เรือนไทย

ต่อจากกระทู้นี้ค่ะ
http://www.reurnthai.com/index.php?topic=2519.msg47861;topicseen#msg47861

ทีแรกลงภาพเซอร์โรเจอร์ มัวร์สมัยหนุ่ม(มาก) ในหนังชุดเรื่อง Ivanhoe  ของอังกฤษ
แต่มาเปลี่ยนใจเมื่อเห็นภาพเจมส์บอนด์ เพียซ บรอสแนนที่คุณศิลาเอามาลงในกระทู้ก่อน
มาถึงปัจจุบัน  สภาพของเพียซก็ถือได้ว่าเข้ากรุไปแล้วเรียบร้อย
เมื่อเทียบกับภาพในอดีต ยุคต้น 1980s  ในบทRemington Steele
คู่กับดาราสาวสเตฟานี  ซิมบาลิสต์

จากนั้น ถึงปี 2005

James Bond ทั้งหก
ใครเป็นใคร เชิญตอบเองค่ะ

กรุ..นี่หนักกว่าหิ้งอีกนะคะ
โธ่...โธ่ โธ่ คุณ sila  8)
....
เอียน เฟลมมิ่งปั้นเจมส์ บอนด์เป็นสายลับอังกฤษเปลี่ยนโฉมหน้าตั้งแต่ยุคฌอน คอนเนอรี่ มาจนเดเนียล เครก เริ่มจะอมตะแล้ว เพราะคนดูรู้สึกคุ้นกับแคแรคเตอร์เฉียบ เก่งทั้งเล่นไพ่ไปถึงไหวพริบทุกด้าน
อเมริกันสร้างสายลับของตัวอีกแบบเช่น มิชชั่น อิมพอสสิเบิ้ล ล่าสุด เจสัน บอร์น ก็ลอกสูตรไล่ล่าด้วยรถยนต์บ้าง เรือบ้าง ทั้งเรื่องดูแล้วเหนื่อย เอาใจช่วยพระเอกทั้งที่รู้ๆว่า เขาไม่ตายหรอก
อีกสามสิบปี เราคงทราบว่า จะอยู่ยั้งยืนยงเหมือนเจมส์ บอนด์ไหม
ชอบเจมส์ บอนด์คนแรก แล้วก็มัวร์ แล้วก็บรอสนั่น จนถึงคนปัจจุบันค่ะ
หุ่นแมนมั่กๆ...

         คั่นรายการด้วยภาพงามๆ ระหว่างรออาจารย์มาเล่าเรื่องต่อ
           เป็นภาพจากหนังสือ Vanity Fair ฉบับฮอลลีวู้ด มีนาคมศกนี้ นำนักแสดงชื่อดังมาถ่ายภาพจากหนัง
ของ Alfred Hitchcock
         เลือกภาพ นาโอมิ วัตตส์ ใน Marnie ที่อาจารย์เคยเล่าไว้
 

และ โจดี้ ฟอสเตอร์ ใน The Birds ครับ

        เป็นบทความประกอบภาพ เล่าเรื่องราวระหว่าง Hitchcock และ Hedren หลังกล้องหนังทั้งสองเรื่อง
ใน The Birds

       Hitchcock may never have taken his obsession with blondes further than with Tippi Hedren,
a model he spotted in a television commercial for a diet drink and immediately signed to
an exclusive, seven-year film contract. Within months he had cast her as the lead in The Birds.
       Hitchcock said he made the film in order to "scare the hell out of people,"
but Hedren may have been more scared than any audience member.

       Hitchcock ordered Hedren not only a complete wardrobe for her films,
but also-shades of Vertigo-one for her personal life; he hired two crew members
to spy on her when she left the set; and he repeatedly pressured her to drink martinis
during rehearsals.

       But the most upsetting episode came during the filming of the movie's climactic
bird-attack scene. Hitchcock put Hedren in a giant cage and had two men throw live birds
at her face. He shot the scene all day long, every day, for an entire week.
        It was only when she suffered a gash underneath one of her eyes that filming was stopped.
"Really the worst week of my life," said Hedren.   

      จาก Marnie อันนี้ก็ไม่น้อยหรือยิ่งกว่า The Birds อีกครับ

         While filming The Birds, Hitchcock became unnaturally fixated on his star, Tippi Hedren.
In Marnie, shot right after The Birds, Hitchcock's passion for the actress took on
a new level of obsession and oddity.
        It seemed to many on the set that Hitchcock was concerned less with the production
of the film than with his efffort to woo Hedren.
        He sent champagne to her dressing room every day, declared her the best actress
he had ever directed, and freely confesssed his love.

        Most disturbingly, he told her of a recurring dream he had:
       "You were in the living room of my house in Santa Cruz, and there was
a rainbow, a glow around you. You came right to me and said,
       'Hitch I love you-I'll always love you,' and we embraced.
        Don't you understand that you're everything I've ever dreamed about?"

       Near the end of production, after Hedren finally rejected him-in her trailer one day,
after Hitchcocked had propositioned her directly-he dropped her, and refused ever to
utter her name again. Did we mention that Marnie is a psychodrama about frigidity?

        ขอเพิ่มอีกภาพที่ชอบครับ เป็นหนังสร้างจากนิยายโด่งดัง ที่ตอนเป็นนักเรียนเคยเรียนฉบับย่อ
จำได้ว่าหนังเปิดเรื่องเหมือนในหนังสือ ด้วยภาพจากประตูรั้ว ล่วงเข้าไปสู่คฤหาสน์ที่รกร้าง พร้อมเสียงบรรยายว่า -
Last night I dreamt I went to Manderley again. 
       คำบรรยายประกอบภาพบอกว่า Hitchcock ร่าง treatment ที่มีการดัดแปลงหลายอย่างให้ Selznick ดู
แล้วโดนตอบกลับมาว่า shocked and disappointed beyond words และสั่งให้เขียนใหม่ให้ตรงตามตัวนิยาย
   
I และ Mrs. Danvers จากเรื่อง Rebecca โดย Keira Knightley และ Jennifer Jason Leigh
(เสียดายเจนนิเฟอร์ เป็นนักแสดงมากฝีมือที่มีผลงานน้อยจัง)

สวยมากค่ะ ภาพในVanity Fair ที่คุณsilaมาลง
..
ดิฉันยังติดใจเจมส์ บอนด์ อยู่ค่ะ อาจารย์ จริงๆไม่ชอบหนังชุดนี้เลย เป็นสูตรสำเร็จที่เอียน เฟลมมิ่ง ถ้ามีชีวิตอยู่ไม่รู้จะว่าไง ที่มีนักเขียนหลายคนหยิบแคแร็คเตอร์นี้ ไปเขียนมาให้อ่านกันได้เรื่อยๆ เอาแค่หนัง ก็มีแต่EONโพรดัคชั่น ผูกขาดความสำเร็จทางการค้าอยู่เจ้าเดียวแล้ว
เจมส์ บอนด์ My name is Bond, James Bond...
อ่านที่มาของชื่อง่ายๆ ติดหูอย่างเจมส์ บอนด์ คือเอียนพักผ่อนอยู่ที่จาไมก้า  เป็นนักดูนกคนหนึ่ง อ่านหนังสือนกที่เขียนโดยนักปักษีวิทยาชื่อเจมส์ บอนด์ ก็เลยถูกใจกับชื่อจืดๆนี้
จืดของเอียนสมัยนั้น กลายเป็นชื่อที่ทำเงินมาครึ่งศตวรรษแล้วนะคะ
นักวิตกวิจารณ์พยายามค้นว่า เอียนไปได้แคแร็คเตอร์นี้มาจากไหน ทั้งเป็นสายลับที่ปราดเปรื่อง คลั่งคนสวย เจ้าชู้หาตัวจับยาก เล่นไพ่เก่ง มียศทางทหารเรือเป็นcommander ปรากฎว่าทั้งหมดนี้ คือซีกหนึ่งของเอียนโดยแท้..
เอียนม่องเท่งไป แต่เจมส์ ยังโลดแล่นอยู่ในหนัง หนังสือ และทีวี จนถึงเกมส์และการ์ตูน
จนเราแก่ชรา EON คงยังมันกับการทำเงินจากหนังสายลับอังกฤษ สายเลือดสก็อต(เอาใจดาราคนแรก)ผสมสวิส ต่อไป..
...............

