เรือนไทย

General Category => ภาษาวรรณคดี => ข้อความที่เริ่มโดย: ติบอ ที่ 22 ม.ค. 06, 12:57



กระทู้: เรื่องกาพย์ๆ กลอนๆ
เริ่มกระทู้โดย: ติบอ ที่ 22 ม.ค. 06, 12:57
 ยังจำครั้งแรกที่แต่ละคนต้องหัดแต่งกลอนกันได้บ้างมั้ยครับ ไม่รู้อยู่ชั้นไหนกันบ้าง น่าจะราวๆ ป.3 หรือ 4 ได้ที่อาจารย์เอาแผนผังกลอนแปดมาให้ดูกันบนกระดาน แล้วก็สอนวรรค์ สดับ รับ รอง ส่ง พูดเรื่องสัมผัสนอก สัมผัสใน อะไรต่อมิอะไรอีกหลายเรื่อง ทั้งๆที่เด็กแต่ละคนก็ไม่ได้มีความรู้อะไรกับภาษาไทยเท่าไหร่เลย

แถมเวลาสอบขึ้นมา มีเวลา 2 ชั่วโมง ต้องเขียนแผนผังกลอนส่ง แล้วก็แต่งกลอนอีก 2 บทแสดงความสามารถ กลอนของใครไพเราะ(ตามความรู้สึกอาจารย์)ก็ได้คะแนนเต็มไปตามระเบียบ

แล้วเวลาก็ผ่านไปเป็นสิบปีจนปัจจุบัน จนตอนที่คุณๆนั่งอ่านกระทู้นี้อยู่หนะแหละ บางคนก็กลายเป็นนักวรรณคดี เป็นกวี(ทั้ง 4ประเภท)ที่เขียนหนังสือมากมายทั้งร้อยแก้วร้อยกรอง เป็นหนอนหนังสือ-นักอ่านตัวยง ชนิดที่เรียกว่าหาใครเทียบคงยาก แต่อีกมากก็คงดีใจ ที่เลิกเรียนวิชาภาษาไทยไปซะได้ แล้วกาพย์ๆกลอนๆก็เลือนหายไปจากสมองตามวันเวลาที่ผ่านไป(และอายุที่เพิ่มขึ้น เหอๆ)


เขียนกระทู้มาซะยาว แค่อยากขอฝากตัวเป็นลูกศิษย์คุณครูหลายๆท่าน และพี่ๆน้องๆ ชาวเรือนไทยเรื่องการแต่งกลอนครับ เพราะเชื่อมั้ยว่าผมยังแต่งกลอนไม่เป็นครับ ไม่รู้จะเริ่มจากตรงไหนดีครับ กลุ้มใจจัง เฮ่อ....      


กระทู้: เรื่องกาพย์ๆ กลอนๆ
เริ่มกระทู้โดย: ศนิ ที่ 22 ม.ค. 06, 13:37
 คุณติบอลองกำหนดหัวเรื่องที่ชอบก่อนค่ะ
แล้วดูว่าจะเอามาแต่งเป็นคำประพันธ์ชนิดใด

ถ้าคิดไม่ออกก็ลองรวมรวมคำเกี่ยวกับหัวเรื่องนั้นก่อนค่ะ

เช่น จะแต่งบทชมจันทร์ ก็หาคำเกี่ยวกับพระจันทร์
ท้องฟ้า ดวงดาว ก้อนเมฆ หรือคำอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องค่ะ


กระทู้: เรื่องกาพย์ๆ กลอนๆ
เริ่มกระทู้โดย: ศนิ ที่ 22 ม.ค. 06, 14:07
 พอลองเอามาแต่งดู ก็ได้ดังนี้

ดวงเดือนเด่นลอยเลื่อนเป็นเพื่อนฟ้า
ส่องแสงนวลโอบเมฆาพาผ่องใส่
ดวงดาราดาษหาวพราวพราวไกล
น้ำค้างพรมผืนไพรพร่างพรั่งพรู


กระทู้: เรื่องกาพย์ๆ กลอนๆ
เริ่มกระทู้โดย: ติบอ ที่ 22 ม.ค. 06, 14:18
 เข้าใจวิธีที่คุณ ศนิ บอกครับ
แต่ใช้แล้ว รู้จักวรรณคดีแล้ว (ตามประสาอ่านมาก) อ่านกลบทก็แล้ว
ผมแต่งกลอนเองทีไรก็ไม่พ้นความรู้สึกที่ว่า "ใช้ไม่ได้" เพราะ "มันไม่ได้เรื่อง" อยู่เรื่อย

ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันครับ ว่าทำไมถึงเวลาต้องแต่งขึ้นมาก็ลืมคำศัพท์ที่ต้องใช้ซะเฉยๆ บางทีเขียนไว้เป็นรายการยาวพรืด 2 - 3 หน้ากระดาษก็เอามาเรียบเรียงเป็นกลอนไม่ได้ (ไม่รู้ว่าเกิดจากความผิดพลาดของสมองส่วนไหนเหมือนกันครับ เอิ๊กๆ) หรือถ้าพอแต่งได้ แต่งไปซัก 2 บท ขึ้นบทที่ 3 ก็จะเริ่มรู้สึกว่า "พายเรือในอ่าง" อยู่แล้วหาทางไปต่อไม่ได้ เพราะมันกลับมาอยู่ที่เดิม ก็ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันครับว่าจะแก้ปัญหาของตัวเองยังไงดีเพราะโครงเรื่องก็วางไว้แล้วนะครับ



ปล. อย่างที่เล่าไว้ในกระทู้ปีใหม่ของพี่นุชนาแหละครับ ว่าเมื่อก่อนเขียนไปได้ไม่เท่าไหร่ก็ขอร้องคนอื่นมาช่วยแก้ภาษาบ้าง ช่วยแต่งต่อบ้าง ไม่อย่างนั้นคงไม่ได้ส่งงานแหละครับ (ทั้งๆที่ก็รู้นะ ว่ามันต้องแต่งยังไง แต่ทำไมแต่งไม่ได้ก็ไม่รู้เหมือนกันครับ)

ปล.2 เปิดกระทู้มาล่อเป้านะเนี่ยะ เอิ๊กๆ


กระทู้: เรื่องกาพย์ๆ กลอนๆ
เริ่มกระทู้โดย: Nuchana ที่ 22 ม.ค. 06, 14:30
ตัวอย่าง กาพย์สุรางคนางค์ ๒๘
พึ่งแต่งเสร็จค่ะ อยู่ในกระทู้การบ้าน ส่งมาร่วมแจมกับคุณติบอ
.


กระทู้: เรื่องกาพย์ๆ กลอนๆ
เริ่มกระทู้โดย: ชื่นใจ ที่ 23 ม.ค. 06, 02:17
 อูย...อ่านกระทู้นี้แล้วเกิดอาการบอกไม่ถูกขึ้นมาทีเดียว
เรื่องเมื่อสมัย นานนนนนนนน มากแล้ว
กล้าพูดได้เต็มปากว่าอิฉันเนี่ยก็หนึ่งในตองอู (ไม่สิ...ไม่เคยอยู่ตองอู ตอนนั้นอยู่กรุงเทพต่างหาก) อาจารย์เรียกหาเสมอ ส่งประกวดที่ไหนเป็นได้รางวัลกลับมา
เขียนอะไรไปกี่งาน อิฉันก็เก็บใส่สมุดบันทึกส่วนตัวไว้ทุกชิ้นงาน เขียนมาได้สิบกว่าปี พอมาเจอความหนักหนาของวิทยานิพนธ์เข้า สมุดบันทึกเล่มนั้นไม่เคยมีคำประพันธ์ฉันทลักษณ์ใหม่ๆเพิ่มเข้าไปอีกเลย
ยิ่งมาใช้ชีวิตแบบเป็นมนุษย์เงินเดือน ยิ่งแล้วใหญ่ นี่ก็นับได้อีกร่วมสิบปีแล้วที่อิฉันทำความภูมิใจตัวเองหล่นหายไป
อันที่จริงไม่ควรโทษสิ่งแวดล้อมหรอกค่ะ สำหรับกรณีอิฉันเนี่ย มันอยู่ที่ว่าตั้งใจจริงหรือเปล่าที่จะกู่เจ้าสามารถที่เคยมีกลับมา (นี่กำลังดุตัวเองต่อหน้าท่านผู้ชม...เผื่อจะสำนึกได้   )
ส่วนเรื่องของการเขียนแล้วยังรู้สึกว่าไม่โดนใจ มันก็ธรรมดาค่ะคุณติบอ เวลาอิฉันเปิดสมุดบันทึกเล่มนั้นดู ก็เห็นความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นตามเวลา ตามทักษะที่เพิ่มพูน และตามการมองโลกที่เปลี่ยนไป
ชิ้นงานสมัยแรกๆของอิฉัน มันถูกฉันทลักษณ์ไปซะหมด แต่ไร้อารมณ์น่าดู อ่านยังไงก็ไม่เคยรู้สึกสัมผัสใจเลย ผิดกับงานชิ้นหลังๆจากหน้ามือเป็นหลังมือเชียว
เอาใจช่วยคุณติบอค่ะ    


กระทู้: เรื่องกาพย์ๆ กลอนๆ
เริ่มกระทู้โดย: Nuchana ที่ 23 ม.ค. 06, 02:28
 จริงด้วยค่ะ กาลเวลามันผ่านไป ทุกสิ่งทุกอย่างเปลี่ยนแปลงไปหมด มันมาถึงจุดที่
ภาษาอังกฤษก็ไม่ดีขึ้น ภาษาไทยก็เลวลง นึกอะไรก็ติดขัด กระท่อนกระแท่นต่อไม่ติด
เหมือนเป็ดจริงๆ นึกแล้วช้ำค่ะ


กระทู้: เรื่องกาพย์ๆ กลอนๆ
เริ่มกระทู้โดย: ติบอ ที่ 23 ม.ค. 06, 03:10
 นอนไม่หลับครับ ตื่นเต้นที่พรุ่งนี้มีสอบ
เลยลองลุกขึ้นมาเขียนกลอนดู แล้วก็ติดๆขัดๆ มีระยะขจัดเท่ากับศูนย์อีกตามเคย (อ.สอนฟิสิกส์ม.ปลายใช้คำนี้กับเด็กที่แกนิยามว่า "สอนแล้วไม่ไปไหน" - เหมือนกลอนผมอ่ะครับ)

เนื่องมาจากมีความรู้สึกว่า เสียงสัมผัสที่ตัวเองใช้ซ้ำเดิมหลายบทมากเกินไปครับไม่รู้จะแก้ยังไงดี มารบกวนถามพี่ๆหน่อยนะครับ


กระทู้: เรื่องกาพย์ๆ กลอนๆ
เริ่มกระทู้โดย: Hotacunus ที่ 23 ม.ค. 06, 05:43
 แนะนำคุณน้องติบอครับ ว่าถ้าต้องการแต่งเก่งๆ รู้ศัพท์ที่สัมผัสกันเยอะๆ ต้องอ่านกลอนเยอะๆ เช่นกันครับ เพราะเราจะจำวิธีการใช้คำของท่านอื่นๆ ได้ ซึ่งจะทำให้เรามีการปรับเปลี่ยนคำได้หลากหลายมายิ่งขึ้น

แต่งกลอนก็เหมือนเรียนภาษาครับ คือต้องรู้จักใช้คำศัพท์ สัมผัสนั้นเปรียบเสมือนไวยกรณ์ แต่การที่จะแต่งกลอนให้เพราะนั้น ก็เปรียบได้กับการเลือกใช้คำพูดครับ

ที่ทุกท่านกล่าวมาก็เป็นความจริงอยู่ไม่น้อยครับ เพราะเราจะเรียนเรื่องการแต่งกลอนกันแต่ตอนเด็กๆ เพื่อประดับความรู้เท่านั้น ถ้าไม่ได้ใช้ก็ลืม

เวลาผมอ่านพระอภัยมณี ก็ชื่นชมสุนทรภู่ท่านอยู่ไม่น้อย ที่เลือกใช้คำได้อย่างเป็นเลิศ บางครั้งก็นึกอยากแต่งขึ้นมาเหมือนกัน แต่เอาเข้าจริงๆ ต้องทำงานครับ อิอิ ก็เลยไม่ได้แต่ง


กระทู้: เรื่องกาพย์ๆ กลอนๆ
เริ่มกระทู้โดย: ภูมิ ที่ 24 ม.ค. 06, 03:36
 ความเห็นของผม
ไม่มีฉันทลักษณ์ ก็ไม่ใช่กลอนครับ :)

จะกลองพาไปอย่างไรก็แล้วแต่ เสียงต้องมาอันดับหนึ่ง

สมัยนี้คนละเลยกันเยอะ อย่างกลอนปีใหม่ของพรรคมวลชน
ในสัมผัสชุดเดียวกัน ใช้คำซ้ำเฉยเลย

ผมว่าการแต่งกลอนก็เหมือนการทดลอง ต้องลองผิดลองถูก เอาคำนั้นมาแทนตรงนี้ คำนี้ไปไว้ตรงนั้น แต่งแล้วต้อง"เกลา"

ลำนำคำกลอน เขียนตอนก่อนนอน ช่างง่วงจริงหนา
แต่อารมณ์อยาก สร้างสรรวาจา กลั่นกรองออกมา เป็นคำรำพึง
กฎเหล็กฉันทลักษณ์  ทุกคนประจักษ์ แต่ไม่เข้าถึง
กลอนสมัยนี้ ขาดการคำนึง ถึงความลึกซึ้ง อารมณ์เสียงกลอน


กระทู้: เรื่องกาพย์ๆ กลอนๆ
เริ่มกระทู้โดย: ศรีปิงเวียง ที่ 24 ม.ค. 06, 17:40
 เรื่องฉันทลักษณ์เป็นเรื่องนานาจิตตังครับ ถ้าแบ่งจริง ๆ (ตามความเห็นผม)จะพบว่ามีผู้เสพบทกวีดังต่อไปนี้
1. ยึดถือในฉันทลักษณ์ (ผมก็เช่นกัน) ซึ่งแยกได้เป็น
1.1 สมัยนิยม ร. 6 (ตรงกับฉันทลักษณ์มาก ไม่หย่อนแม้แต่คำเดียว)
1.2 ตามแบบที่มีมาก่อน (นาน ๆ ครั้งถึงจะไม่ตรงฉันทลักษณ์บ้าง พบในกวีก่อน ร. 6)
2. นอกฉันทลักษณ์ แบ่งได้เป็น
2.1 เพลงพื้นบ้านและกลอนเปล่า (เน้นคล้องจองหรือทำนองเพลง)
2.2 แบบอังคาร กัลยาณพงศ์ (จะว่าตรงฉันทลักษณ์ก็ตรง จะว่าไม่ตรงก็ตรง)
2.3 ไม่อาจเข้าพวกได้ เช่น กวีนิพนธ์ของจาง แซ่ตั้ง หรือกลอนที่ร้อยเรียงคล้าย ๆ พูดกัน


กระทู้: เรื่องกาพย์ๆ กลอนๆ
เริ่มกระทู้โดย: ศนิ ที่ 24 ม.ค. 06, 19:46
 ดิฉันว่าสิ่งสำคัญที่สุดในการแต่งกลอนคือความรู้สึกค่ะ
ต้องพยายามเข้าใจถึงความรู้สึกของกลอน เอาตัวเข้าไปอยู่ในบรรยากาศนั้นค่ะ

วันนี้ขอนำเสนอบทกลอนเกี่ยวกับความโกรธความผิดหวังดูนะคะ

เพียงแค่คิดก็เจ็บจนเหน็บหนอง
ด้วยขุ่นข้องหมองมุ่นให้หุนหัน
ดังมีเพลิงสุมใจบรรลัยกัลป์
แผดเผาให้อาสัญในทันใด

สุดจะหักห้ามจิตให้คิดแค้น
แต่มันแสนทรมานเกินทานได้
ผลออกมาดีชั่วให้รู้ไป
จะขอกล่าวเล่าไว้ในบัดนี้

ก่อนเคยรู้เคยเห็นว่าเป็นฟ้า
กลับเป็นน้ำครำคร่าน่าบัดสี
พลอยเป็นกรวดก้อนกร้าวร้าวราคี
เหล็กทาสีหลอกตาว่าเป็นทอง

...

บทต่อไปยังคิดไม่ออกค่ะ
แต่กลอนบทนี้ยิ่งแต่งยิ่งโมโหจริงๆนะคะ


กระทู้: เรื่องกาพย์ๆ กลอนๆ
เริ่มกระทู้โดย: ติบอ ที่ 24 ม.ค. 06, 22:38

เออ..... มีคนมาหงุดหงิดแล้วเนี่ยะ โพสต์ไม่ออกเลย เอิ๊กๆ


กะว่าจะโพสต์เรื่องกลอนแปด และการแต่ง อุตส่าห์ไปหามาจากกองหนังสือเก่าๆเขรอะๆ เห็นคุณศนิอารมณ์เสียขนาดนี้ ไม่โพสต์ดีกว่า ผมกลัวสาวดุนะครับ เอิ๊กๆ


กระทู้: เรื่องกาพย์ๆ กลอนๆ
เริ่มกระทู้โดย: ชื่นใจ ที่ 25 ม.ค. 06, 01:07
 อิฉันเห็นด้วยกับทั้ง "ฉันทลักษณ์" และ "ความรู้สึก" ค่ะ
ตามความคิดเห็นส่วนตัวเนี่ย อิฉันว่าการแต่งบทประพันธ์ฉันทลักษณ์ต่างๆ เป็นเหมือนการฝึกวินัยอย่างหนึ่ง
ผู้แต่งต้องเคารพกฎ-กฏิกา ต้องปฏิบัติตามกรอบข้อบังคับ แต่ในขณะเดียวกันก็พลิกแพลงถ้อยคำให้พริ้วไหวได้อย่างไม่มีที่สิ้นสุด
คงเหมือนกับการอยู่ในสังคมแหละค่ะ แต่ละคนมีอิสระในการใช้ชีวิต แต่ก็ต้องเคารพกฎ-กฏิกาของสังคม มีอิสระในขอบเขตที่เหมาะสม เพื่อการอยู่ร่วมกันอย่างผาสุก

ประเด็นเรื่องความรู้สึกนี่พูดยากค่ะ มันเป็นเรื่องของปัจเจก
บางครั้งเราอาจชอบสิ่งหนึ่ง แต่ไม่ชอบอีกสิ่งหนึ่ง
ในขณะเดียวกัน คนอีกคนหนึ่งอาจชอบเหมือนกับเราหรือต่างจากเราโดยสิ้นเชิงก็ได้
เรื่องคำประพันธ์นี่ ไม่ว่าในฐานะผู้แต่งหรือผู้เสพย์ การที่แต่ละคนจะเกิดอารมณ์ร่วมไปกับถ้อยคำอย่างเหมือนกันทุกประการคงหาได้ยาก  ถึงแม้จะเป็นคนๆเดียวกัน อ่านคำประพันธ์ชิ้นเดิม แต่ต่างห้วงเวลา ก็อาจจะเป็นไปได้ที่อารมณ์ความรู้สึกที่มีต่อคำประพันธ์นั้นเปลี่ยนไป (ทั้งเปลี่ยนไปในทางตรงกันข้าม หรือยังคงรู้สึกเช่นเดิมแต่ระดับเพิ่มขึ้นหรือลดลง)

สองเดือนแล้วอิฉันได้เข้าร่วมงานเสวนาร่วมกับนักเขียนท่านหนึ่ง (Amy Tan ผู้เขียนนวนิยายเรื่อง Tha Joy Luck Club) นักเขียนท่านนั้นบอกว่า
"ทันทีที่หนังสือไปอยู่ในมือของผู้อ่าน เรื่องราวในนวนิยายก็กลายเป็นคนละเรื่องกับของผู้เขียน  ถ้าผู้อ่านสิบคน แม้จะอ่านนวนิยายเรื่องเดียวกันก็จริง แต่โลกและอารมณ์ของผู้อ่านที่มีต่อนวนิยายเรื่องนั้นก็ต่างกันไปสิบแบบ ขึ้นอยู่กับจินตภาพและภูมิหลังของแต่คนในการเปลี่ยนเนื้อความในนวนิยายให้เป็นความรู้สึกของตนเอง"
นี่คือใจความที่คุณ Amy Tan พูดไว้วันนั้น

อิฉันว่าอิฉันคล้อยตามคำพูดของเธอค่ะ แล้วก็ยังยืนยันได้อย่างหนักแน่นด้วยว่า โดยส่วนตัวแล้วชอบบทประพันธ์ฉันทลักษณ์มากกว่ากลอนเปล่า ส่วนเรื่องเสพย์แล้วจะสัมผัสใจหรือไม่ ปล่อยให้เป็นเรื่องของความรู้สึกในขณะที่กำลังเสพย์ล้วนๆเลย


กระทู้: เรื่องกาพย์ๆ กลอนๆ
เริ่มกระทู้โดย: ชื่นใจ ที่ 25 ม.ค. 06, 01:15
 มีกลอนของคุณแก้ว ลายทอง มาฝากค่ะ
อ่านแล้วได้เนื้อหามากกว่า "ความมี หรือ ความไม่มี" ฉันทลักษณ์นะคะ คุณๆ ว่าไหม

ฉันทะ-เร้น เหนือรูปลักษณ์สลักเสลา  ผิว์แกล้งเกลาหยาดถ้อยแม้น้อยหนึ่ง
อาจจักวาบหวามในฤทัยตรึง  แต่มิอาจหยั่งถึงรหัสนัย

หนอ "ลักษณ์" แปรเปลี่ยนผันหมื่นพันรูป  ดุจควันธูปกำยานหอมพยอมสมัย
สิ้น "รูป" -รส,กลิ่น,เสียง- ก็สิ้นไป  เหลืออะไรฝากไว้ให้ "ฉันทะ"

ฉัน-ทะลัก, ฉัน-ทะลุ จนปรุโปร่ง  ยามลงโลงใครลงไปกับฉันล่ะ
ฉัน-ทะเล้น, ฉัน-ทะลวง, "ฉันทะ"-ละ  ฉันฝากเพียงอักขระรหัสนัย


กระทู้: เรื่องกาพย์ๆ กลอนๆ
เริ่มกระทู้โดย: jomyutmerai ที่ 25 ม.ค. 06, 11:12
 ไม่มีกรอบกรองคำก็งามได้
อยู่ที่ใครจะไปถึงซึ่งได้ที่
เมื่อสำนึกลึกซึ้งถึงบทกวี
มีไม่มีฉันทลักษณ์ไม่รู้แล้ว

