กราบสวัสดีทุกท่านครับ กระผมเป็นแฟนประจำของเวปไซต์เรือนไทยมานานปี แอบอ่านกระทู้เงียบๆมานาน เพราะตัวเองศึกษาด้านประวัติศาสตร์มาน้อยมีเพียงแค่ใจรักอย่างเดียว วันนี้ กระผมได้เข้าไปอ่านเจอกระทู้หนึ่งเข้า และเกิดสนใจใคร่รู้ นำมาแลกเปลี่ยนเพื่อรับฟังความคิดเห็นของทุกท่านด้วยครับ ประกอบกับไม่มีตำรับตำราใดใกล้ตัว พอให้ได้ศึกษาค้นคว้าเพิ่มเติมได้เลย ถ้าใครเข้ามาแสดงความคิดเห็นแล้ว รบกวนช่วยแนะนำชื่อหนังสือที่ใช้อ้างอิงประกอบเพื่อผมจะได้นำไปศึกษาหาความรู้เพิ่มเติมด้วยตนเองด้วยครับ จักขอบพระคุณมากครับ http://www.pantip.com/cafe/library/topic/K10161219/K10161219.htmlผมได้เขียนบทความแสดงความเห็น เรื่องความเป็นมาของสยาม ขอม เขมรไว้หลากหลาย
บัด นี้ผมใคร่ขอสรุป สารสำคัญไว้สามประการคือ 1) สยามคือขอมตัวจริง 2) เขมรนั้นไม่ใช่ขอมแต่เป็นผู้ฆ่าขอมตายเรียบต่างหาก และ 3) พระเจ้าอู่ทองเป็นขอมมาจากนครวัด
ผมไม่ได้กล่าวลอยๆ แต่มีหลักฐาน เหตุผล และตรรกะ สนับสนุนทั้งสิ้น จากนั้นผมเอาจิ๊กซอว์หลายตัวมาต่อกัน จนมันเห็นภาพที่ชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ
ซึ่งผมขอท้านักประวัติศาสตร์ นักโบราณคดีให้คิดแย้ง (และหากแย้งไม่ได้ก็น่าจะช่วยสนับสนุนแนวคิดผมและช่วยหาหลักฐานเสริมด้วย)
สภาพ ภูมิประวัติศาสตร์ในภาพรวมก่อนนครวัด 3000-200 ปี คือ ดินแดนที่ผมขอเรียกว่า “เส้นพระธรรม” (The dhamma belt)
ได้ต่อแนวกันจากนครปฐม มาลพบุรี ไปเมืองเสมา (อ.สูงเนิน จ.นครราชสีมา) ไปพิมาย โดยมีติ่งที่ศรีมโหสถ (อ.โคกปีบ จ.ปราจีนบุรี)
แนว เส้นพระธรรมนี้เจริญผ่านยุคสำริดและยุคเหล็กมาอย่างโชกโชน (5000-2000 ปีก่อน พศ. 2500) ดังหลักฐานหลายร้อยหลุมขุดค้นที่พบโดยนักโบราณคดีทั้งไทยและเทศ
ในช่วง พุทธกาลอารยธรรมเส้นพระธรรมนี้นับถือศาสนาพุทธเป็นหลัก โดยมีฮินดูปนบ้างเล็กน้อย ในช่วงหลังกลายมาเป็นอารยธรรมที่เราเรียกกันว่า “ทวาราวดี”
ในช่วงเวลาเดียวกันนั้น ดินแดนรอบๆนครวัดล้าหลังกว่าเส้นพระธรรมมาก มีการขุดค้นพบอารยธรรมยุคเหล็กประปรายเบาบางกว่าเส้นพระธรรมมาก
นี่ เป็นพื้นฐานที่ชัดเจนว่านครวัดนั้นเกิดจากแพร่ของอารยธรรมจากเส้นพระธรรม เข้าไป โดยเฉพาะจาก ลพบุรี และ พิมาย เมื่อประมาณ คศ. 1000 หรือประมาณ 1000 ปีมาแล้วนี่เอง
ตามหลักวิศวกรรมศาสตร์การแพร่นั้นย่อมแพร่จากที่เข้มข้นสูงไปสู่ที่เข้มข้น ต่ำเสมอ
