เรือนไทย

General Category => ศิลปะวัฒนธรรม => ข้อความที่เริ่มโดย: srisiam ที่ 04 ก.ย. 10, 13:29



กระทู้: รูปเก่าเล่าเรื่อง-เมืองบางกอก 2
เริ่มกระทู้โดย: srisiam ที่ 04 ก.ย. 10, 13:29
ตามดูอยู่ด้วยความอึ้ง/ทึ่ง.......กับภูมิรู้ของทุกท่าน...
ระดับเอนไซโคลพีเดียภาพเก่าเล่าเรื่องที่เดินได้หลายเล่ม............ในกระทู้นี้

ทึ่งกับความตระการตาของซุ้มที่สร้างถวาย ร.5  จึงลองเทียบความสูงใหญ่ของซุ้ม 11 ของท่าน Navarat ได้ขนาดโดยประมาณดังนี้ครับ


A -จากฐานถึงยอดแหลมประมาณ 35 เมตร
B -ขอบนอกของตัวซุ้ม ประมาณ 20 เมตร
C -ความกว้าง-วัดใน-ของประตูซุ้ม ประมาณ 11 เมตร

โดยเทียบกับความสูงของคนที่ยืนใกล้ซุ้มที่สุด.............คงพอใกล้เคียงบ้างครับ
 ;D




กระทู้: รูปเก่าเล่าเรื่อง-เมืองบางกอก 2
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 04 ก.ย. 10, 14:00
6

(http://www.reurnthai.com/index.php?action=dlattach;topic=3462.0;attach=13964;image)

โคมจีนซ้ายมือแปลว่า “หมื่น ๆ ปี” ขวามือ “โอรสสวรรค์”

ข้อมูลเชิงลึก จากหนังสือ

(http://www.oknation.net/blog/home/blog_data/120/47120/images/RS126/P4060559.JPG)

 ;D


กระทู้: รูปเก่าเล่าเรื่อง-เมืองบางกอก 2
เริ่มกระทู้โดย: siamese ที่ 04 ก.ย. 10, 14:12
ซุ้มที่มีความงดงามที่สุดคือ ซุ้มช้างทรง เทินพระเกี้ยว ลองวัดระยะความสูงการต่อตัวของชาวสยามได้ ๑๑ ช่วงคน ถ้าคำนวณความสูงชายสยาม สุงประมาณ ๑๗๕ ซ.ม. ได้ความสุง ๑๙.๒๕ เมตร ตีไว้ประมาณ ๒๐ เมตร ++ ถ้าอาคารสูง ๓ เมตรจะสูงเท่ากับตึก ๗ ชั้น !!!


กระทู้: รูปเก่าเล่าเรื่อง-เมืองบางกอก 2
เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 04 ก.ย. 10, 14:22
มีมาเพิ่มอีกหน่อยครับ


กระทู้: รูปเก่าเล่าเรื่อง-เมืองบางกอก 2
เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 04 ก.ย. 10, 14:23
หน้าโรงภาษีอีกที


กระทู้: รูปเก่าเล่าเรื่อง-เมืองบางกอก 2
เริ่มกระทู้โดย: siamese ที่ 04 ก.ย. 10, 14:36
มุมบริเวณบริษัท อีสฑ์เอเซียติ๊ก จำกัด ครับ


กระทู้: รูปเก่าเล่าเรื่อง-เมืองบางกอก 2
เริ่มกระทู้โดย: siamese ที่ 04 ก.ย. 10, 14:46
ขอถามครับ


กระทู้: รูปเก่าเล่าเรื่อง-เมืองบางกอก 2
เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 04 ก.ย. 10, 14:49
โรงแรมโอเรียลเต็ลติดต่อกับอีสท์เอเซียติ๊ก


กระทู้: รูปเก่าเล่าเรื่อง-เมืองบางกอก 2
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 04 ก.ย. 10, 14:59
ขอถามบ้าง



กระทู้: รูปเก่าเล่าเรื่อง-เมืองบางกอก 2
เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 04 ก.ย. 10, 15:05
ตอบคุณหนุ่มสยามด้วยภาพนี้


กระทู้: รูปเก่าเล่าเรื่อง-เมืองบางกอก 2
เริ่มกระทู้โดย: siamese ที่ 04 ก.ย. 10, 15:15
ขอบคุณครับอาจารย์ NAVARAT.C .. ที่ผมถามนี้เนื่องจากเห็นภาพช่างกล้องยืนถ่ายภาพซุ้มไว้ จึงนึกถึงซุ้มช้าง ด้วยระดับความสุงนี้ ช่างกล้องต้องยอมปีนเสาสูงที่ป้อมเผด็จดัสกร พร้อมกับอุปกรณ์ (อาจจะหย่อนเชือก หรือ ผูกหลังปีนพะองขึ้นไป) ซึ่งเหนื่อยยากเย็นเพียงไร


กระทู้: รูปเก่าเล่าเรื่อง-เมืองบางกอก 2
เริ่มกระทู้โดย: siamese ที่ 04 ก.ย. 10, 15:28
ขอถามบ้าง



ที่ใช้สไตล์จีน เพราะว่าเพิ่งจะตัดถนนเยาวราช ที่ใช้เวลาตัดนานถึง ๘ ปีได้สำเร็จ ใช่ไหมครับ


กระทู้: รูปเก่าเล่าเรื่อง-เมืองบางกอก 2
เริ่มกระทู้โดย: siamese ที่ 04 ก.ย. 10, 17:18
ณ ที่นี้แบ่งเบาบำบัดทุกข์        เพิ่มพูนสุขโรคามลายหาย
อยู่กลางทุ่งลมเย็นแสนสบาย   พัดโรคร้ายให้ห่างไกลจากชีวา

เดิมทุ่งนี้เป็นนาชาวสยาม        ด้วยรำคาญพื้นที่ทั้งซ้ายขวา
เจ๊กใจดีขุดคลองให้กว้างหลายวา  เป็นที่มานามคลองสอดคล้องกัน

พื้นที่ใหม่สดใสอันไกลนี้          ฝรั่งต่างยินดีพำนักพักอาศัย
ท่านนักปราชญ์รู้ไหมว่าที่ใด    วานบอกไขแจ้งให้ทราบจักขอบคุณ


กระทู้: รูปเก่าเล่าเรื่อง-เมืองบางกอก 2
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 04 ก.ย. 10, 18:45
ตอบเอยตอบถ้อย                             เดาเต็มร้อยนอกตำราอย่าเคืองขุ่น
ถ้าตอบถูกปริศนานึกว่าบุญ                      ตอบผิดเราแค่รุ่นอนุบาล
ฝรั่งมาคับคั่งอยู่บางรัก                            นี่ไม่ไกลกันนักจากสถาน
"ยานนาวา" ลมพัดเย็นเป็นอยู่นาน                ใครปลูกบ้านสุขกายสบายเอย

ถ้าผิดก็....


กระทู้: รูปเก่าเล่าเรื่อง-เมืองบางกอก 2
เริ่มกระทู้โดย: V_Mee ที่ 04 ก.ย. 10, 19:02
เห็นเสาธงที่ป้อมเผด็จดัสกรแล้วคิดถึง "ลุงหนุ่ม" คุณเศวต  ธนประดิษฐ์ ซึ่งล่วงลับไปแล้ว

ลุงหนุ่มท่านเล่าว่า เมื่อแรกที่ท่านรับราชการกระทรวงวังตอนต้นรัชกาลที่ ๖ นั้น  ได้เห็นทหารรักษาวังชักธงมหาไชยนต์ธวัช ซึ่งเป็นธงประจำแผ่นดินขึ้นเสาทุกเช้า  เวลาเชิญธงขึ้นสู่ยอดเสานั้นท่านพับธงไว้เป็นรูปดอกบัว  พอเชิญธงขึ้นถึงยอดเสาก็จะกระตุกเชือกแล้วผืนธงจะคลี่ออกโบกสะบัด  เป็นสัญญาณว่า พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวประทับอยู่ในพระนคร  เมื่อล้นเกล้าฯ รัชกาลที่ ๖ โปรดให้รื้อย้ายเสาธงนี้ไปไว้ที่ป้อมที่ปากคลองสาน  จึงเปลี่ยนไปชักธงมหาราชขึ้น ณ พระราชทานที่ประทับ  เป็นธรรมเนียมสืบมาจนถึงทุกวันนี้


กระทู้: รูปเก่าเล่าเรื่อง-เมืองบางกอก 2
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 04 ก.ย. 10, 20:07
(http://www.reurnthai.com/index.php?action=dlattach;topic=3462.0;attach=13982;image)

ขอถามว่าซุ้มพวกนี้ ทำด้วยวัสดุอะไรอีกบ้างคะ  นอกเหนือจากไม้
เช่นตัวพระเกี้ยว   ฯลฯ
ผิวหนังช้าง ใช้อะไร  ผ้าหุ้มโครงไม้หรือ?


กระทู้: รูปเก่าเล่าเรื่อง-เมืองบางกอก 2
เริ่มกระทู้โดย: siamese ที่ 04 ก.ย. 10, 20:41
คำตอบยังผิดอยู่ครับ อ.เทาชมพู

คำถามเรื่องวัสดุน่าจะมีการผสมหลายๆอย่าง ที่เห็นคือ ในตัวช้างต้องมีโครงเหล็กซึ่งผ่านทางรูปงาช้าง เป็นค้ำยันตัวพระเกี้ยว อยู่ ๔ มุม จึงทรงตัวอยู่ได้ แล้วตัวโครงหลักจะวิ่งมาตามคอลงเท้าหน้า และเชื่อมกันกับสะโพกและขาหลัง
ส่วนบริเวณอื่นคงเป็นโครงลวดถัก เพื่อรับน้ำหนักสัปคับ

ผิวช้างควรใช้กระดาษปะติด ทาสี เนื่องจากท้องช้างด้านซ้ายมือมีการสะดุ้งของกระดาษดุ้งออกมา

ตัวพระเกี้ยวเหมือนใช้โลหะบาง ฉลุลาย ประดับด้วยดอกไม้กระจังไหว อาจจะทำด้วยไม้เนื้อเบา

โคมไฟ / มีการเดินระบบไฟฟ้า คาดว่าสอดสายไฟจากท่อในงาช้าง

ส่วนพื้นที่กลางพระเกี้ยว ประดับตกแต่งด้วยผ้า


กระทู้: รูปเก่าเล่าเรื่อง-เมืองบางกอก 2
เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 04 ก.ย. 10, 20:45
เจ๊กใจดีมีทรัพย์ระดับสัว
ทุ่มสุดตัวซื้อที่มีเจ้าของ
จ้างจับกังอุดตลุดขุดลำคลอง
แล้วขายที่สองฝั่งนั่งนับเงิน

ฝรั่งไทยเรียกคลองเจ้าสัวยม
ทุกสังคมลือลั่นสรรเสริญ
ครั้นโปรดเกล้าบรรดาศักดิ์ใหม่ให้เจริญ
คนจึงเชิญชื่อใหม่มาให้คลอง

หลวงสาทรราชายุตก์สุดยาวนั่น
คนก็เรียกสั้นสั้นกันทั้งผอง
คลองสาทรชื่อใหม่ให้คล้องจอง
ผมขอลองทายเช่นนี้ดีไหมเอย


กระทู้: รูปเก่าเล่าเรื่อง-เมืองบางกอก 2
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 04 ก.ย. 10, 20:49
^
ว้า! เขาน่าจะถูกอีกแล้ว
ส่วนเรา ไปหลงทางกับคำว่า นา และ วา แท้ๆ


กระทู้: รูปเก่าเล่าเรื่อง-เมืองบางกอก 2
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 04 ก.ย. 10, 21:22
คำถามเรื่องวัสดุน่าจะมีการผสมหลายๆอย่าง ที่เห็นคือ ในตัวช้างต้องมีโครงเหล็กซึ่งผ่านทางรูปงาช้าง เป็นค้ำยันตัวพระเกี้ยว อยู่ ๔ มุม จึงทรงตัวอยู่ได้ แล้วตัวโครงหลักจะวิ่งมาตามคอลงเท้าหน้า และเชื่อมกันกับสะโพกและขาหลัง
ส่วนบริเวณอื่นคงเป็นโครงลวดถัก เพื่อรับน้ำหนักสัปคับ
ผิวช้างควรใช้กระดาษปะติด ทาสี เนื่องจากท้องช้างด้านซ้ายมือมีการสะดุ้งของกระดาษดุ้งออกมา
ตัวพระเกี้ยวเหมือนใช้โลหะบาง ฉลุลาย ประดับด้วยดอกไม้กระจังไหว อาจจะทำด้วยไม้เนื้อเบา
โคมไฟ / มีการเดินระบบไฟฟ้า คาดว่าสอดสายไฟจากท่อในงาช้าง
ส่วนพื้นที่กลางพระเกี้ยว ประดับตกแต่งด้วยผ้า
ขอบคุณสำหรับคำอธิบายค่ะ  ละเอียดชัดเจนดีมาก


กระทู้: รูปเก่าเล่าเรื่อง-เมืองบางกอก 2
เริ่มกระทู้โดย: siamese ที่ 04 ก.ย. 10, 21:46
เรียนอาจารย์นวรัตน์นั้นเจนจัด        บอกรวบรัดชื่อคลองต้องราศี
เพียงเพิ่งพิศอ่านทวนดุให้ดี            ว่าฉันนี้นั้นถามว่าที่ใด

อาคารสองหลังอยู่กลางทุ่ง             ขอให้มุ่งสถานที่อย่าสงสัย
คลองสาทรนั้นต้องอย่าบอกใคร      รบกวนใหม่อีกครั้ง ขอคุณเอย  ;D ;D ;D


กระทู้: รูปเก่าเล่าเรื่อง-เมืองบางกอก 2
เริ่มกระทู้โดย: V_Mee ที่ 04 ก.ย. 10, 22:31
เคยเรียนถาม "ลุงหนุ่ม" ถึงการประดับตกแต่งพลับพลาทองเวลาเสด็จประพาสหัวเมือง

ลุ่งหนุ่มท่านเล่าว่า  ที่เห็นเป็นพลับพลาทองงดงามนั้น  เวลาเสด็จประพาสหัวเมือง   จะมีกรมวังล่วงหน้าไปปลูกพลับพลาไว้รอรับเสด็จ  พลับพลานั้นมีโครงเป็นไม้ไผ่หรือไม้อื่นที่หาได้ในท้องถิ่น  เมื่อขึ้นโครงเสร็จก็เอาผ้าปิดกระดาษทองย่นที่บรรจุหีบไปในขบวนล่วงหน้านั้นออกขึงทับโครงไม้ไผ่หรือโครงไม้อื่นนั้น  ฉะนั้นการทำซุ้มรับเสด็จคงใช้หลักการเดียวกับการทำพลับพลารับเสด็จ  ส่วนที่ท่านพี่นวรัตนกล่าวว่าโครงภายในน่าจะเป็นโครงเหล็กนั้น  ก็มีข้อสังเกตจากพระราชบันทึก "ประวัติต้นรัชกาลที่ ๖"  กรมพระนเรศวรฤทธิ์ ทรงเป็นต้นคิดใช้โครงเหล็กทำพระเมรุมาศคราวงานพระบรมศพรัชกาลที่ ๕  จึงน่าจะเป็นไปได้ว่า น่าจะมีการเริ่มใช้โครงเหล็กในการสร้างซุ้มรับเสด็จมาก่อน  จึงหาญกล้าเปลี่ยนแปลงพระราชประเพณีการสร้างพระเมรุมาศด้วยโครงเหล็กก็เป็นไปได้


กระทู้: รูปเก่าเล่าเรื่อง-เมืองบางกอก 2
เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 04 ก.ย. 10, 23:15
โรงพยาบาลนั้นหรือชื่อเซนต์หลุยส์ 
มิได้คุยแต่เขาตั้งครั้งสยาม
มีกษัตริย์ขัตติยะทรงพระนาม
ว่าพระรามที่ห้า จุฬาลงกรณ์

ดำเนินงานโดยคณะคาทอลิก
ศาสนิกหวังบรรลุอนุสรณ์
สืบพระคริตศาสนาสถาพร
แลให้ราษฎรไทยหายโรคเอย


กระทู้: รูปเก่าเล่าเรื่อง-เมืองบางกอก 2
เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 04 ก.ย. 10, 23:25
อ้างถึง
ส่วนที่ท่านพี่นวรัตนกล่าวว่าโครงภายในน่าจะเป็นโครงเหล็กนั้น

ท่านวีหมีครับ ตรงนั้นท่านพี่นวรัตนไม่ได้กล่าว ท่านน้องหนุ่มสยามเป็นผู้กล่าว ท่านพี่นวรัตนมัวแต่ไปนั่งประดิษฐ์คำกลอนอยู่ คำตอบง่ายนิดเดียวแต่วิธีตอบยากชะมัด


กระทู้: รูปเก่าเล่าเรื่อง-เมืองบางกอก 2
เริ่มกระทู้โดย: siamese ที่ 04 ก.ย. 10, 23:25
ท่านอาจารย์ตอบถูกสุดยอดมาก  ตอบราบคาบสิ้นแล้วหายสงสัย
คำถามหน้าไม่แน่อาจปวดใจ       ด้วยคำใบ้ว่าด้วยล้วนเวียงวัง

ลาแล้วลาก่อนต้องพักผ่อน          ไม่ได้ช้อนลูกน้ำดังใจหวัง
ขออาจารย์นวรัตน์พักเช่นกัน       ให้นิมิตความฝันสมหวังเทอญ


กระทู้: รูปเก่าเล่าเรื่อง-เมืองบางกอก 2
เริ่มกระทู้โดย: Ruamrudee ที่ 04 ก.ย. 10, 23:32
ไปธุระทั้งวัน เพิ่งเข้าบ้านเดี๋ยวนี้เองค่ะ

มาเปิดดูกระทู้ ด้วยความดีใจ ถาม 1 ภาพ ได้คำตอบมากมายตามมาอีกหลายภาพ
และ ที่สำคัญ เพิ่งจะทราบเดี๋ยวนี้เองว่า มีการจำลองรูปเทวดาทรงม้า ก่อนการสร้างพระรูปทรงม้า นี่เป็นความรู้ใหม่ค่ะ

รูป ร.พ. St.Louise ตอบช้ากว่า อาจารย์นวรัตน์นิดเดียวเอง และมั่นใจว่า อาจารย์ท่านตอบถูก เพราะไปเห็นแบบจำลองตัวอาคารคนไข้ที่แสดงไว้ใน Lobby ร.พ. มีตั้งแต่สมัยเริ่มสร้าง มีการรื้อ สร้างใหม่หลายรุ่น จนถึงปัจจุบัน ผ่านร้อนผ่านหนาว และ สงครามมาจนบัดนี้ ไม่เหลือเค้าเดิม

แต่ใครที่เกิดทันเห็นถนนสาทรมีต้นไม้ปกคลุม และ ยังเป็นถนนราดยาง จะจำลักษณะตัวอาคารคนไข้ที่สร้างด้วยไม้ หน้าตาไม่ต่างจากรูปนี้เท่าไรค่ะ (แม้จะเป็นคนละหลัง ก็ไม่ทิ้งเค้าเดิม)

สำหรับวังไม้นั้น เป็นวังของกรมพระยาชัยนาท ฯ เจ้าของเดียวกับวังวิทยุ สร้างไว้ที่พลับพลาไชย ต่อมาถูกไฟไหม้หมด จึงต้องย้ายมาที่วังวิทยุ สถานที่เดิม กลายเป็นบริษัท ประชายนต์ ของ ม.จ.ปิยะรังสิต เป็นผู้นำรถVolkwagen รถเต่ารุ่นแรก ๆ เข้ามาขายในประเทศไทย ปัจจุบันที่ตรงนั้น เป็นปั๊มน้ำมันไปแล้ว

ขอให้ทุกท่านหลับฝันดีนะคะ


กระทู้: รูปเก่าเล่าเรื่อง-เมืองบางกอก 2
เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 04 ก.ย. 10, 23:34
ต้องตอบเป็นกลอนอีกแระ...โฮ้ยยยยยยยยโหย่ยโย่


กระทู้: รูปเก่าเล่าเรื่อง-เมืองบางกอก 2
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 05 ก.ย. 10, 08:12
คุณร่วมฤดีกับดิฉันมาเอี่ยวกันดีกว่านะคะ    คุณตอบ  ดิฉันเขียนกลอนให้   แล้วแบ่งคะแนนกัน 60/40
ดิฉันจะได้โหนคุณร่วมฤดีขึ้นป. ๑ บ้าง   ท่าทางคุณครูจะทิ้งไปไกลลิบไม่เห็นฝุ่นแล้ว


กระทู้: รูปเก่าเล่าเรื่อง-เมืองบางกอก 2
เริ่มกระทู้โดย: V_Mee ที่ 05 ก.ย. 10, 08:58
อ้างถึง
ส่วนที่ท่านพี่นวรัตนกล่าวว่าโครงภายในน่าจะเป็นโครงเหล็กนั้น

ท่านวีหมีครับ ตรงนั้นท่านพี่นวรัตนไม่ได้กล่าว ท่านน้องหนุ่มสยามเป็นผู้กล่าว ท่านพี่นวรัตนมัวแต่ไปนั่งประดิษฐ์คำกลอนอยู่ คำตอบง่ายนิดเดียวแต่วิธีตอบยากชะมัด

ผู้เยาว์ผิดไปแล้ว  กราบขออภัยคุณครูนวรัตน์ผู้ถูกพาดพิงด้วยขอรับ


กระทู้: รูปเก่าเล่าเรื่อง-เมืองบางกอก 2
เริ่มกระทู้โดย: siamese ที่ 05 ก.ย. 10, 09:43
ดินแดนถิ่นนี้กษัตริย์สร้าง  ไม่โรยร้างเหมือนหนึ่งซี่งกรุงศรี
สิ่งก่อสร้างหลายหลากล้วนงามดี  ให้เป็นศรีศรีสง่าแห่งแผ่นดิน

เจ้านายหลายองค์ล้วนทรงใช้   ธ ทรงให้จักได้ประหยัดสิน
แถมอีกทั้งเสริมสง่าแห่งแผ่นดิน วานบอกสิ้นที่ใดวานบอกเอย


กระทู้: รูปเก่าเล่าเรื่อง-เมืองบางกอก 2
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 05 ก.ย. 10, 10:43
พระบรมรูปทรงม้า

พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ประทับบนหลังม้าพระที่นั่งก่อนการเสด็จประพาสยุโรปครั้งแรก

(http://i54.photobucket.com/albums/g101/apgts/siamflag/images/oldpic4.jpg)


 ;D


กระทู้: รูปเก่าเล่าเรื่อง-เมืองบางกอก 2
เริ่มกระทู้โดย: siamese ที่ 05 ก.ย. 10, 11:01
พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๖ - สมเด็จเจ้าฟ้ามหาวชิรุณหิศ สยามมงกุฎราชกุมาร ทรงม้า


กระทู้: รูปเก่าเล่าเรื่อง-เมืองบางกอก 2
เริ่มกระทู้โดย: Ruamrudee ที่ 05 ก.ย. 10, 11:14
อ้างถึง
คุณร่วมฤดีกับดิฉันมาเอี่ยวกันดีกว่านะคะ    คุณตอบ  ดิฉันเขียนกลอนให้   แล้วแบ่งคะแนนกัน 60/40

อาจารย์เทาชมพูเจ้าขา คิดผิดคิดใหม่ได้นะเจ้าคะ เพราะกิจการช้อนลูกน้ำทำได้ในโลกใบเล็ก ๆ อะไร ๆ ที่ไกลกว่าถิ่นเดิมนั้น มักทายผิดเจ้าค่ะ

ลองดุผลทายภาพที่ 443 ก่อนนะคะ เพราะนี่คือการเดา 100% ค่ะ ไม่มีความมั่นใจเลยว่า
 
ภาพนี้ จะใช้พระนครคีรีหรือไม่

เพราะฉากหลังลางเลือนเต็มที เห็นแต่อาคารที่มีประตูโค้ง ๆ และต้นตาล เท่านั้นที่พอจะจับความได้
ส่วนมณฑปสี่เหลี่ยมนั้น ปัจจุบันไม่เคยเห็น อาจจะเป็นไปได้ว่า สร้างแบบนี้ก่อน แล้วแก้ไขใหม่(เดาไปเรื่อยแหละ)


กระทู้: รูปเก่าเล่าเรื่อง-เมืองบางกอก 2
เริ่มกระทู้โดย: siamese ที่ 05 ก.ย. 10, 17:39
ยังไม่ถูกครับ คุณ Ruamrudee  ;D ;D


