สำหรับพิธีกรรมที่นายสถานีเคยทำเป็นประเพณีดังที่ผมนำข้อมูลจากคุณสรศัลย์ แพ่งสภามาเขียนไว้ดังนี้
กระทู้: ชะตากรรมของพระยาทรงสุรเดช หนึ่งในสี่ทหารเสือคณะราษฎร์
เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 26 มิ.ย. 10, 09:55
________________________________________
ส่วนพระยาศรีสิทธิสงคราม(ดิ่น ท่าราบ)นั้น ผมก็ยังเชื่อว่าท่านเป็นนักรบระดับแนวหน้าที่ผมใช้คำว่าhardcore แต่ไม่ถึงขนาดsuper hardcoreไปควงปืนท้าดวลกับผบ.หน้ากรมทหาร ถ้าเป็นอย่างนั้น ผมก็เชื่ออีกเหมือนกันว่าคงไม่มีใครเลือกให้เป็นแม่ทัพ พระยาเสนาท่านกระเปิ๊บกระป๊าบดังว่า จึงไปปฏิบัติการนำทหารปืนใหญ่จากนครสวรรค์ลงมากรุงเทพไม่สำเร็จ
ที่น่านับถือพระยาศรีอย่างยิ่ง แม้จะผิดแผนไปหมด แต่การที่ท่านไม่ยอมพ่ายหนีอย่างขี้ขลาดตาขาว ก็คือการถอยมาอยู่ที่ช่องหินลับอย่างมีชั้นเชิง อันเป็นส่วนหนึ่งของแผนที่กำหนดไว้ว่า หากเพลี่ยงพล้ำฝ่ายรัฐบาล ก็จะใช้จุดยุทธศาสตร์นี้ยันทัพที่ติดตามตีได้ และท่านได้อยู่บัญชาการรบเอง ไม่ได้สั่งให้ลูกน้องว่าเอ็งอยู่ กูจะไป แม้นโชคชะตาจะกำหนดให้ท่านต้องเสียชีวิตทั้งๆที่การรบยังไม่ถึงขั้นแตกหัก เพราะออกมาเดินตรวจแนวรบให้กำลังใจทหารในคืนที่มืดมิดโดยมีปืนพกกระบอกเดียว
แต่การเสียชีวิตของท่านก็ได้รับการยอมรับจากสังคมว่าเป็นการตายที่สมศักด์ศรีชายชาติทหาร พนักงานกรมรถไฟยังได้จัดพิธีรำลึกวันพระยาศรีขึ้นในทุกปีของวันที่23 ตุลาคม ณ ตำแหน่งที่เป็นที่เคยเป็นมั่นสุดท้ายของท่าน นายสถานีหินลับจะเป็นผู้ทำพิธีที่เรียบง่าย ด้วยการนำคนรถไฟ ชาวบ้าน และเด็กๆ ทยอยนำดอกไม้มาวางที่ป้าย ซึ่งการรถไฟจัดทำไว้ ไม่มีศาลให้คนมาขอหวยรกรุงรัง ป้ายนั้นมีข้อความว่า
ที่มั่นสุดท้าย-ที่ตาย
ของ
พระยาศรีสิทธิสงคราม
(ดิ่น ท่าราบ)
คราวกบฏบวรเดช
เมื่อขบวนรถผ่านมาในเวลานั้น จะต้องชลอความเร็วตามปกติเพราะเป็นทางโค้งและแคบ นายสถานีจะกระโดดขึ้นไปบนรถข้างพนักงานขับ แล้วยิงปืน 18 นัด สลุตให้แก่ท่าน เป็นเกียรติยศเทียบเท่าเสนาบดี
พิธีดังกล่าวกระทำตามคำสั่งของนายพันเอกพระยาสฤษดิการบรรจง(สมาน ปันยารชุน) ผู้ว่าการการรถไฟในสมัยนั้น ซึ่งถูกให้ออกจากราชการเพราะการท้าทายอำนาจรัฐอย่างโจ่งแจ้งในเรื่องนี้ แต่ก็น่านับถือคนรถไฟ ผู้ว่าการคนต่อๆมาไม่มีใครยกเลิกคำสั่งดังกล่าว และยังคงถือปฏิบัติต่อมาจนปัจจุบัน
นายคนดังกล่าวที่อยู่มาสามสิบกว่าปีแล้วนั้นไม่เคยทราบเรื่อง