ลืมฉันทลักษณ์บ้างก็ได้ : สุจิตต์  วงษ์เทศ


กระทู้: เรื่องกาพย์ๆ กลอนๆ
เริ่มกระทู้โดย: ศนิ ที่ 25 ม.ค. 06, 11:53
 สรุปว่า ทุกสิ่งต่างก็มีความสำคัญค่ะ
อันดับหนึ่งคือผู้แต่ง มีใจที่จะแต่ง
เรื่องราวที่จะนำมาแต่ง
ตอนเริ่มแรกถ้าจะให้ดีก็ควรเป็นเรื่องที่ผู้แต่งถนัด
หรือเป็นเรื่องที่ผู้แต่งอยู่ในเหตุการณ์ค่ะ
จะทำให้สามารถเข้าถึงอารมณ์และสามารถถ่ายทอดออกมาได้จริงๆ
คือ ไม่ต้องปรับอารมณ์ให้เข้ากับกลอน
แต่ มีอารมณ์ดังกล่าวนั้นๆ อยู่แล้ว แล้วจึงบรรยายออกมาเป็นบทกลอนค่ะ

ขั้นนี้คือ พิจารณาถึงความรู้สึกของผู้แต่งแต่อย่างเดียวนะคะ
ยังไม่ต้องกังวลถึงความรู้สึกของผู้อ่านค่ะ
ตอนที่แต่งขอให้ถ่ายทอดอารมณ์ผู้แต่งแล้วผู้แต่งเข้าใจก็เพียงพอ

อีกเรื่องคือเรื่องฉันทลักษณ์เป็นสิ่งสำคัญค่ะ
ในความคิดของดิฉันหากกลอนไม่มีฉันทลักษณ์ ก็ไม่ใช่กลอน
แต่ในที่นี้ไม่ได้หมายความว่าเนื้อกลอนจะถูกกดโดยฉันทลักษณ์ไปเสียหมดนะคะ
ดิฉันว่า ฉันทลักษณ์ก็เหมือนด้ายกับเข็ม คำทุกคำก็เหมือนดอกไม้
ในการร้อยมาลัย ผู้ร้อยก็สามารถประดิษฐ์ลวดลายได้แตกต่างกัน และผู้มองก็สามารถมองได้หลายแบบ
หากด้ายขาด หรือเข็มหักเสียแล้ว จะเป็นมาลัยได้อย่างไรกันคะ


กระทู้: เรื่องกาพย์ๆ กลอนๆ
เริ่มกระทู้โดย: ศรีปิงเวียง ที่ 25 ม.ค. 06, 18:16
 บทนี้ผมลองแต่งมานะครับ
ฟ้ามิแจ่มฟ้ามิแจ้งกระจ่างฟ้า   ฟ้าหม่นหมองครึ้มมาทั่วธาตรี
ฟ้าไร้แสงดวงดาราสง่าศรี   ฟ้ามิมีแสงจันทราที่พึงชม
แม้จะคอยกาลเวลาอันนานเนิ่น   คืนนี้เกินที่ขอรอจึงขื่นขม
จะมีใครที่ปลดเปลื้องอกอันตรม   ทุกข์ระทมจึ่งจางหายไปจากใจ

ป.ล. ผมนึกไม่ออกครับว่าจะแต่งอย่างไรอีก


กระทู้: เรื่องกาพย์ๆ กลอนๆ
เริ่มกระทู้โดย: Nuchana ที่ 25 ม.ค. 06, 18:24
 บทแรก เสียงคำสุดท้ายของวรรครับ (สามัญ)
ควรสลับตำแหน่งกับนั่นของวรรครอง (สูง) ค่ะ


กระทู้: เรื่องกาพย์ๆ กลอนๆ
เริ่มกระทู้โดย: ศนิ ที่ 25 ม.ค. 06, 20:14
 เท่าที่สังเกตได้จากการอ่านบทประพันธ์ของหลายๆท่านนะคะ
การแต่งกลอนแปด จะนิยมใช้เสียงวรรณยุกต์ที่แตกต่างกัน
ในการลงท้ายแต่ละวรรค

วรรคสดับ มักลงท้ายด้วยเสียงเอก โท ตรี จัตวา
พบเสียงโทมากที่สุด รองลงมาคือเสียงเอก ส่วนเสียงสามัญไม่ค่อยพบ
วรรครับ มักลงท้ายด้วยเสียงโท จัตวา
พบเสียงจัตวามากที่สุด
วรรครองและวรรคส่ง มักลงท้ายด้วยเสียงสามัญ

ยกตัวอย่างจากนิราศพระบาทของสุนทรภู่นะคะ

.....พี่ตันอกตกยากจากสถาน.....เห็นอาหารหวนทอดใจใหญ่หือ
ค่อยขืนเคี้ยวข้าวคำสักกำมือ......พอกลืนครือคอแค้นดังขวากคม
จะเจือน้ำซ้ำแสบในทรวงเสียว....ที่เค็มเปรี้ยวกล้ำกลืนก็ขื่นขม
กินประทับแต่พอรับกับโรคลม....ครั้นค่ำพรมน้ำค้างอยู่พร่างพราย


กระทู้: เรื่องกาพย์ๆ กลอนๆ
เริ่มกระทู้โดย: jomyutmerai ที่ 26 ม.ค. 06, 10:21
 มีกลอนอยู่ชุดหนึ่งที่อยากให้ลองอ่านดูครับ

วิเวกหวานหว่านทำนองร้อยกรองกล่อม
ทับกระท่อมโอฬารพิมานสรวง
แจ้วจักจั่นเจื้อยราวหนาวลมลวง
คืนดาวช่วงประชันฉายพรายเพ็ญจันทร์

ริ้วลมเหนือเอื้ออายห่มกายอุ่น
เมฆละมุนมาคลอทอปุยฝัน
น้ำค้างพร่างเพียงเก็จแพรวเพชรพรรณ
สาดสีสันเสน่หาห้อมราตรี

โดยสายหมอกเส้นไหมไฟความหวัง
คอยเหนี่ยวรั้งเติมรักเลือนศักดิ์ศรี
ความเร่าร้อนฟ้อนเสน่ห์แห่งเทวี
เหมือนฝนที่เทกระหน่ำพรำพรำมา

โอ้อกเอ๋ยเคยคู่กู่กระซิบ
บรรทมทิพย์แทนเรือนทุกเถื่อนท่า
เพลงสวาทวาบหวามยามนิทรา
จนโหยหามิห่างร้างรื่นรมย์

เจ้านกเอี้ยงเอียงคอพ้อไพรพฤกษ์
รอลมดึกโชยมาแทนผ้าห่ม
สบเนตรพริ้มเพียงแก้วแววตาคม
มันบาดจมเปลือกใจคนใกล้เคียง

คัดคำสวยแต่งสีคีตลักษณ์
หมายใจจักบรรเจิดพริ้งเพริศเสียง
บริบทรสคำร่ายจำเรียง
ให้ฟังเพียงเพลินหู...อย่าดูความ

กลอนชุดนี้แต่งโดยสหายท่านหนึ่งของผมคือ คุณเวทย์

อ่านแล้วอยากให้ลองพิจารณาดูว่าเป็นอย่างไรบ้างครับ


กระทู้: เรื่องกาพย์ๆ กลอนๆ
เริ่มกระทู้โดย: ถาวภักดิ์ ที่ 26 ม.ค. 06, 15:15
 หุหุ ขอต่อกลอนให้คุณศรีปิงฯคร้าบ

ฟ้ามิแจ่มฟ้ามิแจ้งกระจ่างฟ้า   ฟ้าหม่นหมองครึ้มมาทั่วธาตรี
ฟ้าไร้แสงดวงดาราสง่าศรี   ฟ้ามิมีแสงจันทราที่พึงชม
แม้จะคอยกาลเวลาอันนานเนิ่น   คืนนี้เกินที่ขอรอจึงขื่นขม
จะมีใครที่ปลดเปลื้องอกอันตรม   ทุกข์ระทมจึ่งจางหายไปจากใจ....


เจ็บศรหักปักทรวงหน่วงหนักนึก   ต้องตรอมตรึกตกตรองหมองหม่นไหม้
สุดคะนึงนุชนาสุดอาลัย   เกินกลืนกลั้นฝันใฝ่ไม่คืนคลาย
คงนานแล้วแก้วตาลาลืมพี่   เพราะเธอมีคู่ครองประคองหมาย
แกล้งยั่วเย้าหยอกเอินให้เขินอาย   ลวงให้ชายชอกช้ำระกำเอย


กระทู้: เรื่องกาพย์ๆ กลอนๆ
เริ่มกระทู้โดย: Nuchana ที่ 26 ม.ค. 06, 16:36
 ขอตอบคุณถาวภักดิ์คนดี
ไปไหนพี่ไม่แชทให้หายกังขา
น้องเปิดเมล์เท่าไรเมล์ไม่มา
สี่สัปดาห์เปล่าเปลี่ยวไม่เหลียวดู

อันคนเราขึ้นต้นไว้ไม่สานต่อ
อย่ารั้งรอดักลอบต้องหมั่นกู้
แยปแล้วหนีเดินแว้บหายตายละตู
น้องลุ้นอยู่รอไปก็ไลฟ์บอย


กระทู้: เรื่องกาพย์ๆ กลอนๆ
เริ่มกระทู้โดย: ศรีปิงเวียง ที่ 26 ม.ค. 06, 17:14
 ประนตน้อมวอนกราบกรานท่านถาวศักดิ์ นักเลงนักกลอนแห่งเรือนไทยเอ๋ย
กระหม่อมนั้นเลบงกลอนถึงทรามเชย แม้มิเคยมีคู่ครองตระกรองใจ
อันตัวท่านจะแชทไปช่างท่านเถิด ข้าน้อยเอิดเถิดเทิงจะถอยให้
ตัวท่านนี้แต่งกลอนดีมาแต่ไร แต่งอีกไซร้คงจะมันม่วนงันดี


กระทู้: เรื่องกาพย์ๆ กลอนๆ
เริ่มกระทู้โดย: ถาวภักดิ์ ที่ 26 ม.ค. 06, 17:31
 ยังล้อหลอกตอกย้ำเป็นซ้ำสอง
ถูกจับจองเคล้าเคียงเรียบเรียงร้อย      
มีมิ่งมิตรสนิทหมอนเฝ้านอนคอย      
ไยแต่งถ้อยปล่อยเสน่ห์เป็นเล่ห์กล         
สนุกหรือแกล้งทำให้ช้ำแสน
เหลือคิดแค้นแน่นจุกทุกข์โรมล้น
ใจร้ายนักหักชายไห้ระทม
ใกล้สิ้นลมสมจิตที่คิดทำ


กระทู้: เรื่องกาพย์ๆ กลอนๆ
เริ่มกระทู้โดย: ถาวภักดิ์ ที่ 26 ม.ค. 06, 18:09
 ท่านศรีปิงมิ่งเมืองกระเดื่องชื่อ
นามเลื่องลือยอดครูไม่รู้หนี
ประคารมคมวิชาไม่ปราณี
ทั้งปฐพีลี้หลบสยบสิ้น
ขอรับเกียรติคำชมคารมหวาน
ที่ทำทานผู้น้อยด้อยศาสตร์ศิลป์
จะน้อมนึกตรึกคุณเป็นอาจินต์
ย้อมชีวินชุ่มชื่นคืนกำลัง


กระทู้: เรื่องกาพย์ๆ กลอนๆ
เริ่มกระทู้โดย: Nuchana ที่ 26 ม.ค. 06, 18:51
 รู้ว่าผิดแกล้งตัดพ้อป้อคำหวาน
มัวทำการบ้านอื่นไงน่าใจหาย
แกล้งกลบเกลื่อนรู้ทันสันดานชาย
เบื่อหน่ายจับมัจฉาพลั้งทั้งสองมือ

อย่าทำซื่อแล้วตะแบงแสร้งตัดพ้อ
ไม่มัวรอพี่แกล้งไก๋ทำไขสือ
พลาดทางโน้นชม้ายเมียงเสียงล่ำลือ
ไม่ใช่ชื่อยอดพธูหมูในอวย


กระทู้: เรื่องกาพย์ๆ กลอนๆ
เริ่มกระทู้โดย: ภูมิ ที่ 27 ม.ค. 06, 11:16
 ฟ้ามิแจ่มฟ้ามิแจ้งกระจ่างฟ้า  
ฟ้าไร้แสงดวงดาราสง่าศรี
ฟ้าหม่นหมองมาครึ้มทั่วธาตรี
ฟ้ามิมีแสงจันทราที่พึงชม

ลองสลับคำเล่นดู


กระทู้: เรื่องกาพย์ๆ กลอนๆ
เริ่มกระทู้โดย: ถาวภักดิ์ ที่ 27 ม.ค. 06, 11:48
 เพิ่งมาเห็นมา 2 วรรคท้าย ดันสับสนใช้แม่กมแทนแม่กน
ขอแก้หน่อยนะครับ เพื่อความถูกต้องของฉันทลักษณ์

ยังล้อหลอกตอกย้ำเป็นซ้ำสอง
ถูกจับจองเคล้าเคียงเรียบเรียงร้อย
มีมิ่งมิตรสนิทหมอนเฝ้านอนคอย
ไยแต่งถ้อยปล่อยเสน่ห์เป็นเล่ห์กล
สนุกหรือแกล้งทำให้ช้ำแสน
เหลือคิดแค้นแน่นจุกทุกข์โรมล้น
ใจร้ายนักหักชายไห้ทมทน
ถึงปี้ป่นย่อยยับนับวันตาย


กระทู้: เรื่องกาพย์ๆ กลอนๆ
เริ่มกระทู้โดย: ถาวภักดิ์ ที่ 27 ม.ค. 06, 12:36
 "....รู้ว่าผิดแกล้งตัดพ้อป้อคำหวาน
มัวทำการบ้านอื่นไงน่าใจหาย
แกล้งกลบเกลื่อนรู้ทันสันดานชาย
เบื่อหน่ายจับมัจฉาพลั้งทั้งสองมือ
อย่าทำซื่อแล้วตะแบงแสร้งตัดพ้อ
ไม่มัวรอพี่แกล้งไก๋ทำไขสือ
พลาดทางโน้นชม้ายเมียงเสียงล่ำลือ
ไม่ใช่ชื่อยอดพธูหมูในอวย..."


อันใจพี่มีหนึ่งไม่พึงสอง
ไม่คิดลองเปลี่ยนเตียงเพียงเห็นสวย
ต้องงามพิศงามจิตจึงงงงวย         
งามพร้อมด้วยกริยาจึงกล้าชม
อนิจจาเรือนร้างเพียงนางแก้ว
ถึงเพริดแพร้วใสส่องทองประสม
เหมือนกรงขังชังเหงาเศร้าซวนซม
คงขื่นขมจมช้ำทุกค่ำคืน


กระทู้: เรื่องกาพย์ๆ กลอนๆ
เริ่มกระทู้โดย: Nuchana ที่ 27 ม.ค. 06, 13:00
 ..............................เชิญชวนคุณถาว์.......... แต่งกาพย์ดีกว่า.... ..มันแต่งง่ายดี
แปลกนะตัวเอง......... ทำเป็นหลบลี้............... เมล์ไปกี่ที......... ....ไม่เคยตอบมา
..............................จู่ๆก็โผล่.................... ต้องร้องโฮ้โฮ.........หายไปไหนมา
นึกว่าวางวาย............ ไปแล้วละหนา............. ตกแต่งสีหน้า..... ....เจรจาทักทาย
...............................ลิ้นสองแฉกฝืน............วาจาชื่นมืน.......... .นิสัยผู้ชาย
มะกอกสามตระกล้า..... ปาไม่ใคร่ได้............... ลดเลี้ยวว่องไว........หมดสิทธิ์ไล่ทัน
……....………...…........อ้าปากเห็นได้...............ลิ้นไก่ยอดชาย........มุกซ้ำวันวาน
จะมาไม้ไหน...............นุชนารู้ทัน...................จากประสบการณ์.....เห็นหน้ารู้ใจ


กระทู้: เรื่องกาพย์ๆ กลอนๆ
เริ่มกระทู้โดย: ถาวภักดิ์ ที่ 27 ม.ค. 06, 15:10
 กลอนตลาดขาดผู้รู้ดูฉงน
ขอไว้ลายชายชนคนสยาม
ว่าไทยชื่อลือชาภาษางาม
ระบือนามตามทวดปู่ภู่สุนทร
ที่เอ่ยอ้างสาสน์ส่งงงไม่หาย
ทั้งทิ้งท้ายวาจาว่ายอกย้อน
เหมือนชิงชังรังเกียจเคียดเง้างอน
เว้าวิงวอนสมรศรีมีเมตตา
พี่ก็ชายชาตรีมีสัจจะ
รู้มานะถนอมศักดิ์ธรรมรักษา
เป็นชาติเชื้อเนื้อหน่อสกุลา
ไม่เห็นค่าอย่าหมิ่นจนสิ้นดี
แม้ไม่เห็นน้ำจิตที่คิดภักดิ์
จะห้ามหักฝืนข่มก้มหน้าหนี      
จะไม่ตามถามตื้อให้ราคี
จะทำทีไม่ระย่อทระนง


กระทู้: เรื่องกาพย์ๆ กลอนๆ
เริ่มกระทู้โดย: ศรีปิงเวียง ที่ 30 ม.ค. 06, 17:34
 ....ขอแวะมา...ที่...กระทู้นี้...อีกคราวครับ
.....
1.1 ยอมรับว่าทั้งคุณพี่นุชนาและคุณถาวศักดิ์แต่งได้ดีมากครับ
1.2 ผมอ่านกระทู้นี้มานานก็ได้ความรู้มาพอสมควรครับ
1.3 ขอพระคุณทุกความเห็นครับ
และ 1.4 ผมว่าคุณถาวศักดิ์อาวุโสกว่าผมอีกนะครับ ไม่ต้องถึงขนาดแต่งกลอนสดุดีจนสูงล้ำก็ได้
ป.ล....สาเหตุ...ที่...เป็นเช่นนี้.....ดูได้ที่กระทู้...
 http://www.vcharkarn.com/include/vcafe/showkratoo.php?Cid=106&Pid=42842
(หวังว่าคุณ...Tanu จะไม่แวะมานะครับ หึ ๆ ๆ)


กระทู้: เรื่องกาพย์ๆ กลอนๆ
เริ่มกระทู้โดย: เนยสด ที่ 30 ม.ค. 06, 20:54
 อันจะแต่กลอนนั้นมันไม่ยาก
ไม่ลำบากมากมายหลายเรื่องหนา
เพียงแค่คุณติบอฟังวิชา
แล้วสรรหาคำฟ้ามาใส่ไป
จะลองแต่กลอนแปดซักสองบท
ไม่ละลดเร่งรีบแต่งเสียงใส
การเล่นคำสัมผัสทั้งนอกใน
ต้องจดจำใส่ใจทุกขั้นตอน

แบร่... ไม่ได้แต่งมานานแล้ว ชักจะลืมๆ ไปมาก ต้องกลับไปนั่งนึกอีกหน่อย อิอิ


กระทู้: เรื่องกาพย์ๆ กลอนๆ
เริ่มกระทู้โดย: เนยสด ที่ 30 ม.ค. 06, 21:38
 แนะนำตามคุณ Hotacunus ครับ
หาอ่านพวกนี้เยอะๆ รู้ศัพท์มากๆ จะได้เปรียบ

(รู้สึกว่าคุณติบอกระเจิงไปตั่งแต่ความเห็นที่ 12 นะครับ เอิกๆ)


กระทู้: เรื่องกาพย์ๆ กลอนๆ
เริ่มกระทู้โดย: ชื่นใจ ที่ 31 ม.ค. 06, 00:32
 แวะมาพยักหน้าหงึกๆ ด้วยคน
คุณติบอหายไปเลยจริงๆ ด้วย


กระทู้: เรื่องกาพย์ๆ กลอนๆ
เริ่มกระทู้โดย: ติบอ ที่ 31 ม.ค. 06, 00:34
 อยากแต่งกลอน แต่กลัวกลอน จะอ่อนด้อย
เพราะรู้น้อย ขาดวิชา ภาษาเขียน
ไม่แตกฉาน ภาษาไทย ไม่ชอบเรียน
มันวิงเวียน ง่วงนอน กลอนกระจาย

เปิดกระทู้ หวังคุณครู พี่พี่สอน
จะเขียนกลอน ประสายาก มาถวาย
เป็นกำนล ด้วยกลอน กับแรงกาย
หวังให้ได้ หัดเขียน หัดแต่งดู

มีครู-พี่ มาแนะชี้ ให้ตัวอย่าง
หัดเขียนบ้าง แต่อ่านเอง ยังขัดหู
เลยลบทิ้ง ด้วยรู้ตัว ว่า"ไม่รู้"
จนหลายครู เริ่มระอา มาจีบกัน

มาวันนี้ คุณเนยสด มายุแหย่
หาว่าแย่ "กระเจิง"แล้ว เห็นมั้ยนั่น
เลยสิ้นอาย โพสต์ได้ ด้วยเมามัน
ถ้าน่าขัน SMSมา อย่าประจาน

แต่อ่านดูกลอนเพี้ยนๆ นี่เยิ่นเย้อ
ใช้คำเฟ้อ ฟุ่มเฟือย น่ารำคาญ
สุดสมเพช เศษสมอง น่าสงสาร
เกิดมานาน แต่ก็ยัง โง่เหมือนเดิม





ชักมั่วมากขึ้นทุกที ไปนอนดีกว่า ขอบพระคุณพี่ๆนะครับ


กระทู้: เรื่องกาพย์ๆ กลอนๆ
เริ่มกระทู้โดย: ติบอ ที่ 31 ม.ค. 06, 00:35
 เผลอกดไปจริงๆ

ประจานตัวเองจริงๆด้วย "เอิ๊กๆ"


กระทู้: เรื่องกาพย์ๆ กลอนๆ
เริ่มกระทู้โดย: Nuchana ที่ 31 ม.ค. 06, 09:55
 ดีขึ้นกว่าเดิม แต่คำสุดท้ายวรรครับควรเป็นเสียงจัตวา (ไม่ใช่สามัญ) และคำสุดท้ายของวรรครองไม่ควรเป็นเสียงจัตวา

แต่อ่านดูกลอนเพี้ยนๆ นี่เยิ่นเย้อ
ใช้คำเฟ้อ ฟุ่มเฟือย น่ารำคาญ
สุดสมเพช เศษสมอง น่าสงสาร
เกิดมานาน แต่ก็ยัง โง่เหมือนเดิม


กระทู้: เรื่องกาพย์ๆ กลอนๆ
เริ่มกระทู้โดย: ภูมิ ที่ 01 ก.พ. 06, 02:12
 คิดจะเป็นนักกลอนต้องกัดติด
พบที่ผิดอย่าปลอยปละละให้ขัน
ไม่พอใจต้องแก้จนครบครัน
ต้องมุ่งมั่นปั่นแต่งสุดฝีมือ
สัมผัสนอกมีครบเป็นที่หนึ่ง
จะให้ซึ้งสัมผัสในอย่าไขสือ
เสียงลงท้ายเป็นจังหวะให้เลื่องลือ
จะทิ้งชื่อฝากไว้ในแผ่นดิน


