เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
ตอบ: 33585
ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม
|
ความคิดเห็นที่ 45 เมื่อ 02 ม.ค. 14, 16:09
|
|
ชีวิตในบ้านโพรงดินดำเนินไปอย่างเรียบง่าย พ่อหว่านข้าวสาลีบนพื้นดินที่เป็นทุ่ง ไม่ใช่ป่าอย่างในวิสคอนซิน ดินที่มินเนโซตาดีมาก ทำท่าว่าข้าวสาลีจะได้ผลอย่างงาม ขายก็ง่ายเพราะสถานีรถไฟอยู่ใกล้ๆ ขนส่งได้สะดวก แม่พอใจที่อยู่ใกล้เมือง แม้เป็นเมืองเล็กแต่ก็ยังได้ชื่อว่าเมืองอยู่ดี มีโรงเรียนให้ลูกๆได้มีโอกาสเล่าเรียน ส่วนโบสถ์เพิ่งก่อตั้ง พ่อกับแม่ก็ไปช่วยก่อตั้งโบสถ์ในเมืองด้วย ในหนังสือไม่ได้บอกว่าลอร่านับถือคริสต์ศาสนานิกายอะไร แต่ในความเป็นจริง พ่อแม่สังกัดอยู่ใน Union Congregational Church โบสถ์ในสมัยนั้นสร้างง่ายๆอย่างในรูปข้างล่างนี้ค่ะ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
ตอบ: 33585
ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม
|
ความคิดเห็นที่ 46 เมื่อ 02 ม.ค. 14, 16:25
|
|
ชีวิตโรงเรียนเริ่มขึ้นเป็นจริงเป็นจังสำหรับลอร่าเมื่อมาอยู่ในรัฐมินเนโซตานี่เอง ในดินแดนห่างไกลความเจริญ โรงเรียนสร้างง่ายๆ นักเรียนเรียนรวมกันหมดในห้องเดียว หนังสือเรียนก็แล้วแต่ใครจะมี ส่วนใหญ่ก็เป็นของตกทอดจากพ่อแม่ ไม่จำเป็นต้องเรียนเหมือนกันหมดอย่างนักเรียนสมัยนี้ ครูก็สอนหนังสือแต่ละเล่มที่นักเรียนมีไปจนจบแต่ละบทหรือแต่ละเล่ม เพราะนักเรียนทั้งร.ร.มีอยู่เพียงไม่กี่คน
ลอร่าเพิ่งได้ประสบสังคมใหม่ที่เธอไม่เคยเจอมาก่อน คือสังคมของเด็กในเมือง แม้เป็นเมืองเล็กๆชายแดน ก็ยังไม่วายมีการแบ่งชั้นวรรณะกันในนั้น แมรี่กับลอร่าถูกดูถูกจากเด็กหัวสูงในเมืองว่าเป็น "เด็กบ้านนอก" เดินมาร.ร.โดยไม่มีรองเท้าจะสวมในฤดูร้อน เพราะต้องเก็บไว้สำหรับเวลาอากาศหนาว เด็กผู้หญิงหัวสูงจอมหยิ่งคนนั้นชื่อเนลลี่ โอเวนส์ เป็นลูกเจ้าของร้านชำในเมือง ถือว่ามีสะตุ้งสตางค์มากกว่าชาวบ้าน เธอเป็นคู่แข่งกลายๆของลอร่าผู้ไม่ยอมลงให้ใครง่ายนัก เมื่อเริ่มเขียนนิยายชุดบ้านเล็กมาถึงตอนนี้ เนลลี่ โอเวนส์ก็ถูกดัดแปลงเป็นเนลลี่ ออลิสัน ยัยตัวร้ายคู่ปรับของลอร่า รูปนี้คือเนลลี่ ถ่ายเมื่อโตเป็นสาวแล้วค่ะ
|
|
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 04 ม.ค. 14, 08:11 โดย เทาชมพู »
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
ตอบ: 33585
ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม
|
ความคิดเห็นที่ 47 เมื่อ 02 ม.ค. 14, 16:27
|
|
