เรือนไทย

สืบเนื่องจากข่าวนี้ค่ะ เลยอยากตั้งกระทู้นี้ขึ้นมาให้ทุกท่านได้ร่วมแบ่งปันอาหารที่แปลก ประหลาด หรือพิสดารกันค่ะ

http://www.thairath.co.th/content/oversea/268667

โลกตะลึง! อสุจิปลาหมึกแตก ทำป้าเกาหลี 'ตั้งท้องในปาก'

อันนี้เป็นวิดีโอที่คนเอามาลงไว้ในยูทู้บ วิธีทำปลาหมึกซาชิมิ เล่าว่าเป็นวิดีโอที่ถ่ายที่ฮอกไกโด เมนูนี้ลูกค้าจะเลือกปลาหมึกเป็นๆ ขึ้นมาจากแท้งค์ แล้วให้ทำหมึกสดซาชิมิ สนนราคาที่ 1000 เยน ...  ::) ::)

http://www.youtube.com/watch?v=wkAqdh_kLbs

ส่วนอันนี้เป็นเครื่องดื่มสองอย่างที่ไปเจอมาที่อินโดนีเซีย

อันแรกเป็นโค้กใส่นมข้นหวานค่ะ (Es Mega Mendung หรือ Cloudy ice) จำได้ว่าวันนั้นเพิ่งพักเบรคจากงานในเมืองอันห่างไกลบนเกาะชวา อากาศร้อนแทบละลายเพื่อนชาวอินโดบอกให้แวะกินน้ำเย็นๆ ที่ร้านก่อนไปต่อ ต่ายก็สั่งน้ำปกติ ของเพื่อนสั่งโค้กแต่ที่แปลกคือ เสิร์พมาพร้อมนมข้นหวานปริมาณมหาศาล เพื่อนจัดการเอาโค้กเทลงไปในแก้วที่ใส่น้ำแข็งเปล่าจนหมดขวด จากนั้นก็เอานมข้นหวานประมาณครึ่งกระป๋องเทตามลงไปแล้วคน (ท่ามกลางความตะลึงพรึงเพริดของสาวไทยคนเดียวบนโต๊ะ) ... หายตกใจแล้วจึงได้สอบถามว่าอันนี้สูตรส่วนตัวหรือเครื่องดื่มท้องถิ่น เพื่อนเล่าว่าเป็นเครื่องดื่มท้องถิ่นของคนชวามานมนาน สมัยนั้นเขตนี้เป็นเขตทำไร่ และชาวไร่ต้องใช้แรงเยอะในการทำงานท่ามกลางอากาศร้อน จึงมีคนหัวใสคิดเมนูนี้ขึ้นมา โค้กเย็นชื่นใส่นมข้นหวานให้พลังงาน และกลายเป็นเมนูฮิต สืบทอดมาจนถึงปัจจุบันในหมู่ชนที่ไม่ได้ทำไร่อีกต่อไป (เพื่อนพูดพร้อมกับลูบพุงกลมๆ ของตัวเองไปด้วยอย่างภาคภูมิใจ)  ;D

(http://www.indonesiamatters.com/images-3/es-awan-putih.jpg)

อันที่สองนี้ก็เป็นอีกเมนูแปลกของชาวอินโดนีเซีย กาแฟร้อน ใส่ถ่านร้อนๆ ลงไปตรงๆ ในแก้วกาแฟเลย (Kopi Joss หรือ charcoal coffee) เล่ากันว่าถือกำเนิดขึ้นโดยชายชาวจ๊อกจาการ์ต้า (Yokjakarta) ซึ่งเป็นเมืองที่มีชาวพุทธหนาแน่นที่สุดในอินโด และเป็นที่ตั้งของบุโรพุทโธที่แสนมหัศจรรย์ .... กลับเข้าเรื่อง คือคุณคนนี้เค้ามีหัวสร้างสรรค์มาก ต้มกาแฟเสร็จก็นึกครึ้มเอาถ่านร้อนแดงจากในเตา ใส่ลงไปในแก้วด้วย ปรากฏว่ากาแฟกลับข้นขึ้น และมีกลิ่นรสหอมเปลี่ยนไป จากนั้นก็กลายเป็นเมนูฮิตที่คนดื่มเชื่อว่า ถ่านในกาแฟจะช่วยดูดและขับสารพิษออกจากร่างกาย และลดอาการมวนท้องค่ะ (คงมีสรรพคุณคล้ายๆ กับแคปซูลผงถ่านที่มีขายในร้านขายยาปัจจุบัน)

(http://i3.squidoocdn.com/resize/squidoo_images/-1/lens19282059_8afb0cf0a400594567a23d4faaea8465.jpg)

(http://i.cdn.cnngo.com/sites/default/files/imagecache/inline_image_300x400/INLINE_Kopi-Joss-4.jpg)

อันนี้เป็นเมนูจากเพื่อนบ้านไม่ไกล กัมพูชา นี่เอง ... แมงมุมยักษ์ทอดกระเทียมพริกไทยค่ะ ... เบ้อเริ่มเลย

จุดกำเนิดเมนูนี้เริ่มจากความหิวโหยของคนกัมพูชาสมัยต้องอยู่ภายใต้การปกครองของเขมรแดง อดอยากยากลำเข็ญ หาอะไรกินไม่ได้ ก็จับแมงมุมยักษ์มาโซ้ยซะ (คล้ายๆ กับจุดกำเนิดอาหารแปลกชาวจีนเหมือนกันนะคะ) ... ตอนนี้กลายเป็นอาหารยอดฮิตที่มีขายตามตลาดตามท่ารถของเมือง Skoun ที่คนมากมายต้องมาขอลองลิ้มชิมรส

(http://bna-art.s3.amazonaws.com/www.bootsnall.com/articles/wp-content/uploads/2009/09/FriedSpiders.jpg)

ส่วนอันนี้เป็นเมนูที่เชื่อว่าเป็นยาโป๊วค่ะ ... ตัวเดียวอันเดียวของสัตว์ทั้งหลาย ... พยายามเลือกรูปที่ไม่อล่างฉ่างเกินไป  :-[ :-[

อันนี้เป็นจานรวมตัวเดียวอันเดียวของ วัว แกะ และหมาดำ

(http://image.free.in.th/z/in/china2011166_web.jpg)

อันนี้ของวัวและงู

(http://stuffucanuse.com/more_images/Blogpics/Strang1.jpg)

