เรือนไทย

General Category => วิเสทนิยม => ข้อความที่เริ่มโดย: พวงร้อย ที่ 29 ม.ค. 01, 15:45



กระทู้: คุณนวลขาาา เจ้าข้าเอ๊ยยย ดิฉันทำผัดกะเพราได้แล้วค่ะ
เริ่มกระทู้โดย: พวงร้อย ที่ 29 ม.ค. 01, 15:45
เมื่อวานไปได้เนื้อไก่บด กับใบกะเพรา พริกขี้หนูสด มาจากตลาดไทย  เลยตัดสินใจทำผัดกะเพราวัดดวงดูอีกทีค่ะ  
หลังจากที่เจ๊ามาหลายงวดจนเซ็งแล้ว   ก็เปิดกระทู้ที่ ๒๕๓ ทำตามตำราคุณนวลๆไปทุกระยะเลยค่ะ  แต่ตอนผัดกระเทียม พริก นั้น  
ใส่ใบกะเพราะไปหนึ่งกำมือ  จะได้มีส่วนที่กรอบๆบ้าง  แล้วก็ใส่เนื้อไก่ลงไปผัดอยู่นานจนไก่สุกร่วนเลยค่ะ  เพราะชอบแบบนั้น  
แล้วทำนำ้ซ้อสตามที่คุณนวลบอกไว้ มีนำ้มันหอย ซีอิ๊วขาว นำ้ตาล  แต่บีบนำ้มะนาวเติมลงไปค่อนลูก  ให้มันกลมกล่อมสดใสหน่อย  
นำ้ตาลก็ใช้นำ้ตาลมะพร้าวค่ะ  คนๆแล้วเทโครมไปอย่างคุณนวลว่า  โฮ้ย ออกมาสุดจะแซ่บเลยค่ะ  ขอบคุณม้ากกมากนะคะ  
ดีใจจริงๆค่ะ


กระทู้: คุณนวลขาาา เจ้าข้าเอ๊ยยย ดิฉันทำผัดกะเพราได้แล้วค่ะ
เริ่มกระทู้โดย: นนทิรา ที่ 22 ม.ค. 01, 09:44
ดิฉันเลยพลอยดีใจไปด้วยเลยค่ะ คุณพวงร้อย  จนอยากจะตามไปชิมบ้าง เพราะดิฉันน่ะ ผัดกะเพราะไม่อร่อยเหมือนกันค่ะ ท่าจะต้องไปทำตามตำราคุณนวลดูบ้างแล้ว ใส่น้ำมันหอย แล้วอร่อยกว่าน้ำปลาเหรอคะ แต่บีบมะนาวนี่ น่าจะใช้ได้เลย สงสัยเราจะต้องคอเดียวกันแน่เลยค่ะ คุณพวงร้อย ทานอะไรแล้วได้บีบมะนาวเนี่ย เหมือนว่ารสชาติดีขึ้นเยอะเลย

อ้อ ฝากเรียนถามคุณเทาชมพูตรงนี้ดีกว่า เผื่อเธอจะตามกลิ่นผัดกะเพราะของคุณพวงร้อยเข้ามา (ขออภัยคุณพวงร้อย ดิฉันขอใช้เนื้อที่ตรงนี้นะคะ) คุณเทาชมพูคะ รสชาติ หรือ รสชาด คะ ดิฉันเคยเห็นทั้งสองแบบ  แต่เหมือนกับจะเคยเรียนมาว่า รสชาติ  แล้วก็ สเปน กับ สเปญ ด้วยค่ะ เขียนแบบไหนถูกคะ


กระทู้: คุณนวลขาาา เจ้าข้าเอ๊ยยย ดิฉันทำผัดกะเพราได้แล้วค่ะ
เริ่มกระทู้โดย: พวงร้อย ที่ 22 ม.ค. 01, 12:34
ขอบคุณค่ะ คุณนนทิรา  ดิฉันเห็นมาในตำราไหนๆเค้าก็บอกให้ใช้นำ้ปลา  ก็เลยใช้นำ้ปลามาตลอด  แถมไม่บอกว่ามีการราดนำ้ซ้อสเพิ่มอีก  
เลยผัดกะเพราไม่เอาไหนมาตลอด  เห็นสูตรคุณนวลแต่แรกก็งงๆเหมือนกันค่ะ  ว่าทำไมไม่ใช้นำ้ปลา  แต่กลับมาใช้ซีอิ๊วกับนำ้มันหอย  
แต่ความที่ผัดเจ๊งมาหลายกะทะแล้ว  เลยลองทำตามสูตรคุณนวลหน่อย   ไม่น่าเชื่อจริงๆค่ะ  ออกมาเหมือนที่ไปกินตามร้านเป๊ะเลย  
ไม่ทราบเหมือนกันค่ะ  ว่าคุณนวลไปได้แกวมาจากไหน  แต่รับรองได้เลยค่ะ  ว่าแซ่บสะเด็ด  เรื่องใส่นำ้มะนาวนี่  
ทุกอย่างที่ทำดิฉันจะใส่มันสี่รสไปเลยค่ะ  เปรี้ยว เค็ม หวาน เผ็ด   แล้วแต่จะปรับปรุงว่ารสไหนนำ  รสไหนซ่อนเร้นเป็นตัวประกอบ  
แต่รับรองเลยค่ะว่ามันออกมาสุขุมกลากล่อม  รสชาดสามมิติเลยค่ะ

คิดว่าสะกดว่า รสชาด มังคะ  ดิฉันก็สะกดถูกๆผิดๆ ไม่มีพจนานุกรมไว้  เที่ยวก่อนกลับเมืองไทยว่าจะหอบเอาพจนานุกรมมาด้วย  
แต่นำ้หนักหนังสืออย่างอื่นเกินโควต้าไปมาก   และก็ไม่ได้คิดว่าจะมาเขียนหนังสือไทยมาก(เหอๆๆ)  เลยตัดใจไม่เอามา  
เลือกเอาหนังสืออย่างอื่นมาแทน  แต่กระนั้น  หลังจากหอบหนังสือหลังแอ่นเต็มพิกัดแล้ว  ยังชิปตามมาอีกเจ็ดสิบกิโลค่ะ  
เกิดแผ่นดินไหวขึ้นมาละก็อาจจะโดนหนังสือทับตายก็ได้นะคะ


กระทู้: คุณนวลขาาา เจ้าข้าเอ๊ยยย ดิฉันทำผัดกะเพราได้แล้วค่ะ
เริ่มกระทู้โดย: ด.เด็ก ที่ 22 ม.ค. 01, 13:26
เขียนว่า รสชาติ อ่ะ พี่พวงร้อย
ส่วน สเปน กับสเปญนี่ เข้าใจว่าได้ทั้งคู่....


