เรือนไทย

General Category => หน้าต่างโลก => ข้อความที่เริ่มโดย: SILA ที่ 05 ก.พ. 18, 10:30



กระทู้: โรงหนังชั้นหนึ่ง stand alone หนึ่งเดียวที่เหลืออยู่กลางกรุงฯ - สกาลา"
เริ่มกระทู้โดย: SILA ที่ 05 ก.พ. 18, 10:30
            โหมโรงด้วยเพลงจากหนังเพลงเก่าประทับใจจำสามเรื่องนี้ที่เคยเข้าฉายในโรงหนังเดี่ยวซึ่งกำลังเป็น
ประเด็นในหมู่คนกลุ่มหนึ่งซึ่งมีอายุและมีความหลังครั้งนั้นที่สยามสแควร์ นั่นคือ

             โรงหนังชั้นหนึ่ง stand alone หนึ่งเดียวที่เหลืออยู่กลางกรุงฯ - สกาลา จะอยู่หรือจะไป
(พร้อมกับลิโด้ที่อยู่ในเครือเดียวกันซึ่งไปแน่ๆ)


กระทู้: โรงหนังชั้นหนึ่ง stand alone หนึ่งเดียวที่เหลืออยู่กลางกรุงฯ - สกาลา"
เริ่มกระทู้โดย: SILA ที่ 05 ก.พ. 18, 10:32
          เกิดการแพร่ #SaveScala ในโลกโซเชียลมีเดียโดยกลุ่มคนรักโรงหนังสกาลาที่มีความหลังผูกพัน
และต้องการให้เก็บรักษาอาคารทรงคุณค่าทางสถาปัตยกรรม,ความทรงจำและจิตใจของคนจากรุ่นต่อรุ่น


กระทู้: โรงหนังชั้นหนึ่ง stand alone หนึ่งเดียวที่เหลืออยู่กลางกรุงฯ - สกาลา"
เริ่มกระทู้โดย: SILA ที่ 07 ก.พ. 18, 09:50
ไม่ใช่แต่คนกรุง,คนไทยเท่านั้น
          
             ฟิลลิป แจ็บลอน (Philip Jablon) เจ้าของเพจ ‘The Southeast Asia Movie Theater Project’
ผู้ตระเวนเก็บภาพโรงภาพยนตร์สแตนด์อโลนมาเกือบสามร้อยแห่งในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เคยให้สัมภาษณ์เมื่อ
กุมภาพันธ์ 2559 ไว้ว่า

            ถ้าพูดถึงความสวยงาม สกาลายังเป็นอันดับ 1 ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้แน่นอน
            โรงใหญ่ สภาพดี สถาปัตยกรรมสวยงามน่าชื่นชม ทุกคนที่มาที่นี่เขาก็คงคิดเหมือนกัน ไม่เคยได้ยินคนบอกว่า
ไม่ชอบ ทุกคนรักสกาลา ชาวต่างชาติทุกคนที่ผมพามาที่นี่เขาร้อง ว้าว แล้วบอกว่าสวยมาก ชอบมาก มีคนอเมริกันเจอ
ที่นี่แล้วเขาบอกผมว่า นี่เป็นสถานที่ที่เขาชอบมากที่สุดในกรุงเทพฯ ถ้าวันหนึ่งสกาลาถูกทุบทิ้ง พม่าจะมีโรงหนังสแตนด์
อโลนที่สวยที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

เพื่อนบ้านเรา,ทั้งเมียนมาร์และสิงคโปร์ ได้ทำการชุบชีวิตโรงหนังเก่าที่ทรงคุณค่าขึ้นมาใหม่

เมียนมาร์  Waziya,Yangon


กระทู้: โรงหนังชั้นหนึ่ง stand alone หนึ่งเดียวที่เหลืออยู่กลางกรุงฯ - สกาลา"
เริ่มกระทู้โดย: SILA ที่ 07 ก.พ. 18, 09:52
สิงคโปร์ Capitol Theatre(Grande Old Dame) and Capitol Building


กระทู้: โรงหนังชั้นหนึ่ง stand alone หนึ่งเดียวที่เหลืออยู่กลางกรุงฯ - สกาลา"
เริ่มกระทู้โดย: SILA ที่ 07 ก.พ. 18, 10:00
เรื่องและรูปประกอบจากนานาเว็บ เช่น

thairath.co.th/content/1170457      
thairath.co.th/content/623311
thematter.co/pulse/scala/42826
gmlive.com/GMBiZ-Scala-Paradiso
scalala.blogspot.com
vogue.co.th/beauty/save-scala
twitter.com/iamruj
bk.asia-city.com/city-living/news/philip-jablon-scala-lido-future-cinemas
seatheater.blogspot.com
etc.


กระทู้: โรงหนังชั้นหนึ่ง stand alone หนึ่งเดียวที่เหลืออยู่กลางกรุงฯ - สกาลา"
เริ่มกระทู้โดย: SILA ที่ 07 ก.พ. 18, 10:02
เชิญชวนชมโรงหนังแห่งความหลังเก่าเกือบกึ่งศตวรรษแต่ยังคงยืนยงกลางกรุงอย่างสง่างามสมคำร่ำลือ
(รูปและเรื่องจากนานาเว็บคนรักสกาลา)
 
            โรงภาพยนตร์สกาลาซึ่งตั้งชื่อตามโรงอุปรากรเก่าแก่ชื่อลา สกาลา ในมิลาน (คำว่าสกาลา หมายถึงบันได
ในภาษาอิตาลี)


กระทู้: โรงหนังชั้นหนึ่ง stand alone หนึ่งเดียวที่เหลืออยู่กลางกรุงฯ - สกาลา"
เริ่มกระทู้โดย: SILA ที่ 07 ก.พ. 18, 10:03
            เป็นผลงานการออกแบบโดย พันเอกจิระ ศิลป์กนก สถาปนิกเอก (นิสิตเก่าคณะสถาปัตยกรรมศาสตร์
จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยปี 2489 ถึงแก่กรรมแล้ว(ปี 2556) ผลงานออกแบบอาคารอื่น ได้แก่ ตึกสันติไมตรี
หลังในและโรงแรมอินทรา


กระทู้: โรงหนังชั้นหนึ่ง stand alone หนึ่งเดียวที่เหลืออยู่กลางกรุงฯ - สกาลา"
เริ่มกระทู้โดย: SILA ที่ 07 ก.พ. 18, 10:03
            ก่อสร้างแล้วเสร็จเปิดโรงเมื่อธันวาคม พ.ศ. 2512 เบิกจอด้วยภาพยนตร์เรื่อง The Undefeated
หรือชื่อไทยคือ ‘สองสิงห์ตะลุยสิบทิศ’


กระทู้: โรงหนังชั้นหนึ่ง stand alone หนึ่งเดียวที่เหลืออยู่กลางกรุงฯ - สกาลา"
เริ่มกระทู้โดย: SILA ที่ 07 ก.พ. 18, 10:06
             งานออกแบบสร้างอยู่ในช่วง  late modernism(1950 - 1970) อาคารรูปทรงศิลปะในช่วง
รอยต่อระหว่างยุคสถาปัตยกรรมสมัยใหม่ที่เน้นรูปทรงเรียบง่ายไร้ลวดลายปูนปั้น,การตกแต่งประดับประดา
อาคาร มีลักษณะบริสุทธิ์เน้นรูปทรงเชิงนามธรรม ก่อนที่จะเข้าสู่ยุคสถาปัตยกรรมหลังสมัยใหม่ที่ผู้คนเริ่มกลับ
ไปหลงใหลศิลปะยุคเรอเนซ็อง และนำกลับมาใช้ใหม่


กระทู้: โรงหนังชั้นหนึ่ง stand alone หนึ่งเดียวที่เหลืออยู่กลางกรุงฯ - สกาลา"
เริ่มกระทู้โดย: SILA ที่ 07 ก.พ. 18, 10:07
          โรงหนังสกาลาซึ่งอยู่ในช่วงรอยต่อนี้จึงได้รับอิทธิพลการผสมผสานการตกแต่งอาคาร ทำให้เป็น
ดั่งพรมแดนรอยเชื่อมระหว่างยุคสถาปัตยกรรมสมัยใหม่ตอนปลายและยุคต้นของสถาปัตยกรรมหลังสมัยใหม่
ที่กำลังมาแรงทั้งในอเมริกาและในยุโรป และในขณะเดียวกันผู้ออกแบบก็ยังได้ผนวกงานช่างแบบตะวันออก
เข้ามาใช้ในส่วนงานตกแต่งประกอบอาคารด้วย


กระทู้: โรงหนังชั้นหนึ่ง stand alone หนึ่งเดียวที่เหลืออยู่กลางกรุงฯ - สกาลา"
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 07 ก.พ. 18, 10:21
ตั้งแต่ความคิดเห็นที่ ๕๑๙ ถ้าจะแยกเป็นกระทู้ใหม่ "โรงหนังชั้นหนึ่ง stand alone หนึ่งเดียวที่เหลืออยู่กลางกรุงฯ - สกาลา" น่าจะมีเหมาะสม ง่ายต่อการค้นหา  ;D


กระทู้: โรงหนังชั้นหนึ่ง stand alone หนึ่งเดียวที่เหลืออยู่กลางกรุงฯ - สกาลา"
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 07 ก.พ. 18, 18:06
 ;D

https://youtu.be/xAYHOSEpSxo

https://youtu.be/StIbHiETxvk


กระทู้: โรงหนังชั้นหนึ่ง stand alone หนึ่งเดียวที่เหลืออยู่กลางกรุงฯ - สกาลา"
เริ่มกระทู้โดย: SILA ที่ 08 ก.พ. 18, 09:58
          ส่วนอาคารด้านในรายเรียงเสาคอนกรีตปลายบานโค้งรับเพดานดาษดาดวงไฟใจกลางบัวกลีบสีทองแดง


กระทู้: โรงหนังชั้นหนึ่ง stand alone หนึ่งเดียวที่เหลืออยู่กลางกรุงฯ - สกาลา"
เริ่มกระทู้โดย: SILA ที่ 08 ก.พ. 18, 09:59
            ผนังด้านบ็อก ออฟฟิซที่จำหน่ายตั๋วและเครื่องดื่ม,ของกินติดตั้งงานสลักผลงานการออกแบบโดยสถาปนิก


กระทู้: โรงหนังชั้นหนึ่ง stand alone หนึ่งเดียวที่เหลืออยู่กลางกรุงฯ - สกาลา"
เริ่มกระทู้โดย: SILA ที่ 08 ก.พ. 18, 10:00
           เหนือทางเข้าโรงหนังติดตั้งประดับงานประติมากรรม


กระทู้: โรงหนังชั้นหนึ่ง stand alone หนึ่งเดียวที่เหลืออยู่กลางกรุงฯ - สกาลา"
เริ่มกระทู้โดย: SILA ที่ 08 ก.พ. 18, 10:02
           ส่วนโถงรอด้านในก่อนเข้าโรงฉาย เพดานประดับไฟคลับคล้ายกับเพดานด้านนอก


กระทู้: โรงหนังชั้นหนึ่ง stand alone หนึ่งเดียวที่เหลืออยู่กลางกรุงฯ - สกาลา"
เริ่มกระทู้โดย: SILA ที่ 08 ก.พ. 18, 10:03
            ในโรงโอ่โถงจุที่นั่งนับพัน แรกเริ่มไม่มีเวทีหน้าจอ,ต่อมาได้สร้างเสริมขึ้นทำให้สามารถรับงานแสดง
และงานอีเวนท์เป็นรายได้เสริม


กระทู้: โรงหนังชั้นหนึ่ง stand alone หนึ่งเดียวที่เหลืออยู่กลางกรุงฯ - สกาลา"
เริ่มกระทู้โดย: SILA ที่ 08 ก.พ. 18, 10:04
             กลับออกมาจากโรง,โคมแชนเดอเลีย 5 ชั้นทรงหยดนํ้าค้างขนาดยักษ์น้ำหนัก 5 ตันจากอิตาลีห้อยหยาดระย้า
(น่าเกรงขาม)อยู่เหนือบันไดใหญ่โตโอ่อ่า(สมนามสกาล่า - บันได) ที่ใช้เป็นทางขึ้นลงโรงหนัง


กระทู้: โรงหนังชั้นหนึ่ง stand alone หนึ่งเดียวที่เหลืออยู่กลางกรุงฯ - สกาลา"
เริ่มกระทู้โดย: ninpaat ที่ 08 ก.พ. 18, 13:57
           ก่อสร้างแล้วเสร็จเปิดโรงเมื่อธันวาคม พ.ศ. 2512 เบิกจอด้วยภาพยนตร์เรื่อง The Undefeated
หรือชื่อไทยคือ ‘สองสิงห์ตะลุยสิบทิศ’

น่าจะใช่เรื่องนี้นะครับ

ตอนดูก็ขอให้นึกว่า กำลังอยู่ใน โรงหนังสกาลา
ส่วนจะอยู่กับใครก็แล้วแต่ DL ของแต่ละท่านครับ

;
The Undefeated 1969 1080p John Wayne HD (http://www.youtube.com/watch?v=K5UxC2JGzC4)
;


กระทู้: โรงหนังชั้นหนึ่ง stand alone หนึ่งเดียวที่เหลืออยู่กลางกรุงฯ - สกาลา"
เริ่มกระทู้โดย: SILA ที่ 08 ก.พ. 18, 15:42
             แม่นแล้วคุณ ninpaat, ดูปู่จอห์น เวย์นในวัย 62 ควบม้าลิ่วด้วยความเป็นห่วง

อีก 2 ปีต่อมา(2514) โรงหนังน้องใหม่ในเครือเดียวกันคือ อินทรา ประตูน้ำก็เลือกหนังของปู่ประเดิมจอ
ด้วยเรื่อง Big Jake

โรงแรมอินทรานี้ก็เป็นผลงานการออกแบบโดยสถาปนิกเดียวกัน(จิระ ศิลป์กนก)

http://dodesignplanet.blogspot.com/2010/06/blog-post_13.html  


กระทู้: โรงหนังชั้นหนึ่ง stand alone หนึ่งเดียวที่เหลืออยู่กลางกรุงฯ - สกาลา"
เริ่มกระทู้โดย: SILA ที่ 09 ก.พ. 18, 09:38
             ด้านหน้าอาคาร(facade) ทางเข้าไร้ประตูเปิดโล่งระหว่างเสาใต้ส่วนยื่นหน้าโรง(marquee)ที่


กระทู้: โรงหนังชั้นหนึ่ง stand alone หนึ่งเดียวที่เหลืออยู่กลางกรุงฯ - สกาลา"
เริ่มกระทู้โดย: SILA ที่ 09 ก.พ. 18, 09:39
              ติดตั้ง marquee sign แผงไฟกะพริบล้อมกรอบชื่อหนัง,นักแสดง,ผกก. เช่นโรงหนังทั่วไป


กระทู้: โรงหนังชั้นหนึ่ง stand alone หนึ่งเดียวที่เหลืออยู่กลางกรุงฯ - สกาลา"
เริ่มกระทู้โดย: SILA ที่ 09 ก.พ. 18, 09:42
             เหนือขึ้นไปเป็นกระจกสีเทาเล่นเส้นสายลายโค้งสีดำจรดหลังคา  


กระทู้: โรงหนังชั้นหนึ่ง stand alone หนึ่งเดียวที่เหลืออยู่กลางกรุงฯ - สกาลา"
เริ่มกระทู้โดย: SILA ที่ 09 ก.พ. 18, 09:56
          นับเป็นผลงานการออกแบบสำคัญชิ้นหนึ่งในวงการสถาปนิกไทย และที่สำคัญ,ตัวอาคารจากอดีตจนปัจจุบัน
ยังคงสภาพเดิมโดยมีการเปลี่ยนแปลงน้อยมากทั้งที่ผ่านวันเวลามาเกือบครึ่งศตวรรษ


กระทู้: โรงหนังชั้นหนึ่ง stand alone หนึ่งเดียวที่เหลืออยู่กลางกรุงฯ - สกาลา"
เริ่มกระทู้โดย: SILA ที่ 12 ก.พ. 18, 10:03
            คุณค่าของงานสถาปัตยกรรมที่ผ่านกาลดำรงคงอยู่ ทำให้โรงภาพยนตร์แห่งนี้เคยได้รับรางวัลอนุรักษ์
สถาปัตยกรรมดีเด่นปี 2555 จากสมาคมสถาปนิกในพระบรมราชูปถัมภ์


กระทู้: โรงหนังชั้นหนึ่ง stand alone หนึ่งเดียวที่เหลืออยู่กลางกรุงฯ - สกาลา"
เริ่มกระทู้โดย: SILA ที่ 12 ก.พ. 18, 10:06
            ด้วยความงามตาม"รูป"ลักษณ์ของอาคาร กอปร"นาม"ความรู้สึกรักชอบผูกพันอันเนื่องมาจากความหลัง
ครั้งเคยได้มาเยือนมายลภาพยนตร์ที่นี่ตั้งแต่เล็กจนโต ย่อมทำให้หลายคนอดใจหายและเสียดายไม่ได้หากว่าโรงหนัง
ที่มีคุณค่าทั้งด้านกายภาพและทางจิตใจนี้จะมีอันเป็นไป,ไม่ได้อยู่ต่อ

            ในที่สุดก็ได้คำตอบซึ่งน่ายินดีในระดับหนึ่งตอนนี้ว่า สัญญาเช่าพื้นที่ได้หมดลงแล้วผู้เช่าต้องส่งคืนให้กับ
CU Property และผู้บริหารเครือเอเพ็กซ์ได้ตัดสินใจคืนพื้นที่ทั้งลิโด้พร้อมสกาล่า(โดยที่สกาลานี้ทางจุฬาฯ ไม่ได้
ขอคืนและได้เจรจาให้อยู่ต่อแต่ผู้เช่ายืนยันที่จะเลิกประกอบกิจการทั้งสองโรง) ทางจุฬาฯ ไม่มีความคิดที่จะทุบโรง
หนังสกาลาและจะพิจารณาเรื่องการใช้พื้นที่อาคารโรงหนัง(ทำอะไร,โดยใคร) ต่อไป
            จากนี้ ชาวรักษ์สกาลา รอลุ้นกันต่อว่าโรงหนังที่รักและผูกพันนี้จะเป็นอยู่คือต่อไปอย่างไร


กระทู้: โรงหนังชั้นหนึ่ง stand alone หนึ่งเดียวที่เหลืออยู่กลางกรุงฯ - สกาลา"
เริ่มกระทู้โดย: SILA ที่ 14 ก.พ. 18, 10:05
           จากรายงานฉบับที่ 2 ของกลุ่มอนุรักษ์สถาปัตยกรรมโมเดิร์นประเทศไทย DOCOMOMO
(Documentation and Conservation of Buildings, Sites, and Neighbourhoods of
the Modern Movement) THAILAND รวบรวมงานสถาปัตยกรรมของไทยซึ่งมีรากฐานอยู่ในช่วง
เวลาประมาณพ.ศ. 2475-2514 และตกอยู่ในภาวะสุ่มเสี่ยงของการรื้อถอนทำลาย

https://chantrabook.files.wordpress.com/2015/12/000289.pdf


กระทู้: โรงหนังชั้นหนึ่ง stand alone หนึ่งเดียวที่เหลืออยู่กลางกรุงฯ - สกาลา"
เริ่มกระทู้โดย: SILA ที่ 14 ก.พ. 18, 10:06
'


กระทู้: โรงหนังชั้นหนึ่ง stand alone หนึ่งเดียวที่เหลืออยู่กลางกรุงฯ - สกาลา"
เริ่มกระทู้โดย: SILA ที่ 14 ก.พ. 18, 10:07
และ


กระทู้: โรงหนังชั้นหนึ่ง stand alone หนึ่งเดียวที่เหลืออยู่กลางกรุงฯ - สกาลา"
เริ่มกระทู้โดย: SILA ที่ 21 ก.พ. 18, 09:37
             นำเสนอบทความน่าสนใจเรื่องโรงหนังไทยแต่แรกเริ่มในอดีตจนปัจจุบัน จาก ประวัติศาสตร์มักง่าย -
ประวัติสั้นๆ ของโรงหนัง โดย ศิริพจน์ เหล่ามานะเจริญ คอลัมนิสท์,นักวิชาการด้านโบราณคดี

จาก vogue.co.th - https://goo.gl/pJVnDF


กระทู้: โรงหนังชั้นหนึ่ง stand alone หนึ่งเดียวที่เหลืออยู่กลางกรุงฯ - สกาลา"
เริ่มกระทู้โดย: SILA ที่ 21 ก.พ. 18, 09:38
            แบ่งยุคสมัยของโรงภาพยนตร์ในไทยออกเป็น 4 ยุค

            ยุคที่ 1 เริ่มตั้งแต่ในช่วงทศวรรษ พ.ศ. 2440 ตรงกับช่วงปลายสมัยรัชกาลที่ 5 คณะภาพยนตร์เร่
ได้เริ่มบุกเบิกเข้ามาฉายภาพยนตร์ตามโรงแรมและโรงละครต่างๆ ในสยามประเทศ ปีละรายบ้าง สองรายบ้าง
ยังไม่มีโรงภาพยนตร์ถาวร

           ภาพยนตร์เหล่านี้ถูกฉายขึ้นบนผืนผ้าที่ถูกขึงให้ตึง ชาวสยามในยุคนั้นจึงเรียกกันตามเคยปากอย่างคำ
เรียกมหรสพพื้นเมืองที่มีมาก่อนว่า “โรงหนัง” หมายถึงหนังใหญ่และหนังตะลุง ส่วนตัวภาพยนตร์ก็พลอยได้รับ
อานิสงค์เรียกกันสั้นๆ ว่า “หนัง” ตามไปด้วย

จาก thaifilm.com/forum ระบุว่า นิตยสาร "สารคดี"ฉบับ 100 ปี ภาพยนตร์ในประเทศไทย
เสนอภาพพร้อมคำบรรยายไว้ว่า ประตูสามยอด ที่ตั้งของโรงละครหม่อมเจ้าอลังการ สถานที่ฉายหนังครั้งแรก
ในประเทศไทย ปัจจุบันไม่มีแล้วกลายเป็นสี่แยกถนนเจริญกรุง ตัดกับถนนมหาไชย


กระทู้: โรงหนังชั้นหนึ่ง stand alone หนึ่งเดียวที่เหลืออยู่กลางกรุงฯ - สกาลา"
เริ่มกระทู้โดย: SILA ที่ 21 ก.พ. 18, 09:49
           ต่อในปี พ.ศ. 2445 ได้มีคณะภาพยนตร์เร่สัญชาติญี่ปุ่น เข้ามาตั้งกระโจมผ้าใบฉายภาพยนตร์อย่างเป็น
กิจลักษณะที่บริเวณเวิ้งวัดชัยชนะสงคราม(วัดตึก) ซึ่งก็ปรากฏว่าได้เสียงตอบรับเป็นอย่างดี

ประตูวัดชัยชนะสงครามด้านหน้าติดถนนมหาจักร(คลองถม) ส่วนด้านหลังวัดติดถนนจักรวรรดิ์ ตรงข้ามกับ
เวิ้งนาครเขษม


กระทู้: โรงหนังชั้นหนึ่ง stand alone หนึ่งเดียวที่เหลืออยู่กลางกรุงฯ - สกาลา"
เริ่มกระทู้โดย: SILA ที่ 21 ก.พ. 18, 09:51
           พวกนายทุนชาวญี่ปุ่นจึงได้ตัดสินใจสร้างตึกสำหรับฉายภาพยนตร์ และนี่ก็เป็นจุดเริ่มต้นของการก้าวสู่
ยุคสมัยที่ 2 ของโรงภาพยนตร์ในสยามนั่นเอง

(nakornkasem.wordpress.com)