       ชอบบอนด์แบบท่านเซอร์ Sean ครับ เข้มข้น เท่ เก่ง ฉลาดมีไหวพริบ และโหด โดยเฉพาะ
ในฉาก(น่าจะเป็นตอน "นิ้วทอง") ที่พระเอกเราเห็นเงาคนร้ายที่ย่องมาข้างหลังในแววตาของนางนกต่อ
พระเอกเราก็เลยหมุนตัวหลบแล้วเธอโดนฟาดแทน
         พอมาถึงยุคท่านเซอร์ Moore และ Brosnan ความเข้มก็จางลงไปมาก กลับเน้นฉากต่อสู้
แบบโม้ เกินจริง มีอุปกรณ์เสริมมากเกินไป และช่วงหลังพระเอกกลับกลายเป็นพรีเซนเตอร์สินค้า เช่น
นาฬิกา รถยนต์
         สุดท้ายในปัจจุบัน ทีมผู้สร้างก็ต้องย้อนกลับไปที่จุดเริ่มต้นแบบท่านเซอร์ Sean ใหม่

ป.ล. ขอแถมอีกรูปครับ เมื่อวานไปดู Atonement  ภาพนางเอก Keira โพสท์ไปแล้ว วันนี้โพสท์ภาพพระเอก James McAvoy

Emile Hirsch และ James McAvoy จาก Strangers on a Train

   

อืมม์ บางที Vanity Fairรีทัชซะ James หน้าหวานเกินคนจริง เป็นพลาสติคไร้volumeไปเลย
...
นอกเรื่องตามคุณsila หวังว่าอาจารย์คงไม่ว่ากระไร Atonement ได้เข้าชิงรางวัลเยอะ ไปดูมาตั้งแต่เข้าใหม่ๆจนขยายมากินสองโรงแล้วที่แถวสยาม ส่วนSweeney Todd หดไปอยู่แค่โรงเล็กๆที่ลิโด อาจจะเพราะหนังของ Tim Burton ไม่ใช่ขาประจำคงไม่อยากจะดูเท่าไหร่ คนชอบดราม่าคงไม่พลาด โดยเฉพาะคุณOam น่าจะได้ดูหนังของ Tim
บทนักเขียนเด็กขี้อิจฉาแบบคนอังกฤษ (ที่ไม่ใช่กระทืบเท้า เต้นเร่าๆ กรี๊ดลั่นไปสามบ้านแปดบ้านแบบหนังไทย) ทำให้เด็กชื่ออ่านยาก Saoirse Ronan(pronounced /ˈsɪrʃə ˈroʊnən/ in English)ได้ชิงตุ๊กตาทองกับเขาด้วย และบทสำคัญสุดแสบนี้ถึงขนาดเอาวาเนสสา เรดเกรฟมาเล่นเป็นเธอตอนแก่..
เรียกว่า ทรยศหักหลังไม่สิ้นสุด
แฟนคลับอาจารย์เทาชมพูน่าไปดูค่ะ ดิฉันขอทำนายว่าสองเรื่องนี้ จะคลาสสิคในอนาคต

ทำชายหลายคนไม่กล้าเข้าร้านตัดผม บาร์เบอร์นักเชือด.. สำหรับคุณOamค่ะ อาจารย์ ;)

ผมไปดู Atonement ตั้งแต่หนังเริ่มเข้าโปรแกรม แบบไม่ตั้งใจคือไม่ให้ตกข่าว  Director ผูกหนังฝากชีวิตไว้กับเด็กเยอะ
ก็มีความรู้สึกว่าเด็กคนนี้มาแรง... เธอประสบความสำเร็จแบบไม่รู้ตัว..  ถึงแม้ว่าเธออาจจะได้ หรือไม่ได้รางวัล ใน Oscar

ส่วน​ Sweeney Todd ช่างตัดผมจอมเชือด หนังสไตล์ของ Tim Burton ก็พิสูจน์ความสามารถของ Johnny Depp ที่สลัดคราบของ Jack Sparrow ผู้น่ารักเป็นจอมอำมโหด..... สยองงง

เคยดู Tomorrow Never Dies หรืออะไรสักเรื่องที่เพียซ บรอสแนนเล่น    รู้สึกว่าพี่บอนด์ตอนนี้ ก็คือซุปเปอร์แมนที่แค่ไม่ได้สวมชุดประจำเท่านั้นละค่ะ
โดดเครื่องบินลงมา   ผมเผ้ายังไม่ยุ่งด้วยซ้ำ

ปลายทศวรรษ 1960s  ฌอน คอนเนอรี่ทำให้สายลับเจมส์ บอนด์โด่งดังทะลุฟ้า เรียกว่าเป็นการเริ่มประเภทใหม่ของหนังทำเงิน  ถล่มหนังคาวบอยของฮอลลีวู้ดและหนังพระเอกจอมพลังของอิตาลีให้หมดอนาคตไปเลย
แต่ฌอน คอนเนอรี่เล่นได้สักพัก   ก็ปฏิเสธไม่ยอมเล่นบทนี้อีกต่อไป  ผู้สร้างจึงต้องควานหาบอนด์คนใหม่กันเป็นการใหญ่ ในปี 1968
แทนที่จะเอาดารามาเล่น   ส้มกลับไปหล่นที่นายแบบโฆษณาชาวออสเตรเลีย ที่มาเอาดีในลอนดอน   ชื่อจอร์ช ลาเซนบี
เขาก็เลยได้เป็นบอนด์คนที่สอง ในหนัง  On Her Majesty's Secret Service  เป็นหนังตอนเดียวที่บอนด์พบรักถึงขั้นแต่งงานกับหญิงสาวทั้งสวยและเก่ง   แสดงโดยไดอาน่า ริกก์  จาก ขวัญใจสายลับ

จอร์ชมีเรื่องขัดแย้งกันหนักกับผู้กำกับ   แล้วก็ยังไม่ถูกกันอย่างแรงกับนางเอกคนสวย  ว่ากันว่าไดอาน่าแกล้งกินกระเทียมให้กลิ่นหึ่งเมื่อต้องเข้าบทรักกับพระเอก
พอจบเรื่องนี้  ลาเซนบีก็รัศมีดับ  ไม่ฟื้นมาสู่วงการอีก แม้จะพยายามเล่นหนังอีกก็ตาม

นี่คือรูปในปัจจุบันให้คุณกุ้งแห้งได้ปลงซ้ำซาก

โอ๋..
 :o
ตอนยังดูดีค่ะ มีรูปกับไดอาน่า ริกค่ะ  ไม่ทราบว่าศรศิลป์ไม่กินกัน :-X

สำหรับนางเอกคนนี้ ถึงกินกระเทียมผมก็ไม่เกี่ยงครับ

 ;)