กระทู้: คุณนวลขาาา เจ้าข้าเอ๊ยยย ดิฉันทำผัดกะเพราได้แล้วค่ะ
เริ่มกระทู้โดย: ดาหาชาดา ที่ 22 ม.ค. 01, 19:34
โห แล้วนี่ฝรั่งข้างบ้านเขาไม่โวยเอาหรือคะ เรื่องทำให้เขาจามแล้วจามเล่าน่ะ
คุณพวงร้อยอยู่ในเมืองใหญ่หรือเมืองเล็กเนี่ย
ถ้าอยู่ในเมืองเล็ก ระวังเวลาผัดแล้วคนทั้งเมืองจะมาขอชิม


กระทู้: คุณนวลขาาา เจ้าข้าเอ๊ยยย ดิฉันทำผัดกะเพราได้แล้วค่ะ
เริ่มกระทู้โดย: นวล ที่ 22 ม.ค. 01, 22:25
เห็นม่ะ... บอกแล้ว มือชั้นนี้ (ขอคุยสักหน่อยเถอะ)
สูตรเนื้อเค็ม ผลตอบรับก็โอเค
สูตรผัดกะเพราะ ผลตอบรับก็โอเค
กำลังรอผลรับสูตรเต้าเจี้ยวหล่นอยู่ค้าาาาาาาา

แต่แรกก็ใช้แต่น้ำปลาเหมือนกันค่ะ แต่ทำแล้วต้องเททิ้ง
แล้วพอไปทานร้านดังๆ ก็แอบดูเขาผัดกะเพราะ
ก็เห็นเต็มสองตาเลยว่า ใช้น้ำมันหอย กะ น้ำปลา
แต่ทีนี้ พอมาเปลี่ยนเป็นซีอิ๊วขาว ... เอ๊ะ รสมันทั้งกลม
(ทั้งแบน) ทั้งกล่อมกว่ากันมาก ถึงได้ถึงบางอ้อว่า
ที่เขาใช้น้ำปลานั้น เป็นเพราะจะประหยัดต้นทุนมากกว่า
แต่เราทำทานเอง ก็ใช้ของดีเสียเลย... ส่วนเรื่องใส่มะนาวนั้น
ยังไม่เคยใช้กับผัดกะเพราะค่ะ เพราะโดยส่วนตัวแล้ว ก็ออก
จะเปรี้ยว (แบบยุคหิน) อยู่แล้ว จึงไม่ต้องพึงพามะนาว... 5555

เคยไปทานผัดผักสี่สหาย หกสหาย เก้าสหายตามร้านอาหารจีนไหมค่ะ
สูตรน้ำที่ราดผัดนั้น ง่ายมาก....... และถ้าจะให้เจ๋งจริงๆ ก็เติมกุ้งเสียหน่อย
รับรอง....

เอาไว้ตกยาก พิมพ์แบงค์เองไม่ได้แล้ว อิฉันว่าจะเปิดร้านอาหารเจ้าค่ะ
แต่สงสัยจะเจ๊งเร็ว เพราะเจ้าของร้านใช้แต่ของดีๆ อีกทั้งสหายก็มาก
อย่างคุณดาหาอย่างนี้ นอกจากจะเชิญมาลองชิมแล้ว คงต้องทำเผื่อให้
ห่อกลับด้วย... !!!!!


กระทู้: คุณนวลขาาา เจ้าข้าเอ๊ยยย ดิฉันทำผัดกะเพราได้แล้วค่ะ
เริ่มกระทู้โดย: พวงร้อย ที่ 23 ม.ค. 01, 08:06
ขอบคุณค่ะ คุณ ด เด็ก

คุณดาหาฯ เมืองเล็กเมืองใหญ่  แค่ผัดกะเทียมเค้าก็ตะกายข้างฝากันแล้วค่ะ อิอิ  เดี๋ยวนี้เลยเล่นตัวยังกะมีปาร์ตี้ลิสต์ ทรท แน่ะ จะทำให้ตัวเองกินยังไม่มีเวลาเลยค่ะ

อยากลองทำเต้าเจียวหลนเหมือนกันค่ะ  แต่ขี้เกียจแกะกุ้ง  ไว้วันหลังมีเวลาเยอะอาจจะลองดูค่ะ  ขอบคุณคุณนวลอีกทีนะคะ  ดิฉันน่ะชอบเปรี้ยวๆค่ะ  แบบเอาตั้งแต่หัวจรดเท้าเลย คิกๆๆ  วันหลังจะไปขอชิมสีมือคุณนวลค่ะ  ดีไม่ดีอาจจะไม่นานเกินรอหรอกค่ะ  แต่ตอนนี้ยังไม่ทราบว่าจะออกหัวออกก้อยยังไงเลย


กระทู้: คุณนวลขาาา เจ้าข้าเอ๊ยยย ดิฉันทำผัดกะเพราได้แล้วค่ะ
เริ่มกระทู้โดย: ดาหาชาดา ที่ 23 ม.ค. 01, 12:31
เชียร์ให้เปิดร้านอาหารค่ะ คุณนวล จะได้ไปชิมและห่อกลับบ้านด้วยดังว่า เราเป็นแต่กินอ่ะทำไรไม่เป็นเล้ย  เก่งที่สุดก็คือข้าวผัดอ่ะ

เวลาคุณพวงร้อยมาเมืองไทย แล้วไปชิมอาหารบ้านคุณนวลชอพ่วงไปด้วยคนนะคะ  อิฉันกับหวานใจและปิ่นโตอีกสองสามเถาคงไม่รบกวนคุณนวลมากใช่ไหมคะ

มีเพื่อนเป็นหัวหน้าข่าวที่หนังสือพิมพ์ฉบับหนึ่ง อยู่มาก็ต้อง รับผิดชอบเขียนรายการอาหารนานาชนิดให้คนอ่านเอาไปทำ  เขียนแล้วเห็นภาพต้องทำอย่างนั้นอย่างนี้ เข้าใจง่ายเชียว  อาหารจะออกมาน่ากินอย่างไรบ้าง  แต่ที่จริงทำอาหารไม่เป็นสักกะนิดเดียว   มีอยู่คราวหนึ่งสอนทำบัวลอยสูตรชาววัง นวดแป้งเสร็จแล้ว ปั้นเป็นตัวแล้ว เตรียมน้ำกะทิเสร็จแล้วก็จบ เสิร์ฟเลย อาทิตย์ต่อมา คนอ่านเขียนมาบอกว่ายังไม่ได้ต้มบัวลอยกันสักนิดเสิร์ฟแล้วได้ไง....ฮากันทั้งกองบก.

คุณพวงร้อยจะมาเมื่อไรคะเนี่ย บอกกันมั้งนะคะ จะได้ get together


กระทู้: คุณนวลขาาา เจ้าข้าเอ๊ยยย ดิฉันทำผัดกะเพราได้แล้วค่ะ
เริ่มกระทู้โดย: พวงร้อย ที่ 23 ม.ค. 01, 13:53
ถ้าทราบเมื่อไหร่ต้องบอกไปแน่ๆเลยค่ะ  จะไม่ไปเจอสหายร่วมเกือกกันได้ยังไง ฮ่าๆๆๆ  แต่ตอนนี้ยังบอกไม่ได้เลยค่ะ  ตั๋วน่ะมีตั๋วฟรีแล้วค่ะ  
แต่จะสับหลีกตารางหาเวลาไปให้กลับมาแล้วยังมีงานทำต่อ(เหอๆๆ)ยังไงนี่  ตอนนี้ยังนึกไม่ออกเลยค่ะ  คงต้องอีกซักสองสามเดือนถึงจะรู้น่ะค่ะ


กระทู้: คุณนวลขาาา เจ้าข้าเอ๊ยยย ดิฉันทำผัดกะเพราได้แล้วค่ะ
เริ่มกระทู้โดย: นนทิรา ที่ 23 ม.ค. 01, 14:19
โห...อิจฉาๆๆ จะได้ไปชิมปลายจวักคุณนวลกัน...อยากไปบ้าง ทำยังไงดีน้อ

ว่าแล้วเราก็สมควรจะไปผัดกะเพราก่อนดีกว่า


กระทู้: คุณนวลขาาา เจ้าข้าเอ๊ยยย ดิฉันทำผัดกะเพราได้แล้วค่ะ
เริ่มกระทู้โดย: ดาหาชาดา ที่ 23 ม.ค. 01, 15:43
จะรอเจอคุณพวงร้อยค่ะ

อดไม่ได้ต้องแซวต่อไป  ถ้าทำตามตำราคุณนวลน่ะ ต้องผัดกะเพราะค่ะ นัยว่าอร่อยว่ากะเพรา  
กะเพรานี่ บ้านอิฉันเรียกว่าใบกอมก้อ  เคยถูกแม่ครัวใช้ให้ไปหาใบกอมก้อเพื่อจะมาผัดกับหมู  เป็นเง็งเลยอ่ะ


กระทู้: คุณนวลขาาา เจ้าข้าเอ๊ยยย ดิฉันทำผัดกะเพราได้แล้วค่ะ
เริ่มกระทู้โดย: นกข. ที่ 23 ม.ค. 01, 20:11
ยังไงๆ ก็อย่าผัดให้คนฮินดูเห็นครับ ต้นกะเพรา (หรือต้นแมงลักก็ไม่แน่ใจ พันธุ์ใกล้ๆ กัน) นี้ คนอินเดีย (ฮินดู) เขานับถือเป็นเทพเจ้า เรียกว่าเจ้าแม่ตุลสี ผมเคยทำผัดกะเพราให้เพื่อนแขก หมอนั่นตาถลนร้องว่า - โอ ยูเอามายกอดเดสไปผัดเสียแล้วน่ะ- แต่ในที่สุดมันก็กินเจ้าแม่ตุลสีของมันนะครับ สงสัยจะเป็นฮินดูไม่เคร่ง...


