กลับมาต่อนิราศเมืองแกลงนะครับ
หลังจากวันมหาโหดตะลุยป่าเดินเท้าไกลถึง ๕๐ กม. ปรากฏว่า
ครั้นรุ่งเช้าเท้าบวมทั้งสองข้าง จะย่องย่างสุดแรงจะแข็งขืน
อยู่ระยองสองวันสู้กลั้นกลืน ค่อยแช่มชื่นชวนกันว่าจะคลาไคลซ้ำร้ายนายแสงคนนำทางกลับหนีไปเสียอีก
นายแสงหนีลี้หลบไม่พบเห็น โอ้แสนเข็ญคิดน่าน้ำตาไหล
น้อยหรือเพื่อนเหมือนจะร่วมชีวาลัย มาสูญใจจำจากเมื่อยากเย็น
จึงกรวดน้ำร่ำว่าต่ออาวาส อันชายชาตินี้หนอไม่ขอเห็น
มาลวงกันปลิ้นปลอกหลอกทั้งเป็น จะชี้เช่นชั่วช้าให้สาใจ
เดชะสัตย์อธิษฐานประจานแจ้ง ให้เรียกแสงเทวทัตจนตัดษัย
เหมือนชื่อตั้งหลังพิหารเขียนถ่านไฟ ด้วยน้ำใจเหมือนมินหม้อทรชนท่าจะแค้นมากครับ
เป็นอันว่าจากระยองไป ทีมนิราศเมืองแกลงต้องวัดดวงเดินแบบไม่มีคนนำทาง ทั้งๆที่ตอนมีนายแสงนำก็ยังอุตส่าห์หลงที่พัทยาได้
แล้วชวนสองน้องรักร่วมชีวิต ให้เปลี่ยวจิตไม่แจ้งรู้แห่งหน
จากระยองย่องตามกันสามคน เลียบถนนคันนาป่ารำไรฯ ถึงบ้านนาตาขวัญสำคัญแน่ เห็นยายแก่แวะถามตามสงสัย
เขาชี้นิ้วแนะทิวหนทางไป ประจักษ์ใจจำแน่ดำเนินมาเห็นภาพความลำบากของคนไม่รู้ทางเลยครับ ต้องถามทางไปตลอด เพียงแค่ป้ายแรกที่บ้านนาตาขวัญก็ต้องถามทางเสียแล้ว
ถึงบ้านแสงทางแห้งเห็นทุ่งกว้าง เฟื่อนหนทางทวนทบตลบหา
บุกละแวกแฝกแขมกับหญ้าคา จนแดดกล้ามาถึงย่านบ้านตะพงบ้านแสงนี้ไม่รู้อยู่ไหน แต่ระหว่างบ้านนาตาขวัญกับบ้านตะพงมีบ้านแลงอยู่ สงสัยว่าน่าจะคัดลอกผิดมา
ถึงตรงนี้ผมเชื่อว่าเกือบหลงครับ คงจะไปเดินผิดทาง เพราะทางที่คนเดินมีหรือจะต้องไป "บุกละแวกแฝกแขมกับหญ้าคา" เคราะห์ดีที่ยังรักษาทิศทางจนไปถึงบ้านตะพงได้
ที่บ้านตะพงนี้
มีเคหาอารามงามระรื่น ด้วยพ่างพื้นพุ่มไม้ไพรระหง
ตัดกระพ้อห่อได้ทุกไร่กง พี่หลีกลงทางทุ่งกระทอลอ
เห็นสาวสาวชาวไร่เขาไถที่ บ้างพาทีอือเออเสียงเหนอหนอ
แลขี้ไคลใส่ตาบเป็นคราบคอ ผ้าห่มห่อหมากแห้งตาแบงมานก็ไม่รู้ว่าทำไร่อะไรกันนะครับ แต่สาวชาวไร่คราวนี้ไม่ใช่สาวจีนแน่ (ฮิฮิ)
หลังจากนั้นกวีเดินเข้าดงสูง เส้นทางแสนลำบากเป็นห้วยเป็นหนอง หลงอุตลุด ภาพจากดาวเทียมแถวนี้ก็เต็มทน GoogleEarth ไม่มีรายละเอียดเลย ส่วน PointAsia เห็นชัด คือเห็นเมฆชัดมาก เป็นก้อนสีเทาเต็มพื้นที่ มองไม่เห็นผิวโลกเลย
มาออกจากป่าได้ก็ออกทะเลพอดีตรงคลองกรุ่น (ปัจจุบันเรียกคลองกรูน)
ถึงปากช่องคลองกรุ่นเห็นคลองกว้าง มีโรงร้างเรียงรายชายพฤกษา
เป็นชุมรุมหน้าน้ำเขาทำปลา ไม่รอรารีบเดินดำเนินพลางปากคลองกรูนนี้อยู่เลยท่าเรือบ้านเพทางจะไปสวนสนครับ ก็เรียกได้ว่าอยู่ในเขตบ้านเพนั่นแหละ เข้าใจว่าเดี๋ยวนี้ชาวบ้านที่นั่นก็ยังทำน้ำปลาอยู่ครับ
ถึงศาลเจ้าอ่าวสมุทรที่สุดหาด เลียบลีลาศขึ้นตามช่องที่คลองขวาง
ถึงบ้านแกลงลัดบ้านไปย่านกลาง เห็นฝูงนางสานเสื่อนั้นเหลือใจ
แต่ปากพลอดมือสอดขยุกขยิก จนมือหงิกงอแงไม่แบได้
เป็นส่วยบ้านสานส่งเข้ากรุงไกร เด็กผู้ใหญ่ทำเป็นไม่เว้นคนฯที่ตรงนี้มี "ศาลเจ้าอ่าวสมุทรที่สุดหาด" ไม่รู้แบ่งวรรคตอนยังไงแต่เป็นศาลเจ้าแน่ๆครับ ตรงนี้กวีเดินเร็วเหลือเกินจากคลองกรูนบ้านเพแค่ไม่กี่คำกลอนไปถึงบ้านแกลงเสียแล้ว บ้านนี้เป็นบ้านสานเสื่อส่งส่วยเมืองกรุง ลิงก์นี้มีรูปการสานเสื่อหวายโสมให้ดูครับ
http://school.obec.go.th/sunthonphu/schoolweb1/kittisak/10.htmlคืนนี้กวีของเราจะพักเรือนเพื่อนที่นี่ สิริรวมระยะทางที่เดินมาวันนี้ได้ราว ๒๗ กม. ไม่รวมระยะหลงวกวนซึ่งคำนวณไม่ถูกนะครับ