กระทู้: รูปเก่าเล่าเรื่อง-เมืองบางกอก 2
เริ่มกระทู้โดย: V_Mee ที่ 05 ก.ย. 10, 17:51
ดูขากเครื่องทรงและเครื่องแบบทหารบกในความเห็นที่ ๔๔๔ แล้วน่าจะทรงฉายก่อนเสด็จยุโรปตรั้งที่ ๒ ตรับ  เพราะฉลองพระองค์และเครื่องแบบในภาพนี้นเปลี่ยนมราใช้เสื้อเทา  กางเกงน้ำเงินแก่แล้วครับ  ช่วงเสด็จยุโรปครั้งแรกเครื่องแบบทหารบกยังใช้เสื้อดำกางเกงดำอยู่ครับ

ภาพข้างล่างนี้คราวเสด็จยุโรปครั้งแรก  ทรงฉายเมื่อวันที่  ๒๗  พฤษภาคม พ.ศ. ๒๔๔๐  คราวพระราชทานเลี้ยงประธานาธิบดีสมาพันธรัฐสวิส
ณ ปาร์คเดสะโอวีฟ (Parc des Eaux – Vivres)  เมืองเจนีวา  ประเทศสวิสเซอร์แลนด์



กระทู้: รูปเก่าเล่าเรื่อง-เมืองบางกอก 2
เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 05 ก.ย. 10, 18:21
ตอบคุณหนุ่มสยาม


สถานสุดท้ายหลายองค์ปลงที่นี่
เมื่อคราวสิ้นชีวีมีหลักฐาน
คือเมรุปูนวัดสระเกศเขตตำนาน
เชิญไขขานถูกหรือผิดที่คิดเอย


กระทู้: รูปเก่าเล่าเรื่อง-เมืองบางกอก 2
เริ่มกระทู้โดย: siamese ที่ 05 ก.ย. 10, 18:41
ถูกต้องแล้วครับ คำตอบคือ เมรุปูน วัดสระเกศ

จิ้มไปยังภาพในข้อความ ๔๔๔ มีภาพนี้เป็นภาพตับเดียวกัน เป็นภาพเจ้านายฝ่ายใน ออกจากวอประเทียบขวามือ ส่วนลูกศรชี้คือ แทนที่จะทรงสายสะพายเหมือนท่านอื่น กลับใส่เนคไท นุ่งโจง สวมหมวก ท่านใดมีความรู้รบกวนบอกกล่าว


กระทู้: รูปเก่าเล่าเรื่อง-เมืองบางกอก 2
เริ่มกระทู้โดย: siamese ที่ 05 ก.ย. 10, 18:46
ประทานถิ่นที่ดินภูมิสถาน       เกียรติศักดิ์งามสง่าน่าเกรงขาม
คนทั่วไปเรียกวังนี้ถึงสามนาม ปรากฏขานลือชาทั่วธานี

อันตัววังตั้งอยู่นอกกำแพง       น้ำคงแรงจึงสร้างน้ำพุนี้
หากใครทราบวังใดช่วยบอกที คำถามนี้น่าสนุกออกจะตาย

สถาปัตยกรรมยุโรปดูโดดเด่น  ใครวิ่งเล่นช้อนลูกน้ำคงใจหมาย
ทั้งฝูงนกฝูงปลามีมากมาย       ช่วยกันทายชวนกันปวดหัวเอย


กระทู้: รูปเก่าเล่าเรื่อง-เมืองบางกอก 2
เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 05 ก.ย. 10, 20:29
วังวินเซอร์วังกลางทุ่งหรือวังใหม่
ล้วนแต่ใช่วังเดียวที่เที่ยวถาม
วังเจ้าฟ้าวชิรุณหิศสถิตย์ยาม
เฉลิมพระนามสยามมงกุฏสุดอาลัย

วังนี้ถูกทุบทิ้งเพราะสิ่งนี้
ตั้งอยู่บนสถานที่โครงการใหญ่
สนามศุภฯกรีฑาสถานนั่นยังไง
ใครขัดใจท่านผู้นำเดี๋ยวช้ำเอย


กระทู้: รูปเก่าเล่าเรื่อง-เมืองบางกอก 2
เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 05 ก.ย. 10, 22:10
คุณศรีสยาม เจ้าของสัมปทานกระทู้นี้หายไปแล้ว สงสัยโดนผมกับคุณหนุ่มสยามกระชับพื้นที่

ได้ยินแล้วขานรับด้วยคร้าบ ไปช้อนลูกน้ำกันอยู่ที่หนาย


กระทู้: รูปเก่าเล่าเรื่อง-เมืองบางกอก 2
เริ่มกระทู้โดย: srisiam ที่ 05 ก.ย. 10, 23:31
ด.ช.ศรีสยาม หิ้วกระป๋องลูกน้ำเดินตามคุณหนูร่วมฤดีอยู่แถวๆสถานทูตมะกันกระมังครับ...

ฝากกลอน(ประตู)มาให้หนึ่งอัน...............ทนอ่านคั่นเวลานะคร๊าบ



 ;D ;)




ยังสะบายดีสะบีดายไร้ปัญหา
เตรียมเสิร์ฟน้ำรอท่าครากระหาย
เห็นสองช้างชนกันใจแทบวาย
เทพหรือไรเหลือร้ายเกินจำนรร

แต่แรกเริ่มเดิมทีมีสยอง
เกรงกระทู้เป็นห้องว่างคนห่างหัน
ต่อเมื่อได้หนุ่มสยาม/เนาวรัตสมทบพลัน
ห้องว่างนั้นแปรเป็นวังอลังการ...การ...การ...(เอคโค่)

คลังสมองคลังปัญญาน่าตามรู้
ได้แต่เมียงมองอยู่...น่าสงสาร
จะเข้ามา....เกรงคนจะรำคาญ
ผู้น้อยนั้นจึงได้แต่...แบ๊ะ...แบ๊ะ...เอย



 ;D

ด้วยความเคารพขอรับกระผม
 ;D


กระทู้: รูปเก่าเล่าเรื่อง-เมืองบางกอก 2
เริ่มกระทู้โดย: natadol ที่ 06 ก.ย. 10, 00:39
ท่านลุงศรีสยามยังหนีไปช้อนลูกน้ำ หลานอย่างผมก็ต้องหิ้วกระแป๋งตามลุงละครับ มาแต่ละชุด มึน นนนน ขออยู่วงนอกก่อนดูอย่างเดียว ;D


กระทู้: รูปเก่าเล่าเรื่อง-เมืองบางกอก 2
เริ่มกระทู้โดย: siamese ที่ 06 ก.ย. 10, 08:01
ระบบออนไลน์ข้าน้อยมีปัญหา    จึ่งไม่มายามดึกต้องประสงค์
คำตอบนั้นวังกลางทุ่งของ ธ องค์ จอมบรมหน่อจักรีศรีสยาม

กาลเวลาพัดผ่านลืมวังร้าง    บรมนารถสร้างโรงเรียนเกษตรนาม
มีหอพักจึงได้ชื่อหอวังตาม   อีกหนึ่งนามที่ปรากฏแก่แผ่นดิน

หลังสยามผ่านพ้นวิปโยค    ความทุกข์โศกหมดหายมลายสิ้น
กษัตริย์ใหม่วางรากฐานแก่แผ่นดิน นำผืนดินรกร้างมาพัฒนา

ธ ทรงจัดซื้อที่ดินพันไร่เศษ   แบ่งขอบเขตการศึกษาให้ทั่วหน้า
ให้วังนี้อยู่ในเขตของจุฬา      ช่วยนำพาศึกษาครูให้รุ่งเรือง


 
   


กระทู้: รูปเก่าเล่าเรื่อง-เมืองบางกอก 2
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 06 ก.ย. 10, 08:15
หัวหน้ากลุ่มช้อนลูกน้ำท่านนำแถว
ต้องรีบแจววิ่งไล่ตามไปบ้าง
หิ้วกระป๋องสองมือถือไม่วาง
ส่วนกระทู้พญาช้างต่างรับไป

เที่ยวสรรหารูปมา เห็นน่าสลบ
มิรู้ว่าหาพบจากที่ไหน
ทั้งวังรื้อ วัดร้าง แสนห่างไกล
สู้ไม่ไหว ลงเวที ดีกว่าเอย


กระทู้: รูปเก่าเล่าเรื่อง-เมืองบางกอก 2
เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 06 ก.ย. 10, 09:03
กลับมาหน่อยครับ กลับมาหน่อย คิดถึงกลุ่มนักช้อนลูกน้ำ

ที่ นี่ ที่ ห น า ย


กระทู้: รูปเก่าเล่าเรื่อง-เมืองบางกอก 2
เริ่มกระทู้โดย: siamese ที่ 06 ก.ย. 10, 09:04
ขอเชิญมาเชิญพบประสบทัก   อย่าเพิ่งหักใจร้อนผ่อนกายหนี
ยังมีภาพจัดสรรบรรดามี     อย่ารีบลี้หนีหน้าไปไหนเอย
อันลูกน้ำช้อนไว้กลายเป็นยุง ต้องหมายมุ่งหมั่นช้อนไม่วางเฉย
เร็วเข้ามาพากันช้อนนะทรามเชย อย่าละเลยเฉลยหน้าอาจได้ A


กระทู้: รูปเก่าเล่าเรื่อง-เมืองบางกอก 2
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 06 ก.ย. 10, 09:09
^
^
^
เห็นเรือนเหลืองยาว ช่างงามอะคร้าวเด่นดูเหมือนดาวพราวสุกใส

 ;D


กระทู้: รูปเก่าเล่าเรื่อง-เมืองบางกอก 2
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 06 ก.ย. 10, 09:13
ตอบคุณนวรัตน

ค่อยยิ้มออก เมื่อเห็นเป็นรูปนี้
ขอบคุณท่านจอมยุทธที่ออมมือให้
บ้านหลังนี้เห็นกันมานานไกล
เข้าออกซอยครั้งใด ได้แต่มอง

เรียกปราสาทอาละดิน ของเด็กน้อย
พวก"ล่ำซำ" ใหญ่ใช่ย่อย เป็นเจ้าของ
อยู่ปากซอยร่วมฤดี ไม่มีคลอง
หิ้วกระป๋องกลับกระทู้มาดูเอย


กระทู้: รูปเก่าเล่าเรื่อง-เมืองบางกอก 2
เริ่มกระทู้โดย: siamese ที่ 06 ก.ย. 10, 09:14
เป็นบ้านเก่าแก่มาก ทราบว่าเป็นของตระกูลล่ำซำ (ตอนแรกเข้าใจว่าเป็นของพวกหวั่งหลี) ปัจจุบันมีผู้ทาบทามจะขายกว่า ๒๐ ล้านแต่เจ้าของยังไม่ขาย ตั้งอยู่ปากซอยร่วมฤดี ทางฝั่งถนนวิทยุ ตรงข้ามอาคารเคี่ยงหงวน (ตึกสีขาว)


กระทู้: รูปเก่าเล่าเรื่อง-เมืองบางกอก 2
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 06 ก.ย. 10, 09:23
ขอเชิญมาเชิญพบประสบทัก   อย่าเพิ่งหักใจร้อนผ่อนกายหนี
ยังมีภาพจัดสรรบรรดามี     อย่ารีบลี้หนีหน้าไปไหนเอย
อันลูกน้ำช้อนไว้กลายเป็นยุง ต้องหมายมุ่งหมั่นช้อนไม่วางเฉย
เร็วเข้ามาพากันช้อนนะทรามเชย อย่าละเลยเฉลยหน้าอาจได้ A


เพิ่งรีเทิร์นกลับมาหากระทู้
แต่พอดูรูปที่สอง ก็ต้องหนี
ตึกอะไรของใครเขาดูเข้าที
โรงเรียนใครหรือนี่ช่างโอฬาร

ขอลากลับไปสมทบ พบเพื่อนพ้อง
ที่ต่างหิ้วกระป๋องออกจากบ้าน
ช้อนลูกน้ำตามอย่างคนว่างงาน  
แล้วนานนานจะมามอง  ลองอีกที   [/color
]

ป.ล. บ้านนี้ราคา ๒๐ ล้านน้อยไปมากค่ะ    บ้านอยู่ริมถนนวิทยุ  ลองเสนอสัก ๒๐๐ ล้านน่าจะเข้าท่ากว่า


กระทู้: รูปเก่าเล่าเรื่อง-เมืองบางกอก 2
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 06 ก.ย. 10, 09:47
(http://www.reurnthai.com/index.php?action=dlattach;topic=3462.0;attach=14076;image)
    บ้านหลังนี้  สมัยก่อนโน้นทาสีขาวกับฟ้าอ่อนๆ  สวยสะอาดเหมือนในหนังสือภาพเทพนิยาย     ดิฉันถึงเรียกว่าปราสาทอาละดิน เพราะตอนเด็กๆ  มีหนังสือเทพนิยายเรื่องอาละดินกับตะเกียงวิเศษ มีรูปปราสาทสวยน่ารักมาก คล้ายๆอย่างนี้     
    ขอให้สังเกตเสาหินอ่อนต้นสูงที่ค้ำชายคา  เป็นหินอ่อนลายขาวกับเทา  ตรงโคนใหญ่แล้วค่อยๆเรียวขึ้นไปตรงปลาย  เท่เสียไม่มี    ยุคนั้น  ไม่มีบ้านใครเขามีกันค่ะ เสาหินอ่อนแบบนี้   ราคาเสาต้นเดียวก็ปลูกบ้านได้ทั้งหลังแล้ว
    อีกอย่างที่เหมือนปราสาทอาละดินมากคือลูกกรงระเบียงที่ป่องโค้งออกมา  เหมือนปราสาทอาเรเบียนที่ฝรั่งเอาไปวาดในหนังสือเทพนิยาย
    ดิฉันไม่ทราบว่าใครเป็นสถาปนิก อาจไม่ใช่คนไทย    แต่มีแน่นอน  บ้านนี้มีดีไซน์เห็นชัด   และมีหลายแบบผสมผสานกันด้วย    อย่างหน้าต่างบานกระทุ้งเป็นเหมือนหน้าต่างบ้านไทยสมัยปลายรัชกาลที่ ๕ และ รัชกาลที่ ๖    หลังคาเป็นโดม  ขอบหน้าต่างโค้ง และยังมี bay window อีกด้วย
     ถ้าเจ้าของขายกลายเป็นที่ตั้งบริษัทไป  ก็น่าเสียดาย


กระทู้: รูปเก่าเล่าเรื่อง-เมืองบางกอก 2
เริ่มกระทู้โดย: srisiam ที่ 06 ก.ย. 10, 09:48
ตอบในนาม...ชมรมนักช้อนลูกน้ำ......

459..............ภาพอดีตของโรงเรียนสวนกุหลาบ



คุญเพ็ญชมพูรู้คำตอบ...แต่บายให้.. ;)
หากไม่ตอบ......จะถูกหาว่าแกล้งไม่รู้

 ;D


กระทู้: รูปเก่าเล่าเรื่อง-เมืองบางกอก 2
เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 06 ก.ย. 10, 09:52
มัวแต่แต่งกลอน ไม่ทันได้กินลูกน้ำ ปลาช่อนฮุบไปแล้ว

รีบเฉลยอันนี้ดีกว่า


กระทู้: รูปเก่าเล่าเรื่อง-เมืองบางกอก 2
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 06 ก.ย. 10, 09:57
สถาปนิกไทยหรือนี่ น่าอัศจรรย์   :o
พรพิมล ชีวมงคล น่าจะเป็นพรพิมล ล่ำซำ เพื่อนของดิฉัน ละมัง  รู้แต่ว่าเขาเป็นหลานของเจ้าของบ้าน


กระทู้: รูปเก่าเล่าเรื่อง-เมืองบางกอก 2
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 06 ก.ย. 10, 12:02
ตะพานท่าน่ามุขมีสีหน้า
รูปกุมภาทำด้วยหินดิ้นไม่ไหว
สองตัวคู่ริมท่าชลาไสย
ตรงนั้นไซร้มีช่องร่องวาริน

แผ่นผาศิลาลาดดูหยาดเหยาะ
ทำเป็นเกาะฝั่งท่าชลาสินธุ์
มีเขื่อนคั่นรายรอบเป็นขอบดิน
ปลูกต้นอินทผลัมมีหนามคม

นิราศยี่สาร - ก.ศ.ร. กุหลาบ

เกาะน้อยเกาะนี้อยู่ที่ไหน ?

 ;)





กระทู้: รูปเก่าเล่าเรื่อง-เมืองบางกอก 2
เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 06 ก.ย. 10, 12:32
เกาะ เกาะ เกาะ เกาะ เกาะ
เกาะ เกาะ เกาะ เกาะ เกาะ
เกาะ เกาะ เกาะ เกาะ เกาะ
เกาะ เกาะ เกาะ เกาะ เกาะ
เกาะ เกาะ เกาะ เกาะ เกาะ
เกาะ เกาะ เกาะ เกาะ เกาะ
วัดสมุทรเจดีย์


(กวีนิพนธ์แบบอัตตลักษณ์ของจ่าง แซ่ตั้ง)

(ทุ่นแรงดี)


กระทู้: รูปเก่าเล่าเรื่อง-เมืองบางกอก 2
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 06 ก.ย. 10, 12:47
อะฮ่า  ขอใช้เคล็ดวิชา "สอยเซียนลงจากเมฆ"   
คุณศรีสยาม คุณณัฐดลและคุณร่วมฤดีอย่าลืมมาผนึกกำลังกันนะคะ

เกาะน้อยนี้อยู่ในแม่น้ำเจ้าพระยาค่ะ   อยู่ตรงข้ามวัดแจ้ง   แต่ปัจจุบันไม่เหลืออยู่แล้ว   


กระทู้: รูปเก่าเล่าเรื่อง-เมืองบางกอก 2
เริ่มกระทู้โดย: luanglek ที่ 06 ก.ย. 10, 13:14
อยากให้เซียนทั้งหลายช่วยดูภาพนี้หน่อย
อยากทราบว่า  อาคารนี้คืออาคารอะไร 
อยู่ตรงไหนในกรุงเทพฯ  และปัจจุบันยังอยู่หรือได้แปรไปเป็นสิ่งก่อสร้างอย่างอื่น


กระทู้: รูปเก่าเล่าเรื่อง-เมืองบางกอก 2
เริ่มกระทู้โดย: srisiam ที่ 06 ก.ย. 10, 13:16
ความสุขเล็กๆน้อยๆของนกกา..............เมื่อพญาเหยี่ยวปีกหักไปหนึ่งครา.............อิอิอิอิ


ไม่กล้าหัวเราะดัง..............






ฝากรางวัลให้นกกระจิบน้อยปีกสีเทาชมพู...ผู้หาญกล้าหักปีกพญาเหยี่ยว....


 ;D ;D ;D ;)


กระทู้: รูปเก่าเล่าเรื่อง-เมืองบางกอก 2
เริ่มกระทู้โดย: siamese ที่ 06 ก.ย. 10, 13:31
คุณวูตุงปัก นี้เป็นนักธุรกิจ นำเข้าพวกอุปกรณ์เครื่องมือช่างโดยใช้ตรา "ตา" และมีอีกยี่ห้อคือ "คนคู่" ซึ่งได้รับความนิยมอย่างมาก


กระทู้: รูปเก่าเล่าเรื่อง-เมืองบางกอก 2
เริ่มกระทู้โดย: Ruamrudee ที่ 06 ก.ย. 10, 13:36
บ้านตระกูลล่ำซำ ดิฉันเคยตอบไปแล้วครั้งหนึ่งไม่รู้กระทู้ไหน ว่า เป็นของ จุลินทร์ ล่ำซำ ปัจจุบันคงตกเป็นของทายาทในตระกูล ซึ่ง คงเป็นท่านเดียวกับที่อาจารย์เทาชมพูรู้จัก ไม่น่าผิดนะคะ

แต่ที่ว่า
อ้างถึง
อยู่ปากซอยร่วมฤดี ไม่มีคลอง

อันที่จริง ที่ตรงนั้น เคยมีคลองเจ้าค่ะอาจารย์ขา ก็หนูช้อนลูกน้ำตรงสะพานหน้าบ้านท่านทีเดียวเชียวค่ะ ใต้สะพานท่านมีสาหร่ายหางกระรอก พวงงาม ๆ ดึงขึ้นมาใ่ส่ตู้ปลาที่บ้านได้

ถนนวิทยุ มีคลองทั้งสองฝาก(ขุดดินมาถมเป็นถนน) และ ในซอยร่วมฤดี ฝั่งหน้าบ้านตระกูลล่ำซำ เลยตลอดไปจนถึงบ้านดิฉัน มีคลองค่ะ เวลาจะเข้าออกบ้าน เราต้องขับรถข้ามสะพานเล็ก ๆ บ้านใครบ้านมัน

ตกเย็น แดดร่มลมตก คุณพ่อแต่ละบ้่าน จะมียืนสูบ Pipe ทักทายพูดคุยกันบนสะพาน ส่วนเด็ก ๆ ก็จะนั่งเล่นบนสะพาน รอรับเสด็จ สมเด็จพระราชชนนีศรีสังวาลย์ (สมัยนั้นเรียกกันเท่านี้) พระองค์จะทรงม้าจาก Polo Club อ้อมมาออกทางข้างโบสถ์ ผ่านหน้าบ้านพวกเรา ทรงโปรยยิ้มให้เด็ก ๆ ที่นั่งพนมมือแต้บ้าง ส่ง Bye  ๆๆ ถวายบ้าง ที่ตัวเล็ก ๆ ก็ จับปูดำขยำปูนาอวดให้พระองค์ทรงยิ้มขำเด็ก ๆ แล้วขบวนม้าก็จะวิ่งไปออกสวนลุมพินี วนได้รอบก็กลับเข้าซอยโปโลต่อไป

เห็นหรือยังคะอาจารย์เทาชมพูขา หนูเก่งแต่แถวนี้แหละค่ะ ออกไปไกล ๆ เดี๋ยวทำลูกน้ำจะหกหมดกระป๋องพอดี


กระทู้: รูปเก่าเล่าเรื่อง-เมืองบางกอก 2
เริ่มกระทู้โดย: siamese ที่ 06 ก.ย. 10, 13:40
ตอบอาจารย์เพ็ญชมพู

ภาพเกาะน้อยพร้อมเก๋งจีน และต้นอินทผาลำนี้ ตั้งอยู่บริเวณศาลาท่าน้ำเยื้องวัดอรุณราชวราราม เคยอ่านพบเจอว่า ตรงกับจระเข้หิน แต่วันนี้นำภาพถ่ายอีกภาพ มองเข้าไปยังฝั่ง บังเอิญเรือมาจอดที่เกาะนี้ตั้ง ๓ ลำ เลยบังทัศนีย์ภาพเกาะไป จึงได้ทำเส้นอาณาเขตไว้ให้ชม

ทราบว่าเกาะน้อยนี้ ถูกดันทิ้งเมื่อสมัยรัชกาลที่ ๖ ในคราวขุดลอกท้องน้ำเจ้าพระยาเนื่องด้วยเห็นว่าเกะกะในการเดินเรือ


กระทู้: รูปเก่าเล่าเรื่อง-เมืองบางกอก 2
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 06 ก.ย. 10, 13:48
คุณวูตุงปัก นี้เป็นนักธุรกิจ นำเข้าพวกอุปกรณ์เครื่องมือช่างโดยใช้ตรา "ตา" และมีอีกยี่ห้อคือ "คนคู่" ซึ่งได้รับความนิยมอย่างมาก
กรรไกร ด้วยหรือเปล่าคะ  จำได้คลับคล้ายคลับคลาว่าแม่มีกรรไกรตัดผ้า เป็นเหล็กไม่ขึ้นสนิม  มีตรา"ตา"

คุณศรีสยามใช้ photoshop ได้เก่งมากค่ะ  ขอรับรางวัลด้วยคำขอบคุณ  แต่ถ้าโดนพญาเหยี่ยวโฉบมาละก็ ตัวใครตัวมันนะคะ

ขอย้อนกลับไปบรรยายภาพ ด้วยลีลากลอนที่หวังว่าจะเฉียดๆอดุล จันทรศักดิ์ หรืออัคนี หฤทัย บ้างเล็กน้อย

ระบายภาพดำขาวด้วยเงาเข้ม           สายน้ำเต็มปริ่มเกาะคลื่นเลาะฝั่ง
เกาะสวยอยู่กลางน้ำตามลำพัง           อ้างว้างด้วยความหลังฝังใจจำ
เดียวดายคนละข้างฝั่งวัดแจ้ง           กลางคลื่นแห่งเจ้าพระยาเวลาค่ำ
คลื่นซัดกลบเกาะนี้ วันสีดำ            เกาะก็จมลงต่ำจนหายไป


กระทู้: รูปเก่าเล่าเรื่อง-เมืองบางกอก 2
เริ่มกระทู้โดย: siamese ที่ 06 ก.ย. 10, 13:49
ตัวเกาะมองจากแผนที่สมัยรัชกาลที่ ๕