กระทู้: คุณนวลขาาา เจ้าข้าเอ๊ยยย ดิฉันทำผัดกะเพราได้แล้วค่ะ
เริ่มกระทู้โดย: นนทิรา ที่ 23 ม.ค. 01, 21:13
ว่าแต่ว่าผัดกะเพราของคุณนกข.น่ะ อร่อยหรือเปล่าคะ มีน้ำขลุกขลิกเหมือนตำราของคุณนวลหรือเปล่า  

ความจริงถ้าคุณนกข.ทำกับข้าวอร่อย ก็โฆษณาปลายจวักหน่อยสิคะ เผื่อจะใช้เสน่ห์ปลายจวักเนี่ยแหละ ได้แต่งงานแต่งการซักที เพราะจะเอาดีทางร้องเพลง ดูท่าจะต้องร้องประชันกับคุณแจ้งไปอีกนาน


กระทู้: คุณนวลขาาา เจ้าข้าเอ๊ยยย ดิฉันทำผัดกะเพราได้แล้วค่ะ
เริ่มกระทู้โดย: พวงร้อย ที่ 23 ม.ค. 01, 22:17
ใบตุลสีที่คุณ นกข ว่า  สงสัยจะเป็น ใบโหระพา มากกว่าค่ะ  เคยสั่งเมล็ดพวก basils มาปลูกอยู่ร่วมสิบอย่าง  กะเพราะและโหระพกก็อยู่ในตระกูลนี้  
มีอยู่อย่างหนึ่งเค้าเรียกว่า Holy basils เอามาปลูกดูแล้ว  มีดอกสีม่วงๆ  คล้ายๆใบโหระพา

ใบกะเพราะนี่ หาเมล็ดตามแค้ตตาลอกมาปลูกไม่ได้เลยค่ะ  ลองปลูกที่ฝรั่งเค้าขายเมล็ดมาทุกอย่างแล้ว  ตั้งแต่ใบขนาดเล็บนิ้วก้อย  
ไปจนถึงขนาดใบชะพลู  เอามาห่อเมี่ยงได้สบาย  ที่ใกล้เคียงใบกะเพราะที่สุดก็เป็นอย่างที่เค้าเรียกว่า  lemon basils แต่ก็ไม่ใช่ทีเดียว  
เพราะกลิ่นมันออกมาะนาวไปหน่อยและใบมีขน  เวลาทอดก็ไม่กรอบเหมือนใบกะเพราะ

ผัดกะเพราคุณ นกข ท่าจะอร่อยมากนะคะ  เหมือนสูตรของคุณนวลรึเปล่าคะ


กระทู้: คุณนวลขาาา เจ้าข้าเอ๊ยยย ดิฉันทำผัดกะเพราได้แล้วค่ะ
เริ่มกระทู้โดย: นกข. ที่ 23 ม.ค. 01, 23:14
ของคุณนวลท่าทางจะอร่อยกว่าครับ ผมทำผัดกะเพราก็งั้นๆ แหละ แต่ได้เคล็ดคุณนวลไปแล้วจะลองทำดู ผมทำกับข้าวที่มีคนอื่นเขาว่าอร่อยพอใช้ได้อยู่ไม่กี่อย่างครับ ไข่ตุ๋นญี่ปุ่น สุกี้และน้ำจิ้มสุกิ้ (แบบสุกี้เมืองไทย ไม่ใช่แบบญี่ปุ่นแท้ ถึงจะแกล้งๆ เทเหล้าสาเกลงไปด้วยก็เถอะ) มัสหมั่น สตู (แต่ตอนนี้ไม่กล้าใช้เนื้อวัว) ... เห็นจะเท่านั้นที่พอทำอวดได้บ้าง นอกนั้นทำกินเองเป็นหลัก
ทำอะไรที่เกี่ยวกับกล้วยไม่เป็นเลยครับ กินเป็นอย่างเดียว


กระทู้: คุณนวลขาาา เจ้าข้าเอ๊ยยย ดิฉันทำผัดกะเพราได้แล้วค่ะ
เริ่มกระทู้โดย: แจ้ง ใบตอง ที่ 23 ม.ค. 01, 23:41
เรื่องของกินที่ไม่ถนัดทำเลยครับ ถนัดแต่กิน  แต่มีกับบ้าวอย่างหนึ่งมาแนะนำ
ก็คือ "ผัดพริกหมูย่าง" เมนูนี้เวลาผมกลับบ้านจะต้องซื้อหมูเนื้อแดงไปให้แม่
ทำให้กินทุกทีเลย วิธีการทำง่ายๆ ครับ คือเอาหมู (ซัก ๑/๒ กิโล) มาแล่เป็นแผ่นๆ
แล้วเอาไปย่างไฟพอสุก  พอย่างเสร็จเรียบร้อยแล้วก็เอาหมูมาฉีกให้เป็นเส้นฝอย
(ฉีกตามความยาวของเส้นใย ..ไม่รู้ว่าเรียกอย่างนี้หรือเปล่า) ยิ่งฉีกให้เป็นฝอย
มากเท่าไหร่ เวลาเอาไปผัดกับพริกแกง พริกแกงก็จะซึมซาบเข้าไปในเนื้อหมูย่าง
เพิ่มความอร่อยเป็นทวีคูณ  เมื่อฉีกเสร็จแล้วก็พักไว้ก่อน...
จากนั้นเอากระทะตั้งเตาครับ รอจนกระทะร้อนแล้วก็เอาหัวกระทิใส่ซักหน่อย
(๑ ทัพพีก็พอ ตามแต่จะชอบแบบขลุกขลิกหรือแบบแห้งๆ แต่ผมชอบอย่างหลังมากกว่าครับ)
พอกระทิเดือดก็เอาพริกแกงลงไปผัดให้สุก    จากนั้นก็เอาหมูย่างที่ฉีกแล้ว
เทใส่กระทะผัดคลุกเคล้าให้เข้ากัน เติมน้ำปลาน้ำตาลตามใจชอบ อย่าผัดนานครับ
เพราะหมูย่างมันค่อนข้างสุกอยู่แล้ว ตอนเอากระทะขึ้นให้ใส่ใบกระเพราลงไปซัก
หยิบมือหนึ่งเพิ่มความหอม....

วิธีการอาจจะยุ่งยากไปซักหน่อยก็เถอะ  แต่ลองทำดูครับแล้วจะติดใจ สูตรนี้
เป็นสูตรเด็ดของแม่ผมเอง ...


