ปรอทนั้นก็น่าสนใจครับ เอาแค่ในงานช่างฝีมือก็ใช้ปรอทเข้าผสมอยู่จำนวนมาก เช่น งานเปียกทอง คือ การนำเอาปรอทผสมกับทองคำ แล้วนำไปฉาบกับผิวที่ต้องการแล้วไฟลนไล่ปรอทออก ก็จะเหลือแต่เนื้อทอง ซึ่งเป็นงานศิลปกรรมของไทย และงานอีกประเภทที่ใช้ปรอทอย่างมากคือ อุตสาหกรรมการหล่อพิมพ์พระ ซึ่งในพระเจดีย์อยุธยามีอยู่จำนวนมาก
ยกตัวอย่างพระเครื่องเนื้อชิน (ดีบุก + พลวง + ตะกั่ว) ที่พบได้ในกรุวัดราชบูรณะนั้นมีมากมายเหลือคณานับ ซึ่งการจะหล่อหลอมน้ำทองลงพิมพ์ต้องใช้ปรอทล่อ บนแม่พิมพ์เพื่อให้น้ำทองแล่นติดพิมพ์ดี
แค่นี้ปรอทก็ได้เป็นพระเอกแล้ว ใช้กันมากเสียด้วยครับ
ทำให้ผมนึกถึงคำว่า gilding เลยไปเปิดดูใน Wiki ให้ความรู้น่าสนใจมากครับ
สำหรับการปิดด้วยทองคำเปลวในสมัยโบราณ เราก็มีการทำกัน โดยใช้ยางรักเป็นกาว ?? แต่พอปิดทองพระที่ไปกราบไหว้ แล้วเราใช้กระเทียมทาเป็นกาว
ใสมัยก่อนนั้นมีการทำตามวิธีการที่อธิบายใน Wiki อื่นๆอีกบ้างอย่างไรหรือเปล่าครับ
ขอฝอยต่อนิดนึงครับ ที่เมือง Kanazawa ซึ่งอยู่ติดฝั่งทะเลญี่ปุ่น และอยู่ทิศเหนือของเมืองนาโกยา มีหัตถกรรมพื้นเมืองที่คล้ายกับของไทยเป็นจำนวนมาก (หากมีโอกาสจะพยายามหารูปแสดงให้ดู) อย่างหนึ่งก็คือการทำทองคำเปลว ยังมีการทำแบบโบราณในย่านท่องเที่ยวอยู่ เขาใช้กระดาษสาขนาดแผ่นประมาณ 20x20 ซม. วางเป็นชั้นๆสลับกับทองคำที่รีดบางๆแล้ว ชิ้นเล็กๆ ใส่ซองหนัง แล้วใช้ฆ้อนไม้ทุบ ขนาดของชิ้นทองคำเปลวก็เท่าๆกับของไทย (สมัยก่อนทองจะแพง) วิธีการเหมือนกันเลยใหมครับ ความแตกต่างอาจจะมีเพียงเฉพาะกระดาษที่ใช้ ของเขาใช้กระดาษสาแต่ของเราผมไม่ทราบว่าใช้กระดาษอะไร