เรือนไทย
ยินดีต้อนรับ ท่านผู้มาเยือน
กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
ส่งอีเมล์ยืนยันการใช้งาน?
ข่าว: การแนบไฟล์ กรุณาใช้ชื่อไฟล์ภาษาอังกฤษเท่านั้นครับ
หน้า: 1 ... 9 10 [11] 12 13 ... 27
  พิมพ์  
อ่าน: 35025 เรืองเล่าคนเก่าแก่
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33585

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 150  เมื่อ 05 พ.ค. 21, 09:11

คลับคล้ายคลับคลา เป็นรถกระบะรุ่นแรกๆหรือเปล่าคะ


บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33585

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 151  เมื่อ 06 พ.ค. 21, 09:54

     พยายามทบทวนความจำเรื่องรถจักรยานยนต์ในกรุงเทพ   แต่นึกได้น้อยเต็มที   คงจะมีไม่มากนัก  
     จำได้แต่ว่าจักรยานยนต์รุ่นแรกที่เห็นเป็นแบบคันเล็กๆ  มีตะกร้าอยู่ข้างหลังคนขับ เอาไว้ใส่ของ   บางคันทาสีแดง
     จักรยานยนต์หรือมอเตอร์ไซค์สมัยนั้นไม่ใช่พาหนะเท่ๆอย่างบิ๊กไบค์ในปัจจุบัน  แต่มีเอาไว้สำหรับคนค้าขายใช้ส่งของ หรือเดินทางไปมาใกล้ๆในเมืองกรุง   ไม่ได้ใช้สำหรับออกต่างจังหวัด เพราะวิ่งได้ช้ากว่ารถยนต์มาก
     คนขี่มอเตอร์ไซค์เป็นผู้ชายในวัยหนุ่ม หรือวัยทำงาน   ไม่ใช่วัยรุ่น     ส่วนผู้หญิงไม่ขี่มอเตอร์ไซค์   หมวกกันน็อคคืออะไรไม่มีใครรู้จัก
     อาชีพที่ขี่มอเตอร์ไซค์ประจำ คือตำรวจ ค่ะ


บันทึกการเข้า
Jalito
องคต
*****
ตอบ: 478


ความคิดเห็นที่ 152  เมื่อ 06 พ.ค. 21, 12:52

มอเตอร์ไซค์ท่ัวๆไปก็วิ่งอยู่ในทางราบ  ยังมีอีกอาชีพหนึ่งที่ขับมอเตอร์ไซค์ทางดิ่งหาเลี้ยงชีพ มอเตอร์ไซค์ไต่ถังน่ะเอง เท่าที่เห็นก็มีแต่ในเมืองไทย ไม่ทราบเมืองฝรั่งมังค่ามีโชว์แบบนี้หรือไม่
บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33585

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 153  เมื่อ 07 พ.ค. 21, 10:02

มีค่ะ  เรียกว่า the Wall of Death  ถ้าเป็นคำกริยา ขี่มอเตอร์ไซค์ไต่ถัง เรียกว่า Riding the Wall of Death

บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33585

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 154  เมื่อ 07 พ.ค. 21, 10:12

มีจักรยานยนต์อีกประเภทหนึ่งที่เคยเห็นตอนเด็กๆ   ใครๆเรียกว่ารถ "เวสป้า"   ถือว่าเป็นคนละประเภทกับมอเตอร์ไซค์   ทั้งๆมันก็เป็นจักรยานยนต์เหมือนกัน
เวสป้าคันขนาดเล็ก ส่วนประกอบน้อยชิ้นกว่ามอเตอร์ไซค์  มีแผ่นเหล็กโค้งกั้นบังข้างหน้า เหมือนไม่ให้เห็นส่วนล่างของผู้ขี่ถ้ามองจากข้างหน้าตรงๆ   วิ่งค่อนข้างช้า  จึงใช้กันเฉพาะในเมือง แบบไปไหนมาไหนนิดๆหน่อยๆ  ต่อมาก็หายไปจากท้องถนน
   


บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33585

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 155  เมื่อ 07 พ.ค. 21, 10:15

เวสป้าที่เคยเห็นค่ะ


บันทึกการเข้า
ภศุสรร
อสุรผัด
*
ตอบ: 0


ความคิดเห็นที่ 156  เมื่อ 07 พ.ค. 21, 10:19

แปลกตาดีเหมือนกันครับ แลดู ก็เหมือนรถยนต์ยุค60sในอเมริกาเลย จะว่าทันสมัย จะว่า futuristicก็คงจะใช่
บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33585

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 157  เมื่อ 07 พ.ค. 21, 11:15

มารู้ทีหลังเมื่อหาในกูเกิ้ล   ว่าเวสป้า หรือ  Vespa เป็นยี่ห้อรถชนิดนี้  ส่วนชนิดของรถคือสกูตเตอร์ค่ะ  
เป็นรถจักรยานยนต์ขนาดเล็กมาก  ไม่เหมาะจะวิ่งทางไกล


« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 10 พ.ค. 21, 10:18 โดย เทาชมพู » บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33585

