เรือนไทย

General Category => ชั้นเรียนวรรณกรรม => ข้อความที่เริ่มโดย: Wandee ที่ 14 พ.ย. 09, 22:28



กระทู้: นิทานว่าด้วย "นายจิตรกับนายใจสนทนากัน"
เริ่มกระทู้โดย: Wandee ที่ 14 พ.ย. 09, 22:28
ตามที่คุณหลวงเล็กมาชวนคุย


เพิ่งอ่าน  อัญมณีแห่งวรรณกรรมไทย   ของ  พิทยา  ว่องกุล 
จัดพิมพ์โดย  สำนักพิมพ์ดอกมะลิ   ๒๕๓๓    ราคา ๘๘ บาท   
ไปอีกรอบหนึ่ง คืนก่อนคุณหลวงมาถามพอดีค่ะ


บอกตรงๆเลยว่า  จะให้ลอกแปะนั้นไม่บังอาจ
ใครเล่าจะนำแป้งชาดไปทาดอกโบตั๋นได้(เย็บเล่มมาจาก ซูสีไทเฮา/หมายความว่าเก็บเศษกระดาษที่ไม่ค่อยจะไปด้วยกัน)


เมื่อคุณหลวงอ่านแล้ว  เรามาคุยกันว่าเราคิดกันอย่างไร  มีอะไรที่ท่านอื่น ๆ  คุณหลวงกับดิฉันอยากคุยกัน
เพราะเหตุการณ์นี้จัดเป็นเหตุใหญ่เหตุหนึ่ง


นิทานหรือเรื่องสั้นเรื่องแรกของไทย  ไม่ปรากฎชื่อผู้เขียน   นำรูปแบบการสนทนามาใช้
พิมพ์ครั้งแรกในดรุโณวาท เล่มแรก ปี ๒๔๑๗
อีกสี่เดือนต่อมา  หนังสือก็ปิด   บรรณาธิการแถลงว่าขาดทุน


กระทู้: นิทานว่าด้วย "นายจิตรกับนายใจสนทนากัน"
เริ่มกระทู้โดย: Wandee ที่ 14 พ.ย. 09, 22:39
เมื่อแรกเข้ามาในเรือนไทย  ไม่เคยอ่านดรุโณวาทมาก่อน  เพราะด้อยโอกาส




ดรุโณวาทเป็นหนังสือจดหมายเหตุรวบรวมข่าวในกรุงเทพแลต่างประเทศ
แลหนังสือวิชาการต่างๆ  พอเป็นที่ประดับปัญญาคนหนุ่ม
ตีพิมพ์ออกอังคารละหน

พิมพ์ในวังของพระองค์เจ้าเกษมสันต์โสภาคย์  ที่สุดถนนเจริญกรุง  ใกล้ประตูใหญ่วัดสะเกษ(รักษาตัวสะกดเดิม)

ปีหนึ่งมี ๕๒ ฉบับ  ราคา แปดบาท     ส่งถึงบ้าน สิบบาท


กระทู้: นิทานว่าด้วย "นายจิตรกับนายใจสนทนากัน"
เริ่มกระทู้โดย: Wandee ที่ 14 พ.ย. 09, 22:53
หนังสือที่ออกในช่วง ๒๔๐๘ - ๒๔๔๐   มี

จดหมายบางกอกรีคอร์เดอร์
มิเซียมหรือรัตนโกษ Bangkok Calendar
ราชกิจจานุเบกษา
ข่าวราชการ Court
จดหมายเหตุสยามไสมย
ดรุโณวาท
วชิรญาณวิเศษ
ธรรมศาสตร์สมัย   
สยามประเภท
ประตูใหม่


บางเล่มมีพิมพ์ต่ออายุ
เท่าที่เห็นมี
บางกอกรีคอร์เดอร์(แปลบทความมาจากภาษาอังกฤษเป็นส่วนหนึ่ง)
คอต
สยามไสมย(สนุกมาก)
เห็น  Bangkok Calendar  แว่บๆ  เล่มใหญ่ แต่ไม่หนา


กระทู้: นิทานว่าด้วย "นายจิตรกับนายใจสนทนากัน"
เริ่มกระทู้โดย: Wandee ที่ 14 พ.ย. 09, 23:12
พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว กริ้วผู้ประพันธ์ นายจิตรกับนายใจสนทนากัน
เพราะเรื่องได้พาดพิงถึงขุนนางผู้ใหญ่หลายท่าน
กระทบ สมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระปวเรศวริยาลงกรณ์


ผู้ประพันธ์นั้นคือ  พระยาภาษกรวงษ์(ยศในเวลานั้น)   อายุ  ๒๕ ปี
ไฟแรง



ประวัติของท่านก็เป็นที่ทราบกันอยู่ทั่วไป ว่า ได้รับการศึกษาในประเทศอังกฤษเป็นเวลา ๓ ปี
เจ้าพระยาสุรวงศ์ไวยวัฒน์เป็นราชฑูตออกไปยุโรป  ไม่มีล่ามใช้  ถึงหาได้ก็คงไว้ใจได้ยาก
จึงไปเรียกท่านมาใช้แล้วเลยพากลับบ้าน



เมื่อคุณหลวงเล็กได้อ่าน นายจิตรกับนายใจสนทนากัน   เราคงได้คุยกันเรื่องประเด็นเล็กๆน้อยๆ
ที่ท่านผู้ประพันธ์ เขียนถึง

ท่านแทบไม่เว้นใครเลย


กระทู้: นิทานว่าด้วย "นายจิตรกับนายใจสนทนากัน"
เริ่มกระทู้โดย: Wandee ที่ 14 พ.ย. 09, 23:39
ตัวลครมีอยู่ ๒ คนค่ะ


นายจิตรเป็น ทนายของขุนนางผู้ได้รับแต่งตั้งเป็นเคาน์ซิล

นายใจก็เป็นทนายในวังของเชื้อพระวงศ์ผู้ได้รับแต่งตั้งเป็นเคาน์ซิลเหมือนกัน

ทั้งสองไปทอดกฐินกันที่อยุธยาและจอดพัก



ท่านทั้งสองก็วิจารณ์การเมือง และ เรื่องราวของเคาน์ซิล
เรื่องที่คุณพิทยาไม่ได้เอ่ย แต่ความอยากรู้กระโดดมาจับตัวดิฉัน
คือเรื่อง พระยานรนาถ(ต้องถามสำนักงานคุณเงินปุ่นศรี ขอแฟ้มประวัติ)ถูกหวยฝรั่งเป็นร้อยชั่ง
บ่าวเสมียนตรากรมนาถูก ๕๐ ชั่ง   แต่พระยานรนาถเขาให้ผู้หญิงที่ในวัง



วันรุ่งขึ้นลืมตามายังไม่ได้ทำอะไรเพราะไม่มีอะไรจะทำ ก็เห็นภิกษุพายเรือผ่านมาใส่เกือกและถุงเท้าสีเหลือง
นายจิตรถามนายใจว่าพระญวณหรือพระเจ๊ก
หลังจากนั้นก็กินแถวเข้าไปอีกไกล



อยู่มาอีกวันทั้งสองก็พบกันอีก และแลกเปลี่ยนข่าวสารอย่างผู้รู้จริง
พาดพิงไปถึงท่านเคาน์ซิลที่มีโรงละคร ลือว่าเล่นสามก๊กดีนัก  แขวะไปถึงหม่อมไกรสร
ถากถางกลับมาที่วงสักวา  และอื่นๆอีก


กระทู้: นิทานว่าด้วย "นายจิตรกับนายใจสนทนากัน"
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 15 พ.ย. 09, 08:38
อ้างถึง
พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว กริ้วผู้ประพันธ์ นายจิตรกับนายใจสนทนากัน
เพราะเรื่องได้พาดพิงถึงขุนนางผู้ใหญ่หลายท่าน
กระทบ สมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระปวเรศวริยาลงกรณ์

ไม่เคยรู้ว่าพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว กริ้วผู้ประพันธ์เรื่องนี้    อ่านพบแต่ว่า กริ้วผู้ประพันธ์เรื่อง สนุกนึก   คือพระเจ้าน้องยาเธอ พระองค์เจ้าคคณางค์ กรมหลวงพิชิตปรีชากร  ลงในดรุโณวาท เช่นกัน
เพราะทรงเขียนเรื่องพระหนุ่มๆในวัดบวรนิเวศสนทนากันว่า สึกแล้วจะไปทำอะไรบ้าง      มีข้อความที่ทำให้สมเด็จพระสังฆราช กรมพระยาปวเรศฯ โทมนัส   เกรงว่าคนจะเข้าใจว่าพระในวัดของท่านเป็นอย่างนั้นจริงๆ
พระเจ้าอยู่หัวทรงมีพระราชหัตถเลขาไปถวายสมเด็จฯ  ว่า กรมหลวงพิชิตฯ ทำอย่างโนเวลของฝรั่ง      แต่ก็ทรงตำหนิไปแล้ว    เรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่  สนุกนึกก็เลยเขียนค้างอยู่ ลงไม่จบ
เป็นที่ถกเถียงกันว่า สนุกนึกคือ "นวนิยาย"เรื่องแรก   หรือ "เรื่องสั้น" เรื่องแรกกันแน่   ในสัมมนาของมหาวิทยาลัยศิลปากรเมื่อครบ ๑๐๐ ปี สนุกนึก