กระทู้: รูปเก่าเล่าเรื่อง-เมืองบางกอก 2
เริ่มกระทู้โดย: Ruamrudee ที่ 06 ก.ย. 10, 13:50
อ้างถึง
เกาะน้อยนี้อยู่ในแม่น้ำเจ้าพระยาค่ะ   อยู่ตรงข้ามวัดแจ้ง   แต่ปัจจุบันไม่เหลืออยู่แล้ว

เรื่องเกาะหน้าวัดอรุณ เป็นความรู้ใหม่ค่ะ  ใครมีประวัติความเป็นมา เล่าให้ฟังจักเป้นพระคุณค่ะ


กระทู้: รูปเก่าเล่าเรื่อง-เมืองบางกอก 2
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 06 ก.ย. 10, 13:54

แต่ที่ว่า
อ้างถึง
อยู่ปากซอยร่วมฤดี ไม่มีคลอง

อันที่จริง ที่ตรงนั้น เคยมีคลองเจ้าค่ะอาจารย์ขา ก็หนูช้อนลูกน้ำตรงสะพานหน้าบ้านท่านทีเดียวเชียวค่ะ ใต้สะพานท่านมีสาหร่ายหางกระรอก พวงงาม ๆ ดึงขึ้นมาใ่ส่ตู้ปลาที่บ้านได้


ขออำไพ เด็กหลังซอย จำไม่ได้ว่ามีคลองริมถนนวิทยุค่ะ  งั้นต้องเปลี่ยนเป็น "อยู่ปากซอยร่วมฤดี เคยมีคลอง"
ในซอยร่วมฤดี มีคอกม้าอยู่คอกหนึ่ง    ตอนเช้ามืดคนเลี้ยงม้าพาม้าไปเดินออกกำลังกายที่สวนลุม   ผ่านหน้าบ้านไปเป็นประจำ    พอได้ยินเสียงฝีเท้าม้าก๊อกๆ ก็รู้ว่าใกล้รุ่งสางแล้ว    ครั้งหนึ่งเคยมีม้าตัวงามมาก น่าจะเป็นม้าเทศ มาทำพยศอยู่หน้าบ้าน แต่คนเลี้ยงที่จูงดึงไว้อยู่    เขาร้องตะโกนบอกกันว่า "ม้าพระเอกโว้ย"      คงจะเป็นม้าแข่งนำเข้ามังคะ


กระทู้: รูปเก่าเล่าเรื่อง-เมืองบางกอก 2
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 06 ก.ย. 10, 13:56
ในแม่น้ำเจ้าพระยา หน้าวัดอรุณราชวราราม หรือวัดแจ้ง เคยมีเกาะเล็ก ๆ ตั้งอยู่ บนเกาะมีเก๋งน้อย ๆ หลังหนึ่ง กับมีต้นอินทผลัมอีกสองสามต้น (คำนี้ออกเสียงกันว่า อิน-ทะ-ผา-ลำ นักสันนิษฐานชาวไทยบางท่านเชื่อว่า เป็นการออกเสียงคำว่า Indian Plum ตามลิ้นคนไทย)

รูปภาพนี้ เอนก นาวิกมูล ผู้สันทัดกรณีในเรื่องภาพถ่ายเก่า สันนิษฐานว่าคงถ่ายไว้แต่เมื่อราวปลายรัชกาลที่ ๔ หรือต้นรัชกาลที่ ๕ ส่วนอาจารย์พิพัฒน์ พงศ์รพีพร นักค้นคว้าเรื่องภาพถ่ายเก่าอีกท่านหนึ่ง ถึงแก่ฟันธงลงไปว่า ถ่ายโดยขุนสุนทรสาทิศลักษณ์ หรือฟรันซิส จิตร ช่างภาพชาวสยาม เมื่อปี พ.ศ.๒๔๐๗ และมีชื่อเรียกมาแต่ครั้งนั้นว่า “ภาพเงาต้นไม้”

รูปถ่ายรูปนี้ เป็นหลักฐานหนึ่งในไม่กี่ชิ้น ที่ยืนยันความมีตัวตนของเกาะน้อยแห่งนี้เอาไว้ให้เราได้เห็น นอกจากนั้น ก็ยังมีบันทึกอยู่ใน นิราศยี่สาร ที่ ก.ศ.ร. กุหลาบ พรรณนาไว้เมื่อครั้งล่องเรือผ่านหน้าวัดอรุณฯ ในช่วงต้นรัชกาลที่ ๕ เพื่อเดินทางไปไหว้พระที่วัดเขายี่สาร อัมพวา สมุทรสงคราม

เอนก นาวิกมูล สันนิษฐานจากค้นคว้าไว้ว่า เกาะแห่งนี้ถูกขุดลอกทิ้งไปโดยทางกองทัพเรือ เนื่องจากกีดขวางการกลับลำของเรือรบ เพราะสมัยนั้น กองทัพเรือตั้งอยู่ที่พระราชวังเดิมข้าง ๆ วัดอรุณฯ นั่นเอง แต่จะเป็นเมื่อใดแน่ ยังค้นไม่พบ

เอกสารอ้างอิง

พิพัฒน์ พงศ์รพีพร. (บรรณาธิการ) สมุดภาพรัชกาลที่ ๔ กรุงเทพฯ: พิพิธภัณฑ์ภาพมุมกว้างกรุงเทพมหานคร, ๒๕๔๗.

เอนก นาวิกมูล. เที่ยววัด กรุงเทพฯ: โนรา, ๒๕๔๓.

เอนก นาวิกมูล. ภาพเก่าเล่าตำนาน ศิลปวัฒนธรรม ปีที่ ๑๘ ฉบับที่ ๔ (กุมภาพันธ์ ๒๕๔๐): ๑๓๒.

http://www.muangboranjournal.com/modules.php?name=News&file=article&sid=348


ข้อนี้คุณเทาชมพูและคุณไซอามีสได้คะแนนเต็ม

 ;D


กระทู้: รูปเก่าเล่าเรื่อง-เมืองบางกอก 2
เริ่มกระทู้โดย: siamese ที่ 06 ก.ย. 10, 13:58
ตอบคุณ luanglek

คงถูกใจไม่น้อย


กระทู้: รูปเก่าเล่าเรื่อง-เมืองบางกอก 2
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 06 ก.ย. 10, 14:14
ให้กิ๊ฟคุณหนุ่มสยาม


กระทู้: รูปเก่าเล่าเรื่อง-เมืองบางกอก 2
เริ่มกระทู้โดย: Ruamrudee ที่ 06 ก.ย. 10, 14:20
มือไม่ไว และ รู้ไม่ทั่ว จึงถูกแซงตัดหน้า เฉียดฉิว.....
ดิฉันจำภาพอนุสาวรีย์ทหารอาสาสมัยสงครามโลกครั้งที่ 1 ได้
จึงรู้ว่า ข้างหลังนั่นคือ โรงละครแห่งชาติ และ
ตรงหน้าที่เห็นน้ำท่วม คือคลองหลอด ก่อนสร้างสะพานพระปิ่นเกล้า
แต่อาคารนี้ เกิดไม่ทันได้เห็นค่ะ


กระทู้: รูปเก่าเล่าเรื่อง-เมืองบางกอก 2
เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 06 ก.ย. 10, 14:23
อ้างถึง
ข้อนี้คุณเทาชมพูและคุณไซอามีสได้คะแนนเต็ม
.
.
.
.

ส่วนเซียนนั้น


กระทู้: รูปเก่าเล่าเรื่อง-เมืองบางกอก 2
เริ่มกระทู้โดย: Ruamrudee ที่ 06 ก.ย. 10, 14:26
เอารูปนี้มาถามท่านผู้เป็น สถาปนิก ค่ะ (อย่าเพิ่งเอาค้อนทุบหัว...)
จะถามว่า วัดอะไร คงง่ายไป
แต่ที่อยากรู้คือ ใครออกแบบ และทำไมต้องแบบนี้


กระทู้: รูปเก่าเล่าเรื่อง-เมืองบางกอก 2
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 06 ก.ย. 10, 14:33
(http://www.reurnthai.com/index.php?action=dlattach;topic=3462.0;attach=14089;image)
^
ได้โปรดหยุดเถอะค่ะ   อย่าทำอีก  เดี๋ยวค้อนพัง
ขอเปลี่ยนเป็นตรา"ตา" และ "คนคู่"โดยคุณ Siamese เสียก่อน


กระทู้: รูปเก่าเล่าเรื่อง-เมืองบางกอก 2
เริ่มกระทู้โดย: siamese ที่ 06 ก.ย. 10, 14:35
บอกแล้วว่าวันก่อนไปช้อนลูกน้ำมา เลยนำภาพตึกด้านหลังมาฝาก เป็นอาคาร ๓ หลัง ต่อยาวกันไป ตามด้วยวัดพระแก้ววังหน้า


กระทู้: รูปเก่าเล่าเรื่อง-เมืองบางกอก 2
เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 06 ก.ย. 10, 14:52
หยุดไม่ได้คร้าบ หยุดไม่ด้าย ....กำลังมัน


กระทู้: รูปเก่าเล่าเรื่อง-เมืองบางกอก 2
เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 06 ก.ย. 10, 14:57
อ้าา....อย่าหาว่าแก้แค้นเลยนะครับ เพียงแต่จะตั้งใจจะโหดอย่างเขาบ้างเล็กน้อย
.
.
.
ที่ไหนครัาบ

บอกใบ้ให้นิดนึง อาคารนี้รื้อไปนานแล้วครับ


กระทู้: รูปเก่าเล่าเรื่อง-เมืองบางกอก 2
เริ่มกระทู้โดย: siamese ที่ 06 ก.ย. 10, 14:57
ไม่น่าเชื่อ ว่าจะเป็นการออกแบบโดยชาวอิตาลี

การก่อสร้างโบสถ์เริ่มขึ้นตอนต้นปี ๒๔๙๗ นั้นเอง ภายใต้การควบคุมของสถาปนิกมือดีชาวอิตาเลี่ยน ชื่อ อาชิเนลลี ท่านตื่นเต้นและดีใจมากที่มีโอกาสออกแบบและสร้างโบสถ์คาทอลิกในแบบสถาปัตยกรรมไทย ซึ่งเป็นดำรัสของพณฯ ฟูลตัน ชีน พระสังฆราชชาวอเมริกัน


กระทู้: รูปเก่าเล่าเรื่อง-เมืองบางกอก 2
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 06 ก.ย. 10, 15:00
คุ้นๆ เพิ่งมานึกออกตอนคุณไซมีสขยายมาแล้ว ๙๙%
วัดมหาไถ่ ซอยร่วมฤดีน่ะเอง

ส่วนอาคารที่คุณนวรัตนนำมาสังหารโหดนั้น ...
ขอลากลับไปช้อนลูกน้ำตามเดิมค่ะ


กระทู้: รูปเก่าเล่าเรื่อง-เมืองบางกอก 2
เริ่มกระทู้โดย: siamese ที่ 06 ก.ย. 10, 15:05
เห็นรางรถไฟขนานกับอาคาร "สถานีรถไฟ" แน่นอน


กระทู้: รูปเก่าเล่าเรื่อง-เมืองบางกอก 2
เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 06 ก.ย. 10, 15:07
แน่นอน ก็คือแน่นอน
แต่

ที่ไหนครับ


กระทู้: รูปเก่าเล่าเรื่อง-เมืองบางกอก 2
เริ่มกระทู้โดย: luanglek ที่ 06 ก.ย. 10, 15:09
มีอีกรูปครับ ช่วยดูหน่อยว่าเป็นรูปแถวไหนของกรุงเทพฯ


กระทู้: รูปเก่าเล่าเรื่อง-เมืองบางกอก 2
เริ่มกระทู้โดย: siamese ที่ 06 ก.ย. 10, 15:31
ขอเดานะครับว่า สถานีรถไฟหลวงจิตรลดา


กระทู้: รูปเก่าเล่าเรื่อง-เมืองบางกอก 2
เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 06 ก.ย. 10, 15:34
^
ไม่ใช่ครับ ;D


กระทู้: รูปเก่าเล่าเรื่อง-เมืองบางกอก 2
เริ่มกระทู้โดย: siamese ที่ 06 ก.ย. 10, 15:41
ขอคำใบ้นิดนะครับ อาจารย์ NAVARAT.C  :-[

เอาภาพรั้วกระทรวงคมนาคม พร้อมอาคารเสาโรมัน ตามภาพคำทาย มาจิ้มก้องขอรับ


กระทู้: รูปเก่าเล่าเรื่อง-เมืองบางกอก 2
เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 06 ก.ย. 10, 15:51
แบ๊ะ แบ๊ะ

^
^
ใบ้ให้แค่นี้ เซียนอย่างคุณต้องถือว่ามากแล้ว


กระทู้: รูปเก่าเล่าเรื่อง-เมืองบางกอก 2
เริ่มกระทู้โดย: siamese ที่ 06 ก.ย. 10, 16:04
เหมือนเคยผ่านตา แต่จำไม่ได้ เนื่องจากสะดุดตากับรูปสถาปัตยกรรมปล่องทรงยุโรป ...งุงิ งุงิ :'(  สถานที่แห่งนี้ต้องสร้างไว้เพื่อสาธารณะชน  ขอตอบอีกครั้งว่า "สถานีรถไฟกรุงเทพ หัวลำโพง"


กระทู้: รูปเก่าเล่าเรื่อง-เมืองบางกอก 2
เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 06 ก.ย. 10, 16:21
ว่าแล้ว ไปใบ้ให้เขาตั้ง2คำ เขาเลยทายถูก


กระทู้: รูปเก่าเล่าเรื่อง-เมืองบางกอก 2
เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 06 ก.ย. 10, 16:22
ภาพที่เอามาทายเป็นภาพสถานีรถไฟกรุงเทพเมื่อแรกสร้างในสมัยรัชกาลที่5 เดินรถระหว่างกรุงเทพและนครราชสีมา ชาวบ้านเรียกสถานีหัวลำโพง
ใช้การได้ไม่นาน พอถึงรัชกาลที่6 ก็คับแคบเสียแล้ว จึงโปรดเกล้าให้สร้างขึ้นใหม่ เป็นอาคารหลังคาโค้งที่เห็นในปัจจุบัน ส่วนสถานีเดิมจำเป็นต้องรื้อทิ้งไป

เสียดายนะครับ สร้างซะสวย


กระทู้: รูปเก่าเล่าเรื่อง-เมืองบางกอก 2
เริ่มกระทู้โดย: siamese ที่ 06 ก.ย. 10, 16:50
อัญเชิญพระมาโปรดกัน งานอะไร?


กระทู้: รูปเก่าเล่าเรื่อง-เมืองบางกอก 2
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 06 ก.ย. 10, 16:53
พิมพ์ข้อความไว้ยังไม่ได้ส่ง   แพล็บเดียวคุณหนุ่มสยามพาไปสรงน้ำพระเสียแล้ว
จะถามคุณนวรัตน์ว่า ป้อมสวยเหมือนปราสาทข้างบนหลังคาสถานีรถไฟ     มีไว้ใช้แบบหอบังคับการหรือเปล่าคะ


กระทู้: รูปเก่าเล่าเรื่อง-เมืองบางกอก 2
เริ่มกระทู้โดย: srisiam ที่ 06 ก.ย. 10, 17:15
ออกจากหัวลำโพง-ลงเจ้าพระยา-ไหว้พระเสร็จ..............อย่าลืมภาพนี้ของคุณหลวงเล็กนะครับ...



 :) :)


กระทู้: รูปเก่าเล่าเรื่อง-เมืองบางกอก 2
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 06 ก.ย. 10, 17:29
บอกแล้วว่าวันก่อนไปช้อนลูกน้ำมา เลยนำภาพตึกด้านหลังมาฝาก เป็นอาคาร ๓ หลัง ต่อยาวกันไป ตามด้วยวัดพระแก้ววังหน้า

กระทู้วิ่งเร็วเป็นจรวด   ต้องตามไปเก็บภาพที่ตกหล่นรายทาง   อย่าลืมภาพนี้ของคุณหนุ่มสยามเสียนะคะ

(http://www.reurnthai.com/index.php?action=dlattach;topic=3462.0;attach=14091;image)


กระทู้: รูปเก่าเล่าเรื่อง-เมืองบางกอก 2
เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 06 ก.ย. 10, 17:51
อ้างถึง
จะถามคุณนวรัตน์ว่า ป้อมสวยเหมือนปราสาทข้างบนหลังคาสถานีรถไฟ     มีไว้ใช้แบบหอบังคับการหรือเปล่าคะ


ดูมาตราส่วนแล้วไม่น่าจะใช่ครับ เล็กไป คงเป็นแค่แฟชั่น ใส่ไว้เก๋ๆใช้ประโยชน์ไม่ได้
เมืองฝรั่งเขาอาจทำหอนี้ไว้แขวนระฆัง(หากเป็นวิหาร) แต่นี่ใส่ไปซะสี่ ดูจะหนักมือไปหน่อย

ส่วนภาพของคุณศรีสยามคือภาพกระทรวงคมนาคม ที่ซ้ายมือเป็นอนุสาวรีย์ทหารอาสา
ผมว่าตอนเด็กๆ นักช้อนลูกน้ำทั้งหลายในกระทู้นี้หลายคนน่าจะทันเห็น
ผมคลับคล้ายคลับคลาเต็มทีก่อนตึกชุดนี้จะถูกรื้อลงสร้างโรงละคอนแห่งชาติ

แต่รูปของคุณหลวงเล็กนั้น ผมเคยเห็นแน่นอน แต่กำลังหาอยู่ว่ามันฝังตัวอยู่ในหนังสือเล่มไหน
ผลีผลามทายไปก็เสียดายฆ้อน หักไปหลายอันแล้ว

แต่คุณหลวงเล็กจะใบ้สักนิดก็ยินดีนะครับ
แต่อย่าใบ้ว่าแบ๊ะๆล่ะ ผมสงวนลิขสิทธิ์


กระทู้: รูปเก่าเล่าเรื่อง-เมืองบางกอก 2
เริ่มกระทู้โดย: V_Mee ที่ 06 ก.ย. 10, 17:58
ภาพอาคาร ๓ หลังเรียงกัน  มองเห็นพระอุโบสถวัดพระแก้ววังหน้าอยู่ด้านในนั้น  คือ ตึกกระทรวงยุติธรรมก่อนที่จะย้ายมารวมกับศาบยุติธรรมที่สนามสถิตยุติธรรมริมถนนราชดำเนินใน  ตรงข้ามสนามหลวง  

อาคารศาลสถิตยุติธรรมที่ปัจจุบันเป็นศาลฎีกานั้นสร้างขึ้นในสมัยท่านจอมพลคนหัวปี  เพื่อเป็นที่ระลึกในการที่กรุงสยามได้รับความเสมอภาคทางการศาลกับนานาประเทศ  เป็นอันเลิกศาลต่างประเทศในกรุงสยามได้เบ็ดเสร็จเด็ดขาด

ความเสมอภาคของกรุงสยามนี้เป็นผลสืบเนื่องจากการที่กรุงสยามได้เข้าร่วมรบในสงครามโลกครั้งที่ ๑ และเป็นผู้ชนะในสงครามครั้งนั้นจนสามารถแก้ไขสนธิสัญญาที่ไม่เป็นธรรมได้ทั้งหมด  แต่มีเงื่อนไขอยู่ว่านานาประเทศยกเว้นเยอรมันและออสเตรียและฮังการีจะยอมรับอำนาจศาลของไทยและเลิกศาลกงสุลไปต่อเมื่อกรุงสยามประกาศใช้ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ครบสมบูรณ์แล้ว  

  


กระทู้: รูปเก่าเล่าเรื่อง-เมืองบางกอก 2
เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 06 ก.ย. 10, 18:06

ส่วนภาพของคุณหนุ่ม เป็นภาพการนำพระพุทธชินราชจำลองจากพิษณุโลก แห่มาทางน้ำ เพื่อเป็นพระประธานในพระอุโบสถวัดเบญจมบพิตรครับ

รายละเอียดมีตามlinkข้างล่าง

http://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=noel&month=01-2009&date=24&group=3&gblog=3


กระทู้: รูปเก่าเล่าเรื่อง-เมืองบางกอก 2
เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 06 ก.ย. 10, 18:15
อ้างถึง
ภาพอาคาร ๓ หลังเรียงกัน  มองเห็นพระอุโบสถวัดพระแก้ววังหน้าอยู่ด้านในนั้น  คือ ตึกกระทรวงยุติธรรมก่อนที่จะย้ายมารวมกับศาบยุติธรรมที่สนามสถิตยุติธรรมริมถนนราชดำเนินใน  ตรงข้ามสนามหลวง 

อาคารศาลสถิตยุติธรรมที่ปัจจุบันเป็นศาลฎีกานั้นสร้างขึ้นในสมัยท่านจอมพลคนหัวปี  เพื่อเป็นที่ระลึกในการที่กรุงสยามได้รับความเสมอภาคทางการศาลกับนานาประเทศ  เป็นอันเลิกศาลต่างประเทศในกรุงสยามได้เบ็ดเสร็จเด็ดขาด

หลังจากย้ายไปแล้ว กะซวงคมนาคมจึงเข้ามาสวมแทนครับ


กระทู้: รูปเก่าเล่าเรื่อง-เมืองบางกอก 2
เริ่มกระทู้โดย: siamese ที่ 06 ก.ย. 10, 19:23
ใช่ครับ อาคาร ๓ หลังนี้ท่านอาจารย์ NAVARAT.C และอาจารย์ V_Mee และผมนาย siamese พูดต่างกรรมต่างวาระกัน โดยจะขอเรียงประวัติพื้นที่ตรงนี้ให้จักได้ลำดับความได้
๑. พื้นที่วังหน้า
๒. กองทหารบกราบ ที่ ๓
๓. กระทรวงยุติธรรม
๔. กระทรวงคมนาคม
๕. โรงละครแห่งชาติ

และภาพอัญเชิญพระพุทธรูป เป็นคำตอบที่ถูกต้องครับ การอัญเชิญพระพุทธชินราช (จำลอง) ล่องเรือจากพิษณุโลกมาบางกอก


กระทู้: รูปเก่าเล่าเรื่อง-เมืองบางกอก 2
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 06 ก.ย. 10, 19:38
^
ยอดเยี่ยมค่ะ

เอารูปมาถามบ้าง
๑  ผู้หญิงคนนี้ใคร?
๒     ถ่ายที่ไหน?
๓    เมื่อใด?