กระทู้: โรงหนังชั้นหนึ่ง stand alone หนึ่งเดียวที่เหลืออยู่กลางกรุงฯ - สกาลา"
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 21 ก.พ. 18, 16:12
(http://www.reurnthai.com/index.php?action=dlattach;topic=6875.0;attach=67102;image)

ภาพล่างเป็น ฉากโรงภาพยนตร์นาครเขษมในจินตนาการ จากภาพยนตร์เรื่องโหน่งเท่ง นักเลงภูเขาทอง  ;D

(http://www.reurnthai.com/index.php?action=dlattach;topic=5144.0;attach=32892;image)


กระทู้: โรงหนังชั้นหนึ่ง stand alone หนึ่งเดียวที่เหลืออยู่กลางกรุงฯ - สกาลา"
เริ่มกระทู้โดย: SILA ที่ 22 ก.พ. 18, 09:56
(^ แม่นแล้ว,เคยดูฉากนี้ตอนหนัง,ซึ่งลงทุนงานสร้างผิดคาด,มาฉายทางเคเบิ้ลทีวี)

          ยุคที่ 2 เมื่อเกิดโรงภาพยนตร์ถาวรที่ชาวบ้านยุคนั้นเรียกกันเป็นภาษาปากว่า โรงหนังญี่ปุ่นแล้ว นายทุนชาวสยาม
เองก็เห็นช่องทาง ในยุคนี้จึงมีการสร้างโรงภาพยนตร์ขึ้นมากันให้เพียบ เช่น โรงหนังวังเจ้าปรีดา(เปิดให้บริการ พ.ศ. 2450)
โรงหนังสามแยก (พ.ศ. 2451) โรงหนังรัตนปีระกา (พ.ศ. 2452) เป็นต้น
          ในสมัยรัชกาลที่ 6 (ครองราชย์วันที่ 23 ตุลาคม พ.ศ. 2453) โรงภาพยนตร์ก็ค่อยๆ ขยับขยายไปตามตำบลสำคัญ
ทั่วกรุงเทพฯ ในขณะนั้น เช่น โรงหนังปีนัง โรงหนังสิงคโปร์ โรงหนังสาธร โรงหนังบางลำพู โรงหนังนางเลิ้ง ฯลฯ จนกระทั่ง
พ.ศ. 2463 บริษัทแม่ของโรงภาพยนตร์เหล่านี้ (ซึ่งที่จริงแล้วก็มีบริษัทใหญ่อยู่เพียงแค่สองเจ้าเท่านั้น) ได้รวมกิจการเข้า
ด้วยกัน จนทำให้เกือบจะเกิดการผูกขาดกิจการค้าภาพยนตร์และโรงภาพยนตร์ เจ้าบริษัทใหม่ใหญ่ยักษ์นี้จึงค่อยขยายกิจการ
ออกไปตั้งโรงภาพยนตร์ตามจังหวัดต่างๆ ทั่วประเทศ

(thaifilm.com/forum)


กระทู้: โรงหนังชั้นหนึ่ง stand alone หนึ่งเดียวที่เหลืออยู่กลางกรุงฯ - สกาลา"
เริ่มกระทู้โดย: SILA ที่ 22 ก.พ. 18, 10:03
            ศาลาเฉลิมธานี ณ ตลาดนางเลิ้ง เรียกอีกชื่อหนึ่งว่า โรงหนังนางเลิ้ง สร้างขึ้นสมัยรัชกาลที่ 6
เปิดฉายภาพยนต์ครั้งแรกเมื่อ พ.ศ. 2461

(banmuang.co.th)


กระทู้: โรงหนังชั้นหนึ่ง stand alone หนึ่งเดียวที่เหลืออยู่กลางกรุงฯ - สกาลา"
เริ่มกระทู้โดย: SILA ที่ 22 ก.พ. 18, 10:06
         ความนิยมในการมหรสพอื่นๆ โดยเฉพาะละครเวทีที่เสื่อมถอยลง ยิ่งเป็นตัวเร่งกิจการค้าภาพยนตร์และโรงภาพยนตร์
ให้บูมยิ่งขึ้น แต่ตั้งแต่ช่วงทศวรรษ พ.ศ. 2470 เป็นต้นมา เศรษฐกิจทั่วโลกตกต่ำเป็นอย่างมาก กิจการภาพยนตร์ในสยาม
ก็ตกต่ำลงไปด้วย แต่ช่วงเวลานี้กลับตรงกับช่วงฉลองพระนคร 150 ปี ในปี พ.ศ. 2475 ยุครัชกาลที่ 7 ซึ่งพระองค์ได้โปรด
ให้สร้างโรงภาพยนตร์เฉลิมกรุง ขึ้นเพื่อเป็นศรีสง่าแห่งพระนคร และเป็นที่ระลึกในวาระโอกาสนี้ (ก็สร้างเพื่อ “เฉลิมกรุง” ตรง
ตัวตามชื่อโรงหนัง)
         เฉลิมกรุง จึงเป็นโรงภาพยนตร์ระดับไฮเอนด์ของประเทศในยุคนั้น นอกเหนือจากความใหญ่โตโอ่อ่าแล้ว เทคโนโลยี
อย่างหนึ่งที่ต้องมาเพื่อให้เหมาะสมกับที่เป็น “ศรีสง่าแห่งพระนคร” ก็คือ การเป็นโรงภาพยนตร์ที่สามารถฉายภาพยนตร์ที่
มีเสียงได้ นอกเหนือจากที่ “เฉลิมกรุง” จะเป็นตัวอย่างสำคัญของโรงภาพยนตร์ในยุคนี้ จึงยังเป็นมาตรฐานสำคัญสำหรับ
การสร้างโรงภาพยนตร์ในยุคต่อมาด้วย


กระทู้: โรงหนังชั้นหนึ่ง stand alone หนึ่งเดียวที่เหลืออยู่กลางกรุงฯ - สกาลา"
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 22 ก.พ. 18, 15:58
ได้ข้อมูลว่า ภาพยนตร์เรื่องแรก คือ มหาภัยใต้ทะเล   
เป็นเรื่องนี้หรือเปล่าคะ


กระทู้: โรงหนังชั้นหนึ่ง stand alone หนึ่งเดียวที่เหลืออยู่กลางกรุงฯ - สกาลา"
เริ่มกระทู้โดย: SILA ที่ 23 ก.พ. 18, 09:56
วิกกี้ ว่า        "ศาลาเฉลิมกรุง" เปิดฉายปฐมฤกษ์ด้วยหนังฝรั่งเสียงในฟิล์ม เรื่อง "มหาภัยใต้ทะเล"
[5 ธนาทิพ ฉัตรภูมิ , หน้า 38-40]  เมื่อวันที่ 2 กรกฎาคม พ.ศ. 2476 มีรายงานว่าคนดูล้นหลาม
ออกมาถีงถนนหน้าโรงจนรถรางยวดยานต่างๆ ติดขัดหยุดชะงักชั่วคราว [6 หนังสือพิมพ์ศรีกรุง ฉบับ
วันพุธ 5 กรกฎาคม พ.ศ. 2476]

เช่นเดียวกับ โรม บุนนาค ในเว็บผู้จัดการ 4 กรกฎาคม 2559

            ศาลาเฉลิมกรุงเปิดประเดิมด้วยการฉายภาพยนตร์อเมริกันเรื่อง “มหาภัยใต้ทะเล” มีคนเบียดเสียด
เข้าชมกันแน่น ซึ่งคนจำนวนมากต้องการมาดูโรงมากกว่าดูหนัง ตอนก่อนฉายภาพยนตร์ ศาลาเฉลิมกรุงจะ
เปิดม่านแล้วเล่นแสงสีประกอบเพลงขณะที่แอร์ก็เย็นฉ่ำ ผู้ชมต่างกล่าวกันว่า แค่ก่อนหนังฉายนี้ก็คุ้มค่าชมแล้ว

https://goo.gl/yHLLtv

            ข้อมูลไม่ระบุชื่อภาษาอังกฤษของหนัง, ส่วนเรื่อง Below the Sea เป็นหนังออกฉายเมื่อ 29 มีนาคม
ปี 1933 ตรงกับพ.ศ. 2476 พอดี

(sihawatchara.blogspot)


กระทู้: โรงหนังชั้นหนึ่ง stand alone หนึ่งเดียวที่เหลืออยู่กลางกรุงฯ - สกาลา"
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 23 ก.พ. 18, 13:42
ดิฉันไปเช็คหนังฮอลลีวู้ดที่ออกฉายในพ.ศ. 2476  ว่ามีเรื่องไหน ชื่อเกี่ยวกับทะเลบ้าง  ก็เจอเรื่องนี้ค่ะ
แต่หนังที่ฉายที่เฉลิมกรุงไม่รู้ว่าเป็นหนังของอเมริกาหรืออังกฤษ     ข้อมูลข้างบนนี้ไม่ได้บอก


กระทู้: โรงหนังชั้นหนึ่ง stand alone หนึ่งเดียวที่เหลืออยู่กลางกรุงฯ - สกาลา"
เริ่มกระทู้โดย: SILA ที่ 26 ก.พ. 18, 09:35
          ยุคที่ 3 เป็นกลุ่มโรงภาพยนตร์ที่สร้างขึ้นในช่วงระหว่าง พ.ศ. 2490-2530 ซึ่งนับเป็นยุคคลาสลิค
ของโรงภาพยนตร์ในไทย โรงภาพยนตร์ในยุคนี้มักเป็นโรงภาพยนตร์เดี่ยว(stand alone) หลายแห่งมีขนาด
ใหญ่โตจนมีที่นั่งถึง 800-1500 ที่นั่ง และมักจะกระจายตัวอยู่ตามย่านสำคัญของกรุงเทพฯ จนทำให้หลาย
ย่านมีโรงภาพยนตร์หลายแห่งตั้งอยู่ใกล้ๆ กัน
          ช่วงต้นๆ ของยุคนี้ตรงกับช่วงที่เรียกว่า “โก๋หลังวัง” เราจะเห็นโรงภาพยนตร์อย่าง โรงหนังควีน
โรงหนังคิงส์ และโรงหนังแกรนด์ย่านวังบูรพา


กระทู้: โรงหนังชั้นหนึ่ง stand alone หนึ่งเดียวที่เหลืออยู่กลางกรุงฯ - สกาลา"
เริ่มกระทู้โดย: SILA ที่ 26 ก.พ. 18, 09:36
         ในขณะที่ต่อมาใน “ยุค 60’s-70’s” ศูนย์กลางแฟชั่นและความทันสมัยย้ายไปอยู่ที่ละแวกสยามสแควร์
เราก็จะเห็นทั้งโรงหนังสยาม โรงหนังลิโด โรงหนังสกาลา รวมไปถึงโรงหนังแม็คเคนน่า และ เอเธนส์ ที่อยู่ไม่
ห่างไปมากนัก


กระทู้: โรงหนังชั้นหนึ่ง stand alone หนึ่งเดียวที่เหลืออยู่กลางกรุงฯ - สกาลา"
เริ่มกระทู้โดย: SILA ที่ 26 ก.พ. 18, 09:37
            และถ้าจะพูดกันจนถึงที่สุดแล้ว โรงหนังสยามถูกสร้างขึ้นตั้งแต่ช่วงเวลาพื้นที่แถบนั้นยังไม่เป็นศูนย์กลาง
ความทันสมัยเลย ดูเหมือนว่าความทันสมัยจะมาล้อมรอบโรงหนังสยาม จนมีการสร้างโรงหนังลิโด และสกาลา ขึ้น
ตามมาตามลำดับเสียมากกว่า ช่วงเวลาดังกล่าวจึงเป็นทั้งยุคทองในแง่ของธุรกิจ และคลาสสิกในแง่ของความทรงจำ
ของธุรกิจโรงภาพยนตร์เลยทีเดียว


กระทู้: โรงหนังชั้นหนึ่ง stand alone หนึ่งเดียวที่เหลืออยู่กลางกรุงฯ - สกาลา"
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 26 ก.พ. 18, 20:19
จำไม่ได้ว่าก่อนโรงภาพยนตร์สยามมาตั้งอยู่ในส่วนที่เรียกว่าสยามสแควร์  แถวนั้นเป็นอะไรมาก่อน   เห็นจะต้องพึ่งภาพถ่ายในอดีตของคุณหนุ่มสยาม  หรือถ้าคุณหมอ SILA มี ก็อยากจะเห็นค่ะ
เดาว่าที่ไม่ได้สะดุดตาจนติดในความทรงจำ   เพราะตรงนั้นคงเป็นตึกแถวธรรมดาๆ 
ความทรงจำมีอยู่แค่ถนนเพลินจิต และมาถึงสี่แยกราชประสงค์  ถนนเพลินจิตเป็นถนนที่สวยมาก มีบ้านแบบฝรั่งเรียงรายอยู่สองข้างทาง รวมทั้งส่วนที่เป็นเซนทรัลชิดลมก็เป็นบ้านสวยหลายหลัง  มีสถานทูตอังกฤษพร้อมด้วยรูปหล่อของควีนวิคตอเรียประทับเด่นเป็นสง่าอยู่กลางลาน
จากสี่แยกราชประสงค์ที่มีศาลพระพรหมให้คนมาขอโน่นขอนี่ และตึกโรงแรมเอราวัณ   ข้ามมาก็เจอศูนย์การค้าที่เป็นตึกแถว ตรงส่วนที่เป็นเซนทรัลด์เวิร์ลด์ตอนนี้    มีห้างไดมารูที่มีบันไดเลื่อนครั้งแรกของไทยให้ตื่นเต้นกัน   ตรงกันข้ามคือกรมตำรวจ และโรงพยาบาลตำรวจ     จากนั้นภาพขาดหายไป  ไปต่อได้อีกทีตรงสี่แยกปทุมวัน ว่ามีสี่แยกอยู่ตรงนั้น
   
มาจำได้อีกทีเมื่อโรงหนังสยามที่โก้จนรู้สึกว่าแถววังบูรพาชิดซ้ายเกิดขึ้นมา    ศูนย์การค้าด้านหลังโรงหนังเป็นที่ทันสมัย มีร้านเก๋ๆ เท่ๆ หลายร้าน    นิสิตชอบไปเดินกันมาก
อาจารย์เคยดุในชั้นเรียนว่า ห้ามไปดูหนังที่สยามโดยที่ยังแต่งชุดนิสิต  ถือว่าไม่เหมาะสมแก่เครื่องแบบ  ควรจะเปลี่ยนเป็นชุดไปรเวทก่อนไปดูหนัง


กระทู้: โรงหนังชั้นหนึ่ง stand alone หนึ่งเดียวที่เหลืออยู่กลางกรุงฯ - สกาลา"
เริ่มกระทู้โดย: SILA ที่ 27 ก.พ. 18, 09:29
        คุณ กอบชัย ซอโสตถิกุล ที่ผู้คนในวงการก่อสร้างต่างยกย่องให้เป็นเจ้าแห่งธุรกิจรับเหมาก่อสร้าง
ผู้ฝากผลงานโดดเด่นไว้ ตั้งแต่การก่อสร้างโครงการสยามสแควร์ พร้อมโรงภาพยนตร์ทันสมัยที่สุดในยุคนั้น,
โรงแรมสยามอินเตอร์คอนติเนนตัล ไปจนถึงการสร้างศูนย์การค้าซีคอนสแควร์ ซึ่งมีขนาดใหญ่ที่สุด 1 ใน 5
ของโลก ย่านถนนศรีนครินทร์ เคยให้สัมภาษณ์ไว้นานแล้วว่า


กระทู้: โรงหนังชั้นหนึ่ง stand alone หนึ่งเดียวที่เหลืออยู่กลางกรุงฯ - สกาลา"
เริ่มกระทู้โดย: SILA ที่ 27 ก.พ. 18, 09:34
            สุดท้าย ยุคสมัยหนึ่งก็ต้องเคลื่อนผ่านไปสู่อีกยุคสมัยหนึ่งเสมอ การเกิดขึ้นของห้างสรรพสินค้าที่เป็นคอมเพล็กซ์
ขนาดใหญ่และมหึมาขึ้นเรื่อยๆ ตั้งแต่ในช่วงประมาณทศวรรษ พ.ศ. 2530 ได้รวบเอาโรงภาพยนตร์ไปอยู่ในห้างฯ ที่เปิดแอร์
เย็นฉ่ำและมีภาพยนตร์ให้เลือกหลายเรื่อง และหลายรอบมากกว่าที่เคยเป็นมา ประวัติศาสตร์ของโรงภาพยนตร์ไทยได้เข้าสู่
            ยุคที่ 4 และยังคงดำรงมาจนกระทั่งปัจจุบัน พร้อมๆ กับการล้มหายตายจากไปของโรงภาพยนตร์แบบ stand
alone ในยุคที่ 3 ทีละหลังและทีละหลัง


กระทู้: โรงหนังชั้นหนึ่ง stand alone หนึ่งเดียวที่เหลืออยู่กลางกรุงฯ - สกาลา"
เริ่มกระทู้โดย: SILA ที่ 27 ก.พ. 18, 09:37
             สกาลา ดูจะเป็นโรงภาพยนตร์แห่งเดียวในกรุงเทพฯ (และอาจจะในประเทศไทยด้วย) ที่ตกค้างมาจากยุคสมัย
คลาสสิคของโรงภาพยนตร์ไทยที่คงสภาพแบบดั้งเดิมที่สุด และ สวยงามด้วยรูปแบบและโครงสร้างที่สุด วิธีการซื้อตั๋วหนัง
แบบเดิม,เครื่องดื่มและของขบเคี้ยวแบบที่หลุดมาจากยุค 70’s ยังคงเห็นได้แม้กระทั่งทุกวันนี้  
             ....คงจะเป็นเรื่องที่น่าเสียดายมากๆ ถ้า....ป้อมปราการด่านสุดท้ายของยุคเรืองรองของโรงภาพยนตร์ไทย จะ
กลายเป็นเพียงแค่อดีตที่ไม่อาจหวนคืนมาอีก.    


กระทู้: โรงหนังชั้นหนึ่ง stand alone หนึ่งเดียวที่เหลืออยู่กลางกรุงฯ - สกาลา"
เริ่มกระทู้โดย: นางมารน้อย ที่ 28 ก.พ. 18, 15:54
ดิฉันขออนุญาตแทรกภาพโรงหนังฟ้าสยามของจังหวัดสุพรรณบุรีมาให้ชมค่ะ ดิฉันว่าเป็นโรงหนังที่สวยดีทีเดียว ตอนนั้นเมื่อปี2012ไปเดินตลาดสุพรรณแล้วเดินผ่านโรงหนังนี้ยังต้องหยุดมองแล้วโพสลงในโฟร์สแควร์ ซึ่งได้เขี้ยนเอาไว้ว่า "โรงหนังเก่าแก่ของจังหวัด ตอนนี้โรบินสันเข้ามาแล้วต่อไปไม่รู้จะเป็นอย่างไร" แล้วก็ตามคาดปัจจุบันฟ้าสยามถูกทุบทิ้งไปเป็นที่เรียบร้อยค่ะ ตอนนี้เห็นว่าสร้างเป็นอพาร์ทเมนท์ให้เช่าแทนกระมัง


กระทู้: โรงหนังชั้นหนึ่ง stand alone หนึ่งเดียวที่เหลืออยู่กลางกรุงฯ - สกาลา"
เริ่มกระทู้โดย: SILA ที่ 28 ก.พ. 18, 17:13
          โรงหนัง ฟ้าสยาม แห่งสุพรรณบุรี มีรูปแบบอาคารคล้ายคลึงกับสกาลา

รูปโรงหนังฟ้าสยาม ปรากฏอยู่หน้า "บ้าน" ของ the southeast asia movie theater project
seatheater.blogspot ของ Philip Jablon

https://goo.gl/KbiQsc


กระทู้: โรงหนังชั้นหนึ่ง stand alone หนึ่งเดียวที่เหลืออยู่กลางกรุงฯ - สกาลา"
เริ่มกระทู้โดย: SILA ที่ 07 มี.ค. 18, 10:01
           ได้กล่าวอ้างอิงชื่อ ฟิลลิป แจ็บลอน (Philip Jablon) แห่งเพจ ‘The Southeast Asia Movie
Theater Project’ ผู้ตระเวนเก็บภาพโรงภาพยนตร์สแตนด์อโลนมาเกือบสามร้อยแห่งในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

รูปโรงหนัง   ศาลาเฉลิมธานี  ศาลาเฉลิมกรุง
               ลอนดอน  ปารีส  นิว ยอร์ค


กระทู้: โรงหนังชั้นหนึ่ง stand alone หนึ่งเดียวที่เหลืออยู่กลางกรุงฯ - สกาลา"
เริ่มกระทู้โดย: SILA ที่ 07 มี.ค. 18, 10:03
ล่าสุดเขาได้ให้สัมภาษณ์ลงในนิตยสาร a day เมื่อ 28 December 2017 ซึ่งมีให้อ่านออนไลน์ที่

https://www.adaymagazine.com/interviews/yesterday-theatre-of-dreams-philip-jablon-1

           6 ปีก่อนจนถึงวันนี้ ฟิลลิป แจ็บลอน ตระเวนถ่ายรูปโรงภาพยนตร์สแตนด์อโลนในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
และมีไฟล์ภาพโรงภาพยนตร์หลายหมื่นภาพ
           สถานที่และบทเริ่มการสัมภาษณ์เป็นภาษาไทย คือ "สกาล่า เป็นโรงหนังพิเศษนะ หรูหรามาก มีสถาปัตยกรรม
มีรายละเอียดเยอะ"


กระทู้: โรงหนังชั้นหนึ่ง stand alone หนึ่งเดียวที่เหลืออยู่กลางกรุงฯ - สกาลา"
เริ่มกระทู้โดย: SILA ที่ 28 มี.ค. 18, 10:31
              ในขณะที่สกาลา โรงหนังสแตนด์อะโลนกลางกรุงยังคงสภาพเดิมได้ไปต่อ โรงหนังสแตนด์อะโลน
อีกแห่งหนึ่งซึ่งอยู่ห่างไกลไปไม่มากนักและหมดสภาพไปแล้วก็ได้รับการชุบชีวิตฟื้นคืนมาและแปรสภาพไปเป็น
Boutique Hotel ที่มีเรื่องราวเล่ายาวนาน
              ที่ "ถนนใหม่" ของกรุงเทพฯ ในอดีต,นั่นคือ ถนนเจริญกรุงที่ขนาบสองข้างถนนด้วยตึกแถวรายเรียง


กระทู้: โรงหนังชั้นหนึ่ง stand alone หนึ่งเดียวที่เหลืออยู่กลางกรุงฯ - สกาลา"
เริ่มกระทู้โดย: SILA ที่ 28 มี.ค. 18, 10:33
เบื้องหลังตึกแถวนี้มี โรงหนังปรินซ์ราม่า ซ่อนตัวอยู่


กระทู้: โรงหนังชั้นหนึ่ง stand alone หนึ่งเดียวที่เหลืออยู่กลางกรุงฯ - สกาลา"
เริ่มกระทู้โดย: SILA ที่ 28 มี.ค. 18, 10:36
           ประวัติย้อนกลับไปแรกสร้างเป็นโรงบ่อนหลวงเมื่อปี พ.ศ.2455 และเป็นหนึ่งใน 5 โรงบ่อนสุดท้ายของ
สยาม ปัจจุบันยังปรากฏสิ่งที่หลงเหลือบ่งบอกให้รู้ว่าเคยเป็นโรงบ่อนเก่า คือ "ฮวงจุ้ย" ของอาคารซึ่งดูจากแปลน
จะเห็นว่าเป็นลักษณะอาคารทรงยาวและปาดมุมทั้งสี่เหมือน "โลงศพ"  
           ทั้งยังพบว่ามีเสา 1-2 ต้นที่สร้างขึ้นลอยๆ ไม่มีฐานราก ให้เหมือนกับคนป่วยถือไม้เท้า รวมเป็นฮวงจุ้ยที่
ทำให้คนที่เข้ามาอ่อนแอ เป็นการออกแบบโรงบ่อนเพื่อให้คนเข้ามาเล่นแพ้
           นอกจากนี้ยังมีถึงโลโก้เก่าที่มี "ดาบ" ทิ่มแทงคนที่เข้ามา และยังมี "น้ำเต้า" ดูดทรัพย์ ตั้งไว้ที่ท้ายอาคารใน
ห้องทำงาน
            รอบข้างโรงบ่อนรายล้อมไปด้วยอาคารสถานที่อย่างโรงฝิ่น ซ่องโสเภณี โรงรับจำนำ และตลาด


