนาเรื่องนี้

หลักฐานที่ พล.ต.ม.จ.จุลเจิมมีนำเอกสารหลักฐานมาเผยแพร่ประกอบการทวิตข้อความ คือ ประกาศในพระราชกิจจานุเบกษาเรื่อง กำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่จะเวนคืน ในท้องที่เขตราชเทวีและเขตปทุมวัน กรุงเทพมหานคร  ซึ่งเป็นแนวที่อาจมีการใช้อำนาจตามกฎหมายขอเวนคืนเพื่อ“การประกาศเวนคืนที่ดินเพื่อสร้างทางด่วน” สายแจ้งวัฒนะ-บางโคล่”

ข้อความต่อท้ายพระราชกฤษฎีการะบุว่า เหตุผลในการประกาศใช้พระราชกฤษฎีกาฉบับนี้ เนื่องจากการทางพิเศษแห่งประเทศไทย ได้สำรวจเขตที่ดินเพื่อเวนคืนตามพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่เขตราชเทวี และเขตปทุมวัน กรุงเทพมหานคร พ.ศ.2550 เพื่อสร้างทางพิเศษสายแจ้งวัฒนะ-บางโคล่ ยังไม่แล้วเสร็จ สมควรกำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่เขตราชเทวี และเขตปทุมวัน กรุงเทพมหานคร เพื่อให้เจ้าหน้าที่หรือผู้ซึ่งได้รับมอบหมายจากเจ้าหน้าที่มีสิทธิเข้าไปทำการสำรวจและเพื่อทราบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับ อสังหาริมทรัพย์ที่จะต้องเวนคืนที่แน่นอน จึงจำเป็นต้องตราพระราชกฤษฎีกานี้

การทางพิเศษแห่งประเทศไทย (กทพ.) ออกมาแถลงว่าข่าวนี้ไม่จริง  ไม่มีการการเวนคืนวังสระปทุม  ส่วน เหตุผลในการประกาศใช้พระราชกฤษฎีกา เพื่อให้เจ้าหน้าที่หรือผู้ซึ่งได้รับมอบหมายจากเจ้าหน้าที่มีสิทธิเข้าไปทำการสำรวจและเพื่อทราบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์ที่จะต้องเวนคืนที่แน่นอน จึงจำเป็นต้องตราพระราชกฤษฎีกา
ในกรณีที่ดินของวังสระปทุม กทพ. ได้ตรวจสอบแนวเขตทางพิเศษตามพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืนในท้องที่เขตราชเทวี และเขตปทุมวัน กรุงเทพมหานคร พ.ศ.2554 แต่ไม่ถูกเขตทางพิเศษสายแจ้งวัฒนะ-บางโคล่ ตัดผ่านแต่อย่างใด โดยแนวเขตทางพิเศษบริเวณดังกล่าว อยู่ฝั่งตรงข้ามกับวังสระปทุม

ทั้งนี้ กทพ.ได้ส่งหนังสือถึงเลขาธิการคณะรัฐมนตรี เพื่อรายงานข้อเท็จจริงเรื่องดังกล่าวแล้วว่าเป็นการต่ออายุพระราชกฤษฎีกาฯ ที่หมดอายุลงทุกๆ 4 ปี ซึ่งครั้งนี้นับเป็นฉบับที่ 7 โดยไม่มีการเปลี่ยนแปลงแนวเขตพระราชกฤษฎีกาฯ ซึ่งวังสระปทุมไม่ถูกเวนคืนแต่อย่างใด
แต่ที่เรื่องคาราคาซังเรื่อยมาจนถึงทุกวันนี้ ก็เพราะการทางพิเศษแห่งประเทศไทยต้องการรักษาสิทธิในการเวนคืน จึงขอให้รัฐบาลต่ออายุพระราชกฤษฎีกาเรื่อยมาจนถึงปัจจุบัน


กระทู้: เวนคืนวังสระปทุม แค่คิดก็ผิดแล้ว
เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 29 มิ.ย. 14, 22:24
คุณไม่รู้ หรือคุณโกหก (แหม ผมไม่อยากใช้คำที่ไม่สุภาพเลย แต่ทนไม่ได้จริงๆ)


กระทู้: เวนคืนวังสระปทุม แค่คิดก็ผิดแล้ว
เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 29 มิ.ย. 14, 22:30
คุณไม่รู้ หรือคุณโกหก นอกจากวังของสมเด็จพระเทพรัตน์แล้ว วัดสระปทุมทั้งวัด ก็อยู่ในแนวเวนคืนด้วย


กระทู้: เวนคืนวังสระปทุม แค่คิดก็ผิดแล้ว
เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 29 มิ.ย. 14, 22:36
เชิญดู


กระทู้: เวนคืนวังสระปทุม แค่คิดก็ผิดแล้ว
เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 29 มิ.ย. 14, 22:49
ต่ออายุมา๗ครั้ง ถูกต่อต้านทุกครั้ง แต่ก็ยังไม่ยอมแก้ คราวนี้โดนหนักแน่ เพราะประชาชนเพิ่งทราบว่ารัฐบาลนอกจากจะทำลายสถาปัตยกรรมอันทรงคุณค่าทางประวัติศาสตร์ เป็นเครื่องยึดเหนี่ยวจิตใจของประชาชนแล้ว ยังบังอาจรังแกสมเด็จพระเทพรัตน์ด้วย

ผมอยากจะด่าพวกนี้สาแก่ใจจริงๆ


กระทู้: เวนคืนวังสระปทุม แค่คิดก็ผิดแล้ว
เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 29 มิ.ย. 14, 23:33
เขาจะทุบพระตำหนักสมเด็จพระพันวสาอัยยิกาเจ้าเพื่อทำถนนครับ


กระทู้: เวนคืนวังสระปทุม แค่คิดก็ผิดแล้ว
เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 29 มิ.ย. 14, 23:34
เขาจะทุบพระตำหนักที่สมเด็จพระเทพรัตนทรงประทับครับ


กระทู้: เวนคืนวังสระปทุม แค่คิดก็ผิดแล้ว
เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 29 มิ.ย. 14, 23:40
โยงมาให้อ่านครับ

http://www.oknation.net/blog/supawan/2014/06/28/entry-2 (http://www.oknation.net/blog/supawan/2014/06/28/entry-2)


กระทู้: เวนคืนวังสระปทุม แค่คิดก็ผิดแล้ว
เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 29 มิ.ย. 14, 23:46
จากโพสต์ของท่านใหม่ หรือ พล.ต.ม.จ.จุลเจิม ยุคล   

“ ผมได้รับทราบเรื่องจากผู้ใกล้ชิดสมเด็จพระเทพฯ มาว่า ท่านทรงซื้อที่ดินแปลงเล็ก ในจังหวัดเชียงใหม่ และท่านทรงรับสั่งว่า จะปลูกบ้านหลังเล็ก ๆ , ขอย้ำนะครับ ปลูกบ้าน ท่านรับสั่งว่า ไม่ปลูกวัง เพราะต่อไปเขา ( เขา??? ) จะไล่ฉัน ไม่ให้อยู่วังแล้ว จึงใช้พระราชทรัพย์ส่วนพระองค์ซื้อเอง , เหตุที่สมเด็จพระเทพฯ ใช้พระราชทรัพย์ส่วนพระองค์ซื้อที่ดิน ท่านรับสั่งว่าเขาจะได้มายึดไม่ได้ ผมได้ฟังแล้วรู้สึกตีบตันในลำคอ ขอบตาร้อนผ่าว

สงสารท่านเหลือเกินแล้ว พระบิดาทรงงานหนักเพื่อชาติและประชาชนมาตลอด แต่สุดท้ายจะไม่มีอะไรเหลือ ผมในฐานะปวงชนชาวไทย ขอกล่าวคำสัตย์สาบาน ด้วยชีวิต ณ ที่นี้ว่า ผมจะไม่ยอมให้มัน ไอ้ อี ผู้ใด มากระทำต่อพระองค์เยี่ยงนั้นได้ สถาบันพระมหากษัตริย์จะต้องธำรงอยู่คู่ประเทศไทย ตราบนานเท่านาน..ใครเล่าเหวยจะร่วมสู้กับกูบ้าง “..




กระทู้: เวนคืนวังสระปทุม แค่คิดก็ผิดแล้ว
เริ่มกระทู้โดย: ประกอบ ที่ 29 มิ.ย. 14, 23:57
นี่ถ้าไม่เห็นกระทู้นี้จากท่านนวรัตน ผมก็จะพลอยเชื่อตามการทางฯ แล้วนะนี่ แล้วคงสงสัยต่อไปว่า ม.จ. จุลเจิมท่านมาสร้างกระแสเพื่อจุดประสงค์ทางการเมืองแน่ๆ  พอเห็นแบบนี้แล้วรมณ์เสียตาม ไม่น่าเชื่อว่าเค้ากล้าโกหกแบบหน้าด้านๆ จริงๆ


กระทู้: เวนคืนวังสระปทุม แค่คิดก็ผิดแล้ว
เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 30 มิ.ย. 14, 00:23
เคยคิดเช่นเดียวกับคุณประกอบเลย พอมาพิจารณาจริงๆจึงเห็นความเลวของคนจำพวกที่กล้าโกหกประชาชนอย่างหน้าด้านๆ ช่วยๆกันเผยแพร่ต่อหน่อยครับ


กระทู้: เวนคืนวังสระปทุม แค่คิดก็ผิดแล้ว
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 30 มิ.ย. 14, 10:45
คนที่เชื่อการทางพิเศษก็มีค่ะ    เชื่อขนาดบอกว่า
" เจ้าหน้าที่ก็มักขีดแนวเวนคืนกว้างเป็นพิเศษ  โดยไม่ทันนึกถึงวังสระปทุมมาแต่แรก"
อ่านแล้วขำมาก     ราวกับการทำงานของการทางพิเศษนั้นอยากขีดอะไรก็ขีด  พอบอกว่าเวนคืนก็ลากเส้นปร๊าดไปเลย    ไม่มีการวางแผน  ไม่มีการสำรวจทางวิชาการ     ผ่านสถานที่สำคัญขนาดไหนก็มองไม่เห็น 

มันไม่ใช่ขีดเส้นเล่นต้องเตของเด็กประถมนะคะ ท่าน

ขอแสดงความนับถือท่านชายจุลเจิม ที่กล้าออกมาพูด   ทั้งๆท่านรู้ว่าจะต้องเจ็บองค์ในเรื่องนี้



กระทู้: เวนคืนวังสระปทุม แค่คิดก็ผิดแล้ว
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 30 มิ.ย. 14, 11:11
มาอ่านข่าวนี้บ้างค่ะ
http://www.manager.co.th/iBizChannel/ViewNews.aspx?NewsID=9570000072882 (http://www.manager.co.th/iBizChannel/ViewNews.aspx?NewsID=9570000072882)
นายอัยยณัฐกล่าวว่า เหตุผลในการประกาศใช้พระราชกฤษฎีกาเพื่อให้เจ้าหน้าที่หรือผู้ซึ่งได้รับมอบหมายจากเจ้าหน้าที่มีสิทธิเข้าไปทำการสำรวจและเพื่อทราบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์ที่จะต้องเวนคืนที่แน่นอน จึงจำเป็นต้องตราพระราชกฤษฎีกา และในกรณีที่ดินของวังสระปทุม กทพ.ได้ตรวจสอบแนวเขตทางพิเศษตามพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืนในท้องที่เขตราชเทวี และเขตปทุมวัน กรุงเทพมหานคร พ.ศ. 2554 เพื่อสร้างทางพิเศษสายแจ้งวัฒนะ-บางโคล่แล้ว
ปรากฏว่าที่ดินบริเวณที่เป็นที่ตั้งของวังสระปทุมอยู่ในแนวเขตพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่จะเวนคืนในท้องที่เขตราชเทวี และเขตปทุมวัน กรุงเทพมหานคร พ.ศ. 2554 แต่ไม่ถูกเขตทางพิเศษสายแจ้งวัฒนะ-บางโคล่ ตัดผ่านแต่อย่างใด โดยแนวเขตทางพิเศษบริเวณดังกล่าวอยู่ฝั่งตรงข้ามกับวังสระปทุม อย่างไรก็ตาม กทพ.กำลังจะพิจารณาทบทวนการดำเนินโครงการนี้โดยเร็วต่อไป

ตามข่าวนี้    แปลว่านายอัยยณัฐ ถินอภัย ผู้ว่าการการทางพิเศษแห่งประเทศไทย (กทพ.) ยอมรับว่าวังสระปทุมอยู่ในแนวเขตที่จะเวนคืน   แต่ไม่ใช่ถูกตัดผ่านในโครงการทางพิเศษสายแจ้งวัฒนะ-บางโคล่?
แต่ในเมื่ออยู่ในเขตเวนคืน  ก็หมายความว่ามีสิทธิ์จะถูกเวนคืนได้เสมอใช่ไหม    ขนาดมีพระราชกฤษฎีกาออกมาว่าเป็นพื้นที่ที่ถูกกันเอาไว้สำหรับเวนคืน แต่จะโครงการไหนว่ากันอีกที    

ชาวบ้านอย่างเราๆ ถ้าเจอว่าบ้านเราอยู่ในแนวเขตที่ถูกพระราชกฤษฎีกาเวนคืนเข้าให้แล้ว   เพียงแต่ไม่รู้วันไหนเท่านั้นเขาจะมาเวนคืน  ก็เป็นธรรมดาอยู่เองที่จะต้องหาทางขยับขยาย เตรียมที่อื่นเอาไว้อยู่ถ้าหากว่าพอทำได้
ขนาดชาวบ้านอย่างเรายังเดือดร้อนถ้าเจอเข้า    แล้วจะไม่ให้เรารู้สึกร้อยเท่าพันทวีหรือถ้าหากว่าเรื่องนี้มาเกิดกับเจ้าฟ้าเจ้าแผ่นดิน?


กระทู้: เวนคืนวังสระปทุม แค่คิดก็ผิดแล้ว
เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 30 มิ.ย. 14, 11:46
ตั้งแต่ปี ๓๒ จนปีนี้ มีเวลาเท่าไหร่ที่จะแก้ไข แต่ไม่ทำ เพราะอะไร ใครจะตอบประชาชนได้บ้าง


กระทู้: เวนคืนวังสระปทุม แค่คิดก็ผิดแล้ว
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 30 มิ.ย. 14, 12:11
^
ไม่ว่าโครงการอะไรก็ตาม ทั้งภาครัฐ และเอกชน ที่ไม่ยกเลิก  ไม่แก้ไข แต่ต่ออายุไปเรื่อยๆ ก็มองจุดประสงค์ได้อย่างเดียวว่ามีโครงการให้เดินหน้าต่อไปตามจุดมุ่งหมายเดิม
ได้จังหวะเหมาะๆเมื่อไหร่ก็ลงมือทำได้เมื่อนั้น


กระทู้: เวนคืนวังสระปทุม แค่คิดก็ผิดแล้ว
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 30 มิ.ย. 14, 12:34
จาก Facebook ของหม่อมเจ้าจุลเจิม ยุคล

Chulcherm Yugala

หลายๆท่าน อาจจะกังขา ว่าเรื่องที่ผม Post ลงใน Tweeter เกี่ยวกับ เรื่องสมเด็จพระเทพฯเป็นเรื่องจริง หรือเท็จ และเป็นที่วิพาก วิจารณ์ เป็นวงกว้าง ทั้งในทางที่ดี และเลว......... เรื่องที่ผมยกเอาเรื่องของสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ มากล่าว มาอ้าง ซึ่งหลายท่าน ตลอดจนสื่อ หลายๆสำนัก กังขา ว่าผมอ้างถึงรับสั่ง ซึ่งไม่มีใครทราบ ว่าจริงหรือเท็จ จนเกิดความตื่นตระหนกตกใจกัน

และนี่แหละคือการแสดงออกของการรักสถาบัน ปกป้องหวงแหน และไม่เพิกเฉย ต่อสิ่งจะเกิดขึ้นกับสถาบัน และสมเด็จพระเทพฯ ของมวลมหาประชาชน ซึ่งผมดีใจ และชื่นใจ ครับ ถึงการแสดงออกในครั้งนี้ และผมไม่เสียใจที่มีคนมาด่าว่าผม แต่ก่อนอื่น ขอจงกรุณาใช้วิจารณญาณ ในการออกมารุมโจมตี ติชมหรือรุมด่าว่าผม ขอความยุติธรรมให้ผมบ้าง
ผมยอมรับว่า เรื่องดังกล่าว ผมได้ฟังจากท่านผู้ใหญ่ ท่านหนึ่ง ที่ผมเคารพ นับถือ และทุกๆท่านอาจจะรู้จักดี แต่ผมไม่ขอเอ่ยนาม แต่ผมขอบอกเพียงว่า ท่านเป็นผู้ใหญ่ที่ใกล้ชิด และเป็นที่ไว้วางพระราชหฤทัยของ สมเด็จพระเทพฯ (อย่างมากๆ ท่านหนึ่ง) ........ ผมได้พบกับท่านผู้ใหญ่ท่านนี้ เราได้พูดคุยกัน ถึงความห่วงใยต่อ บ้านเมืองต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ และสมเด็จพระเทพฯต่อมาท่านจึงได้เล่า ในเรื่องดังกล่าวให้ผมฟัง (จะจริง จะเท็จ ผมไม่ทราบ เพราะผมก็มิได้ฟังจากพระโอษฐ์ แต่ผมมิได้กังขา และเชื่อว่าเรื่องที่ท่านเล่ามานี้ เป็นเรื่องจริง มิใช่เรื่องเท็จ แน่นอนเพราะ สมเด็จพระเทพฯ ได้ทรงคุย กับผู้ใหญ่ของผมท่านนี้ตลอดมา และเป็นการส่วนพระองค์ และผมต้องขอย้ำว่า “เป็นการส่วนพระองค์” กับท่านผู้ใหญ่ท่านนี้) ซึ่งเรื่องที่เล่ามานี้ เพราะผู้ใหญ่ของผมท่านนี้ไม่มีความสบายใจ เป็นอย่างมาก ในการที่ได้ทรงปรารภในเรื่องดังกล่าวขึ้นมา คือ เรื่องที่ ทรงไปซื้อที่ดิน และปลูกพระตำหนัก หลังเล็กๆ เมื่อต้องโดนไล่ออกจากวัง............ซึ่งผมจะไม่ลงรายละเอียด เพราะเคยบอก เล่าไปแล้ว

และเพื่อนๆ พี่ๆน้องๆทุกๆท่านที่ได้ติดตามผม มา คงเข้าใจแล้วนะครับ ว่าผมจะไม่มีวันทรยศ ต่อข้อเขียนของผม เด็ดขาด และขอรับผิดชอบในข้อเขียนของผมแต่ผู้เดียว และการแก้ตัวที่ชั่วร้ายที่สุด คือการโยนความผิดให้ผู้อื่น ซึ่งผมจะไม่ทำเด็ดขาด เพราะเมื่อไหร่ที่ พีๆน้องๆเพื่อนๆ ตลอดคนที่ติดตามผม ได้อ่านจบลง ได้วิพากษ์วิจารณ์ ทั้งในทางที่ดี หรือทางลบ ดังนั้น ผมจึงไม่สามารถที่จะเอาใจใครได้ทั้งหมด แต่ข้อเขียนผมอาจจะ ไม่ใช่ข้อเขียนแบบที่คนไม่เห็นด้วยที่อยากจะอ่านเลย....
หลังจากที่ผมได้รับฟังจากท่านผู้ใหญ่ท่านนี้แล้ว ถึงความห่วงใย ในองค์ สมเด็จพระเทพฯ ผมก็ได้แต่เกิด ความ เศร้าใจ สลดใจในหัวใจ และครุ่นคิดว่า ใครหนอช่างใจร้าย กับคนที่ประชาชน คนไทยค่อนประเทศรัก ไม่ว่าจะมีสีเสื้ออะไร ไม่ว่า แดง เหลือง ขาว หรือประชาชนคนธรรมดา ทหาร ตำรวจ พระภิกษุสงฆ์ ต่างก็รักสมเด็จพระเทพฯ และสถาบันกันทั้งนั้น แต่กลับได้มีพวกใจบาป สารเลวช่างมาทำกับพระองค์ท่านได้ลงคอ
เมื่อผมลา และออกมาจากท่านผู้ใหญ่ท่านนี้แล้ว ผมนึกในข้อปริศนาดังกล่าวไม่ออก ถึงสาเหตุ ว่า ทำไม ทำไม.......... ผมจึ่งเอาเรื่องนี้ไปถกเถียงกับเพื่อนๆบางคน รวมทั้ง อจ และนักวิชาการบางท่านที่สนิทสนมกัน และเราได้ตั้งโจทย์ และย้อนกลับไป สมัย พ.ศ. 2475 เรื่องการยึด วังต่างๆ ของเจ้านาย เมื่อปี พ.ศ. 2475 ของคณะราษฎร์ ที่ยึดดะไปหมดของ ยึดทุกๆสิ่ง ทุกๆอย่าง ที่เกี่ยวข้องของพวกพระราชวงศ์ (ก็คือเจ้า) เอามาเป็นของรัฐ อาทิ วังต่างๆ ไปเป็นของรัฐ แม้แต่ สำนักงานทรัพย์สิน ส่วน พระมหากษัตริย์ เป็นต้น ...... แต่มานึกกันอีกที ก็ว่า ไม่น่าใช่ เพราะหมดยุคหมดสมัยไปแล้ว และในปัจจุบัน คณะ คสช ถ้าจะยึด คงยึดแต่แรกแล้ว และคณะ คสช ก็ช่างจงรักภักดี ต่อสถาบัน จะตายไป...
จากนั้นพวกเราจึงได้ตั้งสมมติฐานกันใหม่ว่า...... ทำไมสมเด็จพระเทพฯ ถึงต้องรับสั่งว่า จะต้องออกไปซื้อที่ดินและปลูกพระตำหนัก (บ้าน) ใหม่ โดยใช้พระราชทรัพย์ส่วนพระองค์.......ใน ที่สุดเราก็ได้คำตอบของ เรื่องนี้ คือ เรื่องเกี่ยวกับ ที่ทรงซื้อที่ดิน โดยใช้พระราชทรัพย์ส่วนพระองค์