ดิฉันได้ทดลองดู  ว่าเป็นนวนิยายหรือเรื่องสั้น ด้วยการแต่งต่อเรื่องสนุกนึกให้จบ   ก็พบว่าจบได้ในอีกสองสามหน้า   
จะค้นที่เคยเขียนมาลงให้อ่าน แต่ขอเวลาสักพัก เพราะต้องพิมพ์ใหม่หมดทั้งเรื่อง     ยังหาต้นฉบับ"สนุกนึก"ของกรมหลวงพิชิตฯไม่ได้ค่ะ   คิดว่าเก็บลงกล่องไปแล้ว


กระทู้: นิทานว่าด้วย "นายจิตรกับนายใจสนทนากัน"
เริ่มกระทู้โดย: Wandee ที่ 15 พ.ย. 09, 09:22
                                                         สมมติเทวราชอุปบัติ

                                     วันที่ ๕ ฯ  ๑ ค่ำ  ๑๒๓๖
                                              ๑



ถึงเจ้าพระยามหินทรศักดิ์ธำรง


             ด้วยเรื่องหนังสือดรุโณวาทนั้น          ฉันมีความโกรธมาตั้งแต่วันที่เห็นหนังสือนั้นแล้ว
ได้สืบได้ความแต่วันนั้น    แต่ยังไม่มีผู้ใดมาว่ากล่าว         แต่วันนี้เธอมาว่าขึ้นนั้นฉันก็มีความยินดีด้วย
จะขอไม่ให้ชำระ        แต่ฉันว่าได้สั่งให้ชำระแล้วจะกลับไม่ได้แล้ว  ก็ลุกมาเสีย         การเรื่องนี้ได้
ชำระเสียเป็นดีนัก    แต่ดูเจ้าตัวก็ตื่นเต้นมากอยู่        ได้ส่งกระดาษเล็กมาให้ดูด้วย
เพราะกีดเจ้าหมื่นศรีนั่งอยู่ที่นั่นจะพูดไม่ได้    จึงพูดดังนี้

                 (พระบรมนามาภิไธย)      Chulalongkorn  R.



(คัดมาจากหน้า ๑๖๐   ของ อัญมณีแห่งวรรณกรรมไทย)


กระทู้: นิทานว่าด้วย "นายจิตรกับนายใจสนทนากัน"
เริ่มกระทู้โดย: Wandee ที่ 15 พ.ย. 09, 09:36
ในเรื่องของ "เม็ดดี"  นั้น  ดิฉันอ่านไม่ออกตั้งแต่แรก  และยังไม่กระจ่างจนวันนี้
คิดว่าคงมีท่านผู้รู้มาอธิบายเพิ่มเติม


แต่เรื่องราชกิจจานุเบกษา  ลงพิมพ์ศักดินา  (นายจิตรเล่า) เจ้าพระยาผู้หนึ่งมีศักดินาพันหนึ่ง
ขะโมยที่ไหนลักเอาศักดินาของท่านไปเก้าพันเล่า           คิด ๆ ดูก็น่าใจหาย
ด้วยศักดินานี้เปนที่หมายยศของท่าน       น่ากลัวตระกูลของท่านจะเศร้าหมองไปภายน่า


กรมหมื่นอักษรสาส์นโสภณ(กรมหลวงบดินทร์ไพศาลโสภณ) ก็โดนลูกหลงไปด้วย
ที่จริงก็เป็นการพิมพ์ผิดตกเลขศูนย์ไปตัวหนึ่ง


กระทู้: นิทานว่าด้วย "นายจิตรกับนายใจสนทนากัน"
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 15 พ.ย. 09, 10:09
http://www.reurnthai.com/index.php?topic=1616.0

วรรณกรรมไทยนอกจาก ดรุโณวาท ก็คือ วชิรญาณวิเศษ ออกเมื่อพ.ศ.๒๔๒๗ เป็นหนังสือของหอพระสมุดวชิรญาณในสมัยที่พระองค์เจ้าคคนางค์ยุคล กรมหลวงพิชิตปรีชากรทรงเป็นสภานายกและอยู่ในพระบรมราชูปถัมภ์ของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว นักเขียนสำคัญได้แก่กรมพระนราธิปประพันธ์พงศ์ สมเด็จกรมพระยาดำรงราชานุภาพ และกรมหลวงพิชิตปรีชากร

เมื่อถึง พ.ศ.๒๔๒๙ บทบาทของกรมหลวงพิชิตปรีชากรในฐานะ “คนรุ่นใหม่” ก็ได้ปรากฏขึ้น เมื่อนิพนธ์เรื่อง สนุกนึก

เรื่องนี้นับว่าเป็นการเริ่มต้นของวรรณกรรมไทยที่ได้รับอิทธิพลตะวันตกในยุคแรกอย่างเห็นได้ชัด แม้ว่ารูปแบบการเขียนยังเป็นแบบเก่า คือเล่าติดต่อกันไปเหมือน สามก๊ก และ ราชาธิราช ไม่มีการใช้เครื่องหมายคำพูด หรือการขึ้นบรรทัดใหม่เมื่อมีบทสนทนา ฯลฯ อย่างวิธีการเขียนนิยายปัจจุบัน แต่แนวคิดนั้นได้รับแนวตะวันตก คือแนวสัจนิยม (realism) มาอย่างเห็นได้ชัด

เนื้อเรื่องของ สนุกนึก บรรยายถึงพระสงฆ์หนุ่มๆ ๔ รูปพูดคุยกันว่าเมื่อสึกแล้วจะออกไปประกอบอาชีพต่างๆกัน เช่นทำราชการ และค้าขาย ผู้ที่ยังลังเลไม่สึกก็มีอุบาสิกาเตรียมมาจัดการให้สึกเพื่อจะเอาไปเป็นลูกเขย ข้อสำคัญคือฉากในเรื่องระบุว่าเป็นวัดบวรนิเวศ

ข้อนี้เอง เมื่อลงตีพิมพ์ก็เกิดเป็นเรื่องอื้อฉาวขึ้น เพราะคนอ่านเข้าใจว่าเป็นเรื่องจริงเนื่องจากคนไทยยังไม่คุ้นกับกลวิธีการแต่งแบบสมจริงเช่นนี้ กลายเป็นเรื่องให้วิพากษ์วิจารณ์กันไปต่างๆจนสมเด็จพระมหาสมณเจ้ากรมพระยาปวเรศวริยาลงกรณ์ ขณะนั้นทรงเป็นเจ้าอาวาสวัดบวรนิเวศเดือดร้อนพระทัยว่าทำให้วัดมัวหมอง ความทราบถึงพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว จึงกริ้วและกล่าวโทษกรมหลวงพิชิตปรีชากรพอประมาณแล้วก็ทรงไกล่เกลี่ยให้เรื่องยุติลงเพียงแค่นั้น เป็นอันว่าสมเด็จพระมหาสมณเจ้าฯก็ไม่ติดพระทัยจะกล่าวถึงเรื่องนี้อีก ส่วน สนุกนึก ก็ค้างอยู่เพียงตอนแรก ทิ้งปัญหาไว้ให้นักวิชาการถกเถียงกันว่าเรื่องนี้เป็นนวนิยายหรือเรื่องสั้นกันแน่ และยังไม่มีคำตอบตายตัวมาจนปัจจุบัน

สมัยนี้ เมื่อหยิบเรื่อง สนุกนึก ขึ้นมาอ่านด้วยสายตาคนปัจจุบัน ก็คงไม่เห็นว่ามีอะไรอื้อฉาวเป็นเรื่องเป็นราวได้ถึงขนาดนั้น อาจจะเป็นเรื่องค่อนข้างธรรมดาด้วยซ้ำไป เพราะตามปกติแล้วชายหนุ่มเมื่ออายุครบ ๒๐ปี ก็มักจะบวชสักหนึ่งพรรษาก่อนสึกออกไปประกอบอาชีพและมีครอบครัว ระหว่างบวชอยู่ เมื่อรวมกลุ่มกันก็คุยกันเรื่อยเปื่อยฆ่าเวลาไปบ้าง ไม่สู้จะสำรวมนักก็ไม่แปลกอะไร แต่ถ้ามองด้วยสายตาของคนรุ่นเก่าในสมัยรัชกาลที่ ๕ เรื่องนี้อาจเป็นเรื่องใหญ่เพราะวัดบวรนิเวศ เป็นวัดที่สำคัญที่สุดในสมัยนั้น วัดนี้พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวประทับอยู่หลายปีขณะผนวช และทรงสถาปนาธรรมยุติกนิกายซึ่งได้ชื่อว่าเคร่งครัดมากก็ที่วัดนี้ ต่อมาเป็นวัดที่พระราชวงศ์ผนวชกันโดยมาก รวมทั้งกรมหลวงพิชิตปรีชากรด้วย เจ้าอาวาสนั้นเล่าก็เป็นเจ้านายผู้ใหญ่ เมื่อมีเรื่องเล่าว่าพระหนุ่มๆในวัดคุยกันอย่างไม่สำรวม บวชแล้วก็ไม่ได้นำพระธรรมไปกล่อมเกลาจิตใจ ซ้ำยังมีบทบาทของอุบาสิกาที่มาวัดเพื่อคอยจังหวะจะสึกพระไปเป็นลูกเขยอีกด้วย ก็ย่อมเป็นเป้าหมายการวิพากษ์วิจารณ์ได้มาก

