12 องค์กรวิชาชีพออกมาต้าน ทอท.ทำไม?
บทความ ลงใน นสพ.แนวหน้า วันพุธที่ 27 พฤศจิกายน 2562 ในชุด"ต่อตระกูล+ต่อภัสสร์ ยมนาค ต่อต้านคอร์รัปชัน"
เหตุใดโครงการของท่าอากาศยานไทย (ทอท.) ที่จะสร้างอาคารผู้โดยสารหลังใหม่ ที่เรียกว่าอาคาร “เทอร์มินอล 2” ที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ จึงมีองค์กรวิชาชีพถึง 12 องค์กร ออกมาคัดค้านกันอย่างต่อเนื่องจนย่างเข้าปีที่ 2 แล้ว
โดยล่าสุดเมื่อ 14 พ.ย. ที่ผ่านมานี้ องค์กรวิชาชีพของวิศวกรอันเก่าแก่ที่สุดคือ วิศวกรรมสถานแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ หรือที่คนรู้จักกันทั่วไปในชื่อย่อว่า วสท. ได้จัดเสวนาวิชาการ เรื่อง “เทอร์มินัล 2 ตัดแปะ…หายนะสุวรรณภูมิ?” ในงานวิศวกรรมแห่งชาติ 2562 โดยมี ดร.สมเจตน์ ทิณพงษ์ อดีตกรรมการผู้จัดการ บริษัท ท่าอากาศยานสากลกรุงเทพแห่งใหม่ จำกัด และ ดร.สามารถ ราชพลสิทธิ์ วิศวกรผู้ร่วมจัดทำแผนแม่บทสนามบินสุวรรณภูมิ เป็นวิทยากร โดยมีผลสรุปออกมาว่า
“อาคารเทอร์มินอล 2 ตามแผนที่ ทอท. ผลักดันนั้น ราคาแพงกว่าการสร้างส่วนต่อขยายจากเดิมเกือบ 4 เท่า และใช้เวลาก่อสร้างนานกว่าถึง 2 เท่า”
บทสรุปนี้มาจากข้อมูลว่าหากเลือกที่จะสร้างส่วนต่อขยายเทอร์มินัล 1 ในอาคารเดิม ทางปีกฝั่งทิศตะวันออก และปีกทิศตะวันตก จะใช้งบประมาณเพียง 12,000 ล้านบาทเท่านั้น จะสามารถจุผู้โดยสารเพิ่มขึ้นได้อีก 30 ล้านคนทันที อีกทั้งจะทำได้เสร็จรวดเร็วเพียงแค่ 3 ปีเท่านั้น แต่หากเลือกพัฒนาเทอร์มินัล 2 เป็นอาคารขึ้นมาใหม่ทั้งอาคาร ตามที่ ทอท. ผลักดันมาตลอดนั้นจะต้องใช้งบสูงถึง 42,000 ล้านบาท
ทั้งนี้แม้ว่าการสร้างเทอร์มินอล 2 จะมีข้อดีคือมีการขยายพื้นที่เพื่อการขายสินค้า เพิ่มความสะดวกและช่องทางการจับจ่ายใช้สอยให้กับผู้โดยสารที่มาใช้เวลารอเครื่อง แต่สำหรับผู้โดยสารที่จะขึ้นเครื่องจากอาคารผู้โดยสารเดิม จะไม่สะดวกในการเดินทาง เพราะจะต้องขึ้นลงรถไฟไฟฟ้าอัตโนมัติถึง 3 สายที่จะต้องสร้างขึ้นใหม่กว่าที่จะไปถึงเครื่องบินลำที่จะเดินทางได้
ผมในฐานะอดีตนายกวิศวกรรมสถานแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ ต้องขอบอกว่าความเคลื่อนไหวของ วสท. ในครั้งนี้ ผมถือเป็นเรื่องใหญ่และเรื่องสำคัญมาก เพราะตลอดเวลา 70 ปีของ วสท. องค์กรให้การสนับสนุนด้านวิศวกรรมของประเทศอย่างตรงไปตรงมาเสมอ โดยไม่เคยมีผลประโยชน์หรือเป้าหมายแอบแฝงทางการเมืองมาเกี่ยวข้อง ทำให้องค์กรจะไม่ออกมาเคลื่อนไหวคัดค้านเรื่องอะไรง่าย ๆ
