อ่านความเห็นของอาจารย์เทาชมพูแล้ว อิ่มเอมใจจังค่ะ
ในมุมมองของนักเขียนด้วยกัน คงเข้าใจหัวอกของการถ่ายทอดความรู้สึกนึกคิดผ่านตัวอักษรที่เรียงร้อยอย่างงดงาม
ผูกเป็นเรื่องราวที่ชวนติดตาม ประทับใจ
ดิฉันขอเสริมอีกมุมมองหนึ่งในแง่ประวัติศาสตร์ทางเศรษฐกิจของอเมริกัน
หนังสือชุดบ้านเล็ก เขียนภายหลังที่เกิดภาวะเศรษฐกิจตกต่ำหรือที่รู้จักกันในชื่อ The Great Depression
(ปลายปี 1930 ลากไปถึงกลางปี 1940 ก่อนสงครามโลกครั้งที่ 2 )
ตลาดหุ้น Wall Street ลูกโป่งแตกเมื่อวันที่ 29 ตุลาคม 1929 รู้จักกันในชื่อ Black Tuesday อังคารทมิฬ
และกลายเป็นต้นเหตุให้เกิดวิกฤตเศรษฐกิจอื่นๆติดตามมา รวมทั้งความตกต่ำด้านราคาพืชผลการเกษตรด้วย
(เพราะถือเป็น ตลาดโภคภัณฑ์ Commodity)
การล่มจมของตลาดการเงิน ในกรุงนิวยอร์คกระเทือนไปถึงบ้านไร่ที่แมนสฟิลด์ของลอร่า ได้อย่างไร
พันธบัตรต่างๆ ทรัพย์สินที่ครอบครัวของเธอสะสม เก็บหอมรอมริบแลกจากหยาดเหงื่อ แรงกาย ฝ่ามือที่หยาบกร้าน
สูญมลายไปสิ้น (หากไม่สูญก็แทบจะด้อยค่าลงทันที)
หลายครัวเรือนอเมริกันชน สูญเสียความมั่งคั่งและมั่นคงในชีวิต
ไปกับตลาดการเก็งกำไรปั่นมูลค่าทรัพย์สินและเงินตราตลอดจนตลาดตราสารล่วงหน้า
แต่เพราะลอร่า และแอลแมนโซ เป็นชาวไร่ ชาวนาที่ผ่านบททดสอบจากธรรมชาติมาหลายครั้งหลายคราแล้ว
จนเกิดภูมิต้านทานและเลือดนักสู้ประมาณว่า ไม่ยอมแพ้แก่โชคชะตา
ในเมื่อตลาดเงินที่ล่มจมใน Wall Street ไกลออกไปนับพันๆไมล์
เป็นสิ่งที่ครอบครัวชาวไร่อย่างเธอควบคุมไม่ได้ ก็ต้องปล่อยให้เป็นไป
แต่สิ่งที่เธอควบคุมได้ก็คือ บ้านไร่ของไวล์เดอร์ยังมีอาหารการกินที่สมบูรณ์พร้อม
แถมยังสามารถเจือจุนเพื่อนบ้านข้างเคียง ได้อย่างสบายๆ
นี่แหละหนา คือสิ่งที่เรียกว่า เงินทองเป็นของมายา ข้าวปลาซิเป็นของจริง
การเขียนบันทึกชุดบ้านเล็ก เหมือนกับเป็นการเตือนกลายๆให้เห็นหายนะของบริโภคนิยม
และถอยกลับไปสู่ความฝันของอเมริกันในแบบฉบับดั้งเดิม
อันหอมอวลกลิ่นอายของอเมริกันสปิริต ( ด้วยตัวอย่างที่ชัดเจนจากผู้เป็นพ่อ)
อเมริกันชนทุกคนมีอิสระเสรีที่จะแสวงหาวิถีที่ดีกว่า ด้วยความกล้าหาญ บากบั่น อดทน สู้งาน
ทุกคนได้รับสิทธิจากพระเจ้าเท่าๆกัน เพียงแต่ใครจะขวนขวายหาความก้าวหน้าได้มากกว่าขึ้นอยู่กับความขยันอุตสาหะ
แต่ต้องคำนึงถึงความถูกต้องตามครรลอง และไม่เอาเปรียบพรรคพวก
ผลผลิตของแรงงานคือความภูมิใจที่สร้างรายได้เลี้ยงครอบครัวให้อยู่ได้ตามอัตถภาพ
การเก็งกำไร ปั่นค่าเงิน นั่งคำนวณแต่ตัวเลขโดยมิได้ออกแรงกายหรือลงแรงเพื่อสร้างผลผลิต
ไม่ใช่รูปแบบการใช้ชีวิตอย่างอิสระชนที่ควรจะเป็น
ลอร่าค่อยๆเรียงลำดับความคิดเพื่อเสนอด้านมุมของชีวิตชาวอเมริกันในความฝันดั้งเดิม
เพื่อปลุกปลอบและให้กำลังใจกับผู้คนซึ่งสิ้นหวังกับภาวะขณะนั้น
เราจะเห็นว่า บันทึกทุกเล่มล้วนนำคนอ่านย้อนกลับสู่วิถีที่เรียบง่ายของบรรพบุรุษผู้สร้างสรรค์ชุมชนด้วยจิตวิญญาณมุ่งมั่น
ในความรื่นรมย์ของทุกช่วงชีวิต ทุกคนมีความสุขกับการทำงานที่เห็นเป็นกอบเป็นกำ
จะพลาดบ้าง พลั้งบ้างด้วยความรู้เท่าไม่ถึงการณ์
(ต้องทิ้งที่ดินและบ้านเล็กในทุ่งกว้างให้กับรัฐเพื่อกันเป็นเขตสงวนของอินเดียนแดง)
หรือสภาพธรรมชาติ ที่ไม่เป็นใจ แต่ก็ไม่มีใครยอมแพ้ สู้ครั้งใหม่อีกจนชนะ
( คราสงครามตั๊กแตนที่แห่ลงมากินพืชไร่ของครอบครัวลอร่าตอนอยู่บ้านเล็กริมห้วย
จนในที่สุด พ่อเธอยอมแพ้ อพยพไปดินแดนใหม่ ริมทะเลสาบสีเงิน เพื่อหาลู่ทางเพาะปลูกอีกครั้ง)
กะแค่สงครามการเงินที่มีแต่ตัวเลขขึ้นๆลงๆ จะหนักหนาเท่าหิมะ 7 เดือนที่ทำให้ชาวเมืองเดอะสะเม็ตแทบอดตาย
ก็ให้รู้ไปซิน่า
ฉะนั้น เมื่อผู้คนที่กำลังจิตตกกับเงินทอง มูลค่าสินทรัพย์ที่ลดถอยลงทุกวัน
ได้มีโอกาสย้อนอดีตดูปูมหลังของบรรพชนที่สร้างชาติขึ้นมาด้วยความยากลำบาก
ก็น่าจะมีมุมมองของโลกสวยขึ้นบ้าง
ลุกขึ้นมา ตั้งต้นชีวิตใหม่ ทำงาน ทำการที่เห็นเป็นผลผลิตที่แท้จริง