ส่วนที่ร้ายที่สุดเห็นจะเป็นทัศนคติต่อการบวช แสดงผ่านทาง ความคิดเห็นของพระสมบุญว่า

“ผ้ากาสาวพัตรเป็นที่พึ่งของคนยาก ถึงไม่ทำให้ดีก็ไม่ทำให้ฉิบหาย ไม่ดิ้นไม่ขวนขวายแล้วไม่มีความทุกข์ เป็นที่พักที่ตั้งตัวของผู้แรกจะตั้งตัวดังนี้”

หมายความว่าการอยู่ในสมณเพศไม่ยอมสึกนั้นไม่ได้เกิดจากความศรัทธาในศาสนา แต่การอยู่วัดเปรียบได้กับหอพักชนิดไม่เสียเงินสำหรับผู้ยังไม่มีทางประกอบอาชีพ ถ้าอยู่ไปวันๆไม่ทะเยอทะยานอะไรมากก็ไม่มีความทุกข์ พูดง่ายๆคืออยู่อย่างนี้ขี้เกียจและอาศัยเกาะเป็นกาฝากได้อย่างสบายนั่นเอง จนกว่ามีลู่ทางไปดีกว่านี้ได้ก็ค่อยสึก

กรมหลวงพิชิตปรีชากรนั้นถ้าเทียบกับทางฝ่ายสมเด็จพระมหาสมณเจ้ากรมพระยาปวเรศฯแล้ว ฝ่ายแรกน่าจะจัดเข้าประเภท “คนรุ่นใหม่” หรือ “คนหนุ่ม” ส่วนฝ่ายหลังคือ “คนรุ่นเก่า” กรมหลวงพิชิตปรีชากรทรงรับการศึกษาแผนใหม่ตามแบบเจ้านายรุ่นใหม่ เมื่อนิพนธ์เรื่อง สนุกนึก ทำนองนิยายฝรั่ง การสร้างเหตุการณ์เลียนแบบชีวิตคนจริงๆให้สมจริง ไม่ใช่นิทานประเภท “แต่ปางหลังยังมีจอมกษัตริย์” ดังนั้นความคิดอ่านของพระหนุ่มๆทั้ง ๔รูป จึงเป็นความคิดที่ไม่น่าจะไกลจากคนจริงๆนัก คือยังเป็นปุถุชน มีกิเลสและความเห็นแก่ตัวเช่นคนธรรมดา ไม่ใช่ว่าครองผ้าเหลืองแล้วจะตัดกิเลสได้หมดสิ้นเสมอไป

แต่ความสมจริงนั้นเมื่อแนบเนียนจนเหมือนเรื่องจริง บางครั้งความจริงก็ระคายหูได้มากกว่าความเท็จ ยากที่คนรุ่นเก่าจะยอมรับได้ เพราะถึงมีเหตุผลสมัยใหม่อย่างไร ก็ยังไม่อาจหักล้างความคิดที่ว่าสถาบันศาสนาเป็นเรื่องที่ต้องเคารพ และพระก็ไม่ควรออกนอกลู่นอกทางอยู่นั่นเอง

เรื่องทางธรรมเป็นเรื่องละเอียดอ่อนกว่าเรื่องทางโลก แตะต้องได้ยาก

เพราะเหตุนี้ สนุกนึก จึงไม่จบ หลังจากนั้นแม้ไม่มีเหตุการณ์อื้อฉาวใดๆเกิดขึ้นอีก วชิรญาณวิเศษยังออกตีพิมพ์อยู่จนกระทั่งถึง พ.ศ. ๒๔๓๗ เรื่องสั้นแนวอื่นแพร่หลายสืบต่อมาไม่ขาดสาย แต่เรื่องทำนองเดียวกับ สนุกนึก ไม่ได้ปรากฏออกมาอีกเลย



กระทู้: นิทานว่าด้วย "นายจิตรกับนายใจสนทนากัน"
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 15 พ.ย. 09, 10:12
http://www.reurnthai.com/index.php?topic=1616.15

"หม่อมฉันทราบอยู่ว่ากรมหลวงพิชิตทำหนังสือนี้ปรารถนาจะทำอย่างหนังสือโนเวลฝรั่ง ที่เขาแต่งกันนับพันนับหมื่นเรื่อง เป็นเรื่องคิดผูกพันอ่านเล่นพอสนุก แต่เมื่อว่าความจริงผู้ที่จะแต่งหนังสือเช่นนั้นมักจะต้องมีที่หมายเทียบกับคนในปัจจุบันบ้าง แต่ไม่ได้ทำตามความที่ประพฤติจริง ๆ ทุกอย่าง เป็นแต่เก็บเค้าบ้าง ยักเยื้องเสียบ้าง จึงจะชวนให้คิด ก็ในการที่กรมหลวงพิชิตแต่งหนังสือฉบับนี้ที่ออกชื่อวัดบวรนิเวศน์นั้น หม่อมฉันเชื่อว่าไม่ประสงค์จะกล่าวด้วยความจริงที่เป็นอยู่ในบัดนี้  ถ้าการที่เป็นล่วงเกินแล้ว แต่ถึงหม่อมฉันจะไม่ได้นึกสงสัยยินร้ายวัดบวรนิเวศน์ประการใดเพราะได้อ่านหนังสือฉบับนี้ก็จริง แต่คนทั้งปวงเป็นอันมากที่ไม่ได้เคยอ่านโนเวลฝรั่ง คงจะหมายว่าหนังสือพิมพ์แล้วคงจะกล่าวถึงการที่ผู้แต่งนั้นทราบมาตามความจริง ฤๅแต่งเฉพาะหาความให้คนยินร้ายตามคำตัวพูด ไม่เข้าใจได้ว่าผู้แต่งรู้ตัวแลตั้งใจให้คนอื่นทราบว่า หนังสือที่ตัวแต่งนั้นไม่แต่งสำหรับให้คนอื่นเชื่อว่าเป็นความจริง เป็นแต่จะให้อ่านสนุกเท่านั้นดังนี้ได้ เพราะฉนั้นหม่อมฉันจึงได้ถามกรมหลวงพิชิตให้แก้ความเสียให้สว่างทั้ง ๕ ข้อคือ ข้อที่ได้กล่าวนั้นเป็นจริงบ้างฤๅไม่ ถ้าไม่เป็นความจริงแล้วเหตุใดจึงได้ชื่อวัดบวรนิเวศน์ ดังนี้ กรมหลวงพิชิตยังไม่ได้แก้กระทู้ไปทูลขอประทานโทษซึ่งโปรดประทานโทษให้เธอ แลรับสั่งไม่ให้มีความผิดแก่กรมหลวงพิชิตนั้น หม่อมฉันก็ยอมยกโทษถวาย แต่มีความเสียใจอยู่มากด้วยกรมหลวงพิชิตก็มิใช่คนอื่น เป็นคนบวชวัดบวรนิเวศน์ ได้ยกย่องเป็นถึงเจ้าต่างกรมผู้ใหญ่ มาเป็นคนไม่คิดหยั่งหน้าหลังให้รอบคอบ ทำให้เหตุที่คนไม่ทราบความจริงเป็นที่ยินร้ายแก่วัดดังนี้ เป็นการไม่ควรเลย แต่บัดนี้เธอก็รู้โทษแลผิดแลการที่ผิดก็ปรากฏแก่คนทั้งปวงแล้ว ก็เห็นจะเป็นอันล้างมนฑิลในวัด กลับเป็นโทษแก่ตัวผู้แต่งที่จะต้องติเตียนมากเหมือนกับได้รับบาปทันตาเห็นอยู่แล้ว ก็ตกลงเป็นพอความปรารถนาเป็นยุติกันได้เพียงเท่านี้"
พระราชหัตถเลขา ที่ล้นเกล้าฯ ร.๕ ทรงมีถึงสมเด็จกรมพระยาปวเรศวริยาลงกรณ์ครับ
*******************
ขออภัยที่ชักใบออกนอกนายจิตรนายใจไปเสียไกล  ค่ะ