กษัตริย์ องค์แรกแห่งนครวัดคือ ชัยวรมันที่ ๒ นั้นไม่มีจารึกร่วมสมัยว่าเป็นใครมาจากไหน พบแต่มีจารึกที่ปราสาทหินสด๊กก๊กธม (อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว)
เมื่อ 200 ปีให้หลังว่ามาจาก “ชวา” (และนักวิชาการไทยก็เชื่อตามกันเป็นตุตะ) แต่มีนักวิชาการฝรั่งที่โดดเด่นเช่น charles higham เห็นแย้งว่าน่ามาจาก จาม หรือ ชามา (ไม่ใช่ชาวา) เสียมากกว่า
แต่กระผม (ขยม) เห็นว่าน่ามาจาก ลาวา หรือ ลวะ หรือ ลพะ หรือ ลพบุรีนี่เอง เสียมากกว่า เพราะมันมีความเป็นไปได้มากกว่ากันถ้ามองในเชิงภูมิประวัติศาสตร์
(แต่ การที่ higham เองซึ่งขุดไทยเขมรเสียพรุนไปหมด ยังเชื่อว่าเป็น ชามา ก็คงเพราะว่าเขมรปัจจุบันนี้เป็นเชื้อสายพวกจามนั่นเอง..ซึ่งตรงกับข้อสรุป ของผม)
ชัยวรมันที่ 2 อาจเป็นลูกเจ้าท้าวเธอ คิดกบฏ หรือผิดใจกันอะไรสักอย่าง (เช่นเขาเป็นพุทธแต่ท่านนี้อยากเป็นฮินดู) เลยถูกเณรเทศออกมาจาก ลว
ให้มาตั้งเมืองใหม่ที่นี่ โดยให้เป็นเมืองขึ้นของลว จารึกที่สด๊กก๊กธมเล่าต่อว่า ชย. 2 ได้ไปเชิญพราหมณ์มาจาก จานาปาดา (janapada)
เพื่อมาทำพิธีปัดรังควานให้นครวัดพ้นจากอำนาจของ ลว
(มัน เป็นไปได้ยากมาก ที่ชวา จะมาสร้างอาณานิคมในแถบนี้เพราะต้องข้ามน้ำข้ามทะเลปานนั้น การแล่นเรือข้ามทะเลจีนใต้มันไม่ใช่ง่ายๆหรอกนะ คลื่นลมแรงมากเป็นที่รู้กันดีในหมู่ชาวเรือ)
จานาปาดานี้ผม ว่าน่าจะคือ “ชนบท” (อ่านแบบแขกก็ได้ว่า “ชานาบาทา”) ซึ่งขณะนี้คืออำเภอชนบท จ.ขอนแก่น
ซึ่งเป็นเมืองโบราณเก่าแก่บนเส้นพระธรรมอีกเมืองหนึ่ง นี่แสดงว่า ชย. 2 รู้เรื่องดินแดนในเส้นพระธรรมดีมาก
ขนาดรู้ว่ามีฤาษีอยู่ที่ชนบท แสดงว่า ชย. เองก็มาจากดินแดนเส้นพระธรรมนี่แหละ ไม่ได้มาจาก “ชวา” หรอก
ผม จะชี้ให้เห็นต่อไปว่าลพบุรีนี่แหละคือ พ่อขอม ส่วนนครวัดนั้นเป็นลูกขอม (แต่เป็นอภิชาตบุตร)
ซึ่งตอนหลังก็กลับมาหาพ่อ มาอยู่กับพ่อตามเดิม อ้าว...แล้วเขมรล่ะ (ผมจะสรุปตอนท้ายว่าเขมรนั้นมาจากพวกจาม เป็นข้าทาสขอม)
ประมาณ คศ 1000 (ขออภัยที่ผมใช้คศ. แทนพศ. เพราะหลักฐานด้านกาลเวลาส่วนใหญ่อ่านมาจากภาษาอังกฤษ)
เหตุการณ์ เริ่มเข้มข้น เมื่อพระเจ้าสุริยวรมันที่ 1 ขึ้นครองราชย์ กษัตริย์ผู้ยิ่งใหญ่ที่สุดองค์หนึ่งแห่งนครวัดนี้ ไม่ปรากฏหลักฐานว่ามาจากที่ไหน
จู่ๆก็เข้ามาเป็นกษัตริย์ แถมยังเป็นชาวพุทธเสียอีก ทั้งที่เขาเป็นฮินดูกันมาก่อนหน้านี้