........... เพราะสมเด็จพระเทพฯ ทรงเป็นขัตติยะราชนารี ไม่ทรงถือเอาผลประโยชน์จากประชาชนตามพระประสงค์ หรือตามพระทัยของพระองค์เอง จึงต้องทรงใช้พระราชทรัพย์ส่วนพระองค์ไปซื้อที่ดิน และปลูกสร้าง บ้าน (พระตำหนัก)
และในข้อกังขาข้อต่อไป..... เราก็ได้ตั้งสมมติฐานกัน ถึงสาเหตุ ทำไมถึงต้องทรงเสด็จออกจากวังสระปทุม ซึ่งวังสระประทุมในอดีตเป็นที่ประทับของ สมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี เรื่อยมาจนกระทั่งพระองค์เสด็จสวรรคต เมื่อ ปี พ.ศ. 2538 หลังจากนั้น พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานวังสระปทุมให้เป็นที่ประทับของ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี จนถึงปัจจุบัน ดังนั้น วังสระปทุม ซึ่งเป็นสถานที่สำคัญแห่งพระราชวงศ์ และชาติ และเป็นพระมรดก ที่หวงแหน ส่วนพระองค์ ซึ่งหากจะย้อนสอบประวัติกันแล้ววังสระปทุม ก็มิได้เป็นของรัฐมาเก่าก่อน จึงจะมายึด หรือไล่ออกกันง่ายๆมิได้

....... ในที่สุด เอวัง ก็มาถึงประการเช่นนี้ และพวกเราก็ถึงบางอ้อ จนได้....... สาเหตุที่ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ ต้องเตรียมพระองค์ ซื้อที่ ปลูกบ้าน (พระตำหนัก ใหม่) เยี่ยง ปุถุชนคนธรรมดาทั้งหลาย ก็สาเหตุ เพราะเป็นเรื่อง ที่หมกเม็ด ปิดปากเงียบกันมานาน คือ “พระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินที่จะเวนคืนในพื้นที่ ราชเทวี ปทุมวัน ซึ่งออกครั้งแรกในปี 2530 จากนั้นก็มีการต่อประกาศทุก 4 ปี คือ ในปี 2534, 2538, 2542, 2546, 2550 และครั้งสุดท้ายเมื่อปี 2554 ซึ่งเป็นเวลาเกือบ 30 ปีแล้ว เพราะที่ปล่อยให้เรื่อง คาราคาซังจนมาถึงทุกวันนี้ เพราะการทางพิเศษ ต้องการรักษาสิทธิในการเวนคืน จึงขอให้รัฐบาลต่ออายุพระราชกฤษฎีกาเรื่อยมา จนถึงปัจจุบันนี้ จริงไหมครับ และใช่ไหมครับ ผู้ว่า และ รองผู้ว่า การทางพิเศษฯ จะปฏิเสธ หรือตอบว่าไม่ทราบ ไหมครับ เพราะเเรื่องนี้มีคนขุดคุ้ย และให้ความสนใจเป็นวงกว้าง ถ้ายังมีคนสนใจ กรุณาอ่านตอนต่อไปครับ

ผมขอหยุดเรื่องพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินที่จะเวนคืนในพื้นที่ ราชเทวี ปทุมวัน ก่อน กรุณาติดตามตอนต่อไปครับ แต่ผมขอเรียนว่า ขอเขียนและ พูดความในใจผมบ้าง เรื่องที่ผมยกเอาเรื่องของสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ มากล่าว มาอ้าง ถึงแม้ว่า จะดูไม่ดีงาม ผิดขนบ ประเพณี จนพวก คุณหญิง คุณนาย ตลอดจนคนหัวดำ หัวขาว หัวสั่น หัวคลอนหรือ พวกยังไม่สิ้นกลิ่นน้ำนม ตลอดบุคคลที่บอกว่าใกล้ชิด มาตำหนิ มาด่า มาว่าผม ว่าเป็นการไม่สมควรอย่างยิ่ง ที่จะเอาเรื่อง หรือพระนาม ของ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ มาเอยอ้าง เอามาโหน ในการสร้างความดังให้ตนเอง ผมยอมรับคำด่าว่า คำ ตำหนิ ติเตียนทั้งหมดที่ออกจากปากพวกท่านเหล่านั้น ทั้งคำพูด และข้อเขียน ครับ
แต่ผมอยากจะถามจะย้อนถามพวกท่าน คุณหญิง คุณนาย ตลอดจนพวกคนหัวดำ หัวขาว หัวสั่น หัวคลอน ตลอดบุคคลที่อ้างว่าใกล้ชิดเบื้องพระยุคลบาท ที่พวกท่านเหล่านั้น เพิกเฉย ไม่คิดอ่านทำการใดที่จะต่อสู้ให้กับสถาบัน ที่เลี้ยงพวกท่านอยู่ มีข้าว น้ำ ให้กิน มีบริวารให้ใช้ แต่กลับคอยแต่จะผูกขาดความจงรักภักดี ซึ่งย่อมเปรียบเหมือนเถาวัลย์พันไม้ใหญ่ไว้เช่นนั้น หามีประโยชน์อื่นใดไม่ได้ และ ถ้าผมไม่พูดถึงเรื่องดังกล่าว เราๆท่านๆ และประชาชนทั้งหลาย ไม่ว่า เหลือง แดงจะรู้ไหมว่าครับว่า ได้ มี “พระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินที่จะเวนคืนในพื้นที่ ราชเทวี ปทุมวัน ที่หมกเม็ด ปิดปากเงียบกัน และถ้าต่อไปในอนาคต เกิดมีการเวนคืนกันขึ้น จากคำสั่งของผู้มีบารมี จากต่างประเทศ จะต้องสูญเสียต่อพระหฤทัย(จิตรใจ) ของ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ และวังสระปทุม เกิดต้องโดนเวนคืนขึ้นละ...... ผมจึงอยากถามพวก คุณหญิง คุณนาย ตลอดจนพวกคนหัวดำ หัวขาว หัวสั่น หัวคลอน ทั้งหลายจะรับผิดชอบ กับการสูญเสียอันยิ่งใหญ่ ได้อย่างไรกัน

ผมจึงอยากขอยกตัวอย่างมาเป็นอุทาหร ศึกษากันของการสูญเสียที่ยิ่งใหญ่ คือเรื่อง พระนางเรือลม ที่สูญเสีย และเกิดโศกนาฏกรรมครั้งสำคัญในประวัติศาสตร์ ยุคแผ่นดินพระพุทธเจ้าหลวงรัชกาลที่ 5 เหตุครั้งนั้นทำให้ “สมเด็จพระนางเจ้าสุนันทากุมารีรัตน์ พระบรมราชเทวี” หรือที่เราคนไทยคุ้นกับพระนามของพระองค์ว่า “พระนางเรือล่ม” ซึ่งทรงเป็น พระนางอันเป็นที่รักยิ่งของเจ้าแผ่นดินต้องมาสังเวยชีวิตสิ้นพระชนม์ลง ณ กลางแม่น้ำนั้น..... เหตุการณ์ในคราวนั้น ถึงสามารถจะหาพระศพจนพบ ลักษณะพระศพที่เห็นนำความเศร้าสลดมาสู่สายตาผู้พบเห็นยิ่งนัก ซึ่งเป็นภาพพระนางโอบพระธิดาไว้แนบอก และพระศพที่พบก็จมอยู่ใต้ซากเรือพระที่นั่งนั่นเอง ถึงกับทำให้ “เจ้าเหนือหัว” ของคนไทย “พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว” ถึงกับทรงพระกรรณแสง เพราะกฏมณเฑียรบาลที่ พระยามหามนตรี ( อ่ำ ) สมุหราชองครักษ์ ได้ออกคำสั่งโดยฉับพลันทันทีไม่ให้คนหนึ่งคนใดลงไปช่วย เนื่องด้วยขัดกับกฏมณเฑียรบาล แม้แต่ชาวบ้านสามัญที่ไม่รู้เรื่องว่า กฏมณเฑียรบาลคืออะไร ส่วนพวก (เช่นพวกเรา ในปัจจุบัน)ที่หักหาญเข้ามาช่วยเหลือก็ช่วยได้แต่เพียงนางข้าหลวง สำหรับเรือพระที่นั่งแล้ว พระยา มหามนตรี ได้ออกคำสั่งเด็ดขาดไม่ให้เข้าใกล้แตะต้อง (ก็ คือ พวกคุณหญิง คุณนาย ตลอดจนพวกคนหัวดำ หัวขาว หัวสั่น หัวคลอนหรือ พวกฟันยังไม่สิ้นกลิ่นน้ำนม) ถึงกับมีผู้กล่าวว่า ตัวพระยามหามนตรีเองชักดาบยืนตะโกนออกคำสั่งสำทับอยู่ที่หัวเรือ ทำให้พวกชาวบ้านงงงวยนัก เพียงแต่ช่วยพวกข้าหลวงให้ขึ้นเรือที่พายออกไปช่วยแล้วนำส่งขึ้นเรือใหญ่ ส่วนพวกที่ว่ายน้ำไม่เป็นก็จมหายไปนั้น ก็ได้งมช่วยขึ้นมาทันท่วงที และแก้ไขให้พ้นอันตรายเป็นจำนวนมาก จึงอาจจะกล่าวได้ทีเดียวว่า สมเด็จพระนางเจ้าสุนันทากุมารีรัตน์ สิ้นพระชนม์ไปเพราะกฏมณเฑียรบาล กฎหมายอันมีมาแต่โบราณกาล ที่ในปัจจุบันได้ยกเลิกไป แต่ความสูญเสียที่จะเกิดขึ้นในปัจจุบันต่อสถาบันไม่ใช่ กฎมณเฑียรบาล อีกต่อไปแล้ว แต่จะเกิดจาก บุคคล พวกที่หัวดำ หัวขาว หัวสั่น หัวคลอน ตลอดบุคคลที่ใกล้ชิดเบื้องพระยุคลบาท ต่อการเพิกเฉย ไม่คิดอ่านทำการใดที่จะต่อสู้ให้กับสถาบัน ที่เลี้ยงให้ มีข้าว น้ำ ให้กิน มีบริวารให้ใช้ แต่กลับคอยแต่จะผูกขาดความจงรักภักดี ย่อมเปรียบเหมือนเถาวัลย์พันไม้ใหญ่ไว้เช่นนั้น หามีประโยชน์อื่นใดไม่ได้ คอยแต่ออกมาโวย อย่าแตะต้อง จะทำให้เสื่อมเสีย ต่อ พระองค์ท่าน เสื่อมเสียต่อสถาบัน

ที่ผมยกตัวอย่าง เรื่องพระนางเรือล่มขึ้นมา ก็เพื่อเป็นอุทาหรสำหรับสำหรับพวกเราทุกคน ว่า เหตุการณ์ ในครั้งนั้นถึงกับทำให้ “เจ้าเหนือหัว” ของคนไทย “พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว” ถึงกับทรงพระกรรณแสง เพราะการผูกขาด (ในปัจจุบัน) และความเคร่งครัด ในกฎมณเฑียรบาล ของพระยามหามนตรี ( อ่ำ ) สมุหราชองครักษ์ (เมื่อสมัยก่อน)
เพราะฉะนั้น ผมจึงต้องเขียน และบอกกล่าวพวกเรา ให้ทราบในอุทาหรในเรื่องดังกล่าว ถึงแม้ผมจะโดน ตำหนิติฉิน เรื่องที่ผมเขียนออกไปแล้วนั้น เพราะผมไม่อยากให้เกิดเหตุการณ์ ดังเช่นในอดีต ผมยอมถูกตำหนิ ยอมถูกว่ากล่าว เพราะผมไม่อยากให้เกิด เหตุการณ์ดั่งในอดีต ถึงแม้จะผิดขนบธรรมเนียม จารีต ในสิ่งที่ผมเขียน หรือพูดออกมา ผมไม่หวั่นไหว กับพวกไม่คิดอ่านทำการใดๆ คอยแต่จะผูกขาดความจงรักภักดี พวก เถาวัลย์พันไม้ใหญ่ คอยแต่จะผูกขาดความจงรักภักดี คอย ด่าว่า ติฉินไปเรื่อยๆ เมื่อเรา รู้เห็นเรื่องอับปมงคลแล้ว เรามาหาทางป้องกันดีกว่า อย่าต้องให้มาเสียใจกัน กับเหตุการณ์ ที่ทำให้เราสะเทือนในจิตรใจ แบบ เรื่อง พระนางเรือล่ม และถ้ายังอยากติดตาม กรุณาอ่านต่อไปได้เรื่อยครับ

ม.จ. จุลเจิม ยุคล


กระทู้: เวนคืนวังสระปทุม แค่คิดก็ผิดแล้ว
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 30 มิ.ย. 14, 12:37
วันจันทร์ที่ 30 มิถุนายน 2557
Chulcherm Yugala
2 ชั่วโมงที่แล้ว
ผมดีใจครับ ที่บทความที่ผมได้ Post ออกไป มีคนเห็นด้วยเพราะตาสว่าง และ มีบางคนไม่เห็นด้วย ด่าว่าผมถึงบรรพบุรุษผม ผมไม่ถือสาครับ เพราะผมถือว่า คนพวกนี้มีนัยน์ตาที่มืดมิด เป็นพวกเถาวัลย์พันไม้ใหญ่ หามีประโยชน์อื่นใดไม่ได้ หรือถ้าจะให้เรียกอีกนัยยะหนึ่งว่าเป็นพวกกบในกะลา ไม่เคยออกมามองดูโลกภายนอก มีแต่จะผูกขาดความจงรักภักดี จนหน้ามืดตาลาย ผมจึงไม่ถือสา แต่อย่างน้อยๆ จะด่าว่าใครถึงบรรพบุรุษควรหันกลับไปดูบรรพบุรุษตัวเองก่อน ว่าดีเลวเพียงใดก็แล้วกัน ก่อนที่จะด่าว่าบรรพบุรุษ ของคนอื่น

เรื่อง พระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่เขตราชเทวี และเขตปทุมวัน กรุงเทพมหานคร เลิกพูด เลิกชี้แจ้ง ใครถูก ใครผิด แก้ตัว หรือไม่แก้ตัว กันได้แล้ว ของง่ายๆ ไม่ต้องให้ยืดเยื้อเป็นที่พูดกัน และขยายวงออกไปกว้างขึ้นเรื่อยๆ ถ้า พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ถือหลักธรรมที่ผู้นำต้องยึดถือ คือ ความกล้าหาญบนความถูกต้อง รวมถึงท่านผู้ว่า การทางพิเศษ....... ประกาศยกเลิก พระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่เขตราชเทวี และเขตปทุมวัน กรุงเทพมหานคร ในราชกิจจานุเบกษา และมีแผนที่แนบท้าย พรก.เรื่องก็น่าจบได้ และจะได้ไม่เป็นที่ค้างคาใจกันต่อไป ของประชาชน ต่อไป ...อย่ากลัว ผู้มีอิธิพล...แล้วประชาชนจะแสร้งซ้องสรรเสริญ พวกท่านครับ

ม.จ. จุลเจิม ยุคล


กระทู้: เวนคืนวังสระปทุม แค่คิดก็ผิดแล้ว
เริ่มกระทู้โดย: scarlet ที่ 30 มิ.ย. 14, 13:25
เข้ามาอ่านครับ จริง-เท็จอย่างไรไม่ทราบ แต่ในฐานะประชาชนคนไทย เป็นเรื่องที่ต้องการความชัดเจนครับ

เป็นกระทู้ที่มีคุณค่าอย่างยิ่ง



กระทู้: เวนคืนวังสระปทุม แค่คิดก็ผิดแล้ว
เริ่มกระทู้โดย: ประกอบ ที่ 30 มิ.ย. 14, 13:32
เห็นชื่อ.....  ก็ขอบอกเล่าให้ฟังนิดนึงครับ จากการทีได้พบเห็นบทความหรือความคิดเห็นของนายคนนี้ตามสื่อหรือ facebook บ่อยๆ

นายคนนี้ จบปริญญาเอกสาขาอะไรสักอย่างในประเทศ มักเขียนประวัติตัวหรูหรา เป็นที่ปรึกษาโน่นนี่ ทำธุรกิจประเมินราคาทรัพย์สินอสังหาฯลฯ
นายคนนี้มักจะเขียนบทความลงในเวบข่าวประชาไทยบ่อยๆ  และถกเถียงเรื่องต่างๆ ตามเว็บบอร์ดต่างๆ  แต่ความเห็นนายคนนี้จะมีแค่ด้านเดียว ไม่มีตรรกะที่ดี  มั่ว  และมีลักษณะปกป้องฝ่ายรัฐบาลเก่าอย่างเดียว
แต่เนื่องจากสังคมไทย คำว่า ดร. มันศักดิ์สิทธิ์ เลยทำให้คำพูดดาดๆ ไร้ตรรกะ ถูกให้ความสำคัญเกินจริง เลยมีการแชร์ข้อความของนายคนนี้บ่อยๆ  ก็เหมือน ดร. ก้องภพ ที่บอกมาพูดเรื่องดาวเรียงตัว อะไรแบบนั้น

ในความคิดผม นายคนนี้เป็นแค่นักไต่ระดับทางสังคม ที่พยายามออกความเห็น ใช้ตรรกะพิกลพิการปกป้องรัฐบาลที่แล้วสุดๆ แบบไม่มีใครขอ ไม่ต้องใช้ เพื่อยกระดับสร้างราคา เพราะอยากเป็นคนวงในของคนต่างแดน  เพียงแต่ยังไม่ได้รับโอกาสนั้น


กระทู้: เวนคืนวังสระปทุม แค่คิดก็ผิดแล้ว
เริ่มกระทู้โดย: ประกอบ ที่ 30 มิ.ย. 14, 13:36
^
ไม่ว่าโครงการอะไรก็ตาม ทั้งภาครัฐ และเอกชน ที่ไม่ยกเลิก  ไม่แก้ไข แต่ต่ออายุไปเรื่อยๆ ก็มองจุดประสงค์ได้อย่างเดียวว่ามีโครงการให้เดินหน้าต่อไปตามจุดมุ่งหมายเดิม
ได้จังหวะเหมาะๆเมื่อไหร่ก็ลงมือทำได้เมื่อนั้น

จากที่อ่านจาก link ที่ท่านซายานวรัตน เอามาลงตอนแรก ที่ไม่ยกเลิกต่ออายุไปเรื่อยๆ อาจจะเพราะถ้ายกเลิกการทางจะโดนบริษัทที่รับสัมปทานทางด่วนฟ้อง ฐานส่งมอบพื้นที่ไม่ได้ เลยต้องต่ออายุพระราชกฤฤษฏีกาไปเรื่อยๆ แต่ไม่เวนคืนจริงซักที เรื่องมันเลยอิหลักอิเหลื่อครับ  อาจจะต้องรอจนสัมปทานหมด ไม่มีใครมาฟ้องการทางได้ ถึงค่อยยกเลิก


กระทู้: เวนคืนวังสระปทุม แค่คิดก็ผิดแล้ว
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 30 มิ.ย. 14, 14:29
    http://www.newsrama2.com/news/topic-6194.html (http://www.newsrama2.com/news/topic-6194.html)

       หลังจากที่มีกระแสข่าวว่า การทางพิเศษแห่งประเทศไทย (กทพ.) ได้เตรียมที่จะเวนคืนที่ดินวังสระปทุม ซึ่งปัจจุบันที่ประทับของสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เพื่อก่อสร้างทางพิเศษเชื่อมระหว่างทางด่วนศรีรัช และทางด่วนเฉลิมมหานคร ผู้สื่อข่าวได้ตรวจสอบพบว่า เมื่อวันที่ 30 ธ.ค. 2554 ที่ผ่านมา ราชกิจจานุเบกษาได้ตีพิมพ์พระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวน คืน ในท้องที่เขตราชเทวี และเขตปทุมวัน กรุงเทพมหานคร พ.ศ. 2554 โดยระบุว่า พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้ประกาศว่า โดยที่เป็นการสมควรกำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่เขตราชเทวี และเขตปทุมวัน กรุงเทพมหานคร เพื่อสร้างทางพิเศษสายแจ้งวัฒนะ-บางโคล่
      
       อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 187 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย กับมาตรา 5 วรรคสาม และมาตรา 6 แห่งพระราชบัญญัติว่าด้วยการเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ พ.ศ. 2530 อันเป็นกฎหมายที่มีบทบัญญัติบางประการเกี่ยวกับการจำกัดสิทธิและเสรีภาพ บุคคล ซึ่งมตรา 29 ประกอบกับมตรา 42 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย บัญญัติให้กระทำได้โดยอาศัยอำนาจตามบทบัญญัติแห่งกฎหมาย ประกอบกับมาตรา 34 วรรคหนึ่ง แห่งพระราชบัญญัติการทางพิเศษแห่งประเทสไทย พ.ศ. 2550 อันเป็นกฎหมายที่มีบทบัญญัติบางประการเกี่ยวกับการจำกัดสิทธิและเสรีภาพของ บุคคล ซึ่งมตรา 29 ประกอบกับมาตรา 33 มาตรา 34 มาตรา 41 และมาตรา 42 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย บัญญัติให้กระทำได้โดยอาศัยอำนาจตามบทบัญญัติแห่งกฎหมาย จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ตราพระราชกฤาฎีกาขึ้นไว้ ดังต่อไปนี้
      
       มาตรา 1 พระราชกฤษฎีกานี้เรียกว่า “พระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ ที่จะเวนคืน ในท้องที่เขตราชเทวี และเขตปทุมวัน กรุงเทพมหานคร พ.ศ. 2554”
      
       มาตรา 2 พระราชกฤษฎีกานี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม พ.ศ. 2555 เป็นต้นไป
      
       มาตรา 3 พระราชกฤษฎีกานี้ให้ใช้บังคับได้มีกำหนดสี่ปี
      
       มาตรา 4 ที่ดินที่จะเวนคืนตามพระราชกฤษฎีกานี้มีวัตถุประสงค์เพื่อใช้ในการสร้างทางพิเศษ สายแจ้งวัฒนะ-บางโคล่
      
       มาตรา 5 ให้ผู้ว่าการการทางพิเศษแห่งประเทศไทยเป็นเจ้าหน้าที่เวนคืนตามพระราชกฤษฎีกานี้
      
       มาตรา 6 เขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืนตามพระราชกฤษฎีกานี้ อยู่ในท้องที่เขตราชเทวีและเขตปทุมวัน กรุงเทพมหานคร มีส่วนแคบที่สุดสามร้อยห้าสิบเมตร และส่วนกว้างที่สุดหกร้อยเมตร ทั้งนี้ ภายในแนวเขตตามแผนที่ท้ายพระราชกฤษฎีกานี้
      
       มาตรา 7 ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมรักษาการตามพระราชกฤษฎีกานี้
      
       ผู้รับสนองพระบรมราชโองการ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี
      
      