กระทู้: นิทานว่าด้วย "นายจิตรกับนายใจสนทนากัน"
เริ่มกระทู้โดย: Wandee ที่ 15 พ.ย. 09, 10:17
คัดมาจากหน้า ๑๖๑


"พระราชหัตถเลขา ลงวันที่ ๒๓ ธันวาคม ๒๔๑๗       ถึงเจ้าหมื่นศรีเสาวรักษ  ว่า


ด้วยหนังสือดรุโณวาทซึางว่าเขามีเม็ดดีนั้น    คิด ๆ ไปก็มีความวิตกอยู่   ด้วยคำอย่างนี้มีบ่อย ๆ ถึงสองครั้งแล้ว
เมื่อต้นไม้นั้นรากก็ชอนไชเข้ามาถึงในวัง    กลังคนทั้งปวงจะเห็นจะพูดไปตามคำนั้นหนาขึ้น  
คิดว่าต้องประกาศตอบเรื่องนี้ในราชกิจจานุเบกษาจึงจะใช้ได้"




ลายพระหัตถ์ ถึง "ท่านเล็กภาณุรังษีสว่างวงศ์"   เมื่อวันพฤหัส แรมหนึ่งค่ำ   เดือนอ้าย  จุลศักราช ๑๒๖๓
(หน้า ๑๖๒)

..........พระยาภาษมาตบประตูเรียกเจ้าเข่งอึงทีเดียว   เจ้าเข่งแกอึกเสียไม่ออกไปเป็นนาน    จนฉันใช้
ไปพบกันถึงทะเลาะกับเจ้าเข่ง   จะเข้ามาให้ได้   แล้วฉัน...รีบมาดู  หน้าแกซีดเต็มที

พออยู่กันสักครู่หนึ่ง   เจ้าพระยามหินทรศักดิ์ก็ตามเข้ามาถวายเรื่องราว   กระหนาบกันต่อหน้าทีเดียว
เจ้าพระยามหินทร์ถึงกับร้องไห้
......................................
......................................
.....................................
(รายละเอียด)

เจ้าพระยาศรีพิพัฒน์ก็บอกเข้าหุ้นโกรธ
ด้ยเจ้าพระยาธรรมจรันยาก็มาขอให้ช่วยชำระด้วย
.....................................................
....................................................."



กระทู้: นิทานว่าด้วย "นายจิตรกับนายใจสนทนากัน"
เริ่มกระทู้โดย: Wandee ที่ 15 พ.ย. 09, 10:47
ขอบคุณคุณเทาชมพูค่ะ


ยังไม่กล้ากระโดดไปสนุกนิ์นึก
เพราะเคยอ่าน  คิดอะไรไม่ได้มาก
ว่าจะคอยคุณเทาชมพูมาเล่า



มาเรื่องนายจิตรนายใจ  พอจะรู้จักบุคคลสำคัญในเรื่องบ้าง
(มีประวัติ พระยาธรรมจรันยา และสกุลวงศ์ ยืดยาว โดยความเอื้อเฟื้อของ ก.ศ.ร. กุหลาบ)
เคยอ่านและเห็นรูปปั้นของพระองค์เจ้ายี่เข่ง   นึกแล้วก็ขำเต็มประดา
ท่านคงแสดงความคิดของท่านต่อพระยาภาสกรวงศ์ไปไม่น้อย


รู้จักกรมหลวงบดินทร์ไพศาลโสถณ จากงานฉลองกรุงเทพร้อยปี
มาอ่านงานของคุณ พิทยา  ว่องกุล  ก็ได้เรียนรู้ว่า  ท่านโดนผลกระทบหลายต่อทีเดียว
ถ้าไม่ได้อ่าน  อัญมณีแห่งวรรณกรรมไทย   ก็คงไม่มีวันรู้


ปากพระยาภาษน่ากลัวเมื่อพูดเรื่องหม่อมไกรสรนอกรีต  แล้วว่าท่านเคาน์ซิลหลงละคร


เก็บข้อมูลเรื่องหม่อมไกรสรอยู่บ้าง  ยังขาดอีกนิดหน่อยเรื่องเจ้าจอมมารดาที่ไม่อาจเข้าใจได้


กระทู้: นิทานว่าด้วย "นายจิตรกับนายใจสนทนากัน"
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 15 พ.ย. 09, 10:56
เรื่องสนุกนึก เคยเล่าไว้ในกระทู้เก่า  ตามไปอ่านได้ค่ะ
สิ่งที่ขาดตอนนี้ก็คือบทจบของสนุกนึก ที่ดิฉันต่อเอาไว้ให้จนจบ      ต้องไปค้นก่อน   แล้วจะแยกกระทู้ออกจากกระทู้นี้ อีกที
ข้อความที่คุณวันดีเว้นเอาไว้  ทำให้อ่านเรื่องไม่ปะติดปะต่อกัน    เลยไม่รู้เรื่อง   จะเก็บความมาเล่าสู่กันฟังได้ไหมคะ

อ้างถึง
ลายพระหัตถ์ ถึง "ท่านเล็กภาณุรังษีสว่างวงศ์"   เมื่อวันพฤหัส แรมหนึ่งค่ำ   เดือนอ้าย  จุลศักราช ๑๒๖๓
(หน้า ๑๖๒)

..........พระยาภาษมาตบประตูเรียกเจ้าเข่งอึงทีเดียว   เจ้าเข่งแกอึกเสียไม่ออกไปเป็นนาน    จนฉันใช้
ไปพบกันถึงทะเลาะกับเจ้าเข่ง   จะเข้ามาให้ได้   แล้วฉัน...รีบมาดู  หน้าแกซีดเต็มที

พออยู่กันสักครู่หนึ่ง   เจ้าพระยามหินทรศักดิ์ก็ตามเข้ามาถวายเรื่องราว   กระหนาบกันต่อหน้าทีเดียว
เจ้าพระยามหินทร์ถึงกับร้องไห้
......................................
......................................
.....................................
(รายละเอียด)

เจ้าพระยาศรีพิพัฒน์ก็บอกเข้าหุ้นโกรธ
ด้ยเจ้าพระยาธรรมจรันยาก็มาขอให้ช่วยชำระด้วย
.....................................................
....................................................."


กระทู้: นิทานว่าด้วย "นายจิตรกับนายใจสนทนากัน"
เริ่มกระทู้โดย: Wandee ที่ 15 พ.ย. 09, 11:45
ขอโทษค่ะ


"แล้วฉันให้รีบมาดูหน้าแกซีดเต็มที           

พออยู่สักครู่  เจ้าพระยามหินทรศักดิ์ก็ตามเข้ามาถวายเรื่องราวกระหนาบกันต่อหน้าทีเดียว
เจ้าพระยามหินทร์ถึงกับร้องไห้ว่า  ข้อที่ว่าเม็ดดีถ้าสืบได้จากคนทั้งปวงจนปากหนึ่งว่า ฉันหลงผู้หญิงให้เอาตัวไปตัดหัวเสียเถิด
อ้างจนสปิดสมเด็จเจ้าพระยา ฯ เรื่องงานราชาภิเษก

แต่ข้อที่เล่นละครสมจรด้วยสัตว์นั้นตามแต่มันจะว่าไปเถืด

แค้นอยู่อีกข้อที่ว่าดีอยู่แต่ภายในขนทรายเข้าวัด

พูดมาทีเดียวแล้วเจ้าพระยาศรีพิพัฒน์ก็บอกเข้าหุ้นโกรธ  ด้วยพระยาธรรมจรันยาก็มาช่วยขอให้ชำระด้วย

เวลานั้นหัวเราะแหะหน้าแก่ซีดเต็มที

ครั้นเจ้าพระยามหินทรออกไปแล้ว   แกจดหมายใส่ป๊อกเกตบุก  ว่าถ้าโปรดให้ชำระเรื่องดรุโณวาท  พระราชอาญาไม่พ้นเกล้าฯ

ฉันว่าสั่งเขาไปแล้วกลับไม่ได้           แกบ่นอุู้อี้กลัวเอดิเตอจะชี้ตัว   ควรจะต้องรับเอาเองจึงจะถูก

ฉันลุกมาเสีย
แต่เห็นเจ้าหมื่นศรีจะสอนให้ลุแก่โทษด้วยความใหญ่ถึงผิดน้ำสบด"


กระทู้: นิทานว่าด้วย "นายจิตรกับนายใจสนทนากัน"
เริ่มกระทู้โดย: Wandee ที่ 15 พ.ย. 09, 12:18
นายจิตรถามนายใจว่า

"เราได้ยินว่าสมเด็จกรมพระข้างใน   ทำการฉลองพระชนมพรรษาของท่าน   ให้เป็นการเจริญพระชนม์ยืดยาวไปภายหน้า
มีการเล่นการเลี้ยงสนุกใหญ่โตจริงฤา

นายใจบอกว่า   ท่านทำการเลี้ยงพระเลี้ยงขุนนางมาก    เจ้านายข้าราชการทั้งข้างหน้าข้างในก็มาช่วยท่านหมด
แล้วมีสักวามีละครเป็นการเล่นสนุกสนานมาก       