สมุดหนังสือในสมัยนั้นหน้าตาเป็นแบบนี้ ซ้ายคือสมุด ขวามือหนังสือแบบเรียนชั้นประถม 5 (Grade 5)
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
ตอบ: 33585
ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม
|
ความคิดเห็นที่ 48 เมื่อ 03 ม.ค. 14, 09:16
|
|
ปกติแล้ว ลอร่าเขียนถึงตัวละครในชีวิตวัยเยาว์ของเธอโดยระบุชื่อจริงนามสกุลจริง ไม่ว่าชื่อเครือญาติหรือเพื่อนฝูง ผู้คนที่เธอรู้จัก จะเว้นก็แต่ตัวละครที่มีนิสัยร้ายกาจ หรือมีพฤติกรรมไม่ดี เธอจึงจะดัดแปลงชื่อหรือนามสกุลเสีย เนลลี่ โอเวนส์จึงกลายมาเป็นเนลลี่ ออลิสัน ตัวละครในตอนนี้ มีคนหนึ่งที่ลอร่าเอ่ยถึงอย่างนิยมชมชื่นคือ สาธุคุณแอลเดน นักเทศน์หรือมิชชันนารีผู้ก่อตั้งโบสถ์ Congregation ในเมืองวอลนัท โกรฟ พ่อกับแม่นับถือยกย่องท่านมาก ตัวท่านเองก็รักและเอ็นดูลอร่ากับแมรี่มาก ในวันคริสต์มาส ลอร่ากับครอบครัวได้ไปร่วมงานคริสต์มาสที่โบสถ์ เป็นครั้งแรกที่ลอร่าได้เห็นต้นคริสต์มาส และได้ของขวัญที่วิเศษสุดจากต้นคริสต์มาส คือเสื้อคลุมไหล่ตัวเล็กๆทำด้วยเฟอร์สีน้ำตาลและปลอกมือเข้าชุดกัน อย่างที่เธอเคยเห็นเนลลี่สวม
สาธุคุณแอลเดนเป็นคนจัดงานฉลองคริสต์มาส หาต้นคริสต์มาสมาประดับงาน และที่สำคัญคือหาของขวัญมาแขวนให้เด็กๆ ของเหล่านี้ท่านได้รับบริจาคจากผู้ใจบุญ ส่งมาใน "ถังคริสต์มาส" ต้นคริสต์มาสในเมืองเล็กๆสมัยหนึ่งร้อยกว่าปีก่อน ไม่มีอะไรหรูหราสวยงามอย่างสมัยนี้ เป็นแค่ต้นสนตัดมาจากในป่า พาดพันด้วยกระดาษสีแถบยาวๆ แขวนของแจกเอาไว้ตามกิ่งก้าน แต่สำหรับเด็กน้อยอย่างลอร่า สนคริสต์มาสคือต้นไม้วิเศษที่ทำให้ฝันเป็นจริง
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
ตอบ: 33585
ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม
|
ความคิดเห็นที่ 49 เมื่อ 03 ม.ค. 14, 09:31
|
|
เนลลี่เป็นลูกเจ้าของร้านชำ รายได้ดี จึงมีเสื้อผ้าแพงๆเช่นเสื้อเค้ปคลุมไหล่ทำด้วยเฟอร์สวมในฤดูหนาว เธอดูออกว่าลอร่าอยากมีเสื้อแบบนี้มาก ก็เลยสวมเสื้อเฟอร์เดินกรายไปกรายมาอวดลอร่า และพูดจาดูถูกว่าพ่อลอร่าจน ทุกครั้งลอร่าก็ได้แต่อดทน ทั้งๆแทบกลั้นไม่ไหว ท่านแอลเดนน่าจะสังเกตเห็นเรื่องนี้ ในวันคริสต์มาสท่านจึงหาของขวัญมาให้ลอร่า เป็นเสื้อเค้ปทำด้วยเฟอร์สีน้ำตาล สวยกว่าของเนลลี่ และมีปลอกมือเข้าชุดกัน ซึ่งเนลลี่ไม่มีอีกด้วย ฝันของลอร่าก็เป็นจริงนับแต่นั้น
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
ตอบ: 33585
ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม
|
ความคิดเห็นที่ 50 เมื่อ 04 ม.ค. 14, 09:25
|
