เรียนท่านอาจารย์เทาชมพู แหละท่านผู้ทรงคุณวุฒิ ณ เรือนไทยทุกท่านด้วยความเคารพยิ่งครับ
กระทู้นี้ เกิดจากความเขลาของผมเองครับ เมื่อสติปัญญาเฉาโฉดด้านภาษาอังกฤษ ก็ขอยอมรับตามตรงเป็นอันดับแรก เพื่อจะได้ขอวิทยาทานจากทุกๆท่านสืบไปครับ
ต้นเหตุของการตั้งกระทู้นี้ขึ้นคือ วันหนึ่งเมื่อประมาณสักสองเดือนก่อน ผมเข้าเว็บไซต์ google แล้วพิมพ์ข้อความ “กาพย์ยานี”+”นายผี” ลงไปในช่องค้นหา เพื่อจะลองตรวจสอบดูว่า มีผู้ค้นคว้า วิจัย เกี่ยวกับลีลากาพย์ยานีของท่านอัศนี พลจันทร (นายผี) เอาไว้มากน้อยกี่ท่าน ผลลัพธ์ที่ได้ ก็สมใจครับ แต่ ไม่คิดเลยว่า จะได้ของแถมตามมาด้วยชนิดคาดไม่ถึง ท่าน google พาผมเข้าไปเจอบทกวีแปลชิ้นหนึ่งเข้า ขออนุญาตนำมาลงดังนี้ครับ
“I
The extinguished fire they blow.
Two crouching figures
Now the one is blowing
Then the other alternately
Yet the fire flames not
Perturbed smoke’s enshrouding the body
Thin, black and full of pus
Knees sticking to the ribs
Bones squeezing together
The down-trodden in the cold
II
People pass by indifferently
Casting a look or two
Then glide away
Despised figure left behind
On dry, yellow grass
Behind the shadow of Djrak Plant
In the dim, lazy light
Cricket’s creaking, Grasshopper’s chirping
Crying complaint in empty hole
The down-trodden die nakedly.
**
๑
เสียเปลวก็เป่าเถ้า
ทุเรศเร้าทั้งสองรา
บัดใจจะเป่ามา
และมิตรน้อยนั่นเป่าไป
เถ้าร่อยบ่ลุกเรือง
กะเตื้องคลุ้งแต่ควันไฟ
ดำผอมพุหนองไผ
ผนึกเข่ากะโครงคราง
ดูกะดูกเด่นเผ่นผอมพาง
พ่ายภัยเพียบปาง
จะป่นจะปี้นี่หนาว
๒
ผองชนก็ผ่านเฉย
ชำเลืองเลยทุกคราคราว
ลิ่วย่าง ณ ทางยาว
ละสองอยู่แต่หลังหยาม
ยังหญ้าชราเหลือง
และเบื้องร่มละหุ่งตาม
เงาเศร้าและแสงทราม
เสนาะหรีดและเรไร
ร้องร่ำรำพันเนืองใน
รูเปล่าเปลืองใจ
จึงสองพินาศเนือยเปลือย”
ผมอึ้งอยู่พักใหญ่เชียวครับ ถ้าสมมุติว่า มีใครสักคน นำเฉพาะส่วนที่แปลเป็นไทยแล้วมาให้ผมอ่านโดยมิบอกที่มาที่ไปกันก่อน ผมสารภาพครับ ดูไม่ออกจริงๆ ว่านี่คือบทกวีซึ่งต้นฉบับเป็นไพรัชพากย์ เพราะท่านผู้แปล (จะเป็นใครก็ตาม) ได้สร้างลีลาดำเนินกาพย์อย่างไพเราะ ลงตัว ซ้ำยังเพิ่มสีสัน ตกแต่งเสียงสัมผัสพยัญชนะแบบอลังการเข้าไปอีก จนทำให้ลีลาของกาพย์ยานี (แปล) ชิ้นนี้ ละม้ายขนบอินทรวิเชียรฉันท์สมัยเก่า ส่วนกาพย์ฉบังนั้นเล่าก็เพริศพริ้ง นอกจากเล่นสัมผัสพยัญชนะในวรรคเดียวกันแล้ว ยังมีการส่งข้ามวรรคด้วย กล่าวคือ เสียงพยัญชนะต้นของคำสุดท้าย วรรคแรก เป็นเสียงเดียวกับเสียงพยัญชนะต้นของคำที่ ๑ วรรคที่ ๒ ฝีมือระดับนี้ แม้ยังพิสูจน์มิได้เด่นชัดว่าท่านอัศนี พลจันทร ใช่ไหม ผมก็สงสัยว่าอาจเป็นท่านผู้นั้น ถ้ามิใช่ ก็น่าจะเป็นกวีผู้ทรงคุณวุฒิระดับใกล้ๆกัน
เท่าที่ผมพอจะรู้มาบ้างแบบตื้นเขินเต็มที ก็คือ โครงสร้างฉันทลักษณ์ของกวีนิพนธ์ภาษาอังกฤษนั้น ผิดแผกกับไทยเรา นี่เองครับ ทำให้ผมฉงน ว่าบทกวีแปลชิ้นนี้ มีอะไรที่ยังแปลไม่หมด หรือจำเป็นต้องตัดทอน มิฉะนั้นก็รวบความเพื่อให้เหมาะสมกับฉันทลักษณ์กาพย์ยานีและฉบังบ้างไหม ยิ่งเป็นยานีกับฉบังแบบประดับอาภรณ์เพิ่มเข้าไปอีก ข้อยุ่งยากย่อมมากขึ้น
ผมขออนุญาตเรียนท่านอาจารย์เทาชมพู รวมถึงท่านผู้อ่านทุกท่านอีกครั้งครับ ว่าผมโง่เง่าวิชาภาษาอังกฤษเหลือเกิน ความพยายามในการถอดความบทกวีภาษาอังกฤษข้างบนออกเป็นร้อยแก้วจึงล้มเหลว แต่โดยเหตุที่ ตื่นเต้นกับสำนวนแปลนักหนา ผมจึงขออนุญาตเรียนถามครับ ว่า
๑. สำนวนแปลเป็นสยามพากย์นี้ แปลแบบวรรคต่อวรรค หรือใช้วิธีรวบความครับ
๒. มีคำใดที่ถูกละไว้มิได้แปล หรือ แปลโดยเลี่ยงไปใช้ศัพท์อื่นเพื่อให้ได้คำบรรจุลงในกาพย์ขนบไทยอย่างเหมาะเจาะหรือเปล่าครับ ขอทุกท่านโปรดการุณย์เกื้อหนุนสัตว์ผู้ปัญญาทรามอย่างผม ให้พอได้แสงแห่งเชาวน์วิชาในการศึกษาบทกวีแปล แหละวิธีแปลบทกวี บ้างเถิดครับ อนึ่ง ขออนุญาตเรียนชี้แจงในตอนท้ายว่า บทความที่เขียนขึ้นต่อจากบทกวีแปลนั้น มีข้อที่ผมมิเห็นด้วย หรือไม่ก็มองต่างออกไปอยู่บ้าง แต่เนื่องจาก เป็นประเด็นรอง จึงไม่ขออภิปราย ครับผม
ขอแสดงความนับถืออย่างสูงยิ่ง
ชูพงค์ ตรีวัฒน์สุวรรณ
เว็บไซต์อ้างอิง ที่มาของบทกวี
http://readjournal.org/contents/editorial/