กระทู้: เวนคืนวังสระปทุม แค่คิดก็ผิดแล้ว
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 30 มิ.ย. 14, 14:31
     ทั้งนี้ ในตอนท้ายของพระราชกฤษฎีกาฉบับดังกล่าว ระบุว่า เหตุผลในการประกาศใช้พระราชกฤษฎีกาฉบับนี้ คือ เนื่องจากการทางพิเศษแห่งประเทศไทย ได้ทำการสำรวจเขตที่ดินเพื่อเวนคืนตามพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณ ที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่เขตราชเทวี และเขตปทุมวัน กรุงเทพมหานคร พ.ศ. 2550 เพื่อสร้างทางพิเศษสายแจ้งวัฒนะ-บางโคล่ ยังไม่แล้วเสร็จ สมควรกำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่เขตราชเทวี และเขตปทุมวัน กรุงเทพมหานคร เพื่อให้เจ้าหน้าที่หรือผู้ซึ่งได้รับมอบหมายจากเจ้าหน้าที่มีสิทธิเข้าไปทำการสำรวจและเพื่อทราบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์ที่จะต้องเวนคืนที่แน่นอน จึงจำเป็นต้องตราพระราชกฤษฎีกานี้
       
       สำหรับแนวเวนคืนที่ดินตาม พ.ร.ฎ.ฉบับดังกล่าว ระบุว่ามีส่วนที่แคบที่สุด 350 เมตรและส่วนที่กว้างที่สุด 600 เมตร โดยแนวเวนคืนด้านถนนพระราม 6 เริ่มตั้งแต่สี่แยกพงษ์พระราม บริเวณใต้ทางด่วนศรีรัช ไปทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือ ข้ามคลองมหานาคเข้าสู่พื้นที่เขตราชเทวี จากนั้นไปทางทิศตะวันออก ผ่านซอยพญานาค ซึ่งกินพื้นที่ชุมชนบ้านครัวเหนือ และชุมชนบ้านครัวใต้ ผ่านสะพานเฉลิมหล้า 56 (สะพานหัวช้าง) ในรัศมี 50 เมตรจากคลองแสนแสบ ก่อนขนานไปกับถนนเพชรบุรีด้านทิศใต้ ห่างจากแยกราชเทวี 370 เมตร ผ่านแยกประตูน้ำ ถนนราชปรารถ ถนนวิทยุ กินพื้นที่อาคารศูนย์การค้าพันธุ์ทิพย์พลาซา, ศูนย์การค้าแพลทินัม แฟชั่นมอลล์ และธนาคารไทยพาณิชย์ สาขาสำนักเพลินจิต ก่อนจะบรรจบทางพิเศษเฉลิมมหานคร
       
       จากนั้นแนวเวนคืนที่ดินจะไปทางทิศใต้ ขนานกับทางพิเศษเฉลิมมหานคร 200 เมตร จากนั้นไปทางทิศตะวันตก ขนานไปกับคลองแสนแสบ ผ่านถนนวิทยุ เมื่อผ่านถนนราชดำริไป 200 เมตร แนวเวนคืนที่ดินจะไปทางทิศใต้ บรรจบกับถนนพระราม 1 ผ่านสามแยกเฉลิมเผ่าในรัศมี 450 เมตร กินพื้นที่วัดปทุมวนารามวรวิหาร และพื้นที่บางส่วนของศูนย์การค้าสยามพารากอน จากนั้นแนวเวนคืนที่ดินจะขึ้นไปทางทิศเหนือ และทิศตะวันตก ผ่านพื้นที่วังสระปทุม สะพานเฉลิมหล้า 56 (สะพานหัวช้าง) กินพื้นที่ถนนพญาไทในรัศมี 50 เมตรจากคลองแสนแสบ จากนั้นจะเบี่ยงขนานไปกับถนนพระราม 1 ผ่านสี่แยกเจริญผล ซึ่งกินพื้นที่สถาบันเทคโนโลยีปทุมวัน ห้างสรรพสินค้าเทสโก้ โลตัส พระราม 1 ถึงสี่แยกพงษ์พระราม
       
       ก่อนหน้านี้เมื่อวันที่ 7 ม.ค. 2551 มีการประกาศพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินบริเวณที่จะเวนคืนในท้องที่เขตราช เทวี และเขตปทุมวัน กรุงเทพฯ เพื่อสร้างทางการพิเศษสายแจ้งวัฒนะ-บางโคล่ มีผลเมื่อวันที่ 1 มกราคม พ.ศ. 2551 ใช้บังคับนาน 4 ปี โดยให้ผู้ว่าการทางพิเศษแห่งประเทศไทยเป็นเจ้าหน้าที่เวนคืน โดยในช่วงที่ผ่านมาการทางพิเศษแห่งประเทศไทยมีโครงการก่อสร้างถนนรวมและ กระจายการจราจร หรือซีดีโรดบริเวณดังกล่าว นับตั้งแต่สมัยรัฐบาลนายชวน หลีกภัย นายกรัฐมนตรีเมื่อปี 2536 เป็นระยะเวลากว่า 19 ปีแล้ว ซึ่งได้บรรจุโครงการดังกล่าวอยู่ในแผนแม่บททางพิเศษที่ต้องดำเนินการ แต่เกิดปัญหาพิพาทกับชาวบ้านในชุมชนบ้านครัวมาโดยตลอด
       
       อย่างไรก็ตาม วันนี้ (3 ม.ค.) เว็บไซต์กรุงเทพธุรกิจออนไลน์ รายงานว่า นายอัยยณัฐ ถินอภัย ผู้ว่าการการทางพิเศษแห่งประเทศไทย (กทพ.) เปิดเผยถึงการต่ออายุพระราชกฤษฎีกาฉบับดังกล่าว ว่า การต่ออายุ พ.ร.ฎ.ดังกล่าว เป็นการดำเนินงานตามกฎหมายเท่านั้น ส่วนในทางปฏิบัติจะเวนคืนหรือไม่นั้น ขึ้นอยู่กับนโยบาย ซึ่งต้องหารือกับกระทรวงคมนาคมก่อน สำหรับปัญหาอุปสรรคสำคัญที่ส่งผลให้โครงการก่อสร้างทางลงช่วงถนนราชดำริไม่ แล้วเสร็จตามแผน คือ ไม่สามารถเวนคืนที่ดินบริเวณชุมชนบ้านครัวได้ เพราะประชาชนในพื้นที่คัดค้านอย่างหนัก แต่แนวเส้นทางเวนคืนจะไม่ผ่านพื้นที่วังสระปทุม ห้างสรรพสินค้าสยามพารากอน และเซ็นทรัลเวิลด์ โดยแนวเส้นทางจะเลียบคลองแสนแสบแต่ไม่ข้ามคลองแสนแสบมาฝั่งนี้
       
       อย่างไรก็ตาม ที่ผ่านมา กทพ.ได้ปรับแบบก่อสร้างบริเวณนี้หลายครั้ง เพื่อเวนคืนที่ดินน้อยที่สุด แต่ชาวบ้านชุมชนบ้านครัวยังคงคัดค้าน ส่งผลให้ กทพ.ไม่สามารถเข้าพื้นที่เพื่อเวนคืนที่ดินได้จนถึงปัจจุบันเป็นเวลากว่า 10 ปีแล้ว การต่ออายุ พ.ร.ฎ.เวนคืน ถือเป็นการดำเนินงานปกติ ที่ต้องดำเนินการตามกฎหมาย ซึ่งดำเนินการมาแล้ว 7 ครั้ง ครั้งละ 4 ปี แต่การเวนคืนไม่สามารถดำเนินการได้มานานแล้ว เพราะมีปัญหามวลชนต่อต้านมาก ส่วนในอนาคตจะดำเนินการอย่างไรต่อไป ต้องเป็นเรื่องของระดับนโยบายที่จะตัดสินใจ

   ผู้ว่าการทางพิเศษพูดไม่ตรงกับหลักฐานในพระราชกฤษฎีกา   ส่วนเรื่องจริงเป็นอย่างไรก็ต้องติดตามกันต่อไป    ส่วนเรื่องถูกฟ้องร้องอะไรนั่นในนี้ไม่เห็นท่านอ้างนี่คะ  บอกแต่ว่าเป็นการดำเนินงานปกติ


กระทู้: เวนคืนวังสระปทุม แค่คิดก็ผิดแล้ว
เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 30 มิ.ย. 14, 15:06
อ้างถึง
ไม่ว่าโครงการอะไรก็ตาม ทั้งภาครัฐ และเอกชน ที่ไม่ยกเลิก  ไม่แก้ไข แต่ต่ออายุไปเรื่อยๆ ก็มองจุดประสงค์ได้อย่างเดียวว่ามีโครงการให้เดินหน้าต่อไปตามจุดมุ่งหมายเดิม
ได้จังหวะเหมาะๆเมื่อไหร่ก็ลงมือทำได้เมื่อนั้น

ถูกต้องที่สุดครับ
ทางที่ปลอดภัยคือให้ยกเลิกพระราชกฤษฎีกานี้ไปเลย
หรือไม่ก็ต้องแก้ไขแผนที่แนบท้ายพระราชกฤษฎีกาให้เป็นไปดังที่ผู้ว่าการทางแถลง คือไม่ตัดผ่านวัดและวัง



 
 
 


กระทู้: เวนคืนวังสระปทุม แค่คิดก็ผิดแล้ว
เริ่มกระทู้โดย: Naris ที่ 30 มิ.ย. 14, 16:35
ผมว่านะ ตั้งแต่แรกที่มีการออกแบบสร้างทางด่วน วิศวกร ผู้ออกแบบ ก็น่าจะเห็นตั้งแต่แรกแล้ว ว่าเส้นทางที่ตัวจะสร้างนั้น ตัดผ่านอะไร โอเค ถ้าวิศวกร เด็กไป ไม่มีอำนาจตัดสินใจ หรือเป็นนโยบายจากผู้ใหญ่ จึงเลี่ยงไม่ได้ ต้องทำไปตามนั้นก่อน อันนี้ก็ไม่ทราบเหมือนกัน

แต่มาถึงวันนี้ ก็เห็นกันอยุ่แล้ว ว่าท่านกำลังจะเอาทางด่วนมาแลกวัง แลกวัด แถมไม่ใช่วังธรรมดาด้วย ยังมีเจ้านายประทับ และเป็นวังที่มีความสำคัญทางประวัติศาสตร์ ถ้าเป็นอย่างนี้ ก็ไม่น่าจะต้องคิดอะไรแล้ว ของเดิมเป็นอย่างไรก็ช่างมันไป มาวันนี้เห็นแล้ว ทราบแล้ว ว่าเป็นเรื่อง ถ้าการทางฯ อยากให้เรื่องจบ ก็แค่ขอยกเลิก พรฎ. ฉบับนี้ไปเสียเองก็สิ้นเรื่อง (หรือแค่ไม่ต่ออายุมัน มันก็ตายไปเอง พรฎ.นั่นหนะ) 

แต่ถ้า การทางฯ ยกเลิกไม่ได้ เพราะไม่มีอำนาจ หรือมีข้อติดขัดเรื่องข้อสัญญากับเอกชนก็แถลงมาสิว่า ที่เลิกไม่ได้เพราะมีข้อขัดข้องอย่างนี้ๆ รัฐบาลก็จะได้หาทางช่วยเหลือผ่อนผัน (ส่วนตัว ผมเชื่อว่า บ. เอกชนนั้น เขาก็มีสำนึกเหมือนกัน ถ้ารู้ว่าโครงการของเขากระทบใจคนไทยจำนวนมากอย่างนี้ เขาอาจจะไม่ขอทำแล้วก็ได้) แต่นี่ อากัปกริยาของการทางฯ ทำท่าเหมือนกับว่า ยังไงก็ต้องทำทางด่วนท่อนนี้ให้ได้ ทำตัวปกป้องกฎหมายของตนเต็มที่ แถมออกมาตำหนิคนที่เอาเรื่องมาเปิดเผยอีกแหนะ

ดูแล้วประหลาดพิกลครับ 


กระทู้: เวนคืนวังสระปทุม แค่คิดก็ผิดแล้ว
เริ่มกระทู้โดย: scarlet ที่ 30 มิ.ย. 14, 17:28
ตั้งแต่ปี 2532 ใครนะเป็นรัฐบาลในช่วงนั้น?

จำได้แต่ว่าปี 2535 มีเหตุการณ์ประท้วงพล.อ. สุจินดา เป็นนายกเกิดขึ้น นึกไม่ออกครับว่ารัฐบาลของใคร? น่าจะเป็นพล.อ.ชาติชายหรือเปล่า?

..ไม่เชี่ยวชาญ chronology เหมือนบรรดาสมาชิกในนี้เสียด้วย 8)


กระทู้: เวนคืนวังสระปทุม แค่คิดก็ผิดแล้ว
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 30 มิ.ย. 14, 17:49
จากเฟซบุ๊คของดร.โสภณ พรโชคชัย

ด่วน อย่าเชื่อใครใส่ร้ายปูเรื่องวังสระปทุม

ตามที่กระพือใน fb ว่ารัฐบาลปูคิดเวนคืนวังสระปทุมนั้น เป็นความเท็จ พระราชกฤษฎีกาที่จะสร้างทางด่วนคร่อมคลองแสนแสบนี้มีมาเกินกว่า 20 ปีแล้ว เมื่อไม่ได้สร้างก็ต่ออายุมาเรื่อย ๆ ทุกรัฐบาล ปกติเจ้าหน้าที่มักทำแนวเวนคืนให้กว้างเกินจริง จึงขีดเส้นส่งเดชคลุมวังสระปทุม บางโครงการจะเวนคืนสร้างถนนกว้าง 40 เมตร ก็กลับกำหนดแนวเวนคืนกว้างถึง 1,000 เมตรเป็นต้น อย่าเชื่อการใส่ร้ายทำให้ไทยแตกแยกเป็นอันขาดครับผม ดูรายละเอียดที่

http://www.area.co.th/thai/area_announce/area_anpg.php?strquey=area_announcement294.htm (http://www.area.co.th/thai/area_announce/area_anpg.php?strquey=area_announcement294.htm)

AREA แถลง ฉบับที่ 6/2555: 12 มกราคม 2555
ควรเร่งสร้างทางด่วนช่วงคลองแสนแสบ

ผู้แถลง: ดร.โสภณ พรโชคชัย
ประธานกรรมการบริหาร ศูนย์ข้อมูลวิจัยและประเมินค่าอสังหาริมทรัพย์ไทย
บจก. เอเจนซี่ ฟอร์ เรียลเอสเตท แอฟแฟร์ส
sopon@area.co.th; www.facebook.com/dr.sopon4 (http://www.facebook.com/dr.sopon4)

          กรณีทางด่วนแนวคลองแสนแสบ เป็นความเข้าใจผิดว่าจะเวนคืนที่วังสระประทุม เสนอให้สร้างทางด่วนใต้คลองแสนแสบ 2 ชั้น เป็นทางไปและกลับ และเสนอให้เวนคืนสร้างห้องชุดแนวราบแก่ประชาชนที่ได้รับผลกระทบในบริเวณใกล้เคียงเพื่อลดปัญหาการเวนคืน
          ตามที่มีพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืนในท้องที่เขตราชเทวี และเขตปทุมวัน กรุงเทพมหานคร พ.ศ. 2554 เมื่อวันที่ 30 ธันวาคม 2554 ซึ่งเป็นการต่ออายุพระราชกฤษฎีกาเดิมนั้น อาจก่อให้เกิดความสับสนในหลายประการ ได้แก่
          1. พระราชกฤษฎีกานี้เป็นพระราชกฤษฎีกาใหม่หรือไม่ ซึ่งไม่ใช่ เพราะในความเป็นจริงเป็นการออกตามพระราชกฤษฎีกาเดิมที่หมดอายุลงไปหลายฉบับแล้ว โดยคงสาระเดิมไว้ทุกประการ
          2. พระราชกฤษฎีกานี้เวนคืนวังสระประทุมหรือสถานที่สำคัญอื่นด้วยหรือไม่ ซึ่งไม่มีการเวนคืนวังสระประทุม แต่เนื่องจากแนวเขตที่กำหนด กำหนดไว้กว้างตาม “ประเพณี” การออกพระราชกฤษฎีกา ซึ่งมักออกพระราชกฤษฎีกากว้างกว่าความเป็นจริง ทั้งที่แนวเวนคืนอาจกว้างเพียง 100 เมตร เป็นต้น ดังนั้นในอนาคต ควรที่หน่วยราชการที่รับผิดชอบการเวนคืน กำหนดเขตการเวนคืนจริงให้ชัดเจน ไม่เช่นนั้น ผู้อยู่ในเขตเวนคืนที่กว้างเกินความเป็นจริงอาจตกใจ และที่สำคัญ ทำให้ไม่สามารถขายทรัพย์สินได้เนื่องจากผู้ซื้ออาจไม่กล้าซื้อด้วยเกรงจะถูกเวนคืนนั่นเอง
          อย่างไรก็ตามประเด็นสำคัญที่ควรพิจารณาก็คือ การก่อสร้างทางด่วนเพื่อกระจายการจราจรตามแนวคลองแสนแสบสมควรที่จะดำเนินการเป็นอย่างยิ่ง เพราะการจราจรในเขตใจกลางเมืองติดขัดเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะบริเวณถนนราชดำริ ต้นทุนการสูญเสียน้ำมันและเวลาของประชาชนส่วนใหญ่ ย่อมมีความสำคัญต่อประเทศชาติโดยรวม อย่างไรก็ตามการเวนคืน ควรจ่ายค่าทดแทนให้เหมาะสมกับความเป็นจริง และให้ความเคารพต่อศาสนสถานและความเป็นชุมชนมุสลิมดั้งเดิมที่อยู่อาศัยกันมาตั้งแต่สมัยตั้งกรุงเทพมหานคร
          ดร.โสภณ พรโชคชัย ประธานกรรมการบริหาร ศูนย์ข้อมูลวิจัยและประเมินค่าอสังหาริมทรัพย์ไทย บจก. เอเจนซี่ ฟอร์ เรียลเอสเตท แอฟแฟร์ส จึงขอเสนอแนวทางการเวนคืนด้วยการเวนคืนที่ดินในบริเวณใกล้เคียงเพื่อสร้างที่อยู่อาศัยเป็นแบบห้องชุดแนวราบที่ออกแบบให้คล้ายบ้านเดี่ยวยกระดับ เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนในการย้ายประชาชนที่อยู่อาศัยในบริเวณนี้มานาน ทำให้วิถีชีวิตไม่ได้รับผลกระทบจากการรื้อย้ายบ้านหรือชุมชนบางส่วนออกไป นอกจากนั้น ชุมชนในพื้นที่เดิมบางส่วนยังเป็นชุมชนแออัด ซึ่งหากสามารถสร้างใหม่ให้มีความสูงเพิ่มขึ้น ทำให้ประชาชนผู้ถูกเวนคืนได้รับผลกระทบน้อยและได้ประโยชน์จากการมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นในการอยู่อาศัย ย่อมทำให้ประชาชนยินยอมรับการเวนคืน
          นอกจากนี้รัฐบาลยังอาจพิจารณาสร้างทางด่วนใต้ดินในช่วงบริเวณดังกล่าว โดยสร้างอยู่ใต้คลองแสนแสบอีกชั้นหนึ่ง ทั้งนี้อาจสร้างทางด่วนใต้ดิน 2 ชั้น เป็นช่องขาไปและขากลับ และบางส่วนอาจล้ำเข้ามาในแดนกรรมสิทธิ์ของเจ้าของที่ดินในเขตชุมชนแออัด ซึ่งเป็นชุมชนดั้งเดิมบ้าง และสมควรจ่ายค่าทดแทนตามสมควร แต่คาดว่าคงเป็นเงินไม่มากนักสำหรับการลงทุน เนื่องจากที่ดินในชุมชนแออัดย่อมมีศักยภาพในการพัฒนาในทางอื่นต่ำ มูลค่าจึงไม่สูงเช่นเดียวกับที่ดินใจกลางเมืองผืนอื่น ๆ ที่อยู่บริเวณใกล้เคียง


กระทู้: เวนคืนวังสระปทุม แค่คิดก็ผิดแล้ว
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 30 มิ.ย. 14, 17:54
ตั้งแต่ปี 2532 ใครนะเป็นรัฐบาลในช่วงนั้น?

จำได้แต่ว่าปี 2535 มีเหตุการณ์ประท้วงพล.อ. สุจินดา เป็นนายกเกิดขึ้น นึกไม่ออกครับว่ารัฐบาลของใคร? น่าจะเป็นพล.อ.ชาติชายหรือเปล่า?

