มาเพิ่มเติมเรื่องตำแหน่งหน้าที่นายทหารมอญ ใน พระไอยการนาพลเรือนฯ
พญาอุดมราชา เจ้ากรมกลิอ่อง สังกัดกรมอาสามอญศักดินา 1600
พญาพระราม เจ้ากรมดั้งทองขวา สังกัดกรมอาสามอญ ศักดินา1600
พญานครอินทร์ เจ้ากรมดาบสองมือกลาง สังกัดกรมอาสามอญ ศักดินา 1600
พญาเกียร(ติ์?) เจ้ากรมดั้งทองซ้าย สังกัดกรมอาสามอญศักดินา1600
พญาอัคศิริ นายกองสังกัดกรมอาสามอญ ศักดินา1000
พญาศรีหราชา นายกองกรมดั้งทองซ้าย สังกัดกรมอาสามอญ ศักดินา 1000
ไม่แน่ใจว่า พญา ต่างจากออกญาอย่างไร ทำไมเรียกแยกเป็น ๒ คำ
ออกญา คือ พระยา ในสมัยรัตนโกสินทร์
แต่พิจารณาแล้ว ทั้งพญาและออกญา เป็นระดับเจ้ากรม เหมือนกัน
ส่วนเรื่องกรมอาสาหกเหล่า ก็ยังไม่ได้ความกระจ่างเพิ่มขึ้นเท่าไรค่ะ ได้มาแต่รายละเอียดประกอบ
http://www.212cafe.com/freewebboard/view.php?user=muangloei&id=11ในหนังสือ "บันทึกเรื่องการปกครองของไทย สมัยอยุธยาและต้นรัตนโกสินทร์" พระนิพนธ์ในสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี (เรียบเรียงจากคำสอนของ ม.ร.ว. คึกฤทธิ์ ปราโมช พ.ศ. ๒๕๑๖ สำนักพิมพ์แห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ๒๕๔๙ นั้น มีกล่าวถึง "พระยาท้ายน้ำ" ไว้เล็กน้อยในหน้า ๓๖, ๕๗, ๕๙ และ ๖๐ แสดงว่าตำแหน่งนี้ไม่ใคร่จะสำคัญนัก
ในหน้า ๓๖ กล่าวถึงแต่เพียงว่า "การแบ่งเป็นทหารพลเรือนเป็นเพียงการขึ้นทำเนียบเท่านั้น แต่ลักษณะการงานไม่ต่างกันระหว่างตำแหน่งพลและมหาดไทย ตามกฎหมายกล่าวว่า ตำแหน่งพลของหัวเมืองเอก แม่ทัพกรุง คือ พระยาเดโช ส่วนพระยาท้ายน้ำเป็นผู้รั้ง"
ในหน้า ๕๗ ได้กล่าวถึงการแบ่งทหารว่า "ต่อมาการแบ่งทหารเปลี่ยนแปลงไป เพราะทหารช้าง (คชบาล) ทหารม้า (อัศวราช) ยกออกจากทหารไปขึ้นกับพลเรือนขึ้นตรงกับพระมหากษัตริย์เพื่อความปลอดภัยของราชบัลลังก์ เพราะมีการคิดชิงราชสมบัติอยู่เสมอ
ต่อมาแบ่งเป็นสมุหนายก สมุหพระกลาโหม
สมุหพระกลาโหมมีแม่ทัพขึ้น ๓ คน
๑. พระยารามจตุรงค์ ศักดินา ๑๐๐๐๐
๒. พระยาเดโช
๓. พระยาท้ายน้ำ (คงจะคุมฝีพาย)"
ในหน้า ๕๘-๖๐ ได้กล่าวถึงว่า
"๑. ทหารราบ แบ่งเป็น ๘ กรม ประจำการเป็นทหารอาชีพ
๑) - ๖) กรมอาสา ๖ เหล่า
๗) กรมทวนทองใน-นอก
๘) กรมเขนทองใน-นอก
พระยาเดโช พระยาท้ายน้ำ ดูแลบังคับบัญชาทหารอาสา ๖ เหล่า มีหน้าที่ป้องกันกรุง ไม่ใช้ออกนอกกรุงปราบกบฏในเขตประเทศ จะออกนอกประเทศได้เฉพาะพระเจ้าแผ่นดินยกทัพหลวง ถ้าเป็นศึกไม่สำคัญใช้ทหารเกณฑ์
นอกจากจะเป็นทหารอาชีพฝึกอาวุธแล้ว ยังมีหน้าที่ศึกษาข่าวศึก ดูแลด่านเก็บภาษี
(อีกกรมหนึ่งสำหรับสืบข่าวคือ กรมอาทมาต คนในกรมเป็นมอญสำหรับสืบข่าวด้านพม่า ยามสันติก็ใช้ในกิจการอื่น ๆ ด้วย เช่น ขุนไกรพลพ่าย ดูในทำเนียบมอญ)
ทหารหน้าเหล่านี้ในยามสันติ เมื่อเวลาเสด็จราชดำเนินไปไหน ๆ ไม่ใช้ขบวนเสด็จ แต่ใช้รายทาง ถ้าเสด็จทางชลมารค ใช้ลงเรือนำและตาม หน้าที่พิเศษออกหัวเมืองกวาดต้อนคนมาสักเลก ควบคุมการทำงานสาธารณะ
เหตุที่คนมาสมัครเป็นทหารหน้ามีน้อยทั้ง ๆ ที่มีเกียรติสูง
๑. ไม่ใช้ไปตีบ้านเมืองโอกาสที่จะได้ทรัพย์สมบัติเชลยศึกน้อย ได้รับพระราชทานแต่เพียงเบี้ยหวัดธรรมดา
๒. โอกาสที่จะทำงานให้เป็นประโยชน์เช่นพลเรือนไม่มี
๓. อยู่ใกล้ชิดพระเนตรพระกรรณ โอกาสที่จะลงพระราชอาญามีมาก ปลายกรุงศรีอยุธยากรมนี้เสื่อมลงแทบหาตัวคนมาเป็นพระยาเดโช พระยาท้ายน้ำไม่ได้"
(รายละเอียดเพิ่มเติมหาอ่านได้จาก "บันทึกเรื่องการปกครองของไทย สมัยอยุธยาและต้นรัตนโกสินทร์" สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงเรียบเรียงจากคำสอนของ ม.ร.ว. คึกฤทธิ์ ปราโมช พ.ศ. ๒๕๑๖ โดยสำนักพิมพ์แห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ๒๕๔๙)