ในนิราศต้นทางฝรั่งเศสกล่าวถึงพายุเหมือนกัน แต่เกิดขึ้นกลางทางหลังออกจากเกาะพร้าว
๏ ครั้นลมพัดหวน สำเภาปั่นป่วน เรรวนนักหนา ทั้งลมทั้งฝน
เกลื่อนกล่นกันมา ลมพัดต้านหน้า เพตราถอยหลัง
๏ สำเภาเภตรา อยู่กลางคงคา ดุจดั่งใบไม้ อันตกลอยอยู่
กลางแม่น้ำไหล กลิ้งกลอกกลับไป ในท้องคงคา
ในการเดินทางครั้งนี้ บาทหลวงตาชารด์ บันทึกว่าผจญพายุใหญ่อยู่สองครั้ง
อ้าง:
จดหมายเหตุการเดินทางสู่ประเทสสยาม ครั้งที่ 1 ของบาดหลวงตาชารด์ แปลโดย สันต์ ท. โกมลบุตร
ครั้งแรก ระหว่างวันที่ 13-16 มีนาคม 1686 ตรงกลางมหาสมุทรอินเดีย
"ตลอดเวลาการเดินทางข้ามสมุทรเป็นไปโดยเรียบร้อย จนกระทั่งเราแล่นขนานไปกับเกาะ เดอ บูร์บอง (Isle de Bourbon)
เมื่อวันที่ 13 กุมภาพันธ์ จึงต้องมรสุมขนาดหนัก ตามคำยืนยันของนายทหารชั้นอาวุโสก็ว่า ยังไม่เคยเห็นพายุรุนแรงถึงเท่านั้นมาเลย
เป็นอยู่นานถึงสามวัน จนกระทั่งใบใหญ่ของเรือฟรีเกตถูกลมหอบลงทะเลไป เขาแยกทางจากเราเกือบจะเป็นตรงที่แห่งเดียวกันเมื่อตอนขาไป
และเราได้ไปพบเขาอีกครั้งหนึ่งก็ต่อเมื่อไปจอดทอดสมออยู่ที่แหลม เดอ บอนน์ แอ็สแปรังซ์ แล้วเท่านั้น โดยเขาไปถึงก่อนหน้าเราสองชั่วโมง"
๏ แต่เราไปมาทุกที บเหมือนครั้งนี้
พยุมาใหญ่หนักหนา
เกาะ เดอ บูร์บอง (Isle de Bourbon) ปัจจุบันคือ เกาะ Réunion
ครั้งที่สอง วันที่ 11 มิถุนายน 1686 เมื่อใกล้จะถึงที่หมายแล้ว
"วันที่ 11 มิถุนายน มีมรสุมขนาดหนักให้จำเป็นต้องม้วนใบเรือ และอาศัยแล่นไปโดยใบสามเหลี่ยมท้ายเรือแต่เพียงใบเดียวเท่านั้น
มรสุมที่ว่านี้มีอยู่ไม่นาน แล้วเราก็เดินทางต่อไปยังทิศตะวันออก"
พระอาจารย์ชีปะขาวคงได้ออกโรงแสดงฝีมือในคราวที่สองนี้ครับ ทำให้ผจญมรสุมอยู่ไม่นาน
ในวันดังกล่าวจะเห็นได้ชัดว่าเรือแล่นเร็วมาก เป็นที่น่าอัศจรรย์