เรื่องทรงปราบม้าพยศนั้นไม่ปรากฏในที่แห่งใดเลยสำหรับข้อมูลในต่างประเทศและในประเทศที่น่าเชื่อถือเท่าที่ค้นหาได้ปัจจุบัน ซึ่งถ้ามีเหตุการณ์เช่นว่านี้จริงคงจะมีการเผยแพร่ตีพิมพ์กันอย่างเอิกเกริกเป็นแน่แท้ ส่วนเรื่องวรรณกรรมปากเปล่าที่หาข้อยืนยันไม่ได้นั้นก็ถือเป็นสีสันของการเสริมแต่งเรื่องราวให้เกิดความตื่นเต้นน่าเลื่อมใสเป็นเท่าทวี วรรณกรรมบอกเล่าทั้งหลายก็มีอยู่มากที่เป็นเรื่องจริงอยู่บ้างแต่ไม่ถูกบันทึกไว้ และก็มีอยู่มากเหมือนกันที่สร้างขึ้นเพื่อผลประโยชน์แอบแฝง
ข้อมูลจากทางฝรั่งเศสมีอยู่เพียงนี้
Le Monde Illustre
18 Sep 1897 p.215
เรื่องการเสด็จมาเยือนของพระเจ้าแผ่นดินแห่งสยาม
การสวนสนามทางทหารที่ได้เสด็จไปทอดพระเนตรเมื่อวันที่ ๑๔ กันยายน จัดขึ้นในพื้นที่ที่เหมาะสมมากโดยอยู่ห่างจากตัวเมืองแซ็งท์ คองแต็ง ๑๔ กิโลเมตร การสวนสนามของทหารเป็นไปอย่างสวยงามมากจริง ๆ
ในขณะที่กรมทหารม้าไลล่ากรมหนึ่งสวนสนามผ่านปะรำที่ประทับได้เกิดเหตุการณ์ที่น่าระทึกใจขึ้น กล่าวคือมีทหารม้านายหนึ่งตกลงมาจากหลังม้าในขณะที่กรมของเขายังคงควบม้าสวนสนามต่อไปเขาพยายามที่จะลุกขึ้น แต่ก็ไม่สำเร็จ ทั้ง ๆ ที่มีทหารม้าอีกหน่วยหนึ่งอยู่ห่างออกไปเพียงไม่กี่เมตรและเคลื่อนที่ใกล้เข้ามาทุกทีในจังหวะการควบของม้า เขาพยายามคุกเข่าขึ้นมาอีกไม่ไกลเขาก็จะโดนเหยียบแล้ว และแล้วทั้ง ๆ ที่ทราบดีว่าการเข้าไปช่วยเหลือก็เท่ากับเป็นการเข้าไปท่ามกลางฝูงม้า แต่ก็มีตำรวจสนามนายหนึ่งตัดสินใจที่จะเข้าไปช่วยทหารผู้นั้นทหารม้าหมวดหนึ่งได้เคลื่อนที่ผ่านไปแล้ว และในช่วงก่อนที่หมวดที่สองจะเข้ามาถึงตำรวจสนามโจลลี่ (Jolly) ก็ได้วิ่งเข้าไปยังทหารม้าที่เขาตั้งใจจะช่วยชีวิต
เมื่อทหารม้าหมวดที่สองควบมาถึงตำรวจสนามผู้นั้นก็เข้าไปยืนขวางเพื่อป้องกันทหารม้าที่นอนอยู่กับพื้นโดยใช้ร่างของตนเองเป็นเครื่องกำบัง หลังจากนั้นตำรวจสนามอีกนายหนึ่งชื่อซอลโล่ท์ (Sollot) ก็วิ่งเข้าไปสมทบชายทั้งสามจึงตกอยู่ท่ามกลางฝูงม้าของหมวดทหารม้าสุดท้ายและในที่สุดตำรวจสนามทั้งสองคนก็สามารถอุ้มทหารม้าซึ่งหมดสติไปแล้วออกมาได้และนำไปส่งขึ้อยากนรถพยาบาลปรากฏว่าการบาดเจ็บของทหารม้ามิได้ร้ายแรงนัก ผู้ชมทั้งหมดต่างปรบมือให้เกียรติแก่ผู้ช่วยเหลือที่กล้าหาญทั้งสอง
ประธานาธิบดีแห่งสาธารณรัฐฯได้รีบสั่งการให้เจ้าหน้าที่ไปถามข่าวคราวของผู้บาดเจ็บและแสดงความชื่นชมต่อตำรวจสนามรวมทั้งได้ให้ตำรวจสนามทั้งสองคนนี้มารอใกล้ ๆ กับปะรำพิธีเพื่อมอบเหรียญเชิดชูเกียรติ (Medailled’honneur) ให้หลังจากสำเร็จสิ้นการสวนสนาม
ก่อนที่จะเดินทางออกไปจากพื้นที่สวนสนาม ประธานาธิบดีเฟลิกซ์ โฟร์ ได้ประดับเหรียญเชิดชูเกียรติในการช่วยชีวิตแก่ตำรวจสนามโจลลี่และซอลโล่ท์ด้วยตนเองโดยคนแรกเพิ่งจะได้รับเหรียญเชิดชูเกียรติทางทหารมาเมื่อเร็ว ๆ นี้ด้วย
พระเจ้าแผ่นดินแห่งสยามได้มีพระราชประสงค์ที่จะสัมผัสมือพบปะกับตำรวจสนามผู้กล้าหาญนี้ด้วยเช่นเดียวกัน
จากหนังสือ สมเด็จพระปิยมหาราช กับนักเขียนฝรั่งเศส หน้า ๒๖ - ๒๗ จัดพิมพ์โดย มูลนิธิเอกชนพัฒนาภูมิภาค แปลและเรียบเรียง จากข้อเขียนของนักเขียนฝรั่งเศส สมัยปี ค.ศ. ๑๘๖๖ ถึง ๑๙๑๐ แปลโดย พลเรือเอกวรงค์ ส่งเจริญ และนางวรสุลีศรี ส่งเจริญ ผู้เชี่ยวชาญภาษาฝรั่งเศส จากเอกสารต้นฉบับภาษาฝรั่งเศส ของ พลเอกมนตรี ศุภาพร รองประธานมูลนิธิ เอกชนพัฒนาภูมิภาค ได้มาจากร้านหนังสือเก่าที่เมืองลิล (Lille) ประเทศฝรั่งเศส เมื่อปี พ.ศ. ๒๕๓๗
ข้อมูลจาก
คุณใจนาย