ดิฉันตอบข้อ ๑ กับ ๓ ได้ ข้อ ๒ ไม่รู้   แต่อยากถามพญาเหยี่ยว พญาอินทรี พญาช้างฯลฯ ทุกท่านละค่ะ


กระทู้: รูปเก่าเล่าเรื่อง-เมืองบางกอก 2
เริ่มกระทู้โดย: siamese ที่ 06 ก.ย. 10, 19:42
^
ก็ต้องไปดูว่า คุณแจ๊กกาลีน เคนเนดี้ ไปทัวร์วัดอะไรบ้าง อิอิ


กระทู้: รูปเก่าเล่าเรื่อง-เมืองบางกอก 2
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 06 ก.ย. 10, 19:47
ไวปานแสงอีกแล้ว :(


กระทู้: รูปเก่าเล่าเรื่อง-เมืองบางกอก 2
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 06 ก.ย. 10, 20:18
มาโชว์อีกรูป


กระทู้: รูปเก่าเล่าเรื่อง-เมืองบางกอก 2
เริ่มกระทู้โดย: siamese ที่ 06 ก.ย. 10, 20:36
ตอบอาจารย์เทาชมพู  ภาพลายเส้นที่นำมานี้เป็นภาพวาดเมื่อคณะทูตชาวปรัสเซีย เข้ามาเจริญสัมพันธไมตรี สมัยรัชกาลที่ ๕ ซึ่งเมื่อเทียบตำแหน่งแล้ว เป็นท่าราชวรดิฐ เพียงแต่เทียบภาพเก่าสมัยรัชกาลที่ ๔ ซึ่งยังไม่ทำบันไดเท่านั้น


กระทู้: รูปเก่าเล่าเรื่อง-เมืองบางกอก 2
เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 06 ก.ย. 10, 20:40
น่าจะใช่ เพราะพาหนะที่นั่งคือเรือยนต์



กระทู้: รูปเก่าเล่าเรื่อง-เมืองบางกอก 2
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 06 ก.ย. 10, 20:42
รีบตอบด้วยความดีใจสุดขีดว่า  ผิดค่ะ (แต่ผิดตรงไหนไม่บอกนะ)
เอามาให้ดูอีกรูป  ลายเส้นชัดกว่ารูปแรก


กระทู้: รูปเก่าเล่าเรื่อง-เมืองบางกอก 2
เริ่มกระทู้โดย: siamese ที่ 06 ก.ย. 10, 20:58
ดังนั้นอาจารย์เทาชมพู ช่วยบอกเถิด แต่คาดว่าคงไม่ใช่ในพระบรมมหาราชวังเป็นแน่ครับ


กระทู้: รูปเก่าเล่าเรื่อง-เมืองบางกอก 2
เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 06 ก.ย. 10, 20:59
ภาพชุดเดียวกัน

ภาพแรกดูผู้หญิงไทยที่ยืนเกะกะแล้วก็ไม่น่าเป็นท่าราชวรดิฐ น่าจะเป็นสถานที่ท่องเทียวมากกว่า


กระทู้: รูปเก่าเล่าเรื่อง-เมืองบางกอก 2
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 06 ก.ย. 10, 21:06
ดังนั้นอาจารย์เทาชมพู ช่วยบอกเถิด แต่คาดว่าคงไม่ใช่ในพระบรมมหาราชวังเป็นแน่ครับ
เปล่าค่ะ   สถานที่น่ะไม่รู้ว่าที่ไหน   แต่ที่ผิดคือไม่ใช่ทูตปรัสเซีย

คุณแจ๊คเกอลีนกำลังลงเรือยนต์ ไปเที่ยวที่ไหนสักแห่ง  เห็นแต่ศาลา น่าจะเป็นวัดริมแม่น้ำ
เอารูปแจ๊คเกอลีนมาฝากอีกรูป จำผู้ชายทางซ้ายและขวาของเธอได้ใช่ไหมคะ


กระทู้: รูปเก่าเล่าเรื่อง-เมืองบางกอก 2
เริ่มกระทู้โดย: Tanat ที่ 06 ก.ย. 10, 21:25
ผู้ชายคนขวา น่าจะเป็นจอมพลถนอม
คนซ้าย ใครหนา น่าคุ้นๆ ขอคิดอีกหน่อยครับ

สถานที่น่าจะเป็นร้านสไบทอง ของบุตรีคุณหลวงสุขุมฯ เพราะเห็นมีรำไทยโชว์อยู่ด้วยครับ


กระทู้: รูปเก่าเล่าเรื่อง-เมืองบางกอก 2
เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 06 ก.ย. 10, 21:38
คุณถนัด คอมันตร์รัฐมนตรีต่างประเทศครับ

กลับไปว่าสถานที่แห่งใดอีกที
หลังคาฟอร์มเหลี่ยม ยอดไม่ได้เป็นจั่ว ลายออกจีนๆ น่าจะเป็นศาลาท่าน้ำแห่งนี้
ถ้าแจ๊กกี้จะลงเรือไปเที่ยว จะไปไหนเสียถ้าไม่ใช่วัดอรุณ

อนึ่งที่มาก็ไม่ได้เป็นทางการ คงจะไม่มาใช้ท่าราชวรดิฐ


กระทู้: รูปเก่าเล่าเรื่อง-เมืองบางกอก 2
เริ่มกระทู้โดย: siamese ที่ 06 ก.ย. 10, 21:44
อาจารย์ NAVARAT.C  ดูดีๆนะว่าศาลาของแจ็กกี้ มี ๓ ชั้น ส่วนศาลาท่าน้ำวัดอรุณ มี ๒ ชั้น ต่างกันนะคร้าบ


กระทู้: รูปเก่าเล่าเรื่อง-เมืองบางกอก 2
เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 06 ก.ย. 10, 21:48
น่านนะซี

คืนนี้คนให้การบ้านคงหลับสบาย

คนคิดการบ้านคงฝันถึงแจ๊กกี้ทั้งคืนเหมือนกัน
มันก็ไม่เลวนะคุณหนุ่มสยามนะ


กระทู้: รูปเก่าเล่าเรื่อง-เมืองบางกอก 2
เริ่มกระทู้โดย: siamese ที่ 06 ก.ย. 10, 21:53
ลองไล่ศาลาท่าน้ำตั้งแต่ปากคลองบางกอกน้อย ลุยเข้าไปถึงวัดราชโอรส วัดนางนอง วัดที่เป็นศิลปะจีน ในรัชกาลที่ ๓ เลยครับ  ;D ;D ;D


กระทู้: รูปเก่าเล่าเรื่อง-เมืองบางกอก 2
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 06 ก.ย. 10, 22:00
น่าจะเป็นวัดที่มีชื่อเสียงและขึ้นลงเรือได้สะดวก    ถึงแจ๊คกี้มาแบบไม่เป็นทางการ เธอก็เป็นภรรยาประธานาธิบดี   ต้องอารักขากันเต็มที่ 
ถ้าไปวัดเล็กๆ  ไปมาลำบากทุลักทุเล  คุณแจ๊คกี้พลาดหล่นลงน้ำไปละเป็นเรื่องใหญ่แน่


กระทู้: รูปเก่าเล่าเรื่อง-เมืองบางกอก 2
เริ่มกระทู้โดย: siamese ที่ 06 ก.ย. 10, 22:35
ผ่อนคลายด้วยสถานที่นี้ดีกว่า ที่ไหนครับ


กระทู้: รูปเก่าเล่าเรื่อง-เมืองบางกอก 2
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 06 ก.ย. 10, 22:41
ออกจากหัวลำโพง-ลงเจ้าพระยา-ไหว้พระเสร็จ..............อย่าลืมภาพนี้ของคุณหลวงเล็กนะครับ...
 :) :)

(http://www.reurnthai.com/index.php?action=dlattach;topic=3462.0;attach=14101;image)

หอบรูปของคุณหลวงเล็กไล่ติดตามมาทุกหน้า   ตกจอเร็วละเกิ๊น


กระทู้: รูปเก่าเล่าเรื่อง-เมืองบางกอก 2
เริ่มกระทู้โดย: V_Mee ที่ 07 ก.ย. 10, 06:19
ขอตอบคุณ Siamese  ภาพในความเห็นที่ ๕๒๗  คือ โรงกษาปณ์สิทธิการ หรือปัจจุบันคือ หอศิลป์  ถนนเจ้าฟ้า ครับ


กระทู้: รูปเก่าเล่าเรื่อง-เมืองบางกอก 2
เริ่มกระทู้โดย: siamese ที่ 07 ก.ย. 10, 07:56
ใช่แล้วครับ อาจารย์ V_Mee คำตอบคือ โรงกษาปณ์ (ใหม่) บนถนนเจ้าฟ้า ที่เรียกว่าใหม่หมายถึง ย้ายการผลิตออกมาจากในพระบรมมหาราชวังครับ

สำหรับภาพของคุณหลวงเล็ก ขอบอกว่าแกะร่องรอยยาก เนื่องจากป้ายอักษรถ่ายแบบเฉียงเลยมองไม่ถนัด แต่มีข้อสังเกตุดังนี้
1. ป้ายห้างร้าน
2. เหมือนสถานที่ราชการสักแห่ง (ตึกแถวบ้านหม้อ ก็ฉาบปูนแบบนี้, ตึกโรงเรียนเตรียมทหาร ก็ฉาบแบบนี้ คือฉาบคิ้วสลับกัน)
3. ถนนนี้มีรถรางวิ่งให้บริการด้วย
4. มีตัวอักษรบอกสถานที่ แต่เสียดายที่น้ำหมึกเขียนทับไป แต่เล็งๆไว้เมื่อคืน มี 4 คำ อ่านได้ว่า " Phxxx xxxx Intox Bangkok"

ถนนเป็นถนนแบบใหม่ ที่มีการก่อสร้างแล้ววางระบบระบายน้ำไปด้วยครับ


กระทู้: รูปเก่าเล่าเรื่อง-เมืองบางกอก 2
เริ่มกระทู้โดย: siamese ที่ 07 ก.ย. 10, 07:57
ขยายหมายเลข 4


กระทู้: รูปเก่าเล่าเรื่อง-เมืองบางกอก 2
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 07 ก.ย. 10, 08:15
ตอบคุณเทาชมพู

(http://www.reurnthai.com/index.php?action=dlattach;topic=3462.0;attach=14105;image)

ยูลิซิส เอส แกรนท์ ประธานาธิบดีคนที่ ๑๘ ของอเมริกา เข้าเฝ้ารัชกาลที่ ๕ ที่พระบรมมหาราชวัง วันที่ ๔ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๔๒๒

(http://www.reurnthai.com/index.php?action=dlattach;topic=3254.0;attach=9447;image)

 ;D


กระทู้: รูปเก่าเล่าเรื่อง-เมืองบางกอก 2
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 07 ก.ย. 10, 08:31
เอารูปแจ๊คเกอลีนมาฝากอีกรูป จำผู้ชายทางซ้ายและขวาของเธอได้ใช่ไหมคะ

คำตอบอยู่ในคำบรรยายภาพ

 ;D


กระทู้: รูปเก่าเล่าเรื่อง-เมืองบางกอก 2
เริ่มกระทู้โดย: siamese ที่ 07 ก.ย. 10, 09:07
คุณเพ็ญชมพู   นี่หาข้อมูลได้เก่งจังเลยครับ  8)


กระทู้: รูปเก่าเล่าเรื่อง-เมืองบางกอก 2
เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 07 ก.ย. 10, 09:51
นักช้อนลูกน้ำอยู่หนาย อย่าเพิ่งหายไป มาทายกันหน่อย

ที่ไหนครับ


กระทู้: รูปเก่าเล่าเรื่อง-เมืองบางกอก 2
เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 07 ก.ย. 10, 09:53
บ้านหลังนี้ ถ้าช้อนลูกน้ำอยู่แถวนั้น ก้ไม่น่าจะยาก


กระทู้: รูปเก่าเล่าเรื่อง-เมืองบางกอก 2
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 07 ก.ย. 10, 09:58
ตอบรูปก่อนหน้านั้น

กินรีนาวา

เย้ยฟ้าท้าดินที่สวนลุม

(http://2.bp.blogspot.com/_AAVlvuF4qtM/S5JYHncT4fI/AAAAAAAAAd0/zM9GOlSw8jg/s400/10058_002.jpg)

 ;D


กระทู้: รูปเก่าเล่าเรื่อง-เมืองบางกอก 2
เริ่มกระทู้โดย: siamese ที่ 07 ก.ย. 10, 10:03
มัวแต่พิมพ์ข้อความ ช้าไปนิด สวิงชนกัน


กระทู้: รูปเก่าเล่าเรื่อง-เมืองบางกอก 2
เริ่มกระทู้โดย: siamese ที่ 07 ก.ย. 10, 10:37
นักช้อนลูกน้ำอยู่หนาย อย่าเพิ่งหายไป มาทายกันหน่อย

ที่ไหนครับ
บ้านหลังนี้ไม่ถนัดครับอาจารย์ NAVARAT.C

ขอแปลงร่างเป็นยุง มุ่งสู่ฟ้า มองลงมาเบื้องล่าง คือที่ใด ?


กระทู้: รูปเก่าเล่าเรื่อง-เมืองบางกอก 2
เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 07 ก.ย. 10, 10:41
ใครจำได้บ้างครับ กินรีนาวาสร้างปีไหน

อยากรู้จริงๆครับ เพราะลืมไปแล้ว จะเป็นหลังจอมพลป.กลับจากไปเยือนพม่าแล้วเห็นภัตตาคารลอยน้ำที่ชื่อการเวกที่ทะเลสาปย่างกุ้ง เลยอยากให้สร้างอย่างนั้นบ้างหรือเปล่า
แต่บังเอิญคนออกแบบจะมีรสนิยมล้ำหน้าพม่าไปหลายขุม

แล้วจำร้านศรีไทยเดิมได้ไหมครับ?


กระทู้: รูปเก่าเล่าเรื่อง-เมืองบางกอก 2
เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 07 ก.ย. 10, 10:52
ที่ไหนน้า

นักช้อนลูกน้ำช่วยกันรุมยุงหน่อย


กระทู้: รูปเก่าเล่าเรื่อง-เมืองบางกอก 2
เริ่มกระทู้โดย: siamese ที่ 07 ก.ย. 10, 10:53
ฝากข้อมูลให้อ่านกัน

แต่ก่อนริมสระน้ำด้านถนนวิทยุ จะมีร้านอาหารดังชื่อ  ศรีไทยเดิม ลูกค้าที่ขับรถมามักจะไม่เข้านั่งในร้าน เสยหัวรถเข้าริมสระ
ฝั่งตรงข้ามถนนของร้าน จะมีบริการอาหารเครื่องดื่มถึงรถ โดยมีถาดติดขาเสียบเข้าที่ประตูรถเปิดกระจกแทนโต๊ะ
ปัจจุบันร้านศรีไทยเดิมก็ยังอยู่ แต่ถูกย้ายไปชิดรั้วด้านถนนพระราม 4 เปิดขายตั้งแต่ 04.30 น.ถึง 10.00 น.
บริการผู้มาออกกำลังกายตอนเช้า


รูปนางกินรีครึ่งตัวเชิดหน้าเป็นหัวเรือกลายเป็นที่วิพากวิจารณ์กันมากในขณะนั้น

เคยมีภัตตาคารที่โด่งดังสนั่นเมืองอีกแห่งหนึ่ง เป็นภัตตาคารอาหารจีนขนาดใหญ่ สร้างเป็นรูปเรืออยู่กลางน้ำใกล้เกาะลอย
แม้จะมีสะพานสั้นๆ เชื่อมกับฝั่ง แต่ทางภัตตาคารก็มีบริการรับส่งทางเรือ นัยว่าให้ได้บรรยากาศเหมือนภัตตาคารที่อ่าวอาเบอร์ดีน
ในฮ่องกง แต่ที่โด่งดังกว่าไอเดียนี้ก็คือศิลปะที่ใช้ตกแต่ง

  ภัตตาคารนี้มีชื่อภาษาอังกฤษว่า  Peninsula  แต่ชื่อภาษาไทยคือ  กินรีนาวา จึงทำเป็นรูปนางกินรีครึ่งตัวเชิดหน้าเป็นหัวเรือ
ที่ดังก็เพราะนางกินรีไม่ได้เชิดแค่หน้า แต่ยื่นถัน 2 เต้าเปลือยเปล่าให้เป็นจุดสะดุดตา

 เลยเกิดข้อวิจารณ์กันทั้งเมือง และเป็นข่าวพาดหัว นสพ.อยู่หลายวัน ว่าเป็นศิลปะหรืออนาจารกันแน่
บางคนก็ตั้งฉายาว่า ‘ภัตตาคารจ้ำบ๊ะ’

  เมื่อเป็นข่าวเกรียวกราว ภัตตาคารก็เอาผ้ามาคลุมถันไว้กันอุจาด แต่ก็เป็นผ้าบางมองได้ทะลุปรุโปร่ง
เสียงเรียกร้องจึงให้รื้อออกสถานเดียว แต่ก็ไม่สามารถบังคับภัตตาคารได้ เพราะคณะเทศมนตรีเทศบาลนครกรุงเทพฯ
ได้เซ็นสัญญาให้บริษัทประสิทธิ์สิน จำกัด เจ้าของคิงส์โฮเตล เช่าที่เดือนละ 6,000 บาทตั้งแต่ปี 2504 เป็นเวลา 20 ปี
ทั้งอนุมัติรูปนางกินรีแอ่นอกที่หัวเรือไว้แล้วด้วย

นอกจากนี้ ‘กินรีนาวา’ ยังถูกโจมตีว่าเป็นต้นเหตุทำให้น้ำในสระสวนลุมฯ เน่าส่งกลิ่นเหม็น เพราะเทเศษอาหารลงน้ำ
นายแพทย์บุญส่ง เลขะกุล เขียนลงใน นสพ.ว่าขับรถผ่านสวนลุมฯ ก็ได้กลิ่นแล้ว และส่งกลิ่นไปรบกวนคนไข้ถึงใน ร.พ.จุฬาฯ

  ภัตตาคารก็ปฏิเสธว่าไม่ได้เป็นต้นเหตุ แต่แล้วปัญญาที่สะสางกันไม่ออกนี้ก็ยุติลงได้ราวปาฏิหาริย์
เมื่อไฟไหม้กินรีนาวาวอดไปทั้งลำ โดยต้นเพลิงเกิดจากห้องครัวของภัตตาคารเอง ภัตตาคารแบบอาเบอร์ดีนและกินรีจ้ำบ๊ะ
จึงเหลือเป็นเพียงตำนานหนึ่งของสวนลุมพินี


กระทู้: รูปเก่าเล่าเรื่อง-เมืองบางกอก 2
เริ่มกระทู้โดย: siamese ที่ 07 ก.ย. 10, 10:57
ที่ไหนน้า

นักช้อนลูกน้ำช่วยกันรุมยุงหน่อย

ทราบแล้วแต่อย่าลืมแวะไปรูปที่ถามด้วยนะครับ แต่อยากบอกแค่นี้พอ เดี่ยวเสียรสชาติ  ;D ;D ;D


กระทู้: รูปเก่าเล่าเรื่อง-เมืองบางกอก 2
เริ่มกระทู้โดย: siamese ที่ 07 ก.ย. 10, 11:14
จากบทความชิ้นนี้ ร้านกินนรีนาวา สร้างหลังจากร้านศรีไทยเดิม 10 ปี

"ศรีไทยเดิม" ร้านอาหารชุดแรก ร้านแรกในสวนลุมพินี ซึ่งมีอายุยืนยาวกว่า 50 ปี ในสมัยนั้นยังไม่มีร้านอาหารมากมายนัก

ผู้ที่ก่อตั้งและบุกเบิกร้าน คือสว่างและสังเวียน เชยกลิ่นเทศ เดิมสว่างเป็นทหารร่วมรบในสงครามมหา เอเชียบูรพา หลังจากลาออกจากทหาร ได้กลายมาเป็นพ่อค้าหาบเร่ขายขนมโบราณและของกิน เช่น เนื้อสวรรค์ มะม่วง มะขามแช่อิ่ม ต้องตื่นแต่เช้าเพื่อซื้อของอย่างละ 50 กิโลกรัม และนำกลับมาทำเพื่อออกขาย เป็นที่เลื่องลือในฝีมือและรสชาติ

ต่อมาได้รับการชักชวนจากพลเอกเรือง เรืองวรุยุทธ ให้ไปเปิดขายในสวนลุมพินี

ซึ่งในช่วงแรกเปิดร้านเป็นเพิงเล็กๆ ทุกคนต้องมาซื้อหากลับบ้านเสมอ ไม่ว่าจะเป็นบรรดานักการเมือง หรือพวกเศรษฐี และได้ขยับขยายกิจการเพิ่มขึ้นในระยะเวลาต่อมา

เทรนด์สมัยนั้นของศรีไทยเดิม ที่ทำโดยไม่มีร้านใดเคยทำมาก่อน คือเสิร์ฟและรับประทานอาหาร โดยใช้ถาดเสิร์ฟอาหารเกาะติดกับตัวรถ ซึ่งอาหารเด่นๆ ยอดนิยมของคนในยุคนั้น คือเย็นโตโฟ ที่ได้พ่อครัวจีนซึ่งมีสูตรต้นตำรับจากจีน ปลาหมึกย่างกรอบๆ และอาหารรสไทยแท้ตำรับชาววัง โดยคุณยายทวดเคยเป็นแม่ครัวในวังมาก่อน อาหารทุกจานของศรีไทยเดิมนอกจากรสชาติเด็ดแล้ว ยังปราศจากผงชูรส และรสจะไม่ใช้รสหวานนำเช่นอาหารของคนยุคนี้

ต่อมาได้ขยายกิจการไปที่ "ศรีไทยเดิม" อาคารบริษัทเดิน อากาศไทย (บดท.) หลานหลวง (ปัจจุบันเป็นอาคารสำนักงานการบินไทย) ได้ฉีกแนวโดยมีวงดนตรี อ.พยงค์ มุกดา และนักร้อง อัญชนา วงค์เกษม และนักร้องที่โด่งดังในเพลงลาทีปากน้ำ นพดล ชาวไร่เงิน มาขับขาน ทำให้ยิ่งได้รับความนิยมมาก ทั้งยังสามารถ นั่งชมวิวถนนราชดำเนินตลอดทั้งสาย มองเห็นศาลาเฉลิมไทยได้อย่างชัดเจนอีกด้วย

สิ่งที่น่าเสียดายเป็นอย่างยิ่ง คือในเวลาต่อมา ศรีไทยเดิม ณ สวนลุมพินี ถึงทางตัน ด้วยเหตุว่า กทม.มีนโยบายปิดประตูสวนลุมพินี ห้ามนำรถเข้า ทำให้ลูกค้าน้อยลง รายได้ไม่คุ้มค่าใช้จ่าย สู้ต่อมาอีกหลายปี จนต้องถึงกาลอวสานจนได้

ส่วนศรีไทยเดิม ณ บดท. หลานหลวง มีอันต้องจากไปเช่นกัน หลังเหตุการณ์ 14 ตุลาคม 2516 มาเยือน

เมื่อเล่าถึงศรีไทยเดิมแล้วจะไม่คุยถึงภัตตาคารจีนขนาดใหญ่ สำหรับคนกรุงเทพฯ ในยุคนั้นเช่นกันก็อาจทำให้กลายเป็นคนตกเทรนด์ ตกยุคไป ซึ่งภัตตาคารนี้มาเปิดหลังศรีไทยเดิมสัก 10 ปี

โดยสร้างเป็นรูปเรืออยู่กลางน้ำ มีสะพานเชื่อมกับริมฝั่งบริการแก่ลูกค้า แต่ผู้คนนิยมที่จะนั่งเรือจากฝั่งไปภัตตาคาร เพื่อสัมผัสลมเย็นที่พัดผ่านอย่างมีอรรถรส ดังเช่นภัตตาคารในต่างประเทศ


ฝากภาพบรรยากาศสวนลุม 248 กว่าๆครับ อาคารแพด้านหลังเหมือนเป็นร้านอาหารเลย คุ้นกันไหมครับ


กระทู้: รูปเก่าเล่าเรื่อง-เมืองบางกอก 2
เริ่มกระทู้โดย: Ruamrudee ที่ 07 ก.ย. 10, 11:24
มาเช็คชื่อเข้าเรียนค่ะ ลาไปทำหน้าที่ลูกจนไม่มีเวลาช้อนลูกน้ำ

ตอบภาพวังบางขุนพรหมก่อนนะคะ ภาพที่ 543 และ ก่อนหน้านั้นที่มองจากด้านบนลงมา อยู่ริมแม่น้ำ และมีอาคารเล็ก ริมนั้านั้น เป็นเรือนที่ สมเด็จกรมหลวงศรีรัตนโกสินทร์ทรงประทับ ระหว่างประชวรวัณโรคค่ะ

จำได้ดี เพราะมีหนังสือ วังบางขุนพรหม เห็นหรือยังคะ อาจารย์เทาชมพู หากไกลบ้าน ต้องมีหนังสือช่วย ไม่ค่อยรู้อะไรกับเขาหรอกค่ะ

ภาพบ้านสีขาวดำ ของอาจารย์ Navarat ยังนึกไม่ออกนะคะ สงสัยจะต้องยอมแพ้ จ่ายค่าปรับด้วยลูกน้ำ 1 กระป๋อง


กระทู้: รูปเก่าเล่าเรื่อง-เมืองบางกอก 2
เริ่มกระทู้โดย: Ruamrudee ที่ 07 ก.ย. 10, 11:31
1. ตำหนักสมเด็จกรมหลวงศรี ฯ
2. ตำหนักสมเด็จพระมาตุฉาเจ้า สุขุมาลมารศรี
3. ตำหนักใหญ่ ที่ประทับ เจ้าฟ้าบริพัตร & ม.จ.ประสงค์สม


กระทู้: รูปเก่าเล่าเรื่อง-เมืองบางกอก 2
เริ่มกระทู้โดย: siamese ที่ 07 ก.ย. 10, 11:39
ยอดเยี่ยมเลยครับ คุณRuamrudee


กระทู้: รูปเก่าเล่าเรื่อง-เมืองบางกอก 2
เริ่มกระทู้โดย: Ruamrudee ที่ 07 ก.ย. 10, 11:41
ขออภัยค่ะ ใส่เลข 1 ผิดที่ ที่ถูกจะต้องเป็นเรือนที่อยู่ถัดเข้าไป ไม่ใช่หลังที่อยู่ติดแม่น้ำค่ะ


กระทู้: รูปเก่าเล่าเรื่อง-เมืองบางกอก 2
เริ่มกระทู้โดย: luanglek ที่ 07 ก.ย. 10, 11:45

สำหรับภาพของคุณหลวงเล็ก ขอบอกว่าแกะร่องรอยยาก เนื่องจากป้ายอักษรถ่ายแบบเฉียงเลยมองไม่ถนัด แต่มีข้อสังเกตุดังนี้
1. ป้ายห้างร้าน
2. เหมือนสถานที่ราชการสักแห่ง (ตึกแถวบ้านหม้อ ก็ฉาบปูนแบบนี้, ตึกโรงเรียนเตรียมทหาร ก็ฉาบแบบนี้ คือฉาบคิ้วสลับกัน)
3. ถนนนี้มีรถรางวิ่งให้บริการด้วย
4. มีตัวอักษรบอกสถานที่ แต่เสียดายที่น้ำหมึกเขียนทับไป แต่เล็งๆไว้เมื่อคืน มี 4 คำ อ่านได้ว่า " Phxxx xxxx Intox Bangkok"