กระทู้: เรื่องกาพย์ๆ กลอนๆ
เริ่มกระทู้โดย: ภูมิ ที่ 01 ก.พ. 06, 02:24
 ดูไปดูมาพิมพ์ผิด
ปั้น น่าตีจริงๆ


กระทู้: เรื่องกาพย์ๆ กลอนๆ
เริ่มกระทู้โดย: ชื่นใจ ที่ 01 ก.พ. 06, 03:26
 กลอนติบอว่าไว้      ตนนา
มิเก่งเชิงภาษา        อ่อนด้อย
อิฉันอ่านวาจา         คุณแต่ง แล้วเอย
เห็นว่าติบอถ้อย       เด่นด้วย เนื้อความ

(ป.ล. คุณติบอ ขอบคุณมากนะ แรงฮึดของคุณทำให้อิฉันมีครั้งแรกในรอบสิบปีได้สำเร็จ...ขอบคุณจริงๆ)


กระทู้: เรื่องกาพย์ๆ กลอนๆ
เริ่มกระทู้โดย: ชื่นใจ ที่ 01 ก.พ. 06, 03:28
 คือว่าตอนพิมพ์ จัดอย่างดีให้มีหน้าตาเป็นโคลงสี่ฯ
แล้วไหง...มันติดกันเป็นพืดอย่างนี้คะเนี่ย    


กระทู้: เรื่องกาพย์ๆ กลอนๆ
เริ่มกระทู้โดย: ภูมิ ที่ 01 ก.พ. 06, 16:32
 โดยคุณสมบัติของ html ไม่ว่าจะใส่ช่องว่าง(เว้นวรรค)คั้นกี่ช่องก็ตามจะถูกตัดเหลือหนึ่งช่องเท่านั้น


กระทู้: เรื่องกาพย์ๆ กลอนๆ
เริ่มกระทู้โดย: เนยสด ที่ 01 ก.พ. 06, 21:19
 ลองใช้จุดเยอะๆ ดูครับ
ขออนุญาตลอกมาทำให้ดูนะครับ

...กลอนติบอว่าไว้ ...... ตนนา
มิเก่งเชิงภาษา ...........อ่อนด้อย
อิฉันอ่านวาจา ........... คุณแต่ง แล้วเอย
เห็นว่าติบอถ้อย ......... เด่นด้วย เนื้อความ
............................................ชื่นใจ


กระทู้: เรื่องกาพย์ๆ กลอนๆ
เริ่มกระทู้โดย: Karine!! ที่ 01 ก.พ. 06, 23:44
 ...
อยากจะแต่งกลอนบ้าง แต่มิวางว่างจากจร
มีการงานคอยหลอกหลอน มีแปดกรท่าจะดี
...
ฮือๆๆๆๆๆๆๆๆ
ใครก็ได้แต่งกลอนช่วยเป็นกำลังให้การีนปั่นงานได้สำเร็จได้ไหมค่ะ

555+


กระทู้: เรื่องกาพย์ๆ กลอนๆ
เริ่มกระทู้โดย: ชื่นใจ ที่ 02 ก.พ. 06, 03:21
 ขอบคุณท่านผู้มีอุปการะคุณเป็นอย่างสูงเจ้าค่า
ทั้งคุณภูมิและคุณเนยสด

น้องการีนขา อิฉันก็อยู่ในภาวะการบ้านท่วมท้นเหมือนกันเจ้าค่ะ

ฮึดไว้...ทั้งคู่เลย


กระทู้: เรื่องกาพย์ๆ กลอนๆ
เริ่มกระทู้โดย: ถาวภักดิ์ ที่ 02 ก.พ. 06, 12:11
 เป็นผู้น้อยคอยก้มพนมกร ลำบากก่อนแล้วค่อยตายเมื่อปลายมือ


กระทู้: เรื่องกาพย์ๆ กลอนๆ
เริ่มกระทู้โดย: ศรีปิงเวียง ที่ 02 ก.พ. 06, 18:08
 อยากจะแต่งกลอนบ้าง แต่มิวางว่างจากจร
มีการงานคอยหลอกหลอน มีแปดกรท่าจะดี
แม้น้องจะแวะมา แค่แวะมาเฉย ๆ นี่
การบ้านค้างมากมี น้องคนนี้ต้องขอตัว
(ต่อของคุณการีนครับ)


กระทู้: เรื่องกาพย์ๆ กลอนๆ
เริ่มกระทู้โดย: Nuchana ที่ 02 ก.พ. 06, 19:40
 คาถาตอนเรียน...มอบให้น้องการีนค่ะ

หมายมั่นให้งานเสร็จ.....แล้วจึงค่อยเตร็ดเตร่จร
ไม่เสร็จอย่าเข้านอน……ฝึกไว้ให้เป็นนิสัย

อาบน้ำเย็นกายา..........ชงชาไว้ดับกระหาย
โทรศัพท์ศัตรูร้าย……....ปิดเครื่องไว้ไม่ให้ดัง

ความเงียบในยามค่ำ…….ทำให้ใจเกิดพลัง
เหมือนมีเวทย์มนขลัง……พิชิตชัยดังใจหมาย

อย่าเปิดทีวีดัง...............สมาธิพังกระจาย
เลือกเพลงเบาๆไว้……….เป็นเพื่อนได้ยามค่ำลง

เมื่อจิตใจแน่วแน่………...ไม่เฉไฉมัวใหลหลง
จิตใจไม่พะวง…………....ความคิดแล่นโลดทะยาน

ทำงานด้วยมุ่งมั่น………...ศึกษามันให้แตกฉาน
เรียนรู้ให้เชี่ยวชาญ……….ขีดเขียนอ่านให้เข้าใจ

เมื่อความชำนาญเกิด......จะเพลิดเพลินกับงานได้  
ทำไปแสนเพลินใจ..….…..ถึงเช้าไปไม่รู้ตัว


กระทู้: เรื่องกาพย์ๆ กลอนๆ
เริ่มกระทู้โดย: Karine!! ที่ 03 ก.พ. 06, 22:39
 555+
ขอบคุณค่ะ

แต่ทำงานจนถึงเช้านี่ สงสัยจะไปเรียนต่อไม่ไหวแฮะ
เอิ๊กๆ....เอาไว้เป็นข้ออ้างไม่ไปเรียนเสียเลย


กระทู้: เรื่องกาพย์ๆ กลอนๆ
เริ่มกระทู้โดย: Nuchana ที่ 03 ก.พ. 06, 22:50
 ลืมไป..พี่เรียนกลางคืนค่ะ นักเรียนโดยมากเป็นคนทำงานแล้ว เริ่มจาก 6 โมงถึง 3 ทุ่ม


กระทู้: เรื่องกาพย์ๆ กลอนๆ
เริ่มกระทู้โดย: เนยสด ที่ 08 ก.พ. 06, 23:00
 อ่านเจอครับ ในหนังสือกลอน
(ไม่ควรเอาอย่างนะครับ ผมไปยืนอ่านที่ร้านแล้วไม่ได้ซื้ออะ เลยจำได้ไม่เยอะ)

พยายามละเว้นการแย่งสัมผัสครับ
มักจะเกิดปัญหาตรงวรรค 2 ไป 3 ครับ

ขอยืมกลอนคุณติบอมาเป็นตัวอย่างหน่อยนะครับ

มีครู-พี่ มาแนะชี้ ให้ตัวอย่าง
หัดเขียนบ้าง แต่อ่านเอง ยังขัดหู
เลยลบทิ้ง ด้วยรู้ตัว ว่า"ไม่รู้"
จนหลายครู เริ่มระอา มาจีบกัน

หู ต้องสัมผัสกับ รู้ ครับ แต่ดันมีคำว่า รู้ อีกคำมาแย่งสัมผัสไปก่อนหน้า
ตรงนี้ต้องแก้ไขนะครับ    
(ไว้ผมหาซื้อหนังสือได้ จะเอามาลงครับ)
(ว่าแต่ว่า ใครจีบกันครับ?)


กระทู้: เรื่องกาพย์ๆ กลอนๆ
เริ่มกระทู้โดย: ติบอ ที่ 09 ก.พ. 06, 00:58
 ขอบคุณครับ คุณเนยสด
ผมก็เพิ่งทราบจากคุณเนยสดนี่ล่ะครับ
เพราะกลอนบทที่ว่า
ผมก็เขียนเล่นๆไปอย่างนั้นแหละครับ
แต่เกิดข้อผิดพลาดทางเทคนิค คนอื่นเลยได้อ่านๆไป แหะๆ

เพราะฉะนั้น เรื่องจีบกัน ก็เล่นๆครับ
ไม่เชื่อถามพี่นุชฯ ดูได้ครับ อิอิ


กระทู้: เรื่องกาพย์ๆ กลอนๆ
เริ่มกระทู้โดย: Nuchana ที่ 09 ก.พ. 06, 09:18
 None of kids' business.


กระทู้: เรื่องกาพย์ๆ กลอนๆ
เริ่มกระทู้โดย: ถาวภักดิ์ ที่ 09 ก.พ. 06, 14:57
 I absolutely agree.


กระทู้: เรื่องกาพย์ๆ กลอนๆ
เริ่มกระทู้โดย: Karine!! ที่ 09 ก.พ. 06, 17:25
 ...


กระทู้: เรื่องกาพย์ๆ กลอนๆ
เริ่มกระทู้โดย: นิลกังขา ที่ 10 ก.พ. 06, 23:48
 หายห่างเหินไปนาน เข้าบ้านเก่ารอบใหม่ ยังอุ่นใจดั่งกี้...

...โคลงสองเป็นอย่างนี้ แสดงแก่กุลบุตรชี้ ชื่อไว้ในโคลง แลนาฯ

(ลงจบเอาด้วนๆ ยังงี้แหละ ขโมยของเก่าครูท่านมาต่อครับ)


กระทู้: เรื่องกาพย์ๆ กลอนๆ
เริ่มกระทู้โดย: สร้อยสิริประภาแว่นทิพย์ ที่ 11 ก.พ. 06, 00:21
 กลอนทุกท่านแต่งล้วน............ไพเราะ  ท่านนา
คำแต่งนั้นพริ้งเพราะ...............อย่างนี้
ฟังแล้วชื่นเสนาะ...................จับจิต
ยังได้เกล็ดความรู้..................จากท่าน ไม่น้อย


กระทู้: เรื่องกาพย์ๆ กลอนๆ
เริ่มกระทู้โดย: Nuchana ที่ 13 ก.พ. 06, 17:54

.


กระทู้: เรื่องกาพย์ๆ กลอนๆ
เริ่มกระทู้โดย: นิรันดร์ ที่ 14 ก.พ. 06, 13:10
 .อันความรักมักเกิดกับดวงจิต..... ถึงจะคิดห้ามหักกลับรักใหญ่
ไม่สมปองต้องกายไม่เป็นไร .......ขอเพียงได้แอบรักสมัครตรม
ด้วยจารีตกีดขวางหนทางรัก .......ถ้าฝืนมักหนักกว่าจะมาสม
แม้ชาตินี้มิอาจพบสบอารมณ์ ......รอระทมถึงภพหน้าจะมาเยือน...


กระทู้: เรื่องกาพย์ๆ กลอนๆ
เริ่มกระทู้โดย: ถาวภักดิ์ ที่ 14 ก.พ. 06, 15:11
 งื้ดๆ ขอแอบสีข้างอาจารย์นิรันดร์มองเครื่องบินด้วยคนนะครับ  บรู้รรรรร...


กระทู้: เรื่องกาพย์ๆ กลอนๆ
เริ่มกระทู้โดย: Nuchana ที่ 14 ก.พ. 06, 15:40
 อุตส่าห์ hint ให้ยังไม่  get
อุตส่าห์ said ชัดภาษา ถาว์แสร้งเขลา
อุตส่าห์ draw เกือบตายใช้ 2 hrs.
ปัญญาเราเฉาโฉดอย่าโทษครายยยย


กระทู้: เรื่องกาพย์ๆ กลอนๆ
เริ่มกระทู้โดย: ถาวภักดิ์ ที่ 14 ก.พ. 06, 16:31
 มั่นพุทธิศิรวาทศาสดา
จึงมิกล้าท้าสวาสดิ์สมมาดหมาย
จำระกำช้ำชอกชื่อชู้ชาย
ตกพุ่มหม้ายเมื่อไรให้แจ้งครัน


กระทู้: เรื่องกาพย์ๆ กลอนๆ
เริ่มกระทู้โดย: นิรันดร์ ที่ 14 ก.พ. 06, 16:54
แม้เครื่องบินบินต่ำอาจจ้ำโดด . . . . ดาวสูงโลดเกินไขว่ใจถูกเฉือน
ชีวิตนี้อยู่ไปไร้แสงเดือน ..... . . . . . หนทางเลือนเลอะเทอะเกรอะน้ำตา
ขอตั้งจิตอธิษฐานให้หวานจิต ........รู้ความคิดมิตรไกลได้เถิดหนา
ถนอมรักนงนุชสุดชีวา ........ . . . . .พบกานดาเพียงในฝันถึงวันตาย


กระทู้: เรื่องกาพย์ๆ กลอนๆ
เริ่มกระทู้โดย: ถาวภักดิ์ ที่ 14 ก.พ. 06, 17:36
 โอ๊ย มดกัด

แหะๆ คารวะท่านอาจารย์นิรันดร์ 1 จอก(น้ำชา)
ไหนๆก็นั่งเหงากันในวันสีชมพูของคนอื่น เราน่า
มานั่งวิเคราะห์วิจัย excited state กันต่อ แก้เหงา
นะครับ อาจารย์


กระทู้: เรื่องกาพย์ๆ กลอนๆ
เริ่มกระทู้โดย: Nuchana ที่ 14 ก.พ. 06, 17:39
 อันผู้ชาย-เรือนไทย-ใช่ว่าแน่
แสนเฉื่อยแฉะ-เชื่องช้า-ไม่ฉะฉาน
กระบิดกระบวน-มากท่า-น่ารำคาญ
อยากปุจฉา-อาจารย์-สอนยังไง
อันงิ้วป่า-ต้นโตสูง-ตระหง่านฟ้า
ทำกลัวกล้า-หนามแหลมกีด-ขีดข่วนได้
หนามหักเลี่ยน-มันเลื่อม-ปีนสบาย
โอ้งิ้วราย-เพียงคำขาน-นิทานไทย


กระทู้: เรื่องกาพย์ๆ กลอนๆ
เริ่มกระทู้โดย: ถาวภักดิ์ ที่ 14 ก.พ. 06, 18:01
 มาชี้ชวนสวนงิ้วสยิวสยอง
ขัดสนองตรองผลถึงหม่นไหม้
ด้วยมุ่งตรงคงศาสน์ของชาติไทย
ยอมขาดใจไว้ลายชายชาวพุทธ


กระทู้: เรื่องกาพย์ๆ กลอนๆ
เริ่มกระทู้โดย: Nuchana ที่ 14 ก.พ. 06, 18:25

ลุ้นไม่ขึ้น..เฮ้อ เบื่อบางคน ส่งดอกไม้ให้อาจารย์ดีกว่าค่ะ  


กระทู้: เรื่องกาพย์ๆ กลอนๆ
เริ่มกระทู้โดย: Nuchana ที่ 14 ก.พ. 06, 19:08

.
เอา "กุหลาบสีดำ" มาฝากคุณถาวภักดิ์ 1 ดอก ด้วยค่ะ  


กระทู้: เรื่องกาพย์ๆ กลอนๆ
เริ่มกระทู้โดย: ชื่นใจ ที่ 15 ก.พ. 06, 04:35
 ฮั่นแน่...ตาวิเศษเห็นนะ

คุณนุชฯ มอบดอกไม้ให้คุณถาฯ
สงสัยว่ามีนัยความหมายแฝง
อาจจะมีถ้อยคำใดใคร่แสดง
แต่ซ่อนแสร้งสื่อสารผ่านผกา

           


กระทู้: เรื่องกาพย์ๆ กลอนๆ
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 15 ก.พ. 06, 09:03
ดินเนอร์ใต้แสงเทียนหรือคะ?  เคยเจอก็แต่ตอนกินข้าวเย็น
แล้วไฟเกิดดับเท่านั้นละค่ะ  
จุดเทียนยังดีกว่าเปิดไฟฉายส่องกับข้าว
เมื่อวานได้ของขวัญวาเลนไทน์ 1 กล่อง    
คนให้เขาบอกว่ากุหลาบมันแพง  เอาขนมครกไปกินแทนละกัน

คุณนุชกับคุณชื่นใจอย่าไปแหย่ตบะฤๅษีหนุ่มเลยค่ะ  
เกิดพระฤๅษีตบะแตกขึ้นมาจะบาป  
รวมไปถึงพยานผู้รู้เห็นในเรือนไทยอีกหลายคนด้วย


กระทู้: เรื่องกาพย์ๆ กลอนๆ
เริ่มกระทู้โดย: นิรันดร์ ที่ 15 ก.พ. 06, 11:30
 รักสีดำคือรักจริง มิหวังสิ่งใดตอบแทน
ศิวะแห่งเมืองแมน สละศอรอนาคี
พ่นใส่ขยายพิษ สามารถปลิดทุกชีวี
เดชะพระสุลี เพียงศอดำคล้ำไปนาน


กระทู้: เรื่องกาพย์ๆ กลอนๆ
เริ่มกระทู้โดย: ภูมิ ที่ 15 ก.พ. 06, 13:42
 กาลผ่านมานานปี.................ยังไม่มีใครเหลียวแล
กุหลาบได้แต่ชะแง้...............มองเขาส่งสารสัมพันธ์
ดอกไม้นั้นมีอยู่....................ไม่มีคู่จะสานฝัน
สงสัยไม่ถึงครรภ์..................เกิดเมื่อไรคงรู้เอง
 


กระทู้: เรื่องกาพย์ๆ กลอนๆ
เริ่มกระทู้โดย: Karine!! ที่ 15 ก.พ. 06, 20:54
 อิ อิ

ถือว่าเป็นพยานรู้เห็นคนหนึ่งล่ะกันเน้อค่า


กระทู้: เรื่องกาพย์ๆ กลอนๆ
เริ่มกระทู้โดย: Nuchana ที่ 15 ก.พ. 06, 20:58

.


กระทู้: เรื่องกาพย์ๆ กลอนๆ
เริ่มกระทู้โดย: Nuchana ที่ 16 ก.พ. 06, 00:30

.


กระทู้: เรื่องกาพย์ๆ กลอนๆ
เริ่มกระทู้โดย: นิลกังขา ที่ 16 ก.พ. 06, 10:07
 ภูมิเอ๋ย...

(จำคนอื่นเขามา)
แสวงหาสิ่งหวังวันข้างหน้า
อกหักมากี่หนยังทนได้
ความรักเหมือนสายธารที่ผ่านไป
จะเป็นไรถ้าอกหัก - อีกซักครั้ง....

คัมบัตเตะคุดาไซ สู้เขาไอ้มดแดง ...


กระทู้: เรื่องกาพย์ๆ กลอนๆ
เริ่มกระทู้โดย: ถาวภักดิ์ ที่ 16 ก.พ. 06, 11:37
 ใช่ฟ้าบันดาลให้เธอเป็นคู่ของพี่
ฟ้าสร้างให้น้องพี่นี้ รักมีเพียงชั่วหวานชื่น
พี่แสนรัก แสนห่วงและหวงทุกคืน
ขอให้รักโรยรื่น เหมือนรักพี่เถิดดวงใจ
.....
....(ขี้เกียจพิมพ์ แหะๆ)
....
อย่าได้คิดหวลห่วงพี่นะ ดวงใจ
ชาตินี้พี่จำจากไกลสู่แดนแห่งรสพระธรรม

(ตามบัญชาท่านอาจารย์แสนสวย สั่งให้เป็นตาเถนซะแล้ว  แฮ่ อาจารย์มาบวชชีด้วยกันมั้ยขอรับ)


กระทู้: เรื่องกาพย์ๆ กลอนๆ
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 16 ก.พ. 06, 13:12
ตาเถนหกตกใต้ถุน!


กระทู้: เรื่องกาพย์ๆ กลอนๆ
เริ่มกระทู้โดย: B ที่ 16 ก.พ. 06, 13:21
 เข้ามาขำ เจ้าชายขนมครก ค่ะ
ทำเอาดิฉันอยากกินขนมครกโรยต้นหอมขึ้นมาเลยเชียวค่ะ

เรือนไทยเราตอนนี้สีชมพูหรือคะอาจารย์?    


กระทู้: เรื่องกาพย์ๆ กลอนๆ
เริ่มกระทู้โดย: ถาวภักดิ์ ที่ 16 ก.พ. 06, 13:35
 โอ๊ย แค่ชวนบวชชี ต้องถีบตกใต้ถุนด้วย คนสวยใจร้าย


กระทู้: เรื่องกาพย์ๆ กลอนๆ
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 16 ก.พ. 06, 13:48
 พ้นวันวาเลนไทน์แล้วก็สีเนื้อไม้เหมือนเดิมค่ะคุณ B
ใครอยู่แถวนี้  ช่วยหิ้วปีกป๋าเถนขึ้นมาจากใต้ถุนทีเถอะค่ะ


กระทู้: เรื่องกาพย์ๆ กลอนๆ
เริ่มกระทู้โดย: ถาวภักดิ์ ที่ 16 ก.พ. 06, 13:54
 ไม่เป็นไรแล้ว จารย์จ๋า อุตส่าห์เป็นห่วงอย่างนี้ ก็ชื่นหัวใจแล้วจ้ะ


กระทู้: เรื่องกาพย์ๆ กลอนๆ
เริ่มกระทู้โดย: Nuchana ที่ 16 ก.พ. 06, 13:54
 รับอาสาเองค่ะ...เดี๋ยวจะจัดการเอาให้ปีกหลุดติดไม้ติดมือมาด้วยเลย เล่นตัวนัก เฮ้อ..