กระทู้: โรงหนังชั้นหนึ่ง stand alone หนึ่งเดียวที่เหลืออยู่กลางกรุงฯ - สกาลา"
เริ่มกระทู้โดย: SILA ที่ 28 มี.ค. 18, 10:38
           หลังจากที่ล้นเกล้าฯ รัชกาลที่ 5 โปรดฯ ให้เลิกบ่อนเบี้ยและเลิกหวยแล้วโรงบ่อนถูกปิดลง  พื้นที่ตรงนี้
จึงเปลี่ยนเข้าสู่ยุคของความบันเทิงกลายเป็นโรงภาพยนตร์สแตนด์อะโลนในปี 2460 ฉายหนังเงียบภาพขาวดำ
และ ตามด้วยหนังสีที่ได้รับความนิยมในยุคทองของโรงหนังทั่วกรุง จากนั้นจึงเสื่อมลงไปตามยุคสมัย กลายสภาพ
เป็นโรงหนังชั้น 2 ที่ฉายหนังควบวนไปทั้งวัน


กระทู้: โรงหนังชั้นหนึ่ง stand alone หนึ่งเดียวที่เหลืออยู่กลางกรุงฯ - สกาลา"
เริ่มกระทู้โดย: SILA ที่ 28 มี.ค. 18, 10:40
           จนวาระสุดท้ายกลายเป็นโรงหนังฉาย "หนังผู้ใหญ่" อยู่หลายปี ก่อนที่จะสิ้นใจไปในราวปี 2553


กระทู้: โรงหนังชั้นหนึ่ง stand alone หนึ่งเดียวที่เหลืออยู่กลางกรุงฯ - สกาลา"
เริ่มกระทู้โดย: SILA ที่ 03 เม.ย. 18, 09:31
           กลายเป็นโรงหนังร้าง,เป็นตลาด บางทีก็ทำเป็นโรงทำถ่าน เป็นบ้านชั่วคราวของคนไร้บ้านและที่เก็บ
ข้าวของของชาวบ้านในละแวกตึกแถวที่ยังมีคนอาศัยอยู่ บางคนนั้นอยู่มาตั้งแต่สมัยที่โรงหนังรุ่งเรืองก่อนที่จะ
ตกต่ำ หลายคนยังจดจำและบอกเล่าเรื่องราวของโรงหนังแห่งนี้ที่เป็นส่วนหนึ่งของชุมชนได้ดี


กระทู้: โรงหนังชั้นหนึ่ง stand alone หนึ่งเดียวที่เหลืออยู่กลางกรุงฯ - สกาลา"
เริ่มกระทู้โดย: SILA ที่ 03 เม.ย. 18, 09:32
             หลังจากร้างมานาน 7 ปี ในที่สุด บริษัท เฮอริเทจ สเตย์ ก็สามารถชนะการประมูลได้บริหารพื้นที่โรงหนังนี้
จากกรมธนารักษ์ ซึ่งต้องการให้ภาคเอกชนบริหารและพัฒนาพื้นที่เป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์


กระทู้: โรงหนังชั้นหนึ่ง stand alone หนึ่งเดียวที่เหลืออยู่กลางกรุงฯ - สกาลา"
เริ่มกระทู้โดย: SILA ที่ 03 เม.ย. 18, 09:33
            โรงหนังเก่านี้จึงถูกพัฒนาให้กลายเป็น Boutique Hotel ที่มีชื่อใหม่อิงชื่อเก่าว่า
Prince Theatre Heritage Stay Bangkok


กระทู้: โรงหนังชั้นหนึ่ง stand alone หนึ่งเดียวที่เหลืออยู่กลางกรุงฯ - สกาลา"
เริ่มกระทู้โดย: SILA ที่ 03 เม.ย. 18, 09:44
            บริษัทได้ทำการศึกษาอาคารเก่าอายุกว่า 100 ปีแห่งนี้ที่มีเรื่องราวร่องรอยฝากไว้ในตัวอาคารและ
ความทรงจำของผู้คนในละแวก โดยได้ไปค้นหาการออกแบบโครงสร้างโรงหนังเดิมจากกรมโยธาธิการและ
ผังเมืองเพื่อนำมาใช้ปรังปรุงโครงสร้างหลักให้แข็งแรงโดยใช้โครงสร้างเหล็กเข้าเสริม ความสูงและความกว้าง
ของผนังอาคารเท่าเดิมเพื่อไม่ให้กระทบต่อการรับน้ำหนักของอาคารเดิมไม่ว่าจะเป็นเสา พื้นรองรับน้ำหนักจาก
ผนังอาคารและระบบสุขาภิบาลเดิม ส่วนใหญ่ยังคงเก็บรักษาเอาไว้ ให้คนรุ่นหลังได้ศึกษา เช่น เสาไม้อายุกว่า 100 ปี


กระทู้: โรงหนังชั้นหนึ่ง stand alone หนึ่งเดียวที่เหลืออยู่กลางกรุงฯ - สกาลา"
เริ่มกระทู้โดย: SILA ที่ 09 เม.ย. 18, 10:41
        และ แน่นอน,หน้าต่างกระจกสีด้านหน้าโรงภาพยนตร์สไตล์ Art Deco ที่หาชมได้ยาก ยังคงอยู่
ที่เดิม


กระทู้: โรงหนังชั้นหนึ่ง stand alone หนึ่งเดียวที่เหลืออยู่กลางกรุงฯ - สกาลา"
เริ่มกระทู้โดย: SILA ที่ 09 เม.ย. 18, 10:42
          รวมถึงจอภาพยนตร์ก็ยังคงเก็บไว้และมีการปรับปรุงพื้นที่ด้านหน้าจอให้เป็นเวทีสำหรับการแสดง ส่วนวัสดุ
ที่ยังมั่นคงแข็งแรงก็นำมาดัดแปลงใหม่ให้เข้ากับคอนเซ็ปต์โรงแรม


กระทู้: โรงหนังชั้นหนึ่ง stand alone หนึ่งเดียวที่เหลืออยู่กลางกรุงฯ - สกาลา"
เริ่มกระทู้โดย: SILA ที่ 09 เม.ย. 18, 10:43
            พื้นที่ใช้สอยขยายจาก 900 มาเป็น 1,400 ตารางเมตร ประกอบด้วยห้องพักและพื้นที่ส่วนกลางจัด
เป็นร้านอาหารเครื่องดื่ม,เวทีการแสดง,พื้นที่ทำงาน โดยยังคงกลิ่นอายของความเป็นโรงภาพยนตร์ และเพื่อให้
เป็นไปตามวัตถุประสงค์ของการประมูลคือ การพัฒนาพื้นที่ท้องถิ่นเป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ จึงได้ติดต่อ
ร้านค้าในชุมชนโดยรอบให้เข้ามามีส่วนร่วมกับโรงแรมด้วย


กระทู้: โรงหนังชั้นหนึ่ง stand alone หนึ่งเดียวที่เหลืออยู่กลางกรุงฯ - สกาลา"
เริ่มกระทู้โดย: SILA ที่ 09 เม.ย. 18, 10:45
           และแล้ว โรงหนังสแตนด์อะโลนแห่งนี้ก็ได้ฟื้นคืนชีพขึ้นมาใหม่กลายเป็นโรงแรมที่ได้เปิดให้บริการแล้ว
เมื่อก.พ.นี้


กระทู้: โรงหนังชั้นหนึ่ง stand alone หนึ่งเดียวที่เหลืออยู่กลางกรุงฯ - สกาลา"
เริ่มกระทู้โดย: SILA ที่ 04 พ.ค. 18, 10:27
                วันนี้ นสพ.บางกอกโพสท์ ลงสกู๊ปเรื่อง แสงสุดท้ายที่ลิโด้ Last light at Lido
 
โดย  KONG RITHDEE นักเขียน – คอลัมนิสท์ภาพยนตร์ ผู้ได้รับ  Chevalier de l’ordre des Arts et des Lettres
เหรียญอิสริยาภรณ์ชั้นอัศวินจากประเทศฝรั่งเศส ในสาขาศิลปศาสตร์และอักษรศาสตร์ จากงานเขียน
ที่สะท้อนสังคมและคงคุณภาพมากว่าทศวรรษ

https://www.bangkokpost.com/news/special-reports/1458025/last-light-at-lido


กระทู้: โรงหนังชั้นหนึ่ง stand alone หนึ่งเดียวที่เหลืออยู่กลางกรุงฯ - สกาลา"
เริ่มกระทู้โดย: SILA ที่ 04 พ.ค. 18, 10:28
              โรงหนังลิโด้ที่เปิดฉายหนังตั้งแต่ปี 1968 มาจนถึงสิ้นเดือนนี้ปี 2016 ได้เวลาลับดับแสงลง
ช่วงเวลา 50 ปีที่ผ่านไป, ได้มีเหตุการณ์นานทีปีหนเกิดขึ้นที่นี่ที่เรียกกันว่าปรากฏการณ์โรงแตกทั้งที่สยาม
และลิโด้ในปี 1973 กับหนังดังเรื่อง THe Exorcist และปี 1976 - The Omen
              อีกครั้ง,หลังจากภาวะขาดแคลนหนังฮอลลีวู้ดเนื่องจากไทยขึ้นภาษีนำเข้าจนโดนบอยคอทท์
ในปี 1979 เมื่อมีการนำ Star War เข้ามาฉาย, ก็เกิดเหตุการณ์โรงแตกอีกครั้งเมื่อบรรดาแฟนานุแฟน
พากันมารอซื้อตั๋วตั้งแต่ 6 โมงเช้าจนเกิดความวุ่นวายถึงขนาดต้องให้จนท.ตำรวจมาควบคุมสถานการณ์

               จากโรงหนังเดี่ยว,หลังเหตุไฟไหม้ ลิโด้กลายมาเป็นโรงหนังย่อยสามโรงในช่วงทศวรรษ 1990s
นำเสนอหนังในและนอกกระแสที่หาชมได้ยากและทำรายได้ยาก


กระทู้: โรงหนังชั้นหนึ่ง stand alone หนึ่งเดียวที่เหลืออยู่กลางกรุงฯ - สกาลา"
เริ่มกระทู้โดย: SILA ที่ 04 พ.ค. 18, 10:31
             ในที่สุด (ส)ภาพและบรรยากาศเดิมๆ ของลิโด้ที่เรียบๆ ง่ายๆ แลดูแปลกแตกต่างไปจากโรงหนังรุ่นใหม่
ทันสมัยก็จะเหลือเป็นภาพความทรงจำ ทั้งนี้ยังรวมไปถึงสิ่งสำคัญอันนับได้ว่าเป็นเอกลักษณ์ของโรงหนังเก่าแห่งนี้
นั่นคือ บุคคลากรสัมผัส(ใจ) ได้แก่ เจ้าหน้าที่รับโทรศัพท์ในตำนานเล่าขาน, คนขายตั๋ววัยกลางคน และพนักงานเดินตั๋ว
สวมสูทสีเหลืองสด

             The Lido will be gone -- and sooner or later, Scala -- but it's the people as much as
the place that will remain in memory, even in history.

และ โรงหนังในดวงใจของใครๆ - สกาลา คงจะยังดำเนินกิจการโดย Apex ต่อไปจนถึงสิ้นปีนี้ หรือ
จนกว่าจะมีประกาศอย่างเป็นทางการ


กระทู้: โรงหนังชั้นหนึ่ง stand alone หนึ่งเดียวที่เหลืออยู่กลางกรุงฯ - สกาลา"
เริ่มกระทู้โดย: SILA ที่ 16 พ.ค. 18, 15:16
จากเฟซบุค Apex Lido วันนี้, ในที่สุด...


กระทู้: โรงหนังชั้นหนึ่ง stand alone หนึ่งเดียวที่เหลืออยู่กลางกรุงฯ - สกาลา"
เริ่มกระทู้โดย: SILA ที่ 16 พ.ค. 18, 15:22
.


กระทู้: โรงหนังชั้นหนึ่ง stand alone หนึ่งเดียวที่เหลืออยู่กลางกรุงฯ - สกาลา"
เริ่มกระทู้โดย: SILA ที่ 17 พ.ค. 18, 15:35
ใจหาย...

จากกระทู้ของคุณ SinnerSilent ใน พันทิป


กระทู้: โรงหนังชั้นหนึ่ง stand alone หนึ่งเดียวที่เหลืออยู่กลางกรุงฯ - สกาลา"
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 17 พ.ค. 18, 16:56
คงจะถูกแทนที่ด้วยศูนย์การค้า ???


กระทู้: โรงหนังชั้นหนึ่ง stand alone หนึ่งเดียวที่เหลืออยู่กลางกรุงฯ - สกาลา"
เริ่มกระทู้โดย: SILA ที่ 29 พ.ค. 18, 10:29
ก่อนที่ม่านโรงหนังลิโดจะปิดลงในคืนวันที่ ๓๑ พฤษภาคมนี้, วันนี้นสพ. THE NATION ลงสกู๊ปเรื่อง

A sad farewell to an old friend

http://www.nationmultimedia.com/detail/movie/30346453


กระทู้: โรงหนังชั้นหนึ่ง stand alone หนึ่งเดียวที่เหลืออยู่กลางกรุงฯ - สกาลา"
เริ่มกระทู้โดย: SILA ที่ 29 พ.ค. 18, 10:32
หนึ่งในความทรงจำ,หนึ่งในพนักงานในตำนานแห่งลิโด

จากบทความในนิตยสาร สารคดี คนบันเทิง – ความสุขของคนรับโทรศัพท์ที่โรงหนังลิโด

https://www.sarakadee.com/2018/05/28/operator-lido/


กระทู้: โรงหนังชั้นหนึ่ง stand alone หนึ่งเดียวที่เหลืออยู่กลางกรุงฯ - สกาลา"
เริ่มกระทู้โดย: SILA ที่ 29 พ.ค. 18, 10:33
ใกล้ถึงวันเอ่ยคำ   ลา
                    ลิโด      


กระทู้: โรงหนังชั้นหนึ่ง stand alone หนึ่งเดียวที่เหลืออยู่กลางกรุงฯ - สกาลา"
เริ่มกระทู้โดย: SILA ที่ 29 พ.ค. 18, 10:58
สองเรื่องสุดท้าย Farewell to our theater
Tonight, At Romance Theater และ Kids on the Slope

ภาพจาก thestandard.co


กระทู้: โรงหนังชั้นหนึ่ง stand alone หนึ่งเดียวที่เหลืออยู่กลางกรุงฯ - สกาลา"
เริ่มกระทู้โดย: SILA ที่ 31 พ.ค. 18, 09:49
Adieu, dear Lido

โดย KONG RITHDEE จากนสพ. Bangkok Post ฉบับวันนี้ที่เป็นวันสุดท้ายของโรงหนังลิโด

https://www.bangkokpost.com/lifestyle/film/1476197/adieu-dear-lido


        For 50 years, Lido has served generations of filmgoers and endeared itself to regulars through
its programming of non-Hollywood titles, human warmth, and old-fashioned, avuncular charm that
makes it stand out especially in a time of robotic and sometimes noisy mall multiplexes.

เส้นสายลายไฟประดับผนังโรง อีกหนึ่งภาพจำจากลิโด        


กระทู้: โรงหนังชั้นหนึ่ง stand alone หนึ่งเดียวที่เหลืออยู่กลางกรุงฯ - สกาลา"
เริ่มกระทู้โดย: SILA ที่ 31 พ.ค. 18, 09:50
           Over the years, it has turned thousands of people into movie buffs and made them feel
the blessing -- or the curse -- that the the true home of film lovers is the cinema. The Lido and
its staff will be greatly missed.


กระทู้: โรงหนังชั้นหนึ่ง stand alone หนึ่งเดียวที่เหลืออยู่กลางกรุงฯ - สกาลา"
เริ่มกระทู้โดย: SILA ที่ 31 พ.ค. 18, 10:27
จาก https://thestandard.co/history-and-memories-lido/

      30 พฤษภาคม 2561 ผู้บริหารและเจ้าหน้าที่โรงภาพยนตร์ลิโดได้ถ่ายภาพร่วมกันเป็นที่ระลึก เป็นความทรงจำร่วมกัน
ครั้งสุดท้าย ก่อนโรงภาพยนตร์จะปิดตัวลงอย่างเป็นทางการ
      เป็นการถ่ายภาพร่วมกันเป็นครั้งแรก และคาดว่าจะเป็นครั้งสุดท้ายระหว่างผู้บริหารและเจ้าหน้าที่ทั้งหมด 66 ชีวิตของ
โรงภาพยนตร์ในเครือ ‘เอเพ็กซ์’ นับตั้งแต่ก่อตั้งบริษัทขึ้นในปี 2511 


กระทู้: โรงหนังชั้นหนึ่ง stand alone หนึ่งเดียวที่เหลืออยู่กลางกรุงฯ - สกาลา"
เริ่มกระทู้โดย: SILA ที่ 31 พ.ค. 18, 10:30
       และ ล่าสุดได้รับการยืนยันจากคุณนันทา ตันสัจจา ประธานโรงภาพยนตร์ในเครือเอเพ็กซ์แล้วว่า บริษัทและ
จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยในฐานะเจ้าของพื้นที่ ได้ตกลงต่อสัญญาเช่าพื้นที่ของ ‘สกาลา’ ไปอีก 2 ปี โดยสัญญา
ฉบับล่าสุดนี้จะสิ้นสุดลงอีกครั้งในวันที่ 31 ธันวาคม 2563


กระทู้: โรงหนังชั้นหนึ่ง stand alone หนึ่งเดียวที่เหลืออยู่กลางกรุงฯ - สกาลา"
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 31 พ.ค. 18, 12:27
ต่อลมหายใจอีกหนึ่งเฮือก


กระทู้: โรงหนังชั้นหนึ่ง stand alone หนึ่งเดียวที่เหลืออยู่กลางกรุงฯ - สกาลา"
เริ่มกระทู้โดย: Jalito ที่ 31 พ.ค. 18, 20:50
ใจหาย...

จากกระทู้ของคุณ SinnerSilent ใน พันทิป
  ร่วมรำลึกกับการฉายรอบสุดท้าย เรื่องสุดท้าย ของลิโด้ ณ นาทีนี้  20:45 วันพฤหัสบดีที่ 31 พ.ค. 2561


กระทู้: โรงหนังชั้นหนึ่ง stand alone หนึ่งเดียวที่เหลืออยู่กลางกรุงฯ - สกาลา"
เริ่มกระทู้โดย: Jalito ที่ 31 พ.ค. 18, 21:03
ก็ได้ใช้ชีวิตช่วงวัยรุ่นมาจนช่วงวัยทำงานต้นๆจากความบันเทิงในโรงหนัง 3 โรงบริเวณนี้ เช่นเดียวกับท่านๆที่ร่วมสมัยเดียวกัน


กระทู้: โรงหนังชั้นหนึ่ง stand alone หนึ่งเดียวที่เหลืออยู่กลางกรุงฯ - สกาลา"
เริ่มกระทู้โดย: SILA ที่ 01 มิ.ย. 18, 09:57
หน้าหนึ่งนสพ.บางกอก โพสท์ ฉบับวันนี้

Fond farewell

         People take photos of the Lido,the quaint old-school movie house in the Siam Square area,
on its last day yesterday as movie-goers flocked to say good bye to the 50 year-old theatre.
PATIPAT JANTHONG


กระทู้: โรงหนังชั้นหนึ่ง stand alone หนึ่งเดียวที่เหลืออยู่กลางกรุงฯ - สกาลา"
เริ่มกระทู้โดย: SILA ที่ 03 มิ.ย. 18, 10:27
จาก thestandard.co

ซีนสุดท้ายของโรงภาพยนตร์ลิโด

https://www.youtube.com/watch?time_continue=299&v=rLekPN9ijBg


กระทู้: โรงหนังชั้นหนึ่ง stand alone หนึ่งเดียวที่เหลืออยู่กลางกรุงฯ - สกาลา"
เริ่มกระทู้โดย: SILA ที่ 03 มิ.ย. 18, 10:34
และอีกหลากหลายคลิปที่

www.youtube.com/watch?v=hbr70qnANDQ

www.youtube.com/watch?v=_Fdp7Fx9kT4

www.youtube.com/watch?v=xwkkRq3uS04

www.youtube.com/watch?v=mlH5b8fhBjY


กระทู้: โรงหนังชั้นหนึ่ง stand alone หนึ่งเดียวที่เหลืออยู่กลางกรุงฯ - สกาลา"
เริ่มกระทู้โดย: SILA ที่ 04 มิ.ย. 18, 11:04
จาก บางกอก โพสท์, ฟบ.เอเพ็กซ์ สยาม, THE STANDARD และ BBC Thai

ภาพงาม ความทรงจำ

       บันไดทาง(ลง,)ขึ้นสู่ชั้นสองของลิโด มัลติเพลกซ์ ห้องขายตั๋วทางซ้าย โรง 1 ทางขวา เยื้องเบื้องหน้าโรง 2


กระทู้: โรงหนังชั้นหนึ่ง stand alone หนึ่งเดียวที่เหลืออยู่กลางกรุงฯ - สกาลา"
เริ่มกระทู้โดย: SILA ที่ 04 มิ.ย. 18, 11:06
คืนสุดท้าย ภายในโรง


กระทู้: โรงหนังชั้นหนึ่ง stand alone หนึ่งเดียวที่เหลืออยู่กลางกรุงฯ - สกาลา"
เริ่มกระทู้โดย: SILA ที่ 04 มิ.ย. 18, 11:08
รอยยิ้ม น้ำตา ลา ลิโด


กระทู้: โรงหนังชั้นหนึ่ง stand alone หนึ่งเดียวที่เหลืออยู่กลางกรุงฯ - สกาลา"
เริ่มกระทู้โดย: SILA ที่ 20 ธ.ค. 18, 10:27
วันนี้นสพ.คมชัดลึกเสนอข่าว 'LOVEIS ENT' คืนชีพ 'ลิโด' ปรับโฉมใหม่

http://www.komchadluek.net/news/ent/356124

             LOVEIS Entertainment นำโดย "เทพอาจ" กวินอนันต์, "บอย" โกสิยพงษ์ และ "นภ" พรชำนิ จะเข้ามา
ดำเนินกิจการต่อ  โดยปรับให้เป็นพื้นที่เปิดให้กับสังคมได้ใช้ในราคาเหมือนนักเรียน มีการฉายภาพยนตร์ คอนเสิร์ต ละคร
เป็นที่บันทึกเสียง มีโรงถ่าย แล้วก็สามารถใช้เป็นโบสถ์ได้ เป็นวัด เป็นสุเหร่าได้หมด โดยไม่มีนโยบายได้กำไรจากตรงนี้
             และ ได้มีการเปลี่ยนชื่อ จากเดิม ลิโด เป็น ลิโด้ โดยมีแผนที่จะเปิดใหม่ในวันที่ 1 เดือน 5 ศกหน้า


กระทู้: โรงหนังชั้นหนึ่ง stand alone หนึ่งเดียวที่เหลืออยู่กลางกรุงฯ - สกาลา"
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 20 ธ.ค. 18, 12:46
นับเป็นข่าวดีค่ะ ลิโดได้ต่อลมหายใจออกไป
อย่างไรก็ตาม ถ้าเลี่ยงได้จะไม่ไปแถวนั้น  รถติดเหลือเกิน