กระทู้: คุณนวลขาาา เจ้าข้าเอ๊ยยย ดิฉันทำผัดกะเพราได้แล้วค่ะ
เริ่มกระทู้โดย: olala ที่ 24 ม.ค. 01, 00:39
:) I tried khun Nual's "Tao~ Jiao~ Lhon+" recipe (RW269) yesterday ka'. :) :O~~~ very very successful ka'... :) :) :) Thanks khun Nual very much again. :) I'll try Pad Kraprow soon ka'. :)


กระทู้: คุณนวลขาาา เจ้าข้าเอ๊ยยย ดิฉันทำผัดกะเพราได้แล้วค่ะ
เริ่มกระทู้โดย: นวล ที่ 24 ม.ค. 01, 19:09
ขอบคุณ.. ขอบคุณ คุณโอล่าล้าที่แจ้งมาให้ทราบว่า
เต้าเจี้ยวหล่นก็ได้ผลดี... คราวนี้ใครอยากได้สูตรอาหารอะไร
จะยากแค่ไหน ก็จะหามาบริการเจ้าค่ะ... (ชักจะบ้าหน่อยๆ แล้ว เอิ้กๆๆ)

คุณ นกข. ทราบไหม กว่าอิฉันจะทำไข่ตุ๋นญี่ปุ่นได้เนียน ละมุนลิ้น
ผิวหน้าเต่งตึงดังสาวเอ๊าะๆ นั้น เกือบท้อ! เฮ้อ. เฮ้อ.. แรกๆ มันออกมาฟอง
อากาศเต็มไปหมด จนสุดท้ายไปเจอเจ้าของร้านอาหาร (โดยบังเอิญ)
เลยถือโอกาสถามซะเลย ไม่นึกว่าเขาจะบอก แต่ผิดคาด... ตอนนี้
ไข่ตุ๋นญี่ปุ่นของอิฉันผิวหน้าพอจะดูได้ว่าอ่อนกว่าคนทำเยอะ!!???


กระทู้: คุณนวลขาาา เจ้าข้าเอ๊ยยย ดิฉันทำผัดกะเพราได้แล้วค่ะ
เริ่มกระทู้โดย: นกข. ที่ 24 ม.ค. 01, 20:15
ถ้าเนื้อไข่ตุ๋นไม่เนียน ป้านวลก็บอกว่าเราทำไข่ตุ๋นไทยสิครับ เพราะไข่ตุ๋นไทยก็เนื้อยังงั้นแหละ
ผมก็ไม่ทราบว่าผมอุตส่าห์หัดทำกับข้าวขนาดนี้แล้ว ออกเรือนได้หรือยัง...


กระทู้: คุณนวลขาาา เจ้าข้าเอ๊ยยย ดิฉันทำผัดกะเพราได้แล้วค่ะ
เริ่มกระทู้โดย: ชานเรือน ที่ 24 ม.ค. 01, 20:22
คุณนวล บอกเคล็ดไม่ลับ ของการทำไข่ตุ๋น     หน้าตึงบ้างซิคะ ดิฉันทำได้แต่ไข่ตุ๋นแบบไทยๆ


กระทู้: คุณนวลขาาา เจ้าข้าเอ๊ยยย ดิฉันทำผัดกะเพราได้แล้วค่ะ
เริ่มกระทู้โดย: นวล ที่ 24 ม.ค. 01, 22:40
ชัวร์ คุณ นกข. ออกเรือนได้แล้วแน่นอน แต่จะหาเรือนออกนั้นได้หรือไม่

ยังเป็นปัญหาคาใจ... เอาอย่างนี้ เดี๋ยวป้าจะไปเปิดกระทู้โฆษณาสรรพคุณ

ของกระทาชายหนุ่มหนึ่งนายที่อยากออกเรือนดีมั้ย? เอาชนิด It's an offer that

no girl can refuse.  ไม่คิดค่าคอมมิชั่นด้วย. (ศิรานวล)



คุณชานเรือน เคล็ดไม่ลับคือ ตีไข่ให้ฟู ทิ้งไว้จนฟองหาย

เอาน้ำซุปใส่ชามในปริมาณ 3:1 ของไข่ อ้อ.. เติมรสน้ำซุปให้

พอดีค่ะ กวนให้เข้ากันกับไข่เบาๆ ระวังอย่าให้เกิดฟอง

เปิดไฟให้น้ำในหม้อตุ๋นเดือดเกินร้อยองศา (หากทำได้)

เดือดจริงๆ แล้วจึงวางชามตุ๋นไข่ลงในหม้อตุ๋น รีบปิดฝา

ิอย่าเพิ่งร่ีไฟ ทิ้งไว้ให้น้ำเดือดอย่างนั้น จนคิดว่าไข่น่าจะสุกแล้ว

จึงร่ีไฟลง ตุ๋นต่อไปให้เนื้อไข่แข็งขึ้นอีกสักนิด ยกลง

เตรียมช้อน เปิดฝาหม้อ ค่อยๆ บรรจงตักชิม

หากผิวหน้ายังไม่เต่งตึง ต้องหาครีมมาทาหน้าก่อนนอนด้วยค่ะ


กระทู้: คุณนวลขาาา เจ้าข้าเอ๊ยยย ดิฉันทำผัดกะเพราได้แล้วค่ะ
เริ่มกระทู้โดย: พวงร้อย ที่ 25 ม.ค. 01, 01:06
แหม ฟังแล้วชักอยากกิน  วันหลังต้องลองทำเต้าเจี้ยวหลนดูบ้าง  ขอบคุณคุณนวลสำหรับเคล็ดไข่ตุ๋น  แต่ช่วยบอกอีกทีตั้งแต่ข้อ 1 ได้มั้ยคะ  แล้วใส่แต่ไข่เหรอคะ  จะใส่เครื่องอย่างอื่นได้หรือเปล่าคะ

สุกี้นี้  ของญี่ปุ่นแท้ๆไม่เอาไหนเลยค่ะ  เอ หรือจะเป็นเพราะเราชินกับของไทยก็ไม่ทราบ  แต่เคยไปทานของญี่ปุ่นสองครั้ง  ก็ทานไม่หมด  มันเปรี้ยวยังกะนำ้ซุปทำด้วยนำ้ส้มสายชูล้วนๆเลยค่ะ  คุณ นกข ช่วยบอกสูตรสุกี้รสเด็ดของคุณมั่งซีคะ  คิดว่าถ้าจะดูแต่ฝีมือการครัวอย่างเดียว  คงออกเรือนได้สบายโก๋แล้วค่ะ  แต่ว่าจะให้แน่คงต้องถูปากให้ท่ือลงหน่อยมังคะ  สาวๆเค้ากัวโดนบาดกันหมดน่ะค่ะ เอิ๊กๆๆ


กระทู้: คุณนวลขาาา เจ้าข้าเอ๊ยยย ดิฉันทำผัดกะเพราได้แล้วค่ะ
เริ่มกระทู้โดย: ดาหาชาดา ที่ 25 ม.ค. 01, 12:31
โห ขอไม่มากระทู้นี้อีกสักหลายเดือนเลยล่ะ กะลังลดน้ำหนักอยู่ เดี๋ยวสมาธิแตกซ่านหมด