กระทู้: เรื่องกาพย์ๆ กลอนๆ
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 16 ก.พ. 06, 13:59
 เบาๆมือหน่อยนะคะ  คุณนุชนา
อย่าให้ถึงตายก็พอ


กระทู้: เรื่องกาพย์ๆ กลอนๆ
เริ่มกระทู้โดย: ถาวภักดิ์ ที่ 16 ก.พ. 06, 14:22
 แว้ก สาวสวนงิ้วโผล่มาเงียบๆ โตกจายโหมดเลย
กราบลาละคร้าบ พี่น้อง

ปล ถ้าไม่มีสามี จะเบาจะแรงก็ไม่ว่าจ้ะ เจ๊จ๋า


กระทู้: เรื่องกาพย์ๆ กลอนๆ
เริ่มกระทู้โดย: นิรันดร์ ที่ 16 ก.พ. 06, 16:00
 . . . ถึงมีปีกเหินหาวเสียดราวฟ้า . . . ถึงจะกล้าท้าไพรินทร์ทุกถิ่นที่
ถึงอยู่ยงคงกระพันทั้งอินทรีย์ . . . . .. แต่ก็แพ้พ่ายนารีฤดีเดียว
ถูกเด็ดปีกหลีกกายไปไม่รอด .. ..........อยู่ให้กอดทุกวันคืนจันทร์เสี้ยว
แต่คืนเพ็ญเห็นเด่นขึ้นมาเชียว . . . . . ก็ไม่เลี้ยวหนีไปให้ตระกอง


กระทู้: เรื่องกาพย์ๆ กลอนๆ
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 16 ก.พ. 06, 16:30
นึกเป็นห่วงเป็นใยเจ้าของ ค.ห.86 ไม่รู้จะรอดไหม
เลยลองไปเสี่ยงเซียมซีวัดแถวๆบ้านมาให้
ท่าทางจะแม่นค่ะ

ใบที่หกตกกระไดลงใต้ถุน
งานจะวุ่นหัวจะเวียนเจียนลมใส่
ถามถึงแฟนข้างกายจะหายไป
ถึงตามง้อยกใหญ่ไม่คืนดี

ถามเดินทางต้องไปไกลไม่มีตติ้ง
ถามถึงหญิงยังไม่พบประสบศรี
ถามถึงคู่ยังไม่น่าว่าจะมี
บวชเป็นเถนจริงซะทีจะดีเอย


กระทู้: เรื่องกาพย์ๆ กลอนๆ
เริ่มกระทู้โดย: ถาวภักดิ์ ที่ 16 ก.พ. 06, 17:09
 แหม อดไม่ได้ ขอย่องเข้ามาแสดงความชื่นใจอีกครั้ง คำก็ห่วง 2 คำก็ห่วง  มีอาจารย์แสนสวยเมตตาเอ็นดูออกนอกหน้ายังงี้ เดี๋ยวพรรคพวกรุมอิจฉาแย่เลย

หุหุ อาจารย์เราชักของขึ้น เขียนใบเซียมซี่เลยเชียว  เสียดาย หวยเพิ่งออก ไม่งั้นจะขอเลขเด็ดให้จั๋งหนับ


กระทู้: เรื่องกาพย์ๆ กลอนๆ
เริ่มกระทู้โดย: Nuchana ที่ 16 ก.พ. 06, 17:17

.


กระทู้: เรื่องกาพย์ๆ กลอนๆ
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 16 ก.พ. 06, 17:26
คุณนุชนาจะฉลองวาเลนไทน์ให้อีกฝ่ายไม่ครบ ๓๒ เชียวหรือคะ
คุณถาฯ  จะให้เหลือเท่าไหร่   ก็เอาจำนวนที่เหลือนั่นละค่ะเป็นเลขเด็ด
จะ ๓๑ หรือ ๓๐ ก็เลือกเอาเอง


กระทู้: เรื่องกาพย์ๆ กลอนๆ
เริ่มกระทู้โดย: Nuchana ที่ 16 ก.พ. 06, 17:43
เอาออกแค่ 1 พอค่ะ ไม่ใจร้ายมาก เหลือให้ 31
เอามากก็เปลืองเเรงมากเปล่าๆปลี้ๆ

ว่าแล้วก็-วางคมมีด-กรีดลงไป
เฉือนแค่-กล่องดวงใจ-ให้เหลือตอ


กระทู้: เรื่องกาพย์ๆ กลอนๆ
เริ่มกระทู้โดย: ภูมิ ที่ 16 ก.พ. 06, 17:51
 สาวด่าเขาก็ว่าสาวบอกรัก
สาวให้จวักเขาก็ว่ากวักมือให้
สาวให้มีดเราจะแปลเป็นฉันใด
ท่องเอาไว้มหาอุตม์ตัวใครตัวมัน
 


กระทู้: เรื่องกาพย์ๆ กลอนๆ
เริ่มกระทู้โดย: ถาวภักดิ์ ที่ 16 ก.พ. 06, 18:00
 อ้าว นึกว่าจะช่วยอุด เผ่นซะฉิบ
โห แล้วนี่หนุ่มที่บ้านจะเหลือรึ

อันความรู้ครูฝากยากสิ่งเดียว
น่าหวาดเสียวเกี้ยวสาวถึงคราวถอย
คิดจีบหญิงทั้งทีมีผัวคอย
มาม้วยม่อยหงอยงมระทมนัก
ครั้นจำลาพาทีที่เทิดธรรม
กลับไม่หนำกำมีดรีดไถรัก
จึงเห็นจริงยิ่งแจ้งแดงประจักษ์
ที่ท่านทักปักซึ้งถึงขาดเลย

เผ่นจริงๆละวุ้ย  พ่อภูมิรอด้วย....


กระทู้: เรื่องกาพย์ๆ กลอนๆ
เริ่มกระทู้โดย: Nuchana ที่ 16 ก.พ. 06, 18:19
 บัดนั้น
ถาวภักดิ์เหงื่อกาฬพาลไหลปรี่
กระโจนลงเรือนไทยไม่รอรี
ไล่กวดตามเกลอซี้ไปไม่ทัน

น่าขำจริงพิงผนังนั่งหัวร่อ
ฉายาพ่อนักเลงโบราณผู้หาญกล้า
ยินคำขู่ปอดกระเส่าเอาละวา
ไม่รอช้าวิ่งป่าราบเรียบเป็นทาง


กระทู้: เรื่องกาพย์ๆ กลอนๆ
เริ่มกระทู้โดย: Nuchana ที่ 16 ก.พ. 06, 18:53
 รู้แล้ว.. พ่อภูมิตัวดีเป็นพี่เลี้ยง
ส่งสำเนียงเสียงเสนาะแนะพ่อถาว์
แนะให้สู้คะนองคลั่งดังอาชา
ค่อยเข้าท่าไว้ลายชายเรือนไทยเรา
แต่นี่ไยไปแนะให้เขาหนี
ไร้ศักดิ์ศรีผู้ชายอับอายเขา
ถึงจะสั่นระส่ำพอทำเนา
ยืดอกเข้าสั่นสู้กูก็ชาย


กระทู้: เรื่องกาพย์ๆ กลอนๆ
เริ่มกระทู้โดย: Nuchana ที่ 16 ก.พ. 06, 20:28
 ต้องขอท้าพี่ใหญ่เรือนไทยนี้
ยินว่าพี่องค์อรินทร์นิลกังขา
ติวทั้งทีได้แค่นี้ไม่มีปัญญา
กระบวนท่าอ่อนใจไม่เป็นมวย
ทั้งภูมีถาวภักดิ์ขอพักยก
งัดธงขาวขึ้นโบกดูไม่สวย
กระจอกไม่ทันกินน้ำแสนสำรวย
จบแสนห่วยลาบวชไปใคร่แนะนำ


กระทู้: เรื่องกาพย์ๆ กลอนๆ
เริ่มกระทู้โดย: ติบอ ที่ 16 ก.พ. 06, 20:42
 ก็เห็นที มีพี่นุช สุดสวาท
ชายขยาด หญิงแขยง ไม่สงสัย
มาวางมวย ท้าเขา ไม่หวั่นใคร
เลยลาไป บวชชี เอ๊ย.. บวชเณร

ส่วนคุณถาฯ เพียรเพ่ง เลงกสิณ
ให้หลุดสิ้น พ้นทุกข์ ด้วยเป็นเถร
เหลือแต่กลอน ของผม เป็นกากเดน
ไม่จัดเจน พอต่อถ้อย พี่นุชนา


อิอิ เขาไปกันหมดแล้วอ่ะพี่ เหลือแต่ผมแหละ


ปล. สมาชิกท่านอื่น ช่วยด้วยครับ อิอิ


กระทู้: เรื่องกาพย์ๆ กลอนๆ
เริ่มกระทู้โดย: Nuchana ที่ 16 ก.พ. 06, 20:54
 Well,  let them go clinging somebody's skirt to the heaven.


กระทู้: เรื่องกาพย์ๆ กลอนๆ
เริ่มกระทู้โดย: ติบอ ที่ 16 ก.พ. 06, 21:35
 เอาผ้านุ่งมาฝากถุงนึงครับ
อย่าเพิ่งเข้าใจผิดนะครับว่าผมเอามาให้คุณสุภาพบุรุษท่านไหนนุ่ง หรือเกาะ
แค่เอามาฝากพี่นุชหนะแหละครับ อิอิ  


กระทู้: เรื่องกาพย์ๆ กลอนๆ
เริ่มกระทู้โดย: Nuchana ที่ 16 ก.พ. 06, 22:49
 อันชายชาว-เรือนไทย-ไปไหนหมด
แอบหัวหด-ในกระดอง-มองไม่เห็น
นุชนา-รอประจัญ-เช้ายันเย็น
โอ้กรรมเวร-ส่งติบอ-ไม่พอมือ


กระทู้: เรื่องกาพย์ๆ กลอนๆ
เริ่มกระทู้โดย: Nuchana ที่ 17 ก.พ. 06, 09:07
 ลืมขอบคุณ คุณติบอ เอาผ้านุ่งมาฝาก ใส่ไปทำงานทุกวันอยู่แล้วค่ะ
ประชาสัมพันธ์ให้ฟรี คุณติบอมีอาชีพเสริมคือตัดเสื้อผ้าสตรี (ที่ชื่นชอบมากกว่าอาชีพหลัก)
เรียนโดยตรงจากคุณแม่ ฝีมือดีค่ะ ชำนาญผ้าไหมและผ้าไทยทุกชนิด ไม่เชื่ออ่านกระทู้ผ้าของเจ้าตัวได้นะยะ เอ้ย ได้ค่ะ


 http://www.vcharkarn.com/include/vcafe/showkratoo.php?Cid=18&Pid=34533  


กระทู้: เรื่องกาพย์ๆ กลอนๆ
เริ่มกระทู้โดย: นิรันดร์ ที่ 17 ก.พ. 06, 10:44
 ........อันชายชาวเรือนไทยใจสุภาพ . . . .ไม่กำราบปราบสาวด้วยหนังสือ
แต่ปล่อยให้ได้ใจไปร่ำลือ......................ว่าหล่อนคือมือสังหารชำนาญชาย
นิ่งสยบยอมให้ในคารม........................ต่อเมื่อสมคมพยศค่อยหดหาย
เป็นเบญจกัลยาณีที่สิ้นลาย....................เลี้ยงสบายคลายเหงาทั้งเช้าเย็น


กระทู้: เรื่องกาพย์ๆ กลอนๆ
เริ่มกระทู้โดย: Nuchana ที่ 17 ก.พ. 06, 12:23
 หนุ่มฟิสิกส์ชำนาญกลอนอักษรศาสตร์
ไม่ปรามาสอิสตรีให้มีหมอง
สุภาพบุรุษพูดเพราะด้วยไตร่ตรอง
สาวอยากมองหนุ่มรูปงามนามนิรันดร์


กระทู้: เรื่องกาพย์ๆ กลอนๆ
เริ่มกระทู้โดย: ถาวภักดิ์ ที่ 17 ก.พ. 06, 12:36
 ต้องคั่นด้วยโฆษณา

ยาสตรีเพ็ญภาคตราพญานาค  เหมาะสำหรับสตรีมีครรภ์ ประจำเดือนมาไม่ปกติ สตรีสูงวัย เลือดจะไปลมจะมา

หากอาการหนัก ควรดื่มให้เกินวันละ 2 ขวด นะจ๊ะ


กระทู้: เรื่องกาพย์ๆ กลอนๆ
เริ่มกระทู้โดย: Nuchana ที่ 17 ก.พ. 06, 12:58
 พูดมากนัก กำลังสั่งให้สมุนเช็คประวัติ วิศวไฟฟ้า นามสกุลไม้เอก ไม้โท ไม้ตรี รหัส 22-23-24 อยู่ จบปีไหน ไข่กี่ใบ ทราบโม้ด


กระทู้: เรื่องกาพย์ๆ กลอนๆ
เริ่มกระทู้โดย: นิรันดร์ ที่ 17 ก.พ. 06, 15:28
........อ่านคำยอขอคว้าที่ขาโต๊ะ...........โอ้โฮโฮะอยากมองต้องตาสาว
สามสิบปีก่อนนี้คงมีคาว......................เดี๋ยวนี้หง่าวไม่ไหวแล้วหรอกแก้วตา
ที่เผยพร่ำคำหวนสำนวนเสนาะ...........เพียงหวังเพาะไมตรีมีคุณถาว์
เป็นเพื่อนต่อกลอนเล่นเย็นอุรา............โฆษณายาสตรีนั้นมีคุณ
ไม่เปิดขวดเพียงอ่านอาการหาย...........เศร้าโศกกลายเป็นขำคลายความฉุน
มีดคมกล้าพร้ากลายเป็นการุญ........... เสาะสืบบุญหนุนเก่ากี่สิบปีฯ


กระทู้: เรื่องกาพย์ๆ กลอนๆ
เริ่มกระทู้โดย: ติบอ ที่ 17 ก.พ. 06, 16:10
 ว๊า... ความลับแตกซะแล้ว
ที่จริงเขาก็รู้กันตั้งเยอะ มีพี่นุชหนะแหละ รู้ช้ากว่าชาวบ้านเขาเพื่อน (ไม่เชื่อถามคนอื่นๆดูได้ อิอิ)
ผมว่าอาชีพอะไรก็ได้ถ้าหาเงินได้ด้วยความสุจริต ก็ทำๆไปดีกว่า ได้เงินด้วย
(จะได้ไม่ต้องเหลือเวลาว่างไปทำอะไรไร้สาระ จริงมั้ยครับพี่นุช อิอิ)


กระทู้: เรื่องกาพย์ๆ กลอนๆ
เริ่มกระทู้โดย: ถาวภักดิ์ ที่ 17 ก.พ. 06, 16:51
 อ่านสาสน์จารย์นิรันดร์พลันยิ้มย่อง
คลายเศร้าหมองผ่องใสใจสุขี
มีนักกลอนรุ่นเก๋ามอบไมตรี
เป็นศักดิ์ศรีผู้น้อยด้อยวิชา
โอ้คำครูภู่ตรงดำรงสัจ
ศตวรรษทวิพ้นยังล้นค่า
เกี้ยวผู้หญิงวิงเวียนเพี้ยนตำรา
หวาดผวาเข็ดขื่นตื่นตาค้าง
มาเฮฮาภาษาชายหมายเรียกขวัญ
มาชวนกันปฏิบัติเข้าวัดบ้าง         
ตามประสาประเพณีมีนานมา     
อย่างเห็นค่าเห็นธรรมประจำไทย


กระทู้: เรื่องกาพย์ๆ กลอนๆ
เริ่มกระทู้โดย: ถาวภักดิ์ ที่ 17 ก.พ. 06, 17:18
 อ้าว ชักแก่ทันอาจารย์ แฮ่ ผิดฉันทลักษณ์อีกแล้ว  ขอแก้ใหม่ ดังนี้ครับ

อ่านสาสน์จารย์นิรันดร์พลันยิ้มย่อง
คลายเศร้าหมองผ่องใสใจสุขี
มีนักกลอนรุ่นเก๋ามอบไมตรี
เป็นศักดิ์ศรีผู้น้อยด้อยวิชา
โอ้คำครูภู่ตรงดำรงสัจ
ศตวรรษทวิพ้นยังล้นค่า
เกี้ยวผู้หญิงวิงเวียนเพี้ยนตำรา
หวาดผวาเข็ดขื่นตื่นตาค้าง
มาเฮฮาภาษาชายหมายเรียกขวัญ
มาชวนกันปฏิบัติเข้าวัดบ้าง
ตั้งจิตตรงองค์ครูรู้ปล่อยวาง
ช่วยกันสร้างทางธรรมประจำไทย


กระทู้: เรื่องกาพย์ๆ กลอนๆ
เริ่มกระทู้โดย: ศรีปิงเวียง ที่ 17 ก.พ. 06, 17:20
 พอแวะมาที่หน้านี้ก็ประจักษ์
ยาวมากนักอ่านตามไปก็เวียนหัว
ทุก ๆ ท่านต่างแต่งมาอย่างชัวร์ๆ...
สวัสดีทุกท่านครับ แวะมาดูอีกทีก็ยาวเฟื้อยแล้ว
ติดใจขนมครก ฤาษี ดอกไม้ และผ้าถุงครับ(คิดได้อย่างไรเนี่ย)


กระทู้: เรื่องกาพย์ๆ กลอนๆ
เริ่มกระทู้โดย: ชื่นใจ ที่ 18 ก.พ. 06, 04:52
 ติดตามอ่าน คารม คมวาทะ
จากสาระ ของติบอ เป็นข้อใหญ่
อยากเรียนรู้ รัดร้อย ถ้อยคำไทย
ให้จับใจ จดจาร เป็นกานท์กลอน

สมาชิก เรือนไทย ไม่รอช้า
รีบเข้ามา แนะ-นัด ฝึก-หัด-สอน
แลกคารม คมคำ ลำนำวอน
แล้วออดอ้อน ฝากคำ ลำนำใจ

จากกระทู้ รู้เรียน หัดเขียนอ่าน
กลายเป็นกลอน รักหวาน ของหนุ่มใหญ่
เพ้อ-พร่ำ-พ้อ กับสาว ชาวเรือนไทย
หยอกกระเซ้า เย้าไป ด้วยใจจง

หนุ่มแหย่ยั่ว ยุเย้า สาวบนบ้าน
สาวสุดแสน รำคาญ พาลถีบส่ง
หนุ่มระบม ตรมกาย ...พอหายงง
เริ่มตกลง ปลงใจ ไปบวชเรียน

...สาธุ
...สาธุ
...สาธุ


กระทู้: เรื่องกาพย์ๆ กลอนๆ
เริ่มกระทู้โดย: นิลกังขา ที่ 18 ก.พ. 06, 11:06
นิลกังขานี้ช่าง .....สงกา
เห็นประวัติอาจารย์ถาว์...ถี่ถ้วน (จาก คห. 106)
มาแต่แม่Nuchana..... ตีแผ่
กระจ่างทุกข้อล้วน......ทราบสิ้นสงสัยฯ

ฉงนใจยังอีกข้อ .... เดียวแล นะเอย
ไฉนทราบได้นะแม่...จุดนี้
อัณฑะท่านถาว์ฯ แก....กี่ลูก
ยังอุตส่าห์รู้ชี้....บอกได้ยังไงหนอ ????????ฯ

คุณ Nuchana ไปรู้ของท่านได้ยังงาย???? (ก็ผมช่างสงสัยง่ะ)


กระทู้: เรื่องกาพย์ๆ กลอนๆ
เริ่มกระทู้โดย: ศรีปิงเวียง ที่ 18 ก.พ. 06, 11:34
 ขอเอาไม้ตะเคียนมาขัดนะครับ    
ในแบบเรียนภาษาไทยที่เคยเรียน มักจะมีฉันทลักษณ์ดังนี้ครับ (1 ข้อ ต่อ 1 ประเภท)
1. กลอนดอกสร้อย กลอนแปด
2. โคลงสองสุภาพ  โคลงสามสุภาพ โคลงสี่สุภาพ โคลงกระทู้
3. กาพย์สุรางคนางค์ 28 กาพย์ยานี 11 กาพย์ฉบัง 16
4.เปษณนาทฉันท์ สยามมณีฉันท์ (ชโยสยาม ณยามจะรุ่ง สยามดรุณจะเร็วเจริญ) อินทรวิเชียรฉันท์ วสันตดิลกฉันท์
5. ร่ายยาว ร่ายสุภาพ


กระทู้: เรื่องกาพย์ๆ กลอนๆ
เริ่มกระทู้โดย: Nuchana ที่ 18 ก.พ. 06, 12:51
 ค.ห. 113 ไข่หมายถึงแอบไข่ไว้ที่ไหนบ้าง ไม่ใช่ไข่พรรค์อย่างนั้น เพราะถ้าเป็นอย่างนั้นจริง
ไม่ต้องระบุหรอกค่ะว่ากี่ฟอง


กระทู้: เรื่องกาพย์ๆ กลอนๆ
เริ่มกระทู้โดย: นิลกังขา ที่ 18 ก.พ. 06, 14:16
 จริงเหรอ???? (ทำหน้าซื่อไร้เดียงสาสุดขีด)

คุณปู่ถาวภักดิ์เลยหายไปเลย

ไม่ทราบว่าไปบวชแล้ว หรือแอบไปซุ่มสำรวจจุดยุทธศาสตร์ เอ๊ย ข้อมูลลับ ของตัวเองอยู่ที่ไหน เตรียมป้องกันจารชนสาว Nuchana นะครับ


กระทู้: เรื่องกาพย์ๆ กลอนๆ
เริ่มกระทู้โดย: Nuchana ที่ 18 ก.พ. 06, 14:21
คุณนิล........เหอๆๆ....ถ้าบอกแล้วก็จาทำหน้าม่ายเชื่อ
คนที่บอกข้อมูลดิฉันก็คือ คนสุดท้ายที่คุณนิลคิดว่าจะเป็นคนบอก เอิก เอิก เอิก....
ไปก่อนวุ้ยตู


กระทู้: เรื่องกาพย์ๆ กลอนๆ
เริ่มกระทู้โดย: นิลกังขา ที่ 18 ก.พ. 06, 14:25
 อ้อ "อันด้า..." ภาษาฮินดี อีนี่แปลว่าไข่จริงจริ๊งน่ะนายจ๋า แต่ไม่ใช่ไข่คุณผู้ชายอย่างที่ใช้ในภาษาไทย แต่แปลว่าไข่เป็ดไข่ไก่อย่างที่เรารับประทานกันน่ะ แปลว่า Egg คะร้าบ

มีเรื่องเล่าว่า (เรื่องจริงคะร้าบ) อีนี่คนไทยคนหนึ่งไปเที่ยวเมืองแขกอิ๋นเดี๋ยน่ะ ออกไปนอกกรุงนิวเด๋หลีมากไปหน่อย ไปถึงต่างจังหวัดเมืองที่แขกเขาไม่พูดภาษาอังกฤษกันน่ะ อีนี่จะกินข้าวเช้า สั่งบ๋อยไม่รู้เรื่องคะร้าบ เพราะจะขอ egg เขาไม่เข้าใจน่ะ ทำไง? อีนี่คุณแกนั่งคิดไปคิดมา โอ... นึกถึงคำว่าอัณฑะในภาษาไทยได้ บอกว่า "Egg - อันด้า"  โอ้- อีนี่แขกยิ้มหวานเข้าใจทันที เอาไข่มาเสิร์ฟเลยน่ะ

แต่เอามาฟองเดียวคะร้าย เพราะว่าภาษาฮินดีเหมือนกัน เอกะ แปลว่า หนึ่ง egg เอ๊ย เอกะอันด้าก็แปลว่า ไข่หนึ่งฟองนะสินายจ๋า...