กระทู้: โรงหนังชั้นหนึ่ง stand alone หนึ่งเดียวที่เหลืออยู่กลางกรุงฯ - สกาลา"
เริ่มกระทู้โดย: SILA ที่ 29 ต.ค. 19, 11:00
จากหน้าฟบ. หอภาพยนตร์  Thai Film Archive

                  วันที่ 27 ตุลาคมของทุกปี ถือเป็นวันสำคัญในวงการอนุรักษ์สื่อโสตทัศน์โลก เมื่อองค์การยูเนสโก
ได้กำหนดให้เป็น “วันมรดกโสตทัศน์โลก” เพื่อให้นานาชาติพร้อมใจกันจัดกิจกรรมให้มนุษยชาติตระหนักถึงความสำคัญ
และวิกฤติการณ์ที่กำลังเกิดขึ้นต่อสื่อโสตทัศน์ ทั้งภาพยนตร์ วิดีทัศน์ แผ่นเสียง แถบบันทึกเสียง ฯลฯ
                  ทันทีที่มีการประกาศจัดกิจกรรมพร้อมกันทั่วโลกในปี พ.ศ. 2549 หอภาพยนตร์ของไทยก็ได้ร่วม
จัดกิจกรรมนี้ในฐานะประเทศ “เปิดงาน” เพราะเริ่มงานก่อนประเทศอื่น ๆ ในวันนั้น และจัดต่อเนื่องมาจนถึงปัจจุบัน
                  โดยเป็นแกนนำร่วมกับหน่วยงานอื่น ๆ ทั้งภาครัฐและเอกชน ซึ่งกิจกรรมสำคัญที่มีเป็นประจำในระยะแรก
ที่จัด คือ การติดตั้งแผ่นป้ายโลหะแสดงสถานที่ตั้งสำคัญทางมรดกโสตทัศน์ของชาติ เพื่อเป็นอมตะนุสรณ์ให้สาธารณชน
ได้รู้จักและรำลึกถึง

สถานที่ที่ได้รับการติดป้ายจารึกในวันมรดกโสตทัศน์โลก ได้แก่

   “ธนาคารแห่งประเทศไทย บางขุนพรหม” (อดีตที่ตั้งของสถานี โทรทัศน์แห่งแรกของประเทศไทย) เมื่อ พ.ศ. 2550
   “พระราชวังพญาไท” (อดีตที่ตั้งของสถานีวิทยุกรุงเทพฯ สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งแรกของไทย) เมื่อ พ.ศ. 2551
   “วังบ้านดอกไม้” (อดีตที่ประทับของ พลเอก พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระกำแพงเพชรอัครโยธิน พระบิดาแห่งกิจการ
วิทยุกระจายเสียงไทยและเป็นสถานที่ทดลองการรับและส่งวิทยุกระจายเสียงครั้งแรก) เมื่อ พ.ศ. 2552
   “โรงงานผลิตไผ่ทองไอศครีม” (อดีตที่ตั้งบ้านสะพานขาวของพี่น้องสกุล วสุวัต ผู้ให้กำเนิดภาพยนตร์ไทยเรื่องแรก และ
ยังเป็นที่ตั้งโรงถ่ายทำภาพยนตร์เสียงเรื่องแรกของไทย) เมื่อ พ.ศ. 2553
    ภายใน “พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ หอศิลป ถนนเจ้าฟ้า” (อดีตที่ตั้งหอภาพยนตร์แห่งชาติ ก่อนย้ายมาอยู่ที่ศาลายา)
เมื่อ พ.ศ. 2556


กระทู้: โรงหนังชั้นหนึ่ง stand alone หนึ่งเดียวที่เหลืออยู่กลางกรุงฯ - สกาลา"
เริ่มกระทู้โดย: SILA ที่ 29 ต.ค. 19, 11:02
           สำหรับวันมรดกโสตทัศน์โลกในวันอาทิตย์ที่ 27 ตุลาคมปีนี้ กิจกรรมติดป้ายจารึกสถานที่ตั้งสำคัญทาง
มรดกโสตทัศน์ของชาติได้กลับมาอีกครั้ง และสถานที่สำคัญที่จะได้รับการติดป้ายในปีนี้ คือ  “โรงภาพยนตร์สกาลา”


กระทู้: โรงหนังชั้นหนึ่ง stand alone หนึ่งเดียวที่เหลืออยู่กลางกรุงฯ - สกาลา"
เริ่มกระทู้โดย: SILA ที่ 29 ต.ค. 19, 11:02
           อาคารและสถานที่สำคัญทางประวัติศาสตร์ภาพยนตร์ของประเทศไทย ในฐานะโรงภาพยนตร์พาณิชย์แบบโรงเดี่ยว
(Stand-Alone) แห่งสุดท้ายของกรุงเทพฯ ที่ยังคงเปิดให้บริการอยู่จนปัจจุบัน และมีอายุครบ 50 ปี ในปี 2562 นี้


กระทู้: โรงหนังชั้นหนึ่ง stand alone หนึ่งเดียวที่เหลืออยู่กลางกรุงฯ - สกาลา"
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 29 ต.ค. 19, 15:26
 ;D


กระทู้: โรงหนังชั้นหนึ่ง stand alone หนึ่งเดียวที่เหลืออยู่กลางกรุงฯ - สกาลา"
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 05 มิ.ย. 20, 15:14
ปิดตำนาน ๕๐ ปี 'สกาลา'  :'(

https://youtu.be/j8QGta6i8z4


กระทู้: โรงหนังชั้นหนึ่ง stand alone หนึ่งเดียวที่เหลืออยู่กลางกรุงฯ - สกาลา"
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 05 มิ.ย. 20, 16:39
สถานที่นี้ต่อไปจะกลายเป็นห้างสรรพสินค้าหรืออะไรคะ  ใครทราบบ้าง?


กระทู้: โรงหนังชั้นหนึ่ง stand alone หนึ่งเดียวที่เหลืออยู่กลางกรุงฯ - สกาลา"
เริ่มกระทู้โดย: SILA ที่ 06 มิ.ย. 20, 09:32
เตรียมทำใจไว้บ้างแล้ว, ในที่สุด

            อนาคต ขึ้นอยู่กับเจ้าของที่ คือ คณะผู้บริหารของจุฬาฯ ซึ่งคิดว่าน่าจะ(เคยคุ้นมาดูหนังที่โรงนี้ตอนยังรุ่น)
เห็นคุณค่าทั้งด้านนามธรรมและรูปธรรมของโรงภาพยนตร์แห่งนี้


กระทู้: โรงหนังชั้นหนึ่ง stand alone หนึ่งเดียวที่เหลืออยู่กลางกรุงฯ - สกาลา"
เริ่มกระทู้โดย: SILA ที่ 16 มิ.ย. 20, 10:47
         หน้าเว็บและฟบ.ของเอเพกซ์ ยังคงไม่มีการเคลื่อนไหวแจ้งข่าวใดๆ เกี่ยวกับอนาคตของสกาลา
นอกจากข้อความเดิมที่แจ้งการปิดสกาลาถึง 31 พ.ค.
         เว็บสำนักงานจัดการทรัพย์สินจุฬาก็ไม่มีข่าวเรื่องนี้ จึงได้ฝากเพื่อนร่วมงานถามหนึ่งในผู้บริหารของ
หน่วยงานหนึ่งของจุฬาฯ ว่า ได้ข่าวเกี่ยวกับสกาลาบ้างไหม
         คำตอบ คือ ตัวโรงหนังคงอยู่,ไม่มีการทุบ

         คาดว่า จะมีการปรับปรุงพื้นที่บริเวณนั้นโดยคงตัวโรงหนังไว้ ส่วนการดำเนินกิจการโรงหนังคงจะเปลี่ยนมือ
เช่นเดียวกับลิโด ที่เอเพกซ์ปล่อยไปแล้วให้เจ้าอื่นมาทำต่อ

ป.ล. วันนี้ เห็นข่าว โครงการปรับปรุงพื้นที่ของจุฬาฯ ย่านสะพานเหลือง มีประเด็นย้ายศาลเจ้าแม่ทับทิม ที่ทางจุฬาฯ
แจ้งว่า จะสร้างขึ้นใหม่ ในสถานที่เหมาะสมถูกต้องตามหลักดั้งเดิม

ไทยรัฐออนไลน์ 2559


กระทู้: โรงหนังชั้นหนึ่ง stand alone หนึ่งเดียวที่เหลืออยู่กลางกรุงฯ - สกาลา"
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 16 มิ.ย. 20, 11:17
อ่านแล้วเข้าใจว่า โรงหนังยังคงฉายหนังให้ดูต่อไป  แต่ผู้บริหารโรงหนังเปลี่ยนจากเจ้าเก่าไปเป็นเจ้าใหม่


กระทู้: โรงหนังชั้นหนึ่ง stand alone หนึ่งเดียวที่เหลืออยู่กลางกรุงฯ - สกาลา"
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 23 มิ.ย. 20, 19:00
สั่งลาครั้งสุดท้าย! โรงหนังสกาลาเปิดไฟทุกดวงให้ถ่ายรูป 3-5 ก.ค.นี้ ก่อนปิดกิจการ

ปิดตำนานสามทหารเสือโรงหนังแห่งสยาม "โรงภาพยนตร์สกาลา" ประกาศเปิดไฟทุกดวง 3-5 ก.ค.นี้ พร้อมฉายหนังโดยหอภาพยนตร์ ก่อนปิดกิจการถาวร เหตุสัญญาเช่ากับจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยกำลังจะหมดลง และผลกระทบจากสถานการณ์โควิด-19

วันนี้ (23 มิ.ย.) รายงานข่าวแจ้งว่า ในระหว่างวันที่ 3-5 ก.ค. 2563 โรงภาพยนตร์สกาลา สยามสแควร์ซอย 1 เขตปทุมวัน กรุงเทพฯ จะทำการเปิดไฟทุกดวง เพื่อให้ประชาชนทั่วไปเข้ามาเก็บภาพก่อนปิดกิจการถาวร       โดยเฟซบุ๊ก Apex Scala ระบุว่า
 "3-5 JULY 2020 FINAL TOUCH OF MEMORY “LA SCALA ลาสกาลา” วันที่ 3 กรกฎาคม 2563 โรงภาพยนตร์จะเปิดไฟทุกดวง เพื่อให้มาเก็บภาพความสวยสง่า และบรรยากาศที่แสนมีเสน่ห์ ให้ความสว่างไสวของแสงไฟอยู่ในความทรงจำร่วมกัน สยามสแควร์เคยมีโรงหนังขนาดใหญ่สามทหารเสือ สยาม ลิโด สกาลา จนเป็นส่วนสำคัญที่ให้สยามสแควร์เติบโตเป็นทำเลทองทางธุรกิจที่เจริญที่สุดแห่งหนึ่งของประเทศไทย และปฏิเสธไม่ได้ว่าความโอ่อ่าทำให้สกาลามีฐานะเป็น “ราชาโรงหนังแห่งสยาม”
อ่านทั้งหมดได้ที่

https://mgronline.com/onlinesection/detail/9630000064748


กระทู้: โรงหนังชั้นหนึ่ง stand alone หนึ่งเดียวที่เหลืออยู่กลางกรุงฯ - สกาลา"
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 23 มิ.ย. 20, 19:01
คุณหมอ SILA จะไปเก็บภาพประวัติศาสตร์นี้ไว้ไหมคะ


กระทู้: โรงหนังชั้นหนึ่ง stand alone หนึ่งเดียวที่เหลืออยู่กลางกรุงฯ - สกาลา"
เริ่มกระทู้โดย: SILA ที่ 24 มิ.ย. 20, 10:15
        ในที่สุด ฟบ. apex scala ก็มีการเคลื่อนไหวเพื่อบอกข่าวการหยุดดำเนินกิจการ, ปิดม่านโรงหนัง สกาลา
        ตามข่างแจ้งว่า จะเปิดไฟให้เก็บภาพในวันที่ 3 และฉายหนังปัจฉิมทัศน์จากหอภาพยนตร์ในวันที่ 4,5 ก.ค. นี้
)ที่คงไม่ได้ไป :(

บีบีซีไทยก็นำเสนอข่าว https://www.bbc.com/thai/thailand-53076305

Arrivederci LA SCALA


กระทู้: โรงหนังชั้นหนึ่ง stand alone หนึ่งเดียวที่เหลืออยู่กลางกรุงฯ - สกาลา"
เริ่มกระทู้โดย: SILA ที่ 25 มิ.ย. 20, 11:51

หอภาพยนตร์ ประกาศโปรแกรมหนังสองวันสุดท้าย ลา สกาลา


กระทู้: โรงหนังชั้นหนึ่ง stand alone หนึ่งเดียวที่เหลืออยู่กลางกรุงฯ - สกาลา"
เริ่มกระทู้โดย: SILA ที่ 25 มิ.ย. 20, 11:55
Cinema Paradiso หนังพีเรียดอิตาเลียนรำลึกอดีตปวดใจ เหมาะสำหรับการฉายรอบปัจฉิมทัศน์

ภาพ A FILM TO REMEMBER: “CINEMA PARADISO” (1988) จาก medium.com/@sadissinger


กระทู้: โรงหนังชั้นหนึ่ง stand alone หนึ่งเดียวที่เหลืออยู่กลางกรุงฯ - สกาลา"
เริ่มกระทู้โดย: SILA ที่ 25 มิ.ย. 20, 12:04
Cinema Paradiso Official 25th Anniversary trailer from Arrow Films

https://www.youtube.com/watch?v=stLekU5BnbI


กระทู้: โรงหนังชั้นหนึ่ง stand alone หนึ่งเดียวที่เหลืออยู่กลางกรุงฯ - สกาลา"
เริ่มกระทู้โดย: ดาวกระจ่าง ที่ 25 มิ.ย. 20, 21:44
แอบกลัวเขาจะทุบทิ้งเหมือนกันนะคะ เหมือนทางนั้นเขาดูอยากจะสร้างคอนโด ห้าง ที่มันสร้างเงินได้เยอะๆ


กระทู้: โรงหนังชั้นหนึ่ง stand alone หนึ่งเดียวที่เหลืออยู่กลางกรุงฯ - สกาลา"
เริ่มกระทู้โดย: SILA ที่ 26 มิ.ย. 20, 14:39
        อย่างน้อย หน้าโรง,โถง,บันได,โคมไฟ คงอยู่ ส่วนตัวโรงอาจปรับพื้นที่


กระทู้: โรงหนังชั้นหนึ่ง stand alone หนึ่งเดียวที่เหลืออยู่กลางกรุงฯ - สกาลา"
เริ่มกระทู้โดย: SILA ที่ 03 ก.ค. 20, 10:15
นานมากแล้ว  ชื่อหนัง,ข้อความโฆษณาหนังที่เข้าฉายในหน้าหนังสือพิมพ์ และ เสียงสป็อทโฆษณาทางวิทยุของเอเพกซ์ คือ
ผลงานของครีเอถีฟระดับตำนาน

               สุชาติ วุฒิวิชัย ปัจจุบันวัยเหยียบ 80 ปี ผู้ที่ได้ร่วมงานกับเอเพ็กซ์มายาวนานกว่าครึ่งศตวรรษ

        ในวาระที่หอภาพยนตร์นำหนังเข้าฉายเป็นโปรแกรมสุดท้ายของโรงหนังสกาลา เราจึงขอให้คุณสุชาติช่วยคิดข้อความ
โฆษณาหนังในโปรแกรมครั้งนี้ เพื่อให้วิญญาณในสายเลือดของเขาได้ออกมาทิ้งทวน และให้บรรดาแฟน ๆ ที่เคยติดตาม
โปรแกรมของโรงในเครือเอเพ็กซ์ ได้เก็บไว้เป็นที่ระลึกในความทรงจำ

อ่านเรื่องราวเต็มที่  https://fapot.or.th/main/information/article/view/294?fbclid=IwAR115Gf8-i5te2H5u67sB5eXxe9_anv5Mq27S5OVUs0RN6ynWTqKlDTGZqU


กระทู้: โรงหนังชั้นหนึ่ง stand alone หนึ่งเดียวที่เหลืออยู่กลางกรุงฯ - สกาลา"
เริ่มกระทู้โดย: SILA ที่ 03 ก.ค. 20, 10:25
และ    La Scala ลา สกาลา บทอำลาโรงภาพยนตร์สแตนด์อโลนแห่งสุดท้ายของกรุงเทพมหานคร

อ่านเต็มที่เว็บหอภาพยนตร์ https://fapot.or.th/main/information/article/view/293


กระทู้: โรงหนังชั้นหนึ่ง stand alone หนึ่งเดียวที่เหลืออยู่กลางกรุงฯ - สกาลา"
เริ่มกระทู้โดย: SILA ที่ 04 ก.ค. 20, 09:41
เย็นวานนี้ 3 ก.ค. 2020,
        
             สกาลา เปิดไฟสว่างเพื่อให้คนรักโรงหนังได้ไปเก็บภาพช่วงเวลาส่งท้ายก่อนจะดับไฟและปิดม่าน
หลังจากการฉายหนังรายการ LA SCALA วันที่ 4 - 5 ก.ค. 2020

ภาพจาก fb guru magazine Bangkok Post


กระทู้: โรงหนังชั้นหนึ่ง stand alone หนึ่งเดียวที่เหลืออยู่กลางกรุงฯ - สกาลา"
เริ่มกระทู้โดย: SILA ที่ 04 ก.ค. 20, 09:46

บันได ใต้โคมไฟ จากโถงล่างนำสู่โถงชั้นบน


กระทู้: โรงหนังชั้นหนึ่ง stand alone หนึ่งเดียวที่เหลืออยู่กลางกรุงฯ - สกาลา"
เริ่มกระทู้โดย: SILA ที่ 04 ก.ค. 20, 09:49

เสาโค้งโถงชั้นบน และ เพดานประดับไฟรูปบัวบาน


กระทู้: โรงหนังชั้นหนึ่ง stand alone หนึ่งเดียวที่เหลืออยู่กลางกรุงฯ - สกาลา"
เริ่มกระทู้โดย: SILA ที่ 04 ก.ค. 20, 09:53

รายการหนังโปรแกรมหน้าที่ไม่ได้มาเยือน


กระทู้: โรงหนังชั้นหนึ่ง stand alone หนึ่งเดียวที่เหลืออยู่กลางกรุงฯ - สกาลา"
เริ่มกระทู้โดย: SILA ที่ 04 ก.ค. 20, 09:54

ฝนสั่งฟ้า ลา สกาลา


กระทู้: โรงหนังชั้นหนึ่ง stand alone หนึ่งเดียวที่เหลืออยู่กลางกรุงฯ - สกาลา"
เริ่มกระทู้โดย: SILA ที่ 04 ก.ค. 20, 10:21
          สกาลา: บันทึกความทรงจำถึง “ราชาโรงหนังแห่งสยาม” โรงภาพยนตร์สแตนด์อะโลนแห่งสุดท้ายในกรุงเทพฯ

อ่านที่ https://www.bbc.com/thai/thailand-53275024
           
       "ความฝันของคุณพ่อก็คือการสร้างโรงภาพยนตร์ที่สวยที่สุดในชีวิตและท่านก็ทำได้จริง ๆ กับที่นี่" นันทา ตันสัจจา
ประธานโรงภาพยนตร์ในเครือเอเพ็กซ์ พูดพลางเงยหน้าขึ้นมองที่เพดานทรงโค้งของโรงภาพยนตร์สกาลา โรงภาพยนตร์
ในเครือแห่งสุดท้ายที่เพิ่งประกาศปิดตัวลง

        "เราสร้างความสุขให้คนไทยมากว่า 50 ปี และเมื่อมาถึงวันสุดท้ายเราก็อยากให้ทุกคนได้รับความสุขนั้นกลับไป"

         โคมไฟระย้าทรงหยดนํ้าค้างแข็ง 5 ชั้น ที่สั่งตรงจากอิตาลีและเครื่องประดับอาคารต่าง ๆ ที่โรงสั่งทำขึ้นมา และ
กลายเป็นเอกลักษณ์ที่อยู่คู่กับสกาลา ก็จะย้ายไปประดับที่สวนนงนุช


กระทู้: โรงหนังชั้นหนึ่ง stand alone หนึ่งเดียวที่เหลืออยู่กลางกรุงฯ - สกาลา"
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 05 ก.ค. 20, 09:33
สกาลาในความทรงจำอันแสนงามของจิระนันท์ พิตรปรีชา  

ลาก่อน​ สกาลา ♥️

"เพลงที่ฟัง​ หนังที่ดู​ ปูที่กิน.. ;D" .. เนื้อเพลงขำ ๆ​ ที่ติ๊ก​ ชิโร่​ คิดขึ้นมาสด ๆ​ ระหว่างนั่งกินปูด้วยกัน​ในกาลครั้งหนึ่ง​  ฟังดูตลกไร้สาระ​ แต่เรารู้กันว่ามันจริง..  รสชาติของหนัง/เพลง/อาหาร​ ที่ชื่นชอบประทับใจ​ จะติดแน่นทนนานอยู่ในความทรงจำ​ โดยเฉพาะเมื่อมีบรรยากาศสนุกเร้าใจ​ ​มีเพื่อน​หรือวาระพิเศษในชีวิตเป็นฉากหลัง

แม้แต่คนชราที่โดนอัลไซเมอร์ค่อย ๆ ลบความทรงจำและทักษะด้านภาษา​  เพลงโปรดที่เคยฟังบ่อย ๆ​ จะเป็นหนึ่งในสิ่งสุดท้ายที่สามารถเปล่งเสียงได้ชัดถ้อยคำไม่ตกหล่น​ ทั้งที่นึกคำพูดทั่วไปไม่ออก​ หลงลืมว่าคนรอบข้างเป็นใครชื่ออะไร​ (งานวิจัยแพทย์ว่าไว้​ กรณีแม่ของเราเองกับเพลง"ริมฝั่งน้ำ"เป็นข้อพิสูจน์)​

โรงภาพยนตร์สกาลา​ คือฉากดี ๆในชีวิตเรา​ ๔ ทศวรรษตั้งแต่วัยรุ่นมาจนถึงวันจากลา​  ​นอกจากประสบการณ์ร่วมกับผู้ชมจำนวนมาก​แล้ว  ยังมีพิเศษไม่เหมือนใครอีกสองสามเรื่องที่ขอบันทึกไว้ตรงนี้​ เผื่อปีหน้าจะวนมาให้อ่านฟื้นความหลังอีก

๑) ชีวิตนักแปลบทภาพยนตร์​ ช่วงสิบกว่าปีตั้งแต่พ.ศ. ๒๕๓๔ แปลมาเกือบ ๔๐๐ เรื่อง​  เข้าออกห้องฉายเล็กของ​ CVD กับ​ APEX​ เป็นว่าเล่น​  นั่งดูคนเดียวก่อนใครในสยาม​เพื่อเช็คความถูกต้อง​ของบทแปล ห้องฉาย APEX ซึ่งเป็นเสมือนที่ทำงานของเรา​  อยู่ชั้นบนของร้านหูฉลามตรงข้ามสกาลา​นั่นเอง​  ทุกครั้งต้องหอบบทหนังปึกใหญ่​  ใช้ไฟส่องตรวจไปดูหนังไป  ตรงไหนไม่ถูกก็ทำเครื่องหมาย/ขีดฆ่า​ ค่อยกลับไปแก้ที่บ้าน​  (ก่อนยุคดิจิทัล​ ยังไม่มีคอมพิวเตอร์อินเตอร์เน็ต​  ใช้แถบหมึกพิมพ์ดีดกับน้ำยาลบคำผิดเปลืองมาก​ หนังห้องฉายก็ฉายด้วยฟิล์มทีละม้วน​  เรื่องนึงมี​ ๗-๑๐ ม้วน​  มีหยุดพักจอดำตอนคนฉายกรอฟิล์มเปลี่ยนม้วนใหม่ด้วย)