อันนี้ของสุนัขและตกแต่งเพิ่มด้วยผลบ๊วย

(http://stuffucanuse.com/more_images/Blogpics/Strang2.jpg)

อันนี้ของแมวน้ำ

(http://img.mosup.com/1339/13390847519303633757.jpg)

จริงๆในกวางตุ้งมีการกินเนื้อหนู และเหล้าที่ใส่ลูกหนูลงไปดอง

แต่ข้าพเจ้ากลัวหนูแทบขาดใจ ดังนั้นขอละไว้ในฐานที่ตัวเองกลัว

หากท่านใดอยากดูจะเอาลิงค์ส่งให้

เห็นรูปเหล้าดองลูกหนูเหมือนกันค่ะ แต่ไม่กล้าเอาลง มันมากเกินใจจะรับได้

แล้วยังมีเค้กลูกหนูอีกนะคะ เอาโปะไปบนเค้กเป็นตัวๆ เลย สยองเกิน :-\ :-\

ฝรั่งก็มีอาหารประหลาดค่ะ นี่เป็นแฮมเบอร์เกอร์สมองวัวชุบแป้งทอด เค้าบอกว่ายังคงหาได้บางร้านในโอไฮโอค่ะ

ประเทศเพื่อนบ้านกับด้านบนเมนูนี้ หอยนางรมร้อคกี้เม้าท์เท่นชุปแป้งทอดค่ะ (Rocky mountain oysters) เมนูชาวคาเนเดียนอันนี้ที่แปลกเพราะมันไม่ใช่หอยนางรม แต่เป็นลูกอัณฑะนของควายชุบแป้งทอดค่ะ

ส่วนด้านล่างนี้ได้รับสมญาว่าเป็นเนยแข็งที่อันตรายที่สุดในโลกค่ะ Casu Marzu เนยแข็งสัญชาติอิตาเลียน อันตรายขนาดเป็นเนยผิดกฏหมายต้องขายในตลาดมืดกันทีเดียว!!!

กำเนิดจากนมแกะที่เอามาทำเป็นเนยแข็งและทิ้งเอาไว้ให้แมลงวันมาไข่ จนโตขึ้นไข่เหล่านั้นก็กลายเป็นหนอนมากมากยั้วเยี้ย พร้อมกับกลิ่นอันสยดสยอง ชาวท้องถิ่นที่ชอบชีสชนิดนี้บอกว่าชีสนี้จะอร่อยก็ต่อเมื่อหนอนพวกนี้ยังมีชีวิตอยู่เท่านั้น เพราะหลังจากหนอนตายแล้วเนยแข็งจะเสียและเป็นพิษจนไม่สามารถทานได้ เวลาเสิร์ฟมีเคล็ดลับคือคนทานควรใส่แว่นตาป้องกันด้วยเนื่องจากหนอนเป็นๆ เหล่านี้สามารถดีดตัวเด้งดึ๋งได้สูงถึงหกนิ้วเลยทีเดียว!

ที่ยิ่งไปกว่านั้นคือหนอนเหล่านี้ที่กินไปพร้อมกับชีส บางตัวที่ไม่โดนย่อยก็ไปฝังตัวในลำไส้กินอาหารเติบโตต่อ แข็งแรงมากขึ้นๆ ก็เจาะทะลุไส้ออกมากเลย (บรึ๋ย) ... ก็สมควรแล้วที่โดนแบนนะคะ

(http://cdn-i.dmdentertainment.com/cracked/wong/maggotcheese1.jpg)

หนอนในเนยมีในกล่าวไว้ในพระราชนิพนธ์ไกลบ้าน




 ;D

พระราชนิพนธ์ไกลบ้านไม่ได้บอกต่อใช่ไหมคะว่ามีคนไทยกล้าทานเนยแข็งหนอนหรือเปล่า บรึ๋ยยยย

อันนี้เป็นเมนูที่เค้าบอกว่าได้รับการบันทึกจากกินเนสว่าเป็นอาหารจานใหญ่ที่สุดในโลก อูฐยัดไส้ค่ะ (Stuffed camel) ว่ากันว่าเป็นอาหารพิเศษที่จะเสิร์ฟในงานแต่งงานของชาวอาหรับ เบดู หรือ เบดูอินที่เรียกกัน

ในตัวอูฐประกอบด้วยไก่ยัดไข่ต้มและข้าว แล้วเอาไก่ยัดไส้ 20 ตัว ใส่เข้าไปในแพะ แล้วเอาแพะยัดไส้ใส่เข้าไปในอูฐอีกที แล้วเอาข้าวยัดเพิ่มในตัวอูฐจนเต็ม จากนั้นเอาไปย่างจนสุก เสิร์ฟบนถาด กินกันอิ่มหนำได้ 80 - 100 คนเลยค่ะ  ::)

(http://www.todayifoundout.com/wp-content/uploads/2011/03/Stuffed-Camel.jpg)

ใครสนใจอยากทำ สูตรตามด้านล่างนี้ค่ะ

(http://www.snopes.com/food/graphics/camel.jpg)

อีกสูตรหนึ่ง

 ;D

ต้อง Very hungry guests อย่างที่ป้ายผ้าที่อาจารย์เพ็ญชมพูเอามาฝากจริงๆ ค่ะ ถึงจะรุมกินโต๊ะอูฐได้  ;D ;D

รอบนี้ดูเมนูของหวานเบาๆ อมยิ้มแมงป่อง หารับประทานได้ตามตอนใต้ของอเมริกาและเม็กซิโกค่ะ

ไม่อยากเอารูปมาลง  เชิญเข้าไปตามลิ้งค์ดีกว่าค่ะ

http://www.oknation.net/blog/print.php?id=291381

 ::) ::) ::) ::) ::) ::) ::) ::) ::) ::) ::) ::) ::) ::) ::)

ถ้าคุณกระต่ายยังไม่เข็ด  เชิญเข้าไปชมเครื่องดื่มพิสดารตามลิ้งค์ค่ะ
แค่อย่างแรก ก็  ::)   ::)   ::)   ::)    ::)   ::) แล้ว

http://www.oddee.com/item_96574.aspx

เครื่องดื่มนี้ยังไม่มีในเมนูของคุณเทาชมพู

สุภาพบุรุษคนนี้กำลังดื่มน้ำอะไร ที่ไหนหนอ

รับรองไม่ใช่เครื่องดื่มธรรมดา มีการบรรยายสรรพคุณว่า เพิ่มพลังดีนักแล

 ;D

ป้ายด้านหลังภาษาสเปน บวกกับเค้าหน้าของชายผู้เป็นพรีเซนเตอร์ ... ก็ทายว่าเป็นที่ไหนซักแห่งในอเมริกากลางหรือใต้ค่ะ