น่าเสียดายแทนค่ะ  ไม่แน่ใจเหมือนกันว่า ลาเซนบีเป็นฝ่ายประกาศอำลาไม่ยอมเล่นเรื่องเจมส์บอนด์อีก ตามที่เขาให้สัมภาษณ์
หรือว่าผู้สร้างและผู้กำกับฯเข็นไม่ขึ้น  เลยไม่คะยั้นคะยอให้เล่นต่อ

อย่างไรก็ตาม   ผู้สร้างก็ไปเกลี้ยกล่อมฌอน คอนเนอรี่กลับมาเล่นตอนต่อไปใหม่ คือ Diamonds are Forever
ส่วนลาเซนบีก็ดับไปจากวงการ  เป็นเจมส์บอนด์ตอนเดียวที่ไม่มีโอกาสพัฒนาฝีมือให้ยิ่งๆขึ้นไปอีก  แม้ราชรถเคยมาเกยถึงที่ก็ตาม

        คั่นรายการ(อีกแล้ว) ครับ
         
         ดาวร่วงอีกดวงหนึ่ง Roy Scheider เสียชีวิตเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านไป ทางโรงพยาบาลไม่ได้กล่าวถึง
สาเหตุการตาย แต่ให้ประวัติว่ารอยป่วยด้วยโรค Multiple Myeloma (โรคมะเร็งเม็ดเลือดชนิดหนึ่ง) เป็นเวลา 2 ปี แล้ว

         นักแสดงผู้เป็นที่รู้จักกันทั่วไปจากหนังโด่งดัง Jaws
        แรกเห็นใน French Connection รับบทนายตำรวจคู่กับ Gene Hackman - ได้รับการเสนอชื่อ
ชิงออสการ์สมทบ
          บทเด่นต่อมาเป็นพี่ชาย Dustin Hoffman ใน Marathon Man
        และประทับใจที่สุด เมื่อเขารับบทนำในหนังโปรดเรื่อง All That Jazz ของ Bob Fosse ครับ
(ได้เข้าชิงออสการ์นักแสดงนำ)

All That Jazz - ผู้หญิงในภาพส่วนหลังคือ Jessica Lange ผู้กลับมาหลังจากไปฝึกปรือการแสดงเพราะ
โดนวิจารณ์อย่างหนักในเรื่อง King Kong

RIP ขอให้ไปสู่สุคติ
จำเขาได้จาก Jaws  ส่วนรูปนี้มาจาก Marathon Man ปี 1976

ขอต่อถึงเจมส์บอนด์ในอดีต ให้ครบ ค่ะ
คนสุดท้ายที่นำรูปมาลง คือ Timothy Dalton   เป็นบอนด์คนที่สี่ต่อจากโรเจอร์ มัวร์
ดาลตันหน้าตาหล่อแบบโบราณ เหมาะจะเล่นหนังย้อนยุค     แต่เมื่อมาสวมสูทแพงระยับของสายลับบอนด์    ก็กลับเป็นว่าเขามีบุคลิกคล้ายบอนด์ในมโนภาพของเอียน เฟลมมิ่ง ยิ่งกว่าบอนด์คนไหนทั้งหมด

ดาลตันไม่ถึงกับดัง แต่ก็ยังดีกว่าลาเซนบีตรงที่ไม่ดับ   เมื่อบทของบอนด์ตกทอดไปถึงเพียซ บรอสแนน  ดาลตันก็ไปเอาดีทางบทอื่น  ก็เรียกว่ามีงานทำไม่ขาดมือ
ส่วนใหญ่จะเป็นหนังย้อนยุค สมกับหน้าตา

เมื่อหนุ่ม  เขาเคยเล่นหนังจากวรรณกรรมเอกของอังกฤษ Wuthering Heights เป็นฮีทคลิฟฟ์ พระเอกของเรื่อง

แต่ก็เล่นหนังเบาสมองได้เหมือนกัน The Beautician and the Beast

มาถึงตอนนี้ แก่แล้วแต่ก็ยังดูแลหุ่นได้ดีอยู่ค่ะ  คุณกุ้งแห้งคงไม่ต้องปลงมากนัก

เล่นดีค่ะ สมจริงมาก นายดาลตัน
...
แก่ แต่ยังหล่อค่ะ ใช้ได้เลย

    Dalton เคยคบหากับนักแสดงเอกของอังกฤษผู้อาวุโสกว่า Vanessa Redgrave ที่มีผลงานเรื่อง Atonement
ฉายในโรงขณะนี้ครับ

         บางส่วนจากอัตชีวประวัติของเธอ เล่าว่าเขาและเธอพบกันในหนังเรื่อง Mary Queen of Scots ที่แสดงด้วยกัน
(หนังสนุก เข้มข้น ดูเหมือนจะชื่อไทยว่า ราชินีใจเพชร ครับ, Redgrave รับบท Queen Mary และ อีกหนึ่งนักแสดงเอก
Glenda Jackson เป็น Queen Elizabeth)
        เพราะเป็นนักแสดงทั้งหนังและละครเหมือนกัน ทั้งคู่จึงได้ใช้เวลาพูดคุย ถกเถียง วิจารณ์ บทละคร และผลงาน
การแสดงกันเป็นชั่วโมงๆ
        ครั้งหนึ่ง ทั้งสองถกกันนานประมาณ 6 ชั่วโมง เมื่อ Dalton ถามเธอว่า To be, or not to be หมายความว่าอะไร     
Redgrave และ Dalton ใน Mary Queen of Scots ครับ

ผมขอตั้งข้อสังเกตว่า แบคกราวนด์ของดาลตัน ที่ทำมาหากินมาทางสายละครโดยตรง
ทำให้เขาสร้างสิ่งที่แตกต่าง น่าสนใจในการสวมบทบอนด์
หมอนี่เป็นบอนด์ที่ใกล้เคียงกับแคแร็คเตอร์ในหนังสือให้มากที่สุด
แม้ตัวเองจะบอกว่า อ่านบอนด์ในหนังสือแล้ว รู้สึกว่า บอนด์เป็นคนที่ขาดอารมณ์ขันก็ตาม

        คั่นรายการ รายงานข่าว ครับ

       เมื่อเช้าได้ยินแว่วๆ สองคำว่า ดอลลี่ และหน้าอก(เสริม) ตอนบ่ายนี้จึงได้ทราบจากเน็ท
แจ้งข่าวเธอต้องงดทัวร์คอนเสิร์ทอเมริกาเหนือ เพราะแพทย์สั่งให้นอนพักยาวเป็นเวลา ๖-๘ สัปดาห์
เนื่องจากปัญหาหนักอก - ปวดหลังของเธอ
 
her boobies are making her back hurt
     

ราชินีใจเพชรได้ดูค่ะ แต่จำดาลตันไม่ได้เลย บทสำคัญไปอยู่ที่สองสาวที่เข้าชิงตุ๊กตาทองดูเหมือนจะทั้งคู่ ดูแล้วสงสารพระราชินีแมรี่มาก เพราะการวางเนื้อเรื่องค่อนข้างจะทำให้ฝ่ายควีนอลิซาเบ็ธที่ ๑ โหด ซึ่งอันที่จริงท่านก็โหดอยู่แล้ว.. หนังเรื่องนี้ทำให้ต้องไปหาหนังสืออ่านประวัติญาติสององค์นี้เป็นการใหญ่
ดิฉันชอบทีโมธี ดาลตัน หน้าตาและท่าทางเหมาะที่จะเป็นบอนด์มาก แต่สำหรับคนดูส่วนใหญ่ รัศมีดาราของฌอน และโรเจอร์กลบเขาไปอย่างน่าเสียดาย

นางเอกคนหนึ่งของบอนด์ที่ดิฉันชอบคือ ดาราผิวเนียนคนนี้ค่ะ
Halle Berry

ไม่สวยจริง เธอคงไม่กวาดตำแหน่งมิสโอไฮโอ รองมิสยูเอสเอ และที่หกในการประกวดมิสเวิร์ลด์ มาแน่ เป็นดารานักแสดงที่ได้รางวัลการแสดงด้วย ไม่ทราบสมควรดีใจกับเธอได้หรือเปล่าเพราะดิฉันไม่ได้ชอบเรื่องมันสเตอร์บอลที่เธอเล่นเท่าไหร่ค่ะ ดิฉันสังเกตว่า ฮอลลีวู้ดชอบให้รางวัลดาราที่เปลี่ยนโฉมภายนอก มากกว่าการเล่นด้วยความรู้สึกจากภายใน
ไม่ว่าจะเป็นมันสเตอร์บอลที่ฮอลลี่ไม่เหลือเค้าความงาม ชาร์ลีซ ที่ปล่อยให้อ้วนและเสริมหน้าตาให้ดูน่าสะพรึงกลัว หรือนิโคลที่ใส่จมูกยาวจนทิ้งเค้าหน้าเดิม
....