..ไม่เชี่ยวชาญ chronology เหมือนบรรดาสมาชิกในนี้เสียด้วย 8)

รัฐบาลพลเอกชาติชาย ชุณหะวัณ ค่ะ


กระทู้: เวนคืนวังสระปทุม แค่คิดก็ผิดแล้ว
เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 30 มิ.ย. 14, 18:18
ผมไม่สนใจว่ารัฐบาลไหน นักการเมืองที่เห็นๆล้วนเห็นแก่ประโยชน์ส่วนตน ไว้ใจไม่ได้ทั้งนั้น
 
อ้างถึง
ตามที่มีพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืนในท้องที่เขตราชเทวี และเขตปทุมวัน กรุงเทพมหานคร พ.ศ. 2554 เมื่อวันที่ 30 ธันวาคม 2554 ซึ่งเป็นการต่ออายุพระราชกฤษฎีกาเดิมนั้น อาจก่อให้เกิดความสับสนในหลายประการ ได้แก่
          1. พระราชกฤษฎีกานี้เป็นพระราชกฤษฎีกาใหม่หรือไม่ ซึ่งไม่ใช่ เพราะในความเป็นจริงเป็นการออกตามพระราชกฤษฎีกาเดิมที่หมดอายุลงไปหลายฉบับแล้ว โดยคงสาระเดิมไว้ทุกประการ
นี่คือแผนที่ท้ายพระราชกฤษฎีกาที่ว่า ไม่ได้เป็นเส้นคู่ขนานเช่นแนวถนน แต่เป็นพื้นที่ที่มีเส้นรอบรูปแบบอิสระ ยึกยักไปตามพื้นที่ที่เล็งไว้ว่าจะเวนคืน อาจจะเป็นส่วนที่เป็นด่านขึ้นลง


กระทู้: เวนคืนวังสระปทุม แค่คิดก็ผิดแล้ว
เริ่มกระทู้โดย: ประกอบ ที่ 30 มิ.ย. 14, 18:32
เพิ่มเติมข้อมูลว่า เมื่อมีการออกพระราชกฤษฎีกาเมื่อปี 2532 รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมขณะนั้นคือนายมนตรี พงษ์พานิช

ชื่อนายมนตรี  คงไม่มีอะไรต้องสงสัยอะไรอีกแล้ว ว่าโครงการจะมีนอกมีในหรือเปล่า  ชื่อนี้การันตีคุณภาพระดับอเวจีเรียกพี่

จริงๆ อ่านข่าวนี้  ตัดเรื่องที่อีตาผู้ว่าฯ ออกมาโกหก ผมก็ออกจะเห็นใจผู้บริหารการทางชุดปัจจุบันเหมือนกัน เพราะต้องรับมรดกบาปมาจากอดีต เพราะทางด่วนบ้านเรานี่ก็แปลกๆ อย่างทางด่วนขั้นที่ 1 รัฐบาลลงทุนสร้างเอง แต่กลับไปยกให้เป็นส่วนหนึ่งของสัมปทานแก่เอกชนไปด้วย แทนที่คนที่จะใช้บริการแค่ทางด่วนขั้นที่ 1 ที่ถอนทุนค่าก่อส้รางไปนานแล้ว ต้องมาจ่ายค่าผ่านทางแพงๆ ให้กำไรบริษัทเจ้าของสัมปทานไป

ผมยังมองโลกในแง่ดีว่า ที่มีการต่อพระราชกฤษฎีกาไปเรื่อยๆ ไม่ได้มีจุดประสงค์จะเวนคืนที่ดินจริง เพียงแต่ต้องทำเพื่อป้องกันไม่ให้เจ้าของสัมปทานฟ้องรัฐข้อหาผิดสัญญามากกว่า เลยยื้อซื้อเวลากันไปเรื่อยๆ


กระทู้: เวนคืนวังสระปทุม แค่คิดก็ผิดแล้ว
เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 30 มิ.ย. 14, 18:38
เดี๋ยวจะกล่าวถึงเรื่องมองโลกในแง่ดีต่อไป
อ้างถึง
2. พระราชกฤษฎีกานี้เวนคืนวังสระประทุมหรือสถานที่สำคัญอื่นด้วยหรือไม่ ซึ่งไม่มีการเวนคืนวังสระประทุม แต่เนื่องจากแนวเขตที่กำหนด กำหนดไว้กว้างตาม “ประเพณี” การออกพระราชกฤษฎีกา ซึ่งมักออกพระราชกฤษฎีกากว้างกว่าความเป็นจริง ทั้งที่แนวเวนคืนอาจกว้างเพียง 100 เมตร เป็นต้น ดังนั้นในอนาคต ควรที่หน่วยราชการที่รับผิดชอบการเวนคืน กำหนดเขตการเวนคืนจริงให้ชัดเจน ไม่เช่นนั้น ผู้อยู่ในเขตเวนคืนที่กว้างเกินความเป็นจริงอาจตกใจ และที่สำคัญ ทำให้ไม่สามารถขายทรัพย์สินได้เนื่องจากผู้ซื้ออาจไม่กล้าซื้อด้วยเกรงจะถูกเวนคืนนั่นเอง

มาดูลิ่วล้อตะแบงกันเข้าไปก่อน
ท่านทั้งหลายโปรดดูกันให้ชัดๆว่ามันไม่ใช่แนวเวนคืนกว้างร้อยเมตร แต่มันเป็นแผนที่ที่กะจะฮุบบางส่วนของวังและวัดไปทั้งวัด


กระทู้: เวนคืนวังสระปทุม แค่คิดก็ผิดแล้ว
เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 30 มิ.ย. 14, 18:53
อ้างถึง
ผมยังมองโลกในแง่ดีว่า ที่มีการต่อพระราชกฤษฎีกาไปเรื่อยๆ ไม่ได้มีจุดประสงค์จะเวนคืนที่ดินจริง เพียงแต่ต้องทำเพื่อป้องกันไม่ให้เจ้าของสัมปทานฟ้องรัฐข้อหาผิดสัญญามากกว่า เลยยื้อซื้อเวลากันไปเรื่อยๆ
คุณประกอบครับ ในโลกของความเป็นจริง การเวนคืนที่มีผู้คัดค้าน(ตอนนั้นคือเรื่องชุมชนบ้านครัว)จนรัฐไม่กล้าฝืนสร้าง คู่สัญญาต้องเจรจากันแล้วว่าจะเอาอย่างไร เอกชนเป็นผู้ลงทุนมีความเสี่ยงต่อการสูญเสียเงินลงทุนอันเป็นความหายนะ เขาไม่กล้าเป็นศัตรุกับมวลชนพอๆกับรัฐ ทุกปัญหามันมีทางออกเสมอ แนวถนนมันแก้บนกระดาษ แก้ง่าย สุดท้ายไม่รู้รัฐบาลไหนแถลงว่าทางด่วนบ้านครัวยกเลิกไม่ทำแล้ว ไม่เห็นมีข่าวว่าเจ้าของสัมประทานจะฟ้อง

แต่นี่มันหมกเม็ด สถานที่ที่มีความสำคัญพอๆกับชุมชนบ้านครัว คือวังสระปทุมและวัดสระปทุม ไม่ได้แอะเป็นข่าวเลยถ้าท่านใหม่ท่านไม่ทรงระเบิดออกมา ถ้ามันสำเหนียกกันว่าจะมีปัญหา ทำไมมันไม่แก้แบบแก้แนวเลี่ยงไปทางอื่น ทิ้งไว้ตั้งหลายสิบปี ต่ออายุมันไปเรื่อยๆทุกรัฐบาล มันต้องไม่เกี่ยวกับบริษัทผู้รับสัมประทาน
 
ไอ้ทางยกระดับโฮปเวรเขายังทุบทิ้งให้เจ๊กการ์ดอนวูฟ้องได้ฟ้องไป(ฝีมือนายมนตรีเหมือนกัน) ปัญหาที่เวนคืนตรงนี้เป็นเรื่องคอขาดบาดตายกว่าแยะ ผมอยากรู้ว่าผู้รับสัมประทานเป็นใคร ทำไมต้องกลัว


กระทู้: เวนคืนวังสระปทุม แค่คิดก็ผิดแล้ว
เริ่มกระทู้โดย: ประกอบ ที่ 30 มิ.ย. 14, 19:25
เจ้าของสัมปทานทางด่วนคือบริษัท ทางด่วนกรุงเทพ จำกัด (บีอีซีแอล) ครับ ที่ทางด่วนต้องขึ้นราคาทุกๆ 5 ปี และยกทางด่วนขั้นที่ 1 ไปให้บริษัทนี้บริหารจัดการหากำไรทั้งที่ไม่ใช่ผู้ลงทุนทำขั้นที่ 1 ก็เพราะสัญญาที่การทางพิเศษไปทำไว้กับบริษัทนี้แหละครับ ส่วนรายละเอียดสัญญาต่างๆ เป็นอย่างไรผมก็ไม่รู้แน่ชัด แต่คิดว่าการแก้ไขสัญญาหรือยกเลิกข้อตกลงบางอย่าง อาจเป็นช่องทางให้รัฐต้องเสียค่าโง่ก้อนโตได้ เลยต้องยื้อเวลาไปเรื่อยๆ เพราะดูเหมือนเมืองไทยเรา สัญญาสัมปทานที่มีมูลค่าสูง ดูเหมือนรัฐจะไปเซ็นแบบเสียเปรียบเอกชนตลอด  อย่างโฮปเวรนั่นเราก็เสียค่าโง่ชดเชยให้เค้าไปหลายพันล้านหรือหมื่นล้านผมจำไม่ได้แน่ครับ ก็นายมนอเวจีตรีศรีนรกเจ้าเก่านี่แหละ ตัวทำสัญญาเสียเปรียบไว้ ถ้าจำไม่ผิดเป็นสัญญาแบบว่าไม่มีกำหนด มันจะสร้างเสร็จเมื่อไหร่ก็ได้ เราขอยกเลิกสัญญาก็ไม่ได้ เลยต้องเอาภาษีคนไทยก้อนโตมากๆ นี่แหละไปจ่ายเป็นค่ายกเลิกสัญญา

กรณีทางด่วนนี่ผมเองก็ไม่รู้ว่านักการเมืองกับนักธุรกิจไปตกลงอะไรกันลึกๆ ไว้อย่างไร หรือสัญญามีการหมกเม็ดอะไรไว้บ้าง  เพราะผู้เกี่ยวข้องบางคนก็ลงนรกกันไปแล้ว นี่ถ้าไม่ติดวัง ได้อาศัยบารมีสมเด็จพระเทพฯ ลำพังมีแต่ชาวบ้านครัวสู้อยู่ฝ่ายเดียว ผมคิดว่าวันนี้คงไม่มีชุมชนบ้านครัวเหลืออยู่นานแล้วหละครับ


กระทู้: เวนคืนวังสระปทุม แค่คิดก็ผิดแล้ว
เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 30 มิ.ย. 14, 20:52
ชื่อบริษัทอย่างเดียวมันไม่บอกอะไร ต้องไปดูว่าบริษัท ทางด่วนกรุงเทพ จำกัด (บีอีซีแอล)ใครเป็นผู้ถือหุ้น นักลงทุนแท้ๆส่วนหนึ่งละ  อีกส่วน นักการเมืองมันก็ใช้nomineeเป็นผู้ถือหุ้นแทนมีเอี่ยวกับเขาด้วย ก็ไม่แน่นะ ขยะใต้พรมบางทีก็ปิดไม่มิด

ผมยังไม่ปักใจ ตอนเซ็นสัญญา เส้นทางมันน่าจะเป็นแค่ประมาณการที่ต้องมีความยืดหยุ่นพอสมควร ใครจะไปกล้าผูกมัดในสิ่งที่ต้องเกี่ยวข้องกับความเดือดร้อนของชาวกรุงนับพันนับหมื่น แบบมันต้องแก้ได้ครับ ไม่มีทางตายตัวตั้งแต่เริ่มแรก แล้วจะมาปรับอะไรกัน


กระทู้: เวนคืนวังสระปทุม แค่คิดก็ผิดแล้ว
เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 30 มิ.ย. 14, 21:00
จะบอกคุณประกอบอีกอย่างหนึ่งว่า กรณีย์ที่ข้อเท็จจริงดิ้นได้เช่นนี้ ฟ้องร้องเอาผิดกันยากครับ ขอบอก

 "คมนาคม-รฟท.”เฮ! ไม่ต้องจ่ายค่าโง่ “โฮปเวลล์”

เรื่องโดย Nation TV | ภาพโดย Nation TV

วันที่ 13 มีนาคม 2557

13 มี.ค.57 - ศาลปกครองกลาง พิพากษาเพิกถอนคำชี้ขาดอนุญาโตตุลาการ "คมนาคม-รฟท.”เฮ! ไม่ต้องจ่ายค่าโง่ “โฮปเวลล์” 11,888 ล้านบาท
ศาลปกครองกลาง ถนนแจ้งวัฒนะ -13 มี.ค.2557-- เวลา 11.00 น.ศาลมีคำพิพากษาเพิกถอนคำวินิจฉัยชี้ขาดคณะอนุญาโตตุลาการ ในข้อพิพาทหมายเลขดำ 119/2547 และ 44/2550 ระหว่าง กระทรวงคมนาคม และการรถไฟแห่งประเทศไทย ( รฟท.) กับ บริษัทโฮปเวลล์ประเทศไทย จำกัด คู่สัญญาสัมปทานระบบการขนส่งทางรถไฟและถนนยกระดับในกทม. เมื่อวันที่ 30 ก.ย. 51 และ 15 ต.ค. 51 ที่อนุญาโตชี้ขาดให้คมนาคมและรฟท.ต้องชดใช้เงินค่าเสียหายรวมจำนวน 11,888 ล้านบาท พร้อมดอกเบี้ยร้อยละ 7.5 ต่อปี ให้กับโฮปเวลล์ กรณีบอกเลิกสัญญา

http://www.nationtv.tv/main/content/politics/378398432/ (http://www.nationtv.tv/main/content/politics/378398432/)


กระทู้: เวนคืนวังสระปทุม แค่คิดก็ผิดแล้ว
เริ่มกระทู้โดย: ประกอบ ที่ 30 มิ.ย. 14, 21:06
ปัญหาหนึ่งคือไอ้บริษัท BECL นี่มันจดทะเบียนในตลาดหุ้นด้วยครับ   ถ้าผมจำไม่ผิดมักจะมีข้ออ้างนึงที่พวกผู้บริหารบริษัทหัวหมอมักจะใช้กัน เวลาที่ต้องมีการแก้ไขเปลี่ยนแปลงสัญญาต่างๆ ที่บริษัทมีกับรัฐ คือถ้าสัญญานั้นทำให้บริษัทเสียผลประโยชน์ได้  ผู้บริหารก็จะอ้างว่าต้องปกป้องผู้ถือหุ้น จึงไม่อาจแก้ไขสัญญาได้  เพราะผู้บริหารจะโดนผู้ถือหุ้นฟ้องร้องเอาได้ เป็นอะไรทำนองนี้แหละครับ  เลยเป็นที่มาของการซุกขยะไว้ใต้พรมกันไปเรื่อยๆ ยื้อเวลากันเข้าไป เพราะไม่มีใครอยากแตะเผือกร้อน เลยจะรอสัมปทานหมดแทน ยกเว้นกรณีที่สัญญาเป็นแบบมหาโกงไม่มีทางเลี่ยงหรือยื้อแล้วยิ่งแย่แบบโฮปเวร อันนั้นรัฐก็ต้องกัดฟันกลืนเลือดไป

ส่วนถ้าจะเปลี่ยนกฏหมาย ใช้วิธีเผด็จการหน่อย คือรัฐมีอำนาจเปลี่ยนสัญญาต่างๆ ได้ตามอำเภอใจ ก็จะกระทบต่อการลงทุนในส่วนอื่นๆ ที่ไม่เกี่ยวข้องทั้งหมด ทำให้นักลงทุนต่างๆ กลัวและเข็ดขยาด ต่อไปจะไม่มีใครกล้ามาลงทุนหรือทำสัญญากับรัฐบาลไทยอีก ผลกระทบต่อเนื่องเป็นลูกโซ่  เปลี่ยนกฏหมายให้คดีคอรัปชั่นไม่มีอายุความ  ต่อให้ศาลฏีกาตัดสินไปแล้วแต่ถ้าเจอหลักฐานใหม่ ก็ให้ดำเนินคดีใหม่ได้ แบบนี้ยังพอจะมีทางเป็นไปได้มากกว่าหนะสิครับ

ฮิฮิ เห็นมีควมเห็นใหม่ท่านนวรัตน ว่าศาลปกครองตัดสินว่าค่าโง่โฮปเวรไม่ต้องเสีย อันนี้ขอตามไปอ่านก่อนนะครับ เพราะเหมือนเคยอ่านผ่านตานานมาแล้วว่าจ่ายไปแล้ว


กระทู้: เวนคืนวังสระปทุม แค่คิดก็ผิดแล้ว
เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 30 มิ.ย. 14, 21:47
สัญญาเขียนว่าอย่างไรยังไม่รู้ แล้วจะมารื้อวังรื้อวัดก็เป็นเรื่องแน่

แค่มุสลิมไม่กี่ครัวเรือน รัฐก็ถอยทางด่วนบ้านครัวมาแล้ว ไม่เห็นใครมาปรับสินไหมอะไร คุณประกอบอย่าเป็นห่วงแทนเขาเลยครับ


กระทู้: เวนคืนวังสระปทุม แค่คิดก็ผิดแล้ว
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 30 มิ.ย. 14, 21:51
น่าจะมีการตรวจสอบโครงการของการทางพิเศษนี้อย่างจริงจังบ้าง ว่าทำอะไรไปบ้าง   และกำลังจะทำอะไรต่อไป     บางทีปัญหาที่อึมครึมอยู่อาจโปร่งใสขึ้นได้นะคะ  ไม่งั้นพูดกันคนละทาง ประชาชนก็งง ไม่รู้จะเชื่อใคร

ตอนนี้ มีคำสั่งของคสช.ฉบับที่45 /2557 แต่งตั้งคณะกรรมการติดตามและตรวจสอบการใช้จ่ายงบประมาณภาครัฐ (คตร.) มีอำนาจเข้าไปตรวจสอบโครงการหรือการใช้งบประมาณของหน่วยงานรัฐได้ทุกโครงการ โดยเฉพาะโครงการที่เกี่ยวข้องกับความเป็นอยู่ของประชาชนและการพัฒนาประเทศ   ผลการพิจารณาใดๆไม่ต้องอ้อมค้อมนำเสนอหน่วยงานต่างๆ  ที่อาจไปติดเข้าตรงไหนก็ได้  แต่สามารถยิงลูกตรงขึ้นต่อพลเอกประยุทธ์ได้เลย
      
อำนาจของคตร.มีอีกอย่างคือเสนอแนะเพื่อให้มีการดำเนินการในลักษณะที่เป็นคุณหรือเป็นโทษแก่เจ้าหน้าที่ของรัฐ หรือบุคคลที่เกี่ยวข้องได้   ถ้าหากว่ามีอะไรทะแม่งที่ต้องสอบสวนขยายผลทางลึก  ก็จะส่งไปให้ป.ป.ช.หรือสำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน แล้วแต่จะเกี่ยวกับหน่วยงานไหนมากกว่ากัน

ถ้าทำได้ อาจได้คำตอบเรื่องโครงการทางด่วนพิเศษให้หายสงสัยกันเสียที   ดำเนินการไปแค่ไหน  หมดงบประมาณไปเท่าไหร่แล้ว
แล้วเรื่องบริษัทคู่สัญญาก็จะโผล่ออกมาเองละค่ะ ว่าฟ้องได้ฟ้องไม่ได้ยังไง

      


กระทู้: เวนคืนวังสระปทุม แค่คิดก็ผิดแล้ว
เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 30 มิ.ย. 14, 21:57
ก็ได้แต่เรียกร้องในเรือนไทยนี่แหละครับ ไม่ทราบจะสะท้อนถึงท่านได้อย่างไร


กระทู้: เวนคืนวังสระปทุม แค่คิดก็ผิดแล้ว
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 30 มิ.ย. 14, 21:59
ไปหามาให้แล้วค่ะ


กระทู้: เวนคืนวังสระปทุม แค่คิดก็ผิดแล้ว
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 30 มิ.ย. 14, 23:22
หรือสายด่วน


กระทู้: เวนคืนวังสระปทุม แค่คิดก็ผิดแล้ว
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 30 มิ.ย. 14, 23:23
ได้ผลยังไงมาเล่าให้ฟังบ้างนะคะ


กระทู้: เวนคืนวังสระปทุม แค่คิดก็ผิดแล้ว
เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 01 ก.ค. 14, 09:23
จัดการโยงกระทู้ไปยังช่องทางที่ชี้ไว้ให้แล้วครับ ที่เหลือคือภาวนาให้ท่านอ่าน และแก้ไขในสิ่งที่พึงควร

ขอบคุณท่านที่แสดงความเห็นในกระทู้ทุกท่านครับ


กระทู้: เวนคืนวังสระปทุม แค่คิดก็ผิดแล้ว
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 01 ก.ค. 14, 09:30
มีอีกทางหนึ่ง

ถ้าท่าน NAVARAT.C  สามารถ add friend กับหม่อมเจ้าจุลเจิมทาง Facebook ได้ 
https://www.facebook.com/chulcherm.yugala?fref=ts (https://www.facebook.com/chulcherm.yugala?fref=ts)
ส่งให้ท่านชายโดยตรง ท่านอาจจะไปต่อเรื่องได้เองค่ะ


กระทู้: เวนคืนวังสระปทุม แค่คิดก็ผิดแล้ว
เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 01 ก.ค. 14, 11:19
ได้ผลมาแล้วครับ
Delivery to the following recipient failed permanently:

      mcpo.2014@gmail.com

 Technical details of permanent failure:
 The email account that you tried to reach does not exist. Please try double-checking the recipient's email address for typos or unnecessary spaces. Learn more at http://support.google.com/mail/bin/answer.py?answer=6596 (http://support.google.com/mail/bin/answer.py?answer=6596)

ระโยงไปfacebookหม่อมเจ้าจุลเจิม ทำแต่วันแรกแล้วครับ


กระทู้: เวนคืนวังสระปทุม แค่คิดก็ผิดแล้ว
เริ่มกระทู้โดย: ninpaat ที่ 01 ก.ค. 14, 11:41
คือ email address ที่ท่านอาจารย์ใช้ ผิดที่อักษรตัวแรก น่ะครับ

จะต้องเป็น ncpo.2014@gmail.com ไม่ใช่ mcpo.2014 ครับ


กระทู้: เวนคืนวังสระปทุม แค่คิดก็ผิดแล้ว
เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 01 ก.ค. 14, 11:56
ขอบคุณที่แจ้งคำผิด ได้แก้ไขและส่งแล้วครับ


กระทู้: เวนคืนวังสระปทุม แค่คิดก็ผิดแล้ว
เริ่มกระทู้โดย: scarlet ที่ 01 ก.ค. 14, 12:10
ขอให้กรณีนี้จบลงด้วยดี
ที่สมเด็จพระเทพฯท่านคิดหนทางแก้ไข สุภาพเป็นที่สุดแล้วครับ


กระทู้: เวนคืนวังสระปทุม แค่คิดก็ผิดแล้ว
เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 01 ก.ค. 14, 12:22
ด้วยความเคารพ
หมายความว่า ที่ท่านจะเสด็จไปประทับที่ "บ้าน"ใหม่เล็กๆ ที่ต่อไปใครจะได้ไม่ไปยึดของพระองค์ท่านอย่างนั้นหรือครับ


กระทู้: เวนคืนวังสระปทุม แค่คิดก็ผิดแล้ว
เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 01 ก.ค. 14, 12:36
ข่าวล่า

เราได้รับข้อมูลของท่านแล้ว ขอบคุณที่กรุณาแจ้งข้อมูลที่เป็นประโยชน์
คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.)


กระทู้: เวนคืนวังสระปทุม แค่คิดก็ผิดแล้ว
เริ่มกระทู้โดย: scarlet ที่ 01 ก.ค. 14, 12:38
ผมหมายความว่าท่านมีสิทธิมากมาย แต่ก็ทรงอดทน ยังดีที่มีคนเห็นพระทัย

หน่วยงานที่เกี่ยวข้องก็ช่างกะไร อย่างนี้เรียกว่าซุ่มซ่ามหรือเปล่าครับ?