ถนนเป็นถนนแบบใหม่ ที่มีการก่อสร้างแล้ววางระบบระบายน้ำไปด้วยครับ

ผมไม่สามารถใบ้อะไรได้เกี่ยวกับภาพนี้  
เพราะไม่ทราบจริงๆ  จึงได้นำภาพมาลงให้ช่วยกันค้นหา

คุณไซแอมมีสได้อ่านรูปและตั้งข้อสังเกตที่น่าจะเป็นข้อมูลเบื้องต้นไว้ให้ค้นต่อได้
ต้องขอบคุณไว้อย่างยิ่ง  

ป้ายห้างร้านนั้นคงจะเห็นได้เท่านั้นจริงๆ  

ประตูทางเข้าสถานที่ด้านขวาของภาพน่าจะช่วยให้ชี้สถานที่ได้ง่ายขึ้น (หรือเปล่า?)
เพราะคงมีประตูอย่างนี้ไม่กี่แห่งในกรุงเทพฯ และพอจะเดาอายุของอาคารสิ่งก่อสร้างนั้นได้บ้าง

ถ้าเราตามเส้นทางรถรางในสมัยรัชกาลที่ ๕ และ ๖ น่าจะพอสืบหาสถานที่ในภาพได้บ้างหรือไม่
อาจจะเป็นถนนเจริญกรุงหรือถนนที่มีรถรางผ่านเป็นสายแรกๆ ในกรุงเทพฯ

ส่วนข้อความที่คุณไซแอมมีสพยายามเล็งนั้น  น่าเป็นคำว่า Photo  by  Into.... Bangkok  กระมัง
คงไม่ใช่ชื่อถนน  เพราะในภาพก็บอกแต่ว่าเป็นภาพถนนแห่งหนึ่งในกรุงเทพฯ อยู่ข้างบนแล้ว

สงสัยภาพของผมจะยากจริงๆ  แต่อยากให้ช่วยกันไข  ขอบคุณมาล่วงหน้า :)


กระทู้: รูปเก่าเล่าเรื่อง-เมืองบางกอก 2
เริ่มกระทู้โดย: Ruamrudee ที่ 07 ก.ย. 10, 11:50
ภาพของคุณหลวงเล็ก ขอตอบว่า ถนนบำรุงเมือง ข้างกระทรวงมหาดไทย เห็นรั้วอยู่ทางขวาค่ะ

ทางซ้ายมือเป็นตึกแถว มีรถรางสายเสาชิงช้าวิ่งด้วย (เคยนั่งค่ะ) และมีท่อระบายน้ำแบบใหม่

เป็นถนนที่ตัดเพื่อขยายแหล่งการค้า มีตึกแถวให้เช่าค่ะ


กระทู้: รูปเก่าเล่าเรื่อง-เมืองบางกอก 2
เริ่มกระทู้โดย: Ruamrudee ที่ 07 ก.ย. 10, 11:57
ภาพคุณ Siamese 544 ที่เห็นเป็นอาคารแพ ริมน้ำ เขียนไว้ว่า สวนลุม 248

ขอเดานะคะ (ไม่แน่ใจค่ะ) น่าจะเป็นอาคารสโมสร ที่ใช้เป็นร้านอาหารแพริมน้ำ อยู่บนเกาะลอย(เขาเรียกกันเช่นนี้)
ภายในสวนลุมพินี จะเข้าไปในอาคารนี้ จะต้องข้ามสะพานเข้าเกาะลอย

ปัจจุบัน(นานหลายปีแล้ว)เป็นอาคารตึก มีเสาตอกลงไปในน้ำริมฝั่งเรียบร้อย


กระทู้: รูปเก่าเล่าเรื่อง-เมืองบางกอก 2
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 07 ก.ย. 10, 12:05
ถนนของคุณหลวงเล็ก

(http://www.reurnthai.com/index.php?action=dlattach;topic=3462.0;attach=14101;image)

ลองเปรียบเทียบกับภาพถนนบำรุงเมืองข้างล่างนี้

(http://img683.imageshack.us/img683/9765/whatroad.jpg)

(http://img31.imageshack.us/img31/2505/bumrung2.jpg)

เป็นสายเดียวกันหรือเปล่า

 ???


กระทู้: รูปเก่าเล่าเรื่อง-เมืองบางกอก 2
เริ่มกระทู้โดย: Ruamrudee ที่ 07 ก.ย. 10, 12:14
พยายามจะส่งรูปตำแหน่งอาคารแพที่เกาะลอย ส่งไม่ได้สักที จะลองดูอีกครั้งนะคะ


กระทู้: รูปเก่าเล่าเรื่อง-เมืองบางกอก 2
เริ่มกระทู้โดย: Ruamrudee ที่ 07 ก.ย. 10, 12:17
แพที่เกาะลอยในสวนลุมพินี จะเป็นที่ให้เช่าเรือพาย และจักรยานน้ำ

เสียดายไม่มีภาพจักรยานน้ำสมัยก่อนค่ะ หน้าตาเหมือนจักรยานไม่มีผิด แต่มีทุ่นสองอันพยุงไว้
ตัวคนถีบ นั่งถีบอยู่ด้านบนค่ะ


กระทู้: รูปเก่าเล่าเรื่อง-เมืองบางกอก 2
เริ่มกระทู้โดย: siamese ที่ 07 ก.ย. 10, 12:19
คุณเพ็ญชมพู  ผิดถนนคร้าบผม...ไม่ใช่ถนนบำรุงเมืองครับ ลักษณะการก่อสร้างคนละยุคเลยนะครับ  :P :P


กระทู้: รูปเก่าเล่าเรื่อง-เมืองบางกอก 2
เริ่มกระทู้โดย: luanglek ที่ 07 ก.ย. 10, 12:21
ภาพของคุณหลวงเล็ก ขอตอบว่า ถนนบำรุงเมือง ข้างกระทรวงมหาดไทย เห็นรั้วอยู่ทางขวาค่ะ

ทางซ้ายมือเป็นตึกแถว มีรถรางสายเสาชิงช้าวิ่งด้วย (เคยนั่งค่ะ) และมีท่อระบายน้ำแบบใหม่

เป็นถนนที่ตัดเพื่อขยายแหล่งการค้า มีตึกแถวให้เช่าค่ะ

น่าจะเป็นถนนตามที่คุณร่วมฤดีว่ามา  เอ...ห้างตรงข้ามกับกระทรวงมหาดไทยนั้น
เป็นห้างชื่ออะไร  ใครเป็นเจ้าของคงพอหาได้กระมัง


กระทู้: รูปเก่าเล่าเรื่อง-เมืองบางกอก 2
เริ่มกระทู้โดย: Ruamrudee ที่ 07 ก.ย. 10, 12:25
ไล่ทำการบ้านที่ค้างคา ต่ออีกสัก 1 ข้อ ภาพแจ๊คเกอรีน เคนเนดี้ นั่น

ขอตอบว่า เป็นท่าน้ำวัดราชโอรสค่ะ เพราะ ตรงนั้น ใกล้วัดไทร

สมัย40กว่าปีก่อน ตลาดน้ำที่ขึ้นชื่อ ไม่ใช่ดำเนินสะดวกนะคะ

แต่เป็นตลาดน้ำวัดไทร ต้องนั่งเรือไปเข้าคลองแถวดาวคะนอง

แล่นไปตามคลองจะผ่านวัดราชโอรสก่อน แล้วจึงจะถึงวัดไทร

ใคร ๆ ก็พาแขกบ้านเมืองไปเที่ยวที่นั่นค่ะ พลาดไม่ได้เชียว


กระทู้: รูปเก่าเล่าเรื่อง-เมืองบางกอก 2
เริ่มกระทู้โดย: Ruamrudee ที่ 07 ก.ย. 10, 12:29
ตอบคุณหลวงเล็กค่ะ ตึกทางซ้ายมือของภาพ ตรงข้ามกระทรวงมหาดไทย คือ ห้างแบตแมนค่ะ

ชาววัง และผู้ดีมีสกุลสมัยก่อน นิยมมาซื้อของจากต่างประเทศที่นี่กัน แต่ในภาพนั้นเป็นห้างแห่งแรกนะคะ

ต่อมาย้ายไปอยู่ที่ริมถนนราชดำเนิน ตรงที่กลายเป็นกรมประชาสัมพันธ์ ก่อนถูกเผาไปหมดหลัง 14 ต.ค.16 ค่ะ
อ้างถึง
สำหรับห้างเก่าๆ ที่มีชื่อเสียงในสมัยรัชกาลที่ 5 ได้แก่ ห้างแบดแมน ไม่ใช่มนุษย์ค้างคาวมา เปิด แต่ย่อจากจากชื่อเต็มว่าแฮร์รี เอ. แบดแมน แอนด์ โก เริ่มกิจการเมื่อปี 2422 อยู่แถวมุมกระทรวงมหาดไทย แต่ภายหลังย้ายมาอยู่ตึกเก่าของกรมประชาสัมพันธ์ ที่ถนนราชดำเนินกลาง


กระทู้: รูปเก่าเล่าเรื่อง-เมืองบางกอก 2
เริ่มกระทู้โดย: siamese ที่ 07 ก.ย. 10, 13:13
ไม่เกรงใจแล้วนะ หย่อนระเบิดเลย "ที่ไหน"...ยังรอคำตอบบ้านหลังงามของอาจารย์ Navarat อยู่นะครับ


กระทู้: รูปเก่าเล่าเรื่อง-เมืองบางกอก 2
เริ่มกระทู้โดย: Ruamrudee ที่ 07 ก.ย. 10, 13:28
ภาพ 559
กรมแผนที่ทหาร กองบัญชาการกองทัพไทยค่ะ


กระทู้: รูปเก่าเล่าเรื่อง-เมืองบางกอก 2
เริ่มกระทู้โดย: Ruamrudee ที่ 07 ก.ย. 10, 13:45
ดูภาพปัจจุบันนะคะ


กระทู้: รูปเก่าเล่าเรื่อง-เมืองบางกอก 2
เริ่มกระทู้โดย: siamese ที่ 07 ก.ย. 10, 13:57
แป่ว...กะว่าไม่มีใครตอบได้แล้วเชียว มาเจอคุณ Ruamrudee มาเหนือเมฆทันที

พ.ศ. ๒๔๒๓ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าฯ โปรดเกล้าฯ ให้จัดตั้งกรมทหารหน้าขึ้น (ซึ่งต่อมาได้วิวัฒนาการเป็นกรมยุทธนาธิการ) จึงกำเนิด "คะเด็ตทหารหน้า" ขึ้นอีกแห่งหนึ่ง ได้เร่งปรับปรุงกิจการทหารโดยลำดับ เมื่อเจริญกว้างขวางและเป็นแบบแผนขึ้นบ้างแล้ว จึงโปรดเกล้าฯ ให้สมเด็จพระเจ้าน้องยาเธอเจ้าฟ้าภาณุรังษีสว่างวงศ์ กรมพระยาภาณุพันธุวงศ์วรเดช จัดตั้งโรงเรียนสอนวิชาทหารสำหรับทหารบกทั่วไปขึ้น โดยให้ใช้พื้นที่บริเวณหลังพระราชวังสราญรมย์เป็นสถานที่ตั้ง (ปัจจุบันเป็นที่ตั้งของกรมแผนที่ทหาร) โดยรวมคะเด็ตทหารมหาดเล็ก คะเด็ตทหารหน้า นักเรียนแผนที่ และส่วนที่เป็นทหารสก๊อตเข้าด้วยกัน ใช้ชื่อรวมว่า "คะเด็ตสกูล" สำหรับนักเรียนเรียกว่า "คะเด็ต" มีนายพันเอกนิคาล วอลเกอร์ (Nical Walger) เป็นผู้บังคับการคนแรก



กระทู้: รูปเก่าเล่าเรื่อง-เมืองบางกอก 2
เริ่มกระทู้โดย: Ruamrudee ที่ 07 ก.ย. 10, 14:09
อ้างถึง
...ยังรอคำตอบบ้านหลังงามของอาจารย์ Navarat อยู่นะครับ

จนด้วยเกล้าพะย่ะค่ะ มิอาจทราบได้ว่า บ้านสีขาวตัดขอบประตูหน้าต่างดำ แบบนี้ เป็นบ้านใคร หรือที่ไหน

เดาได้แต่เพียงว่า เจ้าของบ้าน ต้องชอบอะไร ๆ คล้ายวังวิทยุ แถวนั้น สมัยก่อน มีบ้านคล้าย ๆ กันนี้หลายหลัง บ้างก็ใช้สีเขียวตัดขอบประตูหน้าต่าง

เอาลูกน้ำมาแลก อีกกระป๋องก็ได้ค่ะ .....กราบอาจารย์ Navarat เฉลยได้แล้วพระเจ้าข้า ???

ก่อนจะลืมนะคะ ขอขอบพระคุณท่านที่เอารูปสถานีรถไฟกรุงเทพแห่งแรก ก่อนรื้อสร้างใหม่มาให้ชมค่ะ
ดูด้่วยความตะลึง เพราะนึกว่า อาคารหลังปัจจุบันนี้ มีมาแต่แรก
ไม่นึกว่า จะมีอาคารคก่อนหน้านั้นที่รูปร่างสวยเหลือเกิน เสียดายมากที่ถูกรื้อทิ้ง
เศรษฐกิจประเทศสมัยรัชกาลที่ 5 น่าจะดีมาก ๆ รัฐบาลจึงมีเงินทำอะไร ๆ สวย ๆ มากมาย
ไม่ใช่สักแต่ว่าสร้าง ๆ ๆ ๆ แบบไร้รสนิยมเหมือนปัจจุบันนี้ 


กระทู้: รูปเก่าเล่าเรื่อง-เมืองบางกอก 2
เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 07 ก.ย. 10, 14:22
โอ้โห ไปทานข้าวกลับมา(ทานข้าวนะครับไม่ใช่ทานลูกน้ำ) คุณร่วมฤดีเร่งทำคะแนนนำกลุ่มไปแหล๋ว

แล้วไม่รู้จักบ้านตุ๊กตาหรือครับ?


กระทู้: รูปเก่าเล่าเรื่อง-เมืองบางกอก 2
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 07 ก.ย. 10, 14:23
โอ้ พระเจ้าจอร์จ  
เมื่อเช้านี้กระทู้เพิ่งมาได้ 36 หน้า ทำ favorites เอาไว้ที่หน้านั้น  บ่ายกลับมาจากงาน  กลายเป็น 38 หน้าเข้าไปแล้ว

ก่อนอื่นขอตอบคำถามว่า ภาพราชอาคันตุกะที่มาเยือนถึงท่าราชวรดิฐ  คุณเพ็ญชมพูตอบถูก  ประธานาธิบดีแกรนท์ของอเมริกาค่ะ ไม่ใช่ทูตปรัสเซีย
ส่วนคุณแจ๊คกี้เธอลงเรือที่ท่าน้ำวัดราชโอรสหรือเปล่า ต้องขอศาลาท่าน้ำยืนยัน  


กระทู้: รูปเก่าเล่าเรื่อง-เมืองบางกอก 2
เริ่มกระทู้โดย: luanglek ที่ 07 ก.ย. 10, 14:29
ที่ไหน  อีกสัก ๒ ภาพ


กระทู้: รูปเก่าเล่าเรื่อง-เมืองบางกอก 2
เริ่มกระทู้โดย: siamese ที่ 07 ก.ย. 10, 14:37
ตอบภาพล่างก่อนครับ ภาพบนเดี่ยวจัดให้


กระทู้: รูปเก่าเล่าเรื่อง-เมืองบางกอก 2
เริ่มกระทู้โดย: luanglek ที่ 07 ก.ย. 10, 14:46
ตอบได้ ๑ ภาพ เลยแถมอีก ๒ ภาพ


กระทู้: รูปเก่าเล่าเรื่อง-เมืองบางกอก 2
เริ่มกระทู้โดย: siamese ที่ 07 ก.ย. 10, 14:50
ภาพบนครับ


กระทู้: รูปเก่าเล่าเรื่อง-เมืองบางกอก 2
เริ่มกระทู้โดย: siamese ที่ 07 ก.ย. 10, 14:57
เขาเรียกว่า บริโภคเจดีย์ หมายถึงสถานที่สำหรับพุทธสาวกที่ต้องการปลงธรรมสังเวช รำลึกถึงพระพุทธองค์ มีประดับสร้างไว้บริเวณรอบพระอุโบสถ นอกกำแพงแก้วของวัดสุทัศน์เทพวรารามฯ ด้านซ้ายเห็นรูปเจ้าแม่กวนอิม ยังคงอยู่ครับ


กระทู้: รูปเก่าเล่าเรื่อง-เมืองบางกอก 2
เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 07 ก.ย. 10, 15:12
พวกระดับยุงก็ว่ากันปาย

พวกระดับลูกน้ำเชิญมาทางนี้ ซอยต้นสนน่ะครับ ไปช้อนลูกน้ำแถวนั้นเห็นบ้านหลังนี้ไหม

ชื่อบ้านตุ๊กตาครับ ท่านเจ้าของบ้านเป้นสถาปนิกระดับศาสตราจารย์ อดีตคณะบดีคณะสถาปัตย์ จุฬา
บ้านหลังนี้ถือเป็นNational Heritage หรือมรดกสถาปัตยกรรมของชาติ

สงสัยเสนอภาพขาวดำให้ดูครั้งที่แล้วจึงจำไม่ได้


กระทู้: รูปเก่าเล่าเรื่อง-เมืองบางกอก 2
เริ่มกระทู้โดย: Ruamrudee ที่ 07 ก.ย. 10, 15:20
ไม่รู้จักหรอกค่ะ "บ้านตุ๊กตา" ซอยต้นสน ทราบแต่ว่าแถวนั้น ตระกูลวรวรรณทั้งนั้นเลย

เสียลูกน้ำไป 2 กระป๋องก็คุ้มค่าค่ะ

รูปอื่น ๆ ทายไม่ได้ค่ะ รีบหนีคุณหลวงเล็ก กับคุณ Siamese ดีกว่า

ต้องไปทำธุระ (ช้อนลูกน้ำชดเชย) พรุ่งนี้จะมาดูเฉลยค่ะ


กระทู้: รูปเก่าเล่าเรื่อง-เมืองบางกอก 2
เริ่มกระทู้โดย: Ruamrudee ที่ 07 ก.ย. 10, 15:36
เอารูปเก๋งจีนท่าน้ำหน้า่วัดราชโอรสมาฝากค่ะ (เพิ่งค้นเจอ)


กระทู้: รูปเก่าเล่าเรื่อง-เมืองบางกอก 2
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 07 ก.ย. 10, 15:43
กระพริบตา 1 ที  ปาเข้าไป 39 หน้า  
เขตแดนช้อนลูกน้ำของดิฉันอยู่แค่ซอยเดียวค่ะ   เลยไม่เคยเห็นวังท่านที่ซอยต้นสน     แต่เดี๋ยวจะไปงัดวิทยายุทธมาต่อสู้

กลับมาแล้ว
รูปชั้นอนุบาลต่อไปนี้เอามาเผื่อแก๊งค์ลูกน้ำด้วยกัน    พญาอินทรี พญาเหยี่ยว พญาช้างไม่เกี่ยว  ห้ามทาย แต่ว่าจะกรุณาใบ้ให้ก็จะขอบคุณ
ที่นี่ที่ไหนคะ?


กระทู้: รูปเก่าเล่าเรื่อง-เมืองบางกอก 2
เริ่มกระทู้โดย: siamese ที่ 07 ก.ย. 10, 15:53
บ้านตุ๊กตาสวยจังเลยครับ เคยเห็นเหมือนกันที่ก่อสร้างบ้านแบบนี้ คือ ผนังขาว และมีขีดสีดำ แบบย้อนยุคทิวดอร์ สมัยพระเจ้าเฮนรี่ที่ ๘ เด็กๆเคยไปแถวซอยนานาใต้ มีบ้านแบบนี้ปลูกอยู่ สวยไปอีกแบบหนึ่ง


กระทู้: รูปเก่าเล่าเรื่อง-เมืองบางกอก 2
เริ่มกระทู้โดย: Ruamrudee ที่ 07 ก.ย. 10, 15:55
คลองรอบกรุง คลองบำลำภูก็เรียก และ คลองโอ่งอ่างก็เรียกได้ แล้วแต่ตำแหน่งที่ตั้ง
น่าจะรูปเดียวกับรูปนี้นะคะ  ตอบเสร็จก็ต้องจรแล้ว พรุ่งนี้จะเอาลูกน้ำมาฝากค่ะ


กระทู้: รูปเก่าเล่าเรื่อง-เมืองบางกอก 2
เริ่มกระทู้โดย: Ruamrudee ที่ 07 ก.ย. 10, 15:57
แปะรูปผิดไปค่ะ ขออภัย


กระทู้: รูปเก่าเล่าเรื่อง-เมืองบางกอก 2
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 07 ก.ย. 10, 15:59
^
กิ๊ฟให้คุณร่วมฤดี


กระทู้: รูปเก่าเล่าเรื่อง-เมืองบางกอก 2
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 07 ก.ย. 10, 16:22
ภาพปริศนาง่ายๆอีกภาพ
ผู้หญิงคนนี้ ใครคะ?


กระทู้: รูปเก่าเล่าเรื่อง-เมืองบางกอก 2
เริ่มกระทู้โดย: siamese ที่ 07 ก.ย. 10, 16:23
มาร่วมกันอีกสักครั้ง ดูแล้ว "ยังจำได้ไหม" ที่ไหนครับ


กระทู้: รูปเก่าเล่าเรื่อง-เมืองบางกอก 2
เริ่มกระทู้โดย: siamese ที่ 07 ก.ย. 10, 16:40
เรียนถามอาจารย์เทาชมพู ว่าเจ้านายดังภาพนี่อยุ่ในกลุ่มเจ้านายก๊ก อ. หรือเปล่าครับ


กระทู้: รูปเก่าเล่าเรื่อง-เมืองบางกอก 2
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 07 ก.ย. 10, 16:45
ขอใบ้คำ ตามแบบตัวเองได้ไหมคะ
หุ หุ
คุณ siamese ใจเย็นๆ  ดิฉันรอท่านอื่นมาช่วยใบ้คำมากกว่านี้ 


กระทู้: รูปเก่าเล่าเรื่อง-เมืองบางกอก 2
เริ่มกระทู้โดย: siamese ที่ 07 ก.ย. 10, 16:50
ขอยกมือตอบก่อน ..หม่อมศรีพรหมา คร้าบผม


กระทู้: รูปเก่าเล่าเรื่อง-เมืองบางกอก 2
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 07 ก.ย. 10, 16:58
คนเดียวกันรึเปล่าล่ะคะ

(http://img255.imageshack.us/img255/4060/seeprommacb6.jpg)


กระทู้: รูปเก่าเล่าเรื่อง-เมืองบางกอก 2
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 07 ก.ย. 10, 17:09
ลองเทียบกันนะคะ


กระทู้: รูปเก่าเล่าเรื่อง-เมืองบางกอก 2
เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 07 ก.ย. 10, 17:56
ผู้ใดไปช้อนลูกน้ำหน้าวัดราชโอรสมา กรุณานำไปปล่อยด้วยครับ ใช้ไม่ได้


กระทู้: รูปเก่าเล่าเรื่อง-เมืองบางกอก 2
เริ่มกระทู้โดย: siamese ที่ 07 ก.ย. 10, 19:17
คือในตอนแรกอยากจะตอบเจ้าจอมเอิบ แต่มาตอบหม่อมศรีพรหมา เนื่องจากดูคิ้ว ตาสองชั้น และเครื่องประดับที่สวมนั้นมีลักษณะที่เหมือนกัน


กระทู้: รูปเก่าเล่าเรื่อง-เมืองบางกอก 2
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 07 ก.ย. 10, 19:26
รูปเธอผู้นี้ทำให้หนักใจจริงๆ   เพราะในหนังสือ บรรยายชื่อเธอว่า Chao Chom Choe Bunnag 
คำว่า Choe อ่านไม่ว่าภาษาไหนก็ไม่ออกมาเป็น เอิบ
มีรูปเจ้าจอมเอิบในวัยสาวมาเปรียบเทียบ   อย่างหนึ่งที่เธอสวมติดหูคือ ตุ้มหูรูปหยดน้ำ     หม่อมศรีพรหมาไม่สวมตุ้มหูค่ะ


กระทู้: รูปเก่าเล่าเรื่อง-เมืองบางกอก 2
เริ่มกระทู้โดย: siamese ที่ 07 ก.ย. 10, 20:50
^
ดังนั้นถ้าดูจากภาพนี้ ก็ต้องเป็นเจ้าจอมเอิบ แน่นอนครับ

อย่าลืมด้วยว่าที่นี่คือสถานที่ใดครับ


กระทู้: รูปเก่าเล่าเรื่อง-เมืองบางกอก 2
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 07 ก.ย. 10, 20:56
มาบุญครอง หรือเปล่าคะ?