๒) ชอบพาลูก ๆ วัยประถมมัธยมไปดูหนังที่สกาลา​ ถ้าเป็นหนังค่าย​ ​UIP ที่เราแปล​ ก็จะได้ตั๋วฟรีโดยไปขอกับ​คนเช็คยอดขายตั๋วของค่ายที่มาป้วนเปี้ยนอยู่หน้าโรง​ทุกวัน.. นี่เป็นกิจกรรมบันเทิงประจำครอบครัว​ เรียกได้ว่าเด็กสองคนนี้โตมากับหนังฝรั่ง​เลยทีเดียว​ (สกาลา​ ไม่ฉายหนังไทย/จีน/แขก).. อ้อ​ ตื่นเต้นมากตอนที่แปล​ Jurassic Park​ พาลูกหนีเรียนไปดูในห้องฉายก่อนใคร​  เพื่อน ๆ ที่ร.ร.อิจฉากันใหญ่​ ๕๕

๓) ความลับ.. พอสนิทกับ​ Checker ที่ชื่อบังมิด​ (ไม่ใช่นั่งบังจอ​จนมิด แต่แกเป็นมุสลิม​ ล่วงลับลาโลกไปนานแล้ว)​  เราก็มีปฏิบัติการ​เอารถไปจอดเทียบหน้าโรง​ รอรับโปสเตอร์กับ​ Standie หนังที่เพิ่งถอดโปรแกรมมาเก็บไว้ที่บ้าน​ด้วยความยินดี  อันใหญ่ ๆ​ ที่จำได้ก็ Men​ in​ Black​ กดสวิทช์มีไฟแว้บ ๆ จากปากกระบอกปืน, Little​ Rascals เด็ก ๆ หน้าดื้อยืนเกาะรั้ว​ เอามาต่อกันเป็นแถวยาวเลย​ กับ​ชุดสติ๊กเกอร์ขนาดใหญ่​ ใส ๆ​ น่ารักจาก  Ghost​ Busters เอามาแปะกระจกรถสามด้าน​ ให้เด็กมุงดูตอนไปจอดรับลูกหน้า​ ร.ร.  ฯลฯ

๔) อีกอย่างของสกาลาที่ลืมไม่ได้คือร้านอาหาร​  ทั้งภัตตาคารขาหมูเป็ดปักกิ่งที่อยู่ใต้บันได​สุดหรู.. (Scala.ภาษาสเปน/อิตาเลียน​แปลว่า​ บันได)​  และ​ ร้านติ่มซำฝั่งตรงข้าม​(ปัจจุบันกลายเป็นร้านบะหมี่ฮ่องกง)​   คือนอกจากอร่อยมากแล้วยังทึ่งมากกับ​รูปแบบสถาปัตยกรรม​แนว​ Art​ Deco ​และการแต่งร้านด้วยรูปสลักหิน​จากอารยธรรมมายา​  โม่หินกลม ๆ บนผนังที่ลูกค้าคุ้นตาก็คือปฏิทิน​มายา​นั่นไง  (สมัยนั้นคนไทยสนใจรู้จักซะที่ไหน..)​ คุณโต้งเจ้าของโรงหนังเครือ​ APEX​ และสวนนงนุช​ ช่างรอบรู้ลึกซึ้ง​ ใส่ใจทุกรายละเอียดจริง ๆ.. สองปีก่อนเคยแนะนำจุ้ยให้จัดคอนเสิร์ตโต๊ะจีน​หาเงินช่วยน้ำท่วมหนักในลาว​  แฟนเพลงที่ไม่เคยมาร้านนี้ถึงกับกรี๊ดสลบกับพร็อพและบรรยากาศวินเทจที่แท้ทรู​ ไม่มีการเติมแต่งภายหลัง​

๕) หนังที่ชอบมาก​ แปลบทอย่างสุดฝีมือ​แล้วไปดูอีกรอบตอนเข้าโรงฉายที่สกาลา​ ได้แก่​ Forrest Gump, Scent of​ a​ Woman, Schindler's List, Cold​ Mountains, Across​ the​ Universe.. หนังจบคนเดินออก​ แอบปลื้มในใจว่าเราได้เป็นสื่อสะพานข้ามภาษาวัฒนธรรมให้ผู้ชม..   เรื่องที่ไม่ได้แปลแต่ชอบพระเอก​ Javier Bardem  จนต้องทิ้งงานไปดูรอบแรก​เลย เป็นหนังเข้าชิงออสการ์​ แต่ฉายที่สกาลาโรงเดียว​ รอบนั้นมีคนดูแค่ยี่สิบกว่าคน​จากเกือบพันที่นั่ง​  คือ​ Biutiful

https://www.facebook.com/729491179/posts/10158742139601180/
 


กระทู้: โรงหนังชั้นหนึ่ง stand alone หนึ่งเดียวที่เหลืออยู่กลางกรุงฯ - สกาลา"
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 05 ก.ค. 20, 10:22
:(

https://youtu.be/uaHugTvcfRE


กระทู้: โรงหนังชั้นหนึ่ง stand alone หนึ่งเดียวที่เหลืออยู่กลางกรุงฯ - สกาลา"
เริ่มกระทู้โดย: SILA ที่ 05 ก.ค. 20, 10:36
       ลา สกาลา วันที่ ๔ กรกฎา ๒๕๖๓ กับ "โรงมหรสพ แดนสรวง" (Cinema Paradiso)

คนดูและคนถ่าย มากมาย

ถ้าแต่ก่อนเป็นอย่างนี้, วันนี้คงยังมาไม่ถึง

LA SCALA on the 4th of July 2020


กระทู้: โรงหนังชั้นหนึ่ง stand alone หนึ่งเดียวที่เหลืออยู่กลางกรุงฯ - สกาลา"
เริ่มกระทู้โดย: SILA ที่ 05 ก.ค. 20, 10:41
โรงมหรสพ แดนสรวง เมื่อไร้คนดู,ต้องปิดตัวลงแล้วถูกทำลาย(กลายเป็นที่จอดรถ)

ปิดม่าน สกาลา, หวังว่าอาคารตระหง่านตระการตาจะยังคง   


กระทู้: โรงหนังชั้นหนึ่ง stand alone หนึ่งเดียวที่เหลืออยู่กลางกรุงฯ - สกาลา"
เริ่มกระทู้โดย: SILA ที่ 07 ก.ค. 20, 10:44
การจากลาที่บังเอิญเกิดขึ้นในเวลาไล่เรียงกัน

             หลังจากปิดม่าน ลา สกาลา เมื่อคืนที่ 5 ก.ค. แล้ว แต่เสียงเพลงบรรเลงประกอบหนัง Cinema Paradiso
ยังคงก้องหู วันถัดมา 6 ก.ค.
             อำลา คีตกวีเอก Ennio Morricone  (1928 - 2020) ผู้จากไปด้วยภาวะแทรกซ้อนหลังจากหกล้มแล้วกระดูกขา
ท่อนบนหัก
             คุณทวด มีผลงานประพันธ์เพลงประกอบภาพยนตร์กว่า 500 เรื่อง เคยได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงออสการ์หลายครั้ง
แต่ก็ยังไม่ได้รับรางวัล จนกระทั่งออสการ์มอบรางวัลออสการ์เกียรติยศให้แล้ว จึงเพิ่งได้ราวงัลจากผลงานดนตรีประกอบหนังเรื่อง
The Hateful Eight (2015) ของผกก. Quentin Tarantino

เพลงประกอบภาพยนตร์ Cinema Paradiso ที่ไพเราะจับใจให้หวนอาลัย

Ennio Morricone - Nuovo Cinema Paradiso

Arena Concerto (Verona Arena, Verona, Italy, 28 September 2002)

With the Orchestra Roma Sinfonietta

https://www.youtube.com/watch?v=IHwWYHpIf2o


กระทู้: โรงหนังชั้นหนึ่ง stand alone หนึ่งเดียวที่เหลืออยู่กลางกรุงฯ - สกาลา"
เริ่มกระทู้โดย: SILA ที่ 08 ก.ค. 20, 10:24
ยังคงเก็บตกเรื่องราว รำลึก ลา สกาลา นำมาบันทึกลงไว้ในกระทู้นี้ จากเว็บ และ ฟบ.ต่างๆ

            Asia Holiday อำลาภาพจำหลักข้างฝา วันที่สกาลาปิดโรง

ANANT NARKKONG

             ในบรรดาองค์ประกอบของโรงภาพยนตร์ที่กล่าวมานี้ ดูเหมือนประติมากรรมร้องรำทำเพลงจะเป็นเรื่องที่ถูกกล่าวถึง
น้อยที่สุด

(อ่านเต็มๆ ที่ facebook.com/notes/anant-narkkong/asia-holiday-อำลาภาพจำหลักข้างฝา-วันที่สกาลาปิดโรง/3132093180208950/)

               งานประติมากรรมนูนต่ำบนฝาผนังขนาดใหญ่ เป็นงานปูนปั้นลงสีพื้นน้ำตาลประกายทองเหลือบเขียวหม่น
ออกแบบโดยศิลปินชาวฟิลิปปินส์ เวอกีคีโอ มานีโพล Vergikio Ver Manipol “Ver. R. Manipol” ดำเนินการปั้นโดย
เฟ็ด อาร์ ตากาล่า Fed R Tagala ชื่อผลงานว่า “เอเชียฮอลิเดย์ Asia Holiday” -
               เทศกาลงานวันหยุดของคนเอเชียชนชาติต่างๆ โดยเล่าเรื่องผ่านท่วงท่าร่ายรำและการบรรเลงเครื่องดนตรีนานาชนิด
ที่ถูกคัดสรรมาเป็นตัวแทนของวัฒนธรรมบันเทิงเอเชีย
               โดยศิลปินได้จัดวางมิติรายละเอียดของรูปทรงเส้นวงองค์ประกอบไปตามความคิดของตน และออกแบบให้สอดรับ
ความคิดของสถาปนิกคือ พันเอกจิระ ศิลป์กนก


กระทู้: โรงหนังชั้นหนึ่ง stand alone หนึ่งเดียวที่เหลืออยู่กลางกรุงฯ - สกาลา"
เริ่มกระทู้โดย: SILA ที่ 08 ก.ค. 20, 10:26
              ไม่มีข้อมูลที่ชัดเจนเกี่ยวกับประวัติชีวิตของมานีโพล Ver. R. Manipol ศิลปินผู้ออกแบบ ทราบเพียงว่า
เขาได้ฝากผลงานเอาไว้ในแผ่นดินไทยช่วง 2511-2514 อยู่จำนวนหนึ่ง
              นอกจากผลงานที่โรงภาพยนตร์สกาล่า ยังมีผลงานของเขาที่วัดพระมหาไถ่ ร่วมฤดีซอย 5 ถนนวิทยุ แขวงลุมพินี
กรุงเทพมหานคร และที่โรงแรมอินทรา ประตูน้ำ

               นอกจากคุณค่าของประติมากรรมในเชิงความงามที่เป็นสุนทรียศาสตร์ที่สอดรับกับงานสถาปัตยกรรมสมัยใหม่ที่
ประกาศตนเองอย่างมีศักดิ์ศรีในสังคมไทยยุค 1970 ยังมีคุณค่าในเชิงการบันทึกความหลากหลายของดนตรีนาฏศิลป์ที่สะท้อน
อัตลักษณ์ของคนชาติพันธุ์ต่างๆ

             ขอใช้พื้นที่ภูมิศาสตร์วัฒนธรรม Cultural Geography เป็นตัวช่วยถอดความรู้ประติมานศิลป์ก็แล้วกัน
 
1) วัฒนธรรมร้องรำทำเพลงเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ Southeast Asia performing arts
2) วัฒนธรรมร้องรำทำเพลงเอเชียตะวันออกไกล Far East / EastAsia performing arts
3) วัฒนธรรมร้องรำทำเพลงเอเชียใต้ South Asia performing arts
4) วัฒนธรรมร้องรำทำเพลงตะวันออกกลาง Middle East performing arts


กระทู้: โรงหนังชั้นหนึ่ง stand alone หนึ่งเดียวที่เหลืออยู่กลางกรุงฯ - สกาลา"
เริ่มกระทู้โดย: SILA ที่ 08 ก.ค. 20, 10:30
จากฟบ. คุณก้อง ฤทธิ์ดี
    
            ภาพจาก Bangkok Post Archive ปี 1977(พ.ศ.2520) แต่หนังสกอร์เซซีเรื่องนี้ออกปี 1974(พ.ศ.2517)
ชื่อไทยนี่ตั้งได้ใจดี อรชรร่อนเร่
            ในภาพยังเห็นร้าน Marina ดั้งเดิม และร้านเครื่องกีฬาทางขวา ส่วนคนสามคนบน foreground สองฝรั่งหนึ่งไทย
ให้ฟีล 70 มากๆ ทั้งคน รถ เสื้อผ้า การที่ถ่ายภาพกึ่งสตรีทแล้วติดฝรั่งเลย น่าจะแปลว่ามีคนต่างชาติเยอะพอควรในกรุงเทพตอนนั้น
และถนนพระราม 1 แสนนานก่อนมีรถไฟฟ้าบนหัว แต่รถติดแล้วเหรอ หรือแค่ไฟแดง
            สรุปคือ ทั้งภาพนี้ 43 ปีผ่านไป ทุกอย่างเปลี่ยนหมดแล้วยกเว้นสกาลา

หมายเหตุ คหสต. ช่วงสมัยรัฐบาลธานินทร์(พ.ศ. 2519 – 20) มีมาตรการขึ้นภาษีการนำเข้าภาพยนตร์ต่างประเทศ
จากเมตรละ 2.20 บาท เป็นเมตรละ 30 บาท ส่งผลทำให้ผู้สั่งหนังเทศต้องชะลอการสั่งหนังลงชั่วคราว,โรงหนังไม่มีหนังตปท.
เข้าฉาย หนังเรื่องนี้ที่ซื้อมาก่อนนั้นแล้วเก็บไว้จึงได้ถูกนำมาเข้าโรง


กระทู้: โรงหนังชั้นหนึ่ง stand alone หนึ่งเดียวที่เหลืออยู่กลางกรุงฯ - สกาลา"
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 09 ก.ค. 20, 18:13
Asia Holiday อำลาภาพจำหลักข้างฝา วันที่สกาลาปิดโรง

ANANT NARKKONG

งานประติมากรรมนูนต่ำบนฝาผนังขนาดใหญ่ เป็นงานปูนปั้นลงสีพื้นน้ำตาลประกายทองเหลือบเขียวหม่น ออกแบบโดยศิลปินชาวฟิลิปปินส์ เวอกีคีโอ มานีโพล Vergikio Ver Manipol “Ver. R. Manipol” ดำเนินการปั้นโดย เฟ็ด อาร์ ตากาล่า Fed R Tagala ชื่อผลงานว่า “เอเชียฮอลิเดย์ Asia Holiday” -   เทศกาลงานวันหยุดของคนเอเชียชนชาติต่างๆ โดยเล่าเรื่องผ่านท่วงท่าร่ายรำและการบรรเลงเครื่องดนตรีนานาชนิดที่ถูกคัดสรรมาเป็นตัวแทนของวัฒนธรรมบันเทิงเอเชีย โดยศิลปินได้จัดวางมิติรายละเอียดของรูปทรงเส้นวงองค์ประกอบไปตามความคิดของตน และออกแบบให้สอดรับความคิดของสถาปนิกคือ พันเอกจิระ ศิลป์กนก

อ่านเรื่องเต็ม ที่ https://facebook.com/notes/anant-narkkong/asia-holiday-อำลาภาพจำหลักข้างฝา-วันที่สกาลาปิดโรง/3132093180208950/ (http://facebook.com/notes/anant-narkkong/asia-holiday-อำลาภาพจำหลักข้างฝา-วันที่สกาลาปิดโรง/3132093180208950/)


กระทู้: โรงหนังชั้นหนึ่ง stand alone หนึ่งเดียวที่เหลืออยู่กลางกรุงฯ - สกาลา"
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 09 ก.ค. 20, 18:19
ทายาทของศิลปินผู้ผลิตปูนปั้นติดผนังในโรงหนังสกาลา Federico R. Tagala บอกเล่าความทรงจำเกี่ยวกับชีวิตและผลงานของบิดาไว้อย่างไร ติดตามได้จากคลิปนี้

https://www.facebook.com/SilpaWattanatham/videos/641827479752938/?vh=e&d=n


กระทู้: โรงหนังชั้นหนึ่ง stand alone หนึ่งเดียวที่เหลืออยู่กลางกรุงฯ - สกาลา"
เริ่มกระทู้โดย: SILA ที่ 10 ก.ค. 20, 09:53
ขอบคุณคุณเพ็ญฯ เติมคลิปให้

          จากคลิป,ในส่วน งานแกะสลักไม้ที่ประดับผนังด้านหลังห้องขายตั๋ว,ที่นั่งรอ นั้น เป็นผลงานการออกแบบ
โดย พันเอกจิระ ศิลป์กนก สถาปนิกผู้ออกแบบโรงหนัง (ส่วนผู้แกะสลัก ไม่พบข้อมูลระบุว่าเป็นฝีมือ Tagala หรือไม่)

ภาพจากทวิต Ruj Skywalker


กระทู้: โรงหนังชั้นหนึ่ง stand alone หนึ่งเดียวที่เหลืออยู่กลางกรุงฯ - สกาลา"
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 10 ก.ค. 20, 10:47
๒ วันสุดท้ายของสกาลา นันทา ตันสัจจา ประธานโรงภาพยนตร์เครือเอเพ็กซ์ (APEX) อยู่ที่สกาลา เธอมาพบเจอญาติมิตรและขอบคุณแฟน ๆ เป็นครั้งสุดท้าย "ครั้งนี้หัวใจสลาย" เจ้าของสกาลาพูดพร้อมกับน้ำตาคลอ "ไม่มีคำไหนจะอธิบายความรู้สึกได้ดีกว่านี้อีกแล้ว"

นันทาเล่าว่า ก่อนหน้านี้แม้ว่าสกาลาขาดทุนมานาน แบกรับค่าใช้จ่ายมาตลอด แต่ก็ยังไม่ได้คิดเรื่องจะปิด เพราะตัวเธอเกิดมากับโรงหนังโรงละคร ทั้งชีวิตไม่มีอย่างอื่น จึงต้องสู้ โดยนำเงินจากส่วนอื่นมาโปะเพื่อรักษากิจการโรงภาพยนตร์ไว้ จนมาถึงครั้งนี้ที่รู้สึกว่าสู้ไม่ไหวแล้วจริง ๆ

"เราอยู่ที่นี่มา ๕๑ ปี เราให้ความสุขกับทุกคนมา ๕๑ ปี ผ่านร้อนผ่านหนาวผ่านอุปสรรคต่าง ๆ มา แต่คราวนี้มันหนักหนาเกินที่เราจะรับได้ ซึ่งมันก็ไม่ใช่แค่เราคนเดียว คนทั่วโลกก็โดน ตอนนี้แม้ว่ารัฐบาลผ่อนคลายมาตรการลงแล้ว แต่คุณไปดูสิว่ามีคนดูหนังหรือเปล่า บางแห่งเปิดแต่ไม่มีคนดู คนอยู่บ้านดูทีวีที่บ้าน หนังเดี๋ยวนี้ก็ซื้อดูได้ไม่กี่ตังค์ จะดูกี่เรื่องก็ได้ นี่คือ new normal”

ภัตตาคารสกาลา อีกช่องทางรายได้ของบริษัทที่ปิดบริการไปในช่วงล็อกดาวน์นั้น ก็ปิดแล้วปิดเลยไปก่อนโรงภาพยนตร์แล้ว เธอบอกว่า "เพราะโควิดนี่แหละ"

"ก่อนจะมีโควิดไม่ได้คิดเลยว่าจะปิด ตอนโควิดมาเดือนแรกยังเฉย ๆ พอเดือนที่สองเริ่มคิดแล้ว มันไม่ไหวแล้ว สกาลาสู้มาตลอด สู้แบบขาดทุนก็สู้ ไม่ว่าจะเป็นม็อบเสื้อแดง เสื้อเหลือง เหตุการณ์อะไรเราก็สู้มาตลอด แต่ค่าใช้จ่ายเยอะมาก เรารับไม่ไหวแล้ว และไม่รู้ว่าจะอีกนานแค่ไหน คุณคิดว่าสิ้นปีนี้จบไหม ไม่รู้ มันอาจจะอีก ๑ ปี แล้วคุณอยู่ไหวไหม เพราะฉะนั้น เราจบสวย ๆ ดีกว่า จบแบบที่คนมาที่นี่แล้วยังมีความสุข ยังเห็นของสวย ๆ งาม ๆ มาถ่ายรูปไว้เป็นที่ระลึกดีกว่า"

"เราไม่ได้ตัดสินใจปิด สรุปแล้วโควิดตัดสินใจให้เรา"

https://www.prachachat.net/d-life/news-488398


กระทู้: โรงหนังชั้นหนึ่ง stand alone หนึ่งเดียวที่เหลืออยู่กลางกรุงฯ - สกาลา"
เริ่มกระทู้โดย: SILA ที่ 10 ก.ค. 20, 10:57
(เตรียมไว้แล้ว,นำ)มาต่อจากคห.ข้างต้น

           ภัตตาคารสกาลา อีกช่องทางรายได้ของบริษัทที่ปิดบริการไปในช่วงล็อกดาวน์นั้น ก็ปิดแล้วปิดเลยไปก่อน
เพราะโควิด
       
           สกาลาสู้มาตลอด สู้แบบขาดทุนก็สู้ ค่าใช้จ่ายเยอะมาก เรารับไม่ไหวแล้ว และไม่รู้ว่าจะอีกนานแค่ไหน
เพราะฉะนั้น เราจบสวย ๆ ดีกว่า จบแบบที่คนมาที่นี่แล้วยังมีความสุข ยังเห็นของสวย ๆ งาม ๆ

ตอนเด็กไปดูหนังอย่างเดียว, โตขึ้นแล้วจึงได้เคยแวะเข้าภัตตาคาร
ไฟเพดานทางเข้าก็ตกแต่งสวยงามตามนั้น


กระทู้: โรงหนังชั้นหนึ่ง stand alone หนึ่งเดียวที่เหลืออยู่กลางกรุงฯ - สกาลา"
เริ่มกระทู้โดย: SILA ที่ 10 ก.ค. 20, 10:59
            ขณะนี้ยังไม่มีใครล่วงรู้ชะตากรรมของอาคารโรงภาพยนตร์สกาลาว่าจะยังได้อยู่ต่อหรือไม่ ทางจุฬาฯเอง
ก็ยังไม่ทราบ จะเป็นอย่างไรขึ้นอยู่กับผู้เช่ารายใหม่ว่าจะใช้พื้นที่ตรงนี้ทำอะไร
            จะถอดทุกอย่างที่สามารถถอดได้ไปเก็บไว้ที่สวนนงนุช แน่นอนก็คือ “ดวงดารา” หรือ ดาวกระจายสีทอง
บนฝ้าเพดาน, แชนเดอเลียร์หรือโคมไฟระย้าพวงใหญ่เหนือบันได และไม้แกะสลักสีดำลวดลายวิจิตรที่ผนัง ส่วน
ภาพประติมากรรมปูนปั้นเหนือประตูทางเข้าโรงหนังนั้นยังไม่ทราบว่าจะเอาไปได้หรือไม่