ละครของท่านเคาน์ซิลโรงหนึ่ง   เขาลือว่าเล่นเรื่องสามก๊กสนุกนัก
ละครสมเด็จพระประสาทก็สู้ไม่ได้          ท่านฝึกหัดของท่านเองเป็นขันเล็กขันใหญ่ดีนัก       ละครของท่านเคาน์ซิลโรงหนึ่งก็สู้ไม่ได้
ด้วยเพิ่งหัดใหม่  แต่เจ้าของหลงนัก        ท่านไม่เคยดูบ้างฤาจึงถามเรา


นายจิตรว่าเรายังไม่เคยดูเลย

       
แล้วนายจิตรพูดว่า  ท่านพูดกับเราแต่ก่อนนั้น    ว่าพวกเคาน์ซิลเอาใจใส่ในราชการนัก
ด้วยในหลวงตั้งไว้เป็นที่ปรึกษาราชการแผ่นดิน
เราเห็นว่า  ท่านเคาน์ซิลที่มีละครเล่นอยู่แล้ว  เคยเอาใจใส่ในราชการก็จะมาท้อถอยไป   หาตั้งใจแข็งแรงไม่
ด้วยละครเป็นของประโลมโลกพาใจให้ลุ่มหลง   ยินดีตรึกตรองไปในการเล่น
จะรักษาคำสาบานไปไม่ได้ตลอดกระมัง



นายใจตอบว่า   ราชการเราก็ไม่เห็นว่าท่านท้อถอย
เราเห็นว่าท่านกลับแข็งแรงขึ้นอีก
แต่ละครั้งนั้นท่านจะหลงฤาไม่หลง  เราไม่รู้ท่านเลย
แต่คำสาบานนั้นเราทายท่านไม่ถูก         

แต่เห็นว่าถ้าผลประโยชน์ในราชการที่ท่านได้พออยู่แล้ว  ก็เห็นจะรักษาบริสุทธ์อยู่ได้

ถ้าผลประโยชน์ในราชการกระพ่องกระแพร่งอยู่แล้ว     น่ากลัวจะไม่บริสุทธ์ิไปได้




นายจิตรจึงว่าทำไมจะไม่หลง   แต่ที่ไหนท่านจะบอกใครว่าท่านหลงเล่า

ครั้งหม่อมไกรสร  ซึ่งเปนโทษแผ่นดินพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัวนั้น   ท่านไม่ได้ยินฤา
แต่นั้นนอกรีตหลงละครตัวผู้  ลืมลูกลืมเมียเสียสิ้น

นี่ละครตัวเมียทั้งนั้นแล้ว
เราเห็นจะหลงมากกว่าหม่อมไกรสร




กระทู้: นิทานว่าด้วย "นายจิตรกับนายใจสนทนากัน"
เริ่มกระทู้โดย: Wandee ที่ 15 พ.ย. 09, 12:36
(นายจิตร)

"ถ้าตำแหน่งเคาน์ซิลไม่เล่นละครแล้ว   เราเห็นจะชอบด้วยราชการ
ห่วงใยที่จะขวนขวายก็น้อยเข้า       คำสาบานก็ยังจะบริสุทธิ์อยู่ได้



นายใจว่าถ้ากระนั้นการเล่นสักวาก็มิเสียราชการด้วยฤา


นายจิตรว่า ถ้าผู้ใดหลงเล่นมัวเมา  ก็เสียราชการเหมือนกัน


นายใจว่า   เราเห็นเจ้าที่เป็นปรีวรเคาน์ซิล  และตำรวจก็หลายนายที่เล่นสักวา   
ก็ไม่ได้ยินว่าเสียราชการอะไร


นายจิตรตอบว่า     วิสัยว่ามัวเมาอยู่ในการเล่นแล้ว   การจริงย่อมเสื่อมถอยไป
ใจที่คิดมั่นคิดอ่านในราชการอยู่ก็อ่อนคลายลง   ถือว่าเล่นการสนุกเสียสักวันสองวันเถิด
ครั้นเล่นเข้าก็ติดใจชอบจะเล่ยอีก   และชักชวนพวกพ้องเพื่อยฝูงเล่นด้วย
ก็ชักช้าเสียเวลาที่คิดการเป็นประโยชน์ไป

คนที่ขับร้องเต้นรำและดีดสีตีเป่า  เขาเล่นนั้นก็ชอบ  ด้วยเขาหากินด้วยวิชาสิ่งนั้น
นี่เราเห็นว่าเจ้านายและขุนนางหากินด้วยผลราชการที่ตัวทำดีทำชอบทั้งนั้น
จึงเห็นว่าควรจะเอาใจใส่ในผลราชการให้มากๆ"


(จ๊วกมหาดเล็กเล่นรำมะนาต่อ อีก ๖ ประโยค)


สงสัยคราวนั้นโจทก์เยอะ


กระทู้: นิทานว่าด้วย "นายจิตรกับนายใจสนทนากัน"
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 15 พ.ย. 09, 17:39
พยายามปะติดปะต่อจากถ้อยคำของนายจิตรนายใจ      นี่คือสารจากผู้เขียน  "เล่น" เจ้าพระยามหินทรฯ   เข้าหรือเปล่าคะ

เมื่ออ่านมาถึงเจ้าพระยามหินทรฯ   ขอแนะนำให้สมาชิกเรือนไทยที่ยังไม่คุ้นเคยกับชื่อท่าน ไปหา "นิราศหนองคาย" อ่าน ในตู้หนังสือเรือนไทย ค่ะ


กระทู้: นิทานว่าด้วย "นายจิตรกับนายใจสนทนากัน"
เริ่มกระทู้โดย: Wandee ที่ 15 พ.ย. 09, 18:18
ย่อแบบท้วม ๆค่ะ


เมื่อนายจิตรกับนายใจเริ่มสนทนากันเมื่อจอดเรือที่เกาะใหญ่  ได้สนทนากันเรื่องผุ้ร้ายเคยชุกชุม

เดี๋ยวนี้เคานซิลเป็นตุลาการชำระความนครบาลได้ตัวหลวงบรรเทา  ที่เรียกกันว่าเสมียนตราท้าย
พอชำระหลวงบรรเทาแล้ว โจรผุ้ร้ายก็ไม่มี

นายใจบอกว่าเข็ด  กลัวมันจะเดินเหิรออกมาทำร้ายได้อีก



นายจิตรเล่าว่าเคาน์ซิลสาบานตัวว่า  

จะคิดการสิ่งใดจะให้เป็นเกียรติยศแก่พระเจ้าอยู่หัว

ให้เป็นคุณเป็นประโยชน์แก่แผ่นดิน

ให้ราษฎรได้อยู่เย็นเป็นสุข

จะไม่รับสินบลหาประโยชน์

กลับจริงเป็นเท็จ  กลับเท็จเป็นจริง    ให้เสียสิ่งที่ตรงตั้งนี้


แล้วได้ยินว่ามีเงินเดือนเงินปีด้วย   เห็นจะไม่มีเหมือนแต่ก่อนแล้ว
จะชี้ให้เป็นพยานก็ได้          ดูเรื่องที่ชำระความพระยาอาหาร  และเสมียนตรา
หลวงสนิทฉ้อเงินหลวงครั้งนี้สิ

พระยาอาหารกับเสมียนตรามั่งมีน้อยไปฤา  ยังช่วยตัวเองไม่ได้

(ด่าตุลาการทั่วไปอีก  แปดบรรทัด   ไม่มีเป้าหมายสำคัญ)


กระทู้: นิทานว่าด้วย "นายจิตรกับนายใจสนทนากัน"
เริ่มกระทู้โดย: Wandee ที่ 15 พ.ย. 09, 18:20
เรื่องพระยาอาหารบริรักษ์(นุช)  ก็สนุกดี

ท่านขนข้าวเข้าบ้านญาติผู้ใหญ่ของคนเขียนแท้ๆ


กระทู้: นิทานว่าด้วย "นายจิตรกับนายใจสนทนากัน"
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 15 พ.ย. 09, 18:29
http://www.reurnthai.com/index.php?topic=1851.90;wap2

คดีพระยาอาหารบริรักษ์

เริ่มจากมีการปรับเปลี่ยนระบบพระคลังมหาสมบัติ พระยาอาหารบริรักษ์(นุช บุญ-หลง) เสนาบดีกรมนา ซึ่งมีศักดิ์เป็นหลานชายของสมเด็จเจ้าพระยาบรมมหาศรีสุริยวงศ์ ภายหลังจากที่ปรึกษาราชการแผ่นดินเสนอให้มีการจัดระเบียบการเก็บค่านาใหม่ พระยาอาหารบริรักษ์ไม่ยอมรับและปฏิเสธที่จะปฏิบัติตาม โดยอ้างเหตุผลว่า ร่างกฎหมายที่ว่าด้วยที่นาใหม่นอกจากจะนำมาใช้ไม่ได้ในทางปฏิบัติแล้วยังก่อให้เกิดการสูญเสียรายได้อย่างมากอีกด้วย เมื่อเสนาบดีกรมนามีปฏิกิริยาเช่นนี้ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวจึงโปรดให้ตั้งกรรมการ สอบบัญชีเงินย้อนหลัง และปรากฏว่าบัญชีรายรับเงินภาษีของกรมนาและจำนวนเงินที่กรมนาส่งให้แก่พระคลังมหาสมบัติ
แตกต่างกันอย่างมาก จึงมีการดำเนินคดีกับพระยาอาหารบริรักษ์เสนาบดีกรมนา