ถ้าเป็นรูปเจ้าจอมเอิบจริงๆ   ก็ขอเล่าเรื่องประกอบนิดหน่อย

เจ้าจอมเอิบ อยู่ในกลุ่มเจ้าจอมก๊ก อ.  คือลูกสาวสกุลบุนนาคที่ได้เป็นฝ่ายใน   เป็นธิดาของเจ้าพระยาสุรพันธ์พิสุทธิ์ (เทศ บุนนาค)ซึ่งเป็นบุตรของสมเด็จเจ้าพระยาบรมมหาศรีสุริยวงศ์    ก่อนหน้านี้ท่านได้เป็นเจ้าเมืองเพชรบุรี
เจ้าจอมเอิบได้รับเลือกเป็น นางมยุรฉัตร เข้าในกระบวนแห่โสกันต์สมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้าบริพัตร์สุขุมพันธุ์  เสร็จงานแล้วถวายตัวเป็นข้าฝ่ายใน และได้อยู่ในวังกับเจ้าจอมมารดาอ่อน ผู้เป็นพี่สาว จนได้เป็นเจ้าจอม มีคุณสมบัติพิเศษคือ เชี่ยวชาญการถ่ายรูป
 
เจ้าจอมเอิบว่ากันว่า เป็นคนงามที่สุดในบรรดาพี่น้อง เป็นที่โปรดปรานตั้งแต่ได้เป็นเจ้าจอม จนกระทั่งเสด็จสวรรคต   เมื่อเสด็จยุโรปก็ยังมีพระ
มีพระราชปรารภในพระราชหัตถเลขา ถึงเจ้าจอมเอิบว่า
“ทำไมจึงเห็นหน้าเจ้ามากกว่าใครๆ หมด เห็นจะเปนด้วยอยู่กันมานาน ฝันก็ฝันถึงเจ้าร่ำไป”

เมื่อทรงส่งตุ้มหูไข่นกการเวกพระราชทานเจ้าจอม ม.ร.ว.สดับ  ก็พระราชทานแก่เจ้าจอมเอิบด้วย ๑ คู่
“ตุ้มหูคู่หนึ่งเปนไข่นกการเวกเหมือนกัน ฉันได้ซื้อที่เมืองนีศส่งทางไปรสนีย์ให้สดับ.. ...ฉันได้ส่งไปอีกคู่ ๑ สำหรับให้เอิบจากปารีสรวมเป็นสองคู่ด้วยกัน”

รูปนี้เจ้าจอมเอิบกำลังถ่ายรูปเจ้าพระยาสุรพันธ์ ผู้บิดา

(http://my.inlovephoto.com/07/d/498544-1/______________________________________________________+_____________________________________________________________________.jpg)


กระทู้: รูปเก่าเล่าเรื่อง-เมืองบางกอก 2
เริ่มกระทู้โดย: siamese ที่ 07 ก.ย. 10, 21:24
ยังไม่ใช่มาบุญครองครับ อาจารย์เทาชมพู

เจ้าจอมเอิบ โปรดการถ่ายภาพมาก ซึ่งในหนังสือเจ้าจอมก๊ก อ. ระบุว่าท่านได้ถ่ายภาพไว้เป็นอัลบั้ม และภาพที่มีชื่อเสียงภาพหนึ่งคือ ภาพพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๕ ทรงกับข้าวแบบลำลองที่พระตำหนักเรือนต้น พระที่นั่งวิมานเมฆครับ


กระทู้: รูปเก่าเล่าเรื่อง-เมืองบางกอก 2
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 07 ก.ย. 10, 21:32
ถ้าไม่ใช่ ก็ย้อนกลับไปช้อนลูกน้ำตามเดิมค่ะ ชินแล้ว
ดิฉันชอบพระบรมฉายาลักษณ์นี้มากค่ะ    ดูเป็นธรรมชาติและเป็นกันเอง แบบเรียบๆง่ายๆ

นำภาพเจ้าจอมเอิบในวัยชรามาให้ดูกัน   เห็นจะต้องขอแรงท่านผู้รู้ช่วยพิจารณาเครื่องราชฯและเครื่องประดับของท่านว่ามีอะไรบ้าง
ดิฉันดูออกอย่างเดียวคือเข็มกลัดเพชร พร้อมพระปรมาภิไธย จุฬาลงกรณ์ บนสายสะพายของท่าน  อีกอย่างคือรอบลำคอท่านน่าจะเป็นโช้คเกอร์(choker)

(http://topicstock.pantip.com/library/topicstock/2006/04/K4268885/K4268885-45.jpg)


กระทู้: รูปเก่าเล่าเรื่อง-เมืองบางกอก 2
เริ่มกระทู้โดย: V_Mee ที่ 07 ก.ย. 10, 21:46
เหรียญ ๒ เหรีญนั้น  เหรียญบน รัตนาภรณ์ จ.ป.ร.ชั้นที่ ๒ อักษรพระบรมนามาภิไธยลงยาสีแดง  ขอบประดับเพชร  ห้อยแพรแถบพื้นแดงมีริ้วขาวตรงกลาง
เหรียญด้านล่าง คือ รัตนาภรณ์ ว.ป.ร. ชั้นที่ ๒  อักษรพระบรมนามาภิไธยลงยาสีดำ  ขอบประดับเพชร  ห้อยกับแพรแถบพื้นเหลืองมีริ้วดำที่ริมขอบ

ด้านขวาบน  ประดับอักษรพระบรมนามาภิไธย จ.ป.ร.พระเกี้ยวยอด ชั้นที่ ๑  ประดับเพชรทั้งองค์  สอดแพรแถบนพรัตนราชวราภรณ์  
ขวาล่างเป็นเข็มพระชนมายุสมมงคล  พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวโปรดให้สร้างขึ้นในวโรกาสที่ทรงเจริญพระชนมายุเสมอด้วยสมเด็จพระบรมอัยกาธิราช พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย  ลักษณะเป็นเข็มรูปครุฑ  มือขวาชูอักษรพระบรมนามาภิไธย อ.ป.ร.  มือซ้ายชูอักษรพระบรมนามาภิไธย จ.ป.ร.  มีพระมหาอุณาโลมอยู่หว่างกลาง  อุณหิศอยู่เบื้องบน  เข็มนี้สอดแพรแถบตราช้างเผือกหรือมงกุฎสยาม  ตามลำดับชั้นตราสูงสุดที่ผู้นั้นได้รับพระราชทาน  เข็มนี้มี ๓ ชั้น  ชั้นที่ ๑ ทองคำลงยาราชาวดี  ชั้นที่ ๒ ทองคำ  และชั้นที่ ๓  เงิน  ในภาพนั้นน่าจะเป็นเข็มชั้นที่ ๑


กระทู้: รูปเก่าเล่าเรื่อง-เมืองบางกอก 2
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 07 ก.ย. 10, 21:58
ขอบคุณค่ะคุณ V_Mee น่าทึ่งมาก
คงมีเจ้าจอมน้อยคนนักที่จะได้รับพระราชทานอย่างนี้


กระทู้: รูปเก่าเล่าเรื่อง-เมืองบางกอก 2
เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 07 ก.ย. 10, 22:00
ผมไม่อยากตอบเพราะเกรงใจคนแถวนั้น แต่ป่านฉะนี้แล้วไม่ทราบไปช้อนลูกน้ำกันที่ไหนหมด เดี๋ยวคุณหนุ่มสยามจะไม่ยอมออมมือให้อีก ทายก็ได้แต่ถ้าผิดก็ขอไม่ใช้ฆ้อนแล้วกัน หักหมดแล้ว

เพลินจิตอาเขตครับ


กระทู้: รูปเก่าเล่าเรื่อง-เมืองบางกอก 2
เริ่มกระทู้โดย: siamese ที่ 08 ก.ย. 10, 07:06
ใช่แล้วครับ สถานที่นี้คือ เพลินจิตอาเขต เป็นห้างที่ได้รับความนิยมในสมัยช่วง ๔๐ ปีก่อน


กระทู้: รูปเก่าเล่าเรื่อง-เมืองบางกอก 2
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 08 ก.ย. 10, 08:08
ภาพที่มีชื่อเสียงภาพหนึ่งคือ ภาพพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๕ ทรงกับข้าวแบบลำลองที่พระตำหนักเรือนต้น พระที่นั่งวิมานเมฆครับ

(http://www.reurnthai.com/index.php?action=dlattach;topic=3462.0;attach=14206;image)

พระบรมฉายาลักษณ์นี้เป็นที่นิยมประดับไว้ในร้านอาหารทั่วไป

อยากถามว่า พระกระยาหารที่ทรงปรุงอยู่ในกระทะนั้นคืออะไร ?

 ;D


กระทู้: รูปเก่าเล่าเรื่อง-เมืองบางกอก 2
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 08 ก.ย. 10, 08:11
ให้คนที่ช้อนลูกน้ำเขตอื่นมารู้จักเพลินจิตอาเขต   ขายหน้าจริงๆ
จำไม่ได้เลยค่ะ    เพลินจิตอาเขตตอนสร้างใหม่ๆทำเป็นศูนย์การค้าเล็กๆชั้นเดียว   ต่อมาก็กลายเป็นอาคารสำนักงาน   เลยไม่ได้ไป

พอจะโพส ชนกลางอากาศกับคำถามชั้นเซียนขี่ไดโนเสาร์ปราสาทตาพรม    ขอบายดีกว่า


กระทู้: รูปเก่าเล่าเรื่อง-เมืองบางกอก 2
เริ่มกระทู้โดย: siamese ที่ 08 ก.ย. 10, 08:28
ภาพที่มีชื่อเสียงภาพหนึ่งคือ ภาพพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๕ ทรงกับข้าวแบบลำลองที่พระตำหนักเรือนต้น พระที่นั่งวิมานเมฆครับ

(http://www.reurnthai.com/index.php?action=dlattach;topic=3462.0;attach=14206;image)

พระบรมฉายาลักษณ์นี้เป็นที่นิยมประดับไว้ในร้านอาหารทั่วไป

อยากถามว่า พระกระยาหารที่ทรงปรุงอยู่ในกระทะนั้นคืออะไร ?

 ;D


เคยได้อ่านบทความว่าเป็นสิ่งนี้


กระทู้: รูปเก่าเล่าเรื่อง-เมืองบางกอก 2
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 08 ก.ย. 10, 08:34
(http://www.reurnthai.com/index.php?action=dlattach;topic=3462.0;attach=14088;image)


ดร. กัณฑาทิพย์ สิงหะเนติ เขียนเล่าไว้ในหนังสือ “ย้อนรอยเจ้าจอมก๊กออ ในรัชกาลที่ ๕” ว่า

สมเด็จพระพุทธเจ้าหลวงโปรดเสวยปลาทูเป็นอย่างมาก ในสมัยนั้นถือว่าปลาทูเป็นของหรู เสด็จเมืองเพชรคราวใดก็มักจะเอ่ยถึงปลาทูเสมอ บุญมี พิบูลย์สมบัติ จากบทความ “ข้าวต้มสามกษัตริย์”  หน้า ๒๐๕-๒๐๖ ในหนังสือ พระปิยมหาราชกับเมืองเพชร กล่าวว่า

“ปลาทูก็เป็นของกินอร่อย เพราะตัวโต และมีจำนวนมาก”

และอีกตอนว่า

“เมื่อครั้งพระบาทสมเด็จพระพุทธเจ้าหลวง รัชกาลที่ ๕ เสด็จมาเมืองเพชรบุรี แต่ละคราวของกินในฤดูกาลปลาทูชุก ก็ทรงโปรดเสวยปลาทูเป็นอย่างมาก เช่น เมื่อคราวเสด็จประพาสเพชรบุรีเมื่อ พ.ศ. ๒๔๕๒ ในวันที่ ๑๔ กันยายน ได้เสด็จลงเรือเล็ก ๒ ลำ มีเจ้าพนักงานเตรียมของแห้ง และเครื่องครัวขึ้นไปเที่ยวตอนเหนือลำน้ำเพชรบุรีจนถึงท่าเสน แล้วจอดเรือเสด็จขึ้นไปทำกับข้าวกลางวันกินกันที่ท่าน้ำวัดท่าหมูสี หรือวัดศาลาหมูสี”

พระราชหัตถเลขาจากเพชรบุรี ฉบับที่ ๕ วันที่ ๑๕ กันยายน ร.ศ. ๑๒๘ ที่มีมาถึงมกุฎราชกุมาร หน้า ๓๑ ได้กล่าวถึงเรื่องปลาทูไว้ว่า

“น้ำที่เพชรบุรีวันนี้ขึ้นสูงอีกมาก แต่ถ้าฝนไม่ตกก็น่าจะยุบลงได้อีก อากาศวันนี้แห้งสนิท มีฝนประปรายบ้างในเวลาจวนพลบ แต่ก็ไม่ชื้น มีความเสียใจที่จะบอกว่าปลาทูปีนี้ใช้ไม่ได้ ผอมเล็กเนื้อเหลว และมีน้อย ไม่ได้ทุกวันด้วย”

หรือในพระราชหัตถเลขาจากเพชรบุรีถึงพระยาบุรุษรัตนราชพัลลภ หน้า ๑๐๙ ที่ว่า

“พระยาบุรุษ

วันนี้เห็นปลาทูตัวโต ควรจะมีการเลี้ยงได้เช่นเมื่อปีกลายนี้ เป็นอาหารเช้าเวลาก่อฤกษ์แล้วให้ไปคิดจัดการกับพระยาสุรินทร์และกรมดำรง จะหาปลาได้ฤๅไม่”

หรืออีกฉบับหนึ่งจากเพชรบุรีถึงพระยาบุรุษรัตนราชพัลลภเช่นกัน

“พระยาบุรุษ

ปลาทูที่ได้มา ให้แจกไปตามเจ้านายและขุนนางคนละตัวสองตัว เพราะได้มาไม่ทันเลี้ยง”

หรือสำเนาพระราชหัตถเลขา ลงวันที่ ๒๐ กรกฎาคม ร.ศ. ๑๒๘ ที่มีมาถึงพระราชชายา เจ้าดารารัศมี จากหนังสือ ราชสำนักสยาม ของ ชาลี เอี่ยมกระสินธุ์ หน้า ๖๕ มีพระดำรัสถึงปลาทูไว้ว่า

“หมู่นี้ฝนชุกหาเวลาเที่ยวยาก....ในเดือนสิงหาคมคิดจะไปกาญจนบุรี ราชบุรี และเพชรบุรีสอนกินปลาทูเสียใหม่อีกสักที เพราะเหตุที่หมู่นี้กินไม่ได้ เหม็นคาว....”

บทความเรื่อง “ข้าวต้มสามกษัตริย์” ในหนังสือ พระปิยมหาราชกับเมืองเพชร ของ บุญมี พิบูลย์สมบัติ หน้า ๒๐๖ เล่าถึงการที่ทรงเอาจริงเอาจังมากกับปลาทู ซึ่งเป็นอาหารโปรดเวลาที่เสด็จเมืองเพชร และคนทอดปลาทูที่ถูกใจก็เห็นมีแต่เจ้าจอมเอิบเท่านั้น

“การเสวยปลาทูนั้น ในรัชกาลที่ ๕ ทรงพิถีพิถันมาก แม้แต่คนทอดปลาทูก็ทรงใช้คนที่มีความรู้ความเข้าใจในการปรุง การทำให้ถูกต้องคือกินอร่อย ใช่สักแต่ว่าทำได้พอเสร็จ โดยเฉพาะทรงเลือกหาคนทอดปลาทูที่ถูกใจ และมีฝีมือตามพระราชประสงค์นั้นคงได้แก่ เจ้าจอมเอิบ ซึ่งเป็นท่านหนึ่งในจำนวนเจ้าจอมจากสกุลเมืองเพชร ๘ ท่านนั่นเอง”

ในงานขึ้นพระตำหนักพญาไท  เมื่อเดือนพฤษภาคม ร.ศ. ๑๒๙ ก็ทรงมีพระราชหัตถเลขาถึงพระยาบุรุษในเรื่องการทอดปลาทู โดยให้รถไปรับเจ้าจอมเอิบมาที่พระตำหนักพญาไทเพื่อมาทอดปลาทูโดยเฉพาะ ดังความว่า

สวนดุสิต
๒๘ พฤษภาคม ร.ศ. ๑๒๙

พระยาบุรุษ

เรื่องทอดปลาทูข้าอยู่ข้างจะกลัวมาก ถ้าพลาดไปแล้วข้ากลืนไม่ลง ขอให้จัดตั้งเตาทอดปลาที่สะพานต่อเรือนข้างหน้าข้างใน บอกกรมวังให้เขาจัดรถให้นางเอิบออกไปทอดเตรียมเตาและกระทะไว้ให้พร้อม”

นอกจากจะโปรดเสวยปลาทูแบบที่ทอดตามปกติแล้ว สมเด็จพระพุทธเจ้าหลวงทรงคิดเมนูใหม่โดยนำปลาทูมาทำข้าวต้ม เรียก “ข้าวต้มสามกษัตริย์” ตามที่ บุญมี พิบูลย์สมบัติ เล่าไว้ในบทความเรื่อง “ข้าวต้มสามกษัตริย์” ในหนังสือ พระปิยมหาราชกับเมืองเพชร หน้า ๒๐๗ ความว่า

“ข้าวต้มสามกษัตริย์ ประกอบด้วย ปลาทู หมึก และกุ้ง ที่ได้สด ๆ จากทะเล ปรุงเป็นข้าวต้มอย่างง่าย ๆ ตามที่พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๕ ทรงคิดคราวเสด็จประพาสทางทะเล ขณะเสด็จจากปากอ่าวแม่กลอง จะมายังปากอ่าวบ้านแหลม มายังจังหวัดเพชรบุรี”

 ;D



กระทู้: รูปเก่าเล่าเรื่อง-เมืองบางกอก 2
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 08 ก.ย. 10, 08:39
มีพระบรมฉายาลักษณ์อีกองค์หนึ่งซึ่งนิยมประดับไว้ในร้านอาหารเช่นเดียวกัน

(http://topicstock.pantip.com/library/topicstock/2009/03/K7632633/K7632633-2.jpg)

คำถาม มีไครบ้าง ที่ไหน ใครถ่าย

 ;)


กระทู้: รูปเก่าเล่าเรื่อง-เมืองบางกอก 2
เริ่มกระทู้โดย: siamese ที่ 08 ก.ย. 10, 09:17
ขอตอบเรื่องสถานที่ก่อนว่า "เรือนตาอ้น" ในหมู่พระที่นั่งวิมานเมฆ ก่อนเพี้ยนมาเป็น "เรือนต้น"

จับฉากญี่ปุ่นลายเดียวกัน - ฆ้องโหม่งลูกใหญ่ที่แขวนไว้ - ตู้ประดับมุก (เลื่อนตำแหน่ง) - ขื่อไม้ - ขันน้ำพานรอง


กระทู้: รูปเก่าเล่าเรื่อง-เมืองบางกอก 2
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 08 ก.ย. 10, 09:45
ขอตอบเรื่องสถานที่ก่อนว่า "เรือนตาอ้น" ในหมู่พระที่นั่งวิมานเมฆ ก่อนเพี้ยนมาเป็น "เรือนต้น"

คุณไซอามีสจะสรุปว่า "เรือนต้น" มาจาก "เรือนตาอ้น" เห็นทีจะไม่ถูก

(http://topicstock.pantip.com/library/topicstock/2008/02/K6307530/K6307530-1.jpg)

แต่ถ้าจะสรุปอย่างนี้อาจจะใช่

เรือตาอ้น  ---> เรือต้น ----> ประพาสต้น ---> เพื่อนต้น ---> เรือนต้น

การเสด็จประพาสต้นเริ่มมีครั้งแรก  เมื่อรัตนโกสินทรศก ๑๒๓ (พ.ศ. ๒๔๔๗)  รายการเสด็จประพาสต้นครั้งนี้  นายทรงอานุภาพได้เขียนจดหมายเล่าเรื่องประพาสต้นไว้โดยพิสดาร  ดังที่พิมพ์ไว้ในตอนต้นสมุดเล่มนี้

เหตุที่จะเรียกว่า ประพาสต้น นั้นเกิดเมื่อเสด็จในคราวนี้  เวลาจะประพาสมิให้มีใครรู้ว่าเสด็จไป  ทรงเรือมาดเก๋ง ๔ แจวลำหนึ่ง   เรือนั้นลำเดียวไม่พอบรรทุกเครื่องครัว  จึงทรงซื้อเรือมาดประทุน ๔ แจวที่แม่น้ำอ้อมแขวงจังหวัดราชบุรีลำหนึ่ง   โปรดฯให้เจ้าหมื่นเสมอใจราชเป็นผู้คุมเครื่องครัวไปในเรือนั้น   เจ้าหมื่นเสมอใจราชชื่อ อ้น  จึงทรงดำรัสเรียกเรือลำนั้นว่า "เรือตาอ้น" เรียกเร็ว ๆ เสียงเป็น "เรือต้น"  เหมือนในบทเห่ซึ่งว่า "พระเสด็จโดยแดนชล  ทรงเรือต้นงามเฉิดฉาย"  ฟังดูก็เพราะดี

แต่เรือมากประทุนลำนั้นใช้อยู่หน่อยหนึ่งเปลี่ยนเป็นเรือมากเก๋ง ๔ แจวอีกลำหนึ่ง  จึงโปรดให้เอาชื่อเรือต้นมาใช้เรียกเรือมาดเก๋ง  ลำที่เป็นเรือพระที่นั่งทรง  อาศัยเหตุนี้  ถ้าเสด็จประพาสโดยกระบวนเรือพระที่นั่งมาดเก๋ง ๔ แจว  โดยพระราชประสงค์จะมิให้ผู้ใดทราบว่าเสด็จ  จึงเรียกการเสด็จประพาสเช่นนั้นว่า "ประพาสต้น"  

คำว่า "ต้น " ยังมีที่ใช้อนุโลมต่อมาจนถึงเครื่องแต่งพระองค์  ในเวลาทรงเครื่องอย่างคนสามัญเสด็จประพาสมิให้ผู้ใดเห็นแปลกผิดกับคนสามัญดำรัสเรียกว่า "ทรงเครื่องต้น"  ต่อมาโปรดฯให้ปลูกเรือนฝากระดานอย่างไทย  เช่นพลเรือนอยู่กันเป็นสามัญขึ้นที่ในพระราชวังดุสิต  ก็พระราชทานนามเรือนนั้นว่า "เรือนต้น"

จาก หนังสือ "ชีวิตและงานของ สมเด็จฯ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ"

 ;D


กระทู้: รูปเก่าเล่าเรื่อง-เมืองบางกอก 2
เริ่มกระทู้โดย: siamese ที่ 08 ก.ย. 10, 10:08
อ๋อ รับทราบครับผม มาจาก "เรือตาอ้น" แล้วกร่อนเสียงกัน แล้วเรียก "ต้น" กับสิ่งต่างๆ ขอบคุณครับ :-[ :-[


กระทู้: รูปเก่าเล่าเรื่อง-เมืองบางกอก 2
เริ่มกระทู้โดย: siamese ที่ 08 ก.ย. 10, 11:15
หายไปไหนหมดเอ่ย กลับมาดูภาพงามๆของพระนครกันครับ อยากไปจ่ายตลาดไหมครับ ถ้าอยากต้องรู้จักตลาดแห่งนี้ก่อน จึงจะเรียกรถรางไปถูก


กระทู้: รูปเก่าเล่าเรื่อง-เมืองบางกอก 2
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 08 ก.ย. 10, 11:25
อ้าว! ไปจ่ายตลาดเสียแล้ว

กำลังรอคำตอบเรื่อง ใครถ่าย - ใครถูกถ่าย อยู่เชียว

 :)


กระทู้: รูปเก่าเล่าเรื่อง-เมืองบางกอก 2
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 08 ก.ย. 10, 12:09
(http://topicstock.pantip.com/library/topicstock/2009/03/K7632633/K7632633-2.jpg)
ทราบอยู่คนเดียวคือเจ้าจอมเอิบ นั่งทางขวาของล้นเกล้าฯรัชกาลที่ ๕


กระทู้: รูปเก่าเล่าเรื่อง-เมืองบางกอก 2
เริ่มกระทู้โดย: siamese ที่ 08 ก.ย. 10, 12:31
น่าจะองค์เดียวกันไหม ?