ด้วยหุ่นนาฬิกาทรายของเธอ ทำให้ชุดไหนก็ตามที่สวมใส่ ยาก ที่จะไม่สวย แม้ตอนท้องแก่ ก็ยังดูดี ขึ้นปกได้สบาย

       Ursula Andress - Bond girl คนแรกของ Sean Connery ใน Dr. No ที่คนรุ่นก่อนจดจำ
เธอในชุดบิกินี่สีขาวได้ดี

         เธอไปค้นบิกินี่ตัวนี้มาได้จากห้องใต้หลังคา และได้นำออกประมูลร่วมกับของชิ้นอื่นจากหนังชุดเจมส์ บอนด์
ที่อังกฤษ เมื่อปี 2001
       ได้ราคา 35,000 ปอนด์ ++ (รวมจ่ายจริง 40,000 ปอนด์เศษ)
 

สาวบอนด์ที่ดิฉันทึ่งมากและชอบความสวยของเธอจริงๆ เป็นดาราฝรั่งเศส ดังตั้งแต่ปี 1980 ด้วยหนังฮิต ลาบูม.. หน้าปกหนังสือดารา เพลง ไม่มีเธอ ท่าทางจะขายไม่ออก
หายไปพักหนึ่งก็มาเปลี่ยนโฉมจนดิฉันคิดว่า เป็นแม่โซฟีคนสวยคนเดียวกันหรือนี่ ในหนังBraveheartเพราะมาดเจ้าหญิงเธอ มันช่างเจ้าหญิงเสียจริง
กลายโฉมจากวัยรุ่นหัวยุ่งหัวฟูเป็นสง่า ได้ไง
แล้วมาเปลี่ยนบุคลิกอีกทีเป็นตัวร้ายสวยเฉียบ บท Electra King
แม่เจ้าประคุณช่างเป็นนักแสดงโดยแท้..
อ่านเรื่องของเธอแล้วจะทึ่ง เป็นนักแสดง ผู้กำกับ ผู้บรรยาย ผู้อำนวยการสร้างสารพัด
มีลูกกับสองสามี คนแรกแก่กว่าเธอ 26 ขวบเท่านั้น ..เป็นผู้สนับสนุนตัวจริงช่วงต้นๆ ทำหนังด้วยกันหลายเรื่อง โซฟี่เล่นละครด้วยนะคะ บทหนึ่งที่ดังคือ เป็นElisa Doolittle ดิฉันว่า สามีคนแรก น่าจะเป็นราวพระเอกเรื่อง Pigmalion
คนที่สองเป็นนักทำหนังชาวอังกฤษ
คนที่สามก็ดาราหนุ่มเจ้าของบททาร์ซาน Christopher Lambert

โซฟี มาร์โซหน้าจิ้มลิ้ม แบบสาวฝรั่งเศส   แต่งเป็นเจ้าหญิงยุคกลางใน Braveheart ได้สวยมากค่ะ เห็นด้วย
ถ้าหากว่าเกิดเป็นสาวไทยสมัยต้นรัตนโกสินทร์  คงได้รับคำชมว่า
ปากแก้มคิ้วคางเหมือนอย่างหุ่น 

        ผู้หญิงในเจมส์ บอนด์ คนนี้ -โซฟี มาร์โซ สวยและเก่ง ถูกใจมากครับ ....
แม้ว่าเธอ จะไม่ได้เป็นผู้หญิงคนที่อยู่คู่กับบอนด์ในตอนปิดท้ายเรื่อง 

        ปกติจะชอบนักแสดงฝรั่งเศส มากกว่าฝั่งอเมริกาอยู่แล้ว ตอนที่เธอมาแสดงบอนด์ ยังรู้สึกเหมือนว่าเธอ
มายกระดับหนังแอ็คชั่นเรื่องนี้ให้ขึ้นมาเป็นหนังที่มีอะไรลึกๆ และคนเขียนบทก็เข้าใจเขียนให้เธอได้แสดงฝีมือ
สมกับที่เป็นนักแสดงมากฝีมือจากฝรั่งเศส     SPOIL ....
   
       รับบทสาว stockholm syndrome. จำรายละเอียดเนื้อเรื่องไม่ได้ครับ สงสัยว่าเธอจะมีปมอีเล็คทรา
ตามชื่อในเรื่องด้วย (หรือเปล่า)

โซฟีรักพ่อมาก แต่จะเกลียดแม่หรือเปล่าไม่ทราบค่ะ จึงไม่รู้ว่า ตัวจริงมีปมอีเล็คตร้าหรือเปล่าถึงได้แต่งกับผู้ชายแก่กว่าตั้งเยอะขนาดนั้นได้  ส่วนในเรื่อง นั่นน่ะสิ อาการกลายไปภักดีต่อคนที่ลักพาตัวเธอไปนี่ (สต็อคโฮลม์ซินโดรม) ช่วยแก้พล็อตที่ไม่สมเหตุสมผลของนักเขียนได้ชะงัดนัก..

stockholm syndrome  ภาษาไทยน่าจะแปลว่า "ปมจำเลยรัก " 
คือเชลยหรือผู้ถูกลักพาตัว  กลับเป็นฝ่ายเห็นอกเห็นใจผู้กระทำเสียเอง   

ตอนนี้เห็นจะขุดกรุสาวบอนด์มาโชว์ได้เสียที  ตอนแรกยังนึกไม่ออกว่าจะต่อทางไหน
คนแรก เป็นสาวบอนด์ต่อจากเออร์ซูล่า แอนเดรส
ชื่อ  Daniela Bianchi
 

ปมจำเลยรัก..... :o :o :o อาจารย์เด็ดมากครับ ;) ;) ;)

ในเรื่องDr.No ที่เออร์ซูล่า แอนเดรสเล่นเป็นฮันนี่ ไรเดอร์นั้น มีสาวบอนด์อีกคนค่ะ ชื่อ
Sylvia Trench เล่นโดย Eunice Gayson

Sylvia เป็นผู้หญิงของบอนด์คนแรกที่ได้เล่นสองครั้งต่อกัน บอนด์พบเธอครั้งแรกในคาสิโนตอนต้นเรื่อง Dr. No แล้วก็ถูกตามตัวไปจาไมก้า มาพบเธออีกครั้งตอนต้นเรื่อง From Russia With Love คราวนี้ในระหว่างปิคนิค ก็ถูกเรียกอีก