เชื่อ ได้ว่าพระองค์น่าจะมาจากลพบุรีโดยลพบุรีเอากำลังมาแต่งตั้งให้เป็นกษัตริย์ และเป็นพุทธไปเสียเลย (แต่ปชช.ส่วนใหญ่ยังเป็นพราหมณ์อยู่)
ไม่เช่น นั้นจู่ๆ จะเอากำลัง “ทหารพุทธ” ที่ไหนมา “ยึดอำนาจ” แล้วสถาปนาตนเป็นกษัตริย์พุทธ ยิ่งสมัยก่อนศาสนาคือทุกสิ่งทุกอย่างของสังคมก็ว่าได้
สย. ๑ นี้เชื่อกันว่าเป็นผู้เริ่มสร้างปราสาทพระวิหาร ที่ทำให้เขมรกับไทยบาดหมางกันมาถึงวันนี้ บ้างก็ว่าเป็นผู้เริ่มก่อสร้างปราสาทหินพิมายด้วย (เป็นปราสาทพุทธ)
80 ปีต่อมา สมัยพระเจ้าชัยวรมันที่ 6 มีสลักในแผ่นหินบอกว่าท่านมาจากพิมาย (โคราชเรานี่แหละ)
มีบิดาชื่อ กัมพู สวายามภูวา ชื่อ สวายาม นี้น่าพิศวงมาก เพราะมันช่างพ้องกับคำว่า สยาม เสียเหลือเกิน
ผมเห็นว่าชื่อนี้แหละที่เป็นต้นกำเนิดของคำว่า “สยาม” ส่วนคำว่า กัมพู นั้นก็อาจจะเอามาจากชื่อของลพบุรีก็เป็นได้
เพราะว่าลพบุรีในช่วงนั้นมีชื่ออีกชื่อหนึ่งว่า กัมโพช (ซึ่งก็มาพ้องกับคำว่า กัมพูชา ..คือถูกเขมรสวมรอยเอาชื่อไปใช้ในที่สุด)
นัก วิชาการฝรั่งสันนิษฐานว่า ชว 6 มาจากการยึดอำนาจ ซึ่งผมเห็นด้วย 100%
และ การยึดอำนาจนี้ต้องเป็นพิมายนั่นแหละที่ส่งทหารเข้ามาช่วยยึดอำนาจ จากนั้นบรรดาทหารและครอบครัวที่อพยพมาค้ำบัลลังภ์ก็เลยถูกเรียกว่าพวก “สวายาม”
ชย. 6 นี้ถือว่าเป็นผู้สร้างปราสาทหินพิมายหรือมาสร้างต่อจาก สว. ๑ (ราว คศ. 1100 ก่อนสร้างปราสาทนครวัดสัก 50 ปี)
รวมทั้งสร้างทางด่วนยาว 200 กว่ากม. เชื่อมพิมายกับนครวัดด้วย หลักฐานยังมีให้เห็นจนทุกวันนี้
ซึ่งทั้งสองสิ่งก่อสร้างนี้เป็นหลักฐานมัดแน่นว่า ชย. ๖ มาจากพิมาย และผูกพันกับพิมายมากจนต้องสร้างทั้งปราสาทและถนน
คศ. 1115 พระเจ้าสุริยวรมันที่ 2 (กษัตริย์ผู้ยิ่งใหญ่ที่สุด ผู้ที่ถือว่าเป็นผู้เริ่มสร้างปราสาทนครวัด)
ก็มีจารึกว่าไปจากลพบุรีอีกแล้ว (แต่ครองราชย์ห่างจาก สย. 1 ถึง 70 ปี โดยมีกษัตริย์อื่นๆมาขั้นกลาง รวมทั้ง ชย. ๖ ด้วย)
ทรงทำสงครามกับพวกจามมากที่สุด และจับเอาพวกจามมาเป็นทาสมาก คงเพื่อเอาแรงงานมาสร้างปราสาทหินนี่เอง
แต่ตอนหลังพวกทาสนี่แหละที่จะกลายมาเป็นหอกข้างแคร่ และกลายมาเป็นเขมรในที่สุด
พระเจ้าชัยวรมันที่ 7 (ผู้ยิ่งใหญ่ที่สองรองจาก สย 2) ก็ไม่มีจากรึกให้รู้ว่ามาจากไหนอีกแล้ว รู้แต่ว่ามาจากที่อื่น
แต่ การที่เป็นพุทธเต็มตัวยิ่งกว่า สย ๑ เสียอีก แสดงว่าต้องมาจากดินแดนเส้นพระธรรมแน่นอน แล้วยังมาใช้ชื่อต่อเป็น ชย. 7 ก็ใช่เลย แสดงว่ามาจากพิมาย