การพิจารณาคดีของพระยาอาหารบริรักษ์เป็นการแสดงเจตจำนงอย่างแน่วแน่ของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ที่จะทรงใช้ที่ปรึกษาราชการแผ่นดินและที่ปรึกษาราชการส่วนพระองค์เป็นเครื่องมือในการตรวจสอบการบริหารการปกครองประเทศของพระองค์อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้นโดยเริ่มจากการเคร่งครัดเรื่องของภาษีอากร ให้ขุนนางต้องดำเนินการภายใต้กรอบที่กฎหมายกำหนด เมื่อมีหลักฐานชัดเจน พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวจึงโปรดให้ริบราชบาตร ถอดพระยาอาหารบริรักษ์ กับผู้สมรู้ร่วมคิดลงเป็นไพร่   มีโทษจำคุก


กระทู้: นิทานว่าด้วย "นายจิตรกับนายใจสนทนากัน"
เริ่มกระทู้โดย: Wandee ที่ 15 พ.ย. 09, 18:33
นายจิตรเล่า

"ท่านยังพูดกันอีกว่า   ได้พร้อมกันให้เจ้าพระยาภูธราภัย   เจ้าพระยาภานุวงษ์มหหาโกษาธิบดีเป็นหัวหน้าแอดเดรส ถวายว่า

ข้าพเจ้าขอให้พระบรมราชโอรสของสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว   ได้สืบราชอิสริยศต่อติดเนื่องตามที่พระองค์ได้ครอบครองสิริราชสมบัติดังต่อไป


นายใจถามว่า  เจ้าใหญ่ ๆ ท่านว่าอย่างไรเล่า


นายจิตรจึงตอบว่า   นี่  พวกท่านที่ไม่ได้เป็นเคาน์ซิลก็พูดดังนี้          แต่พวกเคาน์ซิลกว่าสี่สิบคนท่านพูดพร้อมกันว่า
ช่างเป็นไร         ธรรมเนียมบ้านเมืองไหนมีไม่ให้กับพระราชโอรส

พวกเราก็ล้วนแต่มีกำลังพาหนะด้วยกันทุกคน

ถ้าใครจะขัดไม่ให้ทำถูกต้องตามธรรมเนียมที่ดีเหมือนเช่นนี้แล้ว   ก็จะต้องสู้กันให้ถึงแพ้และชนะ
เพราะเห็นเป็นการเจริญดีแล้ว"


กระทู้: นิทานว่าด้วย "นายจิตรกับนายใจสนทนากัน"
เริ่มกระทู้โดย: Wandee ที่ 15 พ.ย. 09, 18:42
นานมาแล้ว อ่านบันทึกของพระองค์เจ้าปฤษฏางค์  ท่านบ่นน้อยใจต่าง ๆ นา ๆ
ว่าท่านก็ได้ร่วมคำสาบานว่าจะปกป้ององค์รัชทายาท

อ่านแล้วก็ตื่นเต้นคนเดียวอยู่หลายปี

โชคดีได้อ่าน คำสาบานวัดพระแก้ว  ของ สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาเทวะวงศ์วโรปการ
จึงเข้าใจการเมืองสมัยโน้นขึ้นมาบ้าง



ผู้เชี่ยวชาญเรื่องพระองค์เจ้าปฤษฎางค์ก็อยู่แถว ๆนี้ หนึ่งท่าน


กระทู้: นิทานว่าด้วย "นายจิตรกับนายใจสนทนากัน"
เริ่มกระทู้โดย: Wandee ที่ 15 พ.ย. 09, 19:49
หน้า ๑๒๕

"ได้ยินนายห้างและกงศุลพูดกันว่าในหลวงพระองค์นี้   พระปัญญามีในพระเศียรมากนัก
ทรงคิดการอย่างดีทุกสิ่ง       ห้ามไม่ให้เด็กชายขายตัวเกินเกษียณอายุ
แล้วอายุ ๒๑ก็หมดค่าตัว      ขายไม่ได้อีกต่อไป

นี้เป็นการดีจริงๆ ไม่เดือดร้อนกับคนในเมืองของท่านเลย

แล้วนานไปทาสก็คงหมด


ไม่เหมือนเมื่อครั้งริเยน(ผู้สำเร็จราชการ)ได้ทำการนั้น      จะให้ลดค่าตัวทุกคนเดือนละสองบาท
สักห้าปีทาสก็จะหมด
ก็จะเที่ยววิ่งราวไปทั้งแผ่นดิน        โปลิศทหารก็ไม่จัด

พวกเราจะต้องคอยช่วยเคาน์ซิลและในหลวงมิให้มีผู้ขัดได้

นายจิตรจึงถามว่า  ใครที่เรียกว่าริเยน
นายใจจึงตอบว่า สมเด็จพระประสาท(เจ้าพระยาบรมมหาศรีสุริยวงศ์)น่ะเป็นไร"




กระทู้: นิทานว่าด้วย "นายจิตรกับนายใจสนทนากัน"
เริ่มกระทู้โดย: Wandee ที่ 15 พ.ย. 09, 19:58
"นายใจจึงว่าเรากลับไปบางกอก   เราชวนเพื่อนเข้าชื่อกันสักสองร้อยสามร้อยคน
ทำเรื่องราวถวายฏีกาสักครั้งหนึ่ง

ขอให้เจ้านายและข้าราชการสาบานให้เหมือนเคาน์ซิลทุก ๆ คน  เมื่อเวลาถือน้ำในวัดพระแก้ว

ในคำสาบานถือน้ำไม่เห็นมีอะไร   มีแต่ไม่ให้คิดกบฏเท่านั้น
ไม่มีที่จะทำนุบำรุงบ้านเมืองให้ราษฎรมีความสุขเลย


นายจิตรจึงว่าดีอยู่
ถ้าชวนกันได้สักสองร้อยสามร้อยคน แล้วก็ไม่เป็นไร
ถึงจะไม่ทรงโปรด   ก็เห็นจะไม่เอาไปเฆี่ยนไปฆ่าเสียดอก   เพราะมากคนด้วยกัน"

  


กระทู้: นิทานว่าด้วย "นายจิตรกับนายใจสนทนากัน"
เริ่มกระทู้โดย: luanglek ที่ 16 พ.ย. 09, 09:06
สงสัยจะเข้าชั้นเรียนช้าไป  คุณวันดีกะอาจารย์เทาชมพูอภิปรายกันไปไกลแล้ว

ผมก็เหมือนกับคุณวันดีล่ะครับ  ผมเพิ่งได้อ่านหนังสือ อัญมณีแห่งวรรณกรรมไทย ของ  พิทยา  ว่องกุล  เมื่อเดือนสองเดือนก่อน แล้วรู้สึกติดใจเรื่องนิทานว่าด้วยนายจิตรกับนายใจสนทนากัน  อ่านบทความที่คุณพิทยาเขียนสนุกดี  เพราะเขียนละเอียดและยกนิทานเรื่องดังกล่าวมาให้อ่านประกอบด้วย แทบไม่ต้องหาตัวบทประกอบเพิ่มเติม  แต่... ด้วยความอยากรู้จึงไปเสาะหาเอกสารตามที่คุณพิทยาได้อ้างอิงเอาไว้ในบทความ

