กระทู้: เห็นรางรางพอยียวล! เริ่มกระทู้โดย: ติบอ ที่ 21 พ.ค. 12, 03:22 เหนื่อยกับการเขียนต้นฉบับทั้งงานแปล และวิทยานิพนธ์ ที่ทำอยู่มาหลายวัน
สุดท้ายผมก็หาทางออกให้ตัวเองด้วยการไปค้นชื่อเมืองท่าต่างๆ ในบทเกร็ดสำหรับร้องมโหรีโบราณสมัยปลายกรุงศรีอยุธยาขึ้นอ่าน ในที่สุดก็เผลอได้ประวัติศาสตร์สังคมสมัยกรุงสรีอยุธยาตามมาอีกเป็นพรวน โดยเฉพาะเรื่องที่คุ้นมาแต่เก่า คือ ผ้า และการแต่งกาย แม้จะไม่ได้รู้หมดทุกเรื่อง แต่ก็ช่วยให้ได้กระจ่างขึ้นบ้าง... แล้วก็พาลให้นึกถึงวรรคดีร่วมสมัยกันอีกหลายเล่ม และหลายเรื่อง... กว่าจะรู้ตัวอีกที ผมก็เผลออ่านนิราสธารโศกจบไปรอบหนึ่งเสียแล้ว... จำได้ว่า อ. เทาชมพู เคยพูดถึงเครื่องนุ่งห่มในวรรณกรรมชิ้นนี้ ว่าเป็นที่มาของเครื่องแต่งกายคุณนกยูงใน 'เรือนมยุรา' พอหยิบงานโบราณทั้ง ๒ ชิ้นขึ้นอ่านเทียบกัน ก็เลยได้เห็นอะไรคล้ายกัน และเนื่องกันอยู่ไม่น้อย ไหนๆก็ไหนๆ ผมเลยขออนุญาตคาบเอาเรื่องเล็กๆมาชวนคุยกันในเรือนไทยเป็นกระทู้สั้นๆเสียจะดีกว่า เผื่อว่าสมาชิกนักอ่านท่านใดจะกรุณาข้อมูลแก่ผมบ้าง ก็จะขอกราบขอบพระคุณอย่างสูงนะครับ (http://a5.sphotos.ak.fbcdn.net/hphotos-ak-ash3/s720x720/576688_385764074806951_143065632410131_1124362_575801195_n.jpg) ก่อนจากกันวันนี้ ขออนุญาตยกบทที่ ๑๒๐ ของนิราศธารโศก ขึ้นมาเป็นของฝากในเรือนไทยครับ ไม้มะต้องต้องตาพี่ ตรีผ้าสีหมากสุกนาง ติดขลิบหยิบห่มบาง เห็นรางรางพอยียวลฯ หมากต้องต้องเนตรเถี้ยว พลางพลางนึกนา ผ้าผ้าหมากสุกนาง หยุดยั้ง ปลิวปลิวไสบบางบาง ยองย่อง รางรางคู่คู่ตั้ง ใคร่เห็นยอนยอน กระทู้: เห็นรางรางพอยียวล! เริ่มกระทู้โดย: siamese ที่ 21 พ.ค. 12, 07:25 จองคิวร่วมสนทนาด้วยเรื่องการนุ่งห่มแบบอยุธยาด้วยขอรับ :D
กระทู้: เห็นรางรางพอยียวล! เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 21 พ.ค. 12, 18:56 ตามหลังคุณหนุ่มสยามมาห่างๆ
ถ้าเป็นสไบบางจนมองเข้าไปเห็นคู่คู่ตั้งข้างในรางๆละก็ สาวสมัยอยุธยาตอนปลายคงห่มสไบชั้นเดียวเหมือนในภาพประกอบละมังคะ คุณติบอ ส่วนนางพิมห่มสองชั้น " นุ่งยกลายกนกพื้นแดง ก้านแย่งทองระยับจับตาพราย ชั้นในห่มสไบชมพูนิ่ม สีทับทิมทับนอกดูเฉิดฉาย" แฟชั่นรัตนโกสินทร์กับอยุธยาตอนปลายต่างกันแล้วหรือไรคะ กระทู้: เห็นรางรางพอยียวล! เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 21 พ.