Daniela Bianchi หน้าตาสวยคลาสสิคแบบสาวรัสเซียเลยนะคะ ในเรื่องสอง From Russia With Love เธอเล่นเป็นสาวธุรการในออฟฟิศTatiana Romanova ใช้เสน่ห์มารยาล่อลวงบอนด์ไปอิสตันบูล แล้วดันไปหลงรักเขาเสียอีกแน่ะระหว่างปฏิบัติงาน
เกร็ดบอกว่า ต้องใช้เสียงคนอื่นแทนในเรื่องเพราะติดสำเนียงอิตาเลี่ยนมาก แต่ที่ผ่านมาได้บทนี้เพราะเป็นนางสาวโรม และรองนางงามจักรวาลอันดับหนึ่งปี 1960
..นี่ก็ระดับโลกเลย

แต่งตัวได้ทุกแบบ ทรงผมเกล้าแบบซิกซ์ตี้ส์ เป็นคุณนายแท้ จนถึงในชุดเซ็กซี่ นี่คือสไตล์หญิงสาวของบอนด์ ในเรื่องนี้.. จำเป็นมากที่ต้องใช้นางงามอิตาลีมาเล่นเป็นสาวรัสเซีย เพราะยุคนั้น อเมริกาเป็นศัตรูกับคอมมิวนิสต์ หาสาวรัสเซียนจริงๆมาเล่น น่าจะเหงี่อตก (ผิดกับสมัยนี้)

แล้วคนนี้เป็นผู้หญิงของบอนด์ด้วยหรือเปล่าครับ  ผมว่าเธอดูเท่ดีสวยแบบยุโรป

woman in red เธอสวยมากครับในชุดแดง

สาวบอนด์ยุค 60s อีกคนค่ะ  สวยแบบเท่ๆ หน้าตาคมคายแบบสาวฝรั่งเศส   ในเรื่อง Goldfinger
ชื่อจริงของเธอคือTania Mallett
น่าเสียดายว่าเล่นหนังไม่นาน ก็กลับไปเป็นนางแบบเหมือนเดิม

ในปัจจุบัน

ผมชอบสีของตาเธอครับ  มีอายุแล้วยังดูสง่าไม่เมคอัพเยอะเหมือนคุณยายดอลลี่........... :D

สาวบอนด์หน้าเข้มตาคมคนนี้ชื่อ Luciana Paluzzi   ฟังชื่อก็รู้ว่ามาจากอิตาลี   ตามแบบรุ่นพี่คือโซเฟีย ลอเรนและจิน่า ลอลโลบริจิด้า
เธอทั้งเล่นหนังใหญ่และหนังชุดทางทีวี  ตอนสาวๆสวยมากค่ะ
ถึงได้เป็นสาวบอนด์ยุค 1960s ใน Thunderball

แก่แล้วก็ยังสวย

รูปนี้ฝากคุณศิลา 
ดอลลี่  ในยุคไม่มีปัญหาเรื่องปวดหลัง

       ทรวงอก (เสริม) เป็นเอกลักษณ์ประจำตัวเธอ ที่เธอคงจะเก็บเอาไว้ ไม่ยอมผ่าตัดนำส่วน
เสริมนี้ออกไปง่ายๆ ถ้าไม่ถึงที่สุด
 
       ส่วน Dolly นี้ (ที่ได้ชื่อตามดอลลี่ พาร์ตัน) ไม่เจ็บ ไม่ปวดอะไรแล้ว
       ค้นข่าว(เก่า) - ดอลลี่ สัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมตัวแรกที่เกิดจากการโคลน (๑๙๙๖) ถูกการุณยฆาต
- euthanized แล้วตั้งแต่ปี ๒๐๐๓ หลังจากที่ถูกตรวจพบว่ามีปัญหาโรคปอด ครับ
         

สาวบอนด์สวยสะดุดตา ชื่อ Jill St.John  เธอสวยแบบดาราเซกซี่ของยุค 60s  คือโชว์รูปร่างดี เย้ายวน หน้าตาจิ้มลิ้ม แต่งชุดราตรีหรือชุดว่ายน้ำอยู่เป็นประจำ    หลายครั้งจึงถูกจับเล่นเป็นนางร้ายหรือนางรอง มากกว่านางเอก
เธอเล่นใน Diamonds are Forever

หุ่นเซกซี่สมัยปลาย 1960s ถึงต้น 1970s

จิลล์มีหนังเล่นอยู่เรื่อยๆ   ไม่ดังทะลุฟ้าแต่ก็ไม่ตกจากฟ้า   เมื่องานหนังใหญ่ว่างวายลงตามอายุที่มากขึ้น  เธอก็ไปเล่นหนังทีวี
ปัจจุบันอยู่กันดีกับสามี โรเบิร์ต แวกเนอร์ สามีของนาตาลี วู้ด ดาราสาวสวยที่สุดคนหนึ่งของฮอลลีวู้ด ที่จบชีวิตลงอย่างมืดมนและน่าเศร้าด้วยอุบัติเหตุจมน้ำตาย

               ผู้หญิงของ James Bond theme songs
       เมื่อกล่าวถึงเพลงจากเจมส์ บอนด์ เชื่อว่าคนส่วนมากต้องนึกถึง Dame Shirley Bassey
เธอร้องเพลงในหนังชุดนี้มากที่สุดถึง ๓ เพลง  ได้แก่  Goldfinger, Diamonds are Forever และ
Moonraker ครับ

Dame of James Bond Theme Songs ในรอบปฐมทัศน์เจมส์ บอนด์ตอนที่ ๒๑ - Casino Royale
     

คนนี้หรือครับที่ร้องใน คาสิโนโรยัล  ผมล่ะนึกว่าเป็นสาวผิวขาวหน้าตาจิ้มลิ้มซะอีก...ออิอิ   จิล เซนต์จอห์น  สวยครับแม้ไม่เคยดูที่เธอเล่นเจมส์บอนด์  แต่ถ้าเทียบกับผู้หญิงของบอนด์ในปัจจุบัน  ผมว่าเธอสวยกว่าครับ  คงต้องไปหาดูซะแล้ว........ ;D

CAROLE BOUQUET  เป็นสาวบอนด์ยุค 80s  ในตอนFor Your Eyes Only (1981)
สวย เข้ม และเก่ง ค่ะ

เธอเป็นนางเอก คู่กับโรเจอร์ มัวร์  ไม่ใช่นางร้าย

         Dame Shirley ร้อง ๓ เพลงที่กล่าวไว้ โดยเฉพาะทั้ง Goldfinger และ Diamonds ดังมากมาย
เป็นสองในหลายเพลงลายเซ็นของเธอ
         คาสิโน - ตอนล่าสุด เธอไม่ได้ร้องครับ

 

เพลงหนึ่งจากหนังเจมส์ บอนด์ที่ดิฉันชอบ ก็มี You only live twice ที่ดังมากในปี 1967 ร้องโดยแนนซี่ ซิเนตร้า แต่งโดยจอห์น แบรี่
ร้องตามวิทยุซึ่งเปิดบ่อยในรายการเพลงยุคหนึ่ง ดิฉันยังวิ่งตื๋อมาฟังทุกครั้งที่ได้ยิน
แต่เพลงที่มาชอบตอนโต คือสิบปีให้หลัง 1977 ที่ คาร์ลี่ ไซม่อน นักร้องหน้ายาวร้อง Nobody does it better จากหนัง The Spy who loved me
คาร์ลี่ คือคนร้องเพลง You're so vain เป็นแฟนมิค แจ็คเกอร์อยู่ช่วงหนึ่ง ส่วนคนแต่งนั้น มาร์วิน แฮมลิชเป็นสุดยอดฝีมืออีกคนหนึ่ง เพลงเขาได้รับการเสนอชื่อชิงออสการ์ถึง11ครั้ง ที่เราน่าจะจำกันได้ดีหนึ่งละก็คือ ธีมมิวสิคจากหนังThe Sting
......
Nobody does it better
Makes me feel sad for the rest
Nobody does it half as good as you
Baby, you're the best

http://www.youtube.com/watch?v=dlxlP9pYq1A

..............
เป็นเพลงยอดเยี่ยมหนึ่งในร้อยทีอเมริกันยกย่อง และเป็นครั้งแรกที่ชื่อเพลงไม่เหมือนชื่อเรื่อง
คาร์ลี่ สาวฟันยาวเคยแต่งงานกับนักร้องนักแต่งเพลงเจมส์ เทย์เลอร์ หลังสลบคาเวทีในการแสดงสดครั้งหนึ่ง ก็เลิกร้องเพลงไปเอาดีทางทำเพลงอย่างเดียว ตอนนี้ผันตัวเองเป็นนักเขียนค่ะ