กระทู้: โรงหนังชั้นหนึ่ง stand alone หนึ่งเดียวที่เหลืออยู่กลางกรุงฯ - สกาลา"
เริ่มกระทู้โดย: SILA ที่ 10 ก.ค. 20, 11:02
             ทางจุฬาฯ เขาก็มาถามว่าจะทำยังไง จะเอาอะไรไป จะย้ายเมื่อไหร่ เราก็บอกว่า คุณตอบฉันมาก่อนว่า
คุณจะเก็บสกาลาไว้หรือไม่ ถ้าคุณเก็บฉันก็มูฟเร็ว ถ้าคุณไม่เก็บฉันก็มูฟช้า เพราะฉันก็ต้องพยายามเอาไปให้ได้มากที่สุด
แต่ เขาก็ยังไม่มีคำตอบ เพราะว่าต้องแล้วแต่ผู้เช่ารายใหม่ว่าจะมีโปรเจ็กต์อะไร
 
            นอกจากอาคารสถานที่ องค์ประกอบสำคัญของสกาลาคือ ผู้คน ทั้งพนักงานขายป็อปคอร์น ขายขนม เครื่องดื่ม
พนักงานขายตั๋ว คุณน้าสูทเหลืองอันเป็นอีกหนึ่งสัญลักษณ์ของเครือเอเพ็กซ์ ซึ่งบุคคลเหล่านี้แฟน ๆ รู้สึกผูกพัน ในช่วง
กิจกรรม 3 วันส่งท้ายนี้ พนักงานเก่า ๆ ก็กลับมารวมตัวกัน แบ่งหน้าที่กันทำในการเปิดบ้านรับแขกเป็นครั้งสุดท้าย


กระทู้: โรงหนังชั้นหนึ่ง stand alone หนึ่งเดียวที่เหลืออยู่กลางกรุงฯ - สกาลา"
เริ่มกระทู้โดย: SILA ที่ 11 ก.ค. 20, 10:33
จาก fb Archaeologeek

                 นักโบราณคดีกับสกาล่า: บทสะท้อนย้อนคิดถึงคุณค่ามรดกวัฒนธรรมที่เราเพิ่งกล่าวคำอำลา

              สำหรับคนทั่วไป สกาล่าอาจกลายเป็นพื้นที่ของความทรงจำ แต่สำหรับนักโบราณคดี นี่คือมรดกวัฒนธรรมสมัยใหม่
ที่มีคุณค่ามากพอจะ “เก็บ” มากกว่าจะปล่อย “ทิ้ง” ไป
              ทันทีที่โรงภาพยนตร์สกาล่าปิดตัวลงเมื่อวันที่ 5 ก.ค. 2563 สกาล่าได้กลายเป็นมรดกวัฒนธรรมของคนร่วมสมัย
ในทันที การหมดหน้าที่ใช้งานสถานที่ฉายภาพยนตร์ หรือการเป็นโรงหนังสแตนอโลนแห่งสุดท้ายในสยามสแควร์ ทำให้สกาล่า
เป็นสิ่งที่นักโบราณคดีไม่อาจละสายตาไปได้
              นักโบราณคดีสายจัดการทรัพยากรวัฒนธรรม (CRM archaeologist) ซึ่งมีอยู่แทบทุกโครงการก่อสร้างหรือ
การพัฒนาระบบสาธารณูปโภคเมืองเก่า ไม่ได้ศึกษาเฉพาะโบราณวัตถุสถานแต่ยังทำงาน “จัดการ” มรดกวัฒนธรรมด้วย
              กรณี สกาล่า ที่ได้ปิดตัวลง ก็กลายมาเป็นมรดกวัฒนธรรมที่ CRM archaeologist ต้องให้ความสนใจ


กระทู้: โรงหนังชั้นหนึ่ง stand alone หนึ่งเดียวที่เหลืออยู่กลางกรุงฯ - สกาลา"
เริ่มกระทู้โดย: SILA ที่ 11 ก.ค. 20, 10:36
            ในประเทศไทย มีกฎบัตรว่าด้วยการบริหารจัดการแหล่งมรดกวัฒนธรรม (Thailand Charter on Cultural Heritage
Sites Management) หลักการพื้นฐานและมุมมองต่อมรดกวัฒนธรรมพวกนี้จะเป็นแนวคิดพื้นฐานที่นักโบราณคดีสายจัดการทรัพยากร
วัฒนธรรมต้องรู้
            ทีนี้ พอมองไปที่สกาล่า ก็ดูจะเข้าเค้ามรดกวัฒนธรรมอันทรงคุณค่า, มาลองทำแบบประเมินเบื้องต้นดูกัน
            สมมติว่า เราจำแนกคุณค่าของมรดกวัฒนธรรมที่ควรเก็บรักษาเอาไว้ 3 กลุ่ม เรียงลำดับจากคุณค่าภายนอกสู่ภายใน

            (1)คุณค่าทางกายภาพ: เก๋มั้ย งามมั้ย
          
            สกาล่า ผลงานการออกแบบของ พ.อ.จิระ ศิลปะกนก ช่วงปีพ.ศ.2512 นั้นเก๋ ตรงที่เป็น One of the kind ของอาคาร
รูปแบบนี้ในไทย ภาพอาคารที่เป็นสถาปัตยกรรมแบบโมเดิร์นช่วงหลัง (Late Modernist) ผสมศิลปะอาร์ตเดโค ที่คนยุคนั้นมองว่า
เป็นศิลปะของความหรูหรา เราจึงเห็นสกาล่ามีโถงบันไดที่ถูกออกแบบอย่างประณีต ทั้งฝ้าเพดานและเสาคอนกรีตโค้ง ลวดลายประดับ
ล้วนมีความหมาย เช่น ฝ้าลวดลายม้วนฟิล์ม ลายด้านหลังเคาน์เตอร์ขายตั๋ว รวมไปถึงโคมไฟระย้าจากอิตาลี ทั้งหมดนี้ส่งเสริมให้คำว่า
Scala มีโถงบันไดที่อลังการสมความหมาย
(วีระพงษ์ สิงห์น้อย, 2561; https://readthecloud.co/remain-scala/)

            สกาล่านั้นงาม งามในเชิงช่าง งามในเชิงความรู้ แน่นอนว่าลักษณะทางกายภาพที่โดดเด่นของสกาล่า คือผลึกขององค์ความรู้
สำคัญทางสถาปัตยกรรมที่สถาปนิกให้ความสำคัญ คุณค่าในทางกายภาพของสกาล่า จึงเป็นตั้งแต่การเป็นอาคารในความทรงจำของผู้คน
ไปจนถึงกายภาพทางความรู้ของสถาปนิก และมรดกวัฒนธรรมร่วมสมัยที่น่าสนใจของนักโบราณคดี


กระทู้: โรงหนังชั้นหนึ่ง stand alone หนึ่งเดียวที่เหลืออยู่กลางกรุงฯ - สกาลา"
เริ่มกระทู้โดย: SILA ที่ 11 ก.ค. 20, 10:39
               (2)คุณค่าทางประวัติศาสตร์: เป็นหมุดหมายทางประวัติศาสตร์สังคมเมืองและวัฒนธรรมภาพยนตร์ไทย

             สกาล่า จัดอยู่ในกลุ่มโรงภาพยนตร์สแตนอโลน ซึ่งอยู่ในระยะที่ 2 (พ.ศ.2491-2528) ของพัฒนาการโรงภาพยนตร์บ้านเรา
บางครั้งอาจกำหนดเรียกว่าเป็น Movie Palace หรือเรียกได้ว่าเป็น ศาสนสถานแห่งสำคัญ สำหรับผู้คลั่งใคล้ในวัฒนธรรมภาพยนตร์เลย
ก็ว่าได้ (https://www.facebook.com/groups/2690688644549125/permalink/2691343551150301/)
             สกาล่าเป็นมรดกวัฒนธรรมภาพยนตร์จากระยะที่ 2 ที่ยังคงหลงเหลืออยู่ไม่กี่แห่ง ทุกวันนี้เรารู้จักโรงภาพยนตร์แบบมัลติเพล็กซ์
ในห้างสรรพสินค้าเป็นหลัก เราแทบไม่มีวัฒนธรรมการไปดูหนังเพื่อดูหนังเหมือนเมื่อก่อนแล้ว มีแค่วัฒนธรรมการเดินห้างแล้วแวะดูหนัง นี่จึง
เป็นความสำคัญทางประวัติศาสตร์ที่สกาล่ามีต่อวงการภาพยนตร์ไทย
             ขณะเดียวกัน การปิดตัวลงของสกาล่า คือการปิดตัวลงของหนึ่งในโรงภาพยนตร์สแตนอโลนแห่งท้ายๆในปัจจุบัน การสิ้นสุดหน้าที่
การใช้เงินเดิมตั้งแต่แรก จึงเป็นจุดเริ่มต้นของสกาล่าในฐานะมรดกวัฒนธรรม


กระทู้: โรงหนังชั้นหนึ่ง stand alone หนึ่งเดียวที่เหลืออยู่กลางกรุงฯ - สกาลา"
เริ่มกระทู้โดย: SILA ที่ 11 ก.ค. 20, 10:40
              "โรงหนังของเราเหมือนสร้างกระแสให้สยามสแควร์เลยด้วยซ้ำ พอมาถึงวันนี้ที่สยามสแควร์พัฒนาเต็มที่แล้วเราต้องมาจากไป
ก็รู้สึกเสียดาย สกาลาเต็มไปด้วยเรื่องราวและประวัติศาสตร์ ต่อให้เราย้ายสิ่งประดับทั้งหมดไปไว้ที่อื่น ก็จะไม่มีที่ไหนเหมือนสกาลาอีกแล้ว"
              ไม่เพียงแต่คุณค่าต่อประวัติศาสตร์ภาพยนตร์ไทย สกาล่ายังมีคุณค่าต่อประวัติพัฒนาการเมืองกรุงเทพมหานครด้วย

              "เราต้องเปิดไฟของโรงภาพยนตร์ให้สว่างเต็มที่เพราะพอตกกลางคืน แถวนี้ไม่มีแม้กระทั่งไฟถนน แถมยังอยู่ใกล้กับชุมชนแออัดด้วย
แต่พอโรงภาพยนตร์ของเราได้รับความนิยมขึ้นมา พื้นที่แถวนี้ก็เริ่มมีความเจริญเข้ามาทันที"
(นันทา ตันสัจจา, 2563; https://www.bbc.com/thai/thailand-53275024)

               ข้อมูลจากผู้สืบทอดโรงภาพยนตรืสกาล่ารุ่นที่ 2 แสดงให้เห็นว่า พื้นที่สยามสแควร์ ใจกลางกรุงเทพมหานครก่อนจะกลายมาเป็นอย่างที่
เราเห็นในปัจจุบัน 50 ปีก่อนยังคงเป็นเพียงทุ่งร้าง กระทั่งการมาของโรงภาพยนตร์ที่มีสกาล่าเป็นส่วนหนึ่ง วัฒนธรรมภาพยนตร์ได้ดึงดูดผู้คน
เข้ามาจนทำให้สยามสแควร์เป็นอย่างที่เป็นได้ด้วยปัจจัยสนับสนุนจากวัฒนธรรมการดูหนังของคนไทย


กระทู้: โรงหนังชั้นหนึ่ง stand alone หนึ่งเดียวที่เหลืออยู่กลางกรุงฯ - สกาลา"
เริ่มกระทู้โดย: SILA ที่ 11 ก.ค. 20, 10:44
              ข้อ (1) และ (2) เป็นคุณค่าของนักวิชาการ แต่คุณค่าในข้อที่ (3) เป็นคุณค่าที่สำคัญที่สุด เพราะเป็นคุณค่าที่ทุกคนเห็นและรู้สึกได้
เพราะอยู่ในความทรงจำของทุกคน

              (3)คุณค่าในบริบทที่ดำรงอยู่: เป็นอัตลักษณ์ของพื้นที่ และเป็นแลนด์มาร์คในความทรงจำของผู้คน

               คุณค่าสำคัญที่สุดของมรดกวัฒนธรรมคือการมีตัวตนอยู่ในความทรงจำของผู้คน ไม่ว่าจะเป็นมรดกวัฒนธรรมรูปแบบไหน
หากไร้คุณค่าในความรับรู้ของผู้คนทั่วไป ก็เท่ากับไร้ตัวตน
               สำหรับการพิจารณาคุณค่าของสกาล่าในข้อสุดท้ายนี้ เรากำลังดูคุณค่าของสกาล่าในบริบทที่โรงภาพยนตร์นี้ดำรงอยู่ ว่ามีคุณค่า
ต่อพื้นที่ที่ตัวเองอยู่ และมีคุณค่าต่อผู้คนที่เข้ามามีปฏิสัมพันธ์ด้วยอย่างไร
               แท้จริงแล้ว สกาล่าไม่ได้เป็นแค่สถานที่ แต่คือผู้คน คือพี่เสื้อเหลือง คือช่องขายตั๋ว คือป๊อปคอร์น คือกิจกรรม และความทรงจำ
ที่อบอวลอยู่ตลอด 50 ปี

             ในข้อแรก ไม่ต้องสงสัยว่าโรงภาพยนตร์สกาล่าดำรงอยู่ในพื้นที่สยามสแควร์อย่างโดดเด่น เป็นแลนด์มาร์คหนึ่งของสยามสแควร์
มานานเกือบครึ่งศตวรรษ และจะยังคงเป็นอยู่ในความทรงจำของผู้คนที่เคยเข้ามาดูหนัง มานัดแฟน มาถ่ายรูป ที่โรงภาพยนตร์แห่งนี้
             ความทรงจำต่อมรดกวัฒนธรรมเป็นเรื่องสำคัญ เป็นสิ่งที่นักจัดการมรดกวัฒนธรรมต้องคำนึงให้มาก เพราะเป็นเรื่องละเอียดอ่อน
ความทรงจำนั้นพัวพันกับประสบการณ์ และวัฒนธรรมอย่างแยกไม่ออก เราไม่อาจวัดคุณค่าในบริบทที่ดำรงอยู่ของสกาล่าได้จากหลักฐาน
รูปธรรม เช่นเดียวกัน เราไม่อาจเก็บบันทึกรูปร่างของสิ่งเหล่านี้ได้ผ่านการเก็บแบบ หรือทำงานโบราณคดีกู้ภัย เพราะคุณค่าแท้จริงของมรดก
วัฒนธรรมนั้นยิ่งใหญ่ด้วยเวลาและความทรงจำจากทุกคนที่เกี่ยวข้อง


กระทู้: โรงหนังชั้นหนึ่ง stand alone หนึ่งเดียวที่เหลืออยู่กลางกรุงฯ - สกาลา"
เริ่มกระทู้โดย: SILA ที่ 11 ก.ค. 20, 10:47
           "ส่วนตัวแล้วสิ่งที่จดจำได้มากที่สุดคือการแหวกผ้าม่านที่กั้นระหว่างประตูกับโรงภาพยนตร์ มันเปรียบเสมือนธรณีประตูที่เปลี่ยน
ผ่านโลกของความจริงไปสู่อีกโลกหนึ่ง" (ก้อง ฤทธิ์ดี, 2563; https://www.bbc.com/thai/thailand-53275024)
           “เมื่อก่อนนะ คุณเชื่อมั้ย คนนี่ต่อคิวกันยาวมากเลยนะ ถึงกับต้องมีตั๋วผีขายเลย จ่ายแพงหน่อย แต่ไม่ต้องเสียเวลารอ ซื้อแล้วได้ดูเลย...
ตอนผมหนุ่มๆ แต่งตัวแบบนี้ไม่ได้นะ ใส่ขาสั้น รองเท้าแตะไม่ได้เลย คุณต้องสุภาพ ให้เกียรติสถานที่ด้วย” (สมเกียรติ ภวนานันท์, 2014;
 https://www.sarakadee.com/)
           "ทุกวันนี้ เวลาไปสกาลาแล้วเห็นภาพอดีต วันที่พ่อแม่พาเราไปดูหนัง ทั้งบันได โคมไฟ และบรรยากาศมันเหมือนโรงหนังให้เกียรติเรา"
(พัชริดา วัฒนา, 2563; https://www.bbc.com/thai/thailand-53275024)
           “พี่รู้สึกว่าที่นี่มันมีความเก่า คลาสิค มีสไตล์เป็นของตัวเอง ยิ่งพี่เป็นคนชอบอะไรวินเทจอยู่แล้ว ที่นี่ยิ่งตอบโจทย์เลย สกาล่าเป็น
สถานที่ร่วมสมัย มีความคาบเกี่ยวระหว่างความใหม่กับความเก่า โรงหนังแบบนี้หาที่ไหนไม่ได้อีกแล้วละ”
(คณิสสา บูรณเบญญา, 2014; https://www.sarakadee.com/)

               แม้ว่าวันนี้สกาล่าจะไม่ได้ทำหน้าที่ที่เคยทำมาตลอด 50 ปี และกลายเป็นมรดกวัฒนธรรมในความทรงจำไปแล้ว แต่สกาล่านั้น
ยังคงมีตัวตน มีคุณค่าบนพื้นที่ ทั้งทางกายภาพและความทรงจำของผู้คน จัดเป็นมรดกวัฒนธรรมที่มีศักยภาพสูงมากในการบริหารจัดการต่อ
สกาล่าไม่ได้รกร้างเป็นแหล่งโบราณคดีที่ห่างไกลผู้คน ไร้ความทรงจำที่เกี่ยวเนื่อง แต่เต็มไปด้วยอดีตที่ประทับใจ จึงจัดการได้ง่ายกว่า
เพียงแค่ต้องมี “กระบวนการ” และ “ผู้จัดการ” เข้ามาดำเนินงานอย่างจริงจังกันต่อไป

----------------------------------------------
เรื่อง นรุตม์ โล้กูลประกิจ


กระทู้: โรงหนังชั้นหนึ่ง stand alone หนึ่งเดียวที่เหลืออยู่กลางกรุงฯ - สกาลา"
เริ่มกระทู้โดย: SILA ที่ 14 ก.ค. 20, 10:11
จากมติชนรายสัปดาห์      Save Scala : บทบาทจุฬาเพื่อสร้างวัฒนธรรมร่วมสมัย
ศิโรตม์ คล้ามไพบูลย์

อ่านเรื่องเต็ม เข้ม,แรงตามสไตล์ได้ที่   https://www.matichonweekly.com/column/article_324200

           อวสานของโรงภาพยนตร์สกาลาเป็นโศกนากฎกรรม เพราะแม้จะเป็นเพียงโรงภาพยนตร์ แต่ อายุที่ยืนยาวครึ่งศตวรรษ
ทำให้สกาลาอยู่ในความทรงจำอย่างน้อยสองชั่วคน ไม่ต้องพูดถึงองค์ประกอบทุกอย่างที่ทำให้สกาลามีสถานะเทวาลัยทางวัฒนธรรม
           สกาลาในความเป็นจริงคือโรงหนังที่ผู้เช่าจ่ายค่าเช่าให้จุฬาฯ ด้วยค่าเช่าซึ่งจุฬาฯ เรียกเก็บขณะสกาลาระงับกิจการ
ตามคำสั่งรัฐบาลทำให้สกาลาอยู่ไม่ได้ แต่คำถามที่คนจำนวนมากคิด ทำอย่างไรให้ความเป็นสกาลาคงอยู่ต่อไป
           สกาลาถูกออกแบบอย่างประณีตจนไม่มีโรงหนังไหนเสมือน เต็มไปด้วยประติมากรรมที่ทำให้โรงหนังเป็นงานศิลปะ
ยิ่งกว่านั้นคือสกาลาเป็นโรงหนังจริงๆ แห่งสุดท้าย ส่วนโรงอื่นเป็นแค่ห้องฉายหนังเช่าที่ห้างเหมือนร้านชานมเย็น

           สกาลาถูกสร้างและออกแบบโดยเจ้าของและสถาปนิกที่เห็นว่าหนังคืออารยธรรม คุณพิสิฐ ตันสัจจา สร้างสกาลาในปี 2512
เพื่อให้เป็นโรงหนังสวยที่สุดในประเทศ สกาลาจึงสง่างาม หรูหรา มีแชนเดอเลียร์ 3 ตันจากอิตาลี มีโถง ประดับด้วยงานปูนปั้น
           สกาลาไม่ใช่เป็นแค่โรงหนัง เพราะความเป็นสกาลาคือการดูหนังท่ามกลางองค์ประกอบทุกอย่างที่เต็มไปด้วยแรงงานแห่ง
ความรักในศิลปะแขนงที่ 7 จนไม่มีโรงมหรสพไหนให้ประสบการณ์นี้กับผู้ชมได้อีกในประเทศ


กระทู้: โรงหนังชั้นหนึ่ง stand alone หนึ่งเดียวที่เหลืออยู่กลางกรุงฯ - สกาลา"
เริ่มกระทู้โดย: SILA ที่ 14 ก.ค. 20, 10:16
              สกาลาปิดโรงด้วยการฉายหนังคลาสสิคเรื่อง Cinema Paradiso ซึ่งพูดถึงโรงหนังที่เป็นศูนย์กลางของชุมชนอิตาลีจนๆ
หนังบอกว่าโรงหนังขนาดใหญ่ถึงกาลอวสาน จะมีก็แต่พื้นที่ในความทรงจำของผู้คนเท่านั้นเอง
          สารที่หนังเรื่องนี้พูดกับผู้ชมอย่างโหดเหี้ยม คือไม่มีโรงหนังไหนเป็นอมตะ โรงหนังอยู่ได้ด้วยชุมชน และวันใดที่พฤติกรรม
ชุมชนเปลี่ยน คนดูหนังในโรงลดลง วันนั้นที่อยู่เดียวของโรงหนังย่อมได้แก่ในความทรงจำของผู้คน
          ถึงที่สุดแล้ว Cinema Paradiso พูดถึงการเผชิญหน้าระหว่าง “ความทรงจำรวมหมู่” ของผู้คนต่อพื้นที่อย่างโรงหนังซึ่ง
ก้ำกึ่งว่าเป็น “พื้นที่สาธารณะ” หรือ “พื้นที่ส่วนบุคคล” ซึ่งเป็นปัญหาที่เกิดขึ้นในกรณีโรงหนังสกาลาด้วยเช่นเดียวกัน
          สกาลาเป็นพื้นที่ทางธุรกิจที่กลายเป็นพื้นที่ทางวัฒนธรรม แม้จุฬาจะให้นักธุรกิจเช่าที่ทำโรงหนัง สังคมไทยได้ให้ความหมายใหม่
กับสกาลาที่มากกว่าพื้นที่ทำมาหากิน นั่นคือ พื้นที่ของหน่วยงานรัฐที่มีมูลค่าเพิ่มเพราะเป็นพื้นที่สาธารณะของสังคม
          คนรักหนังอยากให้สกาลาคงอยู่ในฐานะโรงหนังต่อไป และด้วยความสง่างามของอาคาร รวมทั้งการเป็นพื้นที่ทางสังคม สกาลา
ก็สมควรเป็นแบบนั้นต่อไปด้วย เพียงแต่ในมิติของกฎหมายและความเป็นเจ้าของพื้นที่ที่แท้จริงนั้น เรื่องนี้ไม่มีทางเกิดได้ หากเจ้าของที่
อย่างจุฬาไม่ยินยอม

ถึงที่สุดแล้วสถานะของโรงหนังสกาลาขึ้นอยู่กับจุฬามองการบริหารพื้นที่อย่างไร Cinema Paradiso จบด้วยเจ้าที่ดินทุบโรงหนัง
เพื่อสร้างที่จอดรถแบบไม่เห็นหัวประชาคม ความทรงจำรวมหมู่ของชุมชนต่ำชั้นกว่าผลประโยชน์ทางธุรกิจ พื้นที่ทางวัฒนธรรมด้อยค่า
กว่าลานจอดรถซึ่งคงไม่มีใครจดจำอะไรอีก แต่คำถามคือสมควรหรือที่จุฬาจะทำเหมือนเจ้าที่ดินในหนังเรื่องนี้