ค. 12, 21:38 จำได้ว่า อ. เทาชมพู เคยพูดถึงเครื่องนุ่งห่มในวรรณกรรมชิ้นนี้ ว่าเป็นที่มาของเครื่องแต่งกายคุณนกยูงใน 'เรือนมยุรา' ผึ้งร้างพี่นึกปอง ผ้าขาวกรองลายดอกงาม ย่อมห่มเข้าอาราม หน้าเจียรบาดประหลาทตา ฯ ผึ้งหลวงรวงเก่าร้าง เรียมปอง ผ้าห่มขาวผูกกรอง ลูกไม้ สำหรับพับเฉียงทอง ลอยดอก หน้าเจียรบาดประหลาทให้ แซ่ซ้องชมโฉม กาพย์ห่อโคลงบทนี้เป็นที่มาของสไบลูกไม้ของแม่นกยูง ในเรื่องบอกว่าเธอได้เป็นมรดกจากอา ชื่อหม่อมแสซึ่งเป็นหม่อมในเจ้าฟ้ากุ้ง ผ้าลูกไม้เป็นของฝรั่งแน่นอน มากับเรือสำเภาในตอนปลายกรุงศรีอยุธยา ผ้าลูกไม้ที่ว่าเป็นสีขาว เป็นลายดอกไม้อยู่บนพื้นหลังลักษณะเหมือนรังผึ้ง ก็คงจะเป็นลูกไม้แบบที่ยกมาให้ดูข้างล่างนี้ ลูกไม้ที่ว่าใช้ห่มไปวัด หรือไม่ก็ไปในวันสำคัญทางศาสนา คงจะห่มทับสไบขาวชั้นในอีกทีหนึ่ง ไม่ห่มชั้นเดียว ขืนห่มชั้นเดียวจะอุจาดตา ไม่สมควรห่มเข้าวัด กระทู้: เห็นรางรางพอยียวล! เริ่มกระทู้โดย: ติบอ ที่ 27 พ.ค. 12, 02:17 ไม่สบายเสียหลายวัน แถมยังมีเรื่องให้เหนื่อยเสียอีกหลายเรื่อง
พอหายเรื่อง กลับเข้าเรือนมา กระทู้ก็หล่นไปไกลลิบลับเสียแล้ว กราบขอบพระคุณ อ.เทาชมพู เป็นอย่างสูงครับ สำหรับเรื่องที่อาจารย์ได้เล่าเอาไว้... โอกาสจะได้พูดคุยกับศิลปินผู้สร้างงานเช่นนี้มิใช่ของง่าย หากใครคิดจะเดินหน้าบนถนนสายประวัติศาสตร์เครื่องแต่งกายต่อไป เนื้อหาที่อาจารย์ฝากไว้ ก็เป็นของสำคัญไม่แพ้เนื้อความในสาส์นสมเด็จเลยทีเดียว ผมขออนุญาตออกนอกเรื่อง ไปเล่าถึง 'ที่มา' ของชื่อกระทู้ก่อนนะครับ ว่าทำไมต้อง 'เห็นรางรางพอยียวล'.... แน่ล่ะ หลายคนคงมองไปแล้ว ว่าคนตั้งชื่อกระทู้คนนี้ 'ทะลึ่ง' (หรือถ้าไม่เกรงใจกันก็อาจจะใช้คำอื่น เช่น 'ลามก' หรือ 'หมกมุ่น' ก็คงจะได้) เอาเถิด สิทธิในการประเมินค่าผู้อื่น เป็นของเจ้าของสมองแต่ละก้อน.. ผมมิว่าอะไร ความคิดใครก็ความคิดเขา วัวของผมมิได้เข้าคอกท่านดอกขอรับ :) กลับมาคุยกันเรื่องชื่อกระทู้ดีกว่า.... งานเขียนชิ้นนี้ ผมลองรวบรวมขึ้นเพื่อเป็นต้นร่างเนื้อหา เกี่ยวกับเครื่องแต่งกายสมัยอยุธยาตอนปลายที่ตัวเองอยากทำอยู่ เหตุที่อยากทำ เพราะว่าหลายสิบปีที่ผ่านมา ผมยังไม่เคยเห็นใครฝากผลงานชนิดนี้ไว้ในแวดวงสังคมศาสตร์เลย ที่จริง หลักฐานเครื่องแต่งกายสมัยอยุธยาตอนปลาย-ธนบุรี-รัตนโกสินทร์ตอนต้น