นึกขึ้นได้ว่าเคยถ่ายสำเนาหนังสือดรุโณวาทมาไว้เล่มหนึ่ง  เป็นดรุโณวาทที่นำมาพิมพ์ใหม่ เป็นหนังสือที่ระลึกในงานพระราชทานเพลิงศพพันตำรวจเอก หม่อมเจ้ามนูญศิริ  เกษมสันต์ เมื่อวันที่ ๑๑ มิถุนายน ๒๕๑๒  ในการพิมพ์ครั้งนี้ ศาสตราจารย์ขจร  สุขพานิช ได้เขียนคำอธิบายความเป็นมาของหนังสือดรุโณวาทไว้ยาวทีเดียว  จากนั้นก็เป็นดรุโณวาทที่พิมพ์ตามต้นฉบับเดิมทุกประการ  เสียดายว่า ต้นฉบับที่นำมาพิมพ์นี้เป็นเพียงดรุโณวาทฉบับแรกเริ่มออกไปจนถึงฉบับที่ ๑๐ เศษๆ ไม่ครบตามฉบับที่ได้ออกทั้งหมด  ซึ่งฉบับที่มีเรื่องนิทานว่าด้วยนายจิตรกับนายใจสนทนากัน  ก็เป็นฉบับที่ไม่ได้นำมาพิมพ์ด้วยสิ   เป็นอันว่าไม่ได้อ่านดรุโณวาทที่ลงพิมพ์นิทานเรื่องที่ว่า  ต่อมาได้มีการตีพิมพ์หนังสือดรุโณวาทนี้อีก เป็นหนังสือที่ระลึกงานพระราชทานเพลิงศพพันตำรวจตรี  หลวงนาทสิริวัฒน (สนั่น  นาทสิริ) เมื่อวันที่ ๑๓ สิงหาคม ๒๕๑๖  แต่ก็พิมพ์ตามแบบที่พิมพ์ครั้งงานศพ พ.ต.อ. ม.จ.มนูญศิริ เกษมสันต์ นั่นเอง มิได้เพิ่มเติมฉบับดรุโณวาทอีกแต่อย่างใด.  ก็นับว่ายังโชคดีที่หนังสือเก่าแก่เล่มนี้ได้มีการตีพิมพ์สืบอายุแล้วอย่างน้อย ๒ ครั้ง แม้จะไม่ครบตามฉบับที่ได้ออกก็ตาม  แต่ถ้าจะหาอ่านฉบับที่มีเรื่องนายจิตรนายใจฯ คงต้องไปนั่งอ่านไมโครฟิล์มที่หอสมุดแห่งชาติแทน.

เอกสารอีกชิ้นหนึ่งที่คุณพิทยา ได้อ้างอิงไว้หลายแห่งคือบทความเรื่อง พระบาทสมเด็จพระปิยมหาราชกับหนังสือพิมพืดรุโณวาท เมื่อ ๑๑๑ ปีมาแล้ว ของคุณณัฐวุฒิ  สุทธิสงคราม ลงพิมพ์ในวารสารรัฐสภาสาร ช่วงปี ๒๕๑๐ เศษๆ ซึ่งท่านผู้สนใจบทความนี้ สามารถเข้าไปค้นหาอ่านได้ในรูปแบบไฟล์พีดีเอฟที่เว็บไซต์รัฐสภา สะดวกดีเหลือประมาณ  (ใครที่สนใจบทความเรื่องอื่นๆ ของคุณณัฐวุฒิ ฯ ก็สามารถหาอ่านได้จากที่นี่เหมือนกัน) บทความนี้ยาวพอสมควรที่เดียว  เพราะคุณณัฐวุฒิฯ ได้ไปค้นเอกสารจดหมายเหตุเกี่ยวกับเรื่องนี้มาลงพิมพ์ประกอบเรื่องไว้ทุกฉบับเอกสาร  ซึ่งว่ากันตามตรง  คุณพิทยา เองก็เอาเนื้อความจากคุณณัฐวุฒิมาเล่าใหม่หลายแห่ง.

เอกสารอื่นที่ควรต้องอ่านคือราชกิจจานุเบกษาฉบับปีแรกที่ตีพิมพ์อีกครั้งในรัชกาลที่ ๕ ซึ่งลงเรื่องตั้งปรีวีเคาน์ซิล  เพราะนิทานเรื่องนายจิตรนายใจได้พูดถึง การตีพิมพ์จำนวนศักดินาของท่านผู้หนึ่งตกศูนย์ไปตัวหนึ่ง  ซึ่งก็ไม่ใช่ใครที่ไหนก็คือเจ้าพระยามหินทร์นั่นเอง   (เรื่องเจ้าพระยามหินทร์ นี่ก็สนุกมากเหมือนกัน  ที่พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวรับสั่งกับเจ้าคุณมหินทร์ว่า ถ้าพระองค์เสด็จสวรรคตแล้ว เจ้าคุณมหินทร์จะต้องถูกคนอื่นรังแก  ไม่ผิดเลยจริงๆ  อ่านได้ในจดหมายเหตุพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวเสด็จสวรรคต)



กระทู้: นิทานว่าด้วย "นายจิตรกับนายใจสนทนากัน"
เริ่มกระทู้โดย: luanglek ที่ 16 พ.ย. 09, 09:24
เรื่อง "สนุกนิ์นึก" ที่คุณเทาชมพูกล่าวว่าได้ทดลองแต่งต่อให้จบนั้น โดยอาศัยข้อสันนิษฐานว่า สนุกนิ์นึก น่าจะเป็นนวนิยาย มากกว่าเรื่องสั้น จำได้ว่าเคยอ่านในวารสารอักษรศาสตร์ มหาวิทยาลัยศิลปากร แต่จำฉบับไม่ได้  และที่เสียดายยิ่งกว่าคือ ไม่ได้ถ่ายสำเนาเก็บไว้  ถ้าคุณเทาชมพูจะพิมพ์เผยแพร่ในกระทู้ก็น่ายินดีนัก  ต้นฉบับสนุกนิ์นึก ที่พิมพ์ในวชิรญาณนั้น คงหาอ่านยาก  เคยอ่านแต่ในหนังสือประชุมพระนิพนธ์พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมหลวงพิชิตปรีชากร เข้าใจว่าคงจะใช้ได้เหมือนกัน

(ส่วนตัวก็เคยเรียนที่เดียวกับที่ที่คุณเทาชมพูเคยทำงานอยู๋มาก่อน จึงได้อ่านเรื่องสนุกนิ์นึกตอนจบ)

ในช่วงแรก ๆ ของการเขียนเรื่องสั้นนวนิยายของไทย  การเอาชื่อสถานที่ที่มีอยู่จริงมาเขียนเป็นเรื่องแต่งอาจจะทำให้คนอ่านสมัยนั้นสับสนหรือไม่ออกว่าตกลงเป็นเรื่องจริงหรือเรื่องแต่ง  ยิ่งถ้าพิมพ์ในหนังสือพิมพ์ข่าว อาจจะยิ่งสับสนว่าจริงหรือเปล่า  ยิ่งถ้าเขียนเรื่องที่ออกจะกลายเป็นข้อครหาต่อไปได้ ยิ่งวุ่น  กรณีสนุกนิ์นึกก็น่าจะเข้าประเด็นนี้แถมเป็นกรรีตัวอย่างด้วย

ส่วนนิทานเรื่องนายจิตรนายใจสนทนากัน เป็นการแต่งว่ากระทบคนอื่น อาจจะดูคล้ายๆ กรณีพญาระกาในปลายสมัยรัชกาลที่ ๕ เหมือนกัน


กระทู้: นิทานว่าด้วย "นายจิตรกับนายใจสนทนากัน"
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 16 พ.ย. 09, 09:38
คุณหลวงจำสลับกันนิดหน่อย     ดิฉันแต่งต่อ"สนุกนึก"(ขอสะกดแบบใหม่)  เพื่อพิสูจน์ว่าเป็นเรื่องสั้น ไม่ใช่นวนิยาย  ก็พบว่าเขียนต่ออีกนิดเดียวก็จบเรื่องได้
ขอเวลาไปค้นเอกสารก่อนนะคะ  แล้วจะตั้งกระทู้แยกไปต่างหาก   
ตอนนี้เจอเนื้อเรื่องสนุกนึก ที่คุณศรีปิงเวียงนำมาลงในกระทู้เก่า ก็ copy ลง ส่งตู้หนังสือของคุณม้าไปแล้ว

น่าเสียดายที่ไม่เคยอ่านฉบับเต็มของนายจิตรนายใจสนทนากัน  หนังสือของคุณพิทยา ก็ยังไม่ได้อ่าน   ได้แต่ถอดรหัสจากที่คุณวันดีนำมาลง   
รู้สึกเหมือนไม่ใช่เรื่องสั้น   แต่เป็นคล้ายๆพิธีกร ๒ คนมารีวิวเหตุการณ์บ้านเมืองบางส่วนกัน   เน้นไปที่ วี.ไอ.พี.บางคน 
ถ้าเป็นยุคนี้ก็นึกหน้านายจิตรนายใจ เป็นคุณสรยุทธ์   หม่อมปลื้ม หรือคุณกิตติ  คนใดคนหนึ่ง

เจ้าพระยามหินทรฯ  หรือ "พ่อเพ็ง" ข้าหลวงเดิมของสมเด็จพระจอมเกล้าฯ นั้น  ดูๆไปท่านก็น่าสงสาร   เมื่อสิ้นใบบุญเจ้านายแล้ว  แม้ไม่อาภัพเท่าสุนทรภู่ที่ว่า " สิ้นแผ่นดินสิ้นรสสุคนธา   วาสนาเราก็สิ้นเหมือนกลิ่นสุคนธ์"   
แต่ก็ดูว่าท่านฟกช้ำดำเขียวอยู่หลายเรื่อง   