กระทู้: คุณนวลขาาา เจ้าข้าเอ๊ยยย ดิฉันทำผัดกะเพราได้แล้วค่ะ
เริ่มกระทู้โดย: นกข. ที่ 25 ม.ค. 01, 18:11
สุกี้ผมเป็นสุกี้ไทยแบบโคคาสุกี้ครับ แต่ก่อนนี้ เขาทึ่งกันที่น้ำจิ้ม ผมทำออกมาคล้ายๆ น้ำจิ้มสุกี้บ้านเรา ซึ่งในเมืองนอกสมัยก่อนหาไม่ได้ง่าย เดี๋ยวนี้ไปเดินร้านของชำเอเชียในเมืองนอกก็เจอน้ำจิ้มสุกี้ไทยใส่ขวดส่งไปวางขายแล้ว ความสามารถพิเศษของผมเลยไม่มีความพิเศษอีกแล้ว
สูตรของผม ใช้เต้าหู้ยี้เมืองจีนสีแดงจะอร่อยกว่าเต้าหู้ยี้เมืองไทย น้ำกระเทียมดองและเนื้อกระเทียมดองสับละเอียด งาขาวคั่ว หรือไม่มีจะใส่น้ำมันงานิดหน่อยก็ได้ เอากลิ่น ซ้อสพริกศรีราชา เอาผสมกวนๆ เข้าด้วยกัน ไม่มีอัตราส่วนครับเอาตามชอบใจ อ่อนรสไหนก็เติมเอา เช่น เต้าหู้ยี้จะให้รสเค็ม น้ำกระเทียมดองออกหวาน ซ้อสศรีราชาจะให้รสเปรี้ยวกับเผ็ด จะแอบเติมน้ำตาล น้ำส้มสายชูตามชอบก็ได้ แต่ผมไม่ค่อยเติม ส่วนมากมักจะแอบรินเหล้าหวานญี่ปุ่น มิริน นี้ดเดียว เอาเคล็ดว่าต้นตำรับมาจากญี่ปุ่นนะเคอะ ได้รสแล้วใส่ผักชีสับละเอียด บางตำราเขาให้ผัดเต้าหู้ยี้ก่อน ผมไม่ได้ผัดครับ ทำสดรับประทานสดเดี๋ยวนั้นให้หมดเลย ไม่เก็บ แต่เคยทดลองเอาเข้าไมโครเวฟเมื่อคลุกได้รสแล้ว ก่อนใส่ผักชี
หั่นมะนาวเป็นเสี้ยว พริกขี้หนูหั่น กระเทียมสดสับ ยกไปให้คนกินเข้าปรุงรสเอาเองตามชอบด้วย

ก็เท่านั้นแหละครับสูตรน้ำจิ้มสุกี้ผม จะให้ดีอีกอย่างก็ต้องน้ำซุป ซึ่งถ้ารีบๆ ก็เอาคนอร์ละลายน้ำก็จบ แต่ถ้าจะพิถีพิถัน ก็คล้ายๆ ซุปก๋วยเตี๋ยวแหละครับ โครงกระดูกไก่ พริกไทย รากผักชี กระเทียมดองสักหน่อย ตังไฉ่ หอมใหญ่ หัวไชเท้า เซเลรี่หรือคึ่นช่าย เห็ดหอมหน่อยก็ดีนะ ต้มแบบเดียวกับต้มทำซุป ปรุงรสตามชอบ ถึงเวลาก็เอาหม้อตั้ง น้ำซุปใส่ เดิอดแล้วก็เอาเครื่องเหมือนร้านสุกี้เขาทำ คือ เนื้อไก่ (หมักซิอิ๊วญี่ปุ่น พริกไทย เหล้าจีน เสียหน่อยก็จะอร่อย) กุ้ง ผักต่างๆ วุ้นเส้น ไข่ ปลาหมึก ลูกชิ้น สาหร่ายทะเล... ฯลฯ มีอะไรก็เอาอันนั้น ไม่ต้องครบก็ได้ ดัดแปลงเอานะครับ ใส่กระชอนลงไปลวก รับประทานเหมือนในร้านสุกี้บ้านเรานะครับ จะเอาอะไรมากมาย เมืองนอกน่ะ ไม่ใช่เมืองไทย
ถ้าหาหม้อกะทะร้อนตั้งกลางโต๊ะไม่ได้ จะทำมาเป็นชามๆ จากในครัวก็ได้ครับ หรือที่ผมเคยดัดแปลงเอาหม้อหุงข้าวไฟฟ้ามาตั้งกลางโต๊ะ ต้มน้ำซุปแทน ก็ใช้ได้เหมือนกัน เห็นจะอร่อยตรงแย่งกันกินในหมู่นักเรียนไทยมากกว่าอื่น


กระทู้: คุณนวลขาาา เจ้าข้าเอ๊ยยย ดิฉันทำผัดกะเพราได้แล้วค่ะ
เริ่มกระทู้โดย: นกข. ที่ 25 ม.ค. 01, 18:19
อ้อ ถ้าขยันพอที่จะหมักเนื้อไก่ ใส่น้ำมันงาลงไปนิดนะครับ ลืมไปอย่างหนึ่ง แต่จริงๆ แล้วจะไม่หมักอะไรเลยก็ไม่แปลก
ผักที่ใช้ ถ้าจะให้ดี ควรมีต้นหอมหั่นท่อน กะหล่ำ เห็ดหอมก็ได้แต่ไม่มีก็ได้ และผักกินใบทุกชนิด อะไรก็ได้ ทำๆ ไปทานๆ ไป น้ำต้มผักต้มไก่กุ้งหมู ฯลฯ ในหม้อสุกี้ มันจะหวานอร่อยเองครับ ไม่ต้องพึ่งคนอร์หรือผงชูรสเลย

ที่จริงไม่ต้องทำอย่างนี้เป๊ะหรอกครับ จะทำอาหารให้สนุก ต้องพลิกแพลงตามใจชอบ ตำราเป็นแต่แนวทางเท่านั้น


กระทู้: คุณนวลขาาา เจ้าข้าเอ๊ยยย ดิฉันทำผัดกะเพราได้แล้วค่ะ
เริ่มกระทู้โดย: ชานเรือน ที่ 25 ม.ค. 01, 23:44
ขอบคุณค่ะคุณนวล
วันหยุดนี้จะทดลองฝีมือตัวเองสักที  
ส่องกระจกหน้าไม่ตึงแล้ว  
ขอกินไข่ตุ๋นหน้าเรียบก็แล้วกันค่ะ    

แหม! เข้าไปอ่านกระทู้ติดเรท ข้างล่างมาเลย ต้องระวังการใช้ภาษาบ้าง  
ยิ่งอยู่ในกลุ่ม ไม่ get ประเดี๋ยวจะยุ่งไม่รู้ตัว

อาหารที่นี่ ประเภทลดความอ้วนก้มีนะคะ
สุกี้นั่นก็กินได้ไม่อ้วนนะคะ


กระทู้: คุณนวลขาาา เจ้าข้าเอ๊ยยย ดิฉันทำผัดกะเพราได้แล้วค่ะ
เริ่มกระทู้โดย: พวงร้อย ที่ 26 ม.ค. 01, 05:58
โห ขอบคุณมากเลยค่ะ  คุณ นกข  อยากได้สูตรนำ้จิ้มแบบนี้มานานแล้วค่ะ  ชอบมากที่สุดเลยค่ะ  เคยไปเจอร้านสุกี้ที่อร่อยปิ๊งที่สุดที่ อ พนัสนิคม จ ชลบุรีค่ะ  เป็นร้านในตลาด  บอกไม่ถูกเหมือนกันว่าอยู่ตรงไหน  นำจิ้มของเค้าบอกได้เลยว่าทำมาจากเต้าหู้ยี้สีแดงบด  และมีกลิ่นนำ้มันงากับกระเทียมเจียวปนอยู่  แต่มาลองทำดูเท่าไหร่ก็ไม่เหมือน  เคล็ดลับอยู่ตรงที่นำ้กระเทียมดองนี่เอง อะฮ้า แถมนำ้พริกศรีราชาด้วยนี่ต้องอร่อยจนสาวหลงแน่ๆเลยค่ะ  ฮิๆๆ

เต้าหู้ยี้สีแดงแบบจีนแท้ๆนี่เมืองไทยก็หาได้ค่ะ  ตามร้านขายของชำในตลาดที่คนจีนขายของอยู่นี่ต้องมีแน่ๆเลยค่ะ  ดิฉันเคยหาได้

ไปดูรูปปลาหมึกสดที่ห้องเด็กวิทย์ไปพลางๆก่อนก็ได้ค่ะ  เพิ่งไปแปะมาเยอะแยะเลย  ด้วยความซาดิสต์(แกล้งคนน่ะค่ะ อิอิ)  แล้วมาเจอสูตรสุกี้นี่  ทำเอาเคลิ้มนำ้ลายติ๋งเลยค่ะ