ล้วนแล้วแต่หลงเหลืออยู่ในสังคมรอบตัวของเราๆ ท่านๆ ด้วยกันทั้งนั้น... ชั่วแต่ว่าใครจะหามันพบหรือไม่ก็สุดแท้แต่วิธีการหา และใช้หลักฐาน ของแต่ละคน... แต่จนแล้วจนรอด ผมก็ยังไม่เคยเห็นจะมีใครทำงานในเนื้อหาที่ว่านี้กันเสียที... ภาพยนต์ที่ถ่ายทำกันแต่ละเรื่องก็เอาความเป็น 'ละคร' เข้าอ้าง อ้างมากเสียจนถึงขั้นเพิกเฉยต่อการตรวจสอบความผิด-ถูกในเนื้อหา... แน่ล่ะ... ในมุมหนึ่ง 'ชวา' ใน 'อิเหนา' และ 'ชาวบ้าน' ใน 'ขุนช้างขุนแผน' ก็เคยเป็นเช่นนี้มาก่อน... แต่ตราบใดที่ยังไม่เกิดการตรวจสอบ... ภาพยนต์อิงประวัติศาสตร์ไทยจะไปไกลเท่าภาพยนต์เกาหลีก็คงจะยากเต็มกลืน สุดท้าย คนทั่วไปที่ยังไม่ทันคิดก็เผลอติดภาพละครมาใช้กับความเป็นจริง ตามไปด้วย... ชุดหลักฐานทั้งหลายที่ผมลอง 'คลำหา' และ 'คว้า' มาให้ดูกัน... เลยกลายเป็นของที่ผมมองไปทางไหนก็ได้แต่ 'เห็นรางรางพอยียวล' ทุกสิ่งอย่าง ทั้งนั้นและทั้งนี้ ขอความกรุณาผู้อ่านแต่ละท่าน อย่าเพิ่งรีบเชื่อในสิ่งที่ผมเขียน แต่ขอให้ท่านกรุณา 'อ่าน' และ 'คิดพิจารณา' ตามไปด้วยนะครับ ในฐานะคนเขียนกระทู้ ขออนุญาตสัญญาว่าตัวเองจะ 'สันนิษฐาน' (ที่แปลว่าทึกทักเอา) ให้น้อยที่สุดก็แล้วกันนะครับ กระทู้: เห็นรางรางพอยียวล! เริ่มกระทู้โดย: ติบอ ที่ 27 พ.ค. 12, 02:25 กลับมาเรื่อง 'สไบลูกไม้' ของ 'คุณ นกยูง' กัน
กว่าจะตอบข้อสงสัยนี้ของอาจารย์เทาชมพูได้ ผมคงต้องอธิบายประวัติศาสตร์สังคมสมัยอยุธยาตอนปลาย-รัตนโกสินทร์ตอนต้นหลายด้านพอสังเขป และน่าจะยาวเกินกว่าที่ผมจะทำได้ในเวลาไม่กี่นาทีที่เหลืออยู่ของคืนนี้ เลยขออนุญาตนำภาพภาพนี้มาฝากอาจารย์และทุกท่านก่อนครับ ผ้าผืนนี้ผมได้มาจากเพื่อนชาวปัตตานีคนหนึ่ง หลังจากคุณยายของเธอเสียชีวิตไป ฟังจากอายุของคุณยาย และดูจากลักษณะไหมปักบนผืนผ้าแล้ว ประเมินได้ว่าผ้าน่าจะมีอายุอยู่ในช่วงครึ่งแรกของคริสต์ศตวรรษที่ 20 หมายถึง ระหว่างราวปี ค.ศ. 1901-1950 แต่โดยส่วนตัวไม่คิดว่าผ้าจะเก่าถึงช่วง ค.ศ. 1910 ขึ้นไป... เป็นอันว่าอายุคงเฉียดๆ 100 ปี หย่อนลงมานิดหน่อย.. ไม่น้อยกว่า 70 ปีเป็นแน่... แล้วผ้าบุหงาปักผืนนี้จะเกี่ยวอะไรกับสไบของคุณนกยูงบ้าง... ผมขออนุญาตลาไปก่อน แล้วเราค่อยมาต่อกันทีหลังนะครับผม (http://a4.sphotos.ak.fbcdn.net/hphotos-ak-ash2/73828_164817396885633_90286_n.jpg) |