คาร์ลี่ได้ออสการ์จากเพลง Let the river run เพลงในหนังดีที่สุดเรื่องหนึ่งของสังคมอเมริกันยุค 80's เพลงมันมีพลังมาก แต่ดิฉันก็หลงรักเพลงอย่างNobody does it betterมากกว่าอยู่ดี
หนังเรื่อง Working girl ที่เมลานี กริฟฟิธ เธอดูสวยมาก สมัยยังไม่ทำศัลยกรรมจนเยินอย่างทุกวันนี้ Harrison Fordก็ดูดีเหลือเชื่อค่ะ

สำหรับแฟนคอนเนอรี่
http://www.youtube.com/watch?v=ApvgvYs5swk&feature=related

สำหรับแฟนเครก

http://www.youtube.com/watch?v=DJVml9oSGWI&feature=related
ฟังเพลงแล้วดูหน้าเจมส์บอนด์ค่ะ

ที่จริงพระเอกของเรื่อง the spy who loved me คือโรเจอร์ มัวร์ นางเอก บาร์บารา บาค

บาคนั้น ไม่ใช่ธรรมดา เป็นดารา เป็นนางแบบ แถมจบปริญญาโททางด้านจิตวิทยาจากUCLA แต่งงานกับริงโก้ สตารร์ และเคยร่วมกับสามี เอริค แคลปตัน จอร์จ แฮริสัน และแพทตี้ บอยด์ (แรงบันดาลใจของเอริคในเพลง Wonderful tonight ทำ Self Help Addiction Recovery Program (S.H.A.R.P.)
เป็นคนสวยใจบุญ

มาเสริมครับ เพราะชอบสาวฟันม้าคนนี้
นอกจากNobody does it better แล้ว เพลงเด่นของคาร์ลี่อีกเพลงคือ you're so vain ใครต่อใครเดาไปต่างๆนานา ว่าเป็นผู้ชายคนที่เป็น you ที่หลงตัวเองจะเป็นมิค แจคเกอร์ วอเรน เบตตี้ คริส คริสทอฟเฟอร์สัน ฯลฯ
มิค มาร้องแบคอัพให้ด้วยครับ
คุณกุ้งแห้งเยอรมันเล่าว่า คาร์ลี่นี่มุขเยอะ นักข่าวพยายามถามว่า ผู้ชายในเพลงน่ะใคร เธอก็จะบ่ายเบี่ยงไปเรื่อย
แถมบอกว่า ถ้าชั้นบอก พวกคุณก็จะเลิกถาม แล้วเราจะมีอะไรมาคุยกันได้อีกล่ะ
วอเรนถึงกับขั้นบอกว่า คาร์ลี่เค้าเขียนถึงผม.. เป็นผมแน่ๆ
คาร์ลี่ไม่รับ ไม่ปฏิเสธ นานๆทีรำคาญ จะใบ้ออกมาเป็นตัวพยัญชนะตัวหนึ่ง
ที่แสบ คือ พยัญชนะที่ใบ้ๆ ไม่ใช่เจมส์ เทย์เลอร์ พ่อของลูกสองในห้าของคุณเธอ


 

      เพลงจากเจมส์ บอนด์ที่ชอบที่สุดคือเพลง  From Russia with Love โดย Matt Monro ครับ
ทั้งเสียงร้อง ทำนอง ดนตรี และเนื้อร้องที่ออกมาเป็นเพลงรักโรแมนติก โดยเฉพาะตอนที่ว่า   
(ประมาณว่า)   still my tongue tied young pride
                 won't let my love for you show
                 in case you say no

       อีกเพลงไพเราะที่ชอบคือ All Time High ในตอน Octopussy โดย Rita Coolidge ครับ

       นอกจาก You Only แล้ว ในช่วงนั้นแนนซี่ ยังมีเพลงฮิท - Sand และ Something Stupid ที่เธอร้อง
กับพ่อแฟรงค์

        ผู้หญิงของบอนด์ตอน You Only Live Twice เป็นสาวแดนอาทิตย์อุทัย  Akiko Wakabayashi

      แยกเข้าซอยคุยถึงนักร้องคนโปรด Carly Simon ครับ

       เธอเล่าเรื่องส่วนตัวในเพลง อย่าง You're so vain ที่ไม่เฉลยว่าเป็นใคร แต่บอกว่าเธอกล่าวถึงเขา
ในเพลงอื่นๆ ของเธอด้วย
      เธอเป็นมะเร็งเต้านม และมีเพลง Scar
     ในอัลบั้ม Letters never sent มีเพลงที่เธอแต่งให้แม่ของเธอ และ แจ็คกี้ โอนาซิสผู้ล่วงลับ

      เมื่อเธอเลิกร้างจากสามีเจมส์ เทย์เลอร์ เธอออกอัลบั้ม Torch รวบรวมเพลงอกหักรักร้าวรานเพลงเก่า
อย่าง Hurt, I get along without you very well และยังมีเพลงที่เธอร่วมแต่ง -
       What shall we do with the child
( Who's got your eyes my hair and your smile
  Reminding me that we fell in love but just for a little while )

ได้ดูตอนเธอเล่นและร้องเพลงหลายเพลง เป็นคนที่มีเสน่ห์ และพรสวรรค์ เป็นนักแต่งเพลงที่เก่ง ผมชอบเธอ กับแคโรล คิง และโจนี่ มิทเชล รู้เลาๆว่าทั้งสามสาว มีความสัมพันธ์กับผู้ชายโยงไปซ้อนมา
ฝาหรั่งก็เป็นงี้ครับ..
ลืมไป เดี๋ยวนี้ คนไทยก็เป็นไปด้วยแล้ว ::)

พ่อเก่ง ลูกเก่งด้วย ค่อนข้างจะหายาก เพราะอาฃีพนี้ อยู่ที่พรสวรรค์มากกว่าเส้น แนนซี่ สินาตร้า แหวกวงการ ไม่ใช่ว่าจสวยสะอะไรมากมาย แต่ไม่ขี้เหร่ แถมเลือกเพลงดี เลยได้มีเพลงฮิตติดอันดับนาน
ฝรั่งเล่นคำจนเด็กๆอย่างดิฉันงง ทำไมมีสองชีวิตนะ ร้องเพลงรู้เนื้อแล้วก็เข้าใจ อ๋อ
one life for yourself..and one for your dream...
ดิฉันจำติดสมองเลยค่ะ จากหยู่ โอ๊นลี่ ลิฟว์ ทไวซ์ ...
แนนซี่ ยังได้เล่นหนังกับรูปเคารพของคุณเอลวิสภูด้วย และเป็นคู่รักกันพักใหญ่ๆ
เฮ้อ หล่อนนะหล่อน ทำไมโชคดีอย่างนี้นะ

Nancy Sinatra ลูกสาวคนดังใน Hollywood ตระกูล Sinatra เจ้าของเพลงเขย่าาาโลก....
These Boots Are Made for Walking ที่ยังดังอยู่ในหัวผมจนถึงบัดนี้ ยังสดใส สบายดี

รูปที่มือไขว้ This morning ถ่ายกับแควนเมื่อเช้าไม่หล่อเลย Crop ทิ้ง..