และเมื่อส่องดูป้ายภาษาสเปนโดยละเอียดแล้ว บวกอินทเนตร ก็ทราบว่าเป็น "น้ำกบ" ซึ่งถือเป็นไวอากร้าของชาวเปรูค่ะ ... อ่านวิธีฆ่ากบในเวบนี้แล้วสงสารจังเลยนะคะ

http://www.msnbc.msn.com/id/18494880/ns/health-sexual_health/t/not-feeling-sexy-chug-some-peruvian-frog-juice/#.T911hbUtgfQ

ใครก็กล้าดื่มเนี่ย  ::) ::) ::) ::) ::) ::) ::) ::) แต่ก็คงมีแหละ ไม่งั้นจะมีคนเอามาขายได้ไงนะคะ

มีภาพวิดีโอสาธิตการกิน Cazu Marzu มาฝากค่ะ น่ากลัว  :-\ :-\ :-\

http://www.youtube.com/watch?v=4CGseBM85gc&feature=player_embedded

ลูกค้าน้ำกบปั่นคนนี้เป็นคนดัง

สำนักข่าวต่างประเทศ (อีกแล้ว ไทยรัฐไม่เคยระบุชื่อสักที) รายงานเมื่อวันที่ ๒๖ พฤษภาคมว่า ปาร์ก จี ซุง มิดฟิลด์ เปิดเผยว่า "น้ำกบปั่น" คือเคล็ดลับเพิ่มพลังความอึดของตัวเอง ก่อนลงช่วยทีมแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ทำศึกยูฟ่า แชมเปียนส์ลีก นัดชิงชนะเลิศกับบาร์เซโลนา

ข่าวจาก ไทยรัฐ (http://www.thairath.co.th/content/sport/174320)

ส่วนเมนูนี้ เป็นเมนูเข้าข่ายทรมานสัตว์นะคะ ทำไมมนุษย์เราช่างโหดร้ายเหลือเกิน ... Ying Yang Fish กำเนิดจากไต้หวันและโดนแบนไปแล้ว ตอนนี้ไปดังอยู่ที่จีน แต่ก็ข่าวว่ากำลังจะโดนแบนเหมือนกัน

(http://static.environmentalgraffiti.com/sites/default/files/images/YING-YANG-FISH.jpg)

ส่วนวิดีโอนี้ ถ้าใจไม่แข็งอย่าดูเลยค่ะ

http://www.youtube.com/watch?v=rTUPHExilFk

ทันใดก็มีกลุ่มรักสัตว์ออกมาต่อต้าน

สำนักข่าวต่างประเทศ (ที่ไหนหนอ) รายงานเมื่อวันที่ ๕ มีนาคม ว่า ปาร์ก จี ซุง ดาวเตะจอมฟิตทีม "ปีศาจแดง" งานเข้า หลังกลุ่มพิทักษ์กบในบ้านเกิดเกาหลีใต้ ที่เรียกตัวเองว่า "Frogs' Friends" หรือ "กลุ่มเพื่อนกบ" ต่อต้าน จากที่เมื่อ พ.ศ. ๒๕๔๙ เจ้าตัวเคยเขียนลงในอัตชีวประวัติส่วนตัวถึงเคล็ดลับความฟิตของตัวเองว่า มาจาก "น้ำกบปั่น" ที่นำกบทั้งตัวไปปั่น ซึ่งคุณพ่อส่งมาให้ดื่มอยู่เป็นประจำ

ข่าวจาก ไทยรัฐ (http://www.thairath.co.th/content/sport/243322)

 ;D

เพื่อนกบนี่มีอยู่แล้วหรือรวมกันเฉพาะกิจก็ไม่รู้นะคะ  ;D ;D

  อึ่งอ่างแก้จน...ชาวบ้านปักธงชัยโคราชใช้ภูมิปัญญาชาวบ้าน นำอึ่งอ่างไปถนอมอาหารทำเป็นปลาร้าอึ่ง เก็บไว้กินได้ทั้งปี บางรายออกนำมาวางจำหน่าย ขายดีเป็นเทน้ำเทท่า สร้างรายได้เป็นกอบเป็นกำ
      นครราชสีมา ที่บ้านเลขที่ 125 บ้านโคกสะแกราช หมู่ 15 ต.สะแกราช อ.ปักธงชัย จ.นครราชสีมา ซึ่งเป็นบ้านของนางนิด ศรีกุดเวียน คนในครอบครัวต่างช่วยกันเร่งคลุกส่วนผสมที่มีทั้ง เกลือ , ข้าวคั่ว และเครื่องปรุงอีกหลายอย่าง เข้ากับตัวอึ่งอ่างที่ถูกชาวบ้านจับมาขายต่อ เพื่อทำเป็นปลาร้าอึ่ง ไปวางขายที่ริมถนนสาย 304 หน้าวัดปอแดง ต.สะแกราช อ.ปักธงชัย ควบคู่ไปกับการขายอึ่งสดและอึ่งย่าง ให้คนที่ผ่านไปผ่านมาได้เลือกซื้อไปไว้รับประทานเป็นอาหาร ซึ่งเป็นที่ชื่นชอบอย่างมากของประชาชนในแถบภาคอีสาน เนื่องจากปลาร้าอึ่งนั้นจะให้รสชาติที่ดีกว่าปลาร้าที่ทำจากปลา อีกทั้งลักษณะของการนำไปปรุงเป็นอาหารก็ทำได้หลายแบบ ทั้งแบบทอดเป็นตัว หรือทำต้มยำ จึงเป็นที่นิยมของนักชิมอย่างมาก ซึ่งการทำปลาร้าอึ่งนั้น ชาวบ้านแถบนี้ทำมานานกว่า 15 ปีแล้ว โดยในแต่ละปีเฉพาะรายได้จากการขายปลาร้าอึ่งในช่วงนี้ จะตกที่วันละ 600 – 1,800 บาทเลยทีเดียว
      