|
เมื่อฤดูหนาวแรกเข้ามาเยือนครอบครัวอิงกัลส์ ชาร์ลส์ก็พบว่าเขาพาครอบครัวมาอยู่ในดินแดนที่พายุหิมะพัดดุเดือดรุนแรงกว่ารัฐอื่นๆ เพราะมินเนโซตาเป็นทุ่งกว้างราบเรียบ จึงไม่มีที่กำบังลมอย่างป่าใหญ่ในวิสคอนซิน ส่วนแคนซัสก็แห้งแล้งเกินกว่าจะมีหิมะ พายุหิมะ (blizzard) ไม่ได้หมายความแค่หิมะตกแล้วมีลมพัดแรงเท่านั้น แต่หมายถึงพายุที่มีเกล็ดน้ำแข็งแทนสายฝน ลอร่าเคยให้สัมภาษณ์ว่าเธอไม่รู้ว่าพายุหิมะที่เธอเจอตอนเด็กมีความเร็วของลมเท่าใด แต่มันเทียบได้กับเฮอร์ริเคนหรือไต้ฝุ่น ดังนั้นในหน้าหนาว ชาร์ลส์ต้องตัดไม้ขนฟืนมาตุนเอาไว้ในบ้านมากๆ เพื่อจะได้มีไฟในเตาผิงพอใช้หลายๆวัน เวลาเกิดพายุหิมะ ซึ่งจะมาโดยไม่มีใครทันรู้เนื้อรู้ตัว ส่วนลอร่ากับแมรี่ก็ไปโรงเรียนไม่ได้เมื่อเกิดพายุ ในช่วงเวลานั้นแม่จะเป็นคนสอนหนังสือให้ที่บ้าน เพื่อมิให้การเรียนต้องหยุดชะงัก
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
ตอบ: 33585
ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม
|
ความคิดเห็นที่ 51 เมื่อ 04 ม.ค. 14, 09:26
|
|
ที่นี่เมื่อหิมะเริ่มตก พายุก็จะเริ่มพัดกระหน่ำจากทุกทิศทุกทาง กินเวลาสามหรือสี่วันกว่าจะหยุด คนที่ออกไปข้างนอกบ้านจะมองไม่เห็นแม้แต่มือตัวเองที่เหยียดอยู่ตรงหน้า จึงมีข่าวบ่อยๆว่ามีคนแข็งตายอยู่กลางหิมะ ห่างบ้านไปแค่ไม่กี่เมตร เพราะเจอพายุหิมะกะทันหัน หลงทางกลับเข้าบ้านไม่ถูก สัตว์เลี้ยงถ้าไม่ขังเอาไว้ในคอก มันจะเดินเปะปะหลงทางไปไกลบ้าน แล้วก็ถูกหิมะจับแข็งจนตายอยู่กลางทุ่ง ถ้าเจ้าของไม่ไปช่วยไว้ทัน
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
ตอบ: 33585
ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม
|
ความคิดเห็นที่ 52 เมื่อ 04 ม.ค. 14, 09:44
|
|
อย่างไรก็ตาม ชาร์ลส์ชอบอากาศแบบนี้ตรงที่ว่า หิมะหมายถึงน้ำที่ซึมลงใต้ผิวดิน ทำให้ดินชุ่มชื้น เป็นดินดีเหมาะแก่การเพาะปลูก ผลก็เป็นอย่างที่เขาคิด เมื่อหมดฤดูหนาว เขาหว่านไถข้าวสาลีลงบนที่นา ต้นข้าวก็เจริญงอกงาม ในเมื่อมีรถไฟผ่านเมืองวอลนัทโกรฟห่างบ้านแค่ 3 ไมล์ หมายถึงการขนส่งชั้นดี เขาก็จะขายข้าวสาลีได้ทั้งหมด เงินที่ได้รับมากมายพอจะทำให้ครอบครัวเขามีฐานะดีขึ้นทันตาเห็น ด้วยความเชื่อมั่นในผืนดินแห่งนี้ ชาร์ลส์จึงตัดสินใจปลูกบ้านก่อนที่จะขายข้าว พ่อค้าโรงไม้ในเมืองให้เครดิตเขา เชื่อไม้กระดานมาได้ก่อน ลอร่าเรียกบ้านใหม่ของเธอว่า "บ้านมหัศจรรย์" เป็นบ้านไม้กระดานสองชั้น ทุกอย่างใหม่เอี่ยมอ่อง หรูหราโอ่อ่าในสายตาเด็กน้อยวัย 7 ขวบแต่เคยอยู่แต่ในกระท่อมไม้ซุงและโพรงดิน