ยกตัวอย่างครั้งหนึ่งเมื่อหลายปีก่อน ที่ประชาชนเคยมีความกังวลเรื่องความแข็งแรงของสนามบินสุวรรณภูมิ ในกรณีความชำรุดเสียหายของทางวิ่งขึ้นลงของสนามบินในช่วงเปิดสนามบินใหม่ ๆ ร้ายแรงถึงขั้นมีกลุ่มมวลชนออกมาบีบให้รัฐบาลในขณะนั้นปิดสนามบินเลยทีเดียว วสท. จึงได้ส่งคณะนักวิชาการอิสระ ที่เป็นที่ยอมรับนับถือ มาเจาะสำรวจ ตรวจสอบทางวิชาการโดยอิสระ ไม่มีเงื่อนไขใดๆทั้งสิ้น และชี้แจงผลอย่างตรงไปตรงมาว่า ความเสียหายเป็นเฉพาะที่ชั้นผิวของลานวิ่งของสนามบินเท่านั้น ไม่พบความเสียหายหนักในชั้นฐานรากอย่างที่หวั่นเกรงกันตามความเชื่อคนส่วนใหญ่ในขณะนั้น
การยืนยันโดยใช้วิชาการเป็นหลักในการอ้างอิงในครั้งนั้น แม้จะขัดกับความเชื่อของประชาชนจำนวนมากในขณะนั้น ทำให้ผมซึ่งเป็นบอร์ดของ ทอท.ในขณะนั้น และต้องทำหน้าที่เป็นผู้เป็นแถลงผลการตรวจสอบนี้ ได้ถูกสื่อบางสำนักโจมตีอย่างหนักถึงขั้นว่ารับเงินจากผู้รับเหมามาบิดเบือนความจริง แต่ด้วยผมมีรายงานจาก วสท. เป็นหลักให้อ้างอิงได้ จึงมั่นใจที่จะแถลงข่าวตามความจริง สนามบินสุวรรณภูมิจึงสามารถเปิดดำเนินการมาได้ตลอดมาถึง 17 ปีอย่างไร้ปัญหา ไม่ยุบไม่พังลงอย่างที่เคยเชื่อกันในขณะนั้น
มาถึงในวันนี้ วันพุธที่ 27 พ.ย. 2562 ตัวแทนของ 12 องค์กรวิชาชีพได้รับเชิญจากกรรมาธิการติดตามงบประมาณ สภาผู้แทนราษฎร ให้เข้าไปให้ข้อมูล ในโครงการของ ทอท. ที่จะก่อสร้าง “เทอร์มินอล 2” แห่งใหม่นี้
หวังว่า ทอท. จะมีผู้แทนที่จะมาร่วมฟังและร่วมซักถามวิศวกรผู้เชี่ยวชาญ ต่อหน้าคณะกรรมมาธิการอย่างโปร่งใส ตรงไปตรงมา สมดังความภูมิใจของ ทอท. ที่ได้ประกาศไว้ใน Core Value ขององค์กรว่า
จะตั้งใจปฏิบัติหน้าที่ให้เกิด "ความโปร่งใสและสำนึกในความรับผิดชอบ การปฏิบัติงานด้วยความโปร่งใสตรวจสอบได้ และสำนึกในความรับผิดชอบต่อผู้ถือหุ้น ต่อลูกค้า ต่อสังคม และประเทศชาติ "
และ ทอท. ต้องไม่ลืมเรื่องจริยธรรมขององค์กรที่ได้ประกาศออกมาใน "ประมวลจริยธรรมของผู้ปฏิบัติงาน พ.ศ. 2554" ที่มีทั้งหมดรวม 9 ข้อ โดยเฉพาะอย่างยิ่งข้อที่ 6 ที่มีใจความสำคัญที่สุด ที่ต้องถือปฏิบัติว่า
"การให้ข้อมูลข่าวสารแก่ประชาชนอย่างครบถ้วน ถูกต้อง และไม่บิดเบือนข้อเท็จจริง"
...................
https://www.facebook.com/Dr.Tortrakul/posts/10221161849544195