      นางอุทัย ศรีกุดเวียน อายุ 60 ปี บ้านเลขที่ 125 บ้านโคกสะแกราช หมู่ 15 ต.สะแกราช อ.ปักธงชัย จ.นครราชสีมา หนึ่งในชาวบ้านที่ยึดอาชีพการทำปลาร้าอึ่งขายมานานกว่า 15 ปี กล่าวว่า ตนเองทำปลาร้าอึ่งมานานกว่า 15 ปีแล้ว เดิมทีก็จะหาอึ่งไปวางจำหน่ายตามถนน สาย 304 ปักธงชัย – วังน้ำเขียว เพื่อเป็นรายได้เสริมหลังว่างจากฤดูกาลทำไร่ ทำนา และบางวันสามารถจับอึ่งอ่างมาได้เป็นจำนวนมาก และนำไปวางขายไม่หมดจนบางครั้งทำให้มีอึ่งอ่างหลายตัวตายไปเสียก่อน และไม่สามารถที่จะนำไปย่างขายได้ เนื่องจากเมื่ออึ่งอ่างไม่สด รสชาติก็จะไม่อร่อยถูกปากขอลูกค้า จึงได้ใช้กรรมวิธีดั้งเดิมที่พ่อแม่ สั่งสอนให้ในกรรมวิธีถนอมอาหาร ด้วยการนำอึ่งอ่างมาผ่าท้องทำความสะอาด เอาเครื่องในออกจนหมด จากนั้นนำเกลือและข้าวคั่ว เทลงไปในถังพลาสติกคลุกเคล้าให้เข้าเป็นเนื้อเดียวกัน ทิ้งไว้ 3 วัน ก็จะได้ปลาร้าอึ่งอ่างรสชาติดี แล้วนำไปบรรจุไหไว้รับประทานได้นานเป็นปี ซึ่งหากว่าทำปลาร้าอึ่งได้จำนวนมากก็จะนำไปวางขายควบคู่ไปกับอึ่งอ่างย่าง ปรากฏว่าเมื่อนำไปวางขายกลับขายดีเป็นเทน้ำเทท่า ทำให้ในช่วง 4 – 5 ปีที่ผ่านมา ตนเองก็เลยทำปลาร้าอึ่งไปวางขายพ่วงกับการขายอึ่งอ่างสด และอึ่งอ่างย่างริมถนน ทุกวัน วันละ ประมาณ 10 กิโลกรัม โดยก็ได้รับการตอบรับจากประชาชนที่สัญจรผ่านไปมาแวะซื้อไปรับประทานวันละไม่ต่ำกว่า 5 กิโลกรัม ซึ่งทำให้มีรายได้จากการขายปลาร้าอึ่งวันละประมาณ 500 – 1,800 บาท และหากนับรวมกับการขายอึ่งอ่างสดและอึ่งอ่างย่างแล้วก็จะมีรายได้ซึ่งยังไม่หักค่าใช้จ่ายจากต้นทุนที่ไปกว้านซื้ออึ่งทั่วพื้นที่จังหวัดนครราชสีมา ตกวันละ ประมาณ 20,000 บาท เลยทีเดียว
      
      สำหรับการหาอึ่งอ่างมาวางจำหน่ายนั้น นางอุทัยฯ กล่าวว่า ตนเองก็จะขับรถไปเร่หารับซื้ออึ่งอ่างในพื้นที่ที่มักจะมีมากเป็นพิเศษ โดยเฉพาะในพื้นที่ อ.ครบุรี เสิงสาง และ อ.ปักธงชัย ซึ่งวันหนึ่งๆ จะมีประชาชนจับอึ่งมาขายให้วันละหลายตัน โดยตนเองก็จะซื้อมาครั้งละประมาณ 100 – 300 ร้อยกิโลกรัมแล้วแต่ว่าจะมีเงินต้นทุนมากน้อย ในราคากิโลกรัมละ 100 – 120 บาท จากนั้นก็จะนำมาย่างขายโดยจะจับเสียบไม้ ไม้ละ 4 – 5 ตัวแล้วแต่ขนาดของตัวอึ่งอ่าง ซึ่งราคาอึ่งเสียบไม้ย่างหากไม่มีอึ่งที่กำลังตั้งท้องมีไข่อยู่เต็มท้อง ราคาก็จะอยู่ที่ไม้ละ 30 – 40 บาท แต่หากเป็นอึ่งไข่ล้วน ซึ่งเป็นที่นิยมรับประทานของคนที่ผ่านไปผ่านมาราคาก็จะอยู่ที่ไม้ละ 50 – 60 บาท ส่วนอึ่งสดหากมีคนมารับซื้อไปขายต่อก็จะขายให้ในราคากิโลกรัมละ 150 – 160 บาท โดยวันหนึ่งๆ ตนเองจะมีรายได้จากการขายอึ่งตกวันละ 3,000 – 4,000 บาท นับรวมทั้งทุน ซึ่งบางวันหากเป็นช่วงเทศกาลที่มีคนเดินทางมากหรือในช่วงวันหยุดยาวอย่างเช่นเทศกาลสงกรานต์ที่ผ่านมา จะขายได้เฉลี่ยวันละ 10,000 – 15,000 บาท เลยทีเดียว แต่ทั้งนี้หากเทียบกับปีที่ผ่านมาแล้วกลับพบว่ารายได้จากการขายอึ่งกลับลดลงกว่าเดิมเกือบ 30 % เพราะช่วงสงกรานต์ของปีที่ผ่านมา ตนเองจะมีรายได้จากการขายอึ่งเฉลี่ยวันละ 15,000 – 20,000 บาท นางอุทัยฯ กล่าว

^
^
ภารกิจของ "กลุ่มเพื่อนกบ" ครอบคลุมถึงอึ่งอ่างและคางคกด้วยหรือไม่หนอ

หากใช่แล้วละก็.. ชาวบ้านปักธงชัยอย่าให้ข่าวนี้แพร่งพรายไปถึงเกาหลีใต้เชียว

 ;D

ตามไปดูมาแล้วค่ะ อั๊ยยะพูดไม่ออกเลยทีเดียว

http://www.youtube.com/watch?v=XCeVh-vdusI

ที่เห็นในหม้อนั้นคือ "ไข่ต้ม" แต่ "ไม่ธรรมดา"

หากอ่านภาษาจีนได้ จะทราบว่าไข่ต้มเมืองจีนนี้แปลกประหลาดอย่างใด

 ;D

ทงจึตั้น (童子蛋：tong zi dan) หรือไข่ที่มีไก่อยู่ข้างใน เมืองไทยเรียกว่าไข่ข้าว เมืองจีนเอามาต้มกิน หรือบางทีต้มแล้วก็เอามาทอดกับน้ำมันอีกทีพอเกรียมๆ