(ไม่ทราบว่าอีนี่ในที่นี้ใครมี เอ๊ย ใครกินเอกะอันด้าเป็นอาหารเช้าเมื่อเช้ามั่ง คะร้าบ?)

อีนี่ติบอซาฮิบ จขกท. ค้อนจั๋นแล้วน่ะ กระทู้หลุดนอกเรื่องกาพย์กลอนไปไกลแล้ว

ปล. คำว่า กาพย์ (กาวยะ) ซึ่งไทยเอามาเรียกคำประพันธ์บางแบบนี่ อีนี่คำเดิมเขาแปลว่า "ถ้อยคำของกวี" นะนายจ๋า...


กระทู้: เรื่องกาพย์ๆ กลอนๆ
เริ่มกระทู้โดย: ติบอ ที่ 18 ก.พ. 06, 14:54
 ฮ่าๆ ไม่เป็นไรครับพี่นิล
ผมกะว่าอีกสองสามวันจะเปิดกระทู้ใหม่แหนะครับ
(เอาให้มันเป็นกาพย์ เป็นกลอนของจริง อาจจะเป็นหมายเลข 2 หรือไม่ก็ขึ้นไว้ด้านหน้าว่า Authentic "เรื่องกาพย์ๆหลอนๆ" ก็น่าจะได้ -ไม่รู้ใช้ภาษาถูกหรือเปล่า)

ส่วนกระทู้นี้ เริ่มกลายเป็นกระทู้เรื่องในมุ้ง เอ๊ยไม่ใช่ เรื่องรักๆใคร่ๆ มีหนุ่มมีสาวมาส่งเพลงยาวหวานจ๋อยกัน
แล้วก็กลายเป็นกระทู้จอมแฉ ตั้งแต่เจ้าชายขนมครก ไล่ไปจนหนุ่มวิศวะไฟฟ้ามีไข่ 3 ใบ(น่าจะนะครับ อิอิ) เสียแล้ว
จะกลายเป็นกระทู้แขกกินไข่ซะหน่อย ก็ถือซะว่าเป็นกำไรกระทู้แล้วกันครับ ใครเข้ามาอ่านก็ได้ความรู้รอบเอว... เอ๊ย รอบตัวไปแล้วกันนะครับ อิอิ



ปล. ผมไม่ค้อนหรอกครับ แต่อยากให้พี่นุชหัดค้อนมั่งอ่ะครับ เอิ๊กๆ


กระทู้: เรื่องกาพย์ๆ กลอนๆ
เริ่มกระทู้โดย: Nuchana ที่ 18 ก.พ. 06, 15:01
 เล่าเรื่อง futomaki ให้ฟังค่ะ ต้องชวนคุณภูมิหรือใครที่รู้จักภาษาญี่ปุ่น ให้ช่วยเฉลยด้วยค่ะ
เท่าที่ทราบ Futomaki เป็น sushi ชนิดหนึ่ง มีไส้เป็นไข่หวานๆเหลืองๆ มีหมูหยองหวานโรยตรงกลางด้วย
บางทีก็เรียกว่า egg roll

ตอนเรียนหนังสือ ดิฉันจะเอารถสกูตเตอร์ไปให้ช่างของบริษัทฮอนด้าบำรุงรักษา เขาออกมาเปิดกิจการ
ซ่อมรถมอเตอร์ไซค์ส่วนตัวภายหลังที่ได้รับกรีนการ์ดแล้ว ช่างคนนี้เป็นญี่ปุ่น รูปงาม สูง 180 ซม.
ล่ำ มาดแมนทีเดียว ที่สำคัญ....ยังโสด ไปทีไร ก็บังเอิญเจอคลาสเมทชาย เป็นชาวญี่ปุ่นที่ร้านนี้
เพื่อนญี่ปุ่นคนนี้พูดภาษาอังกฤษไม่ค่อยได้ค่ะ

วันหนึ่งดิฉันเจอเพื่อนญี่ปุ่นที่ร้านฟาสต์ฟูดซูชิ แกเข้ามาแจมด้วยดิฉันกำลังกิน lunch อยู่
ก็เลยถามเขาว่า เอ้ย พักหลังยูทำไมไม่ไปที่ร้านมอเตอร์ไซค์อีกล่ะ ไม่เคยเจอเลย แกมองหน้าดิฉันอยู่สักครู่
แล้วตอบด้วยภาษาอังกฤษตะกุกตะกักว่า ไม่ไปแล้ว ไม่อยากพูด ดิฉันซักต่อว่าทำไมล่ะ
เขาเลยเล่าว่าช่างมอเตอร์รูปงามเอื้อมมือมาจับ เอ่อ...my futomaki แล้วก็ชี้มือมาที่ egg roll
ที่ดิฉันกำลังกินอยู่

ภายหลังไปถามญี่ปุ่นคนอื่น แต่ไม่มีใครนึกถึงว่า futomaki จะเกี่ยวโยงกับไข่ได้อย่างไร
แต่ว่าวันนั้นรับรองว่าดิฉันฟังไม่ผิดค่ะ


กระทู้: เรื่องกาพย์ๆ กลอนๆ
เริ่มกระทู้โดย: Nuchana ที่ 18 ก.พ. 06, 18:47
 .....ผมไม่ค้อนหรอกครับ แต่อยากให้พี่นุชหัดค้อนมั่งอ่ะครับ เอิ๊กๆ

คุณติบอ ปากอย่างนี้ เดี๋ยวได้นั่ง บขส. ไป นฐ. สมใจแน่
รีบเอา ค.ห. 100 ลงภายใน 48 ชม. ด่วน...


กระทู้: เรื่องกาพย์ๆ กลอนๆ
เริ่มกระทู้โดย: Nuchana ที่ 18 ก.พ. 06, 19:36
 .........................ไม่เคยเห็นใคร... ตั้งชื่อตัวได้...... เหมาะสมจริงๆ
ชื่อนิลกังขา......... ว่าสงสัยยิ่ง....... ฟังดูเพราะพริ้ง.. และเป็นสิงห์ดำ
.........................พี่แกฉงน...........แสนสัปดน...... กังขาเรื่องหำ
เรื่องของไข่ไข่..... ไม่เห็นต้องขำ.... เป็นของประจำ.. ร่างกายชายหญิง
..........................ชายมีสองใบ..... หญิงมีนับได้.... เป็นร้อยเรื่องจริง
แต่แสนสุดแสบ....เที่ยวไข่แล้วทิ้ง....แอบมีหลายหญิง นี่ฝีมือชาย


กระทู้: เรื่องกาพย์ๆ กลอนๆ
เริ่มกระทู้โดย: ติบอ ที่ 18 ก.พ. 06, 20:52
 พี่นุชครับ ใจเย็นๆครับ ก็แหม พี่นุชเล่นหงุดหงิดกับรีพลายไหน ก็ออกมาดุทุกทีเลยอ่ะครับ
แกล้งรับมุขซะหน่อยก็ได้ครับพี่ หรือไม่ถ้าไม่พอใจก็ออกมาค้อนซะหน่อยดีกว่านะครับ นะ นะ

ไม่เชื่อลองทำดูก็ได้ครับ รับรองปีหน้าไม่ต้องมานั่งวาดรูปดอกกุหลาบสีดำให้ใคร หรือขนมครกให้เจ้าชายที่ไหน
พี่นุชนาจะกลายเป็นเจ้าหญิงสีชมพูที่มีดอกกุหลาบช่องามๆหลายช่อวางกองอยู่แทบเท้าเลยครับ
สวยขนาดพี่นุช รับรองหนุ่มวิศวะไฟฟ้า หรือจะนักแต่งเพลงแนวอันเดอร์กราวนด์ที่ไหน ก็เทใจให้หมดดวงครับผม อิอิ
(ไม่ต้องมานั่งวาดรูปฤๅษีประชดเหมือนปีนี้หรอกครับ อิอิ)


ปล. ส่วนเรื่องเอารีพลายออก ผมทำไม่เป็นด้วยสิครับ จะให้เอารีพลายลงต้องทำยังไงมั่งเหรอครับพี่

สารภาพนิดนึงครับ ว่าเข้าบอร์ดวิชาการมาจนได้ตัวสไมลลี่ต่อท้ายชื่อแล้ว
สะกดอะไรผิดๆถูกๆแล้วรีบกดส่งข้อความไปตั้งหลายที ก็ไม่เคยได้แก้ซะที ต้องปล่อยมันค้างบอร์ดประจานตัวเองอยู่ชั่วชีวิตนี่แหละครับ แหะๆ  


กระทู้: เรื่องกาพย์ๆ กลอนๆ
เริ่มกระทู้โดย: เฟื่องแก้ว ที่ 18 ก.พ. 06, 22:05
 ตามอ่านดูว่า ลงท้ายคุณติบอสอบผ่านหรือเปล่า
กลายเป็นว่าต้องมานั่งขำขันเรื่อง เอกะอันด้า และฟุโตมากิ

ดิฉันเลยคิดไปไกล...
ฟังที่คุณคนนั้นเขาชี้ไปที่ฟุโตมากิ
แกอาจจะขยายความไปไกลนะคะ คุณนุชนา
เท่าที่ทราบ ฟุโต แปลว่า อ้วน หรือ ใหญ่
ฟุโตมากิ คือ โรลอันใหญ่ (fat roll) น่ะค่ะ

ดิฉันขำ ที่แกใช้คำว่า มาย ฟุโตมากิ อิอิ


กระทู้: เรื่องกาพย์ๆ กลอนๆ
เริ่มกระทู้โดย: Nuchana ที่ 18 ก.พ. 06, 22:51
 ตอบ ค.ห. 123

อย่าเอ็ดไป จุ๊จุ๊...ติบอ ไม่รู้เรื่องเลย ขนมครกนั้นของอาจารย์จ้ะ


กระทู้: เรื่องกาพย์ๆ กลอนๆ
เริ่มกระทู้โดย: Nuchana ที่ 18 ก.พ. 06, 23:09
 อ้อ...คุณเฟื่องแก้ว ฟุโตมากิ คือ โรลอันใหญ่ (fat roll)
จริงๆหรือค่ะ
....อีนี่จ๋านจะเป็นลมน่ะ  


กระทู้: เรื่องกาพย์ๆ กลอนๆ
เริ่มกระทู้โดย: เนยสด ที่ 18 ก.พ. 06, 23:16
 ไม่ได้มาต้องนานครับ แฮะๆๆ
ไหนๆ ก็มาละ เห็นคุยกันเรื่องค้อนๆ (เอ้ หรือผมตามไม่ทัน?)
เอาค้อนมาฝากซะงั้น อิอิ  


กระทู้: เรื่องกาพย์ๆ กลอนๆ
เริ่มกระทู้โดย: B ที่ 19 ก.พ. 06, 06:05
 คุณติบอ ดิฉันว่าสาวไทยค้อนเป็นกันทุกคนล่ะค่ะ
คุณ Nuchana คงไม่ต้องหัดหรอกนะคะ แต่เธออาจจะ
เลือกส่งค้อนให้บ้างคนเท่านั้นมังคะ อิอิ

สาวเมกันค้อนไม่เป็นนะคะ งอนก็ไม่เป็นอีก
โกรธก็โกรธไปเลย ดิฉันว่าสาวไทยมีเสน่ห์กว่าเย้อ
....เข้าข้างสาวไทยด้วยกันเองจริงจริ๊งดิฉันเนี่ย    


กระทู้: เรื่องกาพย์ๆ กลอนๆ
เริ่มกระทู้โดย: B ที่ 19 ก.พ. 06, 06:11
 อย่าว่าดิฉันทะลึ่งนะคะ
(มีหัวโจกที่สมควรโดนคาบไม้บรรทัด
นำขึ้นมาก่อนสองสามคนนะคะอาจารย์)
มีใครเคยจั๊กจี้อย่างดิฉันบ้างที่เห็นขนมไว้พระจันทร์
ตั้งชื่ออย่าง ลูกบัวไข่คู่ ไข่เดี่ยว?    


กระทู้: เรื่องกาพย์ๆ กลอนๆ
เริ่มกระทู้โดย: Nuchana ที่ 19 ก.พ. 06, 10:03
 จริงค่ะ คุณ B มีหัวโจกที่สมควรโดนคาบไม้บรรทัด 2-3 คน ดูดู้ ผู้หญิงเรือนไทยออกจะเรียบร้อย
ตอนนี้แถวบ้านดิฉัน ลมร้อนเริ่มพัดมา เป็นสัญญลักษณ์ว่าจะเริ่มสอบไล่ ปิดเทอม
ใครปากดี โอม เพี้ยง.......ขอให้อ่านหนังสือไม่ทัน มีหวัง เน่าาาาแน่ๆๆๆๆๆๆ

นึกถึงเพลงหน้าร้อนเพลงหนึ่ง ดังในอดีต ขอมอบให้หลวงนิลแล้วกันค่ะ
****

ยามเมื่อฝน ยามเมื่อฝน หล่นมา
หนุ่มบ้านนาหนาวอุราไม่สิ้น จนฝนลงเดือนหก
มวลนกโบกบิน ใจน้องลืมไปสิ้นถิ่นฐานบ้านเรา

เดือนเจ็ด เจ้าไม่มา จะเข้าพรรษา ยิ่งพาใจเศร้า
สาริการ้องครวญมา เบา ๆ สาริการ้องครวญมา เบา ๆ
ที่ต้นสะเดา พี่เฝ้ายืนมอง

ผ่านพ้นเลย พรรษา หนุ่มบ้านนา ยิ่งหมอง
มองดูน้ำ มองดูน้ำ เอ่อคลอง
เหม่อเหลียวมอง น้ำในคลองไหลเชี่ยว
ลมพัดมาใจสั่น พี่ฝันอยู่เดียว
มองเห็นตาล ต้นเดี่ยว เหลียวหา แต่นาง


เดือนเจ็ด เจ้าไม่มา จะเข้าพรรษา ยิ่งพาใจเศร้า
สาริการ้องครวญมา เบา ๆ สาริการ้องครวญมา เบา ๆ
ที่ต้นสะเดา พี่เฝ้ายืนมอง

ผ่านพ้นเลย พรรษา หนุ่มบ้านนา ยิ่งหมอง
มองดูน้ำ มองดูน้ำ เอ่อคลอง
เหม่อเหลียวมอง น้ำในคลองไหลเชี่ยว
ลมพัดมาใจสั่น พี่ฝันอยู่เดียว
มองเห็นตาล ต้นเดี่ยว เหลียวหา แต่นาง
***********************


กระทู้: เรื่องกาพย์ๆ กลอนๆ
เริ่มกระทู้โดย: Nuchana ที่ 19 ก.พ. 06, 10:05
 copy ตกท่อนแรกค่ะ
****
เมื่อถึงเดือนเมษา หนุ่มบ้านนานั่งฝัน  
คอยคนรัก คอยคนรักจากกัน
สิ้นสงกรานต์ น้องก็พลันลืมพี่
เธอทิ้งนาทิ้งไร่ จดหมายไม่มี
ใยน้องมาลืมพี่ ที่ท้องทุ่งนา

เฝ้าหลงคอย แต่สาว พี่หนาวใจหนักหนา


กระทู้: เรื่องกาพย์ๆ กลอนๆ
เริ่มกระทู้โดย: ศรีปิงเวียง ที่ 19 ก.พ. 06, 10:12
 คุณเนยสดน่าจะเอาตะปูมาด้วย ไม่อย่างนั้นไม่ครบสูตรครับ  
อย่าลืมว่า ก่อนจะตอกตะปู แนะนำให้ใช้ค้อนดีที่สุด เพราะถ้าใช้สิ่ว ขวาน จอบ พลั่ว ช้อนปลูก สว่าน ทั่ง เหล็กหมาด ถ้วยตะไล ครก เสือกะบาก ฯลฯ
จะให้ผลไม่ดีเท่าค้อน
(ยกเว้นสตรีเธฮค้อนกัน อันนี้กระทาชายจงไปแก้เอาเองครับ)
ไม่รู้ว่าทำไมโพสต์จนเจ้าขี้อายออกมาเนี่ย
ไหน ๆ ก็นอกเรื่องไปแล้ว 200 เส้น แทนที่จะเป็นกาพย์ๆ กลอนๆ ก็กลายเป็น
แขกโฆษณาว่า ซื้อฟูโตมากิ 1 ชุด แถมเอกะอันต้าให้ฟรี ๆ
ถ้าต่อราคาเดี๋ยวจะแจกค้อนให้ อ๊ะ อย่าลืมปุ้งกี๋ด้วยล่ะ  
ยาสตรีตรางูใหญ่ (กินแล้วไม่อ้วนนะตัวเอง)
ซื้อภายใน วันนี้ แถม ขนมไหว้พระจันทร์ลูกบัวคู่ เอกะอันต้า 1ชุด
และอีกชุด ซื้อพัดลมตั้งพื้นที่ร้านเย็บผ้าของพี่ติบอ แถม น้ำแข็งให้นะจ๊ะ


กระทู้: เรื่องกาพย์ๆ กลอนๆ
เริ่มกระทู้โดย: นิลกังขา ที่ 19 ก.พ. 06, 10:35
 จ้ะๆ รับทราบจ้ะ
กลายเป็น อุณรุทร้อยเรื่อง ไปเสียแล้ว...


กระทู้: เรื่องกาพย์ๆ กลอนๆ
เริ่มกระทู้โดย: นิลกังขา ที่ 19 ก.พ. 06, 10:41
ถ้าคุณวิศวกรนิรนาม (อู๋หมิง) ที่คุณติบอพูดถึง (ซึ่งจะเป็นใครผมก็ไม่ทราบ ไม่ทราบจริงๆ ให้ดิ้นตาย) มีไข่ 3 ใบ จริงแล้วไซร้ อีนี่ในภาษาฮินดีคงจะเรียก ตีนอันด้า จ้ะนายจ๋า...

ตีน แปลว่า 3 จริงๆ นะครับ ฮินดีเขาเรียกยังงั้น รากศัพท์เดียวกับคำว่า ตรี นั่นแหละ เวลาเขานับ 1 2 3  เขาจะนับ เอก โดน (คือโท) ตีน (เพี้ยนไปจาก ติ/ตรี) จา (คือตัดจาก จตุ) ปันช์ (คือปัญจ) แช (คือ ฉ) ซัต (คือ สัตตะ/สัปต) อั๊ด (คือ อัษฎ) เนา (คือ นว) และ ดั๊ส (คือ ทศ นั่นเอง)


กระทู้: เรื่องกาพย์ๆ กลอนๆ
เริ่มกระทู้โดย: ภูมิ ที่ 19 ก.พ. 06, 10:51
 ฟุโตมากิที่เราเห็นกันคือ ถูกหันแล้ว
ลองนึกภาพยังไม่ถูกหั่นดูซิครับ  

ส่วนใครจะถูกหันอย่างไร อีนี่ฉานไม่รู้นะ


กระทู้: เรื่องกาพย์ๆ กลอนๆ
เริ่มกระทู้โดย: ศรีปิงเวียง ที่ 19 ก.พ. 06, 11:38
 ขอแวะอีกรอบครับ
ใครมีเสื้อเก่า มาแลกดัสซัตอันต้าบ้างไหม??? ฟุโตมากิอันใหญ่ๆ ก็ได้จ้ะนายจ๋า


กระทู้: เรื่องกาพย์ๆ กลอนๆ
เริ่มกระทู้โดย: Nuchana ที่ 19 ก.พ. 06, 11:43
 ค.ห. 135
แหม....คุณภูมิมาทั้งที จะเฉลยฟูโตมากิ ให้กระจ่างหน่อยก็ไม่ได้
หั่นกับไม่หั่นมันต่างกันอย่างไร ไม่ get น่ะ    


กระทู้: เรื่องกาพย์ๆ กลอนๆ
เริ่มกระทู้โดย: ติบอ ที่ 19 ก.พ. 06, 16:35
 รู้น่า ว่าใครจะหั่น
ไปดูความเห็นเพิ่มเติมที่ 90 สิครับ
แม่เสือปังตอยืนถือมีดอยู่นั่นแน่ อิอิ


ใครอยากทราบลองไปถามเจ้าของมีดดูสิครับ
รับรองรู้แน่ ว่าหั่นทำไม เอิ๊กๆ


กระทู้: เรื่องกาพย์ๆ กลอนๆ
เริ่มกระทู้โดย: ติบอ ที่ 19 ก.พ. 06, 16:48
 อ่านย้อนขึ้นไปถึงความเห็นเพิ่มเติมที่ 127 แล้ว มี "ขุนค้อน" ก็พาลให้นึกถึง "ขุนคาน" นะครับ อิอิ
ไม่ทราบสาวน้อย หนุ่มใหญ่ คนไหนแถวนี้ต้องมารับตำแหน่ง (แถมสายสะพาย และตราจุ่นฯ /สะดือจุ่น/ ให้ 1 ดวง อิอิ)
ส่วนจะเอาคานไปทำอะไรนอกจากอยู่อาศัยเป็นเคหาสถาน ก็เป็นเรื่องส่วนบุคคาน เอ๊ย....บุคคล นะครับ อิอิ
ข้อแม้อย่างเดียว ถ้าเอาไปใช้ทำร้ายคน จะโดนล่ามโซ่ ให้นั่งอยู่บนคานชั่วนาตาปีมิมีวันลงมาได้จ๊า เอิ๊กๆ



ปล. คิดว่าคานที่อาคีมีดีสบอกว่าจะเอามางัดโลกให้ลอยนี่ น่าจะพอฟัดพอเหวี่ยงกับค้อนโตๆ ของคุณเนยสดได้ นะครับ อิอิ  


กระทู้: เรื่องกาพย์ๆ กลอนๆ
เริ่มกระทู้โดย: เนยสด ที่ 19 ก.พ. 06, 20:13
 555+
จองคานดีมั้ยหว่า... อิอิ
ม่ายอาว หนูม่ายชอบ...