กระทู้: คุณนวลขาาา เจ้าข้าเอ๊ยยย ดิฉันทำผัดกะเพราได้แล้วค่ะ
เริ่มกระทู้โดย: อ้อยขวั้น ที่ 26 ม.ค. 01, 17:22
ตอนเด็กๆ ที่บ้านจะมีงานเลี้ยงปีใหม่ทุกปี  งานวันเกิดคุณตาคุณยาย  งานรวมญาติในโอกาสอื่นๆ  ตกปีละสามสี่งาน  บรรดาลูกๆ คุณตาจะแบ่งกันว่าใครถนัดอาหารอะไรก็ทำมาออกซุ้มกัน  ของประจำที่คุณแม่ดิฉันทำก็สุกี้นี่แหละค่ะ  หน้าที่ตีน้ำจิ้มน่ะหน้าที่ประจำดิฉัน  แม่จะเอาเต้าหู้ยี้ใส่หม้อปากสูงๆ หน่อยกันลูกสาวทำหกหมด  แล้วดิฉันก็จะกอดหม้อไว้แขนนึงถือส้อมอีกมือนึง  เอาส้อมตีๆๆๆๆ จนกว่าเต้าหู้ยี้จะเหลวเป็นน้ำ  เอ้อเฮอ เล่นเอาเลิกกินเต้าหู้ยี้กับข้าวต้มมาจนทุกวันนี้  ก็ตอนที่ยังไม่ได้ผสมเป็นน้ำจิ้มน่ะมันเหลวๆ แหยะๆ แดงๆ อึ๋ยยยเชียว

จะเล่าถึงอาหารเด่นของคุณยายให้ฟังค่ะ  อย่างแรกคือมัสมั่นเนื้อ  ซึ่งเครื่องแกงจะต้องแยกแต่ละอย่างคั่วให้หอม  แล้วก็โขลกๆๆๆๆ  ตักขึ้นใส่กระชอนแร่งเอาแต่ผงๆ  แล้วก็เอาที่อยู่บนกระชอนลงไปโขลกๆๆๆๆ ต่อ  ทำซ้ำไปมาจนกว่าจะเหลือแค่กากค่อยทิ้งไป  ทีนี้จะให้ใครโขลกล่ะคะ  ก็บรรดาหลานๆ ตัวเล็กตัวน้อยนี่แหละ  แบ่งกันโขลกไปคนละอย่างสองอย่าง  พอได้ครบแล้วคุณยายถึงจะผัดกับหัวกะทิ  ทำกันทีก็ต้องขนาดหม้อต้นเถา  โชคดีหน่อยหม้อที่ว่าน่ะเป็นหม้อแขก  ขนาดก็เลยไม่ค่อยมหึมานัก  แต่ก็ใหญ่มากในความรู้สึกของเด็กเจ็ดแปดขวบ  เพราะขืนใหญ่กว่านี้มีหวังโขลกเครื่องแกงกันตายคาครกแน่  เวอร์ไปหรือเปล่าคะ อิอิ

ถัดมาก็ขนมจีนน้ำยา-น้ำพริก  ก่อนอื่นก็ต้องนึ่งถั่วเขียวเราะเปลือก  คั่วถั่วลิสงแล้วฝัดเปลือกออก (อันนี้ชอบค่ะ  ถั่วกระทะหนึ่งดิฉันแกะเปลือกซะเหลือนิดเดียวประจำ)  เอาทั้งสองอย่างมาแยกโขลกๆๆๆๆ (อีกแล้ว)  พอแหลกเป็นเนื้อเดียวกันก็พักไว้  เอากุ้งต้มมาโขลกๆๆๆ แล้วค่อยเอาถั่วที่โขลกไว้มาโขลกผสมกับกุ้งจนเข้ากัน  ถึงจะลงมือทำน้ำพริก  ส่วนน้ำยานี่  ที่แย่ที่สุดก็ตอนโขลกกระชายกับเนื้อปลาต้มล่ะค่ะ  เวลาโขลกเพลินแล้วกระเด็นเข้าตา  คุณเอ๊ย  แสบซะ

ต่อไปก็คือหมี่กรอบ  เริ่มจากต้องหาซื้อเส้นหมี่ยี่ห้อประจำ  (จำไม่ได้ว่ายี่ห้ออะไร  แต่ห้ามผิดยี่ห้อเด็ดขาด  ไม่งั้นเส้นไม่กรอบ)  เอามาจุ่มน้ำแล้วคลี่ๆ ให้กระจายตัว  ผึ่งในกระด้งพอหมาด  ตั้งกระทะน้ำมันท่วม  ทยอยทอดเส้นหมี่ไปจนหมด  แล้วก็ทอดเต้าหู้กระดานที่หั่นเล็กๆ  ทอดกุ้งแห้ง  กรอกไข่ไว้ทำไข่ฝอย  ระหว่างนั้นก็เตรียมเครื่องผัดสำหรับคลุกหมี่  ซึ่งเยอะมากจนจำไม่ได้  พอทุกอย่างพร้อม  คุณยายจะเป็นคนลงมือผัดหน้าและคลุกหมี่เอง  กระทะเท่าบ้าน!

อาหารที่ขาดไม่ได้แน่ๆ คือไส้กรอกข้าว  ขั้นตอนสุดแสนจะยุ่งยาก  เริ่มจากทำความสะอาดไส้หมูด้วยการขยำกับเกลือจนหายเหม็นและหมดเมือก  ลอกไขที่ติดอยู่ออกจนเหลือแต่ผนังลำไส้บางแจ๋ว  ล้างข้างนอกข้างในให้สะอาด  แล้วเอามาเป่าค่ะ  เป่าเหมือนเราเป่าลูกโป่งนี่แหละ  มัดปลายข้างหนึ่งก่อนแล้วเป่าให้พองแล้วก็มัดอีกปลาย  เอาไปแขวนผึ่งแดดจนแห้ง  ทั้งบ้านไม่มีใครยอมเป่าไส้นะคะ  คุณยายต้องเป่าอยู่คนเดียว  ก็ต้องเอาไส้หมูสดๆ มาเป่าน่ะคิดดูเอาเถอะ  มีอยู่งานนึงคุณยายดิฉันเป่าซะเป็นลมไปเลย  ขั้นตอนนี่จะต้องเตรียมไว้ล่วงหน้าสักหนึ่งสัปดาห์นั่นละค่ะ  พอถึงวันงานก็เตรียมส่วนผสมที่จะกรอกซึ่งหลักๆ ก็มีข้าวสุก  หมูสับ (ไม่ต้องมากนักเพราะไส้กรอกข้าวไม่ใช่ไส้กรอกหมู)  น้ำพริกแกงแดง  ถั่วลิสงคั่วบุบพอแหลก  แล้วก็ปรุงรสตามชอบ  เอาไส้หมูที่เตรียมไว้มาชุบน้ำให้อ่อนตัวลง  แล้วก็เอากรวยเสียบที่ปลายด้านหนึ่ง  ตักข้าวที่ผสมไว้ใส่กรวยแล้วก็เอาไม้กลมๆ ยาวๆ กระทุ้งให้ลงไปในไส้หมู  ต้องมีคนกรอกคู่กันกับคนรูดนะคะ  คนรูดจะรูดข้าวที่กรอกให้ไหลไปตามไส้  แล้วต้องไล่ลมให้ดีด้วยไม่งั้นแตกค่ะ  กรอกไปรูดไปจนกว่าจะเต็มไส้เส้นนั้น  พอเต็มก็มัดปลายแล้วเอามาขดเป็นวงบนไม้ไผ่หกอันที่วางขวางกันไปมา  เอาไม้ไผ่อีกหกอันมาวางประกบทับไปบนขดไส้กรอกแล้วเอาลวดมัดที่ปลายไม้ไผ่แต่ละคู่  ตานี้ก็เอาขึ้นเตาย่างได้  แต่ขอโทษเถอะ  การย่างก็ไม่ใช่เรื่องหมูๆ นะคะ  เชื้อเพลิงที่ดีที่สุดต้องกาบมะพร้าวค่ะ  แล้วต้องย่างไฟอ่อนๆ ไปเรื่อยๆ  ระหว่างที่ย่างก็ต้องเอาเข็มหมุดมัดปลายไม้ยาวๆ คอยจิ้มๆ ไม่ให้ไส้กรอกที่กำลังย่างแตก  สถานที่ตั้งเตาย่างก็โน่นเลยกลางสนาม  ไฟก็ร้อน  แสบตาเพราะควันก็แสบ  กว่าจะสุกแต่ละตับเล่นเอาคนย่างหอมควันกาบมะพร้าวไปทั้งตัวเหมือนกัน  ยุ่งยากวุ่นวายอย่างนี้แต่รับรองความอร่อยได้เลย  เสียดายแต่ว่าพอดิฉันเริ่มแตกเนื้อสาว (นานมาแล้วล่ะค่ะ  แฮ่ะ แฮ่ะ) ลุงๆ ป้าๆ ก็แยกย้ายกันไปหมดเลยไม่มีโอกาสได้รวมตัวกันจัดงานอีก  แต่ถ้าให้ทำกินเองก็บ่ไหวเด้อนาย

