เรือนไทย

General Category => ศิลปะวัฒนธรรม => ข้อความที่เริ่มโดย: is that so? ที่ 16 ม.ค. 05, 19:40



กระทู้: มีใครรู้เรื่องสวดภาณยักษ์บ้างคะ
เริ่มกระทู้โดย: is that so? ที่ 16 ม.ค. 05, 19:40
 มีใครรู้เรื่องสวดภาณยักษ์บ้างคะ ใครรู้เรื่องหรือมีข้อมูลช่วยโพสด้วยนะคะ ขอบคุณค่ะ


กระทู้: มีใครรู้เรื่องสวดภาณยักษ์บ้างคะ
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 17 ม.ค. 05, 12:02
 ลองใช้ www.google.co.th ค้นคำว่า สวดภาณยักษ์  มีอยู่หลายเว็บให้หาได้ค่ะ


กระทู้: มีใครรู้เรื่องสวดภาณยักษ์บ้างคะ
เริ่มกระทู้โดย: ลำดวนเอ๋ยพี่จะด่วนไปก่อนแล้ว ที่ 06 มิ.ย. 05, 13:55

การสวดภาณยักษ์ นั้นก็คือ การสวด พระอาฏานาฏิยปริตร โดยพระปริตรนี้ แบ่งเป็น 2 ภาค คือภาคภาณพระ และภาคภาคยักษ์ โดยตามพระพุทธประวัติกล่าวว่า หลังจากพระมหาบุรุษตรัสรู้เป็นพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าแล้วนั้น ท้าวจตูโลกบาลก็มาเข้าเผ้า พระพุทธเจ้าก็ตรัสกล่าวถึงพระพุทธวงศ์ คือพระนามพระพุทธเจ้าที่เคยตรัสรู้มาแล้ว (ภาณพระ) จากนั้นท้าวจตุโลกบาลก็มีดำริว่าบริวารของตนนั้นมีมากมาย ทั้งที่เป็น ยักษ์ กุมภัณฑ์ นาค และคนธรรพ์ ซึ่งมีมายมากที่ไม่มีจิตเลื่อมใสในพระพุทธศาสนา กลัวว่าจะมารบกวนพระสงฆ์สาวกที่ไม่มีฤทธิ์ ขณะจาริกและปฏิบัติวิปัสนากรรมฐานให้ได้ความเดือดร้อน จึงถวายพระปริตรนามว่า อาฏานาฏิยปริตร แด่พระพุทธเจ้า เพื่อให้พระสงฆ์นำไปสวดกัน(ภาณยักษ์) โดยในพระปริตรดังกล่าวจะกล่าวถึงพระนามของท้าวจตุโลกบาล ทั้งนี้เมื่อบริวารของท้าวจตุโลกบาล เมื่อได้ยินพระนามท้าวเธอ ก็ย่อมจะเกรงกลัว และเร้นกายไปไม่มารบกวน ดังนั้นความเชื่อของชาวพุทธ เวลาเกิดเหตุการณ์ร้ายไม่มีในบ้านเมือง ก็จะนิมนต์ให้พระสงฆ์สวดภาณยักษ์ อย่างเช่นในสมัยต้นกรุงฯได้เกิดโรคห่า ยุดนั้นก็มีการสวดภาณยักษ์กันมากมาย แต่จริงๆแล้ว พระอาฏานาฏิยปริตร นั้นเวลาเรานิมนต์พระมาเจริญพระพุทธมนต์เย็น พระท่านก็จะสวดอยู่แล้ว เพราะพระปริตรดังกล่าวนั้นได้รวมอยู่ทั้งใน จุลราชปริตร(สวด 7 ตำนาน) และมหาราชปริตร(สวด 12 ตำนาน) อยู่แล้ว แต่ในปัจจุบัน การสวดภาณยักษ์กลายเป็นเชิงธุรกิจแล้ว มีนายหน้ามาขอเช่าสถานที่ของวัด จัดพิธีสวดฯ กันอย่างเป็นล่ำเป็นสัน มีหน้าม้า ค้าวัตถุมงคล ผ้ายันต์ สารพัด ซึ่งเป็นธุรกิจที่หากินกับความศรัทธาของชาวพุทธ ที่ยังไม่เข้าใจถึงพระธรรมคำสอนของพระบรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้า อยากกราบขอให้ผู้มีส่วนเกี่ยวข้อง ทั้ง สนง.พระพุทธศาสนา และมหาเถรสมาคม รวมถึง ท่านเจ้าอาวาส ดูแลเรื่องแบบนี้ด้วย เพราะช่วงหลัง เห็นเยอะ ทั้ง สวดยัญญกิจมหาเทพ(ชื่อแปลกดี) สวดภาณยักษ์ สวดเสริมชะตาเสริมลาภ ทำบุญสร้างพระกันอย่างเอาเป็นเอาตาย ขายสวรรค์ขายนิพพาน รวมไปถึงไถ่ชีวิตโคที่ไถ่กันแบบปลอมๆ เห็นแล้วสังเวชใจ วัดวาอารามแต่เดิมเรามีใว้เพื่อสดับพระธรรมเทศนา ทำบุญทำทาน พระทท่านก็ใช้ทำสังฆกรรม แต่เดี๋ยวนี้ กลายเป็นที่หากินของพวกปลิงศาสนา คอยสูบเงิน แล้วก็ทำให้พระศาสนาแปดเปื้อนอย่างไม่กลัวบาปกลัวกรรม สำหรับผมเองเชื่อว่า พระพุทธศาสนานั้นสอนให้คนเป็นคนดีที่ใจ ไม่ใช่ที่วัตถุ พระพุทธเจ้า ทรงใช้ผ้าบังสุกุล คือผ้าห่อศพนำมาตัดย้อม นุ่งห่มพระวรกายเพียงสามผืน ทรงบิณฑบาตเลี้ยงชีพ เทศนาพระธรรมนำสัตว์ออกจากความโง่เขลา คือ อวิชชา อันเป้นรากเหง้าของ กิเลส และภพชาติ ซึ่งก่อให้เกิดทุกข์  พระพุทธเจ้าตรัสสอนว่า ทำความดี ละเว้นความชั่ว ทำใจให้ผ่องแผ้ว