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
ตอบ: 33585
ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม
|
ความคิดเห็นที่ 53 เมื่อ 04 ม.ค. 14, 09:45
|
|
ในบ้านยังมีของขวัญที่ชาร์ลส์มอบให้แคโรไลน์ คือเตาอบรุ่นใหม่สุด นอกจากหุงหาอาหารได้แล้ว ยังอบอาหารและขนมได้อีกด้วย
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
ตอบ: 33585
ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม
|
ความคิดเห็นที่ 54 เมื่อ 04 ม.ค. 14, 13:18
|
|
บ้านแสนสุขริมลำห้วยชื่อพลัมครี้ก ของลอร่า
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
ตอบ: 33585
ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม
|
ความคิดเห็นที่ 55 เมื่อ 04 ม.ค. 14, 13:44
|
|
แต่ความสุขของชาร์ลส์และครอบครัวมีระยะสั้นมาก เมื่อฤดูร้อนมาถึง ใกล้เวลาอีกไม่กี่วันข้าวสาลีจะสุกได้ที่ พร้อมจะเก็บเกี่ยว ภัยธรรมชาติอย่างใหม่ที่ร้ายแรงกว่าภัยใดๆที่พวกเขาเคยประสบก็จู่โจมมาถึงในรูปของฝูงตั๊กแตนนับล้านๆตัว บินมาจากที่ใดไม่มีใครรู้ มันบินลงมากินทุกสิ่งทุกอย่างในทุ่งกว้างอันอุดมสมบูรณ์นี้จนเกลี้ยง ไม่ว่าข้าว ฟาง หรือแม้แต่หญ้า
ชาร์ลส์ไม่เคยเห็นภัยแบบนี้มาก่อน ในป่าใหญ่ของวิสคอนซินและในทุ่งกว้างแคนซัสไม่มีตั๊กแตน แต่ทุ่งนาดินดีปลูกอะไรก็ขึ้นในมินเนโซตากลายเป็นเป้าหมายของแมลง โดยชาวนาไม่สามารถป้องกันอะไรได้เลย เงินทองที่หวังว่าจะได้หายสูญไปในพริบตาเดียว ทั่วท้องทุ่งกลายเป็นดินแห้งแล้งสีน้ำตาล มีแต่ไข่ตั๊กแตนฝังตัวอยู่ทุกตารางนิ้ว รอจังหวะจะเติบโตขึ้นมากินทุกอย่างในปีหน้า
ชาวไร่ชาวนารอบนอกเมืองวอลนัท โกรฟ สิ้นเนื้อประดาตัวไปตามๆกัน รวมทั้งพ่อของลอร่าด้วย
รูปข้างล่างนี้คือชาวนาพยายามจะต่อสู้กับตั๊กแตน แต่ก็ไร้ผล ภาพล่างคือทุ่งหญ้าที่ตั๊กแตนทำลายหมดสิ้น
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
ตอบ: 33585
ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม
|
ความคิดเห็นที่ 56 เมื่อ 05 ม.ค. 14, 08:44
|
|
ชาวไร่ชาวนาอพยพออกจากเมืองไปหาที่ทำมาหากินที่อื่น แต่ชาร์ลส์ยังปักหลักอยู่ที่นี่ ในเมื่อยังมีทั้งที่ดินและบ้านช่องอยู่ เขาหาทางชำระหนี้สินค่าไม้กระดานสร้างบ้าน และค่าใช้จ่ายอื่นๆด้วยการอำลาครอบครัวชั่วคราว ไปทำงานทางตะวันออกของมินเนโซตา ที่นั่นพืชผลยังอุดมสมบูรณ์อยู่ ชาร์ลส์ต้องเดินทางถึง 200 ไมล์กว่าจะหางานได้ เด็กๆอยู่กันอย่างหงอยเหงาเมื่อขาดพ่อและเสียงซอของพ่อ แต่ในที่สุดพ่อก็กลับมาพร้อมด้วยเงินเต็มกระเป๋า พอจะใช้จ่ายไปได้อีกระยะหนึ่ง