กินกับน้ำจิ้มซีอิ๊ว อร่อยดี ชอบเข็นมาขายเวลาค่ำๆแต่ควรกินตอนกลางคืนเท่านั้น เพราะตอนกลางวันมองเห็นแล้วกินไม่ลง ก่อนนำไปรับประทาน คนขายจะโรยพริกป่น เกลือ และยิ่หร่าลงไปให้มีกลิ่นหอม

ทั้งนี้เวลากินควรกินตอนทอดเสร็จ หรือต้มเสร็จใหม่ๆ จะอร่อยกว่ามาก เพราะซื้อมาเก็บแล้วเอามาอุ่นจะไม่ค่อยอร่อยเท่าที่ควร

ที่พูดมาทั้งหมดนี้คือกินมาแล้ว อร่อยใช้ได้อยู่

ไข่ข้าวก็แแปลกอยู่


แต่เกรงว่าจะไม่ใช่

คุณหาญปิงลองอ่านข่าวนี้ดู แล้วจะทราบว่าเป็นไข่อะไร

浙江东阳童子蛋热卖受追捧 (http://www.cwddd.com/hot/201203/15582.html)

อาเฮียใช้น้ำอะไรหนอสำหรับต้มไข่

 ;D

อ๊ะ งั้นกลุ่มจับเขียด ปาด แลน มากินก็ควรระวังตัวเอาไว้

โอ๊ะ  ::) ::) ::) ::) ::) ::) หนูขอบายค่ะ น้ำต้มแนวนี้ไม่ถนัด แต่คิดว่าอย่างน้อยก็คงประหยัดคนขาย ไม่ต้องเติมเกลือในน้ำ  ::) ::) ::) ::)

กลุ่มเพื่อนกบคงดูแลแค่กบ คางคก อึ่งอ่าง เขียด ปาด

ส่วนแลนคงมีกลุ่มเพื่อนอีกกลุ่มดูแลต่างหาก

 ;D

 ;D ;D ;D ;D ;D เอาสัตว์คนละจำพวกมารวมกันอีกแล้ว เรา ... ขอโทษค่ะ  ;D ;D ;D ;D ;D

อย่าลืมแวะเวียนไปเกาหลีและญี่ปุ่นด้วยนะครับ   มีหลากหลายไม่เบาเหมือนกันครับ
ในจีนแถวย่านหลังพระราชวังต้องห้าม ตอนเย็นก็มีหลากหลายเช่นกัน

สำหรับภาพแมลงมุมใน คห.ที่ 3 นั้น คงจะเป็นตัวที่เราเรียกว่า บึ้ง ชาวบ้านไทยก็นิยมเอามากินกันเหมือนกัน ปัจจุบันกลายเป็นสัตว์หายาก เลยไม่ค่อยจะได้เห็นกัน บึ้งเป็นแมลมุมขนาดใหญ่ ขุดรูอยู่

ปลาไหลใส่โซดา  ใครสนใจบ้างคะ
http://www.designswan.com/archives/12-strange-asian-beverages.html

^
^
うなぎのぼり

โซดาปลาไหลกระมัง

ญี่ปุ่นมีเครื่องดื่มแปลก ๆ

เมื่อหลายสิบปีก่อนเคยไปญี่ปุ่น เห็นน้ำชาบรรจุขวดขายยังเห็นเป็นของแปลก

เดี๋ยวนี้เห็นในเมืองไทยเป็นธรรมดาไปเสียแล้ว

 ;D

คุณต่ายคงพอทราบแล้วว่าอาเฮียใช้น้ำอะไรสำหรับต้มไข่

อาหารพื้นเมืองชนิดหนึ่ง ในเมืองตงหยาง ประเทศจีน ซึ่งเป็นไข่ที่นำไปต้มในปัสสาวะของเด็กผู้ชาย และเป็นอาหารที่รับประทานกันมาหลายชั่วอายุคน มีชื่อว่า ไข่เด็กชายบริสุทธิ์

ทั้งนี้ คนขายไข่ต้มปัสสาวะ จะนำอ่างและถังไปขอปัสสาวะของเด็ก ๆ ในโรงเรียนประถม จากนั้นจะนำปัสสาวะดังกล่าวมาต้มกับไข่ ซึ่งไม่มีคำอธิบายว่า ทำไมจึงต้องนำปัสสาวะของเด็กผู้ชายมาต้มกับไข่ รู้เเต่เพียงว่า วิธีการต้มไข่ดังกล่าวกระทำสืบต่อกันมาเป็นร้อยปี โดยกลิ่นของไข่ที่ต้มในหม้อปัสสาวะจะมีกลิ่นหอมเชิญชวน ทำให้คนที่เดินผ่านไปผ่านมาหน้าร้านอาหารดังกล่าว ต้องแวะเวียนเข้ามาเลือกซื้อ

นายจี เหยาหัว วัย ๕๑ ปี เจ้าของร้านไข่ต้ม กล่าวว่า ไข่ต้มปัสสาวะนั้นดีต่อสุขภาพ หากรับประทานเข้าไป จะทำให้ไม่เป็นลมแดด และไข่ต้มในปัสสาวะเด็กผู้ชายก็มีกลิ่นหอมเย้ายวนใจ ครอบครัวของเขารับประทานไข่ต้มปัสสาวะทุกมื้อ ในเมืองตงหยาง ทุกครอบครัวชอบรับประทานไข่ต้มแบบนี้ ซึ่งชาวบ้านในเมืองตงหยาง ทั้งเด็กและผู้ใหญ่ เชื่อกันว่า ไข่ต้มปัสสาวะที่ได้สูตรที่สืบทอดต่อกันมาตั้งแต่สมัยบรรพบุรุษนั้น ช่วยลดความร้อนในร่างกาย และทำให้การไหลเวียนของเลือดดีขึ้น และแก้ปวดเมื่อยได้อีกด้วย นอกจากนี้ นายจี ยังกล่าวว่า กว่า ๒๐ ปีแล้ว ที่ผู้คนมักรับประทานไข่ต้มปัสสาวะเป็นของขบเคี้ยว เพราะไข่ต้มทั้งสดและมีรสเค็ม ราคาไข่ต้มใบหนึ่งจะตกอยู่ที่ฟองละ ๑.๕๐ หยวน หรือประมาณ ๗ บาท ๕๐ สตางค์