กระทู้: เวนคืนวังสระปทุม แค่คิดก็ผิดแล้ว
เริ่มกระทู้โดย: prahnmongkol ที่ 01 ก.ค. 14, 15:03
ถ้าต้องมีการเดินขบวนหรือลงชื่อคัดค้าน  ขอเข้าร่วมด้วยคนเถิด  (เสียใจที่ได้ยินข่าวน่าเกลียด อุบาทว์อะไรอย่างนี้)
 :(


กระทู้: เวนคืนวังสระปทุม แค่คิดก็ผิดแล้ว
เริ่มกระทู้โดย: พนักงานชาวที่ ที่ 01 ก.ค. 14, 17:44
บ้านที่เชียงใหม่ท่านทรงซื้อไว้มาหลายปีแล้วครับไม่ใช่เพิ่งซื้อ แต่ว่าทิ้งไว้นานเพิ่งไปบูรณะใหม่เมื่อสองปีที่แล้ว และซื้อทาวน์เฮาท์เล็กๆเพิ่มสองห้องสำหรับให้ข้าราชบริพารพักเวลาที่เสด็จไปประทับ ครั้งใดที่เสด็จฯไปก็จะเสด็จพระราชดำเนินออกกำลังพระวรกายรอบๆหมู่บ้าน แวะพูดคุยทักทายเพื่อนบ้านอย่างเป็นกันเองไม่ถือพระองค์ พระราชทานเลี้ยงขันโตก ออกร้านอาหารต่างๆเลี้ยงเพื่อนบ้านและครอบครัวอย่างเป็นกันเองเพื่อนบ้านก็ทำขนม ทำอาหารมาถวาย ทำอาหารมาทานร่วมกัน ประดิษฐ์สิ่งของเอามาถวาย ส่วนเรื่องกรณีออกพระราชกฤษฎีกาเวรคืนครั้งแรกตั้งแต่ปี 2530 ตอนนั้นสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ ท่านยังประทับอยู่พระตำหนักจิตรลดาเลยครับ เพิ่งย้ายไปวังสระปทุมเมื่อสิบกว่าปีนี่เอง


กระทู้: เวนคืนวังสระปทุม แค่คิดก็ผิดแล้ว
เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 01 ก.ค. 14, 18:55
^
ที่คุณพนักงานชาวที่เขียนมานี่ แค่ต้องการเล่าให้ผู้อ่านเฉยๆ หรือมีนัยยะเกี่ยวกับการเวนคืนวังสระปทุมอย่างไรหรือครับ เห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วย ?


กระทู้: เวนคืนวังสระปทุม แค่คิดก็ผิดแล้ว
เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 01 ก.ค. 14, 19:15
ผมไม่ต้องการให้กระทู้นี้เป็นกระทู้การเมืองนะครับ แต่ก็ตัดสินใจเอาข้อมูลข้างล่างลงไว้แบบเต็มๆ เพราะผู้เขียนห้ามตัดทอนข้อความ แต่เอามาทั้งหมดท่านไม่ว่า

จากเว็บนี้ครับ

https://www.facebook.com/media/set/?set=a.249014745288560.1073742026.187529244770444&type=1 (https://www.facebook.com/media/set/?set=a.249014745288560.1073742026.187529244770444&type=1)


กระทู้: เวนคืนวังสระปทุม แค่คิดก็ผิดแล้ว
เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 01 ก.ค. 14, 19:17
ไขปริศนา..ที่แท้รัฐบาลเผาไทย เวนคืนวังสระปทุมพระเทพทำทางด่วน
อัพเดทล่าสุดเมื่อ เมื่อวันอาทิตย์

วันที่ 27 มิ.ย.57 ไขปริศนา..ที่แท้รัฐบาลเผาไทยปูเน่า เวนคืนวังสระปทุมพระเทพฯ ทำทางด่วน

พลันที่ พล.ต.ม.จ.จุลเจิม ยุคล หรือ ท่านใหม่ ผู้ซึ่งเป็นพระโอรสลำดับที่ 4 ในพระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าอนุสรมงคลการ กับหม่อมอุบล ยุคล ณ อยุธยา เผยแพร่ข้อความผ่านโซเชี่ยลเน็ตเวร์ค ว่า สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา สยามบรมราชกุมารี ทรงซื้อที่ดินแปลงเล็กๆ ที่จังหวัดเชียงใหม่ เพื่อทรงปลูกบ้าน โดยเป็นการใช้พระราชทรัพย์ส่วนพระองค์ ในการซื้อที่ดินแปลงนี้

ข้อความดังกล่าว ความว่า “ ผมได้รับทราบเรื่องจากผู้ใกล้ชิดสมเด็จพระเทพฯ มาว่า ท่านทรงซื้อที่ดินแปลงเล็ก ในจังหวัดเชียงใหม่ และท่านทรงรับสั่งว่า จะปลูกบ้านหลังเล็ก ๆ , ขอย้ำนะครับ ปลูกบ้าน ท่านรับสั่งว่า ไม่ปลูกวัง เพราะต่อไปเขา ( เขา??? ) จะไล่ฉัน ไม่ให้อยู่วังแล้ว จึงใช้พระราชทรัพย์ส่วนพระองค์ซื้อเอง , เหตุที่สมเด็จพระเทพฯ ใช้พระราชทรัพย์ส่วนพระองค์ซื้อที่ดิน ท่านรับสั่งว่าเขาจะได้มายึดไม่ได้ ผมได้ฟังแล้วรู้สึกตีบตันในลำคอ ขอบตาร้อนผ่าว

สงสารท่านเหลือเกินแล้ว พระบิดาทรงงานหนักเพื่อชาติและประชาชนมาตลอด แต่สุดท้ายจะไม่มีอะไรเหลือ ผมในฐานะปวงชนชาวไทย ขอกล่าวคำสัตย์สาบาน ด้วยชีวิต ณ ที่นี้ว่า ผมจะไม่ยอมให้มัน ไอ้ อี ผู้ใด มากระทำต่อพระองค์เยี่ยงนั้นได้ สถาบันพระมหากษัตริย์จะต้องธำรงอยู่คู่ประเทศไทย ตราบนานเท่านาน..ใครเล่าเหวยจะร่วมสู้กับกูบ้าง “..

ก็เกิดคำถามขึ้นในใจคนไทยทุกคน ว่าที่มาที่ไปเรื่องนี้เป็นอย่างไรกันแน่ ใครกลุ่มไหนกัน ที่กล้าอาจหาญกระทำการมิบังควรเช่นนี้ ก่อนจะมีคำเฉลยปริศนานี้ มาดูประวัติความเป็นมา “ วังสระสระปทุม “ ที่เป็นที่ประทับของ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ก่อนว่ามีความสำคัญต่ออารยธรรมประวัติศาสตร์ชาติไทยอย่างไร

วังสระปทุม ตั้งอยู่บริเวณ ถ.พระรามที่ 1 และถนนพญาไท กรุงเทพมหานคร ตั้งอยู่บริเวณเขตปทุมวัน กรุงเทพมหานคร โดยอาณาเขตทางด้านทิศเหนือ ติดคลองแสนแสบ ทิศตะวันออกติดคลองอรชร ริมวัดปทุมวนารามราชวรวิหาร ทิศใต้ติด ถ.พระรามที่ 1 และทิศตะวันตกติดถนนพญาไท ปัจจุบันอยู่กลางย่านเศรษฐกิจที่คึกคัก ในเขตปทุมวัน

สมัย พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ 5) มีพระราชดำริ จะพระราชทานที่ดินบริเวณถนนปทุมวัน หรือถนนพระรามที่ 1 ให้เป็นสถานที่สร้างวัง ของสมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้ามหิดลอดุยเดช กรมขุนสงขลานครินทร์ พระราชโอรสซึ่งประสูติแต่สมเด็จพระศรีสวรินทิราบรมราชเทวี พระพันวัสสาอัยยิกาเจ้า

แต่เนื่องจากในขณะนั้นพระองค์ได้เสด็จไปศึกษาต่อที่สหรัฐอเมริกา จึงยังไม่มีการสร้างพระตำหนักขึ้น ตราบกระทั่งพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวเสด็จสวรรคต หลังจากนั้น พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ 6) จึงได้พระราชทานสิทธิ์ในที่ดินให้เป็นของสมเด็จพระเจ้าน้องยาเธอ เจ้าฟ้ามหิดลอดุยเดช กรมขุนสงขลานครินทร์ในเวลาต่อมา

หลังจากการเสด็จสวรรคตของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว นั้น สมเด็จพระศรีสวรินทิราบรมราชเทวี พระพันวัสสาอัยยิกาเจ้าได้เสด็จออกมาประทับภายนอก พระบรมมหาราชวัง พระองค์โปรดฯ ที่ดินบริเวณนี้มาก ถึงแม้ว่าในขณะนั้นบริเวณประทุมวัน ถือว่าเป็นที่ดินที่อยู่ห่างไกลจากความเจริญ รวมทั้งการคมนาคมก็ลำบากมาก

พระองค์ทรงเตรียมการปลูกพระตำหนัก เพื่อจะเสด็จมาประทับอยู่เป็นการถาวร โดยพระองค์ทรงคิดผังพระตำหนักเอง ทั้งเรื่องทิศทางการวางตำแหน่งของอาคาร เนื่องจากทรงมีความรู้เรื่องทิศทางลมและฤดูกาลเป็นอย่างดี ทรงใช้ก้านไม้ขีด หางพลูเรียงเป็นรูปร่างห้อง และให้หม่อมเจ้าจันทรนิภา เทวกุล เขียนร่างเอาไว้ และส่งให้สถาปนิกออกแบบถวายตามพระราชประสงค์

พระตำหนักใหญ่นี้จึงได้รับแสงแดดและมีการถ่ายเทอากาศได้ดี ห้องทุกห้องได้รับลมเสมอกัน ในระหว่างการก่อสร้างพระตำหนักนั้น พระองค์ได้เสด็จมาประทับ ณ พลับพลาไม้ริมคลองแสนแสบ ซึ่งเป็นที่ประทับชั่วคราวบ่อย ๆ เมื่อพระตำหนักสร้างเสร็จแล้ว สมเด็จพระพันวัสสาอัยยิกาเจ้าได้เสด็จเข้าประทับ ณ วังสระปทุมเป็นการถาวรตราบจนเสด็จสวรรคตเมื่อปี พ.ศ. 2498

บริเวณโดยรอบวังในสมัยนั้นเดิมเป็นที่สวน สมเด็จพระพันวัสสาอัยยิกาเจ้าโปรดให้ปลูกพืชผักหลายชนิด เช่น กล้วย มะม่วง ขนุน เป็นต้น โดยทรงนำผลผลิตต่าง ๆ ที่ได้นั้นสำหรับตั้งโต๊ะเสวย รวมทั้งพระราชทานผลผลิตทางการเกษตรเหล่านั้นไปยังวังเจ้านายต่าง ๆ ส่วนที่เหลือ เช่น ใบตอง เชือกกล้วย กล้วยสุก ได้นำออกจำหน่ายได้รายได้ปีหนึ่ง ๆ เป็นเงินหลายร้อยบาท โดยส่วนหนึ่งพระองค์ ทรงใช้สำหรับเลี้ยงดูข้าราชบริพารและทะนุบำรุงวังสระปทุม

หลังจากที่สมเด็จพระเจ้าน้องยาเธอ เจ้าฟ้ามหิดลอดุยเดช กรมขุนสงขลานครินทร์ทรงสำเร็จการศึกษากลับมายังประเทศไทยแล้ว สมเด็จพระพันวัสสาอัยยิกาเจ้า โปรดให้สร้างพระตำหนักขึ้นอีกหลังเพื่อใช้เป็นที่ประทับของพระราชโอรส โดยสมเด็จฯ เจ้าฟ้ากรมขุนสงขลานครินทร์ได้ประทับอยู่พระตำหนักนี้จนสิ้นพระชนม์เมื่อปี พ.ศ. 2472

วังสระปทุมยังคงใช้เป็นที่ประทับของสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี เรื่อยมาจนกระทั่งพระองค์เสด็จสวรรคตเมื่อปี พ.ศ. 2538 หลังจากนั้น พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดชทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานวังสระปทุมให้เป็นที่ประทับของ “ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี “ จนถึงปัจจุบัน

ปัจจุบัน พื้นที่ของวังแบ่งออกเป็น 2 ส่วน ได้แก่ ส่วนแรกเป็นพื้นที่ประทับของสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เป็นที่สงบเงียบ ปกคลุมด้วยต้นไม้ใหญ่นานาชนิด ส่วนที่ 2 เป็นพื้นที่ให้เช่าทำศูนย์การค้าห้างสรรพสินค้าต่าง ๆ เช่น สยามดิสคัฟเวอรี่เซ็นเตอร์ สยามเซ็นเตอร์ และสยามพารากอน สำหรับพื้นที่ส่วนที่เป็นที่ประทับของสมเด็จพระเทพฯ นั้น ประกอบด้วยพระตำหนักและเรือนต่าง ๆ ดังนี้

พระตำหนักใหญ่เป็นตำหนัก 2 ชั้น ก่ออิฐถือปูน ทาสีเหลืองทั้งองค์พระตำหนัก โดยมีลักษณะเด่นอยู่ที่ฝาผนังใกล้เพดานชั้นบนซึ่งเป็นปูนปั้นรูปดอกไม้ ตั้งอยู่เกือบกลางของวังสระปทุม สร้างขึ้นโดยสมเด็จพระพันวัสสาอัยยิกาเจ้า

พระตำหนักเขียว เป็นพระตำหนักแรก ที่สมเด็จพระพันวัสสาอัยยิกาเจ้าทรงสร้างขึ้นเพื่อใช้เป็นที่ประทับภายในวังสระปทุม สร้างแล้วเสร็จในปี พ.ศ. 2459 พระองค์จึงได้เสด็จประทับ ณ พระตำหนักแห่งนี้ พระตำหนักเขียวตั้งอยู่บริเวณริมคลองแสนแสบ เป็นพระตำหนักก่ออิฐถือปูน ทาสีเขียว เคยใช้เป็นที่ประทับของพระบรมวงศานุวงศ์หลายพระองค์ เช่น พระนางเจ้าสุวัทนา พระวรราชเทวีและสมเด็จพระเจ้าภคินีเธอ เจ้าฟ้าเพชรรัตนราชสุดา สิริโสภาพัณณวดี พระมเหสีและพระราชธิดาในพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว เคยเสด็จมาประทับเมื่อสมเด็จพระเจ้าภคินีเธอ เจ้าฟ้าเพชรรัตนราชสุดา สิริโสภาพัณณวดียังทรงพระเยาว์

พระตำหนักใหม่ หรือ พระตำหนักสมเด็จฯ เจ้าฟ้ากรมหลวงสงขลานครินทร์
หลังจากสมเด็จฯ เจ้าฟ้ากรมหลวงสงขลานครินทร์ ทรงสำเร็จการศึกษาจากสหรัฐอเมริกา พระองค์ได้เสด็จมาประทับที่วังสระปทุมเป็นการถาวร ดังนั้น สมเด็จพระพันวัสสาอัยยิกาเจ้าโปรดให้สร้างพระตำหนักแห่งนี้ขึ้นเพื่อใช้เป็นที่ประทับของพระราชโอรส โดยสมเด็จฯ เจ้าฟ้ากรมหลวงสงขลานครินทร์ทรงให้หม่อมเจ้าอิทธิเทพสรรค์ กฤดากรซึ่งทรงเคยรู้จักเมื่อประทับอยู่ต่างประเทศเป็นสถาปนิก โดยเริ่มก่อสร้างตั้งแต่ปี พ.ศ. 2467 รูปแบบของพระตำหนักมีลักษณะเป็นแบบอังกฤษ สร้างอย่างประณีตและอยู่สบาย

พิธีอภิเษกสมรสระหว่างสมเด็จฯ เจ้าฟ้ากรมขุนสงขลานครินทร์ (พระยศขณะนั้น) และคุณสังวาลย์ ตะละภัฏ (พระยศขณะนั้น) จัดขึ้น ณ วังสระปทุม เมื่อวันที่ 10 กันยายน พ.ศ. 2463 โดยพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว เสด็จพระราชดำเนินมาทรงเป็นองค์ประธานและพระราชทานน้ำสังข์ นอกจากนี้ ยังมีการจดทะเบียนเป็นหลักฐานตามแบบแผนของทางการราชสำนักด้วย

หลังจากนั้น สมเด็จพระพันวัสสาอัยยิกาเจ้าเสด็จออกในพระราชพิธีถวายน้ำพระพุทธมนต์เทพมนต์แด่สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและทรงรดน้ำพระพุทธมนต์เทพมนต์แด่หม่อมราชวงศ์สิริกิติ์ กิติยากรในการพระราชพิธีราชาภิเษกสมรสตามโบราณราชประเพณี ต่อมา สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวโปรดเกล้าฯ ให้อาลักษณ์อ่านประกาศสถาปนาหม่อมราชวงศ์สิริกิติ์ กิติยากรขึ้นเป็น "สมเด็จพระราชินี"

หลังจากสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารีเสด็จประทับ ณ วังสระปทุมแล้ว พระองค์ทรงระลึกถึงพระราชปรารภ แห่งพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ที่ทรงพระราชดำริว่าวังสระปทุมเป็นสถานที่สำคัญแห่งพระราชวงศ์และชาติ สมควรที่จะจัดตั้งเป็นพิพิธภัณฑ์ขึ้นเพื่อเป็นการเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระพันวัสสาอัยยิกาเจ้า พระองค์จึงทรงจัดตั้ง "พิพิธภัณฑ์สมเด็จพระพันวัสสาอัยยิกาเจ้า" ขึ้นภายในวังสระปทุม

เพื่อเป็นแหล่งศึกษาพระราชกรณียกิจของสมเด็จพระพันวัสสาอัยยิกาเจ้าอย่างถูกต้อง และครบถ้วน โดยทรงใช้พระตำหนักใหญ่ เป็นสถานที่ตั้งของพิพิธภัณฑ์ โดยสมเด็จพระเทพฯ เสด็จพระราชดำเนินไปในการเปิด “พิพิธภัณฑ์สมเด็จพระพันวัสสาอัยยิกาเจ้า” เพื่อน้อมเกล้าน้อมกระหม่อมถวายพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในโอกาสเฉลิมพระชนมพรรษา 80 พรรษา ณ พระตำหนักใหญ่ วังสระปทุม เมื่อวันที่ 17 ธันวาคม 2551

ภายใน “พระตำหนักใหญ่” หรือ “พิพิธภัณฑ์สมเด็จพระพันวัสสาอัยยิกาเจ้า” ได้จัดแสดงเป็นห้องต่างๆ ไว้เป็น 3 ช่วงเวลา ห้อง “ยุววัฒน์รัชกรณีย์” ภายในจัดแสดงอ่างสรงของในหลวง ที่ใช้สรงเมื่อทรงพระเยาว์ จดหมายลายพระหัตถ์ของพระบรมราชชนก จดหมายของสมเด็จย่า โทรเลขของสมเด็จพระพันวัสสา เป็นต้น ซึ่งจัดแสดงใน “ห้องพิธี” และ “ห้องรับแขก”

ห้องที่จัดแสดงในช่วงที่สอง “ราชประดิพัทธภิษิต” เป็นช่วงที่สมเด็จพระบรมราชชนก ทรงเสกสมรสและมีพระราชธิดาแล้วหนึ่งพระองค์ ทรงพาครอบครัวเสด็จฯ กลับจากประเทศอังกฤษและมาประทับอยู่ที่วังสระปทุมอีกวาระหนึ่ง การจัดสิ่งของเครื่องใช้ในห้องแสดงของพิพิธภัณฑ์ในช่วงนี้ ได้แก่ “ห้องเทา” และ “ห้องทรงพระอักษร”

ส่วนจัดแสดงในช่วงสุดท้าย “ราชกฤตย์กตัญญุตา” จัดแสดงใน “ห้องทรงพระสำราญ” “ห้องทรงนมัสการ” และ “ห้องพระบรรทม” เป็นช่วงเวลาที่สมเด็จพระบรมราชชนกมีพระราชโอรสเพิ่มขึ้นอีก 2 พระองค์ คือ พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรมหาอานันทมหิดล รัชกาลที่ 8 และพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลปัจจุบัน ทรงสำเร็จการศึกษาวิชาแพทย์ เสด็จกลับจากสหรัฐอเมริกาพร้อมครอบครัว

นอกจากนี้บริเวณ “เฉลียงพระตำหนักใหญ่ชั้นบน” ในช่วงปลายพระชนม์ชีพ สมเด็จพระพันวัสสาอัยยิกาเจ้าโปรดที่จะประทับตรงเฉลียงบนหน้าห้องพระบรรทม ซึ่งปัจจุบันจัดเป็นห้องทรงนมัสการ เมื่อทรงตื่นบรรทมแล้วจะเสด็จออกมาประทับที่เฉลียงตลอดทั้งวัน และเสวยพระกระยาหาร ณ ที่นี่ด้วย ซึ่งบริเวณนี้มีความสำคัญในประวัติศาสตร์ชาติไทยอย่างยิ่ง

เนื่องจากเป็นสถานที่ประกอบพระราชพิธีอันเป็นพระราชกรณียกิจสำคัญสุดท้ายแห่งพระชนม์ชีพของสมเด็จพระพันวัสสาอัยยิกาเจ้า คือ ทรงเป็นประธานในพิธีราชาภิเษกสมรสพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลปัจจุบัน และสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ในวันที่ 28 เมษายน พ.ศ. 2493 ทรงรับดอกไม้ธูปเทียนแพ และพระราชทานน้ำพระพุทธมนต์ เทพมนต์ และเจิมพระนลาฏแก่ทั้งสองพระองค์ ในการนี้สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงลงพระปรมาภิไธย ในทะเบียนสมรสและโปรดให้หม่อมราชวงศ์สิริกิติ์ กิติยากรลงนามในทะเบียนนั้น

ตรงข้ามวังสระปทุม เคยมีวังกลางทุ่ง หรือ วังวินเซอร์สยาม โดยภายหลังการเปลี่ยนแปลงการปกครองปี 2475 กลุ่มคณะราษฎร ได้ตั้งใจทุบทำลายวังกลางทุ่งทิ้ง เพียงเพื่อต้องการสร้างสนามกีฬาที่มีชื่อตนเอง ทั้งที่ห่างออกไปอีกไม่มากเป็นทุ่งนา แต่หลวงศุภชลาศัย ไม่ยอม จงใจจะเอาวังนี้ให้ได้ สร้างความโทมนัส แก่พระพันวัสสาฯ ยิ่งนัก ด้วยวังนี้ถือเป็นตัวแทนของพระราชโอรสของพระองค์ที่สวรรณคตขณะยังทรงพระเยาว์ พระองค์ได้ยินเสียงทุบวังทุกวัน ทุบวังก็เหมือนทุบตี รังแกหัวใจของพระองค์ จะเห็นได้ว่าภายหลังการเปลี่ยนแปลงการปกครองปี 2475 เป็นต้นมา นักการเมืองมีแต่รังแกเชื้อพระวงศ์ตลอดมา

แต่แล้ว สิ่งที่ไม่คาดฝันในยุคนี้ก็เกิดขึ้นซ้ำรอยอีก เมื่อการทางพิเศษแห่งประเทศไทย ในสมัยรัฐบาลเลือกตั้งที่แล้ว มีการอ้างว่า เคยมีกรณีพิพาทกันตั้งแต่สมัย พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ เป็นนายกรัฐมนตรีเมื่อปี พ.ศ. 2536 โดยในสมัย นายชวน หลีกภัย เป็นนายกรัฐมนตรี ปี 2539 ได้มีการจัดทํา ประชาพิจารณ์