กระทู้: โรงหนังชั้นหนึ่ง stand alone หนึ่งเดียวที่เหลืออยู่กลางกรุงฯ - สกาลา"
เริ่มกระทู้โดย: SILA ที่ 14 ก.ค. 20, 10:19
               สกาลาเป็นพื้นที่ทางวัฒนธรรมร่วมสมัยของสังคม คุณค่าของสกาลาเกิดเพราะสังคมมีความทรงจำร่วมต่อพื้นที่ดินแปลงนี้
มีความหมายมากกว่าแท่งคอนกรีตสำหรับกอบโกยค่าเช่า สถาบันการศึกษาที่ฉลาดจึงพึงเห็นว่าเงินสร้างคุณค่าแบบนี้ไม่ได้ มิหนำซ้ำ
อาจไม่มีมหรสพสถานอื่นๆ ทำแบบนี้ได้เลย       
           โรงหนังอื่นอาจทันสมัยกว่าสกาลา แต่ไม่มีโรงไหนเต็มไปด้วยแรงงานแห่งความรักที่อัดแน่นลงในอาคารสถานที่จนผู้ชมผูกพัน
กับสถานที่แบบนี้
           สกาลาเป็นผลผลิตของสังคมไทยยุคที่กระบวนการสร้างความเป็นสมัยใหม่ขึ้นสู่จุดสูงสุดก่อนเกิดการปฏิวัติประชาชนตุลาคม 2516
จนอาจต้องยอมรับว่าสกาลาเป็นภาพสะท้อนของการมีอารยะของชนชั้นนายทุนไทยที่หลังจากนั้นเราแทบไม่เห็นอะไรแบบนี้อีกเลย
           สกาลาเกิดจากนายทุนที่ทะเยอะทะยานจะสร้างโรงภาพยนตร์ที่ดีที่สุดในประเทศ แต่สถาปัตยกรรมของสกาลาสะท้อนว่า “นายทุน”
กรณีนี้มีความตระหนักว่าภาพยนตร์คือ “มหรสพ” ที่เชื่อมโยงกับวิถีชีวิตของคนเอเชียจนเกิดปูนปั้นที่ทำให้โรงภาพยนตร์มีสภาพราวหอศิลปะ
ที่เดียวในประเทศไทย
           สกาลาสะท้อนความรุ่งเรืองของชนชั้นนายทุนทศวรรษ 2490-2510 ที่เติบโตกับความเป็นสมัยใหม่จนเห็นว่าสังคมไทยต้อง
เปลี่ยนแปลง แต่คนรุ่นนั้นก็เป็นชาตินิยมมากพอจะทำให้เกิดความคิดว่าต้องการสร้างธุรกิจหรือกิจการบางอย่างที่ยิ่งใหญ่ให้สังคมไทย
เช่นการบินไทย, สกาลา, ดุสิตธานี, มติชน ฯลฯ
           โดยเนื้อแท้แล้วทุนนิยมคือความสัมพันธ์ที่เอารัดเอาเปรียบคนส่วนใหญ่ แต่ชนชั้นนายทุนยุค 2490-2510 มีลักษณะ Modernity
Nationalism หรือ “ชาตินิยมที่มีความเป็นสมัยใหม่” ซึ่งอาจไม่มีในชนชั้นนายทุนหรือผู้ประกอบการหลังจากนั้น เราจึงไม่เห็นการทำ
อะไรที่เป็นมรดกของยุคสมัยถัดจากนั้นเลย


กระทู้: โรงหนังชั้นหนึ่ง stand alone หนึ่งเดียวที่เหลืออยู่กลางกรุงฯ - สกาลา"
เริ่มกระทู้โดย: SILA ที่ 14 ก.ค. 20, 10:20
               จุฬาเป็นเจ้าของที่ดินแปลงที่มีมูลค่าสูงเป็นอันดับต้นในไทย กอบโกยค่าเช่ามหาศาลจากสยาม-มาบุญครอง-สวนหลวง-สามย่าน-
บรรทัดทอง ฯลฯ ซึ่งเป็นที่ดินจากสังคมที่พระราชทานให้ ซ้ำยังได้งบประมาณเพื่อพัฒนาต่อเนื่องมาหลายทศวรรษจนไม่ต้อลงลงทุนอะไร
อย่างคนอื่นเลย
          พื้นฐานของจุฬาคือสถาบันวิชาการ จุฬาจึงควรคิดเรื่องที่ดินแบบสถาบันทางวิชาการที่ตอบแทนสังคมบ้าง จุฬาไม่จำเป็นต้องขายที่ดิน
ทุกตารางนิ้วก็ได้ เพราะสังคมให้อะไรกับจุฬาไปฟรีๆ มากจนจุฬาควรมีสำนึกที่จะทำอะไรบ้างเพื่อสังคม
          สภาพเศรษฐกิจและกระแสสังคมตอนนี้ทำให้จุฬาไม่กล้าทุบ หรือ “เซ้ง” สกาลาโดยเร็ว แต่จุฬาควรใช้มูลค่าทางสังคมของสกาลา
ต่อยอดพัฒนาพื้นที่เพื่อสร้างวัฒนธรรมร่วมสมัยให้แข็งแกร่งขึ้น ตัวอย่างเช่น อาจแปลงสกาลาเป็นคลัสเตอร์ทางวัฒนธรรมเชื่อมต่อหอศิลป์กรุงเทพ
(BACC) และหอศิลป์จามจุรี


กระทู้: โรงหนังชั้นหนึ่ง stand alone หนึ่งเดียวที่เหลืออยู่กลางกรุงฯ - สกาลา"
เริ่มกระทู้โดย: SILA ที่ 14 ก.ค. 20, 10:22
               จุฬาตั้งอยู่กลางที่ดินผืนเก่าแก่ซึ่งใกล้พื้นที่ทันสมัยที่สุดอย่างสยามสแควร์ ผลก็คือจุฬามีโอกาสสร้างพื้นที่ต้นแบบของความทันสมัย
ที่มีรสนิยมซึ่งไม่มีเจ้าที่ดินรายไหนทำได้ สกาลาที่เป็นโรงมหรสพสำหรับวัฒนธรรมร่วมสมัยจะเป็นตัวแบบของการพัฒนาซึ่งสถานศึกษาควรทำต่อสังคม
            ถ้านายทุนไทยสมัยครึ่งศตวรรษที่แล้วสร้างโรงภาพยนตร์ที่ยิ่งใหญ่จนคนนับพันไปคารวาลัยในวาระสุดท้ายได้ จุฬาควรมีปัญญาแปลง
มรดกวัฒนธรรมร่วมสมัยจากนายทุนไทยให้มีอายุยืนยาวต่อไปได้เช่นกัน

           อย่าให้คนเขาพูดได้ว่าเสาหลักของแผ่นดินคิดได้แค่หากำไรสูงสุดจากที่ดินซึ่งได้มาฟรีๆ


กระทู้: โรงหนังชั้นหนึ่ง stand alone หนึ่งเดียวที่เหลืออยู่กลางกรุงฯ - สกาลา"
เริ่มกระทู้โดย: ninpaat ที่ 14 ก.ค. 20, 10:53
เอาแค่ซุ้มโค้งมน ดูนุ่มนวลด้านหน้า

ผมกลับรู้สึกว่า ที่นี่น่าจะเป็นหอศิลป์แห่งสยามได้อย่างสบายๆ นะครับ


กระทู้: โรงหนังชั้นหนึ่ง stand alone หนึ่งเดียวที่เหลืออยู่กลางกรุงฯ - สกาลา"
เริ่มกระทู้โดย: ดาวกระจ่าง ที่ 14 ก.ค. 20, 21:23
จากที่มีข่าวว่าจะรื้อศาลเจ้าแม่เพื่อเอาที่ดินตรงนั้นสร้างคอนโด ก็น่าจะไว้ใจจุฬายากอยู่ 555


กระทู้: โรงหนังชั้นหนึ่ง stand alone หนึ่งเดียวที่เหลืออยู่กลางกรุงฯ - สกาลา"
เริ่มกระทู้โดย: SILA ที่ 07 ส.ค. 20, 10:56
จากฟบ. SaveScala เมื่อปลายเดือนก่อน

         แผงผลไม้หน้าโรง
         โคมไฟยังไม่ได้ถูกเคลื่อนย้าย


กระทู้: โรงหนังชั้นหนึ่ง stand alone หนึ่งเดียวที่เหลืออยู่กลางกรุงฯ - สกาลา"
เริ่มกระทู้โดย: SILA ที่ 11 ส.ค. 20, 11:51
              สืบเนื่องจาก การตามรอยประติมากรรมบนฝาผนังโรงหนังสกาลา ผลงานศิลปินฟิลิปปินส์ผู้มีชื่อเสียงในยุคนั้น
ศิลปวัฒนธรรม นำไปชมผลงานอีกชิ้นหนึ่งซึ่งอยู่ที่ ร้านอาหารเก่าแก่ ชาวเรือนไทยน่าจะคุ้นเคยชื่อหรือเคยไปเยือนมาแล้ว

              "ลิตเติลโฮม เบเกอรี" เปิดในไทยร่วม 7 ทศวรรษ เริ่มจากสัมพันธ์รักระหว่างทายาทหลวงสุวรรณกิจชำนาญ
(พงษ์ ศิริสัมพันธ์) ช่างทองหลวง กับสตรีฟิลิปปินส์ สู่ร้านขายอาหารบริเวณบ้าน ซึ่งทายาทรักษาตัวบ้านขุนนางไว้อย่างดี
ปัจจุบันยังเป็นที่พักของทายาทผู้ดูแลธุรกิจ


กระทู้: โรงหนังชั้นหนึ่ง stand alone หนึ่งเดียวที่เหลืออยู่กลางกรุงฯ - สกาลา"
เริ่มกระทู้โดย: SILA ที่ 11 ส.ค. 20, 12:00
             กิจการยังคงรักษางานศิลปะของเฟเดอริโก ตากาลา ไว้ที่ร้านตามคำที่"คุณแม่และคุณยายบอกให้
เก็บมาสเตอร์พีซนี้ไว้"

facebook.com/SilpaWattanatham/videos/ลิตเติลโฮม-เบเกอรี-ร้านยุค-50s-โดยสตรีฟิลิปปินส์ที่พบรักทายาทขุนนางไทย/604054620258552/

 ;D ขอบคุณคุณเพ็ญฯ อำนวยความสะดวก


กระทู้: โรงหนังชั้นหนึ่ง stand alone หนึ่งเดียวที่เหลืออยู่กลางกรุงฯ - สกาลา"
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 11 ส.ค. 20, 12:27
งานศิลปะของเฟเดอริโก ตากาลา นาทีที่ ๗.๐๐ - ๘.๐๐

https://www.facebook.com/SilpaWattanatham/videos/604054620258552/


กระทู้: โรงหนังชั้นหนึ่ง stand alone หนึ่งเดียวที่เหลืออยู่กลางกรุงฯ - สกาลา"
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 13 ส.ค. 20, 19:49
สมาคมสถาปนิกสยาม ในพระบรมราชูปถัมภ์ มีความเห็นว่าอาคารโรงภาพยนตร์สกาลา มีรูปแบบสถาปัตยกรรมในรัชกาลที่ ๙ และเคยได้รับรางวัลอนุรักษ์สถาปัตยกรรมรมดีเด่น ปี ๒๕๕๕ สมควรได้รับความคุ้มครองในฐานะ "โบราณสถาน" จึงมีหนังสือ ขอความอนุเคราะห์ให้ได้รับความคุ้มครองในฐานะโบราณสถาน

กรมศิลปากรตอบกลับว่า เมื่อพิจารณาแล้ว "โรงภาพยนตร์สกาลายังไม่ถือว่าเป็นโบราณสถาน" ตามมาตรา ๔ แห่งพระราชบัญญัติโบราณสถาน โบราณวัตถุ ศิลปวัตถุและพิพิธภัณฑ์แห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๐๔ (แก้ไขเพิ่มเติม พ.ศ. ๒๕๓๕) กรมศิลปากรจึงไม่สามารถดำเนินการตามที่ร้องขอได้


กระทู้: โรงหนังชั้นหนึ่ง stand alone หนึ่งเดียวที่เหลืออยู่กลางกรุงฯ - สกาลา"
เริ่มกระทู้โดย: SILA ที่ 14 ส.ค. 20, 09:19
fb. SaveScala

อาจารย์คณะสถาปัตย์ จุฬา แสดงความเห็นว่า


กระทู้: โรงหนังชั้นหนึ่ง stand alone หนึ่งเดียวที่เหลืออยู่กลางกรุงฯ - สกาลา"
เริ่มกระทู้โดย: SILA ที่ 14 ส.ค. 20, 09:23
และ

เสนอแนวทาง อาคารประวัติศาสตร์,อนุรักษ์ หรือ มรดกสถาปัยกรรม


กระทู้: โรงหนังชั้นหนึ่ง stand alone หนึ่งเดียวที่เหลืออยู่กลางกรุงฯ - สกาลา"
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 14 ส.ค. 20, 11:27
(๑) โบราณสถาน ในแง่ของกฎหมายต้องมีคุณสมบัติอย่างไร

(๒) Art Deco ต้องมีหน้าตาเป็นอย่างไร

คุณนริศ และ คุณนวรัตน น่าจะพอให้ความกระจ่างได้  ;D


กระทู้: โรงหนังชั้นหนึ่ง stand alone หนึ่งเดียวที่เหลืออยู่กลางกรุงฯ - สกาลา"
เริ่มกระทู้โดย: SILA ที่ 23 ก.ย. 20, 09:57
The lights go out the curtain falls

ฟบ. savescala รายงานว่า

            วันนี้ (23 กันยา) ทางสกาลาจะขึ้นนั่งร้านปลดโคมไฟนี้ลง ก่อนที่จะทยอยขนข้ายสิ่งที่พอย้ายได้ไปสวนนงนุช


กระทู้: โรงหนังชั้นหนึ่ง stand alone หนึ่งเดียวที่เหลืออยู่กลางกรุงฯ - สกาลา"
เริ่มกระทู้โดย: SILA ที่ 24 ก.ย. 20, 10:33
จากฟบ. savescala

นั่งร้านเตรียมงานรื้อโคมไฟ บ่ายวานนี้ที่ฝนกระหน่ำ


กระทู้: โรงหนังชั้นหนึ่ง stand alone หนึ่งเดียวที่เหลืออยู่กลางกรุงฯ - สกาลา"
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 24 ก.ย. 20, 14:03
เมื่อมีช่วงเวลาดวงอาทิตย์ขึ้น ย่อมถึงเวลาอาทิตย์อัสดง โดยหลังจากผ่านกิจกรรม ‘La Scala ลาสกาลา’ Final Touch of Memory ซึ่งถือเป็นการเฉลิมฉลองครั้งสุดท้ายก่อนสกาลาจะปิดรอบฉายอย่างเป็นทางการไปเมื่อช่วงต้นเดือนกรกฎาคม

ล่าสุดเมื่อวานนี้ (๒๓ กันยายน ๒๕๖๓) ถือเป็นอีกหนึ่งโมเมนต์สำคัญ เมื่อผู้บริหารนำโดย นันทา ตันสัจจา ประธานโรงภาพยนตร์ในเครือเอเพ็กซ์, พวงทอง ศิริวรรณ ผู้อำนวยการฝ่ายการเงิน และเหล่าพี่น้องพนักงานกลุ่มสุดท้ายของโรงภาพยนตร์สกาลา ร่วมกันเคลื่อนย้ายโคมไฟระย้าทรงหยดนํ้าค้าง ๕ ชั้น ที่เป็นทั้งจิตวิญญาณและสัญลักษณ์คู่สกาลามาตลอด ๕๐ ปีเพื่อนำไปประดับไว้ที่สวนนงนุช ซึ่งต่อไปโรงละครขนาดใหญ่ของที่นั่นจะถูกเปลี่ยนชื่ออย่างเป็นทางการว่า ‘สกาลา’

ขณะที่อนาคตของโรงภาพยนตร์แห่งนี้ดูเหมือนจะได้เวลาเปลี่ยนผ่าน หลังจากมีสัญญาณออกมาเป็นระยะว่าเจ้าของพื้นที่อย่างจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยจะไม่เก็บไว้ทำประโยชน์ต่อ สัญญาณนี้ชัดเจนต่อเนื่องหลังจากกรมศิลปากรปฏิเสธไม่รับโรงภาพยนตร์สกาลาขึ้นทะเบียนเป็นโบราณสถาน เนื่องจากไม่เข้าข่ายไปก่อนหน้านี้

เรื่อง : เก้า มีนานนท์ ภาพ : พีรพัฒน์ วิมลรังครัตน์ / THE STANDARD

https://www.facebook.com/657121027976243/posts/1306947129660293


กระทู้: โรงหนังชั้นหนึ่ง stand alone หนึ่งเดียวที่เหลืออยู่กลางกรุงฯ - สกาลา"
เริ่มกระทู้โดย: SILA ที่ 28 ก.ย. 20, 10:16
จากฟบ. savescala

โคมไฟ ป้ายชื่อ รื้อลง


กระทู้: โรงหนังชั้นหนึ่ง stand alone หนึ่งเดียวที่เหลืออยู่กลางกรุงฯ - สกาลา"
เริ่มกระทู้โดย: SILA ที่ 28 ก.ย. 20, 10:17
โคมไฟ ใจหาย ป้ายชื่อ
รื้อลง คงเหลือ


กระทู้: โรงหนังชั้นหนึ่ง stand alone หนึ่งเดียวที่เหลืออยู่กลางกรุงฯ - สกาลา"
เริ่มกระทู้โดย: T.Klinhom ที่ 29 ก.ย. 20, 09:15
เป็นที่น่าเสียดายครับที่สถาปัตยกรรมยุคสมัยใหม่ที่สร้างขึ้นในช่วง 40-70 ปีเหล่านี้ไม่ได้รับการอนุรักษ์ไว้เท่าที่ควร


กระทู้: โรงหนังชั้นหนึ่ง stand alone หนึ่งเดียวที่เหลืออยู่กลางกรุงฯ - สกาลา"
เริ่มกระทู้โดย: SILA ที่ 19 พ.ย. 20, 10:39
จาก ฟบ. savescala

โครงโคมไฟติดตั้งที่บ้านใหม่ในสวนนงนุช
และ (ส)ภาพของบ้านเก่าเคยเนานาน


กระทู้: โรงหนังชั้นหนึ่ง stand alone หนึ่งเดียวที่เหลืออยู่กลางกรุงฯ - สกาลา"
เริ่มกระทู้โดย: SILA ที่ 28 พ.ย. 20, 10:34
คราวนี้,ถึงคิว เก้าอี้แดง ในห้องขาว โรงสกาลา รุ่นพิเศษ,ฐานทำจากเหล็กโครงจอ
เปิดให้แฟนานุแฟนสั่งจองซื้อไปเก็บไว้เป็นที่ระลึก


กระทู้: โรงหนังชั้นหนึ่ง stand alone หนึ่งเดียวที่เหลืออยู่กลางกรุงฯ - สกาลา"
เริ่มกระทู้โดย: SILA ที่ 22 ธ.ค. 20, 11:42
ฟบ. Apex Scala
17 December at 05:13
          ...ทำบุญกราบขอบคุณเจ้าที่ครั้งสุดท้าย ขอบคุณที่ดูแลพวกเรามากว่า 50 ปี...
         


กระทู้: โรงหนังชั้นหนึ่ง stand alone หนึ่งเดียวที่เหลืออยู่กลางกรุงฯ - สกาลา"
เริ่มกระทู้โดย: SILA ที่ 22 ธ.ค. 20, 11:42
fb. Save Scala

       Now and Then


กระทู้: โรงหนังชั้นหนึ่ง stand alone หนึ่งเดียวที่เหลืออยู่กลางกรุงฯ - สกาลา"
เริ่มกระทู้โดย: SILA ที่ 13 ม.ค. 21, 10:44
จาก fb. Save Scala

           อัลบั้มบันทึกความทรงจำ


กระทู้: โรงหนังชั้นหนึ่ง stand alone หนึ่งเดียวที่เหลืออยู่กลางกรุงฯ - สกาลา"
เริ่มกระทู้โดย: SILA ที่ 13 ม.ค. 21, 10:47
           Faded photograph(s) covered now with lines and creases

           Ticket(s) torn in half, memories in bits and pieces

จากเนื้อเพลง Traces


กระทู้: โรงหนังชั้นหนึ่ง stand alone หนึ่งเดียวที่เหลืออยู่กลางกรุงฯ - สกาลา"
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 17 ม.ค. 21, 12:41
คราวนี้,ถึงคิว เก้าอี้แดง ในห้องขาว โรงสกาลา รุ่นพิเศษ,ฐานทำจากเหล็กโครงจอ
เปิดให้แฟนานุแฟนสั่งจองซื้อไปเก็บไว้เป็นที่ระลึก


เก้าอี้แห่งความทรงจำ  ;D

จาก เฟซบุ๊กของคุณโย่ง อาร์มแชร์ (https://www.facebook.com/100044163622907/posts/252651692883616/)


กระทู้: โรงหนังชั้นหนึ่ง stand alone หนึ่งเดียวที่เหลืออยู่กลางกรุงฯ - สกาลา"
เริ่มกระทู้โดย: SILA ที่ 18 ม.ค. 21, 10:00
(แปลงต่อจากเนื้อเพลง Traces)

                Things we used to share, Scala seats of days together

ป.ล. เพิ่งมาบอก หลังหวยออก


กระทู้: โรงหนังชั้นหนึ่ง stand alone หนึ่งเดียวที่เหลืออยู่กลางกรุงฯ - สกาลา"
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 18 ม.ค. 21, 10:24
ป.ล. เพิ่งมาบอก หลังหวยออก

ตัวเลขทั้งหลาย ล้วนอยู่รอบกายเรา  ;D


กระทู้: โรงหนังชั้นหนึ่ง stand alone หนึ่งเดียวที่เหลืออยู่กลางกรุงฯ - สกาลา"
เริ่มกระทู้โดย: SILA ที่ 17 มี.ค. 21, 10:51
จาก fb savescala       Now &
                              Then


กระทู้: โรงหนังชั้นหนึ่ง stand alone หนึ่งเดียวที่เหลืออยู่กลางกรุงฯ - สกาลา"
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 10 ก.ย. 21, 19:33
ชมรมภาพยนตร์จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย สมัชชาสิงห์ดำ และสมาชิกกรรมการบริหารองค์การบริหารสโมสรนิสิตจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ขอเรียกร้องให้ บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด ซึ่งได้รับคัดเลือกโดยสำนักงานจัดการทรัพย์สิน จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย (PMCU) ให้พัฒนาบริเวณ Block A ของสยามสแควร์ ที่ในอดีตเป็นที่ตั้งของโรงภาพยนตร์สกาล่า

๑. อนุญาตให้พื้นที่ดังกล่าวกลายเป็นพื้นที่สาธารณะ และมีประโยชน์ต่อนิสิตและประชาชนทั่วไป
๒. ให้เป็นพื้นที่ซึ่งสืบทอดมรดกทางศิลปะวัฒนธรรมของโรงหนังสกาล่า
๓. ให้นิสิตและสังคมมีส่วนร่วมในการตัดสินใจถึงทิศทางการพัฒนาบริเวณดังกล่าว

การบริหารพื้นที่ภายในสยามสแควร์และบริเวณใกล้เคียงภายใต้การดำเนินงานของสำนักงานจัดการทรัพย์สิน จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย  ในอดีตนั้นถูกจัดสรรไปใช้ในเชิงพาณิชย์เน้นผลกำไรมากจนเกินไปและให้ผลประโยชน์กับกลุ่มทุนขนาดใหญ่มากกว่านิสิต ชุมชนสามย่าน และประชาชนทั่วไปมาโดยตลอด จึงเกิดการพัฒนาห้างสรรพสินค้าจำนวนมากในบริเวณรอบจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ในขณะเดียวกันพื้นที่สาธารณะและพื้นที่ทางศิลปะวัฒนธรรมกลับมีน้อยนิด วันนี้นิสิตและประชาชนทั่วไปเห็นแล้วว่า พอแล้วกับห้างสรรพสินค้า ประชาชนต้องการพื้นที่สาธารณะ