ส่วนวิธีการต้มนั้น จะต้องใช้เวลา ๑ วันในการต้มไข่ให้สุก โดยเริ่มจากการล้างไข่แล้วนำไข่ดิบมาต้มในหม้อที่ใส่ปัสสาวะ จากนั้น เปลือกของไข่จะแตกออกแล้วน้ำจะไหลเข้าสู่เนื้อไข่ และต้มต่อไปอีกหลายชั่วโมง ซึ่งเวลาต้ม จะต้องคอยดูหม้อและรินปัสสาวะใส่หม้อตลอดเวลา เพื่อไม่ให้น้ำแห้ง รวมทั้งต้องคอยควบคุมไฟไม่ให้ไข่ร้อนหรือสุกจนเกินไป

อย่างไรก็ตาม คนที่ไม่ชอบไข่ต้มปัสสาวะก็มีเช่นกัน ผู้เชี่ยวชาญด้านการแพทย์ได้ออกมาวิจารณ์เกี่ยวกับไข่ต้มชนิดนี้ว่า ไม่ได้มีประโยชน์ต่อร่างกาย และชาวเมืองตงหยางบางคน ก็ออกมาเปิดเผยว่า ไม่ชอบไข่ต้มชนิดนี้อย่างมาก โดยนายหวัง ตุนเซียง วัย ๓๘ ปี กล่าวว่า ชาวเมืองตงหยางมีประเพณีการต้มไข่ด้วยปัสสาวะ เพราะเชื่อว่ามันดีต่อร่างกายและช่วยป้องกันหวัด แต่ตัวเขาเองไม่เชื่อเรื่องพวกนี้ และเขาก็ไม่รับประทานไข่แบบนี้ด้วย

จาก กระปุกดอทคอม (http://hilight.kapook.com/view/69411)

ไข่เด็กชายบริสุทธิ์  童子蛋 นี้ เรียกแบบไทย ๆ ก็ต้องว่า "ไข่เยี่ยวเด็ก"

 ;D

อันนี้เป็นซีรีส์เครื่องดื่มยี่ห้อคุ้นตา แต่มีรสชาติและสีแบบที่เราคงหาทานไม่ได้ง่ายๆ ค่ะ บางอันอาจจะไม่มีขายแล้ว เป็นรสในตำนาน

(http://img.weburbanist.com/wp-content/uploads/2010/05/global_pepsi_1b.jpg)

เป๊บซี่เรโทร อันนี้ขายที่เม็กซิโกค่ะ มีส่วนประกอบของน้ำตาลอ้อย ปรุงรสด้วยสารสกัดจากถั่วชนิดหนึ่ง และอัดแก๊สเข้าไปเยอะกว่าปกติ คนที่มีโอกาสได้ทานบอกว่ามีรสชาติคล้ายลูกเกดค่ะ

(http://img.weburbanist.com/wp-content/uploads/2010/05/global_pepsi_2a.jpg)

เป๊ปซี่แตงกวาเย็นนี้มาจากญี่ปุ่นค่ะ ไม่ได้ใช้แตงกวาจริงๆ แต่เป็นการปรุงแต่งรสสังเคราะห์ ถูกผลิตออกมาขายในหน้าร้อน เพราะอยากให้ลูกค้าได้ดื่มเครื่องดื่มที่ทำให้รู้สึกเย็นชื่นใจ เป็ปซี่แตงกวาเย็นจึงได้ถือกำเนิดขึ้นค่ะ

(http://img.weburbanist.com/wp-content/uploads/2010/05/global_pepsi_3b.jpg)

ยังอยู่ที่ญี่ปุ่น ชาติที่สร้างสรรค์เรื่องเครื่องดื่มมากที่สุดชาติหนึ่งของโลก รอบนี้เป็นการโชว์ตัวของเป๊ปซี่ถั่วแดงค่ะ คนที่เคยดื่มรายงานว่าเครื่องดื่มรสนี้ประหลาดมาก เพราะไม่มีรสเหมือนเป๊ปซี่ไม่ยัง ดันไม่มีรสถั่วแดงอีกต่างหาก งงกันไปตามๆ กัน

(http://img.weburbanist.com/wp-content/uploads/2010/05/global_pepsi_4b.jpg)

พี่หมีขาวรัสเซียก็ไม่น้อยหน้า ผลิตเป็ปซี่รสไอศกรีมออกมาวางตลาด คำให้การหลังม่านเหล็กบอกว่ารสชาติคล้ายน้ำครีมโซดาค่ะ

(http://img.weburbanist.com/wp-content/uploads/2010/05/global_pepsi_5b.jpg)
(image via: Mike’s Blender)

กลับมาที่ญี่ปุ่นอีกที (และจะวนมาอีกหลายที ฮิๆๆ) ... เป๊ปซี่ชิโสะ ที่ใส่ใบชิโสะลงไป ใบชิโสะนี้มีชื่อภาษาอังกฤษว่า beefsteak plant อาจจะดีแล้วที่เรียกรสนี้ว่าชิโสะ แทนที่จะเป็นรส beefsteak เพราะคงงงน่าดู

(http://img.weburbanist.com/wp-content/uploads/2010/05/global_pepsi_6b.jpg)
(image via: Ciao)

เป๊ปซี่ทองคำอันนี้เมืองไทยก็มีขายค่ะ เป็นรสที่ผลิตขึ้นเพื่อโปรโมทฟุตบอลโลก 2006 และลากยาวไปจนถึงการแข่งคริกเก็ทชิงแชมป์โลกด้วย มีขายหลายประเทศทั้งในเอเชีย ตะวันออกกลาง และยุโรปค่ะ

(http://img.weburbanist.com/wp-content/uploads/2010/05/global_pepsi_7b.jpg)
(image via: WTF TheBizzare)

เป๊ปซี่แซมบ้าถูกผลิตขึ้นมาหวังขายในตลาดออสเตรเลีย (เป็นหลัก) และสเปน (ส่วนน้อยแบบชิมลาง) ... ผู้ผลิตตั้งใจอยากให้รสชาติออกมาแนวผลไม้เมืองร้อน จึงได้แต่งกลิ่นรสของมะม่วงและมะขามลงไป

ผลลัพธ์คือเจ๊งกราวรูดค่ะ ขายแทบไม่ออกเลย คนที่เคยดื่มบอกว่ารสชาติแย่เกินรับ จึงเป็นเป๊ปซี่ที่อายุการตลาดสั้นมาก ต้องมาเลหลังกันแบบลดกระหน่ำ ขวดขนาดสองลิตรขายแค่ 15 เซ็นต์ คนออสเตรเลียยังเมิน  :-\

(http://img.weburbanist.com/wp-content/uploads/2010/05/global_pepsi_8a.jpg)
(images via: Paxton Holley, Talkinsnack and Yahoo Music)