กระทู้: เรื่องกาพย์ๆ กลอนๆ
เริ่มกระทู้โดย: เฟื่องแก้ว ที่ 20 ก.พ. 06, 05:17
 อุย... มีภาพประกอบตอนหั่นแว่นแล้วด้วย
ดิฉันชอบแบบไม่ต้องหั่นค่ะ กัดเป็นคำๆ อร่อยดี อิอิ

ตกลง วิชาอะไรคะ ทู้นี้ ภาษาไทย (กาพย์กลอนกานท์)
หรือว่า วิชาการเรือน (ว่าด้วย ไข่และมากิ)


กระทู้: เรื่องกาพย์ๆ กลอนๆ
เริ่มกระทู้โดย: ถาวภักดิ์ ที่ 20 ก.พ. 06, 11:50
 แหม คุณหลวงนิลที่รัก นานๆโผล่มาให้เกียรติเสวนาสักครั้ง ก็ต้องเลือกหัวข้อน่าหวาดเสียว  ข้าพเจ้าคงต้องยอมแก่เสียแล้วงานนี้สาหัสนัก เจอเรื่องมีดบวกเรื่องไข่ ใจมันหวิวๆพิกล  เล็งดูแล้วเห็นว่าคงต้องคุณหลวงนี่แหละ นับเป็นผู้สูงยิ่งด้วยวิทยายุทธ์ เหมาะสมกับการรับกระบวนเพลงของแม่นางลิคิมฮวงเจ้ายุทธจักรมีดสั้นยิ่งนัก

จึงขอมอบภารกิจสำคัญ สละไข่เพื่อชาติ ให้คุณหลวงนิลผู้กล้าหาญรับช่วงต่อไป  อันตัวข้าพเจ้าจะได้ล้างมือในอ่างทองคำ แล้วหันไปพึงท่านปรมาจารย์จอมยุทธนิรันดร์ เสวนาพอจำเริญใจ อย่างสุขสงบในบั้นปลายชีวิตอย่างถ่อมตัวสงวนกาย เก็บออมใข่ไว้ใช้ในยามยาก


กระทู้: เรื่องกาพย์ๆ กลอนๆ
เริ่มกระทู้โดย: นิรันดร์ ที่ 20 ก.พ. 06, 13:23
. . . . ค้อนกระหน่ำ คานงัด ฟัดไม่เลิก . .อ่านความเบิกกันมาพาหวิวหวั่น
มีดก็คมลมปากกล้าท้าประชัน . . . . . . . .อ้างนิรันดร์เป็นที่พึ่งคงถึงมรณ์
หากเจอกันวันที่ห้าคงหน้าเละ . . . . . . . .ถูกถีบเตะต่อยม้วยด้วยสมร
วิชามารหั่นห้ำแทนคำกลอน ........ . . . . จะหลับนอนสนิทได้อย่างไรกัน
สังคหวัตถุสี่ที่สร้างมิตร .. . . . . . .. . . . .ปรองดองนิดจิตการุณเลิกหุนหัน
มธุรสวาจามาประชัน . . . . . . . .. . . . . . หฤหรรษ์จำนรรจ์เพริดเปิดจิตบาน ฯ


กระทู้: เรื่องกาพย์ๆ กลอนๆ
เริ่มกระทู้โดย: ถาวภักดิ์ ที่ 20 ก.พ. 06, 14:40
 ครูนิรันดร์สรรคำธรรมพระเจ้า
สยองเกล้าปิติปาฏิหาริย์
ยังมีปราชญ์ขานสัจขจัดมาร
ละสงสารกิเลสเจตน์จำนรรจ์
โอ้เลิศหนอพ่อครูคู่เรือนไทย
เป็นชายไทยใฝ่พระหฤหรรษ์
ปูชนีย์ศรีสยามมิทรามพลัน
ชุบความฝันฟื้นถิ่นแผ่นดินทอง
อันสยามนามนานด้วยสานศาสตร์
เป็นเชื้อชาติรองบาทศาสนา
จะดำรงทรงอาสน์ศาสดา
ครบพรรษาห้าพันสุวรรณภูมิ


กระทู้: เรื่องกาพย์ๆ กลอนๆ
เริ่มกระทู้โดย: ถาวภักดิ์ ที่ 20 ก.พ. 06, 14:54
 เอ หมู่นี้ชักกระป้ำกระเป๋อ สงสัยจะเป็นเพราะถูกผู้มีอิทธิพลปองร้ายจนประสาทกลับ  ขอแก้กลอนยาวตอบอาจารย์นิรันดร์ ให้สมบูรณ์ด้วยฉันทลักษณ์เสียใหม่ ดังนี้ครับ

ครูนิรันดร์สรรคำธรรมพระเจ้า
สยองเกล้าปิติปาฏิหาริย์
ยังมีปราชญ์ขานสัจขจัดมาร
ละสงสารกิเลสเจตน์จำนรรจ์
โอ้เลิศหนอพ่อครูคู่เรือนไทย
แนะหลักใจใฝ่พระหฤหรรษ์
ปูชนีย์ศรีสยามมิทรามพลัน
ชุบความฝันฟื้นถิ่นแผ่นดินทอง
อันสยามนามนานด้วยสานศาสตร์
เป็นเชื้อชาติรองบาทศาสนา
จะดำรงทรงอาสน์ศาสดา
ครบพรรษาห้าพันสุวรรณภูมิ


กระทู้: เรื่องกาพย์ๆ กลอนๆ
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 20 ก.พ. 06, 15:10
ใครหนอทำร้ายคุณถาว์  สงสัยจะมือหนักจริงๆด้วย
คือที่คุณถาว์แก้ใหม่น่ะ มันยังผิดฉันทลักษณ์ระหว่างบทอยู่ดีค่ะ  ทอง ไปสัมผัสกับ หนา ได้ยังไง


กระทู้: เรื่องกาพย์ๆ กลอนๆ
เริ่มกระทู้โดย: ถาวภักดิ์ ที่ 20 ก.พ. 06, 15:37
 ครับพ้ม  อาจารย์เทาฯน่ารักจังฮับ

ครูนิรันดร์สรรคำธรรมพระเจ้า
สยองเกล้าปิติปาฏิหาริย์
ยังมีปราชญ์ขานสัจขจัดมาร
ละสงสารกิเลสเจตน์จำนรรจ์
โอ้เลิศหนอพ่อครูคู่เรือนไทย
สอนหลักใจใฝ่พระหฤหรรษ์
ปูชนีย์ศรีสยามมิทรามพลัน
ฟื้นความฝันแดนดินถิ่นพุทธา
อันสยามนามนานด้วยสานศาสตร์
เป็นเชื้อชาติรองบาทศาสนา
จะดำรงทรงอาสน์ศาสดา
ครบพรรษาห้าพันสุวรรณภูมิ


กระทู้: เรื่องกาพย์ๆ กลอนๆ
เริ่มกระทู้โดย: Nuchana ที่ 20 ก.พ. 06, 16:12
 กะต๊าก กะต๊าก กะต๊าก กุ๊ก กุ๊ก กุ๊ก
...
....
....

โดย: paganini  [IP: hidden]  
วันที่ 30 ก.ย. 2548 - 12:23:19

ค.ห. 6
 http://www.vcharkarn.com/include/vcafe/showkratoo.php?Pid=37881&page=1  


กระทู้: เรื่องกาพย์ๆ กลอนๆ
เริ่มกระทู้โดย: ศรีปิงเวียง ที่ 20 ก.พ. 06, 17:00
 เอ้อละเหวย มันชักออกทะเลไป 1ไมล์ทะเลแล้ว
แขกฝากมาบอกฉานว่า โสร่งไม่มี ยืมผ้าถุงที่พี่ติบอให้คุณพี่ไปก่อนได้ไหมจ๊ะ นายจ๋า
แขกฝากมาบอกว่า ตอนนี้อันต้าทั้งหลายฟักเป็นตัวหมดแล้วจ๊ะนายจ๋า
(แล้วจะโพสต์อะไรดีละจ๊ะ นายจ๋า?)
อ้อ แขกฝากมาบอกว่า กานท์ ต่างจากกลอนอย่างไรจ๊ะ นายจ๋า
ดูม มาชาเลดุม มาจาเล เฮๆๆ กรู้......


กระทู้: เรื่องกาพย์ๆ กลอนๆ
เริ่มกระทู้โดย: นิลกังขา ที่ 20 ก.พ. 06, 18:14
 หะเบสสมอพลัน ก็ออกสันดอนไป...


กระทู้: เรื่องกาพย์ๆ กลอนๆ
เริ่มกระทู้โดย: ติบอ ที่ 20 ก.พ. 06, 18:27
 แล้วก็ล่มลงทันใด ตรงห้วงน้ำใหญ่ใกล้ทะเลเปิดแลนา ....




อิอิ หรือจะเรียกว่า "ล่มปากอ่าวก็ได้เด้อ"


กระทู้: เรื่องกาพย์ๆ กลอนๆ
เริ่มกระทู้โดย: นิลกังขา ที่ 20 ก.พ. 06, 20:00
 เฮ้ย!....


กระทู้: เรื่องกาพย์ๆ กลอนๆ
เริ่มกระทู้โดย: นิลกังขา ที่ 20 ก.พ. 06, 20:07
 หะเบสสมอพลัน ออกสันดอนไป
ลัดไปเกาะสีชัง จนกระทั่งกระโจมไฟ
เที่ยวหาข้าศึกที่ใจนึกจะเข้ามาใน
ถึงตายตายไปตายให้แก่ชาติของเรา

อันนี้ เพลงของลูกประดู่ ชายชาญทหารกล้าลูกนาวีไทยครับ

ส่วนของพวกเราในเรือนไทยนี้
เห็นจะเป็น

...หะเบสสมอ (ภาษา ทร. แปลว่า ถอนสมอ ครับ) ไป กระทู้ก็ไพล่ลงทะเล
เลี้ยวไปท่าไหนกัน ดูแล้วหวั่นชุลมุนชุลเก
กัปตัน ติบอ จขกท. ท่าจะเก้เค้
กระทู้เลยจมทะเล ให้ห่างปากอ่าวหน่อยก็ดีฯ


กระทู้: เรื่องกาพย์ๆ กลอนๆ
เริ่มกระทู้โดย: นิลกังขา ที่ 20 ก.พ. 06, 20:18
 คำว่า กานท์ พจนานุกรมว่า แปลว่า บทกลอน จ้ะ

แต่ต่างจาก กลอน ยังไงผมก้ไม่ทราบแน่ครับ


สวาทสารกานท์กลอนสุนทรสวัสดิ์
เสี่ยงมามัดหัวใจจิตมือมีดหญิง
ท่านพี่ถาว์ฝากภาระไม่ประวิง
ถึงเกรงกริ่งผมก็ต้องลองสักที

โอ้ขวัญตายาจิตแม่มีดเอ๋ย
กระไรเลยเสียวไส้ไม่พอที่
วางปังตอเถิดหนอขอคนดี
แล้วจะให้จูบฟรีฟรีหนึ่งทีเอยฯ


กระทู้: เรื่องกาพย์ๆ กลอนๆ
เริ่มกระทู้โดย: นิลกังขา ที่ 20 ก.พ. 06, 20:21
 ที ไม่สัมผัสกับ ที่ ง่ะ

ลองใหม่

...โอ้ขวัญตายาจิตน้องมีดเอ๋ย
กระไรเลยเล่นเสียวไส้ไปได้นี่
วางปังตอเถิดหนอ ขอคนดี
แล้วจะให้ จูบพี่ ฟรีฟรีเอยฯ


กระทู้: เรื่องกาพย์ๆ กลอนๆ
เริ่มกระทู้โดย: นิลกังขา ที่ 20 ก.พ. 06, 20:24
 (รู้สึกเหมือนผมเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ กำลังเกลี้ยกล่อมใครสักคนที่จับใครสักคนเป็นตัวประกัน ยังไงก็ไม่รู้?)


กระทู้: เรื่องกาพย์ๆ กลอนๆ
เริ่มกระทู้โดย: เฟื่องแก้ว ที่ 20 ก.พ. 06, 21:08
ช่วยกล่อมดิฉันอีกสักคนได้ไหมคะ

กำลังจะโดดตึกค่ะ เมี้ยว


กระทู้: เรื่องกาพย์ๆ กลอนๆ
เริ่มกระทู้โดย: Nuchana ที่ 20 ก.พ. 06, 21:46
หลวงนิลขอทั้งที........ นุชนามีหรือไม่ให้
โยนปังตอทิ้งไป.......จะขอใช้คัตเตอร์แทน


กระทู้: เรื่องกาพย์ๆ กลอนๆ
เริ่มกระทู้โดย: Nuchana ที่ 20 ก.พ. 06, 22:20
 ขอทวงรางวัล ที่สัญญากัน ให้วางปังตอ
หนูวางแล้วจ้ะ-ทีนี้จะขอ-แหมแก้มสุดหล่อ- สักฟอดใหญ่ๆ

มีเหตุขัดข้อง-อันว่าตัวน้อง-บ้านอยู่ห่างไกล
ขอโอนสิทธิ์นี้-ให้พี่ถาว์ใช้-จูบคุณนิลให้-คงไม่ขัดข้อง


กระทู้: เรื่องกาพย์ๆ กลอนๆ
เริ่มกระทู้โดย: ติบอ ที่ 20 ก.พ. 06, 22:29
 เมื่อนั้น
จึ่งแม่หญิงนุชนาหน้าใส
วางมีอีโต้อันโตลงทันใด
พาหลวงนิลฯ ถอนใจด้วยยินดี

เขาฝากพี่มาดูแลแม่สายสมร
ขับสุนทรต่อถ้อยให้ถ้วนถี่
หาข้าวปลาประสายากให้ตามมี
คอยพัดวียุงริ้อย่าใกล้กราย

แต่แม่นี้ถือปังตออันโตนัก
มิน่ารักดั่งมิ่งมิตรมามาดหมาย
วางเถิดแม่คมมีดมันอันตราย
ถ้าขาดชายคงสิ้นชื่อด้วยสูญพันธุ์

เมื่อนั้น
จึ่งแม่หญิงนุชนาคนขยัน
คว้าคัตเตอร์ขึ้นจ่อหลวงนิลพลัน
หัวร่อขันท่าหลวงนิลอย่างยินดี

มีหรือจึ่งชายหาญชาญสมร
มาตัวอ่อนกลัวมีดเล็กๆนี่
ไหนมาลองให้กรีดดูสักที
อันน้องนี้มิยินดีด้วยชายใด





ช่วยต่อทีครับ อิอิ นึกไม่ออกแล้ว (สัมผัสเริ่มซ้ำๆแล้วล่ะครับ แหะๆ)


กระทู้: เรื่องกาพย์ๆ กลอนๆ
เริ่มกระทู้โดย: ติบอ ที่ 20 ก.พ. 06, 22:34
 เมื่อนั้น
จึ่งพระถาว์ศักดิ์มนตรีชาญสมร
ทำเหนียมอายกายสั่นสะท้านจร
รีบยอกรยกไหว้วันทาลา

ตัวเรานี้มีกิจต้องไปแล้ว
กับพ่อแก้วท่านหลวงนิลกังขา
ขอเดินทางไปก่อนทั้งสองรา
แล้วเข้าป่าไม้เดียวกันไป



(มาต่อกลอนกับความเห็นที่ 159 ครับ อิอิ ส่วนเรื่องต่อจะเป็นยังไงช่วยเขียนกันเองนะครับ เอิ๊กๆ)


กระทู้: เรื่องกาพย์ๆ กลอนๆ
เริ่มกระทู้โดย: เฟื่องแก้ว ที่ 20 ก.พ. 06, 23:33
 คุณติบอก แต่งกลอนเก่งออกนี่คะ

คุณนุชนา วาดเขียนเก่งจังค่ะ
แต่เห็นแล้วเสียวกว่าปังตออีกค่ะ

ฮืออ น่ากลัวจัง


กระทู้: เรื่องกาพย์ๆ กลอนๆ
เริ่มกระทู้โดย: Nuchana ที่ 20 ก.พ. 06, 23:38

คุณเฟื่องแก้ว...ถ้าอย่างนั้นเอาการ์ตูนเย็นๆ... โรแมนติกกกแทนมีดผาหน้าไม้แล้วกันนะคะ  


กระทู้: เรื่องกาพย์ๆ กลอนๆ
เริ่มกระทู้โดย: เฟื่องแก้ว ที่ 21 ก.พ. 06, 02:54
 กร๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก

สองเกลอไม้ป่าเดียวกัน โีรแมนติกมากค่ะ เอิ๊กกก
แถมคุณนิล ฯ ลายพร้อยทั้งตัวเลยนะคะ เอิ๊กๆๆๆ

ถูกใจค่ะ คุณนุชนา มีอีกไหมคะ


กระทู้: เรื่องกาพย์ๆ กลอนๆ
เริ่มกระทู้โดย: Nuchana ที่ 21 ก.พ. 06, 08:37

จากวันนี้ไป.......... มีไมตรีกัน
ประสานสัมพันธ์.....เฉพาะกาลนานที
 


กระทู้: เรื่องกาพย์ๆ กลอนๆ
เริ่มกระทู้โดย: นิรันดร์ ที่ 21 ก.พ. 06, 11:42

. . .ได้รับแล้วทั้งแผนที่และเบอร์โทร . . อุ่นใจโขว่าไปคงไม่หลง
จากนุชชามาตะโกนโยนมีดลง . . . . . . . แต่ก็คงคัตเตอร์ใหญ่ให้ชายเกรง
ประกาศก้องต่อไปไม่ทะเลาะ . . . . . . . .จะพูดเพราะเสนาะคารมไม่ข่มเหง
เกิดดวงตาเห็นธรรมในใจเอง . . . . . . ..หนุ่มก็เฮงกันถ้วนหน้ามีถาว์นำ
ทั้งติบอ นิลกังขา พลันหน้าชื่น . . . . .. . เพราะใจชื้นจากป่าได้ไม่ถลำ
เตรียมตัวพบสบสตรีมีคุณธรรม............เจ้าประจำเรือนไทยใจอารี
แต่จะให้มั่นใจได้สนิท ........................วานมิ่งมิตรวางคัตเตอร์เถอะโฉมศรี
แล้วแต่งองค์ทรงงามอร่ามดี . . . . . . . ทัดมาลีรอสัมพันธ์วันประชุม  


กระทู้: เรื่องกาพย์ๆ กลอนๆ
เริ่มกระทู้โดย: ถาวภักดิ์ ที่ 22 ก.พ. 06, 14:09
 ฮ้า อาจารย์นิรันดร์ของกระผมก็เป็นไปกะเขาด้วย
ถึงกับทัดดอกไม้เลยเชียว สงสัยออกจากป่าเดียว
กันกะหลวงนิลท่านกระมังขอรับ

กราบเรียนพี่น้องๆนะครับ เกรงว่าไม่สามารถตามไปชุมนุม
ได้ เนื่องจากปกติวันหยุดสุดสัปดาห์ไม่ค่อยได้อยู่กรุงเทพครับ
ครั้นสุดสัปดาห์ใดได้อยู่กรุงเทพ ก็ต้องรองรับกิจกรรมหลายๆประการที่ละเลยไว้จนยากจะปลีกตัวได้ จึงขอกราบเรียนชี้แจง
มาเอง ด้วยเกรงจะถูกใส่ความแต้มสีตีไข่จนกลายพันธ์

กะลังนึก 2 จิต 2 ใจว่าจะสมควรกราบเรียนเชิญท่านอาจารย์
ชมพูแสนสวยเป็นการขออภัยและตอบแทนในเมตตาจิตมา
ดินเนอร์ใต้แสงเทียนในวันธรรมดาสักค่ำคืนแสนพิเศษสักคืน
หนึ่ง ใกล้ๆเทวาลัยที่ท่านสถิยต์เพื่อความสะดวกสูงสุดของ
อาจารย์  ยังเกรงอยู่ว่าอาจารย์จะเห็นเป็นเรื่องรบกวนเวลาหรือ
ไม่นะขอรับ

หากท่านอาจารย์จะเมตตาให้เกียรติเป็นกรณีพิเศษสักครั้ง ก็
ขอรบกวนกำหนดวันตามความสะดวกได้เลยนะขอรับ ขอให้
เป็นเพียงวันจันทร์ถึงพฤหัสค่อนข้างหัวค่ำแก่ๆหน่อย ก็จะเป็น
พระคุณแก่ผู้ที่ปกติต้องเหงาหงอยอยู่เดียวดายยิ่งนัก


กระทู้: เรื่องกาพย์ๆ กลอนๆ
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 22 ก.พ. 06, 14:29

ฮ้า!
คุณถาวภักดิ์จะขอเดทดิฉันหรือคะ

ไม่รู้จะตอบยังไงเหมือนกันค่ะ
ดิฉันเป็นห่วง เกรงว่าจะทำคุณจับไข้เท่านั้นแหละ


กระทู้: เรื่องกาพย์ๆ กลอนๆ
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 22 ก.พ. 06, 14:33
ป.ล. ขนาดภูมิต้านทานสูงอย่างคุณนุชนา ยังหวิดไปหาหมอเลยละค่ะ  
ไม่เชื่อถามดูได้


กระทู้: เรื่องกาพย์ๆ กลอนๆ
เริ่มกระทู้โดย: ถาวภักดิ์ ที่ 22 ก.พ. 06, 15:01
 ส่วนผมก็จับไข่สั่นยังไม่หายเลย


กระทู้: เรื่องกาพย์ๆ กลอนๆ
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 22 ก.พ. 06, 15:19
 ปากยังงี้ละ   คัตเตอร์ยังน้อยไป


กระทู้: เรื่องกาพย์ๆ กลอนๆ
เริ่มกระทู้โดย: ถาวภักดิ์ ที่ 22 ก.พ. 06, 15:40
 ป.ล.มั่ง  ถ้าก่อนนี้คงหาเกียร์ถอยหลังไม่เจอ แต่ปัจจุบันโลกาภิวัฒน์เร็วจนไม่กล้าตาม  ขนาดขอลาเข้าวัด ยังแทบโดนเสียบ เกิดมาเพิ่งได้เจอ  ฉะนั้นหากอาจารย์เห็นว่าเป็นความเมตตาแก่กระผมที่ไม่รับเชิญ กระผมก็ขอน้อมรับไว้ด้วยความเคารพขอรับ


กระทู้: เรื่องกาพย์ๆ กลอนๆ
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 22 ก.พ. 06, 15:53
 อ้าว  ตัดใจได้เร็วจริง
ดิฉันกำลังจะหาตัวแทนส่งไปดินเนอร์แทนอยู่พอดี
กำลังคัดเลือกแถวๆเรือนไทยนี่ละค่ะ


กระทู้: เรื่องกาพย์ๆ กลอนๆ
เริ่มกระทู้โดย: ถาวภักดิ์ ที่ 22 ก.พ. 06, 16:01
 ไอ่หยา อย่าลำบากเลยขอรับ ท่านอาจารย์แสนสวย กะลังเริ่มจะหายสั่น  สะดุ้งเลย


กระทู้: เรื่องกาพย์ๆ กลอนๆ
เริ่มกระทู้โดย: ถาวภักดิ์ ที่ 22 ก.พ. 06, 16:05
 ป.ล.อีกนะจ๊ะ เพิ่งสังเกตเห็น ขอเปลี่ยนเทพีประจำกายเป็น นางกวักทองมา ได้ไหมขอรับ สมบรรยากาศเรือนไทยกว่านะขอรับ


กระทู้: เรื่องกาพย์ๆ กลอนๆ
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 22 ก.พ. 06, 16:53
 นางกวักทอง เป็นโลหะ  อาจจะถูกโฉลกกับโลหะด้วยกัน
ประเภทคัตเตอร์  มีดพก  อีโต้ ปังตอ อะไรพรรค์นี้ละค่ะ
ถ้าคุณถาว์ยังยืนยันว่าอยากได้เทพีตามนี้   ดิฉันจะบอกคุณอ๊อฟให้นะคะ


กระทู้: เรื่องกาพย์ๆ กลอนๆ
เริ่มกระทู้โดย: ถาวภักดิ์ ที่ 22 ก.พ. 06, 17:06
 แว้ก คนสวยใจร้ายอีกแย้ว


กระทู้: เรื่องกาพย์ๆ กลอนๆ
เริ่มกระทู้โดย: Nuchana ที่ 22 ก.พ. 06, 17:28

.