นี่กะว่าจะเล่าแค่ความเบื่อเต้าหู้ยี้เท่านั้น  ไหงเล่าซะยาว  ยังไม่หมดนะคะ  ยังมีห่อหมกปลาช่อน  ไก่อบฟาง  เจงกิสข่าน  พระรามลงสรง  ข้าวต้มน้ำวุ้น  ข้าวต้มมัด  หมู-เนื้อสะเต๊ะ ฯลฯ โอย เล่าเองน้ำลายไหลเองซะแล้วล่ะค่ะ


กระทู้: คุณนวลขาาา เจ้าข้าเอ๊ยยย ดิฉันทำผัดกะเพราได้แล้วค่ะ
เริ่มกระทู้โดย: แม่หญิง ที่ 26 ม.ค. 01, 18:52
คุณอ้อยขวั้นคะ  พระรามลงสรง เป็นชื่ออาหารอะไรหรือคะ ดิฉันไม่เคยได้ยิน กรุณาอธิบายให้ทราบหน่อยนะคะ ขอบคุณค่ะ


กระทู้: คุณนวลขาาา เจ้าข้าเอ๊ยยย ดิฉันทำผัดกะเพราได้แล้วค่ะ
เริ่มกระทู้โดย: นกข. ที่ 26 ม.ค. 01, 19:03
อธิบายง่ายๆ ว่า เป็นผักบุ้งลวกราดน้ำจิ้มสะเต๊ะ ครับ จริงๆ แล้วมันคงมีอะไรมากกว่านี้แหละ แต่หน้าตาทำนองนั้น
เดี๋ยวนี้ดูเหมือนจะหายไปหมดแล้ว เห็นมีอยู่ร้านเดียวที่ยังพอหาทานได้ ที่ร้านอาหารร้านหนึ่งที่ตลาด อตก. ตรงย่านพหลโยธิน
ถ้าแม่หญิงจะกรุณาให้เกียรติไปดินเน่อร์ใต้แสงเทียนกับผมสักมื้อ ผมยินดีพาไปชิมครับ แต่ร้านพระรามลงสรงนี่บรรยากาศคงจะไม่เข้ากับแสงเทียนเท่าไหร่...


กระทู้: คุณนวลขาาา เจ้าข้าเอ๊ยยย ดิฉันทำผัดกะเพราได้แล้วค่ะ
เริ่มกระทู้โดย: แม่หญิง ที่ 26 ม.ค. 01, 22:18
ใจคอจะเป็นพระเอกเสียทุกเรื่องเชียวหรือคะ คุณพระราม นกข.
จีบเรไรยังไม่สำเร็จเลย จะมาชวนเป็นสีดาอีกแล้ว

เรื่องดินเนอร์กลางตลาด อตก. นี่ขอเก็บไปคิดก่อนนะคะ
เพราะที่ผ่านมา ยังไม่เคยมีใครมาชวนแบบนี้เลยค่ะ


กระทู้: คุณนวลขาาา เจ้าข้าเอ๊ยยย ดิฉันทำผัดกะเพราได้แล้วค่ะ
เริ่มกระทู้โดย: นวล ที่ 27 ม.ค. 01, 02:35
เข้ามาเป็นสักขีพยานว่า คุณ นกข. ได้เปิดรถเข็นขายขนมจีบอย่างเดียวแล้ว
หากผู้ใดไม่สนใจจะซื้อ สามารถเป็นผู้เฝ้าสังเกตการณ์ได้โดยไม่เสียค่าใช้จ่ายใดๆ
ทั้งสิ้น โปรดลงชื่อจับจองที่นั่งและที่ยืนชั้นแถวหน้าตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป


กระทู้: คุณนวลขาาา เจ้าข้าเอ๊ยยย ดิฉันทำผัดกะเพราได้แล้วค่ะ
เริ่มกระทู้โดย: พวงร้อย ที่ 27 ม.ค. 01, 05:18
ขอบคุณมากค่ะ คุณอ้อยขวั้น  ที่อุตส่าห์พิมพ์เสียยาวเล่าซะละเอียด  ทำให้นึกถึงงานบุญ  ตอนเด็กๆเคยเห็นเค้าหุงข้าวกะทะ  
กะทะใหญ่ขนาดเด็กเจ็ดแปดขวบลงไปนอนได้สบาย  หุงกันกลางลานวัดเลย  แล้วข้าวแบบนั้นก็จะเหลือกากเรียมติดก้น  เอามาทอดทำข้าวตังได้

ไส้กรอกข้าวนี่เหมือนไส้กรอกอีสานใช่มั้ยคะ  เป็นของโปรดอีกอย่างหนึ่ง  มาอยู่แรกๆคิดถึงมาก  แต่มาหลังๆนี้พอจะหาที่เค้าทำมาขายได้  
แม้จะค่อนข้างแพง  แต่อ่านวิธีทำแล้วเลยเข้าใจค่ะว่าทำไมมันถึงแพงอย่างนั้น

อยากฟังว่าคุณทำห่อหมกอย่างไรบ้างค่ะ  ถ้ามีเวลามาเล่าให้ฟัง  ได้สูตรคุณ ด เด็ก มาแล้วแต่ยังขยันไม่พอ  
ที่ตลาดไทยเดี๋ยวนี้มีห่อหมกปลาช่อนแช่แข็งมาจากเมืองไทย  หามาทานแก้ขัดไปได้  ตามประสาคนขี้เกียจ เหอๆๆ

ฮ่าๆๆ คุณนวลนี่ไม่เบา  แต่อย่าเพิ่งไปขัดจังหวะคุณนิลฯเธอเลยค่ะ  เร่ขายขนมจีบมานานซะจนดิฉันชักจะนึกสงสาร  
อยากจะช่วยลุ้นให้ได้ออกเรือนบ้างน่ะค่ะ


กระทู้: คุณนวลขาาา เจ้าข้าเอ๊ยยย ดิฉันทำผัดกะเพราได้แล้วค่ะ
เริ่มกระทู้โดย: อ้อยขวั้น ที่ 27 ม.ค. 01, 11:55
ไส้กรอกที่บ้านดิฉันทำนี่เป็นไส้กรอกที่เน้นข้าวก็เลยแตกต่างกับไส้กรอกอีสานหรือไส้อั่วที่เน้นหมูสับค่ะ  เวลากินก็เอาใบผักกาดหอมห่อแล้วก็กัดกิน  แนมด้วยต้นหอม ผักชีและพริกขี้หนู  ไม่กินกับขิง