กลับมาที่ญี่ปุ่นอีกที (เราเตือนคุณแล้ว) ... รอบนี้เป็นเป๊ปซี่บลูฮาวาย ซึ่งได้รับแรงบันดาลใจมาจากภาพยนตร์เรื่อง บลู ฮาวาย แสดงนำโดยเอลวิส เพรสลีย์ ... ปรุงแต่งกลิ่นรสให้คล้ายมะนาวและสับปะรด ฮาว๊ายฮาวายกันเลยทีเดียว

(http://img.weburbanist.com/wp-content/uploads/2010/05/global_pepsi_9a.jpg)
(images via: Concorsomania and TheAllNewAdventuresOfMe)

รสนี้มีขายแค่ที่เยอรมัน อิตาลี และสเปนเท่านั้น เป๊ปซี่ตู้มค่ะ


Now here’s a Pepsi flavor you won’t be seeing on airline drinks carts anytime soon: Pepsi Boom. Advertised as being free of caffeine, sugar and artificial sweeteners, one wonders why anyone would want to drink Pepsi Boom when water is free of those same things – and is free, to boot.

You can find Pepsi Boom for sale in Germany, Italy and Spain… which somehow makes sense. Rumors saying that the fridge in der Fuhrerbunker was stocked with Pepsi Boom are probably not true.

(http://img.weburbanist.com/wp-content/uploads/2010/05/global_pepsi_10b.jpg)
(image via: Suntory)

อันสุดท้ายนี้ กลับมาที่แดนอาทิตย์อุทัยเหมือนเดิมกับ เป๊ปซี่บาวบับ (ภาษาไทยเรียกว่าต้นมหาสมบัติ) ว่ากันว่ามีรสชาติคล้ายหมากฝรั่ง ... ถ้าทำได้ดีน่าจะเข้ากันนะคะ

(http://www.nidambe11.net/ekonomiz/2009q2/2009june04fig1.jpg)
(image via: nidambe11)

ขอบคุณข้อมูลและรูปภาพทั้งหมดจาก http://weburbanist.com/2010/05/02/global-cola-10-pepsi-cola-flavors-you-cant-get-here/

ของไทยเราก็มีนะคะ  ลงในกระทู้นี้หรือยัง   เพียงแต่เราไม่ทันนึกว่าเป็นเครื่องดื่มพิสดารเท่านั้นเอง   
ยาดองเหล้าไงคะ
งูกับตะขาบเป็นสัตว์มีพิษ  แช่เหล้าแล้วไม่มีพิษออกมาปนอยู่ในเหล้าบ้างหรือ?

เหล้างูยังไม่เคยเอาลงค่ะ ... สำหรับคำถามของอาจารย์ เดลิเมล์ให้คำตอบไว้ว่าเอธานอลในเหล้าที่แช่สัตว์มีพิษเหล่านี้เอาไว้เป็นเวลานานจะล้างพิษสัตว์เหล่านี้ได้ค่ะ ... อีกแหล่งหนึ่งบอกว่าชาวบ้านจะต้องดองเหล้าไว้ 1 - 5 ปี ก่อนจะนำมาขายได้แบบนี้ค่ะ

สงสัยว่าถ้ากินเหล้าหมดขวดแล้ว ทำยังไงกับซากสัตว์  ??? ???

http://www.dailymail.co.uk/news/article-1348906/Vietnamese-snake-scorpion-rice-wines-leave-biting-headache.html


อันนี้เหล้าเวอร์ชั่นเวียดนามค่ะ งูตัวใหญ่เกินไปไหม  ::) ::) ::) ::)

(http://media3.washingtonpost.com/wp-dyn/content/photo/2007/04/20/PH2007042000906.jpg)

อันนี้เป็นเหล้าดองหมูค่ะ ว้อดก้าเบคอน จากอเมริกา

(http://www.oddee.com/_media/imgs/articles2/a97168_g113_6-bacon-vodka.jpg)

เบคอนเอาไปทำอะไรได้อีก ..... ทำเป็นหมากฝรั่งรสเบคอนดีไหม

(http://www.delish.com/cm/delish/images/9l/11871-xl.jpg)

หรือทำเป็นช็อกโกแลตรสเบคอนจะเก๋กว่า

(http://www.delish.com/cm/delish/images/BM/candyBar-Bacon-color-xl.jpg)

อมยิ้มเบคอนล่ะ

(http://www.delish.com/cm/delish/images/48/maple_bacon_lollipop-xl.jpg)

ส่วนอันสุดท้าย เป็นเค้กที่ทำเลียนแบบหน้าตาของเบคอนค่ะ ถาดรองที่เห็นในรูปก็เป็นเค้กเหมือนกัน กินได้หมดเลยค่ะ

(http://www.delish.com/cm/delish/images/M0/bacon-cake-hi-res1-xl.jpg)

บางทีอาหารและเครื่องดื่มอาจจะไม่พิสดาร

แต่ด้วยเมนูอาหารที่ใช้ภาษาแปลโดยคุณกุ๊ก ก็อาจทำให้อาหารและเครื่องดื่มนั้นพิสดารไปก็ได้

เชิญทัศนาเมนูอาหารของร้านหนึ่งที่ฮ่องกง ...ภาพจาก http://www.poppaganda.net/humor/1028/

 ;D

เจอเมนูแบบนี้เข้าไปคงจะอึ้งนะคะอาจารย์เพ็ญชมพู

ต่ายอ่านภาษาจีนไม่ได้ ... แต่ถ้าให้เดา ต้นฉบับคงมาจากภาษาบาฮาซาอินโดนีเซีย เพราะ ภาษาอินโดนีเซียที่เห็นน่าจะถูกต้อง แต่ภาษาอื่นมีข้อผิดพลาดเยอะ ... เดาเอาค่ะ อาจารย์ว่ายังไงคะ

หากจะสั่งอาหารที่ร้านนี้ คงพึ่งภาษาอังกฤษมากที่สุด

 ;D

เมนูสยองขวัญ คุณเทาชมพูชวนชิม


คุณเทาชมพูตั้งชื่อเมนูนี้ว่ากระไร

(http://ptcdn.info/emoticons/smiley/smiley16.png)

เพ็ญชมพูทอด จิ้มซอสศรีราชา
ทำไมต้องจิ้มซอสศรีราชา เชิญอ่านได้ที่นี่
http://www.reurnthai.com/index.php?topic=5753.405