กระทู้: เรื่องกาพย์ๆ กลอนๆ
เริ่มกระทู้โดย: ถาวภักดิ์ ที่ 22 ก.พ. 06, 17:58
 กึ๋ยย อย่าเข้ามานะ เค้าแขวนพระแล้วนะ


กระทู้: เรื่องกาพย์ๆ กลอนๆ
เริ่มกระทู้โดย: ติบอ ที่ 23 ก.พ. 06, 07:45
 พี่นุชกับพี่ถาว์ แตะมือสลับร่างกันเมื่อไหร่ครับเนี่ยะ อิอิ

ทำไมพี่ถาว์ภักดิ์ในความเห็นหน้าแรก กับหน้า 4 ต่างกันเยอะจังครับ อิอิ


ถึงคุณพระของพี่นุช ...เฮ่ย!! พี่นิล
ทั้งหมดสิ้น 150 ความเห็นเริ่มสงสัย
ด้วยคุณพระจากจีบหญิงเริ่มเปลี่ยนไป
สรรพนามใหม่ "เค้าแขวนพระนะตะเอง"

หรือคุณพระเดิมม้วนเม้มซุกสอดซ่อน
มาเริ่มร้อนต่อกระทู้กันรีบเร่ง
จึงลืมตัวค่อยๆคลายออกมาเอง
ให้พี่นุชใจเหวงที่จีบชาย

เศร้าถึงขั้นไข้ขึ้นสะท้านสั่น
ด้วยสิ้นฝัน แค้นในใจยังไม่หาย
เกิดชาตินี้มิรักหนุ่มจนวันตาย
แล้วแปลงกายเป็น "แม่เสือคัตไนฟ์"

จากตำนานปีเก่า 2005
เรื่องพี่ถาว์คู่พี่นุชให้สงสัย
มาบัดนี้ดูคู่จะเปลี่ยนไป
ตำนานใหม่ ถาว์ภักดิ์คู่หลวงนิล






ปล. สงสัยนางเอกประจำเรือนไทยอาจจะหายากซะด้วยมั้งครับ เอิ๊กๆ


กระทู้: เรื่องกาพย์ๆ กลอนๆ
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 23 ก.พ. 06, 10:31
 สงสารคุณหลวงนิลเถอะค่ะ  ป่านนี้คงจามแล้วจามอีก

แกยิ่งบ่นๆอยู่ด้วยว่าปูนนี้แล้วยังหานางเอกไม่ได้เลย    
เจอโดนจับคู่กับพระเอกเข้าให้
อนาคตคงมีแต่ปลูกแห้วเท่านั้น


กระทู้: เรื่องกาพย์ๆ กลอนๆ
เริ่มกระทู้โดย: นิรันดร์ ที่ 23 ก.พ. 06, 12:39
...ทัดดอกไม้ผมหมายให้สตรี ...... มิใช่ให้ชาติพาชีหรอกคุณถาว์
หากกระบวนแตกก่อนถึงเวลา . . . .คงจะเสียพาราให้สตรี
ปีกซ้ายเป็นติบอร์หัวร่อเก่ง ...........ขวาไม่เร่งนิลกังขาสมศักดิ์ศรี
ส่วนคุณถาว์ทัพหน้าคงจะดี ....  .....นิรันดร์นี้เป็นทัพหลังระวังภัย
อาวุธเป็นดอกไม้กับธูปเทียน . . . . .พวงมาลัยแทนบังเหียนเคลื่อนพลได้
ใช้ยิ้มเปื้อนใบหน้าแทนดินไฟ . .. .. ขนมหวานเตรียมไปแทนขนมครก
ท่องคาถาใส่โฉนดไม่โกรธขึ้ง . . . .ไม่บึ้งตึงขึงสายให้ตลก
สวดมนต์ตรามหาสเน่ห์เล่ห์ไม่พก...ไม่ถึงยกกระปรกกระเปลี้ยคงเสียชัย(อ้าว )


กระทู้: เรื่องกาพย์ๆ กลอนๆ
เริ่มกระทู้โดย: นิรันดร์ ที่ 23 ก.พ. 06, 12:51
. . . แต่ไม่หนีเข้าป่าเอาหน้ารอด . . . . . จงพูดพลอดพาทีศรีปราศรัย
KARAOKขึ้นมารีบคว้าไมค์ .. . . . . . .รำพันความในใจให้พร่างพรู
ความสงสารสัญชาติญาณสตรีนั้น . . . . มีด้วยกันทุกชั้นชนคนสวยหรู
หลั่งน้ำตานิดนิดน่าเอ็นดู .. . . .. . . . .. ..ไม่รับรักดนูให้รู้ไป


กระทู้: เรื่องกาพย์ๆ กลอนๆ
เริ่มกระทู้โดย: ถาวภักดิ์ ที่ 23 ก.พ. 06, 14:13
 ที่จ้องจองน้องถาว์อยู่หน้าทัพ
คงคิดจับกับดักรับอาวุธ
ด้วยฝั่งนั้นหมายมั่นบั่นให้กุด
จึงยื้อยุดแย่งอยู่ดูข้างหลัง
อันหลวงนิลสิ้นสวาทขาดเนื้อเนียน
จะลองเปลี่ยนเพี้ยนเพศอาจมีหวัง
สิ้นสตรีมีผัวคงโด่งดัง
อย่ายอยั้งติบอยังรอเชย   (อิอิ เอาคืนไป หนอยแน่ะ ศิษย์คิดล้างครู)


กระทู้: เรื่องกาพย์ๆ กลอนๆ
เริ่มกระทู้โดย: นิรันดร์ ที่ 23 ก.พ. 06, 14:49
. . . หัวเราะร่าฮะฮ้าถาวภักดิ์ . . . . ........ วิชารักต้องมักหมั่นขยันเหวย
ที่คอยหลังระวังใช่กระไรเลย .. . . ........ .ถ้าอยู่หน้าเองเลยจะเสียการ


กระทู้: เรื่องกาพย์ๆ กลอนๆ
เริ่มกระทู้โดย: นิรันดร์ ที่ 23 ก.พ. 06, 15:08
ด้วยสาวสาวมักรวดร้าวคราวพบพักตร. ... .นิรันดร์จักปลงใจใคร่ผสาน
อยากเป็นคู่เคียงครูอยู่สำราญ .. . . . . . . . .ศิษย์ล้างผลาญราญไม่ได้อย่างใจจินต์
ที่ดันให้ถาว์ไปไว้ข้างหน้า . . . . . . . ...  . .. เห็นเก่งกล้าท้ามีดกรีดก็บิ่น
จึงคอยหลังตั้งใจใช่ชีวิน. . . . ................. เกรงจะสิ้นแล้วมุดรูไม่สู้นำ
ส่วนหวานจิตนิจนิรันดร์นั้นเข้มกว่า . . . . . แม่นุชชาที่ลับมีดคอยกรีดหำ(กึ๋ย เสียว)
ห้ามเรี่ยราดปราดปรายให้ระกำ ...... . . . . ศีลข้อสามประจำในหัวใจ
หากบิดพริ้วขึ้นมาซึนามิ ..........................เป็นของเล่นเลยนิฯสิบอกให้
ใช่เหลือตอแต่ชีวันพลันบรรลัย .................พลาดข้อสามข้อหนึ่งไปเป็นคู่กัน


กระทู้: เรื่องกาพย์ๆ กลอนๆ
เริ่มกระทู้โดย: ถาวภักดิ์ ที่ 23 ก.พ. 06, 15:27
 เป็นเนื้อหน่อพ่อแผนแสนสะท้าน
จะรอนรานต้านหญิงยิ่งกังขา
ครูนิรันดร์ขันกรูสู้สุดา
สักหน่อยหนาให้รู้ชู้เชิงชาย
นักเลงเก่าเหลาแย่สักแค่ไหน
คงมีใจใฝ่ประจันเป็นมั่นหมาย
ก่อนเหี่ยวหดปลดปลงจงอวดลาย
ให้ร้องว้ายอ้ายจ๋าน่าลิ้มลอง


กระทู้: เรื่องกาพย์ๆ กลอนๆ
เริ่มกระทู้โดย: นิรันดร์ ที่ 23 ก.พ. 06, 15:42
 ..... คำบุราณดักลอบให้หมั่นกู้ . . . . ...คิดเจ้าชู้อย่าอยู่หลังหวังเป็นสอง
ต้องเด็ดเดี่ยวเดินหน้าท้าเกี่ยวดอง .....ถ้ากลัวม่องหมายสตรีไม่มีทาง
คนข้างหน้าคว้าไปน้ำลายหก . . . ... . .เจ็บในอกชกหัวบ่นก่นผีสาง
คอยแอบพ้อท้อสตรีที่สอางค์ . .. . . . . ไม่ได้อย่างใจสักทีเพราะรีรอ


กระทู้: เรื่องกาพย์ๆ กลอนๆ
เริ่มกระทู้โดย: นิรันดร์ ที่ 23 ก.พ. 06, 16:31
 ..... หากนิรันดร์นำหน้าคุณถาว์หนุน . . . . ไม่ทันลุ้นได้ชัยใจจะฝ่อ
อยู่ข้างหลังบังเสาสาวหรือคลอ .. . . . . . . .ต้องสีซอกับกระบือตื้อไม่ทัน
เวลาผ่านเลยไปดั่งสายน้ำ ........................เหลือแต่ช้ำซ้ำให้ใจกระสัน
ต้องมาเสียโอกาสให้นายนิรันดร์ . . . . . . . รำพึงรำพันช้าไปสายเกินแกง


กระทู้: เรื่องกาพย์ๆ กลอนๆ
เริ่มกระทู้โดย: นิรันดร์ ที่ 23 ก.พ. 06, 16:34
 ...............บัดนั้น......................................ถาวภักดิ์อ่านสารพลันแสลง
เหมือนได้กินอาหารผิดสำแดง...................เกิดเรี่ยวแรงหึกโหมออกโรมรัน    


กระทู้: เรื่องกาพย์ๆ กลอนๆ
เริ่มกระทู้โดย: Nuchana ที่ 23 ก.พ. 06, 16:55
 แหม...น้อยใจอาจารย์เหลือเกิน
เป็นห่วงแต่หนุ่มๆ...คุณนุชนา เบาๆมือหน่อยซีคะ กลัวคุณถาว์จะด่าวดิ้นสิ้นชื่อคามือหญิง

อีกทีก็เป็นห่วงมาณพนิลวรรณ กลัวพี่หลวงกินข้าวคนเดียว
ไยห่วงแต่คนอื่น จารย์เจ้าขา หนุ่มเรือนไทยรุมรังแกหนู จัดทัพหลวงกันใหญ่
นุชนาอาจโดนกระหน่ำ แลถึงซึ่งสังขาร ไม่เห็นจารย์ออกมาปรามเลยค้า


กระทู้: เรื่องกาพย์ๆ กลอนๆ
เริ่มกระทู้โดย: ถาวภักดิ์ ที่ 23 ก.พ. 06, 16:56
 น้าๆ ที่ว่าคึกนั่นน้าแล้วละ ผมเปล่านะจ๊ะ  เชิญบรรเลิงต่อเถิด


กระทู้: เรื่องกาพย์ๆ กลอนๆ
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 23 ก.พ. 06, 17:01
เขาจัดขบวนขันหมากมา คุณนุชนาจะว่ายังไงคะ


กระทู้: เรื่องกาพย์ๆ กลอนๆ
เริ่มกระทู้โดย: ถาวภักดิ์ ที่ 23 ก.พ. 06, 18:09
 โธ่ จารย์จ๋า ต้องเห็นใจกันมั่งนะขอรับ  เขามีแต่เกี้ยวแล้ว ทำหน้าแดง ม้วนไปม้วนมา  นี่คุณเธอเล่นกำมีด กำคัทเตอร์โดดใส่

พลิกตำราหากระบวนรับไม่เจอ  นี่ต่อให้ท่านสุนทรภู่ฟื้นมาได้ คงกระเจิงเหมือนกันแหละ มีหวังได้กลั้นใจตายไปอีกรอบ

ใครจะไปคึกกะเธอไหว ขี้หดตดหายกลายพันธุ์กันไปแทบหมดกระดานแล้วละครับ จารย์จ๋า  ขนาดนักเลงโบราณท่านยังมาแอบหลังผม มือไม้สั่น อ้างลูกอ้างเมียให้วุ่นไปหมด

ว่าแล้วเดี๋ยวต้องไปอาราธนาพระ ปลุกเนื้อปลุกตัวเผื่อเหนียว เผลอเป็นโดนท่านครูนิรันดร์ถีบออกหน้า  แหม ว่าจะชวนเข้าวัด คุณน้าดันมายุให้คึก


กระทู้: เรื่องกาพย์ๆ กลอนๆ
เริ่มกระทู้โดย: ถาวภักดิ์ ที่ 23 ก.พ. 06, 18:21
 ไปคนละแควเลย

ฮั่นแน่ Double Standard นี่นา อาจารย์ชมพูแก้ได้ ผมแก้ไม่ได้

ป๋มอยากแก้มั่งฮับ


กระทู้: เรื่องกาพย์ๆ กลอนๆ
เริ่มกระทู้โดย: Nuchana ที่ 23 ก.พ. 06, 18:33
 อุ้ย..ตาเบลอๆ ตกลงเขาจัดทัพอะไรกันมาคะนี่ ต้องกลับขึ้นไปอ่านใหม่

จุ๊จุ๊...จารย์อย่าอ็ดไปนะคะ ขอนินทาตานั่นหน่อย จะเชิญจารย์ไปดินเนอร์ใต้แสงเทียนทั้งที
ไม่เว้นช่วงให้อาจารย์ตอบรับ  พูดเอง เออเองเสร็จสรรพว่าตกลงอาจารย์ไม่ไปหรือขอรับ ขอบคุณครับ
อ้าย อ้าย อ้ายโจรกระจอก.....ไปแล้วเอาใบเสร็จมาเบิกที่นี่ พับเผื่อย!

อย่างนี่เขาเรียกว่า "ลิ้นตระกวด" ไหมคะนี่ พูดเป็นธรรมเนียมแล้วรีบตัดบท
คุณถาว์อ้าปาก ก็เห็นลูกกระเดือกซะแหล่ว!!

เอาอ้ายนี่มาฝาก ตะเอง


กระทู้: เรื่องกาพย์ๆ กลอนๆ
เริ่มกระทู้โดย: Nuchana ที่ 23 ก.พ. 06, 18:43
 ค.ห. 172 ......ขนาดขอลาเข้าวัด ยังแทบโดนเสียบ

เอ้อ จายคอธรณีสงฆ์ก็ละละเว้นๆบ้างนะโยม อาไร้! จะไปเสียบกันไม่เว้นในวัด ในน้ำนะดีแหล่ว


กระทู้: เรื่องกาพย์ๆ กลอนๆ
เริ่มกระทู้โดย: ติบอ ที่ 23 ก.พ. 06, 19:23
 มิกล้าสู้ถึงมีครูก็รู้น้อย
จะต่อถ้อยทุกข้อความให้ถ้วนถี่
เปิดกระทู้ไว้ให้เล่นกันดีดี
ตัวผมนี้ขอลาไปอ่านตำรา

ปล.1 ฝากกระทู้ให้ดูด้วย
หวังพี่ๆช่วยแต่งกลอนสรรค์ศัพท์หา
ให้ผู้อ่านเรือนไทยได้ปัญญา
มีวิชาภาษาไทยด้วยอ่านกลอน

ปล.2 ถึงพี่นุชสุดน่ารัก
พี่ถาว์ภักดิ์คงไม่กล้าขอพี่ก่อน
ด้วยเกรงมีดสารพัดพี่ถือร่อน
ช่วยมืออ่อนวางลงที พี่เขากลัว

ปล.3 ถามความเห็นพี่ถาว์
โบราณว่าชายต้องกล้าด้วยเป็นผัว
ขอสาวเถิดพี่แต่ระวังอย่าลืมตัว
ถ้าไม่ชัวร์ คห.100 ไปสอยเอา

ปล.4 พี่หลวงนิลที่หายหน้า
ถ้าโผล่มาอยากได้ทิชชู่ก็ขอเขา
คงจามมาก (จากความเห็นอ.เทา)
หรือจะเมารักคุณพระต่อติบอก็ยินดี

ปล.5 คงต้องถึงอ.นิรันด์
อย่ามัวดันหนุ่ม ให้สาวต้องหมองศรี
เป็นพ่อสื่อก็ออกปากขอเขาเสียที
ผู้ใหญ่มีครองเรือนไทยขอเอาเอง

ปล.6 อันสุดท้ายขี้เกียจเขียน
ดูเพี้ยนๆกลอน ปล. มันแปร่งเปร่ง
เวลาน้อยจะเขียนต่อกลัวกลอนเร่ง
เลยเกรงๆว่ากลอนๆจะวอนteen อิอิ


ไปล่ะครับ


กระทู้: เรื่องกาพย์ๆ กลอนๆ
เริ่มกระทู้โดย: นิรันดร์ ที่ 23 ก.พ. 06, 20:13
 ...... จากเรียกพี่เรียกครูแล้วเรียกน้า . . . . . .แล้วหลานถาว์จะมาไม้ไหนแน่
แม้นไม่กล้าหน้านำกรรมเวรแท้..................ฤๅเป็นแต่ปากกล้ากว่าฝีมือ
นุชชาเป็นศิษย์เก่าเรียนหนังสือ ................. ปะทะครูดูหรือคือบัดสี
แม้นไม่ก้าวข้างหน้าไม่พาที ......................จรรีหลีกไปให้ไกลตา
ครูกับศิษย์เปรียบพ่อกับลูกสาว................... ยุให้ร้าวอย่างไรไม่ได้หนา
นึกว่าดีคิดให้ผูกลูกศิษยา ...........................แต่พับผ่าสิไม่มีใจจริง
ทั้งน้ำเย็นไม้นวมไม่สำเร็จ ........................ เอาน้ำร้อนสาดให้เข็ดเถอะยอดหญิง
ถ้าหนีมาข้าจะแผลงธนูยิง ........................ ให้กระโดดเป็นลิงไม่ให้ตาย


กระทู้: เรื่องกาพย์ๆ กลอนๆ
เริ่มกระทู้โดย: Nuchana ที่ 23 ก.พ. 06, 22:38
 ว่าแล้ว-สลัด-คัตเตอร์ทิ้ง……………หมายให้-เกิดมิ่ง-มิตรไมตรี
กลอนใคร-พร่ำสอน-ฉันจำได้……..ติดตรึง-ในใจ-ทุกราตรี
อยากได้-รักก็ไฉน-ไม่ปลูกรัก……..ก็ใครจัก-ยื่นรัก-ให้ละพี่
ตัวเองต้อง-ลงทุน-ทอดสะพาน…..เพื่อความ-สัมพันธ์-ไม่ราวี
อย่างไร-ก็ตาม-เพื่อความอุ่นใจ…..ฉันต้อง-ปลอดภัย-จากไพรี
แม้ไม่มี-ปีนผา-หน้าไม้……………..แต่วางใจ-เมื่อมีขวด-สามใบนี้
ชายใด-มุ่งร้าย-ฉันจะไม่เว้น……….สาดกระเซ็น-ให้หน้า-เละเป็นผี
ไม่เชื่อ-เชิญดาหน้า-มาลองเล่น....ฉันเว้น-แต่อ. นิรันดร์-ท่านแสนดี


กระทู้: เรื่องกาพย์ๆ กลอนๆ
เริ่มกระทู้โดย: นิรันดร์ ที่ 24 ก.พ. 06, 08:19
แค่น้ำร้อนกำราบปราบก็เข็ด ......... อย่าถึงเด็ดให้เป็ดกินสิ้นศักดิ์ศรี
อย่าสาดกรดหมดลายชายชาตรี ..... เพราะราคีจะเปื้อนน้องนองน้ำตา
กลายเป็นสาวใจร้ายหาใครรัก . . . ..จงรู้จักใจเย็นเป็นบ้างหนา
กุศลเกิดบรรเจิดนักนะนุชชา ...........กรุณาปรานีนั้นมีคุณ
เพียงถือไว้ไม้เท้าพรรคกระยาจก .....ตีให้หกตกไต้ถุนจะหนุนส่ง
ถือดอกไม้ขนมนำหน้าก็คง ............. ไม่ต้องลงมือกันถึงขั้นตาย  


กระทู้: เรื่องกาพย์ๆ กลอนๆ
เริ่มกระทู้โดย: Nuchana ที่ 24 ก.พ. 06, 08:57
 ...................แกล้งพูดเล่นๆ....... ขู่คนทะเล้น......... ให้จักเกรงกลัว
คนอะไรเอ่ย... ชอบยียวนยั่ว....... อยากจะเห็นตัว....... ปากเหมือนกรรไกร  
...................เชิญเขามางาน.......เล่นตัวเสียนาน...... แสร้งทำเฉไฉ
เขาทำทีเชิญ...อาจารย์เทาฯนั้น.....ไปดินเนอร์กัน.........แถวเทวาลัย
...................จารย์ยังไม่ทันกล่าว..ตอบถ้อยคำเขา.....ว่าเอาอย่างใด
ถาวภักดิ์รีบ.....เร่งสรุปเอา............ว่าอาจารย์เทาฯ......ไม่ไปก็ดี

พูดเอง...เออเองเสร็จ...พ่อเจ้าประคุณใต้ถุนเรือน
อย่าต่ำเตี้ยเสียชื่อว่าโฉดช้า อย่าชักพายศลาภให้สาบสูญ

****
เรียนถามอาจารย์เทาฯค่ะ
บรรทัดที่ 4 ตรงคำว่าเทวาลัย ที่จริงควรต้องหลีกเลี่ยงไปใช้สัมผัสอื่นที่มิใช่เสียง ไอ หรือไม่คะ
เขียนมาเพราะอยากลองใช้ค่ะ (ฉันทลักษณ์ไม่ได้บังคับ)