เธอยังมีกิจกรรมและร้องเพลงใน LA ตลอดครับ ที่กอดกันกลมนั่นก็ Eric Burdon เจ้าของเพลง The house of the rising sun ...
ส่วนขาวดำก็จากภาพยนต์ Speedway ปี 1968 ร่วมกับ Elvis Presley, Bill Bixby, Gale Gordon.

เอามาฝากคนที่คิดถึงเธอ

You only live twice, or so it seems,
One life for yourself, and one for your dreams
You drift through the years and life seems tame,
Till one dream appears and love is its name

And love is a stranger who'll beckon you on,
Don't think of the danger or the stranger is gone
This dream is for you, so pay the price,
Make one dream come true, you only live twice
ลงเนื้อให้ท่านที่รู้จักเพลงนี้ร้องกันค่ะ ส่วนรูป ดึงรูปคู่กับเอลวิสมาให้คุณภูดู

 8)

 8) พอลงรูปปกหนังสือ James Bond ของ เอียน เฟลมมิ่ง แล้วอ่านชื่อไม่ค่อยชัด เรียงตามนี้ครับ....

Casino Royale, Live and Let Die, Moonraker, Diamonds are Forever, The Golden Gun, For Your Eyes Only, Thunder Ball, The Spy Who Loved Me, On Her Majesty's Secret Service, Octopussy, From Russia with Love, Dr. No, Gold Finger, You Only Live Twice

ดูไอเดียการออกแบบปกของเอียนครับ สวย.. ยังกะงานศิลป คลาสสิคดี

ปกออกแบบเท่มากค่ะ  จัดเป็นชุดแล้วเห็นได้ว่าเข้าชุดกัน

มาถึงสาวบอนด์ที่หลายๆคนคงชอบ    โซฟี มาโซ สาวฝรั่งเศสสวยจิ้มลิ้มน่ารักเหมือนตุ๊กตา

เล่นเป็นสาวเซกซี่ก็ได้  เป็นเจ้าหญิงทุกกระเบียดนิ้วก็ได้  อย่างใน Braveheart

Famke Janssen  สวยตามแบบฉบับสาวบอนด์    ใน Golden Eye(1995) ที่เพียซ บรอสแนนเป็นเจมส์ บอนด์
 

ชอบดาราคนนี้  Teri Hatcher มาตั้งแต่เธอเล่นเป็นโลอิส หวานใจซุปเปอร์แมน   
แล้วมาชอบอีกครั้งเมื่อเธอเล่น Desperate Housewives  เห็นว่าเธอมีฝีมือ นอกเหนือจากสวย
เธอเล่นเป็นสาวบอนด์ใน  Tomorrow Never Dies (1997) คู่กับเพียซ บรอสแนน

ยังชอบเธอคนนี้ค่ะ เพราะสวยไม่แต่งก็ได้ เธอบอกว่า ไม่พยายามใช้เครื่องสำอางเลย เพราะเวลาจูบลูกชาย ไม่อยากให้เคมีเลอะๆบนหน้าไปแปดเปื้อน ...
ก็สวยแบบนี้ ไม่แต่งก็ได้นะคะ

ดาราเก่าแก่ค้างฟ้าอยู่ยาวนาน ร่วงหล่นจากฟ้าไปอีกดวงแล้วค่ะ  ขอให้ไปสู่สุคติ
Richard Widmark   อายุ 93 ปี 

ใครเป็นแฟนหนังคาวบอยคงจะจำดาวร้ายดวงนี้ได้   หน้าตาจืดๆแต่มาดเหี้ยมๆ เป็นปรปักษ์ตัวฉกาจของพระเอกหล่อเหลามาดแมน
ตัวจริง เป็นคนสุภาพเรียบร้อย  รับผิดชอบงานดีมาก   มีชีวิตครอบครัวเงียบๆไม่มีอะไรหวือหวา
น่าจะเป็นพระเอกตัวจริง

มีดาราอีกประเภทที่อาภัพค่ะ  คือเล่นหนังบางเรื่องจนกลายเป็นหนังอมตะมาจนบัดนี้
เอ่ยถึงบทที่เล่น คอหนังก็ร้อง อ๋อ รู้จัก ตั้งแต่ปู่ทวดยันหลาน   
ฉายซ้ำเอย ทำเป็นวิดีโอคาสเซ็ตต์เอย  จนบัดนี้เป็น DVD  ก็ยังมีคนซื้อ
แต่อาภัพเพราะ เล่นบทคลาสสิคนั้น คนดูไม่เห็นหน้าเขาตั้งแต่ต้นจนจบ
โผล่หน้าออกมา ไม่มีใครรู้จัก  ต้องเอาบทมายันให้เห็นถึงร้อง อ้อ  ดีอกดีใจไปตามๆกัน เพราะเพิ่งจำได้

อย่าง บทนี้ละค่ะ
Creature  from the Black Lagoon   หนังคลาสสิคประเภทสัตว์ประหลาด
ผู้คนจำได้แต่นางเอก

แต่ตัวจริงชื่อ Ben Chapman ไม่มีใครรู้จัก
จะแสดงตัวให้แฟนๆเห็น ก็ต้องเอาชุดมาพะยี่ห้อไว้

หนังชุดทางทีวี เรื่องดัง ฉายตั้งแต่ 1887 - 90   Beauty and the Beast หลายคนคงเคยดูแล้วนะคะ
อัศวินหน้าสิงห์ หรือวินเซนต์ ตัวพระเอก หล่อมากๆ เมื่อเมคอัพหน้าสิงห์  มาดสง่างาม  ดูเป็นพระเอกวีรบุรุษ
ลินดา แฮมิลตันในเรื่องนี้ก็ดูสวยหวาน น่าคลั่งไคล้

รอน เพิลแมน ดังขึ้นมาจากบทวินเซนต์    แต่ไม่มีใครเห็นหน้าจริงเขาเลยตลอดอายุงานของหนังทีวีชุดนี้

       มาร่วมปอกลอกหน้านักแสดงคนดังครับ

สองอัจฉริยะยืนคู่กัน - ไอน์สไตน์ กับเขา เมื่อปฐมทัศน์หนังที่เขานำแสดง วันที่ 2 ก.พ. 1931

(ภาพจาก ไทม์ด็อทคอม)           

        ใบหน้าของเขาบนจอภาพยนตร์ที่นักดูหนังจดจำเสมอมา
ภาพนี้จากหนังคลาสสิคเรื่อง The Kid (1921) ครับ

(ส่วนภาพความเห็นบนเป็นปฐมทัศน์หนังเรื่อง City Lights)

       ภาพยนตร์เรื่อง The Elephant Man (1980)  สร้างจากเรื่องของบุคคลที่มีชีวิตจริง
นาม  Joseph Carey Merrick (1862-1890) ป่วยเป็นโรค Proteus Syndrome
       - โรคหายาก ที่ผู้ป่วยมีภาวะกระดูกพัฒนาผิดรูป มีเนื้องอก และมีแขนขาโตผิดปกติ   