เนื่องจากเกิดความขัดแย้งระหว่างหน่วยงาน ของรัฐกับประชาชนชุมชนบ้านครัว อันเนื่องมาจากโครงการทางด่วนแยกอุรุพงษ์ – ราชดำริ ของการทางพิเศษแห่งประเทศไทย โดยชาวชุมชนบ้านครัวได้ร่วมกับชุมชนเพื่อนบ้านใกล้เคียง ต่อสู้คัดค้านโครงการดังกล่าวมานาน ตั้งแต่สมัยที่ พลเอกชวลิต ยงใจยุทธ ในฐานะรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ซึ่งรับผิดชอบการทางพิเศษแห่งประเทศไทย

เมื่อวันที่ 22 เมษายน พ.ศ. 2536 โดยให้ตั้งคณะกรรมการที่เป็นกลางขึ้นชุดหนึ่ง ทําหน้าที่ดำเนินการไต่สวนหา ข้อเท็จจริง และให้การทางพิเศษแห่งประเทศไทย ประกาศชี้แจงแผนงาน เอกสารข้อเท็จจริง พร้อมทั้งขอมีส่วนร่วมในการไต่ถามและเสนอพยานหลักฐานและข้อมูลโต้แย้ง ตลอดจนให้การดำเนินการดังกล่าวกระทํา โดยเปิดเผยต่อสาธารณชน

หลังจากนั้น พลเอกชวลิต ยงใจยุทธ ได้มีคำสั่งกระทรวงมหาดไทยที่ 243/2536 ลงวันที่ 28 เมษายน พ.ศ. 2536 เรื่อง แต่งตั้งคณะกรรมการพิจารณาประโยชน์ของถนนรวมและกระจายการจราจรต่อระบบทางด่วนขั้นที่ 2 ขึ้น โดยคณะกรรมการชุดนี้ประกอบด้วย 27 คณะกรรมการได้สรุปผลส่ง พลเอกชวลิต ยงใจยุทธ เมื่อวันที่ 6 กันยายน พ.ศ. 2536

โดยคณะกรรมการมีมติชี้ขาดว่า โครงการดังกล่าว “ ไม่เป็นประโยชน์กับการจราจร และไม่เป็นประโยชน์ในทางเศรษฐกิจ นอกจากนี้ยังสร้างผลกระทบรุนแรงต่อชุมชนบ้านครัว โดยภาระที่เกิดจะตกแก่ชุมชนบ้านครัวมากจนไม่เป็นธรรม “

ที่การทางพิเศษแห่งประเทศไทยไม่ยอมรับความเห็นของคณะกรรมการ โดยอ้างว่าข้อมูลที่คณะกรรมการนำมาพิจารณาเป็นข้อมูลเก่า จากข้อขัดแย้งดังกล่าว ส่งผลให้ไม่สามารถหาข้อยุติในเรื่องดังกล่าวได้ ทําให้ต้องมีการรับ ฟังความคิดเห็นรอบที่ 2 คณะกรรมการได้ยืนยันในมติเดิมว่า “ควรยกเลิกโครงการ”

แต่คณะรัฐมนตรีพลเอกชวลิต ยงใจยุทธ กลับมีมติเมื่อวันที่ 28 มีนาคม พ.ศ. 2538 ให้ก่อสร้างต่อไปได้ โดยเลี่ยงลงไปในคลองเพื่อให้เกิดผลกระทบน้อยที่สุด การรับฟังความคิดเห็นของประชาชนโดยวิธีประชาพิจารณ์ในครั้งนี้ รัฐบาลจะมีมติแย้งกับความเห็นของคณะกรรมการ

ต่อมาในปี พ.ศ. 2539 สมัย นายบรรหาร ศิลปอาชา เป็นนายกรัฐมนตรี ได้มีการดำเนินการออกระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการรับฟังความคิดเห็นสาธารณะโดยวิธีประชาพิจารณ์ขึ้น เพื่อใช้เป็นแนวทางในการจัดการรับ ฟังความคิดเห็นของประชาชนโดยวิธีประชาพิจารณ์ มอบให้รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี (นายโภคิน พลกุล) ร่วมกับเลขาธิการคณะรัฐมนตรี มีการปรับปรุง มีผลใช้บังคับตั้งแต่วันที่ 3 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2539

ระเบียบฉบับนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อกำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการรับฟังการแสดงความคิดเห็นในปัญหา สำคัญของชาติที่มีข้อโต้เถียงหลายฝ่าย สำหรับ เป็นแนวทางประกอบการตัดสินใจของรัฐในการดำเนินงาน อันมีผลกระทบต่อประชาชนและยังไม่มีข้อยุติ

และเรื่องดังกล่าวก็ชะลอเงียบหายไป 16 ปี ผ่านมาหลายรัฐบาล จนต่อมาจู่ๆ ไม่มีปี่มีขลุ่ย เมื่อประชาชนกำลังสาละวนกับความเดือดร้อนน้ำท่วมใหญ่ปลายปี 2554 รัฐบาลที่แล้วที่มีปูเน่าเป็นนายกฯ ให้ครม.ในคอลโทรล ออกพระราชกฤษฎีกา กำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่เขตราชเทวี และเขตปทุมวัน กรุงเทพฯ จนมีผลวันที่ 1 มกราคม พ.ศ. 2555

เหตุผลในการประกาศใช้พระราชกฤษฎีกา คือ เนื่องจากการทางพิเศษแห่งประเทศไทย ได้ทำการสำรวจเขตที่ดินเพื่อเวนคืนตามพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่เขตราชเทวี และเขตปทุมวัน กรุงเทพมหานคร พ.ศ. 2550 เพื่อสร้างทางพิเศษสายแจ้งวัฒนะ – บางโคล่ ยังไม่แล้วเสร็จ

สมควรกำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่เขตราชเทวี และเขตปทุมวัน กรุงเทพมหานคร เพื่อให้เจ้าหน้าที่หรือผู้ซึ่งได้รับมอบหมายจากเจ้าหน้าที่มีสิทธิเข้าไปทำการสำรวจและเพื่อทราบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับ อสังหาริมทรัพย์ที่จะต้องเวนคืนที่แน่นอน จึงจำเป็นต้องตราพระราชกฤษฎีกา บทบัญญัติและ มาตราสำคัญ มีดังนี้

มาตรา 1 พระราชกฤษฎีกานี้เรียกว่า “พระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ ที่จะเวนคืน ในท้องที่เขตราชเทวี และเขตปทุมวัน กรุงเทพมหานคร พ.ศ. 2554 ”
มาตรา 2 พระราชกฤษฎีกานี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม พ.ศ. 2555 เป็นต้นไป
มาตรา 3 พระราชกฤษฎีกานี้ให้ใช้บังคับได้มีกำหนดสี่ปี
มาตรา 4 ที่ดินที่จะเวนคืนตามพระราชกฤษฎีกานี้มีวัตถุประสงค์เพื่อใช้ในการสร้างทางพิเศษ สายแจ้งวัฒนะ – บางโคล่
มาตรา 5 ให้ผู้ว่าการการทางพิเศษแห่งประเทศไทยเป็นเจ้าหน้าที่เวนคืนตาม พระราชกฤษฎีกานี้
มาตรา 6 เขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืนตามพระราชกฤษฎีกานี้ อยู่ในท้องที่เขตราชเทวีและเขตปทุมวัน กรุงเทพมหานคร มีส่วนแคบที่สุดสามร้อยห้าสิบเมตร และส่วนกว้างที่สุดหกร้อยเมตร ทั้งนี้ ภายในแนวเขตตามแผนที่ท้ายพระราชกฤษฎีกานี้
มาตรา 7 ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม รักษาการตามพระราชกฤษฎีกานี้

โอ้..อะไรนี้รัฐบาลประชาธิปไตย อ้างว่ามาจากการเลือกตั้ง แอบงุบงิบออกกฎหมายเวนคืนที่ดิน ไม่เว้นแม้แต่วังสระปทุม ของสมเด็จพระเทพฯ เป็นที่ดินพระราชทานพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ 6) , วังที่เคยประกอบพิธีทางประวัติศาสตร์ เช่น พิธีอภิเษกสมรสระหว่างสมเด็จฯ เจ้าฟ้ากรมขุนสงขลานครินทร์ (พระยศขณะนั้น) และคุณสังวาลย์ ตะละภัฏ (พระยศขณะนั้น) เมื่อวันที่ 10 กันยายน พ.ศ. 2463

วังที่เคยพระราชพิธีราชาภิเษกสมรสระหว่างสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช (พระยศขณะนั้น) และหม่อมราชวงศ์สิริกิติ์ กิติยากร (พระยศขณะนั้น) ในวันที่ 28 เมษายน พ.ศ. 2493 โดยสมเด็จพระพันวัสสาอัยยิกาเจ้าทรงเป็นองค์ประธาน สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงลงพระปรมาภิไธย ในทะเบียนสมรส และโปรดให้หม่อมราชวงศ์สิริกิติ์ กิติยากรลงนามในทะเบียนนั้น

เป็นที่ประทับของสมเด็จพระพันวัสสาอัยยิกาเจ้า และเชื้อพระวงศ์หลายพระองค์ในราชวงศ์จักรี และปัจจุบันยังเป็นที่ตั้ง “พิพิธภัณฑ์สมเด็จพระพันวัสสาอัยยิกาเจ้า” เพื่อน้อมเกล้าน้อมกระหม่อมถวายพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในโอกาสเฉลิมพระชนมพรรษา 80 พรรษา อีกด้วย

นี่ยังไม่นับประวัติศาสตร์ทางความทรงจำ ที่ทรงคุณค่าต่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระราชินีนาถ และเชื้อพระวงศ์อีกมากมาย ที่มิอาจพระเมินคุณค่าได้ ที่พระองค์ทรงตรากตรำพระวรกายมาตลอด เพื่ออุทิศทรงงานให้กับราษฎร์ของพระองค์กว่า 64 ปี

จู่ๆ รัฐบาลเผาไทย ออกกฎหมาย พรก.ฉบับเดียว เพื่อเวณคืนวังสระปทุมเก่าแก่ และสร้างความเดือนร้อนให้กับประชาชนอีกจำนวนมาก เพียงแค่เอาไปสร้างทางด่วนให้รถวิ่ง ให้กับการทางพิเศษแห่งประเทศไทย ดำเนินการ เป็นการรังแกเบื้องสูงที่ทรงงานหนักเพื่อราษฏรมาทั้งชีวิต

แม้จะเปลี่ยนแนวทางด่วน หรือเขตเวณคืนก็ยังมิบังควรเลย และจริงๆ ไม่ควรเฉียดใกล้แต่แรกแล้วด้วยซ้ำ แล้วรัฐบาลที่อ้างว่ามาจากเลือกตั้งจากประชาชน กระทำมิบังควรกับเจ้าฟ้าเจ้าแผ่นดินแบบนี้ มันดีตรงไหน ? ไม่ว่าผู้เกี่ยวข้อง จะออกมาพูดผ่านสื่ออย่างไรก็ไม่น่าเชื่อถือ ตราบใดที่ พรก.เวนคืนนี้ยังไม่ประกาศยกเลิกในราชกิจจานุเบกษา และมีแผนที่แนบท้าย พรก.ค้ำอยู่แบบนี้

การทางพิเศษแห่งประเทศไทย ได้ตรวจสอบแนวเขตทางพิเศษตามพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืนในท้องที่เขตราชเทวี และเขตปทุมวัน กรุงเทพมหานคร พ.ศ. 2554 เพื่อสร้างทางพิเศษสายแจ้งวัฒนะ-บางโคล่แล้ว ปรากฏว่า “ที่ดินบริเวณที่เป็นที่ตั้งของวังสระปทุมอยู่ในแนวเขตพระรากฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่จะเวนคืน “ ในท้องที่เขตราชเทวี และเขตปทุมวัน กรุงเทพมหานคร พ.ศ. 2554

และการทางพิเศษแห่งประเทศไทย ยัง “รักษาอำนาจสิทธิ์การเวนคืนเรื่องดังกล่าวอยู่” ตาม พรก.เวนคืนนี้ การอ้างว่ายกเลิกโครงการไม่ได้เพราะเกรงเอกชน BECL ฟ้องเป็นเรื่องที่แถ เพราะรัฐบาลเลือกตั้งสมัยหน้า ก็อาจจะปัดฝุ่นโครงการนี้ขึ้นมาอีก ถ้าจะให้เรื่องนี้จบมีทางเดียวคือต้องยกเลิกโครงการ เพราะไม่มีความคุ้มค่า ไม่แก้ปัญหาจราจร และชาวบ้านคัดค้านมาก

เสธ เผอิญนึกขึ้นมาได้ว่า มีบุคคลสำคัญของประเทศคนหนึ่ง โดดประชุมสภาช่วงบ่าย ต้นเดือน ก.พ. 2555 แอบไปราชการลับ ว.5 ชั้น 7 ห้องสวีท หลังประกาศพระราชกฤษฎีกาเวนคืนนี้ เพราะทางด่วนที่จะก่อสร้างดังกล่าว เอื้อประโยชน์ต่อที่ดิน 2 แปลงของโครงการคอนโด ชื่อ หนึ่งไทยแท้ ซึ่งบริหารงาน โดยบริษัท บวกพร็อพเพอร์ตี้ ซึ่งเป็น บริษัทลูก ของเครือหมื่นสิริ

แถมแปลนทางด่วนยังกำหนดจุดทางขึ้นลง ตรงที่ดินนั้นพอดีเป๊ะ !! ซึ่งหากโครงการทางด่วนนี้สำเร็จ จะทำให้ที่ดิน 2 แปลง ของโครงการคอนโดนี้มีผลประโยชน์มูลค่ามหาศาล..

@ เสธ น้ำเงิน3
https://www.facebook.com/topsecretthai (https://www.facebook.com/topsecretthai)

หมายเหตุ โปรดงดโพสลิ้งใดๆ ทุกชนิด / บทความจากแหล่งอื่นที่ทำให้เกิดความสับสนในเนื้อหากับผู้อ่าน / ออกความเห็นในประเด็นที่ไม่เกี่ยวข้องกับเนื้อหาในบทความตอนนี้ / โพสคำหยาบและภาพที่เกิดความแตกแยก / ให้ร้าย คสช./ นำข่าวลือจากที่อื่นมาโพส ฯลฯ ผู้ที่ฝ่าฝืนจะถูกพิจารณาบล็อคเข้าเพจ


กระทู้: เวนคืนวังสระปทุม แค่คิดก็ผิดแล้ว
เริ่มกระทู้โดย: พนักงานชาวที่ ที่ 01 ก.ค. 14, 21:05
แค่จะชี้ให้เห็นว่าเจ้านายท่านคงไม่โปรดเท่าไหร่ที่จะเว้นวังสระปทุมแล้วปล่อยชุมชน ชาวบ้านรอบๆวังได้รับความเดือดร้อน เพราะชุมชนรอบๆวังก็คือเพื่อนบ้านกับพระองค์ท่าน คือแนวกันชนเมื่อมีเหตุการณ์ที่จะกระทบกับวัง จะวังสระปทุม หรือบ้านที่เชียงใหม่พระองค์ท่านก็คิดเหมือนกัน ถ้าประชาชนต้องเดือดร้อนท่านก็พร้อมที่จะไปโดยไม่ใช้อภิสิทธื์ให้เกิดข้อครหา ส่วนคำที่ว่า "เขาจะไล่" ก็ตีความกันไปตามความคิดความเชื่อของแต่ละบุคคลว่าเขาที่ว่าคือใครโดยที่ก็ไม่มีใครรู้ว่าคือใคร


กระทู้: เวนคืนวังสระปทุม แค่คิดก็ผิดแล้ว
เริ่มกระทู้โดย: พนักงานชาวที่ ที่ 01 ก.ค. 14, 21:13
ผมก็ข้าราชบริพารในวังสระปทุมคนหนึ่งที่จะได้รับผลกระทบเหมือนกัน แล้วก็คงเป็นพวกหัวหงอก หัวดำ หัวสั่น หัวคลอน ที่ท่านจุลเจิมพูดถึงด้วยกระมัง


กระทู้: เวนคืนวังสระปทุม แค่คิดก็ผิดแล้ว
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 01 ก.ค. 14, 21:34
ในอินเทอร์เน็ต เราไม่ทราบว่าแต่ละคนเป็นใคร  เพราะทุกคนใช้นามแฝง   ดังนั้นถ้าจะบอกว่าตัวเองเป็นใครทำงานอะไรที่ไหนก็ได้ทั้งสิ้น  เพราะตรวจสอบกันยาก หรือบางคนก็ตรวจสอบไม่ได้เลย

ดิฉันมีเพื่อนเป็นข้าราชบริพารหลายคนด้วยกัน   หน้าที่อย่างหนึ่งที่ทุกคนรู้คือปิดปากให้สนิท   ไม่นำเจ้านายมาเอ่ยอ้างว่าท่านโปรดอย่างนั้นหรือไม่โปรดอย่างนี้  คิดอย่างนั้นไม่คิดอย่างนี้   เพราะถึงไม่มีเจตนา    ก็อาจจะก่อความเสียหายได้หากว่ามีผู้ถ่ายทอดต่อๆกันไป
อยากจะให้คุณพนักงานชาวที่โปรดนึกถึงข้อนี้ด้วยค่ะ


กระทู้: เวนคืนวังสระปทุม แค่คิดก็ผิดแล้ว
เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 01 ก.ค. 14, 22:10
ผมพยายามหลีกเลี่ยงที่จะคาดเดาในเรื่องที่ไม่ได้ฟังกับหูรู้กับตาตนเอง ทั้งที่ซาบซึ้งใจอย่างยิ่งที่เห็นว่า พระราชกฤษฎีกาดังกล่าว ทรงมีพระมหากรุณาธิคุณล้นพ้นลงพระปรมาภิไธยลงมา โดยไม่มีข่าวว่าทรงโต้แย้ง รวมทั้งน้ำพระทัยของสมเด็จพระเทพรัตน ที่ทรงยินดีจะแบกทุกข์นั้นไว้เอง ไม่ปัดไปที่ราษฎร ผมสำนึกในพระเมตตาธรรมของทั้งสองพระองค์อย่างยิ่งยวด

แต่ผมไม่เห็นด้วยที่คุณพนักงานชาวที่จะมาอ้างอะไรอย่างที่เขียนมา ให้เป็นหน้าที่ของท่านราชเลขาธิการท่านใดท่านหนึ่ง หากจะมีแถลงการณ์ใดๆในเรื่องนี้ออกมาจะดีกว่า
แต่ในเรื่องตามประเด็นของกระทู้นี้ ผมไม่เห็นด้วยในหลักการครับ

แน่นอน การสร้างถนนจะต้องมีคนกรุงเทพจำนวนหนึ่งจำเป็นต้องเสียสละส่วนตนเพื่อประโยชน์ของคนส่วนใหญ่ แต่มีที่ไหนในโลกที่เขาตะบันจะสร้างแต่ความเจริญโดยทำลายมรดกวัฒนธรรมของชาติหรืออาคารสถานที่บางประเภททิ้ง ผู้ว่าการการทางพิเศษก็พูดเอง ว่าก่อสร้างทางพิเศษทุกโครงการ มีหลักการหลีกเลี่ยงสถานที่สำคัญ เช่น พระราชวัง วัด โรงเรียน โรงพยาบาล โบราณสถาน เป็นต้น หลีกแล้วก็ต้องโดนอาคารที่ด้อยค่ากว่าหรือบ้านเรือนราษฎรเป็นธรรมดา

วังสระปทุม เป็นสถานที่สำคัญทางประวัติศาสตร์ของชาติและสถาบันพระมหากษัตริย์ โดยเจ้าฟ้าเจ้าแผ่นดินอันเป็นที่รักของปวงชนยังประทับอยู่ วัดสระปทุม เป็นวัดที่มีประวัติอันยาวนาน มีความสำคัญไม่ด้อยไปกว่ามัสยิดบ้านครัวที่รัฐบาลก่อนยอมเลี่ยงให้ มันจำเป็นอย่างไรเล่าที่มาทำแผนที่ยึกยักจะเวนคืนเอาที่ดินจำเพาะส่วนนั้น ไปทำด่านขึ้นลงทางด่วน ถ้ามันไม่อยู่ตรงนั้น ขยับออกไปสักร้อยสองร้อยเมตรจะเป็นอะไรหนักหนา หรือว่าทำตรงนั้นแล้วย่านนั้นถนนนั้นจะโล่ง รถราจะวื่งกันได้ปร๋อ
ถ้าหากเรื่องที่เขาโวยกันอยู่นี้ไม่เป็นความจริง เพราะแนวเส้นทางอยู่ฝั่งตรงข้ามวังสระปทุม คนละฝั่งคลองดังคำแถลงของท่านผู้ว่า ก็แก้แผนที่เวนคืนเสียสิครับ อย่ามาพูดอย่างทำอย่าง

หวังว่าคุณพนักงานชาวที่จะเข้าใจ


กระทู้: เวนคืนวังสระปทุม แค่คิดก็ผิดแล้ว
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 01 ก.ค. 14, 22:35
ส่วนคำที่ว่า "เขาจะไล่" ก็ตีความกันไปตามความคิดความเชื่อของแต่ละบุคคลว่าเขาที่ว่าคือใครโดยที่ก็ไม่มีใครรู้ว่าคือใคร

อย่างน้อยในกระทู้นี้  ก็รู้ว่ามี 1 รายแล้วละค่ะ


กระทู้: เวนคืนวังสระปทุม แค่คิดก็ผิดแล้ว
เริ่มกระทู้โดย: scarlet ที่ 01 ก.ค. 14, 22:52
แค่จะชี้ให้เห็นว่าเจ้านายท่านคงไม่โปรดเท่าไหร่ที่จะเว้นวังสระปทุมแล้วปล่อยชุมชน ชาวบ้านรอบๆวังได้รับความเดือดร้อน เพราะชุมชนรอบๆวังก็คือเพื่อนบ้านกับพระองค์ท่าน คือแนวกันชนเมื่อมีเหตุการณ์ที่จะกระทบกับวัง จะวังสระปทุม หรือบ้านที่เชียงใหม่พระองค์ท่านก็คิดเหมือนกัน ถ้าประชาชนต้องเดือดร้อนท่านก็พร้อมที่จะไปโดยไม่ใช้อภิสิทธื์ให้เกิดข้อครหา ส่วนคำที่ว่า "เขาจะไล่" ก็ตีความกันไปตามความคิดความเชื่อของแต่ละบุคคลว่าเขาที่ว่าคือใครโดยที่ก็ไม่มีใครรู้ว่าคือใคร

สมเด็จพระเทพฯท่านจะทรงคิดอย่างพิมพ์มาอย่างนี้หรือไม่ก็ไม่ทราบ แต่ดูเหมือนว่าคุณพนักงานชาวที่ทราบว่าท่านคิดอะไร? ที่ไหน? เป็นเช่นนั้นหรือเปล่าครับ?