ชย. 7 เป็นผู้มาสร้างปราสาทนครวัดให้เสร็จสมบูรณ์ ก็คงด้วยแรงงานทาสจากพวกจามอีกนั่นแหละ
เพราะไปรบกับพวกนี้มาก แล้วยังสร้างนครธมอีกด้วย และทำให้นครวัดเป็นพุทธไปหมดอย่างถาวรตลอดมาจนวันนี้
อีกทั้งมาบำรุงเส้นทางพิมายนครวัดให้สมบูรณ์ มีอโรคยาศาล (สุขศาลาริมทาง) เต็มไปหมด ยิ่งเป็นหลักฐานว่ามาจากพิมาย
ที่กล่าวมานั้นว่า กันตามลำดับเวลา ล้วนเป็นจิ๊กซอว์ที่ช่วยกันมาต่อภาพเต็มขึ้นเรื่อยๆ
ก็ ขอฝากไว้ให้นักโบราณคดีไทยและนักประวัติศาสตร์ไทยช่วยเอาไปคิดต่อด้วยครับ อย่าเชื่อฝรั่งไปเสียหมด โดยเฉพาะพวกฝรั่งเศสที่มีวาระซ่อนเร้นและใจไม่เป็นกลาง
สรุป ได้ว่าการปกครองนครวัดนั้นเป็นการแย่งชิงอำนาจกันระหว่างอำนาจจากลพบุรี และ พิมาย (ซึ่งก็เป็นพี่น้องกันในอาณาจักรทวาราวดี)
โดยลพบุรีมีสายสุริยวรมัน ส่วนพิมายมีสายชัยวรมัน สองสายหลักที่ครองอำนาจนครวัดสลับกัน
ส่วนลพบุรีและพิมายก็เป็นพวก สวายาม กัมพู ด้วยกัน (เพราะลพบุรีนั้นมีชื่อที่รู้จักกันดีอีกชื่อคือ กัมพุช)
ต้อง ไม่ลืมบริบทในอดีตด้วยที่บ้านพี่เมืองน้องสายเลือดเดียวกันนั้นเมื่อเมืองใด ไร้กษัตริย์ปกครองขึ้นมา (แย่งกันจนฆ่ากันตายหมด)
ปชช.มักจะไปขอหน่อเนื้อจากอีกเมืองหนึ่งให้ส่งกษัตริย์มาสืบสันตติวงศ์ต่อ เช่นลำพูนขอพระนางจามเทวีจากลพบุรีเป็นต้น
ดังนั้น สย. ๑-๒ ชย.๖- ๗ ที่ว่ามาจากลพบุรีและพิมายนั้นก็คงมาด้วยเหตุดังกล่าวนั่นเอง
อีกทั้งยังมีหลักฐานว่านครวัดเองก็เคยส่งกษัตริย์มาครองลพบุรี ซึ่งนักประวัติศาสตร์ก็ด่วนสรุปว่าเป็นเพราะชนะสงคราม
ซึ่งผมว่าไม่มีใครเข้ากล้าทำแบบนั้นหรอก เป็นคนละเผ่ามาปกครองก็ถูกฆ่าตายหมด ไม่รอดหรอก
สมัยก่อนรบชนะมีแต่กวาดต้อนปชช. และ ให้ส่งเครื่องราชบรรณาการเสียมากกว่า
จาก นี้ไปจะเสนอกำเนิดเขมร โดยเริ่มที่คศ. 1336 (14 ปีก่อนตั้งกรุงศรีอยุธยา) ที่ซึ่งกษัตริย์สาย “วรมัน”
ที่ ครองนครวัดมาประมาณ 500 ปีก็มีอันอันตรธานสูญหายไปอย่างไร้ร่องรอย กษัตริย์องค์ต่อมามีนามว่า ตรอสอกเปรแอม (แปลเป็นไทยว่า แตงหวาน)
มีบุตรต่อมานามว่า นิพพานบท (หรือ นิวารณบทก็เรียก)
ผม วิเคราะห์ว่า ตรอซอกเปรแอมนี้ยึดอำนาจมาจาก “วรมัน” แต่เนื่องจากตนไม่ใช่หน่อเนื้อเชื้อพันธุ์เดียวกับพวกวรมัน แต่เป็นเชื้อชาติอื่น
ก็เลยยกเลิกธรรมเนียมการตั้งชื่อเป็นวรมันไปเสียเลย