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 158  เมื่อ 08 พ.ค. 21, 19:06

     ในยุคคุณปู่คุณย่า   พอถึงฤดูร้อน จะเป็นช่วงปิดเทอมของเด็กๆ   ถ้าเป็นชาวกรุงที่มีฐานะดีหน่อยก็จะไปตากอากาศที่หัวหิน   การไปในยุคนั้นไม่ใช่ไปแค่วีคเอนด์อย่างสมัยนี้ แต่ไปอยู่กันเป็นสัปดาห์หรือเดือนๆ  หอบกันไปทั้งครอบครัว รวมทั้งคนรับใช้และแม่ครัวด้วย 
     การเดินทางที่สะดวกที่สุดคือไปรถไฟ   มีเที่ยวเช้า ออกเจ็ดโมงที่หัวลำโพง ผ่านนครปฐม ลงไปทางใต้ถึงหัวหินบ่ายโมง  มีอีกเที่ยวตอนบ่ายถึงเอากลางคืน  แต่ไม่เคยเดินทางเที่ยวนี้จึงบอกไม่ได้ว่าเป็นอย่างไร 
    ยุคนั้นไม่มีใครไปพักที่เพชรบุรี หรือชะอำ  ทั้งสองแห่งแม้ว่ามีหาดทรายชายทะเล แต่ก็ไม่มีโรงแรมที่พัก  ยกเว้นแต่จะไปสร้างบ้านพักตากอากาศเอาไว้เอง  แล้วเดินทางไปพักปีละครั้งสองครั้ง   ที่พักที่่หาง่ายที่สุดคือหัวหิน   แบ่งเป็น 3 ประเภท คือ โรงแรม บังกะโล  และบ้านพักของตัวเอง 
    บ้านพักของตัวเองมักจะเป็นบ้านที่สร้างกันมาเก่าแก่ สมัยคุณทวด ซึ่งเป็นยุคสมัยรัชกาลที่ 6  หรือ 7 ตดทอดมาถึงลูกหลานให้ไปพักอาศัยกัน   ส่วนโรงแรมและบังกะโลเป็นสถานที่สร้างไว้ให้คนกรุงเทพไปเช่าอยู่
    โรงแรมที่ขึ้นชื่อที่สุดคือโรงแรมรถไฟ
บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33585

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 159  เมื่อ 08 พ.ค. 21, 19:49

โรงแรมรถไฟ


บันทึกการเข้า
ภศุสรร
อสุรผัด
*
ตอบ: 0


ความคิดเห็นที่ 160  เมื่อ 08 พ.ค. 21, 20:54

ดูเหมือนว่าโรงแรมรถไฟหัวหินในวันนั้น ได้เปลี่ยนมาเป็นโรงแรมเซ็นทาราหัวหินในวันนี้แล้วล่ะครับ


บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33585

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 161  เมื่อ 08 พ.ค. 21, 21:21

ใช่ค่ะ  แต่สมัยโน้นเรียกว่า "โรงแรมรถไฟ" เฉยๆ  ไม่มีคำต่อท้ายว่าหัวหิน

โรงแรมรถไฟในยุคนั้นไม่มีแอร์  อากาศริมทะเลดีมาก  เปิดหน้าต่างนอนลมก็พัดเข้ามาในห้อง ไม่ร้อน จำไม่ได้ว่ามีพัดลมเพดานหรือเปล่า  แต่ละห้องมีเพดานสูงเพื่อให้ห้องโปร่งไม่อึดอัด      มีเตียงซึ่งมีมุ้งกระโจมครอบลงมา   หัวเตียงสลักเป็นรูปม้าน้ำดูเก๋มาก    มีห้องน้ำในตัวปูด้วยกระเบื้องขาว

ยุคนั้นไม่มีสระว่ายน้ำ   ทุกคนมาหัวหินก็เพื่อลงเล่นน้ำทะเล  จึงไม่เห็นความจำเป็นว่าจะต้องมีสระน้ำกันทำไม  ตอนเช้าเด็กๆตื่นขึ้น  ลงไปกินอาหารเช้าในห้องรับประทานอาหาร มีพนักงานเสิฟสวมเสื้อคล้ายราชปะแตนกับกางเกงขายาวสีดำดูโก้ทีเดียวค่ะ   
เสร็จแล้วก็มาเปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นชุดว่ายน้ำ หรือจะสวมเสื้อนุ่งกางเกงขาสั้นก็ไม่มีใครว่า วิ่งลงทะเลหน้าโรงแรมกันไป
ทะเลบริเวณหน้าโรงแรมมีหินก้อนใหญ่น้อยอยู่เกะกะ แต่หาดทรายขาวสะอาดละเอียดเหมือนแป้ง   ลงเล่นน้ำตรงนั้นได้สบายเพราะหาดทรายลาดน้อยๆ ทำให้ชายฝั่งตื้นมาก    น้ำทะเลใสแจ๋วมองลงไปเห็นพื้นทรายริมหาด   น้ำเสียเป็นยังไงไม่มีใครรู้จัก   
บนหาดมีเด็กชาวบ้านเอาห่วงยางรถยนต์มาให้เช่าเล่นน้ำ    และมีม้าแกลบให้ขี่ด้วยค่ะ