กระทู้: รูปเก่าเล่าเรื่อง-เมืองบางกอก 2
เริ่มกระทู้โดย: srisiam ที่ 08 ก.ย. 10, 12:49
คุณแจ็คกี้ น่าจะไปเที่ยวตลาดน้ำวัดไทรที่โด่งดังที่สุดในสมัยนั้นและแวะเยือนวัดราชโอรสตามที่คุณหนูนักช้อนลูกน้ำบอกไว้.....เพียงแต่ภาพศาลาท่าน้ำที่นำมาอ้างอิงคงเป็นคนละหลังกับหลังนี้......................วัดราชโอรสเหมือนกันแต่คนละมุม....ภาพนี้ถ่ายจากวัดลงไปคลอง.....ส่วนภาพปริศนาถ่ายจากในคลองเข้าหาฝั่ง


จำนวนลอนกระเบื้อง....ใกล้เคียงกัน...ศิลปะลวดลายจากภาพคุณร่วมฤดี....เหมือนกัน


จึงน่าเป็นวัดราชโอรสดังคุณร่วมฤดีเล็งไว้แล้วครับ

แต่สังเกตว่าภาพคุณแจ็คกี้น่าจะเป็นขณะเรือแล่นผ่านมากกว่า


 ;D


กระทู้: รูปเก่าเล่าเรื่อง-เมืองบางกอก 2
เริ่มกระทู้โดย: Ruamrudee ที่ 08 ก.ย. 10, 13:55
ลุงศรีสยามมาช่วยแย้วววววว

เอาอีกภาพมาให้ดูอีกทีค่ะ เนื่องจากศาลาท่าน้ำวัดราชโอรส มี 3 หลัง และไม่เหมือนกันเลยสักหลัง
ในภาพนี้ หากมองไปที่หลังสุดท้ายไกลสุด น่าจะเป็นหลังที่คุณแจ๊คกี้เธอขึ้นลงเรือนะคะ

ภาพที่ตัดแปะไปคราวก่อน เป็นหลังกลาง แต่หลังที่อยู่ไกลสุด ดูจะทำหลังคาไม่เหมือนกับหลังกลางค่ะ

จะอย่างไรก็ตาม ภาพในปัจจุบัน เป็นศาลาที่ผ่านการซ่อมใหญ่ และ กลายเป็นศาลาที่ห่างจากฝั่ง ไม่ติดริมน้ำ ไม่มีสะพานยื่นออกไปเหมือนในรูปขาวดำค่ะ ทางการได้บูรณะ และ พยายามฟื้นคืนชีพตลาดน้ำวัดไทร และวัดราชโอรส โดยทำแพ มุงสังกะสี (ร้อนมั่ก ๆ ๆ ค่ะ) ดูในรูปจะเห็นแพหลังคาสังกะสีอยู่เต็ม เรียงขนานริมฝั่ง แต่ไม่เป็นที่นิยมค่ะ


กระทู้: รูปเก่าเล่าเรื่อง-เมืองบางกอก 2
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 08 ก.ย. 10, 14:03
ผู้ใดไปช้อนลูกน้ำหน้าวัดราชโอรสมา กรุณานำไปปล่อยด้วยครับ ใช้ไม่ได้

แก๊งค์ลูกน้ำเริ่มผนึกลมปราณ ประสานกระบี่ ยืนยันขอช้อนลูกน้ำที่วัดราชโอรส   ต่อปายยยย....
ในฐานะที่ดูไม่ออกว่าวัดไหนทั้งนั้น  ขออยู่บนสแตนด์ เชียร์อย่างเดียว

อ้อ  ภาพที่คุณไซมีสนำมาแสดง ก็ตอบไม่ได้ทั้งสองภาพค่ะ   รู้แต่ว่าเด็กเล็กๆในพระรูป  เป็นพระเจ้าลูกยาเธอทุกพระองค์


กระทู้: รูปเก่าเล่าเรื่อง-เมืองบางกอก 2
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 08 ก.ย. 10, 14:49
(http://topicstock.pantip.com/library/topicstock/2006/04/K4312882/K4312882-1.jpg)

พระราชโอรส ๓ พระองค์เล็ก
ซ้ายพระองค์ - สมเด็จเจ้าฟ้าจุฑาธุชธราดิลก กรมขุนเพชรบูรณ์อินทราชัย
กลาง - พระองค์เจ้าอุรุพงศ์รัชสมโภช
ขวาพระองค์ - สมเด็จเจ้าฟ้าประชาธิปกศักดิเดชน์ กรมขุนสุโขทัยธรรมราชา

ในพระบรมฉายาลักษณ์ข้างบน มีพระราชโอรสสองพระองค์ร่วมโต๊ะเสวย

ผู้ที่ร่วมโต๊ะเสวยมีแต่พระราชโอรสและพระราชธิดา



 ;D


กระทู้: รูปเก่าเล่าเรื่อง-เมืองบางกอก 2
เริ่มกระทู้โดย: siamese ที่ 08 ก.ย. 10, 15:02
มีผู้เชี่ยวชาญได้เคยลำดับไว้ จากซ้ายไปขวา ได้ดังนี้

พระเจ้าบรมวงศ์เธอพระองค์เจ้าอุรุพงศ์รัชสมโภช
สมเด็จพระมหิตลาธิเบศรอดุลยเดชวิกรม พระบรมราชชนก
สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอเจ้าฟ้ามาลินีนพดารา กรมขุนศรีสัชนาลัยสุรกัญญา
พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว
สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอเจ้าฟ้านิภานภดล กรมขุนอู่ทองเขตขัตตินารี
พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว


ขอเพิ่มเติมว่า ชุดที่เจ้านายเล็กๆทั้ง ๓ พระองค์สวมใส่ คือ เครื่องแบบนักเรียนนายร้อยพิเศษครับ ;D


กระทู้: รูปเก่าเล่าเรื่อง-เมืองบางกอก 2
เริ่มกระทู้โดย: srisiam ที่ 08 ก.ย. 10, 15:02
เปลี่ยนบรรยากาศ..............



 ;D


กระทู้: รูปเก่าเล่าเรื่อง-เมืองบางกอก 2
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 08 ก.ย. 10, 15:09
ดิฉันสงสัยว่า ป่านนี้พญาเหยี่ยวบุกพร้อมกล้องไปถึงวัดราชโอรสแล้วละค่ะ
กลับมาก็คงโฉบแก๊งค์ลูกน้ำไปกินหมดแก๊งค์
*******************
เป็นอันว่าสตรีที่นั่งข้างขวาของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้า ฯคือพระเจ้าลูกเธอ   ไม่ใช่เจ้าจอมเอิบ  ???


กระทู้: รูปเก่าเล่าเรื่อง-เมืองบางกอก 2
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 08 ก.ย. 10, 15:13
เจ้าจอมเอิบเป็นคนฉายพระรูป

สองพระองค์ที่ประทับทางซ้ายและขวาคือสมเด็จฯ เจ้าฟ้ามาลินีนพดารา และ สมเด็จฯ เจ้าฟ้านิภานพดล

(http://topicstock.pantip.com/library/topicstock/2008/01/K6237510/K6237510-14.jpg)

 ;D


กระทู้: รูปเก่าเล่าเรื่อง-เมืองบางกอก 2
เริ่มกระทู้โดย: siamese ที่ 08 ก.ย. 10, 15:36
อย่าลืมสมาชิก ออกจากวัง ขึ้นรถรางไปทายตลาดกันหน่อยคร้าบ


กระทู้: รูปเก่าเล่าเรื่อง-เมืองบางกอก 2
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 08 ก.ย. 10, 15:50
ไม่รู้ว่าตลาดอะไรหรอกนะคะ แต่คุณไซมีสย้ำคำว่า "รถราง" ก็คงจะเกี่ยวอะไรกันสักอย่าง  สุดทางรถรางหรือยังไง?
สังเกตตรงลูกศรชี้  มีตึกหน้าตาโอ่อ่าอยู่ตรงนั้น   แตกต่างจากตรอกเล็กๆที่มีแต่คนจีนเต็มไปหมด 


กระทู้: รูปเก่าเล่าเรื่อง-เมืองบางกอก 2
เริ่มกระทู้โดย: Ruamrudee ที่ 08 ก.ย. 10, 22:51
คุ้น ๆ ตาว่าจะเป็นท่าเตียนนะคะอาจารย์เทาชมพูขา (แอบมาตอบ ขโมยใช้Compคนอื่นอยู่ค่ะ)
สุดทางในภาพเป็นเรือนไม้ เคยเห็นอะไรคล้าย ๆ กันนี้ที่ท่าเตียน และรถรางก็ผ่านตรงนั้นเสียด้วย
อ้างถึง
[ สายดุสิต
สายนี้เริ่มจากหน้าบริษัทสยามอิเลคทริคที่ีอยู่ตรงข้ามกระทรวงศึกษาสมัยก่อน (ตอนนี้น่าจะเป็นศาลหรือเปล่าไม่แน่ใจครับ  ใครรู้ช่วยบอกที) ใกล้ ๆ วัดเลียบวิ่งไปตามถนนจักรเพ็ชร สามารถเปลี่ยสายไปเป็นสายสามเสนได้ตรงสะพานหัน แล้ววิ่งไปตามถนนพระสุเมรุเลียบกำแพงเมืองไปยังประตูไม้ ที่แยกบางลำพู  แล้ววิ่งผ่านถนนพระอาทิตย์,  ถ.ราชินี  ผ่านไปยังอนุสาวรีย์สงครามโลกครั้งที่ 1 แถวกระทรวงยุติธรรมเก่า แล้ววิ่งไปตามถนนหน้าพระธาตุก่อนที่จะเลี้ยวขาวเข้าท่าพระจันทร์ที่ถนนท่าพระจันทร์  หลังจากนั้นก็เลี้ยวซ้ายเข้าถนนมหาราช ผ่านท่าราชวรดิษฐ์และท่าเตียน, ปากคลองตลาด, ถ.จักรเพ็ชร, กระทรวงศึกษาธิการ  และข้ามคลองโอ่งอ่างตรงคูเมืองเก่า
แล้วผ่านไปทางวัดบพิตรพิมุข วิ่งไปตามถนนจักรวรรดิ์ไปทางวัดตึก  สามารถเปลี่ยนสายไปสายสามเสนหรือสายบางคอแหลมได้ตรงแยกเอส.เอ.บี. ก่อนที่จะวิ่งไปตามถนนวรจักรไปยังสะพานแม้นศรี (สะพานดำ) ตรงนี้สามารถเปลี่ยนเป็นสายหัวลำโพงได้ จากนั้นรถรางวิ่งเข้าถนนจักรพรรดิพงศ์ไปนางเลิ้ง(ถนนนครสวรรค์) ก่อนเลี้ยวเข้าถนนพิษณุโลกไปถนนราชดำเนินนอกไปบรรจบกับสายสามเสนหน้าวัดเทวราชกุญชร สายนี้เปลี่ยนไปในปี ค.ศ.1926 โดยไม่ผ่านหน้าโรงเรียนสวนกุหลาบและเปลี่ยนจากสุดสายที่หน้าวัดเทวราชกุญชรไปเป็นที่สี่เสาเทเวศน์
/quote]


กระทู้: รูปเก่าเล่าเรื่อง-เมืองบางกอก 2
เริ่มกระทู้โดย: siamese ที่ 09 ก.ย. 10, 07:27
เยี่ยมมากเลยครับคุณ Ruamrudee  ;D ;D


กระทู้: รูปเก่าเล่าเรื่อง-เมืองบางกอก 2
เริ่มกระทู้โดย: siamese ที่ 09 ก.ย. 10, 07:50
มาดูมุมนี้กันบ้างครับ บริเวณใดครับ


กระทู้: รูปเก่าเล่าเรื่อง-เมืองบางกอก 2
เริ่มกระทู้โดย: srisiam ที่ 09 ก.ย. 10, 08:40
ตามหัวหน้าแก๊งค์มาตอบว่า...(เดา)


สี่แยกถนนตะนาวตัดกับถนนบำรุงเมือง............ใกล้ๆกันมีข้าวเหนียวมะม่วงสุดอร่อย
เดินไปนิดพบกระทรวงมหาดไทย?


 ;D


กระทู้: รูปเก่าเล่าเรื่อง-เมืองบางกอก 2
เริ่มกระทู้โดย: siamese ที่ 09 ก.ย. 10, 09:04
 ;D ถูกต้องในเนื้อหาด้านการจราจร เยี่ยมมากครับ แล้วเขาเรียกวงกลมๆว่าอะไรหรือครับ และสถานที่สำคัญๆ รอฟังเพิ่มเติม และรอจากท่านอื่นด้วยครับ ;D ;D


กระทู้: รูปเก่าเล่าเรื่อง-เมืองบางกอก 2
เริ่มกระทู้โดย: V_Mee ที่ 09 ก.ย. 10, 09:20
ในภาพแสดงสี่แยกที่มีตึกแถววางตัวเป็นแนวโค้งตามรูปวงเวียนที่กลางถนนนั้น  ในกรุงเทพฯ มีอยู่ ๒ แยก คือ
แยกถนนเฟื่องนคร ตัดถนนบำรุงเมือง  ใกล้ร้านข้าวเหนียวเจ้าดัง  แยกนี้เรียกว่า สี่กั๊กเสาชิงช้า
อีกแยกหนึ่งถัดลงไปทางใต้  เป็นแยกถนนเฟื่องนครตัดกับถนนเจริญกรุง  แยกนี้เรียกว่า สี่กั๊กพระยาศรี  ตามนามพระยาศรีสหเทพ(ทองเพ็ง)  ที่บ้านท่านอยู่บริเวณนี้

จากภาพดูแล้วเหมือนภาพนี้ถ่ายจากทิศเหนือไปทิศใต้  ถ้าเป็นสี่กักเสาชิงช้า  จะต้องมองเห็นแนวอาคารกระทรวงนครบาลหรือปัจจุบันคือกระทรวงมหาดไทยทางขวาภาพ  และตอนบนของภาพจะต้องเห็นแรวกำแพงวัดราชบพิธ  ในเมื่อไม่ปรากฏแนวทั้งสองจึงขอทำนายว่าเป็น สี่กั๊กพระยาศรี ครับ

สำหรับวงกลมกลางสี่แยกนั้น  เป็นวงเวียนเล็กๆ  เคยได้ยินผู้ใหญ่ท่านเล่ากันมาว่า เมื่อหลวงชาตืตระการโกศล ผู้บุกเบิกงานตำรวจจราจรของเมืองไทยกลับจากศึกษาวิชาตำรวจที่ต่างประเทศนั้น  ท่านได้มายืนโบกรถกลางสี่กั๊กนี้เป็นคนแรก  เลยเป็นที่ล้อเลียนของเพื่อนๆ ท่านเสมอ  ให้รำจราจรให้ดูในวัย ๘๐ ปีเศษเป็นประจำ  จำได้ว่าเมื่อสมัยเด็กๆ ผ่านไปที่สั่กั๊กทั้งสองนี้จะมีป้อมตำรวจตั้งอยู่บนเวงเวียนนั้นด้วย


กระทู้: รูปเก่าเล่าเรื่อง-เมืองบางกอก 2
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 09 ก.ย. 10, 10:47
ปาดคุณ Siamese บ้าง  สมาชิกแก๊งค์ลูกน้ำขอเสนอภาพปริศนาบ้างค่ะ
คำถามเดิม ที่นี่ที่ไหน?
จะถามว่ามีใครอยู่ในภาพบ้างก็ไม่กล้า    เพราะระดับเซียนอาจตอบได้ ทั้งคนอยู่ในภาพ คนถ่ายภาพ คนยืนอยู่นอกภาพ ฯลฯ


กระทู้: รูปเก่าเล่าเรื่อง-เมืองบางกอก 2
เริ่มกระทู้โดย: siamese ที่ 09 ก.ย. 10, 10:47
อาจารย์ V_Mee ตอบเลยไป ๑ กั๊ก ข้อความวิเคราะห์ด้านบนถูกต้องแล้วครับ ด้านซ้ายภาพหลุดเฟรมไป ซึ่งก็เป็นกระทรวงมหาดไทย วงกลมคือ "สี่กั๋กเสาชิงช้า" ครับ

ลองดูรายละเอียดตามภาพเลยครับ มีหลุมหลบภัยด้วย จำนวน ๒ หลุม ประชาชนช่วงสงครามคงวิ่งหลบกันใหญ่เลยนะครับ


กระทู้: รูปเก่าเล่าเรื่อง-เมืองบางกอก 2
เริ่มกระทู้โดย: siamese ที่ 09 ก.ย. 10, 11:03
เอาภาพลงมาโปรย เขย่าๆๆ ให้ตาลุกวาวกันก่อนครับ อาจารย์ เทาชมพู  ;D ;D ;D ;D


กระทู้: รูปเก่าเล่าเรื่อง-เมืองบางกอก 2
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 09 ก.ย. 10, 11:14
.


กระทู้: รูปเก่าเล่าเรื่อง-เมืองบางกอก 2
เริ่มกระทู้โดย: siamese ที่ 09 ก.ย. 10, 11:38
ขอตอบครับ (หายไปชี้ตำแหน่งมาครับ) ;)


กระทู้: รูปเก่าเล่าเรื่อง-เมืองบางกอก 2
เริ่มกระทู้โดย: siamese ที่ 09 ก.ย. 10, 11:41
ซูมๆๆๆๆๆๆๆม ถามอาจารย์เทาชมพู  ;D  ละม้ายคล้ายเจ้านายพระองค์ใดครับผม


กระทู้: รูปเก่าเล่าเรื่อง-เมืองบางกอก 2
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 09 ก.ย. 10, 11:57
สระนี้คืออ่างหยกหรือเปล่าคะ


กระทู้: รูปเก่าเล่าเรื่อง-เมืองบางกอก 2
เริ่มกระทู้โดย: siamese ที่ 09 ก.ย. 10, 12:40
สระแห่งนี้ไม่ได้เรียกอ่างหยก ครับ (อ่างหยก อยู่ที่หมู่พระที่นั่งวิมานเมฆ) พื้นที่ตรงนี้นอกจากจะเรียก "สวนเต่า" เนื่องจากมีการเลี้ยงเต่าในบ่อแล้ว ยังอยู่ชิดกับสวนศิวาลัย เนื่องจากอยู่ติดกัน เลยอาจเรียกว่า สวนศิวาลัยในระยะหลัง มีเรื่องเล่าเกี่ยวกับสวนนี้ดังนี้

สระในสวนศิวาลัยนี้ ในรัชกาลที่ ๕ เป็นที่สรงสนานของเจ้านาย และเจ้าจอม มีศาลาที่ประทับอยู่ริมสระ เล่ากันในหมู่ข้าหลวงสำนักพระวิมาดาเธอฯ กรมพระสุทราสินีนาฏว่า เมื่อครั้งประทับในพระบรมมหาราชวัง เคยเสด็จมาประทับที่ศาลา ทอดพระเนตร พระเจ้าลูกเธอ และบรรดาเจ้าจอมเสด็จลง และลงเล่นน้ำ เมื่อทุกองค์ทุกคนขึ้นแล้ว ก็ยังประทับอยู่ต่อกับข้าหลวงจนเวลาพลบใกล้ค่ำ ข้าหลวงที่เฝ้าอยู่ เห็นท่านทอดพระเนตรเขม็งไปยังต้นไม้ใหญ่ริมสระ แต่มิได้รับสั่งว่ากระไร จนกระทั่งเวลาผ่านไปสักอึดใจ จึงได้รับสั่งว่า “ผีมาเล่นน้ำให้ดู” เล่ากันต่อๆ มาในพวกข้าหลวงและพระญาติว่ารับสั่งบอกว่าเป็นผู้หญิงผมยาว ดำผุดดำว่ายสักครู่ก็หายไป แต่พระวิมาดาเธอฯ นั้นเป็นที่ทราบกันว่า ท่านพระทัยแข็ง ไม่ทรงกลัวผีปีศาจ เรื่องจึงมิได้อื้ออึงจนทำให้ทุกคนหวาดกลัว ในหมู่ข้าหลวงและพระญาตินั้น เมื่อเล่าเรื่องนี้ มักจะพูดว่า “ผีมาเล่นน้ำถวายตัว”

ปัจจุบันศาลาและบ่อน้ำ ยังคงอยู่ครับ


กระทู้: รูปเก่าเล่าเรื่อง-เมืองบางกอก 2
เริ่มกระทู้โดย: siamese ที่ 09 ก.ย. 10, 12:45
ภาพระยะกว้าง จะได้มุมมองชัดขึ้น


กระทู้: รูปเก่าเล่าเรื่อง-เมืองบางกอก 2
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 09 ก.ย. 10, 13:35
ภาพถ่ายทางอากาศ สวยมากค่ะ
เรื่องผีมาเล่นน้ำถวาย คงเป็นเรื่องเดียวกับงูงวงช้าง มาเล่นน้ำ

เอารูปมาฝากอีกรูป  คุณ Siamese เห็นแล้วคงช้อนลูกน้ำได้เร็วในพริบตาเดียว  ก่อนหน้าเดอะแก๊งค์ลูกน้ำ


กระทู้: รูปเก่าเล่าเรื่อง-เมืองบางกอก 2
เริ่มกระทู้โดย: luanglek ที่ 09 ก.ย. 10, 13:39
นั่นคือ ตำหนักของสมเด็จพระพันวัสสาอัยยิกาเจ้าครับ


กระทู้: รูปเก่าเล่าเรื่อง-เมืองบางกอก 2
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 09 ก.ย. 10, 13:49
คุณหลวงเล็กเร็วยิ่งกว่าแสง อีกคนแล้ว


กระทู้: รูปเก่าเล่าเรื่อง-เมืองบางกอก 2
เริ่มกระทู้โดย: siamese ที่ 09 ก.ย. 10, 13:58
แวบเดียวเองครับคุณ luanglek  งั้นผมขอฝากภาพภายในพระตำหนักพระพันวัสสาฯ ก่อนบูรณะให้ชมครับ


กระทู้: รูปเก่าเล่าเรื่อง-เมืองบางกอก 2
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 09 ก.ย. 10, 14:14
รูปนี้เป็นใคร ทายง่ายมาก พญาเหยี่ยวและอินทรีทั้งหลายคงตอบได้ด้วยความเร็วเหนือแสง
แต่ที่นำมาลง เพราะอยากให้คนรุ่นหลังที่ไม่เคยเห็น ได้เห็นผู้หญิงงามที่สุดคนหนึ่งเท่าที่เคยมีมาในประวัติศาสตร์รัตนโกสินทร์


กระทู้: รูปเก่าเล่าเรื่อง-เมืองบางกอก 2
เริ่มกระทู้โดย: djkob ที่ 09 ก.ย. 10, 14:27
กบแอบอ่านกระทู้นี้มา 3 วันแล้วค่ะ จึงจบถึงหน้าปัจจุบัน บอกได้คำเดียวว่า สนุกม๊ากมาก

กระทู้นี้ทำให้กบได้ความรู้เยอะมากค่ะ

มีคำถามจากเด็กสมองทื่อนะคะ  อยากทราบว่า จากภาพความเห็นที่ 633 ของท่านปรมาจารย์ Siamesa

ตึกสีแดง ๆ ที่เห็นคือตึกอะไร หรือเป็นที่ทำการอะไรสักอย่าง หรือเป็นวังคะ

ด้วยความเคารพ
ดีเจกบ ???


กระทู้: รูปเก่าเล่าเรื่อง-เมืองบางกอก 2
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 09 ก.ย. 10, 14:45
(http://www.reurnthai.com/index.php?action=dlattach;topic=3462.0;attach=14239;image)

คล้ายๆสมเด็จพระพันปี นะคะ


กระทู้: รูปเก่าเล่าเรื่อง-เมืองบางกอก 2
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 09 ก.ย. 10, 14:49
# ๖๓๘

http://th.wikipedia.org/wiki/พระนางเธอลักษมีลาวัณ (http://th.wikipedia.org/wiki/พระนางเธอลักษมีลาวัณ)

(http://topicstock.pantip.com/library/topicstock/2009/11/K8509533/K8509533-10.jpg)



แล้วภาพนี้ล่ะ

(http://topicstock.pantip.com/klaibann/topicstock/2008/08/H6908701/H6908701-103.jpg)

ใคร

 ???