บริบท มัดแน่นว่าตระซอกฯนี้เป็นพวกข้าทาสจามชาวจามที่ถูกจับมาเป็นเชลย เป็นทาสรับใช้ในการสร้างปราสาท
จนมีจำนวนมากกว่าพวกนายทาสที่เป็นพวกวรมันเสียอีก อยู่มาวันหนึ่งพวกนายทาสอ่อนกำลังลง
ก็เลยยึดอำนาจ ฆ่าพวกนายทาสตายเรียบ แล้วตั้งชื่อเมืองนี้ใหม่ว่าเมือง “สยำเรียบ”
เพราะพวกนายทาสนี้เป็นพวก “สยำ” นั่นเอง ซึ่งคำว่าสยำนี้ตอนหลังเพี้ยนมาเป็นเสยียมแล้วเป็น “เสียมเรียบ” ในที่สุด
(สำเนียงเขมร สระอาของเรามักเป็นสระเอียของเขา เช่น นางนาค ก็เป็นเนียงเนียก พระวิหาร ก็เป็นเพรียะวิเหียร์ สยามก็เป็นเสยียม)
การ วิเคราะห์ของผมไปตรงกับพงศาวดารเขมร ฉบับ “นักองค์เอง” เข้าอย่างจัง (นักองค์เองนี้มาพึ่งพระบารมี ร ๑ ของเรา จากนั้นส่งไปครองเขมร)
ซึ่งพงศาวดารนี้เป็นฉบับแรกของเขมร (ที่ยังไม่มีอิทธิพลฝรั่งเศสเข้ามาเสี้ยมสอน)
พงศาวดารนี้บันทึกว่าต้นตระกูลเขมรมาจาก ตรอซอกเปรแอม (พระเจ้าแตงหวาน) และ นิวารณบท นี่เอง
ซึ่งในขณะนั้นนักองค์เองคงภูมิใจมากในตระ ซอกฯ ที่ปลดแอกเขมรออกจากการเป็นทาสได้
เพราะถ้าเขมรเป็นทายาทของขอมวรมันแห่งนครวัดจริง มีหรือที่นักองค์เองจะพลาดไม่ยอมพาดพิงไปถึง
(อย่างน้อยก็ต้องถึงพระเจ้าชัยวรมันที่ 7 เป็นอย่างต่ำ จะหาว่าไม่รู้ก็ไม่ได้เพราะมีสลักจารึกบอกไว้หมด)
...แต่ด้วยความภูมิใจในเลือดเขมรที่ปลดแอกจากความเป็นทาสของพวก “สวายาม” ได้
ก็เลยระบุไปแบบพาซื่อและตามจริงว่าพวกตนเป็นหน่อเนื้อของ ตรอซอกเปรแอม ทาสเชื้อสายจามนี่เอง
แม้รูปลักษณ์ของชาวเขมรในทุกวันนี้ก็ ยังมีร่องรอยของ “แขกจาม” ให้เห็น คือ ผิวคล้ำ ผมหยิก จมูกรั้น เป็นส่วนใหญ่
จนกระทั่งฝรั่งเศสเข้ามาก็มายกความเป็นขอมให้เขมรไปเพื่อผลประโยชน์ในการ ล่าอาณานิคมนั่นแล
หลัก ฐานสำคัญที่สุดที่ระบุว่าเขมรไม่ใช่ ขอมคือ เขมรปัจจุบันนี้ใช้เลขฐาน ๕ พอหกเจ็ดก็ขึ้นเป็น ๕๑ ๕๒ ส่วนขอมโบราณนั้นเขานับ ..๕ ๖ ๗ เหมือนลพบุรีเลย
หลักฐานง่ายๆ ใต้จมูก ที่นักประวัติศาสตร์มองไม่เห็นนี้ มันหลอกกันไม่ได้ บิดเบือนไม่ได้ มันตีแสกหน้าบอกเราเลยว่าเขมรไม่ใช่ขอม
แต่เขมรคือพวกที่มาฆ่าขอมตายเรียบต่างหาก จนเรียกเมืองนครวัดว่าเมือง เสียมเรียบ นั่นเอง
การนับเลขเขมรนั้นน่าสนใจมาก เพราะ พอถึง ๕๓ ๕๔ แล้ว แทนที่จะเป็น ๖๐ กลับเป็น สิบ ยี่สิบ สามสิบ จนถึงร้อย
ล้วนเป็นภาษา”ไทย”หมดเลย แสดงว่าเขมรลอกการนับเลขไปจากไทย แต่ถ้าเขมรคือขอมก็น่าจะเก่งเลขมากกว่านี้