ความสนุกก็อยู่ที่ได้ลอยคอเล่นคลื่น โต้คลื่นกันไปมาในกลุ่มเด็กๆ  บางทีพ่อแม่ก็ลงไปเล่นน้ำทะเลด้วย 
เล่นกันทั้งวันไม่รู้สึกร้อน เพราะน้ำทะเลเย็นสบาย   ขึ้นจากน้ำอีกทีแดดเผาหน้า คอ และแผ่นหลังจนแดงก่ำ   ตอนกลางคืนปวดระบมจากพิษแดดทั้งคืน  วันรุ่งขึ้นหนังลอกออกมาเป็นแผ่นๆ   สมัยนั้นยังไม่มีครีมทากันแดด 
บันทึกการเข้า
เพ็ญชมพู
หนุมาน
********
ตอบ: 12605



ความคิดเห็นที่ 162  เมื่อ 09 พ.ค. 21, 09:35

ป. อินทรปาลิตเล่าเกี่ยวกับโรงแรมรถไฟสมัยเฟื่องฟู (ประมาณ พ.ศ. ๒๔๙๐+) ไว้ในหัสนิยาย "พล นิกร กิมหงวน" ตอน "มนต์รักที่หัวหิน" ว่า

พอแดดอ่อนหลังจาก ๑๖.๓๐ น. ล่วงแล้ว ชายหาดหัวหินก็คราคร่ำไปด้วยหนุ่มสาว ชาวพระนครที่ล้วนแต่เป็นเศรษฐีเดินกรีดกรายหาหอย, เก็บหอย บ้างก็นั่งสนทนากันเป็นคู่ ๆ บ้างก็ขี่ม้าเล่น เด็ก ๆ ชาวหัวหินนำม้ามาให้เช่าขี่ชั่วโมงละ ๑๐ บาท นอกจากนี้ยังมียางในรถยนต์บรรทุกสูบลมเต็มที่มาให้เช่าชั่วโมงละ ๓ บาท บาร์ลอยน้ำหน้าโรงแรมเต็มไปด้วยชาวพระนคร ผู้ชายสวมเสื้อฮาวายลวดลายต่าง ๆ วางท่าทางให้ภาคภูมิสมเป็นคนมีเงิน พวกผู้หญิงสวมเสื้อกางเกงอาบน้ำฟิตเปรี๊ยะ เห็นส่วนเว้าส่วนโค้งถนัดตาเป็นที่น่าเสียวไส้ยิ่งนัก

ห่างจากเขื่อนหน้าโรงแรมไปทางใต้เป็นที่อาบน้ำเพราะปราศจากก้อนหิน หนุ่มสาวหลายร้อยคนดำผุดดำว่ายโต้คลื่นกันอย่างสนุกสนาน แต่อนินจา....หัวหินราวกับดินแดนของชนต่างชาติ  เพราะ ๕๐ เปอร์เซ็นต์เป็นชาวจีนอาเสี่ยกระเป๋าหนัก ๓๐ เปอร์เซ็นต์เป็นแขกหนวดเครารุ่มร่าม มีคนไทยเพียง ๑๕ เปอร์เซ็นต์เท่านั้น ชาวยุโรปและอเมริกันอีก ๕ เปอร์เซนต์

จาก หัวหินในอดีต (๒)
บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33585

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 163  เมื่อ 09 พ.ค. 21, 21:06

การแต่งกายของหนุ่มสาวที่ไปเที่ยวหัวหิน ยุค 2500


บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33585

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 164  เมื่อ 10 พ.ค. 21, 10:55

นี่คือแฟชั่นยุคทศวรรษ 2500 ใต้ภาพบรรยายว่าพ.ศ. 2473  ซึ่งผิด  ในรัชกาลที่ 7  ผู้หญิงไทยนุ่งผ้าซิ่น ไม่ใช่กระโปรงสี่ชิ้น หกชิ้นหรือแปดชิ้น อย่างในภาพ
ที่เรียกเป็นชิ้นๆเพราะเป็นกระโปรงบาน ต้องอาศัยผ้าเดินตะเข็บต่อกันหลายผืน  ยิ่งจำนวนชิ้นมาก กระโปรงยิ่งบานมาก 
ตัวเสื้อแขนสั้น มีปก นิยมเก็บชายเสื้อไว้ในกระโปรงแล้วคาดเข็มขัดทับ   เหมือนชุดเครื่องแบบนักเรียนร.ร.เตรียมอุดม

https://www.bloggang.com/m/viewdiary.php?id=oley&month=06-2019&date=09&group=79&gblog=88


บันทึกการเข้า
หน้า: 1 ... 9 10 [11] 12 13 ... 27
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

Powered by SMF 1.1.21 | SMF © 2006, Simple Machines
Simple Audio Video Embedder

XHTML | CSS | Aero79 design by Bloc หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.079 วินาที กับ 18 คำสั่ง