จาก CU Movie Club (https://www.facebook.com/100480281355400/posts/675587303844692/)


กระทู้: โรงหนังชั้นหนึ่ง stand alone หนึ่งเดียวที่เหลืออยู่กลางกรุงฯ - สกาลา"
เริ่มกระทู้โดย: nathanielnong ที่ 11 ก.ย. 21, 08:56
           Faded photograph(s) covered now with lines and creases

           Ticket(s) torn in half, memories in bits and pieces

จากเนื้อเพลง Traces

เท่าที่สามารถย้อนกลับไปได้   จำได้ว่าได้ดูหนัง 'จะกู่ร้องปองรักให้ก้องโลก (A Star Is Born) - 1976' ที่นี่

(http://image.free.in.th/v/2013/iz/210911022334.jpg) (http://picture.in.th/id/51f43c3f3434b3102ab951414935833f)


กระทู้: โรงหนังชั้นหนึ่ง stand alone หนึ่งเดียวที่เหลืออยู่กลางกรุงฯ - สกาลา"
เริ่มกระทู้โดย: ดาวกระจ่าง ที่ 11 ก.ย. 21, 09:01
ทางชมรมภาพยนตร์จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยน่าจะเรียกร้องกับสำนักงานจัดการทรัพย์สิน จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ที่โดยตรงมากกว่าหรือเปล่าคะ


กระทู้: โรงหนังชั้นหนึ่ง stand alone หนึ่งเดียวที่เหลืออยู่กลางกรุงฯ - สกาลา"
เริ่มกระทู้โดย: SILA ที่ 11 ก.ย. 21, 10:33
จากหน้า มติชน กล่าวว่า
                     
             บจ.เซ็นทรัล พัฒนา เปิดเผยว่า ทางสํานักงานจัดการทรัพย์สิน จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย จะส่งมอบพื้นที่ให้
ในต้นปี 2565 จากนั้นบริษัทจะเดินหน้าดำเนินการในทันที
             โดยจะเป็นการปรับปรุงและรีโนเวตโครงสร้างเก่าให้เป็นศูนย์การค้าขนาดเล็กๆ คล้ายกับคอมมูนิตี้มอลล์ จะใช้
เวลาดำเนินการไม่นานประมาณ 1 ปีเศษ คาดว่าจะเปิดให้บริการได้ในปี 2566
             
              “โครงสร้างเก่าเป็นโรงหนังสกาลา เราจะพยายามรักษาโครงสร้างเก่าไว้ให้มากที่สุด”

KBMusic


กระทู้: โรงหนังชั้นหนึ่ง stand alone หนึ่งเดียวที่เหลืออยู่กลางกรุงฯ - สกาลา"
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 15 ก.ย. 21, 11:19
Scala Today


กระทู้: โรงหนังชั้นหนึ่ง stand alone หนึ่งเดียวที่เหลืออยู่กลางกรุงฯ - สกาลา"
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 01 พ.ย. 21, 11:59
เซ็นทรัล พัฒนา : โครงสร้างเก่าเป็นโรงหนังสกาลา เราจะพยายามรักษาโครงสร้างเก่าไว้ให้มากที่สุด

เหลือไว้แต่ความทรงจำ
:'(

https://www.facebook.com/fotomomo.project/videos/1036904607146331/


กระทู้: โรงหนังชั้นหนึ่ง stand alone หนึ่งเดียวที่เหลืออยู่กลางกรุงฯ - สกาลา"
เริ่มกระทู้โดย: SILA ที่ 02 พ.ย. 21, 10:15
            เห็นซากสถานวิมานทลาย            โอ้อาลัยใจหายเสียดายยิ่ง

พ(ยา)ยามทำใจให้ยอมรับกับความจริง          ทุกทุกสิ่งผ่านมาแล้วผ่านไป

(เหลือไว้เพียงภาพงามความทรงจำ)


กระทู้: โรงหนังชั้นหนึ่ง stand alone หนึ่งเดียวที่เหลืออยู่กลางกรุงฯ - สกาลา"
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 03 พ.ย. 21, 07:54
จะยังคงส่องแสงอยู่ในใจตลอดกาล

อรุณ วัชระสวัสดิ์


กระทู้: โรงหนังชั้นหนึ่ง stand alone หนึ่งเดียวที่เหลืออยู่กลางกรุงฯ - สกาลา"
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 28 ก.พ. 22, 18:43
สกาลา (เคย) อยู่ที่นี่

ภาพจาก Fotograph of the modern movement (https://www.facebook.com/100044478064493/posts/534762091349722/?d=n)


กระทู้: โรงหนังชั้นหนึ่ง stand alone หนึ่งเดียวที่เหลืออยู่กลางกรุงฯ - สกาลา"
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 08 เม.ย. 22, 10:15
สกาลา (เคย) อยู่ที่นี่ (๒)

ทยอยทุบเพื่อสร้างเป็นห้างเซ็นทรัล เมื่อวันที่ ๖ เมษายน ๒๕๖๕

ภาพโดย คุณนพเดช เกษโกมล (https://www.facebook.com/groups/429224380754014/permalink/1727832790893160/)


กระทู้: โรงหนังชั้นหนึ่ง stand alone หนึ่งเดียวที่เหลืออยู่กลางกรุงฯ - สกาลา"
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 11 เม.ย. 22, 18:35
สกาลา (เคย) อยู่ที่นี่ (๓)

ทุบทิ้ง ……ไม่เหลืออะไรเลย วันที่ ๑๑ เมษายน ๒๕๖๕

ภาพจาก Thai PBS (https://www.facebook.com/330743535084/posts/10166807249965085/?d=n)


กระทู้: โรงหนังชั้นหนึ่ง stand alone หนึ่งเดียวที่เหลืออยู่กลางกรุงฯ - สกาลา"
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 12 เม.ย. 22, 11:15
ภาพจาก THE STANDARD (https://www.facebook.com/1683658098593742/posts/3014124695547069/?d=n)


กระทู้: โรงหนังชั้นหนึ่ง stand alone หนึ่งเดียวที่เหลืออยู่กลางกรุงฯ - สกาลา"
เริ่มกระทู้โดย: SILA ที่ 06 ก.ค. 22, 13:58
        จะทุบทิ้งถอนราก           ความทรงจำยังคงฝากฝังไว้

        จะรื้อถอนไถกลบ           ไม่อาจลบเลือนรอยอดีต


กระทู้: โรงหนังชั้นหนึ่ง stand alone หนึ่งเดียวที่เหลืออยู่กลางกรุงฯ - สกาลา"
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 07 ก.ค. 22, 09:18
  พิสิฐ ตันสัจจา เจ้าตำนาน “สยาม-ลิโด-สกาลา” ขวัญใจคอหนังเมืองไทย

     ชื่อของโรงหนังแบบสแตนด์ อโลน ที่หลายคนนึกถึง น่าจะมี “ลิโด” หรือ “สกาลา” อยู่ในอันดับต้น ๆ สำหรับชื่อแรกนั้นกลายเป็นตำนานไปแล้ว เพราะหลังจากยืนหยัดคู่สยามสแควร์มา 50 ปี ก็มีอันต้องปิดตัว แต่ในเดือนสิงหาคมปี 2562 ลิโดก็ฟื้นลมหายใจกลับมาอีกครั้ง ในชื่อ “ลิโด้ คอนเนค” (Lido Connect) ภายใต้การบริหารของกลุ่มทุนรายใหม่ ที่ยังคงโรงหนังไว้ฉายหนังเช่นเดิม เพิ่มเติมคือการเป็นพื้นที่สำหรับรองรับกิจกรรมต่าง ๆ ส่วน สกาลา ยังคงยืนเด่นเป็นสง่า รอต้อนรับคอหนังที่แวะไปเยี่ยมไปเยือน
      นั่งไทม์แมชีนกลับไป เบื้องหลังของ ลิโด และ สกาลา โรงหนังขวัญใจคนรักหนังนอกกระแส คือ พิสิฐ ตันสัจจา หรือ “เสี่ยซัว โชว์แมน” บุรุษที่เป็นอีกหนึ่งตำนานวงการโรงหนังเมืองไทย ผู้ปลุกปั้นเครือเอเพ็กซ์ให้ครองใจคนทุกวัยมาถึงทุกวันนี้
       ชีวิตของพิสิฐโลดแล่นในวงการศิลปะบันเทิงมาก่อนหน้านั้น ในปี 2492 บริษัทศิลป์ไทย ที่พิสิฐในวัย 25 ปี เป็นหนึ่งในผู้ถือหุ้นได้ขอเช่า “ศาลาเฉลิมไทย” ตั้งอยู่หัวมุมถนนราชดำเนิน ที่ถูกใช้เป็นโกดังเก็บผ้าของรัฐบาลมาปรับปรุงใหม่เป็นโรงละครเวที บริษัทลงทุนไปถึง 1 ล้านบาท ซึ่งนับว่ามากโขในสมัยนั้น เพื่อเนรมิตให้ศาลาเฉลิมไทยกลายเป็นโรงละครที่ใหญ่ที่สุด จุคนได้ 1,500 ที่นั่ง ตกแต่งแบบผสมผสานระหว่างโรงละครตะวันตกกับศิลปะไทย และมีระบบไฮดรอลิกทำให้เวทีเลื่อนขึ้นลงได้
        แต่เพียง 4 ปีจากนั้น ละครเวทีเกิดเสื่อมความนิยมลง พิสิฐ หรือที่คนรู้จักเรียกกันว่า “เสี่ยซัว” จึงหันมาปรับศาลาเฉลิมไทยให้กลายเป็นโรงภาพยนตร์ และได้รับความนิยมอย่างมากจากความหรูหราของสถานที่ ผสานกับการนำเทคโนโลยีแปลกใหม่มาใช้ฉายหนังอย่างระบบซีเนรามาที่ทำให้ฉายจอกว้างเป็นพิเศษได้เต็มตา อีกทั้งโรงหนังเฉลิมไทยยังเป็นต้นแบบวัฒนธรรมการนำ “ป๊อปคอร์น” มาขายหน้าโรงเหมือนในต่างประเทศด้วย
        ความสำเร็จของโรงหนังเฉลิมไทย (ซึ่งท้ายสุดปิดตัวและมีการรื้อถอนไปในปี 2532) ทำให้ กอบชัย ซอโสตถิกุล แห่ง บริษัท เซาท์อีสต์เอเชียก่อสร้าง จำกัด ซึ่งกำลังพัฒนาโครงการก่อสร้างบนที่ดินถนนพระราม 1 สนใจให้พิสิฐมาช่วยเสริมส่วนที่เป็นโรงหนัง โดยบริษัทจะสร้างตึกแถวชั้นล่างเป็นพื้นที่ขายสินค้าและให้มีโรงหนังด้านบน แต่เดิมนั้นพิสิฐตั้งใจจะใช้ชื่อโรงหนัง “จุฬาฯ” แต่เนื่องจากถูกท้วงติงถึงความเหมาะสมจึงเปลี่ยนเป็น “สยาม” โดยฉายหนังเรื่องแรกคือ รถถังประจัญบาน (Battle of the Bulge) เมื่อวันที่ 15 ธันวาคม ปี 2509

     โรงหนังสยามที่มีความจุ 800 ที่นั่ง แม้จะทันสมัยมากในยุคนั้น เพราะเป็นโรงหนังแห่งแรกและเป็นอาคารแห่งที่สองของไทยที่มีบันไดเลื่อน (อาคารแรกคือห้างไทยไดมารู เปิดปี 2507) แต่ก็ตั้งอยู่ในย่านการค้าใหม่ รอบข้างยังเป็นชุมชนแออัด ฝั่งตรงข้ามเป็นสวนฝรั่งและโรงแรมอินเตอร์คอนติเนนตัล ทั้งยังมีรถเมล์สายเดียวที่วิ่งผ่าน พิสิฐจึงต้องออกแรงในการโปรโมตอย่างหนัก

     เขาใช้วิธีผลิตสูจิบัตรเกี่ยวกับโรงหนังสยาม นอกจากบอกตารางฉายหนังแล้วยังให้คอลัมนิสต์ชื่อดังมาเขียนเรื่องราวต่าง ๆ โดยหนึ่งในคอลัมน์ใช้ชื่อว่า “สยามสแควร์” ที่ฉายภาพลักษณ์ความทันสมัยและแฟชั่นของคนย่านนี้ แล้วนำสูจิบัตรไปแจกจ่ายที่ศาลาเฉลิมไทยเพื่อดึงดูดให้หนุ่มสาวยุคนั้นทยอยกันมาอุดหนุนโรงหนังสยาม สร้างความมีชีวิตชีวาให้เกิดขึ้น

     ความนิยมที่เพิ่มพูน ทำให้พิสิฐตัดสินใจขยายโรงหนังแห่งที่สองคือ “ลิโด” ความจุ 1,000 ที่นั่ง โดยตั้งชื่อโรงหนังตามสถานที่ในกรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส เริ่มฉายหนังครั้งแรกในวันสิ้นปี 2511 ตามด้วยการสร้างโรงหนัง “สกาลา” ความจุ 1,000 ที่นั่งเช่นเดียวกัน และเริ่มฉายหนังครั้งแรกในวันสิ้นปี 2512

    อาจนับได้ว่า สกาลา เป็นโรงหนังที่พิสิฐใส่ใจกับการสร้างมากที่สุด เพราะเขาเริ่มต้นด้วยแนวคิดที่ต้องการจะสร้างโรงหนังที่สวยที่สุดในไทย สไตล์การตกแต่งจึงออกมาในรูปแบบอาร์ต เดโค ดูสง่างาม คลาสสิก หรูหรา มีแชนเดอเลียร์หนัก 3 ตันจากอิตาลีโรยตัวโดดเด่นจากเพดานตรงใจกลางโถงทางขึ้นโรงหนัง  ส่วนผนังรายรอบก็ประดับตกแต่งด้วยศิลปะงานปูนปั้น

    “สิ่งที่ท่านสร้างไว้มันเป็นความลงตัวพอดิบพอดี เป็นการผสมผสานของวัฒนธรรมของตะวันออกกับตะวันตก” นันทา ตันสัจจา ลูกสาวของพิสิฐ และทายาทผู้รับช่วงต่อการบริหารเครือเอเพ็กซ์ เคยกล่าวไว้
นันทายังเล่าถึงความใส่ใจของพิสิฐซึ่งกลายเป็นเจตนารมณ์ที่สืบทอดต่อกันมา นั่นคือพิสิฐจะคัดเลือกหนังที่เข้ามาฉายด้วยตนเอง โดยยุคแรก ๆ ต้องรอให้ผู้ชมรอบสุดท้ายกลับก่อนจึงจะได้เปิดหนังชมกันเพื่อคัดเลือก และพิสิฐยังดูแลตรวจตราทั้งเครื่องฉายหนัง เครื่องเสียง เครื่องทำความเย็นด้วยตนเองเสมอ
       สิ่งเหล่านี้ทำให้โรงหนังทั้งสามคือ สยาม ลิโด และสกาลา ที่พิสิฐสร้างขึ้น กลายเป็นแหล่งพบปะที่นิยมของหนุ่มสาวมารุ่นต่อรุ่น แต่พิสิฐไม่ได้อยู่มองเห็นและชื่นชมความรุ่งเรืองเหล่านี้นานนัก เพราะเขาจากไปเร็วเกินคาดในปี 2514 โดยมี นันทา ลูกสาวผู้คลุกคลีและผูกพันกับธุรกิจโรงหนังเป็นผู้รับช่วงต่อ
      เครือเอเพ็กซ์ภายใต้การบริหารของนันทา เธอยังคงคัดเลือกหนังที่เข้ามาฉายเองเหมือนผู้เป็นบิดา แต่ในยุคของเธอก็ต้องเผชิญความท้าทายที่มีต่อโรงภาพยนตร์สแตนด์ อโลน อย่างเข้มข้น ได้แก่การมาถึงของเทคโนโลยีวิดีโอช่วงทศวรรษ 2530s ต่อด้วยธุรกิจโรงหนังที่กระจายสาขาอย่างรวดเร็ว อาทิ เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ ที่ก่อตั้งในปี 2537 มีสาขาแรกที่ปิ่นเกล้า (และยังคงอยู่มาถึงตอนนี้) และ เอส เอฟ ซีเนม่า ที่เปิดสาขาแรกบนห้างมาบุญครอง ในปี 2542
ทั้งสองเครือใหญ่เป็นนิยามใหม่ของโรงหนัง นั่นคือการจัดโรงหนังแบบมัลติเพล็กซ์ที่ซอยย่อยหลาย ๆ โรงอยู่รวมกันในพื้นที่เดียว พร้อมกับพ่วงสิ่งบันเทิง เช่น ลู่โบว์ลิ่ง ห้องคาราโอเกะ ที่เป็นหมัดเด็ดมัดใจวัยรุ่น และทั้งสองบริษัทยังขยายสาขาพ่วงไปกับศูนย์การค้าในหลายจุดของเมือง เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ และเอส เอฟ ซีเนม่า จึงกลายเป็นคู่แข่งที่ดึงลูกค้าไปอย่างรวดเร็ว
      อย่างไรก็ตาม จิตวิญญาณความใส่ใจต่อผู้ชมและงานศิลปะบันเทิงที่ถูกถ่ายทอดต่อให้กับนันทา กลายเป็นจุดเด่นให้เครือเอเพ็กซ์ ยังประคองตัวมาได้ในช่วงที่โรงหนังสแตนด์ อโลน ของไทยทยอยปิดตัว โดยพื้นที่ใต้ถุนโรงหนังทั้งสามนั้น เครือเอเพ็กซ์เปิดให้เช่าเพื่อดึงรายได้ ส่วนมากเป็นร้านค้าเช่าเล็ก ๆ ของคนรุ่นใหม่ที่ยังมีทุนน้อยได้ทดลองทำกิจการต่าง ๆ ส่วนในโรงหนังก็เปิดให้หน่วยงานต่าง ๆ ได้เช่าพื้นที่จัดกิจกรรมทั้งอีเวนต์ คอนเสิร์ต ไปจนถึงละครเวที
ตัวภาพยนตร์ที่นำมาฉายเอง นันทาก็รับฟังเสียงแนะนำจากลูกค้า และเริ่มปรับจากการฉายหนังกระแสหลักอย่างเดียว มาฉายหนังนอกกระแสควบคู่กันไป ตามเสียงเรียกร้องตั้งแต่ปี 2545 ซึ่งเป็นทั้งการตอบสนองคนดูและการหาจุดยืนของตัวเองเพื่อสู้กับค่ายโรงหนังยักษ์ใหญ่
       นอกจากนี้ โรงหนังทั้งสามยังมีเสน่ห์แบบวันวานที่กลายเป็นซิกเนเจอร์ให้ลูกค้าประจำจำนวนหนึ่งยังแวะกลับมาเสมอ ไม่ว่าจะเป็นระบบจองที่นั่งในกระดาษ ตั๋วหนังที่ฉีกจากต้นขั้ว พนักงานฉีกตั๋วในชุดสูทสีเหลือง และถ้าใครไม่รู้จะวางแผนชีวิตการดูหนังของตัวเองอย่างไร แค่ยกหูโทรศัพท์หาพนักงานจองตั๋ว ก็จะได้รับคำตอบทั้งรายละเอียดหนัง คำแนะนำในการจองรอบหากต้องการดูติดต่อกัน 2 เรื่อง แถมยังมีบัตรสะสมแต้มแบบไม่มีวันหมดอายุ แสตมป์ครบ 10 ดวงเมื่อไหร่ ดูหนังฟรีทันที 1 ที่นั่ง เรียกว่าได้ใจคอหนังทุกเพศทุกวัยไปแบบเต็ม ๆ
       ปี 2553 เครือเอเพ็กซ์เหลือโรงภาพยนตร์ 2 แห่งคือลิโดและสกาลา เพราะโรงหนังสยามเกิดเพลิงไหม้ในเหตุการณ์ความไม่สงบทางการเมือง ถึงอย่างนั้น นันทาก็ยังคงเดินหน้ากิจการโรงหนัง และพยายามตรึงราคาตั๋วไว้ให้ต่ำที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ ทั้งที่โลเคชันโรงหนังตั้งอยู่ใจกลางย่านการค้าสุดหรูของกรุงเทพฯ และค่าเช่าพื้นที่ทำโรงหนังก็นับว่าสูงเอาการ ถ้าเทียบกับรายได้ที่เครือเอเพ็กซ์ได้จากการปล่อยให้ร้านค้าเช่าพื้นที่และค่าตั๋วหนัง ซึ่งฐานข้อมูลของกรมพัฒนาธุรกิจการค้า ระบุว่า ปี 2560 บริษัท สยามมหรสพ จำกัด ผู้ดำเนินธุรกิจเครือเอเพ็กซ์ มีรายได้รวม 96.14 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 6.96 ล้านบาท ส่วนปี 2561 มีรายได้รวม 50.59 ล้านบาท ขาดทุนสุทธิ 19.40 ล้านบาท

      ด้วยหลายปัจจัยที่ก่อตัวขึ้น ทำให้เครือเอเพ็กซ์ตัดสินใจไม่ต่อสัญญาเช่าพื้นที่โรงหนังลิโดกับสำนักงานทรัพย์สินจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และจากที่มีข่าวแว่วมาหลายครั้งว่าจะปิด ในที่สุดก็ปิดตัวลงจริง ๆ เมื่อวันที่ 31 พฤษภาคม ปี 2561 ท่ามกลางความเสียดายและความอาลัยอาวรณ์ของคอหนังจำนวนมากที่ผูกพันกับลิโด แต่ให้หลังอีก 1 ปีนิด ๆ ลิโดก็มาในโฉมใหม่ “ลิโด้ คอนเนค” ภายใต้การบริหารของกลุ่มใหม่คือ บริษัท เลิฟ อิส เอ็นเตอร์เทนเม้นท์ จำกัด โดยเปิดตัวอย่างเป็นทางการในวันที่ 1 สิงหาคม ปี 2562
       ปัจจุบัน เครือเอเพ็กซ์จึงเหลือโรงภาพยนตร์เพียงแห่งเดียวคือ สกาลา ซึ่งหลังจากยืนราคาตั๋วร้อยต้น ๆ มาหลายปีดีดัก ก็เพิ่งจะขอปรับราคาขึ้นเป็น 120-160 บาท ไปเมื่อวันที่ 25 กรกฎาคม ปี 2562 เทียบกับเครือโรงหนังมัลติเพล็กซ์แห่งอื่นที่ดันราคาไปที่ 200 บาทขึ้นไป มาตั้งแต่ราวปี 2557 แล้ว
      เครือเอเพ็กซ์จะหมดสัญญาเช่าพื้นที่โรงหนังสกาลากับสำนักงานทรัพย์สินจุฬาฯ ในวันที่ 31 ธันวาคม ปี 2563 ถึงตอนนั้นก็ไม่รู้ว่าชะตาของ “สกาลา” โรงหนังที่พิสิฐตั้งใจสร้างขึ้นมากที่สุดและเป็นแห่งสุดท้ายที่เขาฝากใจรักในธุรกิจนี้ไว้จะเป็นเช่นไร จะถูกทุบทิ้งเหลือเพียงชื่อไว้เป็นตำนาน หรือยังคงยืนเด่นภายใต้การบริหารของกลุ่มใหม่ ก็สุดแท้จะคาดเดาในจังหวะนี้
 
      บัดนี้ ก็เหลือแต่ตำนาน




https://www.thepeople.co/read/business/10635