ยังสงสัยข้อนี้ว่าเป็นวิชาภาษาไทยได้ยังไง น่าจะเป็นวิชาจิตวิทยา
ในเมื่อนักเรียนไม่รู้จักทั้งคุณนายวิและคุณนายวรรณ จะไปเดาใจคุณนายวิได้ยังไงว่าคุณนายวรรณตอบข้อไหน คุณนายวิจึงจะไม่โมโหเพื่อนขึ้นมาจนคุณนายวรรณเสียเพื่อน
คุณนายวิอาจจะเป็นนักช้อปเรื่อยเปื่อย ซื้อก็ได้ไม่ซื้อก็ได้ พอเพื่อนอ้างเรื่องลูก คุณนายวิก็ไม่ว่ากัน ไม่ซื้อก็ได้ เป็นอันว่าข้อ ก. ถูกต้อง
หรือคุณนายวิปากไวไปหน่อย ออกปากขอโปรโมชั่นโดยไม่ได้ตั้งใจจะซื้อ พอคุณนายวรรณย้อนถามว่าเธอจะซื้อจริงๆเหรอ คุณนายวิก็ได้สติ ตอบว่าเออ คิดอีกที ไม่เอาดีกว่า คำตอบถูกต้องคือ ค.
หรือคุณนายวิอยากได้โปรโมชั่นจริงๆ ไม่ว่าเพื่อนปฏิเสธด้วยเหตุผลอะไร คุณนายวิก็โมโหเดือดขึ้นมาได้ทั้งนั้น เป็นอันผิดหมด 5 ข้อ ไม่มีข้อไหนถูกเลย
ทำไมหนอการออกข้อสอบปรนัย (objective)ซึ่งต้องเอาข้อเท็จจริง (fact) เป็นคำตอบ กลับเอาความคิดเห็น (opinion) เป็นคำตอบแบบเดียวกับข้อสอบอัตนัย (subjective) ไม่เข้าใจจริงๆ
ข้อสอบที่นักเรียนต้องติ๊กถูกติ๊กผิด มันต้องเป็นข้อสอบที่คำตอบเห็นได้ชัดๆ ไม่มีทางแย้งว่านี่มันถูก นั่นมันผิด เหมือนถามว่าลอนดอนเป็นเมืองหลวงของประเทศไหน คำตอบมีอยู่ประเทศเดียวคืออังกฤษ ไม่สามารถแย้งว่า เป็นของอังกฤษก็ได้ฝรั่งเศสก็ได้ แต่ถ้าถามว่าชาวยุโรปชอบแกงมัสมั่นเพราะอะไร ถามชาวยุโรป 5 คนคำตอบอาจหลากหลายกันไป 5 ข้อ ขึ้นกับความคิดของแต่ละคน ยังไม่ต้องพูดว่าชาวยุโรปก็หลากหลายชาติหลายภาษา รสนิยมแตกต่างกันไปด้วยซ้ำ