สนทนากัน ย่อมมีสิทธิเสนอความคิดเห็นครับ แต่ถ้ามีการกล่าวอ้าง โดยเฉพาะอย่างยิ่งถึงบุคคลอื่น ก็ควรมีหลักฐาน ไม่เช่นนั้น ถ้าเผยแพร่ต่อไปหรือมีผู้อื่นนำไปใช้ เรื่องจะยุ่งครับ


กระทู้: เวนคืนวังสระปทุม แค่คิดก็ผิดแล้ว
เริ่มกระทู้โดย: ประกอบ ที่ 01 ก.ค. 14, 23:46
ฮิฮิ กระทู้กำลังร้อนแรง ต้องเพิ่มความร้อนเข้าไปอีกหน่อย(หรือเปล่า)


ขอออกตัวก่อน ว่าถ้ามีการจัดเรียงลำดับคนเกลียดทักษิณ ดูถูกยิ่งลักษณ์ ผมเข้าอันดับหนึ่งด้วยแน่นอน ทุกวันนี้แค่เห็นหน้าคนในตระกูลนี้ เท้าก็กระตุกแล้ว
ความเกลียดที่ผมมีนั้น เผื่อแผ่ไปถึงคนรอบข้าง เช่น ส.ส. พรรคเดียวกัน รัฐมนตรีคนนอกคนใน ข้าราชการ พ่อค้า ญาติโกโหติกา ฯลฯ  ผมถือว่าพวกนี้คนเลวหมด พายเรือให้โจร
หรือแม้แต่ที่ได้รับความนิยม อย่างรัฐมนตรีสร้างภาพ ดีกรีสุดหรู จะมานั่งรถเมล์รถไฟโชว์ คนแบบนี้มาหลอกผมให้ชื่นชมไม่ได้หรอก
นโยบายต่างๆ ของรัฐบาลที่ผ่านมา ส่วนใหญ่ผมเห็นแต่ที่มีแต่ข้อเสีย ทำลายชาติบ้านเมืองในระยะยาวทั้งนั้น


แต่แม้จะรังเกียจมากแค่ไหน ก็ไม่ได้แปลว่าผมจะต้องเชื่ออีกฝั่งด้วยเช่นกัน และมองว่าทุกอย่างที่รัฐบาลที่แล้วทำ เป็นเรื่องเลวๆ ล้วนทั้งหมด แม้ใจจะคิดว่าส่วนใหญ่ใช่
อย่างเรื่องการเวนคืนนี้เช่นกัน แม้ผู้ออกมาให้ข่าวจะเป็นเชื้อพระวงศ์ระดับหม่อมเจ้า แต่ผมก็ยังสงสัยต่อเจตนาและข้อมูลที่ท่านว่าด้วยเช่นกัน


ผมไม่ทราบว่าท่านจุลเจิมมีความเกี่ยวพันกับข้าราชบริพารของสมเด็จพระเทพมากแค่ไหน หรือสนิทสนมกับทางวังสระปทุมขนาดไหน เป็นวงในหรือเปล่า
สิ่งที่ท่านรับรู้มา รู้มาจากใคร จริงแค่ไหน  คำกล่าวที่ท่านอ้างรับสั่งสมเด็จพระเทพฯ จริงหรือไม่เราไม่มีทางรู้
แต่การที่ท่านมาอ้างเรื่องนี้ ผมมองว่าไม่เหมาะสม เพราะสมเด็จพระเทพฯท่านไม่อยู่ในสถานะจะออกมาตอบรับหรือปฏิเสธได้ โดยเฉพาะในสถานการณ์อย่างปัจจุบัน
ถ้าท่านจุลเจิมหวังดีต่อสมเด็จพระเทพฯ จริง ด้วยสถานะหม่อมเจ้าของท่าน ก็สามารถออกมาเคลื่อนไหวเรื่องนี้ได้โดยไม่ต้องอ้างรับสั่งแม้แต่คำเดียวด้วยซ้ำ
แค่บอกว่าวังสระปทุม อยู่ในพื้นที่ที่จะต้องเวนคืน ท่านเป็นห่วงว่าปัจจุบันสมเด็จพระเทพฯทรงพำนักอยู่ที่นี่ ท่านวิตกว่าการเวนคืนนี้อาจสร้างความลำบากแก่สมเด็จพระเทพฯได้
การทำแบบนี้ จะง่ายกว่า ดูเป็นผู้ใหญ่กว่า และไม่กระเทือนเบื้องพระยุคลบาทด้วย    ถ้าผมสงสัยคุณพนักงาน ผมก็สงสัยท่านจุลเจิมด้วยเช่นกัน


ยิ่งอ่านจากเสธน้ำเงิน ผมก็ต้องบอกอีกว่าแม้ผมจะเกลียดรัฐบาลที่แล้วมากเพียงใด ผมก็ยิ่งจะต้องใช้สติในการรับข้อมูลตรงข้ามด้วยเช่นกัน
ผมเชื่อว่าถ้าจะไม่หลงเป็นเหยื่อการปลุกปั่น ไม่ว่าจากฝ่ายไหน เราต้องตั้งคำถามเยอะๆ  เพราะทุกวันนี้ มีข้อมูลลวง เรื่องเดียวกันบอกไม่หมดเพื่อจุดประสงค์ทางการเมืองเต็มไปหมด
ถ้าเป็นข้อมูลจาก TDRI แบบนี้ผมจะให้น้ำหนักมากและเชื่อง่ายหน่อย แต่จากเสธน้ำเงินนี่ ต้องฟังหูไว้หูเช่นกันครับ


การอ้างว่าทางขึ้นลงทางด่วนตรงกับที่ดินของนักพัฒนาที่ดินบางเจ้า เราไม่รู้และไม่มีข้อพิสูจน์ว่าจริงไหม ยังไม่เคยเห็นแผนที่การสร้างเลยว่าสรา้งจากตรงไหน ขึ้นลงตรงไหนแน่ มีแต่คำกล่าวอ้าง
รวมถึงพระราชกฤษฏิกานี้ ตกลงเป็นของใหม่ที่รัฐบาลที่แล้วเพิ่งจะออก เพื่อต้องการเวนคืนที่ดินจริง และมีผลประโยชน์ทับซ้อนจริง
หรือเป็นแค่การต่ออายุกระราชกฤษฏีกาตามวาระ เพื่อซื้อเวลา และซุกเรื่องไว้ใต้พรมต่อไป ตามแบบไทยๆ ที่เราทำกันเสมอมาเท่านั้น


ถ้าเป็นแบบแรก เราก็ควรออกมาเคลื่อนไหวต่อต้าน ผมออกหน้าต้านด้วยแน่ แต่ถ้าเป็นแบบที่สอง เราต้องให้ความเป็นธรรมแม้แต่กับคนที่เราเกลียดที่สุดด้วย
ส่วนที่ท่านอาจารย์นวรัตนเห็นว่าควรจะเจรจา ยกเลิกการเวนคืนตรงนั้นซะ ถ้าทำได้ไม่มีค่าปรับก้อนโต ผมเห็นด้วยเต็มที่ครับ  ;D  ;D  ;D


กระทู้: เวนคืนวังสระปทุม แค่คิดก็ผิดแล้ว
เริ่มกระทู้โดย: พนักงานชาวที่ ที่ 02 ก.ค. 14, 06:21
รับทราบและเคารพทุกความคิดเห็นและคำตักเตือนของทุกท่านครับ ขอบพระคุณที่กรุณาชี้แนะ


กระทู้: เวนคืนวังสระปทุม แค่คิดก็ผิดแล้ว
เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 02 ก.ค. 14, 07:52
ที่คุณประกอบว่ามานั้นชอบแล้วที่"ฟังหูไว้หู ดูตาไว้ตา" ทั้งๆที่ผมเอาข้อมูลมาเปิดหูเปิดตาแบบกระหน่ำให้

มีนิ๊ดเดียวจริงๆ ตอนท้ายที่ว่า "ยกเลิกการเวนคืนตรงนั้นซะ ถ้าทำได้ไม่มีค่าปรับก้อนโต ผมเห็นด้วยเต็มที่ครับ"
ถ้าบอกว่า ยกเลิกการเวนคืนตรงนั้นซะ มันจะปรับก็ปรับไป ผมเห็นด้วยเต็มที่ครับ อย่างนี้ผมให้คะแนนเต็ม

จะบอกคุณประกอบว่า กรณีย์อย่างนี้ถ้าถึงศาล ศาลท่านจะพิจารณาก่อนว่าโจทก์ผู้ฟ้องเสียหายจริงหรือไม่ และเสียหายเท่าไหร่ คดีนี้จำเลยต่อสู้ได้สบายมากโดยอ้างถึงเหตุผลของความจำเป็นที่ต้องเปลี่ยนตำแหน่งขึ้นลง เพราะขัดกับกฏหมาย(ที่นึกออกก็พ.ร.บ.โบราณสถานหนึ่งละ และอาจจะมีพ.ร.บ.สิ่งแวดล้อม พ.ร.บ.ผังเมืองด้วย) การเปลี่ยนพื้นที่ก็ไม่ได้ทำให้โจกท์เสียหาย เพราะยังไม่ได้มีการส่งมอบและโจกท์ก็ยังไม่ได้ลงทุนทำสิ่งก่อสร้างใดๆซักกะบาทเดียว อย่างนี้คุณประกอบคิดว่าศาลท่านจะให้จำเลยชดเชยค่าเสียหายให้โจกท์ไหมครับ ถ้าให้จะให้กี่สลึง

ผมพยายามจะหาแนวถนนที่เป็นการออกแบบครั้งสุดท้าย ยังหาไม่ได้ครับ ถ้าได้ก็จะเอามาวิจารณ์กันอีกให้ทุกท่าน"ฟังหูไว้หู ดูตาไว้ตา"


กระทู้: เวนคืนวังสระปทุม แค่คิดก็ผิดแล้ว
เริ่มกระทู้โดย: Naris ที่ 02 ก.ค. 14, 10:28
ผมคิดว่าพระราชวงศ์ของเราทุกพระองค์ ทรงมีความคิดที่ประเสริฐสุด คือไม่ประสงค์ที่จะใช้สถานะความเป็นเจ้า แล้วผลักภาระไปให้ประชาชน อันนี้เป็นความเสียสละของท่าน แต่ประเด็นของผมคือ ทำไมจึงต้องไปบีบให้ท่านต้องเสียสละด้วยละครับ มีความจำเป็นอย่างไรถึงจะต้องยึดวังท่าน เพื่อให้ท่านแสดงความเสียสละ?
 
โอเคครับ ผมก็ทราบดีว่า การพัฒนาประเทศบางครั้งต้องมีการเสียสละ แต่ถ้าจะอ้างเช่นนั้น การทางฯ ก็ต้องแสดงให้ได้ว่า การมีทางด่วนตรงจุดนี้ จะเป็นประโยชน์มาก คุ้มค่าที่จะเอาวัดและวังไปแลกมา เอาข้อมูลมากางบนตาชั่ง ชั่งน้ำหนักกัน อีกด้านเป็นวัดและวังที่มีความสำคัญทางประวัติศาสตร์ แล้วอีกฝั่งหนึ่งของตาชั่งหละคืออะไร? ผมยังมองไม่เห็นว่า จะมีอะไรที่มีน้ำหนักมากพอที่จะให้ยึดวัดและวังได้ ถ้าเราเสียวังสระปทุมไป แล้วมีทางด้วนเกิดขึ้นแทน ณ ที่ตรงนั้น แล้วการจราจรในกรุงเทพจะดีขึ้นอย่างนั้นหรือครับ  

นอกจากนี้ ผมยังเห็นว่านโยบายด้านการคมนาคมของบ้านเราเปลี่ยนไปแล้ว สมัยเมื่อ 20 ปีก่อน เรามีแนวคิดว่า การแก้ไขปัญหารถติด คือการสร้างถนนเพิ่มให้มาก ซึ่งพิสูจน์แล้วว่าผิด ทำอย่างไรถนนก็ไม่พอกับการเพิ่มขึ้นของรถ ต้องแก้โดยการพัฒนาระบบขนส่งมวลชน แล้วรณรงค์ให้คนเลิกใช้รถแทน ก็ในเมื่อในละแวกนั้นปัจจุบัน มีสถานีรถไฟฟ้าราชเทวี และสถานีสยามแล้ว ยังจะต้องมีทางลงทางด่วนอีกหรือครับ (อ่อ เรื่องรถไฟฟ้านี่ก็อีก ถ้าสมมุติว่า ตอนนี้อยากจะทำทางด่วนลงตรงนั้นจริงๆ ปัจจุบันจะยังทำได้หรือครับ? ก็มันมีเส้นทางรถไฟฟ้าขวางอยู่ตั้ง 2 ด้านไปแล้ว ต้องรื้อรางรถไฟฟ้าด้วยไหมครับ)
 
ผมถึงได้เห็นว่า ที่ผ่านมาจะเป็นอย่างไรก็ช่าง มาถึงวันนี้ โครงการนี้น่าจะทบทวนได้แล้ว ถ้าปรากฏว่า ไม่มีความจำเป็นแล้ว ก็ยกเลิกไปเสีย หากยกเลิกไม่ได้ เพราะติดขัดที่ไหนอย่างไร ก็ชี้แจงมา (ไม่ต้องมาชี้แจงกันในบอร์ดนะครับ ผมหมายถึง ชี้แจงต่อคณะรัฐมนตรี หรือต่อหน่วยงานที่มีอำนาจพิจารณา) แล้วช่วยกันคิด ช่วยกันหาทางแก้ไข ถ้าติดขัดเรื่องข้อสัญญา ก็เชิญคู่สัญญาอีกฝ่ายเขามาร่วมแก้ปัญหาด้วยเลย เพราะผมคาดว่า ฝ่ายคู่สัญญาเขาก็ไม่ประสงค์จะทำตามสัญญาแล้วเหมือนกันแหละ เพราะค่าจ้างตามสัญญาที่ทำไว้เมื่อครั้งกระโน้น มาถึงวันนี้ ราคานั้นทำไม่ได้แล้ว (สมัยนั้น คิดค่าแรงวันละ 300 ป่ะหละ) ถ้าจะบังคับให้เขาทำต่อ เขาก็เจ๊งเหมือนกันนั่นแหละ รับประกันทิ้งงานหนีแหงๆ ก็ในเมื่อวันนี้ ท่านก็ยังไม่ได้ลงทุนทำอะไร ถ้าหยุดเสียวันนี้ ก็ไม่ต้องเจ๊ง อย่างนี้ ไม่ Win Win Win กันทุกฝ่ายหรือครับ (ประเทศไทยยังคงมีวัด+วัง ประชาชนสบายใจ การทางฯที่ลุกขึ้นมาขอยกเลิกสัญญาเองก็ได้หน้า เอกชนคู่สัญญาก็ไม่เจ๊ง)
    
ผมคิดว่า ปัญหานี้สามารถยุติลงได้ครับ หากหยิบยกขึ้นมาทำกันจริงๆ  



กระทู้: เวนคืนวังสระปทุม แค่คิดก็ผิดแล้ว
เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 02 ก.ค. 14, 11:16
อ้างถึง
ผมถึงได้เห็นว่า ที่ผ่านมาจะเป็นอย่างไรก็ช่าง มาถึงวันนี้ โครงการนี้น่าจะทบทวนได้แล้ว ถ้าปรากฏว่า ไม่มีความจำเป็นแล้ว ก็ยกเลิกไปเสีย หากยกเลิกไม่ได้ เพราะติดขัดที่ไหนอย่างไร ก็ชี้แจงมา (ไม่ต้องมาชี้แจงกันในบอร์ดนะครับ ผมหมายถึง ชี้แจงต่อคณะรัฐมนตรี หรือต่อหน่วยงานที่มีอำนาจพิจารณา) แล้วช่วยกันคิด ช่วยกันหาทางแก้ไข ถ้าติดขัดเรื่องข้อสัญญา ก็เชิญคู่สัญญาอีกฝ่ายเขามาร่วมแก้ปัญหาด้วยเลย เพราะผมคาดว่า ฝ่ายคู่สัญญาเขาก็ไม่ประสงค์จะทำตามสัญญาแล้วเหมือนกันแหละ เพราะค่าจ้างตามสัญญาที่ทำไว้เมื่อครั้งกระโน้น มาถึงวันนี้ ราคานั้นทำไม่ได้แล้ว (สมัยนั้น คิดค่าแรงวันละ 300 ป่ะหละ) ถ้าจะบังคับให้เขาทำต่อ เขาก็เจ๊งเหมือนกันนั่นแหละ รับประกันทิ้งงานหนีแหงๆ ก็ในเมื่อวันนี้ ท่านก็ยังไม่ได้ลงทุนทำอะไร ถ้าหยุดเสียวันนี้ ก็ไม่ต้องเจ๊ง อย่างนี้ ไม่ Win Win Win กันทุกฝ่ายหรือครับ (ประเทศไทยยังคงมีวัด+วัง ประชาชนสบายใจ การทางฯที่ลุกขึ้นมาขอยกเลิกสัญญาเองก็ได้หน้า เอกชนคู่สัญญาก็ไม่เจ๊ง)
    
ผมคิดว่า ปัญหานี้สามารถยุติลงได้ครับ หากหยิบยกขึ้นมาทำกันจริงๆ  

ใจความนี้เป็นไปได้มากที่สุด

เรามาวิเคราะห์พร้อมๆกัน ดูแผนที่อีกทีครับ เส้นยึกยักนี้ไม่ได้ครอบคลุมเฉพาะวังและวัดที่ผมกล่าว แต่เป็นแผนที่ดั้งเดิมที่จุดระเบิดการลุกฮือครั้งใหญ่ของชุมชนมุสลิมเก่าแก่ ที่เราเรียกว่าพวกอาสาจาม ที่ยกครัวเรือนจากเขมรตั้งแต่สงครามอานัมสยามยุทธ มาปักถิ่นฐานอยู่ในกรุงเทพ


กระทู้: เวนคืนวังสระปทุม แค่คิดก็ผิดแล้ว
เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 02 ก.ค. 14, 11:25
ผมไม่แน่ใจว่าที่การทางกำหนดพื้นที่ไว่ใหญ่โต สำหรับทางขึ้นลงทางด่วนไปเชื่อมกับถนนราชดำรินั้น เพื่อความคล่องตัวในการ"สับขาหลอก"ประชาชนหรือเปล่า แต่ไม่ว่าจะสับไปทางไหนก็เจอการต่อด้านอย่างยอมเป็นยอมตาย

ดูอดีตก่อน นี่สับไปทางเหนือของคลองแสนแสบ ก็โดนแข้งสวนออกมา

https://www.facebook.com/media/set/?set=a.324399101002873.72723.157215527721232&type=1 (https://www.facebook.com/media/set/?set=a.324399101002873.72723.157215527721232&type=1)

รำลึกอดีตแห่งการต่อสู้ของพี่น้องบ้านครัว


กระทู้: เวนคืนวังสระปทุม แค่คิดก็ผิดแล้ว
เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 02 ก.ค. 14, 11:45
การต่อสู้ยกต่อไป กำลังจะ...?

“บ้านครัว” พร้อม ต้าน "มรดกกรรมทางด่วน"

(ผมตัดตอนต้นๆออก ใครอยากดูข้อความเต็มๆก็เข้าไปตามระโยงนี้นะครับ)

http://www.thaipost.net/node/50776 (http://www.thaipost.net/node/50776)

    "ปรเมษฐ์ ภู่โต" หนึ่งในแกนนำชุมชนบ้านครัวที่เคยต่อต้านเรื่องดังกล่าวตั้งแต่อดีต ให้ความเห็นย้ำว่า การสร้างทางด่วนสายนี้ไม่มีประโยชน์ต่อสาธารณะเลย ไม่ได้ช่วยให้ความสะดวกในการจราจร แต่กลับเป็นว่าเอารถไปกองกระจุกตัวกันอยู่ที่ราชดำริและราชประสงค์แทน รวมถึงไม่คุ้มค่าต่อเศรษฐกิจ เพราะการเก็บค่าผ่านทางจะคุ้มกับเงินที่ลงทุนไป 8,000 ล้านบาทหรือไม่

    “ถ้าโครงการมีประโยชน์กับบ้านเมืองจริง เราจะยอม แต่นี่ผ่านการพิสูจน์เชิงเหตุผลมาหลายปีแล้ว ก็ไม่สามารถพิสูจน์ได้ว่ามีประโยชน์ แต่ถ้าจะมาบอกเราว่าขอเจรจา เราก็ไม่มีอะไรต้องเจรจาแล้ว” 
    ปรเมษฐ์ยังเล่าถึงรูปแบบการต่อสู้ของชาวบ้านชุมชนบ้านครัวในอดีตว่า มีทั้งการยืนยันไม่ให้มีทีมเข้ามาสำรวจพื้นที่ภายในชุมชน สู้กันด้วยหลักข้อมูลเหตุผลกับสังคม และเคยมีการปะทะกัน 2-3 ครั้ง แต่ความรุนแรงของคนบ้านครัวคือเป็นความรุนแรงด้วยเนื้อหา ซึ่งต้องนำมาประยุกต์ใช้กับปัญหาในคราวนี้ ส่วนความชอบธรรมทางกฎหมายนั้น ชุมชนจะใช้สิทธิในการปกป้องตนเองตามกฎหมายรัฐธรรมนูญ อย่างมาตรา 33 บุคคลย่อมมีเสรีภาพในเคหสถาน บุคคลย่อมได้รับความคุ้มครองในการที่จะอยู่อาศัยและครอบครองเคหสถานโดยปกติสุข มาตรา 34, 42, 57, 66
 
    "เราขอยืนยันคำเดิมว่า ชาวบ้านไม่ได้ต้องการเรื่องเงินทอง เพราะเราไม่ใช่ม็อบที่มาเรียกร้องค่าเสียหายแพงๆ”
    อมุวัตริ บาฮา รองประธานชุมชนบ้านครัว เล่าว่า ปัญหาเรื่องนี้มีมาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งชุมชนก็ต่อต้านมาร่วมกว่า 20 ปี ซึ่งการต่อต้านนั้นไม่ใช่เพื่อขัดขวางความเจริญของประเทศ แต่เป็นการต่อสู้เพื่อความเป็นธรรมในสังคม
    “ถ้ามีการสร้างทางด่วนสายนี้ ต้องมีปัญหาตามมาอีกมาก เพราะทางด่วนเส้นนี้อาจต้องตัดผ่านวังสระปทุม ที่อาจจะมีเรื่องความปลอดภัยและมลพิษทางอากาศ จะต้องกระทบกับเขตพระราชฐานอย่างแน่นอน”
 
    นางเฉลิม ยูนุช อดีตประธานชุมชนบ้านครัว ในฐานะผู้อาวุโสในชุมชน แสดงความเห็นด้วยสีหน้ากังวลว่า เรื่องนี้ยอมไม่ได้ เพราะเราอยู่ที่นี่กันมาตั้งแต่สมัยบรรพบุรุษ แม้จะอายุมากแล้ว แต่พร้อมไปต่อสู้อยู่แถวหน้า ถึงจะตายเราก็ไม่ยอม
    "เราไม่เอา เงินทองไม่สำคัญ ไม่ว่าจะมากขนาดไหนเราก็ไม่เอา อยากจะฝากบอกกับรัฐบาลว่าให้ล้มเลิกเถอะ อย่ามายุ่งกับชุมชนบ้านครัวเลย เพราะเขาอยู่กันมากนานแล้ว ส่วนพื้นที่วังสระปทุมที่อาจถูกเวนคืนด้วยนั้น ฉันจะไม่ยอมเด็ดขาด เราพร้อมจะต่อสู้แทน" นางเฉลิมกล่าวอย่างมีอารมณ์

    "วิวัฒน์ มะลังพันธ์" เด็กรุ่นใหม่ในชุมชนบ้านครัว แสดงความเห็นว่า เมื่ออดีตได้เรียนรู้จากผู้ใหญ่มาว่าต้องต่อสู้เรื่องอะไร จนปัจจุบันที่เราโตขึ้นเป็นผู้ใหญ่ จึงต้องมาแทนที่ ก็พร้อมรักษาบ้านเกิด ซึ่งจะทำหน้าที่รับคำสั่งในการหาข้อมูลจากผู้ใหญ่อีกครั้งหนึ่ง รวมถึงการปฏิบัติหน้าที่เป็นอาสาสมัครภายในชุมชน เพราะเราไม่วางใจว่าจะมีคนจากภาครัฐเข้ามาแทรกซึม ซึ่งสิ่งที่คนในชุมชนกังวลมากที่สุดคือการลอบวางเพลิง เพื่อให้เห็นว่าไฟไหม้บ่อย ไม่สามารถดูแลจัดการได้ โดยเมื่อ 20 ปีที่แล้วก็เคยมีเหตุการณ์อย่างนี้เกิดขึ้น.