กระทู้: เรื่องกาพย์ๆ กลอนๆ
เริ่มกระทู้โดย: ถาวภักดิ์ ที่ 24 ก.พ. 06, 11:04
 แต่นานมาเมขลารำล่อแก้ว
พราวเพริ่ดแพร้วแวววับประดับฟ้า
ทั้งงามเด่นเบญจกริยา
อสุราปาขวานละลานใจ
แต่บัดนี้สัปดนฉงนนัก
นางแกว่งกวักโกรธาท่ายักษ์ใหญ่
ชายเตลิดเปิดเปิงกระเจิงไกล
ทั้งทวยไท้ไข่หดแทบหมดลม
โอ้คุณพี่นิรันดร์อย่าพลันหมอง
เอ็นดูน้องต้องเย็นเป็นปฐม
จะชื่นชอบกอปรการวิหารพรหม
ศิษย์นิยมชมทักรักอาจารย์
อันแดนรักนักรบสบลำบาก
ดาษดักดากยากณรงค์ดงประหาร
จึงวิงวอนอ้อนน้าวิชาทาน
เสียบนังมารลี้คิมฮวงให้กลวงเลย


กระทู้: เรื่องกาพย์ๆ กลอนๆ
เริ่มกระทู้โดย: ถาวภักดิ์ ที่ 24 ก.พ. 06, 13:37
 อันที่จริงยิ่งคิดศิษย์สงสัย
อาจารย์ดูรู้ธรรมคำเฉลย
พระองค์ใดเป็นครูเชิดชูเชย
หวังลาเลยมุ่งทางอย่างไรฤา
แต่ตัวศิษย์นิมิตหมายถึงหน่ายแหนง
ฝึกฤทธิ์แรงแทงธรรมนำใจซื่อ
เพียรเพ่งพระระลึกเป็นฝึกปรือ
ที่ใจถือวางลงตรงนิพพาน


กระทู้: เรื่องกาพย์ๆ กลอนๆ
เริ่มกระทู้โดย: ถาวภักดิ์ ที่ 24 ก.พ. 06, 14:00
 ว้า เริ่มออกอาการตาลายอีกแล้ว
ขอแก้ไขท่อนหลังให้ถูกฉันทลักษณ์ นะครับ

อันที่จริงยิ่งคิดศิษย์สงสัย
อาจารย์ไซร้ใฝ่ธรรมคำเฉลย
พระองค์ใดเป็นครูเชิดชูเชย
หวังลาเลยมุ่งทางอย่างไรฤา
แต่ตัวศิษย์นิมิตหมายถึงหน่ายแหนง
ฝึกฤทธิ์แรงแทงธรรมนำใจซื่อ
เพียรเพ่งพระระลึกเป็นฝึกปรือ
ที่ใจถือวางลงตรงนิพพาน


กระทู้: เรื่องกาพย์ๆ กลอนๆ
เริ่มกระทู้โดย: ติบอ ที่ 24 ก.พ. 06, 15:21

นั่งอ่านดูกลอนพี่ถาว์น่าฉงน
หรือสัปดนไปเองด้วยชินหู
มียอ อ.นิรัดร์ เรียก "พี่" - "ครู"
หวังให้สู้ "เสียบ" "ดาก" "นางมาร"

หรือข้าน้อยเกิดมาโง่โตแต่ตัว
สมองชั่วอ่านไม่รู้ถึงถ้อยสาร
ตีความหมายเพี้ยนไปไม่ถึงการณ์
แปลอยู่นานแต่ก็ยังไม่เข้าใจ

แต่เมื่ออ่านยิ่งอ่านนานยิ่งได้คิด
หรือพี่ถาว์ทำจนติด น่าสงสัย
มิน่า... ปฏิเสธการเจอหน้าอยู่เรื่อยไป
วันที่ 5 มาไม่ได้ แปลว่าเป็น (__)

- กรุณาเติมคำในช่องว่างเองนะครับ อิอิ ถ้าใครไม่เข้าใจย้อนกลับไปดูภาพประกอบในความเห็นเพิ่มเติมที่ 163, 165, และ 178 ประกอบการตอบคำถามได้ครับ เอิ๊กๆ
จิตรกรมือเอกของเราวาดไว้สื่อความหมายได้เยอะนานายจ๋า ข้าน้อยสิบอกให่


จริงป่ะคัฟ พี่นุชนา อิอิ


กระทู้: เรื่องกาพย์ๆ กลอนๆ
เริ่มกระทู้โดย: ถาวภักดิ์ ที่ 24 ก.พ. 06, 16:09
 เห็นติบอวอแวแหย่ไม่เลิก
เรื่องบานเบิกชายเป็นหญิงยิ่งชอบสุด
คงเป็นกรรมทำเองแอบมุบมุด
จึงยื้อยุดพร่ำพิเรนทร์อย่างเบนเบี่ยง
อย่าล้อลามหยามหยาบมิปลาบปลื้ม
อย่าเลือนลืมโบราณอย่าพาลเถียง
นี่ผู้ใหญ่ใฝ่ธรรมดูสำเนียง
บาปจะเหวี่ยงถึงตัวกลั้วนรก
เห็นว่าเกินเพลินล้ำทำสนุก
จะทนทุกข์ที่อบายว่ายเวียนวก
เมตตานักตักเตือนกันต่ำตก
เช่นชนกเลี้ยงลูกผูกพันธุ์พงศ์


กระทู้: เรื่องกาพย์ๆ กลอนๆ
เริ่มกระทู้โดย: ศรีปิงเวียง ที่ 24 ก.พ. 06, 17:29
 ความเห็นที่ 200 (ขวดกรดเกลือกับกรดไนตริก)เอาไปทำกรดกัดทอง ได้ครับ(ใช่หรือเปล่าครับคุณพี่นุชนา)
แต่ปัญหาก็คือ กรดกัดทองจะผสมอย่างไร ขึ้นอยู่กับความเข้มข้นหรือไม่
ได้ข่าวว่า ใครๆ หลายๆ คนในที่นี้จะไปงานรวมญาติ เอ๊ย มีตติ้ง(พบปะสังสันทน์) ก็ขอให้ทุกท่านมีความสุขครับ (ผมไปไม่ได้ด้วยเหตุผลหลายๆ ประการ)
ความเห็น 206 ของพี่ติบอ อยากถามว่า รูปที่ลื้อเลือกมา มั่วหรือเปล่าฮิ  (โรบินไม่ได้เป็นเกย์นะจ๊ะ ว่าแต่ใครจะพิสูจน์)
ดูจากลักษณะการจูบแล้ว รู้สึกว่าทั้งสองกำลังงับปากเล่นมากกว่า


กระทู้: เรื่องกาพย์ๆ กลอนๆ
เริ่มกระทู้โดย: ศรีปิงเวียง ที่ 24 ก.พ. 06, 17:33
 อภิโถ ! ไม่ทันได้ดูก็กดไปเสียแล้ว
ความเห็นที่ 178 ดูจากรูปแล้วคงกำลังเดินบนน้ำ มากกว่าว่ายน้ำ
โพสต์ไปแล้ว รู้สึกอำลาอาลัยเจ้าเหนียมอย่างบอกไม่ถูก


กระทู้: เรื่องกาพย์ๆ กลอนๆ
เริ่มกระทู้โดย: ภูมิ ที่ 24 ก.พ. 06, 18:29
 เรื่อง ฉันทลักษณ์ ของ กาพย์สุรางคนางค์28
พี่นุชนาตกไปหนึ่งอันคือ คำสุดท้ายบาทที่สี่กับ คำที่สองบาทที่ห้า นะครับ


กระทู้: เรื่องกาพย์ๆ กลอนๆ
เริ่มกระทู้โดย: Nuchana ที่ 24 ก.พ. 06, 18:43
 ใช่แล้ว คุณภูมิ ตรงตำแหน่งนี้มันไฟท์บังคับ ลืมไปค่ะ ขอบคุณที่บอก
แวะไปดูฟูโตมากิข้างบนหรือยังคะ เอามาฝากเจ๊ถาว์เขาน่ะ


กระทู้: เรื่องกาพย์ๆ กลอนๆ
เริ่มกระทู้โดย: นิรันดร์ ที่ 25 ก.พ. 06, 09:17
..... ดูถาวภักดิ์แล้ว ......... จนใจ
บอกว่าถือผกาไป .............ต่อหน้า
สาวฤๅไม่รับไม- ..............ตรีตอบ
มัวกล่าวราวคำท้า ........... ยั่วให้โกรธแรง


กระทู้: เรื่องกาพย์ๆ กลอนๆ
เริ่มกระทู้โดย: นิรันดร์ ที่ 25 ก.พ. 06, 10:39
. . . . . จะไปบวชเพราะพลั้ง ..... .... พลาดสาว
ไตรย่อมระอุคาว .......................... เร่าร้อน
หากจิตไฝ่ในธรรมราว .................. คิดได้
ขมานุชชามิย้อน ........................... ยืดยื้อถือความ


กระทู้: เรื่องกาพย์ๆ กลอนๆ
เริ่มกระทู้โดย: Nuchana ที่ 25 ก.พ. 06, 11:59

คำนี้เกิดมาไม่เคยได้ยิน แปลว่าอะไรคะ
เคยได้ยินแต่ตะแกรงยิก ที่เอาไว้ร่อนแร่น่ะคะ


กระทู้: เรื่องกาพย์ๆ กลอนๆ
เริ่มกระทู้โดย: B ที่ 25 ก.พ. 06, 12:16
 ยิก เป็นภาษาใต้ แปลว่า ไล่ ค่ะ คุณ Nuchana


กระทู้: เรื่องกาพย์ๆ กลอนๆ
เริ่มกระทู้โดย: นิรันดร์ ที่ 25 ก.พ. 06, 16:46
 ตอนเข้าห้องเชียร์ พอขยับตัวหน่อย
รุ่นพี่จะตะโกนว่า ยุกยิก ๆ อยู่ได้
แต่คงจะคนละยิกกับบนผืนธง  
ท่าทางเขาไล่คนเดียว แต่พอไปกลับลากคนอื่นไปด้วยอีกหลายร้อยคน


กระทู้: เรื่องกาพย์ๆ กลอนๆ
เริ่มกระทู้โดย: Nuchana ที่ 25 ก.พ. 06, 18:45
 ขอบคุณค่ะ คุณ B

ดิฉันไปโพสต์ไว้บางบอร์ด ขออย่าให้พรรคข้างน้อย ส่งผู้สมัครลงเลย ปล่อยให้ข้างมากเข้าสภามาทั้ง 500 คน
สถานการณ์ก็จะกลับไปเหมือนเดิมก่อนประกาศยุบสภา ดูซิว่าเมื่อไม่มีฝ่ายค้านในสภาสักคน แล้วข้างนอกเย้วๆกัน
จะอยู่ได้หรือไม่ คำโบราณท่านพูดไว้เป็นจริงเสมอ ที่ว่า

สุจริตคือเกราะกำบัง ศาสตร์พ้อง


กระทู้: เรื่องกาพย์ๆ กลอนๆ
เริ่มกระทู้โดย: นิรันดร์ ที่ 26 ก.พ. 06, 10:03
คำบุราณท่านว่าเหล็กแข็งกระด้าง......  เอาเงินง้างอ่อนตามความประสงค์
ขอพึ่งศาลยังไม่ได้ชาติไทยคง ........... จะสิ้นลงในสมัยของนายพัน
ซื้อทุกอย่างกระทั่งวิญญาณไท ........ .. เงินฟาดไปได้คืนมาช่างน่าขัน
ใช้เล่ห์รุกผูกขาดทุกสิ่งอัน ...................แล้วขายกันประเทศสิ้นแผ่นดินนอน
ส.ส.ขายตัวขาดประหลาดนัก ............. จะไปกวักกลับมาไยให้เป็นหนอน
ทิ้งมันไปไล่ให้พ้นคนแคลนคลอน ........อย่าไปวอนกลับมาน่าไม่อาย
หาคนใหม่ใจกล้าท้าสู้เงิน ................... แล้วเที่ยวเดินดุ่มดูสู้ฉิบหาย
ทุกประตูหมู่ชนพ้นงมงาย .................. ถ้าแพ้บายเหมือนไม่สู้ดูพิกล


กระทู้: เรื่องกาพย์ๆ กลอนๆ
เริ่มกระทู้โดย: ศนิ ที่ 27 ก.พ. 06, 16:58
 เอ... กระทู้นี้กลายเป็นกระทู้ครอบจักรวาลไปแล้วเหรอคะเนี่ย?


กระทู้: เรื่องกาพย์ๆ กลอนๆ
เริ่มกระทู้โดย: นิลกังขา ที่ 27 ก.พ. 06, 19:17
 ฮื่อ...
ในเมื่อเป็นกระทู้ครอบจักรวาลกู่ไม่กลับแล้ว ผมก็ขอเสนอว่ายุบสภา เอ๊ยปิดกระทู้นี้เถอะครับ แล้วถ้าใครยังอยากจะเปิดใหม่ก็เชิญไปตั้งเป็นกระทู้ใหม่กันเอาเอง ถ้าผมนึกอยากจะไปร่วมวงผมก็คงไปร่วมกระมัง ถ้าผมเผอิญติดทำอะไรอย่างอื่นอยู่ หรือยังไม่นึกอยากผมก็คงยังไม่ไปร่วมวง ก็เท่านั้นเอง

ขอเชิญท่านที่สนใจ ต่ออีกสัก 2 ความเห็นดีไหมครับ ได้จบที่ 222 เลขสวยนะครับ


กระทู้: เรื่องกาพย์ๆ กลอนๆ
เริ่มกระทู้โดย: ภูมิ ที่ 28 ก.พ. 06, 00:27
 ท่านขอเข้ามา เราก็ ต้องจัดให้
จนได้อย่างใจ จบลง ที่เลขสวย
ถ้ามิเช่นนั้น พวกเรา อาจจะซวย
ไม่แค่ลงห้วย อาจพา ไปถึงคุก
เริ่มมะลิซ้อน แตกใบอ่อน เป็นมะลิลา
ความจำนรรจา พาไป ด้วยความสนุก
หยุดแต่พอดี ย่อมให้ ไม่เกิดทุกข์
แล้วกลับมาบุก เบิกข้อใหม่ ให้คุยกัน
แต่ว่าไปแล้ว ใช่ว่าแค่ สองจะเหมาะ
เลขสามก็เพราะ เหมาะเจาะ ให้สีสรร
มาร่วมเขียนต่อ ครบตองสาม เพิ่มความมัน
รู้อีกทีนั้น ทะลุห้าร้อย ค่อยรู้สึกตัว


กระทู้: เรื่องกาพย์ๆ กลอนๆ
เริ่มกระทู้โดย: นิรันดร์ ที่ 28 ก.พ. 06, 09:32
........อันคารมคมกลอนสอนไม่ยาก ....... เพียงเพียรพากบากบั่นขยันอ่าน
สำนวนของผองกวีที่มีนาน ........ ... .......แล้วเปิดจินตนาการประสานเอา
กับเหตุการณ์ที่มีอยู่ดูให้รอบ .................หาคำมาประกอบสัมผัสเข้า
บางทียืมยกคำคนอื่นเอา .......................ใส่กลอนเราก็มีบ้างเป็นบางที


กระทู้: เรื่องกาพย์ๆ กลอนๆ
เริ่มกระทู้โดย: ติบอ ที่ 01 มี.ค. 06, 01:02
 ผมขออนุญาตคุณนิลกังขาเล็กน้อย ในฐานะเจ้าของกระทู้ ที่จะแตกลูกแตกหลานความเห็นเพิ่มเติมอีกซัก 1 ความเห็น
ด้วยความที่เข้าใจไปเองว่าตัวเองเข้ามาเป็นความเห็นที่ 221 ไม่ทันนะครับ

ต้องขออนุญาตเกริ่นว่า หลังจากที่ได้อ่านกลอนของคุณถาวภักดิ์ไปแล้ว ผมได้ส่งจดหมายติดต่อกับคุณถาวภักดิ์ จนมั่นใจว่าเข้าใจเจตนาของทั้งสองฝ่ายกันดีแล้ว
และเห็นด้วยกับการที่ผมควรจะออกมากล่าวคำขออภัยของคุณถาวภักดิ์ในกระทู้ผมเอง
มากกว่าที่จะปล่อยให้เรื่องผ่านไปกับกาลเวลาเหมือนที่สมาชิกผู้ใหญ่ที่ผมให้ความเคารพนับถือได้แนะนำไว้นะครับ

และในโอกาสนี้ ผมคงต้องขออนุญาตขออภัยสมาชิกผู้ใหญ่ท่านดังกล่าว ที่ผมมิได้เชื่อฟังในคำแนะนำที่ท่านกระณาแนะนำมาด้วยครับ

ขออภัยนะครับ ทั้งคุณถาว์ภักดิ์และสมาชิกท่านที่ผมเอ่ยถึง



ส่วนเรื่องกระทู้ใหม่ ที่คุณนิลกังขากล่าวถึง ผมคงเปิดแน่ๆล่ะครับ แต่คงต้องขอเวลาอีกซักพักครับ
เพราะตอนนี้ยังนึกไม่ออก ว่าจะมีวิธีไหนบ้างที่จะดำเนินกระทู้ต่อไปให้บรรลุจุดประสงค์ของกระทู้ที่ตั้งใจไว้ครับ

เหมือนอย่างในกระทู้นี้ ที่ผมเองก็เข้าใจว่าจุดประสงค์ของการเปิดกระทู้นี้ของผมเองคืออะไรตามที่ได้เรียนให้สมาชิกหลายท่านทราบไปนอกรอบแล้ว
แต่ผมเองก็อดไม่ได้ที่จะเข้ามาพูดคุยกับสมาชิกท่านอื่นๆนอกประเด็น จนเกิดเรื่องที่ทำให้คุณถาว์ภักดิ์ไม่พอใจเข้า

อย่างว่าล่ะครับ ประเด็นของกระทู้นี้ไม่ค่อยอยู่นิ่งซักเท่าไหร่
ถ้าเจ้าของกระทู้จะขออนุญาตดึงประเด็นออกมาเป็นกระทู้ขออภัยในสิ่งที่ทำผิดพลาดไป หวังว่าสมาชิกท่านอื่นๆจะไม่ถือสาเอาความนะครับ


ปล. ในฐานะของเจ้าของกระทู้(อีกตามเคย) ผมคงขออนุญาตทางวิชาการทีม ว่าให้ลอคกระทู้เสียตั้งแต่ตอนนี้จะดีกว่าครับ

ขอตัวล่ะครับ เดี๋ยวพรุ่งนี้ตื่นสายครับ


กระทู้: เรื่องกาพย์ๆ กลอนๆ
เริ่มกระทู้โดย: นิรันดร์ ที่ 01 มี.ค. 06, 09:18
 ...........อันนี้ คงต้องรอดุลยพินิจ ..... อาจารย์เทาฯท่านจะคิดเป็นไฉน
จะปิดลงหรือให้เปิดกันต่อไป .......... กระผมได้เพียงเอ่ยเผยประพันธ์
มากระเซ้าเย้ายั่วมั่วไปเรื่อย ..............แก้สมองที่เมื่อยของดิฉัน
อยากประสานไมตรีดีต่อกัน .............ผูกสัมพันธ์ฉันท์เพื่อนชาวเรือนไทย
หากกระเทือนใจใครอภัยด้วย ....... ..เพียงหวังช่วยเชิดศรีกวีไข
เข็นคำกลอนค่อนแคะแงะหัวใจ .......ตามวิสัยสันดานแต่นานมา
หวังผองเพื่อนอภัยได้ให้กันเถิด .......จะบังเกิดจินตกวีดีหนักหนา
จะหนักบ้างเบางบ้างบางเวลา ..........อย่าโกรธาขึ้งเคียดรังเกียจกัน
ถือเสียว่าภาษากลอนพาไป ...............หัวร่อใส่ใครว่าพาขบขัน
มิตรดำรงค์คงคู่อยู่นิรันดร์ ..............ชีวีพลันแช่มชื่นรื่นอุรา  


กระทู้: เรื่องกาพย์ๆ กลอนๆ
เริ่มกระทู้โดย: นิลกังขา ที่ 01 มี.ค. 06, 09:53
 เลยไม่หยุดตรง 222 เลย

แล้วแต่คุณครูใหญ่ เทาชมพู ก็แล้วกันครับ

ผมยินดีด้วยที่คุณติบอได้คุยกับคุณพี่ถาวภักดิ์ของผมเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ที่จริง ยินดีที่คุณติบอคิดได้ในการเห็นว่าควรจะไปคุยกับผู้อาวุโสคือคุณถาวภักดิ์มากกว่าอื่น

ว่าแล้วก็ขอตั้งข้อสังเกตด้วยว่า คุณติบอยังไม่ได้มาคุยกับผมทั้งหน้าไมค์และหลังไมค์เลย ซึ่งตามตรรกะ อย่างน้อยตรรกะของผม นับว่าแปลกดีพอสมควร แต่เอาเถอะเอาเป็นว่าผมขี้เกียจติดใจอะไรต่อไปแล้ว ขอให้อโหสิกรรมและขออโหสิกรรมกันตรงนี้กับทุกท่านแล้วกัน ขอให้ผ่านกันไปตามที่คุณครูนิรันดร์ว่า ที่จริงแต่เดิมผมก้ไม่ได้คิดจะติดใจอะไรมากหรอก เป็นแต่หลายๆ หนเข้ารู้สึกว่า เล่นไม่รู้จักเลิกสักที จากสนุกผมเลยกลายเป็นรำคาญ ก็เพียงเท่านั้น ย้ำว่า เพียงรำคาญ จะได้เลยเถิดไปถึงขั้นโกรธเกลียดเลยนั้นหามิได้

ก็เพราะแค่รำคาญเท่านั้นนั่นแหละ ผมเลยพยายามจะนิ่งๆ เสีย

เมื่อมีความเห็นที่ 207 เกิดขึ้นเป็นปฏิกิริยาตอบรับแล้ว ผมก็ขอตีขลุมเอาว่า ถือว่าแทนใจผมด้วย (โดยท่านเจ้าของความเห็นอาจจะไม่รู้ตัว - ขอบคุณคุณพี่ถาวภักดิ์ครับ ขออภัยด้วยถ้าผมอาจเป็นเหตุส่วนหนึ่งที่ทำให้เกิดล่วงล้ำก้ำเกินไป) และเมื่อมีการเคลียร์กันโดยตรงกับท่านไปแล้ว ก็เป็นเรื่องที่ดีแล้ว


กระทู้: เรื่องกาพย์ๆ กลอนๆ
เริ่มกระทู้โดย: นิลกังขา ที่ 01 มี.ค. 06, 09:56
 เรื่องขึ้นกระทู้ใหม่ ไม่ยากนี่ครับ ขึ้นไปแล้วก็คงมีคนไปร่วมวงกลอนเอง ไม่น่ามีปัญหาอะไร อันที่จริงกระทู้นี้ก็ชักจะยาวแล้วด้วย