         ภาพยนตร์สีขาว ดำ เรื่องนี้ได้รับคำนิยมชื่นชมจากนักวิจารณ์ และได้เข้าชิงออสการ์หลายสาขา
         จากเว็บ medscape ยกให้เป็นตัวอย่างที่(น่าจะ)ดี(ที่สุด)ของภาพยนตร์ที่ถ่ายทอดชีวิตจิตใจของผู้ป่วย
เตือนให้ผู้ดูแลรักษาได้ตระหนักถึงผลกระทบทางจิตใจของเขาจากโรคทางกายที่มีความผิดรูปลักษณ์ปรากฏ
ให้ผู้คนทั่วไปมองเห็นได้

         Anthony Hopkins เมื่อยังเยาว์ หล่อเหลา รับบทแพทย์จิตใจงาม ผู้ช่วยนำความเป็นมนุษย์กลับคืนมาให้กับ
ตัวประหลาด

       และ The Elephant Man รับบทโดย John Hurt ครับ

ภาพเฮิร์ท เมื่อรับบทเป็นนักบินอวกาศใน Alien (1979)   

คุณลุงมาดโก้คนนี้เป็นชาวอังกฤษโดยกำเนิด แต่ว่าอพยพไปอยู่แคนาดาก่อนจะมาเจิดจ้าในฮอลลีวู้ด
มาจากตระกูลข้าราชการมีหน้ามีตา จนต้องเปลี่ยนชื่อและนามสกุลใหม่ให้ไกลชื่อจริง
เพราะสมัยโน้นถือกันว่ามาเป็นนักแสดง  เป็นพวกเต้นกินรำกิน   เสียศักดิ์ศรี

ฝีมือดี  เล่นหนังมาเยอะแยะ  ฝีมือดี  เล่นได้หลายบทเสียด้วย  ตั้งแต่หนังเงียบจนหนังสี
เป็นดาราดังระเบิดในยุคหนังเงียบและหนังขาวดำ
น่าเสียดายว่าคนดูจำหน้าและมาดผู้ดีของคุณลุงไม่ค่อยได้ จนคุณลุงล่วงลับไปเมื่อปี 1969

แต่พอเอ่ยถึงบทที่คุณลุงแสดงได้ดังระเบิดละก็  แทบทุกคนร้องอ๋อ ตามๆกัน
วงการดาราไม่มีใครลืมว่า Boris Karloff เล่นบทผีดิบแฟรงเกนสไตน์ไว้ได้สยองและคลาสสิคไร้เทียมทาน 
สร้างออกมากี่ภาคๆ   ก็ต้องใช้ดาราคนนี้ละค่ะ

จะเห็นว่า เมคอัพอาร์ติสต์ กำลังช่วยกันลบล้างความหล่อของดาราหนุ่ม  เพื่อไปสู่บทอมตะที่โลกไม่ลืม

แม้ว่าบอริส คาร์ลอฟ จากไปนานหลายสิบปีแล้ว    เจ้าผีดิบแฟรงเกนสไตน์ตัวนี้ก็ยังคงอยู่จนทุกวันนี้
ที่สำคัญ  ใครมาเล่นก็ต้องแต่งหน้าให้เป็นแบบนี้แหละ  ถึงจะยี่ห้อผีดิบของแท้   ไม่งั้นคนดูไม่ยอมรับว่านี่คือแฟรงเกนสไตน์

อาจารย์เรียกเจ้า"สิ่ง"นี้ ว่าผีดิบแฟรงเกนสไตน์
เด็กๆ อ่านแล้วจะต้องนึกเหมือนผมตอนก่อนนู็น ว่ามันคือ
ผีดิบตนนี้ ชื่อแฟรงเกนสไตน์

น่าสงสารคุณหมอแฟรงเกนสไตน์ แงๆๆๆๆ

มาขยายความจากที่คุณพพ.ติงไว้

ถ้าจะพูดให้ถูกต้อง  คือ เจ้าผีดิบตัวนี้ เป็น "ผีดิบ ของ หมอแฟรงเกนสไตน์" ( Frankenstein's Monster)
คุณหมอหนุ่ม(หรือนักเรียนแพทย์) ชื่อวิคเตอร์ แฟรงเกนสไตน์ คิดค้นสร้างมนุษย์ขึ้นมาจากการทดลองในห้องแล็บ  เอากระแสไฟฟ้ามาปลุกชีพศพ
แต่ความที่ผีดิบดังกว่าเจ้าของ   เลยกลายเป็นว่า ชื่อแฟรงเกนสไตน์ดันกลายเป็นสมญาของผีดิบไปเสียแทน 

คนแต่งเป็นสาวงามภรรยากวีเอกของอังกฤษ เธอชื่อแมรี่ เชลลี่ ค่ะ   เขียนเรื่องเดียวเท่านั้นด้วยความนึกสนุก
เช่นเดียวกับผีดิบตัวนี้  เธอก็เลยเป็นอมตะในวงการนิยายสยองขวัญมาจนทุกวันนี้      แต่ถ้าเรียนวรรณคดีจะไม่ได้เรียนเรื่องของเธอ    ต้องไปเรียนงานของเปอร์ซี เชลลี  สามีของเธอแทน

        เมื่อประมาณ ๒๐ ปีก่อน ได้ดูหนังที่เล่าเหตุการณ์ครั้ง แมรี่ กับเพอร์ซี่ เป็นแขกรับเชิญ
ไปพักที่วิลล่าของไบรอนในสวิตเซอร์แลนด์  โดยมีลูกพี่ลูกน้องหญิงของแมรี่อีกหนึ่งรวมเป็น ๔ คน
ช่วงเวลานั้นเองที่เป็นปฐมเหตุและกาลที่แมรี่ให้กำเนิดนิยายเรื่อง แฟรงเก็นสไตน์ ขึ้นมา 
         หนังทั้งสองเรื่องได้แก่  Gothic (1986) และ Haunted Summer (1988)

        เหตุการณ์ครั้งนั้นเกิดขึ้นในปี ๑๘๑๖ ช่วงฤดูร้อนที่อากาศวิปริตผิดกาลกลับเป็นเย็น ทั้งสี่จึงขลุกอยู่แต่ใน
ที่พัก พูดคุยกันเกี่ยวกับเรื่องวิทยาศาสตร์และเรื่องเหนือธรรมชาติ แล้วจึงมีการท้าให้แต่ละคนแต่งนิยายสยองขวัญ
แข่งกัน  ผลงานของใครสยองที่สุด คนนั้นคือผู้ชนะ
         ผีดิบ(ของ)แฟรงเก็นสไตน์กำเนิดจากความฝัน จินตนาการแล้วถ่ายทอดผ่านปลายปากกาของแมรี่  ในขณะที่
ไบรอนเขียนบางส่วนของตำนานแวมไพร์ ที่ต่อมา Polidori นำมาแต่งต่อเป็น The Vampyre

     Robert De Niro นักแสดงใหญ่รับบทผีดิบ(ของ)แฟรงเก็นสไตน์ใน Mary Shelly's Frankenstein (1994)
เลือกภาพเล็กๆ ไม่ค่อยชัด - ไม่ค่อยน่ากลัว ครับ

มาดูของสวยๆงามๆกันบ้างค่ะ สาวคนนี้ชื่อGemma Arterton เธอจะเป็นBond girlคนต่อไป

ดาวร่วงจากฟากฟ้ามายาไปอีก ๑ ดวง  ชื่อ ซี้ด ชาริสส์ 
เธอเป็นอดีตดาราดาวเต้นในหนังเพลงยอดนิยมหลายเรื่อง  ที่จำกันได้มากที่สุดคือ Singin' in the Rain ออกมาฉากเดียว เต้นคู่กับยีน เคลลี่
เป็นดาราสาวขางามเงินล้านในยุคนั้น 

ตอนสาวๆสวยมากค่ะ

จากไปด้วยโรคหัวใจล้มเหลว ในวัย 86 ปี