กระทู้: เวนคืนวังสระปทุม แค่คิดก็ผิดแล้ว
เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 02 ก.ค. 14, 11:58
การต่อต้านเมื่อเกือบสามสิบปีที่แล้ว บริษัท เจ้าของโครงการ ที่มีกูมาไก กูมิ เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ฟ้องเรียกร้องค่าเสียโอกาสจากรัฐบาล๕๐๐๐ล้านบาท แต่มีการประนีประนอมยอมความกัน มีผลให้ข้อเรียกร้องเดิมระงับไป และทำให้อายุความตามหนี้เดิมสะดุดหยุดลง แล้วอายุความเริ่มต้นเดินใหม่ต่อไปอีก ๑๐ ปี ณ วันลงนามสัญญานั้น

ต่อมาบริษัททางด่วนกรุงเทพเองก็ไปไม่รอด เพราะรายได้โดยรวมต่ำกว่าเป้าหมายมหาศาล ไม่เกี่ยวกับรายได้ที่หายไปเพราะไม่มีทางขึ้นผ่านบ้านครัว ซึ่งเท่ากับเนื้อหนู ไม่สามารถนำไปปะเนื้อช้างได้ กูมาไก ก็ทำท่าจะซาโยนาระ เดินทางไกลกลับญี่ปุ่นไป

(ขอพักเที่ยงหน่อย เดี๋ยวมาต่อตอนสำคัญครับ)


กระทู้: เวนคืนวังสระปทุม แค่คิดก็ผิดแล้ว
เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 02 ก.ค. 14, 12:31
มาสู่ไครแม็กซ์ของเรื่อง ใครคือเจ้าของบริษัททางด่วนกรุงเทพในปัจจุบัน?

เช่นกัน ผมจะไม่คัดลอกข้อความที่คิดว่าไม่เกี่ยวออกไป เอาแต่เนื้อๆที่เรากำลังสนใจกันอยู่ แต่ใครอยากจะอ่านต้นฉบับ ก็มีระโยงไว้แล้วตามเคย

http://info.gotomanager.com/news/details.aspx?id=5208 (http://info.gotomanager.com/news/details.aspx?id=5208)

………สายสัมพันธ์ที่กับทางญี่ปุ่นของปลิว น้องชายคนที่ 7 ของตระกูลในระหว่างที่ไปศึกษาต่อที่นั่น คือข้อต่อสำคัญที่นำพาให้ ช. การช่างเข้าไปเกี่ยวข้องกับโครงการทางด่วนขั้นที่ 2 โดยในขั้นแรกนั้น ช. การช่างและโตคิวได้เข้าไปร่วมรับงานในฐานะผู้รับเหมาช่วง (SUB-CONTRACTOR) จากบริษัททางด่วนกรุงเทพหรือบีอีซีแอล และยังเข้าไปร่วมถือหุ้นอยู่ประมาณ 30% ด้วย โดยมีกูมาไก กูมิ ยักษ์ใหญ่ด้านการก่อสร้างจากญี่ปุ่นถือหุ้นใหญ่ 65%

กรณีพิพาทระหว่างการทางพิเศษแห่งประเทศไทยและบีอีซีแอล ในเดือนตุลาคม 2536 ที่ผ่านมาเป็นเสมือนเชื้อไฟที่ทำให้ความเชื่อมั่นที่จะให้บริษัทผู้รับสัมปทานจากญี่ปุ่นเช่นกูมาไก เข้ามาร่วมทำงานกับคนไทยดูคลอนแคลนไปเป็นอย่างมาก ประจวบเหมาะกับบริษัทกูมาไก กูมิซึ่งเป็นบริษัทแม่ที่ญี่ปุ่นก็ประสบปัญหาทางด้านการดำเนินการ จนได้มีการประกาศขายหุ้นในบริษัททางด่วนกรุงเทพฯ หรือบีอีซีแอลซึ่งมีอยู่ 65% ให้กับนักลงทุนที่สนใจ
ช. การช่างเข้าไปมีบทบาทสำคัญในการเจรจาซื้อขายหุ้นจากกูมาไก กูมิ ส่วนหนึ่งก็โดยการผลักดันของกลุ่มธนาคารไทยซึ่งเป็นทั้งเจ้าหนี้และผู้ถือหุ้นของบีอีซีแอลด้วย เพราะหากปล่อยให้ปัญหาคาราคาซังอยู่ ก็จะเกิดผลกระทบอย่างรุนแรงต่อสถาบันการเงินเหล่านี้…..

……..ปัญหาข้อสำคัญคือ เรื่องราคาหุ้นที่ทางกูมาไก กูมิตั้งไว้สูงถึง 63 บาทต่อหุ้น รวมแล้วเป็นมูลค่าที่ผู้ซื้อต้องจ่ายประมาณ 3,500 ล้านบาท ซึ่งเป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้การเจรจาซื้อขายหุ้นครั้งนี้ต้องยืดเยื้อยาวนานถึง 4 เดือนเต็ม เพราะว่าทางผู้ซื้อฝ่ายไทยเห็นว่าแพงเกินไป และทางกูมาไก กูมิ ก็ไม่ยอมรับผิดชอบต่อหนี้สินที่มีอยู่ จะขอรับเงินอย่างเดียว
ทาง ช. การช่างและกลุ่มสถาบันการเงิน โดยคำแนะนำของที่ปรึกษาในการเจรจาแก้ลำด้วยการเสนอราคาหุ้นเป็นเงินก้อนหนึ่ง ในจำนวนที่คงที่ แล้วบวกด้วยส่วนแบ่งรายได้ที่คาดว่า รวมทั้งค่าเสียหายจากกรณีพิพาทที่เป็นความกันอยู่หักด้วยหนี้สิน และค่าเสียหายที่อาจจะต้องเกิดขึ้น โดยให้ทางกูมาไก กูมิรับเงินก้อนจำนวนคงที่นั้นไปก่อน ส่วนที่จะบวกหรือหักนั้นจะต้องใช้เวลาในการตรวจสอบเจรจากับทางเจ้าหนี้ หรือรอให้คดีที่มีกับการทางฯ ยุติลงเสียก่อน จึงจะได้รับเป็นตัวเงิน
"เรารู้อยู่แล้วว่า เขารับไม่ได้ เพราะเขาต้องการเผ่น เก็บของกลับบ้านแล้วไปเลย แต่ถ้าใช้วิธีการของเรา จะต้องใช้เวลาอีก 4-5 ปี ต้องฟ้องร้องกับการทางพิเศษฯ ซึ่งเขารอไม่ได้" แหล่งข่าวกล่าว…..
……..ในที่สุดราคาที่กูมาไก กูมิตั้งไว้หุ้นละ 63 บาทก็ลดลงมาเหลือเพียง 13 บาท ซึ่งเป็นราคาพาร์บวกด้วยดอกเบี้ย

…….หุ้น 65% ที่ซื้อมาจากกูมาไก กูมิ สถาบันการเงินที่ถือหุ้นอยู่ก่อนแล้วและเป็นเจ้าหนี้ของบีอีซีแอลด้วยได้แบ่งกันรับซื้อไว้เพิ่มสัดส่วนการถือหุ้นของตัวเอง เช่นแบงก์กรุงเทพฯที่ขอเข้าไปถือหุ้นร่วมกับบริษัทในเครือเช่นบริษัทหลักทรัพย์เอเชียสูงถึง 18% จากเดิมที่ถือหุ้นไว้เพียง 9.5% เท่านั้น
สรุปแล้ว กลุ่มธนาคารพาณิชย์กลายเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ของบีอีซีแอล 65% ที่เหลืออีก 35% เป็นของ ช. การช่างซึ่งไปดึงเอาพันธมิตรอื่น ๆ อย่างเช่น สวัสดิ์ หอรุ่งเรืองมาร่วมด้วย
แหล่งข่าวที่ปรึกษาของ ช. การช่างเปิดเผยถึงเหตุผลที่ธนาคาร ให้ความสนใจเข้าไปถือหุ้นต่อจากกูมาไกฯ กันมากนั้น เป็นเพราะผลประกอบการของทางด่วนขั้นที่ 2 หรือเงินรายได้จากการเก็บค่าผ่านทาง ภายหลังจากการแบ่งรายได้ให้กับการทางฯ ซึ่งมีการคาดการณ์ว่าจะเป็นจำนวนสูงถึง 1.3 แสนล้านบาททีเดียว

…….ปัญหาพิพาทระหว่างการทางฯ กับกูมาไกฯ ในอดีต ที่ต่างฝ่ายต่างยื่นฟ้องศาลอ้างว่าอีกฝ่ายหนึ่งทำผิดสัญญา ก็ได้มีการตกลงกันที่จะให้มีการยอมความกันเรียบร้อยแล้ว นอกจากนั้นแล้วยังได้มีการแก้ไขปัญหาซึ่งอาจจะมีขึ้นในอนาคตขึ้นมาอีก โดยเมื่อเกิดกรณีพิพาทใด ๆ ขึ้นในอนาคตหากยังไม่สามารถตกลงกันได้ ก็จะนำเข้าสู่การพิจารณาของคณะอนุญาโตตุลาการ
ปัญหาที่อาจจะหนักใจสำหรับธนาคาร หรือสถาบันการเงินที่ให้เป็นผู้ถือหุ้น และให้กู้งานทางด่วนขั้นที่ 2 นี้อยู่บ้างก็คงไม่พ้นปัญหาการก่อสร้างพื้นที่ส่วน C และ D หรือ "ปัญหาชุมชนบ้านครัว" นั่นเอง

จนถึงขณะนี้ได้มีการ "ซื้อเวลา" โดยเลื่อนการตัดสินใจกรณีชุมชนบ้านครัวออกไปเป็นเดือนตุลาคม 2537 ที่จะถึงนี้ ซึ่งแม้ว่าทางฝ่ายการทางฯ จะยังคงยืนยันว่า เส้นทางสาย C,D ที่ผ่านชุมชนบ้านครัวนี้จะช่วยแก้ไขปัญหาการจราจรได้ ในขณะที่ฝ่ายชุมชนบ้านครัวก็ยังคงยืนตามมติคณะกรรมการไต่สวนสาธารณะว่าเส้นทางนี้ไม่ได้ช่วยแก้ไขปัญหาจราจรแต่อย่างใด แต่การก่อสร้างเส้นทางหลักของทางด่วนขั้นที่ 2 ก็ยังดำเนินต่อไปโดยมีกำหนดเสร็จตามกำหนด2 ปีอย่างแน่นอน ซึ่งหากไม่ได้มีการก่อสร้างเส้นทางสาย C, D ก็ไม่ได้เกิดผลกระทบต่อโครงการนี้มากนัก


กระทู้: เวนคืนวังสระปทุม แค่คิดก็ผิดแล้ว
เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 02 ก.ค. 14, 12:58
คำถาม

๑ ในเมื่อการประนีประนอมยอมความยุติลงตั้งแต่ยี่สิบปีที่แล้ว และทำข้อตกลงขึ้นมาใหม่ ถ้ามีเหตุแห่งการผิดข้อตกลง ตามที่สงวนสิทธิ์ไว้ แต่ฝ่ายผู้เสียหายไม่นำความผิดขึ้นฟ้องร้อง อายุความที่กำหนดไว้๑๐ปี ก็หมดลงแล้วตามที่กล่าวไว้แล้วในกระทู้ข้างบน การทางพิเศษมีความจำเป็นอะไรที่จะต้องไปออกพระราชกฤษฎีกาออกมาใหม่
ในเมื่อกลุ่มผู้ถือหุ้นใหม่ล้วนแล้วแต่เป็นสถาบันการเงินและบริษัทเอกชนคนไทยทั้งหมด ผู้บริหารย่อมเข้าใจถึงความละเอียดอ่อนหากตะบึงตะบันจะสร้างทางผ่านจุดระเบิดของคนไทยให้ได้  แล้วการก่อสร้างเส้นทางหลักของทางด่วนขั้นที่๒  ก็สร้างเสร็จไปนานนม ตอนนี้นั่งเก็บเงินนับเงินอย่างเดียว ถึงไม่ได้มีการก่อสร้างเส้นทางสาย C, D ก็ไม่ได้กระทบต่อผลกำไรขาดทุนขนาดจะสะดุ้งสะเทือน

๒ เมื่อข้อเท็จจริงเป็นอย่างนี้ ผู้ที่มีอำนาจรัฐอยู่ในมือ จะขอเชิญคู่สัญญาทั้งสองมานั่งโต๊ะเจรจากันใหม่จะได้ไหม หาทางคืนความสุขให้ประชาชน โดยพร้อมใจกันเลิกข้อตกลงใดๆเกี่ยวกับการก่อสร้างเส้นทางสาย C, D ซึ่งจะต้องเวนคืนที่ดินที่เสทือนหัวใจของประชาชน จะได้ไม่ต้องมีการหวาดระแวง กล่าวหาคนโน้นคนนี้โดยไม่มีใบเสร็จมาแสดงกันอีก


กระทู้: เวนคืนวังสระปทุม แค่คิดก็ผิดแล้ว
เริ่มกระทู้โดย: tikky1974 ที่ 02 ก.ค. 14, 14:29
http://www.ratchakitcha.soc.go.th/DATA/PDF/2530/A/275/1.PDF (http://www.ratchakitcha.soc.go.th/DATA/PDF/2530/A/275/1.PDF)



กระทู้: เวนคืนวังสระปทุม แค่คิดก็ผิดแล้ว
เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 02 ก.ค. 14, 14:58
ขอบคุณที่เอามาลงครับ
ความสำคัญในข้างบนนั้นคือแผนที่แนบท้ายพระราชกฤษฎีกา
ผมนำมาใส่สีให้เห็นชัด เส้นทางสายCคือแนวเวนคืนสีแดงที่เรากำลังว่ากัน ส่วนสายDคือแนวเวนคืนสีเหลืองที่ต่อออกไปชนในแนวตั้งฉากกับถนนราชดำริ


กระทู้: เวนคืนวังสระปทุม แค่คิดก็ผิดแล้ว
เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 02 ก.ค. 14, 15:19
มีคำถ่ามอีกแล้ว
พระราชกฤษฎีกาที่การทางพิเศษต่ออายุสายCใหม่ซึ่งกำลังเป็นเรื่องขึ้นมานี้ ทำพร้อมกับสายDด้วยหรือเปล่า เพราะสายDนี่ตัดผ่านWorld Trade Centerไปเลย
ทำ แต่ไม่เป็นข่าว หรือไม่ได้ทำเพราะมีเหตุผลที่หมกเม็ดอื่นๆ


กระทู้: เวนคืนวังสระปทุม แค่คิดก็ผิดแล้ว
เริ่มกระทู้โดย: siamese ที่ 02 ก.ค. 14, 15:29
อ. NAVARAT.C  ลองดูแผนที่เวนคืนแผนที่แนบท้ายพระราชกฤษฎีกา ตรงทางรถไฟนั่นแยกยมราชเปล่า ?

นึกถึงโรงพยาบาลมิชชั่นเลยครับ


กระทู้: เวนคืนวังสระปทุม แค่คิดก็ผิดแล้ว
เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 02 ก.ค. 14, 15:38
ใช่ครับ

พื้นที่สามเหลี่ยมสีฟ้าคือส่วนหนึ่งของโรงพยาบาลมิชชั่น ซึ่งทางขึ้นลงที่ยมราชปัจจุบันไม่ได้ส่งผลกระทบ
แต่อนาคตไไม่แน่นะ เขาอาจจะทำสพานลอยจากถนนใดถนนหนึ่งในบริเวรติ่งสี่เหลี่ยม ข้ามทางรถไฟไปขึ้นทางด่วนเลยก็ได้ เพราะตรงนั้นมันเป็นหลายแยกมาชนกันวุ่นวายอยู่


กระทู้: เวนคืนวังสระปทุม แค่คิดก็ผิดแล้ว
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 02 ก.ค. 14, 16:16
 ;)


กระทู้: เวนคืนวังสระปทุม แค่คิดก็ผิดแล้ว
เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 02 ก.ค. 14, 16:32
 ;D


กระทู้: เวนคืนวังสระปทุม แค่คิดก็ผิดแล้ว
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 02 ก.ค. 14, 19:48
 ;D


กระทู้: เวนคืนวังสระปทุม แค่คิดก็ผิดแล้ว
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 03 ก.ค. 14, 19:41
จากเฟซบุ๊คของม.จ.จุลเจิม ยุคล   
อย่างน้อยเสียงของกระทู้ในเรือนไทยก็ถึงท่านและเพื่อนๆของท่านแล้ว


กระทู้: เวนคืนวังสระปทุม แค่คิดก็ผิดแล้ว
เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 03 ก.ค. 14, 21:49
อยากให้ถึงเฟซบุ๊คของท่านนี้ด้วยครับ


กระทู้: เวนคืนวังสระปทุม แค่คิดก็ผิดแล้ว
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 03 ก.ค. 14, 21:51
 ;D


กระทู้: เวนคืนวังสระปทุม แค่คิดก็ผิดแล้ว
เริ่มกระทู้โดย: nymmo ที่ 12 ก.ค. 14, 09:39
ชอบคห.ของคุณประกอบค่ะ
ขอบคุณนะคะที่เตือนสติไม่ให้หลงฟังอะไรโดยไม่ไตร่ตรองไว้ก่อน


กระทู้: เวนคืนวังสระปทุม แค่คิดก็ผิดแล้ว
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 17 พ.ย. 14, 08:10
ถึงแม้จะแสนเสียดายพระรูปที่คุณ hobo นำมาลงสักเพียงไหนก็ตาม ก็จำต้องลบทั้งหมด
และฝากบอกต่อๆกันไปว่า

"ต้องขอยุติ และของดเผยแพร่ เนื่องจาก
คณบดีคณะอักษรศาสตร์คนปัจจุบัน  พระสหายสมเด็จพระเทพรัตนฯ ฝากแจ้งเรื่องการเผยแพร่รูปในพระตำหนักที่อุทัยฯ ว่าดังนี้ค่ะ

"ขอความกรุณาอย่าส่งต่อ เป็นการละลาบละล้วงไปถ่ายถึงในที่ ไม่ได้ขออนุญาต เป็นอันตรายแก่การถวายอารักขา ช่วยบอกกันต่อๆไปด้วยว่า ให้หยุดเผยแพร่ภาพ"


กระทู้: เวนคืนวังสระปทุม แค่คิดก็ผิดแล้ว
เริ่มกระทู้โดย: hobo ที่ 17 พ.ย. 14, 08:31
ขอโทษครับอาจารย์ ที่ผมเจอมาไม่เห็นมีข้อความนี้ครับ ไปเจอมาแย่กว่านี้ของฝ่ายพวกนั้น ลงเลขที่บ้าน ถนน ตำบล บอกทุกอย่างครับ ต้องกราบขออภัยอาจารย์มาอีกครั้งครับ


กระทู้: เวนคืนวังสระปทุม แค่คิดก็ผิดแล้ว
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 17 พ.ย. 14, 08:46
คิดว่าข้อมูลตำแหน่งที่ตั้ง และรูปพระตำหนักภายนอกคงไม่มีปัญหา แต่ที่คณบดีคณะอักษรศาสตร์ จุฬาฯ ท้วงติงมา น่าจะเป็นเรื่องการเผยแพร่ภาพภายในพระตำหนักมากกว่า  :)


กระทู้: เวนคืนวังสระปทุม แค่คิดก็ผิดแล้ว
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 17 พ.ย. 14, 08:48
ไม่ต้องขออภัยหรอกค่ะคุณ hobo  เพราะพวกเราส่วนใหญ่ก็ไม่ทราบ   ดิฉันเพิ่งได้รับข้อความข้างบนนี้เมื่อวานนี้เอง
เข้าใจว่าผู้ถ่ายรูปเหล่านี้ไม่ได้มีเจตนาในทางไม่ดี    แต่คงตื่นเต้นดีใจบวกกับอยากจะเผยแพร่พระรูปให้ประชาชนชื่นชมด้วย  จึงไม่ทันคิดว่า อาจเป็นมีดสองคมก็ได้  นอกเหนือจากทำโดยไม่ถูกระเบียบกฎเกณฑ์
จริงๆแล้ว การเข้าเฝ้าเจ้านายนั้น  ไม่ใช่ใครอยากถ่ายรูปก็พกกล้องไปกดแชะเข้าให้ตรงมุมโน้นมุมนี้    เขาห้ามกันเลยทีเดียว ภาพจะถ่ายได้โดยช่างภาพของสำนักพระราชวัง   ถ้าเราอยากได้รูปที่เข้าเฝ้าเอาไว้เป็นสิริมงคลกับตัวเอง ก็ต้องไปติดต่อขอให้เขาอัดรูปส่งมาให้ค่ะ