ดิฉันเคยเห็นหน้าคุณหลวงเล็กสมัยเรียนแน่ๆ


กระทู้: นิทานว่าด้วย "นายจิตรกับนายใจสนทนากัน"
เริ่มกระทู้โดย: luanglek ที่ 16 พ.ย. 09, 11:17
คุณหลวงจำสลับกันนิดหน่อย     ดิฉันแต่งต่อ"สนุกนึก"(ขอสะกดแบบใหม่)  เพื่อพิสูจน์ว่าเป็นเรื่องสั้น ไม่ใช่นวนิยาย  ก็พบว่าเขียนต่ออีกนิดเดียวก็จบเรื่องได้

สงสัยจะจำผิดจริงๆ ครับ เพราะได้อ่านมานานแล้ว  และที่ได้อ่านเพราะมีอาจารย์ที่สอนสมัยเรียน ป.ตรี สั่งให้ไปหามาอ่านจึงได้อ่าน 

คุณเทาชมพูคงไม่ได้เห็นผมสมัยที่ยังเรียนหรอกครับ  เพราะหลังจากที่ คุณเทาชมพู ไม่ได้สอนที่นั่นแล้วหลายปี  ผมจึงได้เข้าเรียนที่นั่น  แต่ก็ได้ยินชื่อเสียงคุณเทาชมพูอยู่เสมอ 

นิทานเรื่องนายจิตรนายใจสนทนากัน ถ้าวิเคราะห์ลักษณะงานเขียนแล้ว ก็คงเคล้ายๆ บทความวิจารณ์ได้กระมังครับ

เจ้าคุณมหินทรฯ ไม่ได้มีเรื่องเฉพาะกับเจ้าคุณภาสกรณ์วงศ์ เท่านั้น กับขุนนางผู้ใหญ่คนอื่นๆ ก็มีเรื่องกระทบกระทั่งกันจนเกิดเรื่องใหญ่ ก็ คือ เจ้าพระยาสุรศักดิ์มนตรี  เกี่ยวกับเรื่องนางเล็กๆ  ตอนท้ายๆ ชีวิตของเจ้าคุณมหินทรฯ ค่อนข้างแย่มากทีเดียว ลูกชาย ชื่อนายบุศย์ ซึ่งเป็นมหาดเล็ก ต้องกราบบังคมทูลลาออกจากราชการเพื่อมาดูแลกิจการละครของท่านเจ้าคุณที่ทิ้งเอาไว้  แต่ก็ว่ากันว่า ไปไม่รอดเหมือนกัน  เรื่องเจ้าคุณมหินทรฯ มีที่น่าสนใจอีก โดยเฉพาะเรื่องของหลวงพัฒนพงศ์ภักดี(ทิม สุขยางค์) ที่แต่งนิราศหนองคาย  ซึ่งเป็นคนสนิทของท่านเจ้าคุณฯ  และว่าแต่งบทละครให้ดรงละครของเจ้าคุณเล่นหลายเรื่อง  แต่ก็แปลกที่หาบทละครที่หลวงพัฒนพงศ์ภักดีอ่านยากมาก  ที่เคยมีวงศเทวราชตอนต้นที่รัชกาลที่ ๕ เอามาแต่งล้อ กับบทละคอนเรื่องอาบูหะซัน


กระทู้: นิทานว่าด้วย "นายจิตรกับนายใจสนทนากัน"
เริ่มกระทู้โดย: Wandee ที่ 16 พ.ย. 09, 12:18
หนังสือดี ๆ  อ่านแล้วก็ไม่ทราบจะคุยกับใคร

มีคนมาแนะนำแก้ไขก็ยิ่งอ่านได้เรื่อง


ดิฉันตามหาหนังสือของครูเหลี่ยมอีกสามเรื่องค่ะ  รู้สึกจะใช้อีกชื่อหนึ่ง
ค้นได้อัญมณีแห่งวรรณกรรมไทย ก็คุ้ยออกมาอ่านอีก
เข้าใจว่าอาจารย์พิทยา ว่องกุลจะเป็นผุ้แนะนำเวทางค์
ก็เลยอ่าน อัญมณี
อ่านใหม่ทีไรก็ได้ความรู้เพิ่ม


มีหนังสือเรื่องปรีวีเคาน์ซิลเล่มยักษ์อยู่เล่มหนึ่ง  ยังค้นไม่ได้ว่าเก็บไว้ที่ไหน
หามาเพื่อดูรายชื่อขุนนางสกุล อมาตยกุล   เป็นสกุลที่กำลังจะรุ่งเชียวนะคะ
มรดกก็มากมี   สมาชิกของสกุลก็ทำงานสุจริต  ส่งบ่าวไปพายเรือขายขนม


ขอบคุณคุณหลวงเล็กที่ที่ชวนคุย   





กระทู้: นิทานว่าด้วย "นายจิตรกับนายใจสนทนากัน"
เริ่มกระทู้โดย: luanglek ที่ 16 พ.ย. 09, 13:11
ผมถือคติว่า หนังสือดีมีแล้วต้องอ่าน  อ่านแล้วก็พยายามหาทางเล่าสู่กันฟัง  หรือไม่ก็เขียนเผยแพร่ให้คนได้รู้จักมากขึ้น 

เรื่องปรีวีเคาน์ซิล นี่  จำได้ว่า มีคนรวบรวมพิมพ์เป็นหนังสือที่ระลึกงานศพ อยู่ ๒ เล่ม
เล่มแรก ชื่อ การประชุมปรึกษาราชการแผ่นดินในรัชกาลที่ ๕ พิมพ์เป็นที่ระลึกในงานพระราชทานเพลิงศพเจ้าจอมประคองในรัชกาลที่ ๕ เมื่อ ๑๕ มิถุนายน ๒๕๐๙  เล่มนี้ดี มีตัวอย่างคำปรึกษาราชการบางเรื่องลงไว้ให้อ่านด้วย แต่หาอ่านยากสักหน่อย  คุณวันดีคงมีกระมังครับ

เล่มที่ ๒ ชื่อ เรื่องสภาที่ปรึกษาราชการแผ่นดินในรัชกาลพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว กรมศิลปากรรวบรวม พิมพ์เป็นหนังสือที่ระลึกงานพระราชทานเพลิงศพพลเอก หลวงสถิตยุทธการ (สถิต สถิตยุทธการ) เมื่อ ๒๕๑๔  เล่มนี้เป็นเอกสารจากราชกิจจานุเบกษาโดยมาก เล่มนี้หาไม่ยากเท่าเล่มแรก

หรือถ้าจะให้รู้มากขึ้นคงต้องอ่านรายงานการประชุมเสนาบดีสภา  พิมพ์แล้วมีหลายเล่ม ที่ยังไม่ได้พิมพ์ก็มีอีกมากเหมือนกัน

เห็นคุณวันดีแย้มๆ เรื่องบันทึกของพระองค์เจ้าปฤษฎางค์  พอดีเพิ่งได้อ่านหนังสือประวัติย่อ นายพันเอกพิเศษ พระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าปฤษฎางค์ แต่ประสูติ พ.ศ. ๒๓๙๒ ถึง ๒๔๗๒ เล่ม ๑  พิมพ์ในงานพระราชทานเพลิงศพ หลวงเอนกนัยวาที (ม.ร.ว.นารถ  ชุมสาย) คุณพ่อของ ม.ล.มานิจ  ชุมสาย  เมื่อปี ๒๕๑๓  เลยอยากถามคุณวันดีว่า  เล่ม ๒ และ ๓ ของหนังสือนี้ มีใครเคยเอามาพิมพ์ใหม่บ้างหรือไม่  เพราะเห็นหัวเรื่องสารบัญเล่ม ๒ เล่ม ๓ ที่อยู่ในเล่ม ๑ ที่พระองค์เจ้าปฤษฎางค์ทรงเขียนไว้  น่าสนใจอยู่ จึงอยากจะหามาอ่าน



กระทู้: นิทานว่าด้วย "นายจิตรกับนายใจสนทนากัน"
เริ่มกระทู้โดย: Wandee ที่ 16 พ.ย. 09, 13:28
ไม่ปรากฏค่ะ


ที่พันทิปเคยมีการเล่นกระทู้นี้ครึกครื้นมากค่ะ
ลงละเอียดไปถึงผู้หญิงนิรนาม
คุยกันจนเหนื่อยก็ไม่ทราบว่าเป็นใครอยู่ดี


กระทู้: นิทานว่าด้วย "นายจิตรกับนายใจสนทนากัน"
เริ่มกระทู้โดย: luanglek ที่ 16 พ.ย. 09, 14:00
น่าเสียดายมาก   :'( 


กระทู้: นิทานว่าด้วย "นายจิตรกับนายใจสนทนากัน"
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 16 พ.ย. 09, 19:26
ในเรือนไทย เคยสนทนากันเรื่องพระองค์เจ้าปฤษฎางค์
http://www.reurnthai.com/index.php?topic=174.0
แต่ก็ไม่ได้ถือว่าจบแค่นั้น   ถ้าคุณหลวงเล็กและคุณวันดีจะสนทนาเรื่องนี้ ก็เชิญตั้งกระทู้ใหม่ได้ค่ะ