เมื่อฤดูหนาวมาถึง ชาร์ลส์โยกย้ายครอบครัวออกจากบ้านนา เพราะเด็กๆไม่อาจเสี่ยงเดินทางไปร.ร.ในเมืองได้เนื่องจากอาจจะเกิดพายุหิมะเมื่อใดก็ได้ เขาไม่อยากให้ลูกๆต้องงดเรียนตลอดเทอม จึงตัดสินใจย้ายไปเช่าบ้านเล็กๆหลังหนึ่งด้านหลังของโบสถ์ อยู่ในตัวเมืองตลอดฤดูหนาว ในวันที่ 1 พฤศจิกายน ค.ศ. 1875 เมื่อเธออายุ 8 ขวบ เธอกลับจากโรงเรียนมาพาหญิงเพื่อนบ้านกำลังเตรียมอาหารเย็น แม่นอนอยู่บนเตียงพร้อมด้วยน้องคนใหม่ - ลูกชายคนแรกของครอบครัว ชื่อชาร์ลส์ เฟรดเดอริค อิงกัลส์ ตามชื่อพ่อ และพ่อเลี้ยงของแม่ พ่อหนูน้อยคนใหม่มีชื่อเล่นว่า "เฟรดดี้" ทุกคนเห่อน้องใหม่คนนี้มาก
ในนิยายชุดบ้านเล็ก ลอร่าตัดน้องชายและเหตุการณ์ทั้งหมดที่เกี่ยวกับน้องคนนี้ออกไปจากหนังสือ เพราะเป็นเรื่องทุกข์โศกเกินกว่าเธออยากจะบันทึกลงไป
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
ตอบ: 33585
ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม
|
ความคิดเห็นที่ 57 เมื่อ 05 ม.ค. 14, 09:51
|
|
ทุกคนคิดถึงบ้านในทุ่งริมห้วยพลัมครี้กมากกว่าอยากอยู่ในเมือง จนเมื่อหมดฤดูหนาว ชาร์ลส์ก็พาครอบครัวกลับมาอยู่บ้านเดิม เขาหว่านไถข้าวสาลีอีกครั้ง คราวนี้เป็นแปลงเล็ก เพราะไม่แน่ใจว่าตั๊กแตนจะแผลงฤทธิ์อีกหรือเปล่า ผลก็เป็นอย่างที่กลัวคือตั๊กแตนฝังไข่เอาไว้ตั้งแต่ปีก่อน พอพ้นฤดูใบไม้ผลิมันก็เติบโตขึ้นเป็นตั๊กแตนตัวใหญ่น่าเกลียดน่ากลัว ลงกัดกินพืชผล หญ้าและฟางเกลี้ยงทุ่งนาอีกครั้ง เป็นอันว่าไม่มีอะไรเหลือสำหรับชาร์ลส์และครอบครัว
ชาวเมืองบางคนยอมลงนามในเอกสารแสดงต่อรัฐว่าพวกเขาสิ้นเนื้อประดาตัว รัฐก็จัดสวัสดิการหาแป้ง เนื้อสัตว์และของกินของใช้จำเป็นให้ แต่ชาร์ลส์กับแคโรไลน์ถือตัวเกินกว่าจะยอมได้ชื่อว่ายากไร้ขนาดนั้น ชาร์ลส์เขียนจดหมายถึงปีเตอร์พี่ชาย เล่าให้ฟังถึงภัยที่เกิดขึ้น ปีเตอร์ก็เขียนกลับมาว่าให้ชาร์ลส์เดินทางกลับไปทางตะวันออก ยังเมืองที่ปีเตอร์อาศัยอยู่เพื่อจะไปพักอยู่ด้วยกันจนกว่าจะหาทางขยับขยายได้
เพื่อนที่รู้จักกันในโบสถ์คนหนึ่ง เพิ่งซื้อกิจการโรงแรมเล็กๆในเมืองเบอร์โอ๊ค รัฐไอโอวา เขาจ้างชาร์ลส์และแคโรไลน์ให้ไปดูแลโรงแรมของเขา ในฐานะผู้จัดการและแม่ครัว ลุงปีเตอร์ชวนให้น้องชายพาครอบครัวไปพักอยู่ด้วยจนกว่าจะถึงเวลาเดินทางไปไอโอวา ชาร์ลส์ไม่มีทางอื่นเพราะที่นี่เป็นงานเดียวที่หาได้ในตอนนั้น ชาร์ลส์ขายบ้านนาและที่นา ที่เขาลงทุนลงแรงมาด้วยความลำบาก พาลูกเมียขึ้นเกวียน เดินทางกลับไปสู่มินเนโซตาตะวันออกอีกครั้ง