หนูแกสบี้ประเทศเปรู (http://www.dek-d.com/board/view/2220393/) ประมาณ 65 ล้านตัวถูกรับประทานทุกปี  :-\

(http://61.47.7.26/picpost/data/144/144126-5-8300.jpg) (http://61.47.7.26/picpost/data/144/144126-3-1082.jpg)

(http://61.47.7.26/picpost/data/144/144126-7-2071.jpg) (http://61.47.7.26/picpost/data/144/144126-3-1515.jpg)

 :-\

หนูแกสบี้ หรือหนูตะเภา แถวเปรูจะเรียกว่า Guinea Pig ครับ เอาไว้เป็นอาหาร บ้างก็สันนิษฐานว่าที่ชื่อมีคำว่า pig นั้นอาจเพราะรสชาติคล้ายเนื้อหมูก็เป็นได้  :D

ที่เขมรมีอาหารแปลกประหลาดหลายอย่าง


นอกจากแมงมุมยักษ์หรือตัวบึ้งทอดกระเทียมพริกไทยข้างบนแล้ว ก็ยังมีเจ้านี่

"งูวงตากแห้ง" ส่งตรงมาจากกระทู้ "สัตว์ประหลาด ๒" (http://www.reurnthai.com/index.php?topic=5645.msg130392#msg130392)

เขาว่า "เอามาปิ้ง มาทอด ก็หนึบหนับดี"  ;)

(http://www.reurnthai.com/index.php?action=dlattach;topic=5645.0;attach=46599;image)

(http://ptcdn.info/emoticons/smiley/อมยิ้ม04.png)

ลองจานนี้ไหมคะ
กบ หรือถั่ว ?

ไม่ทราบว่ามีใครลิ้มลองอาหารจานนี้ของคุณเทาชมพูหรือยัง กบ หรือ ถั่ว   ;)

ขอแนะนำอาหารจานเด็ดอีกรายการหนึ่ง ฟังจากชื่ออาจจะไม่แปลก "Rocky Mountain's Oyster" หอยนางรมแห่งเทือกเขาร็อกกี้

หน้าตาเหมือนหอยนางรมชุบแป้งทอดของญี่ปุ่น


ดูรูปจานข้างล่างแล้วน่ากินใช่ไหมล่ะ แต่ความแปลกของมันคือวัตถุดิบที่ใช้ทำอาหารไม่ใช่หอยนางรม แต่จะเป็นอะไร โปรดติดตามตอนต่อไป   ;D

เมนูนี้พิศดารมั๊ย

โลกใบนี้จะรีบหมุนเร็วไปไหน

เจ้าของร้านคงคิดให้อาหารเด็ดของตัวหมุนรอบอักษร "ล"  เหล้า - หลู้ - ลาบ โดยลืมนึกไปว่ามีอยู่อีกคำหนึ่งซึ่งโคจรรอบตัว "ล" ด้วยเช่นกันคือ "หลาบ" (ขยาดกลัว) ด้วย อาหารเมนูนี้ หากเป็น เหล้าเถื่อน - หลู้ดิบ - ลาบดิบ  (http://www.lannacorner.net/lanna2012/article/article_w_tk.php?type=C&ID=1478) อันตรายถึงชีวิตเชียวหนอ ขอบอก  

ขออนุญาต ให้ทายมั่ง ของไทยครับ

น้ำมะพร้าวอ่อนครับ 8)

เลือดกุ้งมังกรผสมสไปร์ทครับ ที่ร้านเขาบอกว่าเป็นยาโด๊บ ผมดื่มแล้วก็ยังเป็น 'ผู้เฒ่า' เหมือนเดิม

หอยนางรมแห่งเทือกเขาร็อกกี้ทำจากอะไร ค้นหาคำตอบได้ในคลิปนี้

http://www.youtube.com/watch?v=moixjwPlCw0#ws (http://www.youtube.com/watch?v=moixjwPlCw0#ws)

น่ารับประทานใช่ไหมล่ะ   ;)

ญี่ปุ่นก็มีอาหารในแนวนี้เหมือนกัน  นอกจาก"ไข่เม่นทะเล" อันเป็นอาหารโปรดของคุณนวรัตนแล้ว


ยังมีอาหารอีกเมนูหนึ่งชื่อว่า 白子 ชิระโกะ แปลว่า เด็กสีขาว ทำจากถุงเก็บอสุจิของปลา ส่วนมากก็มาจากปลาคอด นิยมรับประทานในฤดูหนาว

http://youtube.com/watch?v=9MqRtO1vGfE#ws (http://youtube.com/watch?v=9MqRtO1vGfE#ws)

น่ารับประทานไหม  ;)

แหม ผมอันนี้ไม่เคยลอง รู้คำแปลแล้วยิ่งไม่ค่อยน่าลองใหญ่

หน้าทุเรียนนี้ มีเมนูแปลก ๆ

ร้านราเมนในประเทศมาเลเซีย ผุดไอเดียแปลก "ราเมนทุเรียน" ที่ผสมเนื้อทุเรียนลงในน้ำซุปและวางทุเรียนทั้งพูไว้ด้านบน เท่านั้นไม่พอยังยกเสิร์ฟมาในทุเรียนทั้งลูกอีกด้วย

ร้าน Menya Shi Shi Do เจ้าของไอเดียแปลก "ราเมนทุเรียน" ที่เพิ่งเปิดตัวขายไปเมื่อวันที่ ๑๗ พฤษภาคมที่ผ่านมา บอกว่าเป็นเมนูลิมิเต็ด อิดิชั่น ที่ผสานความอร่อยระหว่างราเมนและทุเรียนเข้าด้วยกัน

https://youtu.be/t9aiMuUHCf8

หลังจากเดือนที่แล้วมีขายในมาเลเซีย ล่าสุดร้านอาหารญี่ปุ่น ชันเหอถัง ราเมน (山禾堂拉麵) ในเขตเกาสง ไต้หวันได้แรงบันดาลใจมาเปิดขายบ้าง

หลังจากพัฒนาสูตรของตัวเองมาราวสองสัปดาห์ ราเมนทุเรียนพร้อมจะเสิร์ฟให้ลูกค้าตั้งแต่วันที่ ๒๒ มิถุนายนนี้เป็นต้นไป

https://youtu.be/oy82voRrk2w

อีกไม่นาน เมนูนี้คงเข้ามาขายในเมืองไทย แต่จะเป็นที่นิยมหรือไม่ ต้องรอติดตามต่อไป ;D