แฮ่ะ แฮ่ะ  ดิฉันแค่จำได้นิดๆ หน่อยๆ เท่านั้นเองค่ะว่าคุณยายจะเอาเนื้อปลาช่อนลงไปคนกับน้ำกะทิในอ่างดินเผา  พอเนื้อปลายุ่ยและกะทิข้นแล้วก็เอาเครื่องแกง (ประมาณเครื่องแกงเผ็ด) ลงไปผสมแล้วปรุงรส  อย่างที่เคยคุยกันกระทู้ล่างๆ นั่นแหละค่ะ  ส่วนวิธีการทำโดยละเอียดหรือเครื่องปรุงนี่เหลืออยู่ในสมองไม่ถึงหนึ่งในสิบ  เป็นเหตุให้เดี๋ยวนี้สามีเป็นกุ๊กประจำบ้าน  ส่วนดิฉันมีหน้าที่กินและเก็บล้างเท่านั้นค่ะ


กระทู้: คุณนวลขาาา เจ้าข้าเอ๊ยยย ดิฉันทำผัดกะเพราได้แล้วค่ะ
เริ่มกระทู้โดย: ชานเรือน ที่ 27 ม.ค. 01, 21:32
แถวๆบ้านดิฉันเรียก  ไส้กรอกปลาแนมค่ะ
ยังจำรสชาติได้ค่ะ แต่ทำไม่เป็นค่ะ
เอ ! จะไส้กรอกแบบเดียวกันหรือเปล่าไม่แน่ใจนักค่ะ
ออกจะบอกยากว่าเป็นของหวาน หรือของคาว  เลยยกไปเป็นของว่าง


กระทู้: คุณนวลขาาา เจ้าข้าเอ๊ยยย ดิฉันทำผัดกะเพราได้แล้วค่ะ
เริ่มกระทู้โดย: พวงร้อย ที่ 29 ม.ค. 01, 04:26
อ้อ เพิ่งจะทราบเคล็ดนี่เองว่า  เครื่องไม่ต่างกันเท่าไหร่  แต่แตกต่างกันที่อัตราเนื้อต่อข้าว  ไส้อั่วนี่มีข้าวอยู่ก็คงไม่มากนะคะ  สังเกตไม่ค่อยออก  

น่าสังเกตว่า  ไส้กรอกเป็นการเก็บอาหารพวกเนื้อไว้กินได้นานๆ  และยังเป็นการใช้เนื้ออย่างประหยัด  พวกเศษๆก็ไม่ต้องทิ้ง  
แต่ของบ้านเราใช้ข้าวมาช่วยเพิ่มปริมาณ  ของฝรั่งเค้าใช้ส่วนอื่นๆที่คนไม่ทานกัน  เช่นหนัง พังผืด เครื่องใน  เศษเนื้อตกๆหล่น  
คือพวกนี้ถ้าไม่เอาไปทำไส้กรอด  คนคงไม่กิน  เอาไปเป็นอาหารหมาได้อย่างเดียว  ไส้กรอกอยู่างถูกๆเลยเรียกว่า หมาร้อน(hotdog) มังคะ  อิอิ  
สงสัยว่ามันต่างจากอาหารหมาตรงที่คนกินร้อนๆ  ให้หมาก็ต้องต้องทำให้มันร้อน ฮาๆๆ มั่วเอาน่ะค่ะ  เอามุขนี้ไปหลอกเด็กเรื่อย


กระทู้: คุณนวลขาาา เจ้าข้าเอ๊ยยย ดิฉันทำผัดกะเพราได้แล้วค่ะ
เริ่มกระทู้โดย: อ้อยขวั้น ที่ 29 ม.ค. 01, 09:22
ไส้กรอกที่กินกับปลาแนมจะออกหวานและมีหมูเป็นส่วนประกอบหลัก  ส่วนไส้อั่วน่าจะมีพวกเครื่องเทศมากกว่าเครื่องเทศที่ใส่ในเครื่องแกงเผ็ดที่คุณยายดิฉันใช้นะคะ  โดยเฉพาะจะมีใบมะกรูดหั่นฝอยในไส้อั่วด้วย  ไส้กรอกข้าวน่าจะเป็นอาหารว่างอย่างหนึ่ง  แต่เป็นแบบคาวน่ะค่ะ

ตอนนี้เป็นหน้ามะปรางแบบลูกใหญ่  หรือที่เรียกว่ามะยงชิด  สมัยเด็กๆ (อีกแล้ว) ที่บ้านจะมีมะยงชิดต้นหนึ่งซึ่งออกลูกดกมาก  ขนาดเท่าไข่ไก่ใบงามๆ  รสชาติตอนดิบจะเปรี้ยว  แต่สุกแล้วจะออกเปรี้ยวอมหวาน  เนื้อหนากว่ามะปรางมาก  ตอนดิบกินกับกะปิหวานเหมือนมะดันหรือตะลิงปลิง  ตอนสุกแล้วก็เอามาปอกเปลือกคว้านเม็ดแล้วทำลอยแก้ว  แช่เย็นหรือใส่น้ำแข็งทุบจะอร่อยชื่นใจมากค่ะ


กระทู้: คุณนวลขาาา เจ้าข้าเอ๊ยยย ดิฉันทำผัดกะเพราได้แล้วค่ะ
เริ่มกระทู้โดย: นกข. ที่ 29 ม.ค. 01, 19:11
ฮ้อทด้อกมีประวัติครับ แต่จำรายละเอียดไม่ได้

คลับคล้ายคลับคลาว่า เดิมไส้กรอกพรรณนี้เยอรมันอพยพเอาเข้ามาอเมริกาก่อน เหมือน แฟรงเฟิร์ตเต้อร์ แฮมเบอร์เกอร์ ซึ่งเป็นชื่ออาหารที่สามารถสืบสาวกลับไปได้ถึงเมืองต้นกำเนิดในเยอรมัน ไส้กรอกอย่างนี้ก่อนจะเรียกฮ้อทด้อก เรียกอะไรก็ลืม แต่ว่ามีไส้กรอกต้มเร่ขายร้อนๆ กันเป็นของว่างตามสนามเบสบอล (มาตั้งแต่ครั้งนู้น เดี๋ยวนี้ก็ยังมี)

วันหนึ่งนักเขียนการ์ตูนคนหนึ่ง จำชื่อไม่ได้ จับเรื่องไส้กรอกกับหมาพันธุ์ตัวยาวเป็นไส้กรอก คือหมาดัชฮุนด์ มาล้อ แต่เขาสะกดคำว่าดัชฮุนด์ไม่ได้ จึงเขียนการ์ตูนลงหนังสือพิมพ์อะไรก็ลืม ล้อเป็นคนเร่ขายหมาไส้กรอกร้อนๆ แล้วบรรยายว่า Hot Dog! Get your dog while it's hot!  

เท่านั้นก็ติด คงเป็นเพราะคนอเมริกันเส้นตื้นมั้ง หรือบ้าจี้ เลยพลอยเรียกไส้กรอกยาวๆ กับขนมปังว่า ฮ้อทดอก มาจนเดี๋ยวนี้


กระทู้: คุณนวลขาาา เจ้าข้าเอ๊ยยย ดิฉันทำผัดกะเพราได้แล้วค่ะ
เริ่มกระทู้โดย: พวงร้อย ที่ 30 ม.ค. 01, 03:45
โฮะๆๆ ยังมีเรื่องหลอกเด็กแต่งเอง เกี่ยวกับฮ็อทดอกอีกค่ะ  นอกจากจะว่าคนกินร้อน หมากินเย็น แล้ว  เวลาเห็นเด็กฝรั่งกัดกินฮ็อทดอกอย่างเอร็ดอร่อย  บางทีก็ถามว่า  รู้รึเปล่าว่าที่เค้าเรียกอย่างนี้  เพราะเค้าเอาเนื้อหมามาทำ  โดยเฉพาะในงานฮาโลวีน หรือวัน April's Fool เนี่ยะ  ไปทำบาปหลอกเค้ามาไว้เยอะค่ะ  บางคน(ตัวเล็กๆ)นี่จะทำหน้าตลกที่สุดเลยค่ะ  เหอๆๆ