สำหรับนักบุกเบิก ตะวันตกคือทิศทางเบื้องหน้า ส่วนตะวันออกคือทิศทางเบื้องหลัง ถ้าอพยพไปทางตะวันออกคือ"ถอยหลังกลับรอยเดิม" อย่างที่เรียกกัน ทั้งพ่อและลอร่าอยากไปทางตะวันตก แต่บัดนี้ก็ไม่มีโอกาส ทั้งสองจำใจต้อง "ถอยหลังกลับ" ไปตั้งหลักใหม่ที่รัฐไอโอว่า เหตุการณ์ตอนนี้ ลอร่าตัดออกจากนิยายของเธอทั้งหมด เป็นได้ว่าเธอไม่อยากจะเก็บไว้ในความทรงจำ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
ตอบ: 33585
ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม
|
ความคิดเห็นที่ 58 เมื่อ 05 ม.ค. 14, 09:52
|
|
เส้นทางจากวอลนัทโกรฟ ไปเมืองที่ลุงปีเตอร์อาศัยอยู่ และลงใต้ไปที่เบอร์โอ๊ค ในรัฐไอโอวา
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
ตอบ: 33585
ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม
|
ความคิดเห็นที่ 59 เมื่อ 06 ม.ค. 14, 08:07
|
|
ญาติๆของชาร์ลส์คอยสดับตรับฟังข่าวของชาร์ลส์กับครอบครัวอยู่เสมอ แม้ว่าอยู่ห่างไกลกันคนละรัฐ ทุกคนก็รู้ข่าวคราวกันและกันจากจดหมายที่เขียนถึงและส่งต่อๆกันไป เพิ่มเติมข่าวคราวของแต่ละครอบครัวตรงท้ายจดหมาย ทุกคนจึงรู้ว่าชาร์ลส์กับแคโรไลน์กำลังตกระกำลำบาก คุณย่าเป็นห่วงมากที่ลูกชายลูกสะใภ้ไม่มีบ้านจะอยู่ในตอนนี้ คุณย่าถึงกับเขียนรำพึงรำพันกับญาติๆว่า ไม่รู้ว่าสองคนนี้จะลงหลักปักฐานได้ที่ไหน ตั้งแต่อพยพจากวิสคอนซิน ก็มีแต่ตกระกำลำบากเรื่อยมา
อย่างไรก็ตาม สำหรับเด็กน้อยวัย 8 ขวบอย่างลอร่า ตราบใดที่มีพ่อแม่และพี่ๆน้องๆอยู่พร้อมหน้า เธอก็ไม่รู้สึกว่าชีวิตลำบากยากแค้นมากนัก ยิ่งเมื่อเดินทางไปถึงบ้านนาของลุงปีเตอร์ พบญาติๆคืออลิซ เอลลา ปีเตอร์ อีดิธและแลนซฟอร์ด วัยใกล้เคียงกันอยู่พร้อมหน้า ชีวิตก็กลายเป็นเรื่องสนุก เมื่อมีพี่ๆน้องๆให้เล่นด้วย
สองครอบครัวจำนวน 13 คนรวมอยู่ในบ้านเดียวกัน ลุงปีเตอร์ขอให้ชาร์ลส์พักอยู่ด้วยตลอดฤดูร้อน เพราะงานที่โรงแรมจะเริ่มตอนฤดูใบไม้ร่วง ชาร์ลส์ช่วยปีเตอร์ทำงานในนา แคโรไลน์กับอีไลซ่าทำงานบ้าน ลูกสาวโตๆแล้วอย่างอลิซและแมรี่ช่วยแม่ทำงานบ้าน ส่วนเด็กๆรุ่นกลางอย่างลอร่า เอลลาและปีเตอร์มีหน้าที่ต้อนวัวออกไปกินหญ้าในตอนเช้า และต้อนวัวกลับบ้านในตอนค่ำ ลอร่ายังจำได้ถึงความสนุกสนานบนทุ่งหญ้าริมห้วยที่มีต้นพลัมขึ้นเกลื่อนกลาด เหมือนพลัมครี้กที่เธอจากมา เด็กๆเก็บพลัมมากินกัน เก็บแครปแอปเปิ้ลมาย่างไฟกินกันตามประสาเด็ก พอเย็นก็ต้อนวัวกลับเข้าโรงนา จากนั้นก็รีดนมวัวก่อนจะกลับเข้าบ้านกินอาหารเย็น
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
|