กระทู้: รูปเก่าเล่าเรื่อง-เมืองบางกอก 2
เริ่มกระทู้โดย: luanglek ที่ 09 ก.ย. 10, 14:50
ตึกแดงที่อยู่หลังหมู่พระมหามณเฑียรนั้นคือ
ตำหนักของสมเด็จพระปิตุจฉาเจ้าสุขุมาลมารศรี  พระอัครราชเทวี
มี ๒ ชั้น เดิมทาสีชมพู  รูปตึกเป็นสี่เหลี่ยมผืนผ้าหักศอกรูปตัวอี  

ตำหนักนี้อยู่ใกล้กับพระที่นั่งจักรีมหาปราสาท  เนื่องจากสมเด็จพระองค์นั้นทรงปฏิบัติหน้าที่เป็นราชเลขานุการิณีในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว  จึงต้องเสด็จไปมาที่พระที่นั่งจักรีฯ บ่อย  รัชกาลที่ ๕ จึงโปรดเกล้าฯ ให้สร้างตำหนักที่ประทับใกล้ๆ ที่ทรงงาน


กระทู้: รูปเก่าเล่าเรื่อง-เมืองบางกอก 2
เริ่มกระทู้โดย: luanglek ที่ 09 ก.ย. 10, 14:55
พระรูปพระราชกุมารนั้น  น่าจะเป็น  สมเด็จเจ้าฟ้าชายศิริราชกกุธภัณฑ์ สรรพวิสุทธิ์มหุดิมงคล อเนกนภดลดารารัตน์ สมันตบริพัตรวโรกาส อดิศรราชจุฬาลงกรณ์ บดินทรเทพยวโรรส วิสุทธิสมมตวโรภโตปักษ์ อุกฤษฐศักดิ์ อัครวรราชกุมาร  หรือเปล่า?


กระทู้: รูปเก่าเล่าเรื่อง-เมืองบางกอก 2
เริ่มกระทู้โดย: siamese ที่ 09 ก.ย. 10, 15:09
จับทิศทางมาให้ดูครับ คุณ DJKOB และคุณ luanglek ครับ


กระทู้: รูปเก่าเล่าเรื่อง-เมืองบางกอก 2
เริ่มกระทู้โดย: siamese ที่ 09 ก.ย. 10, 15:22
แผนผังอันนี้ละเอียดกว่าครับ


กระทู้: รูปเก่าเล่าเรื่อง-เมืองบางกอก 2
เริ่มกระทู้โดย: siamese ที่ 09 ก.ย. 10, 15:32
เอาไม้จิ้มฟัน เข้ามายันตามคุณ luanglek ว่าเป็น สมเด็จเจ้าฟ้าชายศิริราชกกุธภัณฑ์ฯ ครับ


กระทู้: รูปเก่าเล่าเรื่อง-เมืองบางกอก 2
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 09 ก.ย. 10, 15:47
รูปนี้หาคำตอบไม่ได้  
ภาษาเยอรมันในรูป เดาว่าตรงกับคำว่า The King of Siam  แต่ไม่ทราบว่าพระองค์ไหน  
อาจจะรัชกาลที่ ๖ ดูจากรุ่นของรถ
และไม่รู้รายละเอียดอื่นใด


กระทู้: รูปเก่าเล่าเรื่อง-เมืองบางกอก 2
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 09 ก.ย. 10, 15:48
ให้กี๊ฟรวดเดียวกับทุกท่าน


กระทู้: รูปเก่าเล่าเรื่อง-เมืองบางกอก 2
เริ่มกระทู้โดย: เพ็ญชมพู ที่ 09 ก.ย. 10, 15:51
ภาพปริศนานี้เป็น ๑ ใน ๔ ภาพที่รัชกาลที่ ๕ พระราชทานดุ๊กออฟเจนัว คราเสด็จฯ สยาม ในปี ๒๔๒๓ ปัจจุบันอยู่ที่ Castello di Aglie' เมืองตูริน อิตาลี

สองภาพแรก

(http://topicstock.pantip.com/klaibann/topicstock/2008/08/H6908701/H6908701-98.jpg)

ภาพที่สาม

(http://topicstock.pantip.com/klaibann/topicstock/2008/08/H6908701/H6908701-101.jpg)

และภาพที่สี่

(http://topicstock.pantip.com/klaibann/topicstock/2008/08/H6908701/H6908701-103.jpg)

ในห้องที่เก็บพระรูปทั้ง ๔ ยังมี ของที่ระลึกงานพระราชทานเพลิงพระศพสมเด็จพระนางเจ้าสุนันทากุมารีรัตน์และสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้ากรรณาภรณ์เพ็ชรรัตน์

(http://topicstock.pantip.com/klaibann/topicstock/2008/08/H6908701/H6908701-105.jpg)

ตัวหนังสือในภาพข้า่งบน

(http://topicstock.pantip.com/klaibann/topicstock/2008/08/H6908701/H6908701-106.jpg)

ไม่ทราบคำเฉลยที่ถูกต้อง

สมเด็จฯ เจ้าฟ้าศิริราชกกุธภัณฑ์ฯ ประสูติ พ.ศ. ๒๔๒๘ ไม่น่าจะใช่

เป็นพระฉายาลักษณ์สมเด็จฯ เจ้าฟ้ากรรณาภรณ์เพ็ชรรัตน์ฯ ได้หรือไม่

(http://topicstock.pantip.com/klaibann/topicstock/2008/08/H6908701/H6908701-104.jpg)

 ???





กระทู้: รูปเก่าเล่าเรื่อง-เมืองบางกอก 2
เริ่มกระทู้โดย: siamese ที่ 09 ก.ย. 10, 16:12
จริงด้วย พ.ศ. ขัดแย้งกันอยู่  :o :o :o


กระทู้: รูปเก่าเล่าเรื่อง-เมืองบางกอก 2
เริ่มกระทู้โดย: luanglek ที่ 09 ก.ย. 10, 16:18
รูปนี้หาคำตอบไม่ได้  
ภาษาเยอรมันในรูป เดาว่าตรงกับคำว่า The King of Siam  แต่ไม่ทราบว่าพระองค์ไหน  
อาจจะรัชกาลที่ ๖ ดูจากรุ่นของรถ
และไม่รู้รายละเอียดอื่นใด

น่าจะเป็นภาพพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๖ (ทรงเครื่องครึ่งยศทหารบก)
เสด็จฯ โดยรถยนต์พระที่นั่งไปยังถาวรวัตถุสถาน วัดมหาธาตุยุวราชรังสฤษดิ์
ทรงเปิดหอพระสมุดวชิรญาณสำหรับพระนคร เมื่อวันที่  ๖  มกราคม พ.ศ. ๒๔๕๙
(นับปีอย่างปัจจุบันจะเป็นปี ๒๔๖๐)  เวลาบ่าย ๔  โมงครึ่ง


ในครั้งนั้น  พระเจ้าบรมวงศ์เธอ  กรมพระดำรงราชานุภาพ  (พระอิสริยยศในขณะนั้น)
เป็นอุปนายกวรรณคดีสโมสร  ได้กราบบังคมทูลพระกรุณาขอพระราชทานทูลเกล้าฯ ถวาย
ประกาศนียบัตรวรรณคดีและเหรียญวชิรญาณ สำหรับหนังสือพระราชนิพนธ์ พระนลคำหลวง
ซึ่งรัชกาลที่ ๖ ได้ทรงพระราชนิพนธ์เมื่อปี ๒๔๕๗  และได้พิมพ์เป็นเล่มสำเร็จในเดือนธันวาคม ปี ๒๔๕๙


ถ้าสาระผิดพลาดประการใด  คงมีผู้เชี่ยวชาญที่มีใจกรุณามาตรวจสอบและเพิ่มเติมเป็นแน่ :)


กระทู้: รูปเก่าเล่าเรื่อง-เมืองบางกอก 2
เริ่มกระทู้โดย: V_Mee ที่ 09 ก.ย. 10, 18:17
ตอนแรกก็คิดว่าเป็นการเสด็จพระราชดำเนินทรงปิดหอพระสมุดวชิรญาณดังที่คุณหลวงท่านอธิบายไว้  แต่เพ่งดูอีกนิดพลันต้องเปลี่ยนความคิด  เพราะบุคคลในภาพดังกล่าวล้วนพันแขนทุกข์กันโดยถ้วนทั่ว งานนี้จึงน่าจะเป็นงานพระเมรุท้องสนามหลวง  และงานพระเมรุที่ใช้ตึกถาวรวัตถุเป็นพระที่นั่งทรงธรรมนั้นมีแต่งานพระเมรุสมเด็จพระศรีพัชรินทราบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนี พันปีหลวง  เมื่อ พ.ศ. ๒๔๖๓

แต่ในงานพระเมรุสมเด็จพระพันปีหลวงนั้นในวันถวายพระเพลิงประทับรถม้าตามขบวนพระบรมศพมาแต่หน้าวัดพระเชตุพนฯ ไปยังพระเมรุท้องสนามหลวง  ส่วนวันเก็บพระบรมอัฐินั้นประทับพระราชยานแต่พระบรมมหาราชวัง  ในภาพนี้จึงไม่ใช่งานพระเมรุสมเด็จพระพันปีหลวงแน่นอน  อาจจะเป็นงานต่อท้ายงานพระเมรุสมเด็จพระพันปีหลวงงานใดงานหนึ่ง 

ในภาพนั้นคุณหลวงท่านทักว่าเป็นงานแต่งครึ่งยศ  แต่เมื่อสำเนาภาพไปเปิดในโฟโต้ชอพ  เห็นเบื้องพระปฤษฎางค์จะว่าทรงสายสะพายก็น่าจะใช่  แต่แถวทหารกองเกียรติยศที่หน้าตึกถาวรวัตถุนั้นแต่งเครื่องแบบขาว  จึงชวนให้สงสัยว่า ที่ดูคล้ายสายสะพายนั้นอาจจะเป็นสายคันชีพ  ในกรณีที่ทรงเครื่องทหารรักษาพระองค์  ในเมื่อไม่มีหลักฐานอ้างอิงอยู่ใกล้มือเช่นนี้  คงต้องขอทำนายว่าเป็นงานพระเมรุต่อท้านงานถวายพระเพลิงพระบรมศพสมเด็จพระพันปีหลวง  เมื่อ พ.ศ. ๒๔๖๓  เพราะเมื่อพระราชทานเพลิงพระศพจอมพล สมเด็จพระอนุชาธิราช เจ้าฟ้าฯ กรมหลวงพิษณุโลกประชานาถ  ตลอดจนงานพระเมรุท้องสนามหลวงครั้งต่อๆ มาใน พ.ศ. ๒๔๖๖ และ ๒๔๖๘  ล้วนมีการปลูกพระที่นั่งทรงธรรมไว้ในบริเวณพระเมรุทั้งหมด


กระทู้: รูปเก่าเล่าเรื่อง-เมืองบางกอก 2
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 09 ก.ย. 10, 18:33
มีคำอะไรยิ่งกว่าเซียนไหม จะได้มอบให้
สิ่งสำคัญยิ่งกว่ารูปนั้นถูกหรือผิด คือคำอธิบายที่แตกฉานในรายละเอียด ของท่านทั้งสอง


กระทู้: รูปเก่าเล่าเรื่อง-เมืองบางกอก 2
เริ่มกระทู้โดย: siamese ที่ 09 ก.ย. 10, 19:35
เข้ามาซุมภาพให้ชัดๆครับผม สำหรับผมขอให้ข้อคิดเห็นสักเล็กน้อย
1. พระวรกายเล็ก (หมายถึงไม่สูง)
2. หากเป็นล้นเกล้าฯ ร.6 ทรงมีพระวรกายสุงและองค์ใหญ่กว่านี้

ผมจึงยังมองว่าเป็นพระปกเกล้าฯ ครับ และในไฟล์ที่ระบุไว้ว่า ค.ศ. 1928 ตรงกับ พ.ศ. 2471 ก็มีงานพระเมรุในเดือนพฤษภาคม เช่นเดียวกัน คืองานพระเมรุสมเด็จพระปิตุจฉาเจ้า สุขุมาลมารศรี พระอัครราชเทวี ณ พระเมรุท้องสนามหลวง ก็ได้ครับ


กระทู้: รูปเก่าเล่าเรื่อง-เมืองบางกอก 2
เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 09 ก.ย. 10, 20:05
ส่งของขบเคี้ยวมาให้เซียนานุเซียนย่อยต่อ


กระทู้: รูปเก่าเล่าเรื่อง-เมืองบางกอก 2
เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 09 ก.ย. 10, 20:07
ไม่ชัดก็เอาให้ชัด แต่ได้เท่านี้แหละครับ


กระทู้: รูปเก่าเล่าเรื่อง-เมืองบางกอก 2
เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 09 ก.ย. 10, 20:10
ภาพนี้ บรรยายภาพว่าเป็นงานออกพระเมรุ พระศพจอมพล สมเด็จพระอนุชาธิราช เจ้าฟ้าฯ กรมหลวงพิษณุโลกประชานาถ


กระทู้: รูปเก่าเล่าเรื่อง-เมืองบางกอก 2
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 09 ก.ย. 10, 20:29
เห็นพระรูปข้างบนนี้แล้ว   คนละพระองค์กัน  รถพระที่นั่งก็คนละคัน
รูปปริศนาน่าจะเป็นพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าฯ นะคะ   แต่สงสัยว่าสมเด็จพระนางรำไพฯ ไม่เสด็จด้วยหรือ งานสำคัญขนาดนี้


กระทู้: รูปเก่าเล่าเรื่อง-เมืองบางกอก 2
เริ่มกระทู้โดย: siamese ที่ 09 ก.ย. 10, 20:33
ที่สำคัญ หากดูแสงแดดที่ยอดหลังคา เวลาที่ถ่ายภาพเป็นช่วงบ่าย ไม่ใช่ช่วงเช้า ครับ


กระทู้: รูปเก่าเล่าเรื่อง-เมืองบางกอก 2
เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 09 ก.ย. 10, 21:11
^
วันเดียวกันหรือเปล่า?


กระทู้: รูปเก่าเล่าเรื่อง-เมืองบางกอก 2
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 09 ก.ย. 10, 21:43
คนละวันค่ะ  คนกางกลดและผู้ตามเสด็จแต่งตัวไม่เหมือนกัน   ในรูปของคุณนวรัตน แต่งขาวล้วน น่าจะเป็นพระราชพิธีพระราชทานเพลิง
แต่ในรูปปริศนา คนกางเกงสวมเสื้อขาวนุ่งผ้าม่วงสีเข้ม ก็ต้องเป็นการเสด็จในวาระอื่น


กระทู้: รูปเก่าเล่าเรื่อง-เมืองบางกอก 2
เริ่มกระทู้โดย: V_Mee ที่ 09 ก.ย. 10, 22:27
ใบ้กันมาขนาดนี้  พอจะเดาได้แล้วครับ  จากภาพในหลวงทรงเครื่องปกติทหารรักษาพระองค์แน่นอนแล้ว  เพราะที่เห็นคล้ายสายสะพายนั้นคือสายคันชีพ  แถวทหารมหาดเล็กที่ตั้งแถวรับเสด็จหน้าตึกถาวรวัตถุนั้นแต่งเครื่องแบบปกติ  ที่มีการพันแขนดำนั้นน่าจะเป็นระหว่างไว้ทุกข์ถวายพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว  ซึ่งมีกำหนดไว้ทุกข์ ๑ ปี  เริ่มตั้งแต่วันที่  ๒๖  พฤศ๗กายน  ๒๔๖๘  มาครบปีในวันที่  ๒๕  พฤศจิกายน  ๒๔๖๙

เมื่อพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวเสด็จสวรรคตนั้น  มีจดหมายเหตุพระราชกิจรายวันบันทึกไว้ว่า ล้นเกล้าฯ รัชกาลที่ ๗ ได้พระราชทานหนังสือส่วนพระองค์ล้นเกล้าฯ รัชกาลที่ ๖ จำนวนนับหมื่นเล่มแก่อพระสมุดสำหรับพระนคร  จึงเป็นที่มาของหอพระสมุดวชิราวุธที่ตึกถาวรวัตถุ  ริมสนามหลวง  ภาพดังกล่าวจึงน่าจะเป็นการเสด็จพระราชดำเนินทรงเปิดหอพระสมุดวชิราวุธ 


กระทู้: รูปเก่าเล่าเรื่อง-เมืองบางกอก 2
เริ่มกระทู้โดย: siamese ที่ 10 ก.ย. 10, 07:38
ใบ้กันมาขนาดนี้  พอจะเดาได้แล้วครับ  จากภาพในหลวงทรงเครื่องปกติทหารรักษาพระองค์แน่นอนแล้ว  เพราะที่เห็นคล้ายสายสะพายนั้นคือสายคันชีพ  แถวทหารมหาดเล็กที่ตั้งแถวรับเสด็จหน้าตึกถาวรวัตถุนั้นแต่งเครื่องแบบปกติ  ที่มีการพันแขนดำนั้นน่าจะเป็นระหว่างไว้ทุกข์ถวายพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว  ซึ่งมีกำหนดไว้ทุกข์ ๑ ปี  เริ่มตั้งแต่วันที่  ๒๖  พฤศ๗กายน  ๒๔๖๘  มาครบปีในวันที่  ๒๕  พฤศจิกายน  ๒๔๖๙

เมื่อพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวเสด็จสวรรคตนั้น  มีจดหมายเหตุพระราชกิจรายวันบันทึกไว้ว่า ล้นเกล้าฯ รัชกาลที่ ๗ ได้พระราชทานหนังสือส่วนพระองค์ล้นเกล้าฯ รัชกาลที่ ๖ จำนวนนับหมื่นเล่มแก่อพระสมุดสำหรับพระนคร  จึงเป็นที่มาของหอพระสมุดวชิราวุธที่ตึกถาวรวัตถุ  ริมสนามหลวง  ภาพดังกล่าวจึงน่าจะเป็นการเสด็จพระราชดำเนินทรงเปิดหอพระสมุดวชิราวุธ  

หนังสือของล้นเกล้าฯ มีจำนวนมากมายเลยนะครับ แล้วปัจจุบันนี้ยังเก็บรักษาที่นี่หรือเปล่าครับ


กลับมานั่งรถรางชมเมืองกันสักหน่อยครับ เห็นอาคารนี้แล้วจำได้ไหมว่าอยู่แถวไหนครับ


กระทู้: รูปเก่าเล่าเรื่อง-เมืองบางกอก 2
เริ่มกระทู้โดย: luanglek ที่ 10 ก.ย. 10, 08:13
ใบ้กันมาขนาดนี้  พอจะเดาได้แล้วครับ  จากภาพในหลวงทรงเครื่องปกติทหารรักษาพระองค์แน่นอนแล้ว  เพราะที่เห็นคล้ายสายสะพายนั้นคือสายคันชีพ  แถวทหารมหาดเล็กที่ตั้งแถวรับเสด็จหน้าตึกถาวรวัตถุนั้นแต่งเครื่องแบบปกติ  ที่มีการพันแขนดำนั้นน่าจะเป็นระหว่างไว้ทุกข์ถวายพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว  ซึ่งมีกำหนดไว้ทุกข์ ๑ ปี  เริ่มตั้งแต่วันที่  ๒๖  พฤศจิกายน  ๒๔๖๘  มาครบปีในวันที่  ๒๕  พฤศจิกายน  ๒๔๖๙

เมื่อพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวเสด็จสวรรคตนั้น  มีจดหมายเหตุพระราชกิจรายวันบันทึกไว้ว่า ล้นเกล้าฯ รัชกาลที่ ๗ ได้พระราชทานหนังสือส่วนพระองค์ล้นเกล้าฯ รัชกาลที่ ๖ จำนวนนับหมื่นเล่มแก่หอพระสมุดสำหรับพระนคร  จึงเป็นที่มาของหอพระสมุดวชิราวุธที่ตึกถาวรวัตถุ  ริมสนามหลวง  ภาพดังกล่าวจึงน่าจะเป็นการเสด็จพระราชดำเนินทรงเปิดหอพระสมุดวชิราวุธ 

 ??? :o :-\

นี่คือภาพพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว เสด็จฯ ไปทรงเปิดหอพระสมุด


กระทู้: รูปเก่าเล่าเรื่อง-เมืองบางกอก 2
เริ่มกระทู้โดย: siamese ที่ 10 ก.ย. 10, 08:17
คุณ luanglek  ภาพพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าฯ เสด็จมาเปิดหอสมุดวชิรญาณ กับภาพปริศนานั้น การแต่งกายของพระองค์นั้นต่างกัน ทรงนุ่งโจง กับ ทรงนุ่งกางเกงขายาว นะครับ


กระทู้: รูปเก่าเล่าเรื่อง-เมืองบางกอก 2
เริ่มกระทู้โดย: luanglek ที่ 10 ก.ย. 10, 08:34
ถูกต้อง   ฉลองพระองค์ต่างกัน  ย่อมแสดงว่าไม่ใช่ภาพในวาระเดียวกีน
คำถามมีอยู่ว่า  ถ้าเป็นภาพในปี 1928 หรือปี 2471  ก็ควรไปไล่ดูว่า
รัชกาลที่ ๗ เสด็จฯ ไปยังถาวรวัตถุสถาน เนื่องในการอะไร
สันนิษฐานว่า น่าจะเป็นการพระราชพิธีพระราชทานเพลิงพระศพเจ้านายในปีดังกล่าว
แต่ถ้าต้องระบุวันด้วย  ก็ต้องไล่ดูตามหมายกำหนดการเสด็จฯ
ซึ่งจะมีรายละเอียดแม้กระทั่งฉลองพระองค์และเครื่องราชฯ ที่ทรงในแต่ละวันงานด้วย


กระทู้: รูปเก่าเล่าเรื่อง-เมืองบางกอก 2
เริ่มกระทู้โดย: djkob ที่ 10 ก.ย. 10, 08:51
ด้วยความเคารพยิ่ง

ภาพของท่านอาจารย์หลวงเล็ก  อยากให้ทำลูกศรบอกว่าเป็นท่านใดบ้าง

เพื่อให้ลูกหลานเพิ่มความฉลาดขึ้นมาอีก  จำได้แน่ ๆ แค่ 3 พระองค์ค่ะ

นอกนั้นดูคลับคล้ายคลับคลาค่ะ

เคารพอย่างสูง
ดีเจกบ :)


กระทู้: รูปเก่าเล่าเรื่อง-เมืองบางกอก 2
เริ่มกระทู้โดย: siamese ที่ 10 ก.ย. 10, 09:17
นำราชกิจจานุเบกษา รายงานราชกิจ ณ วันที่ ๑๐ พฤศจิกายน ๒๔๖๙ เรื่องการเปิดหอพระสมุดวชิรญาณที่เปิดใหม่ และพิภิณฑ์สถานแห่งชาติ พระนคร
ในการนี้ผมเห็นเห็นภาพพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยุ่หัว รัชกาลที่ ๗ ประทับยืนหน้าพระที่นั่งพุทธไธสวรรค์ ทรงนุ่งโจงเช่นเดียวกันกับในภาพของคุณหลวงเล็กครับผม


กระทู้: รูปเก่าเล่าเรื่อง-เมืองบางกอก 2
เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 10 ก.ย. 10, 09:26
เอาภาพปริศนาอื่นมาแทรกบ้าง

คำว่า Royal College คือโรงเรียนอะไรครับ


กระทู้: รูปเก่าเล่าเรื่อง-เมืองบางกอก 2
เริ่มกระทู้โดย: siamese ที่ 10 ก.ย. 10, 09:32
รายชื่อในภาพ ได้แค่นี้ครับ รบกวนท่านอื่นวานบอก


กระทู้: รูปเก่าเล่าเรื่อง-เมืองบางกอก 2
เริ่มกระทู้โดย: siamese ที่ 10 ก.ย. 10, 09:38
เอาภาพปริศนาอื่นมาแทรกบ้าง

คำว่า Royal College คือโรงเรียนอะไรครับ

โรงเรียนราชินี (ล่าง) ครับ ภายในมีอาคารสุนันทาลัย ซึ่งสร้างไว้เพื่อเป็นอนุสรณ์แห่งการระลึกถึงพระนางผู้ซึ่งจากไปด้วยความรักและอาลัย ครับผม สถานที่เดิมเป็นที่ตั้งของวังเก่า เมื่อครั้งมีการก่อสร้างได้ขุดพบตุ๊กตาเด็กหัวจุก และมีศาลเจ้าพ่อจุกมาจนเดี๋ยวนี้


กระทู้: รูปเก่าเล่าเรื่อง-เมืองบางกอก 2
เริ่มกระทู้โดย: Ruamrudee ที่ 10 ก.ย. 10, 09:55
เพิ่มชื่อบุคคลในภาพได้อีกเล็กน้อยค่ะ


กระทู้: รูปเก่าเล่าเรื่อง-เมืองบางกอก 2
เริ่มกระทู้โดย: Ruamrudee ที่ 10 ก.ย. 10, 10:00
ภาพ 663 ของคุณหนุ่มสยาม คือ ร้านขายยาหมอเหล็ง ศรีจันทร์ อดีตผู้ก่อกบถ ร.ส.130 (ร่วมกับน้องชายร้อยตรี เหรียญ ศรีจันทร์) หลังได้รับพระราชทานอภัยโทษแล้ว ได้มาเปิดร้านขายยาที่นี่
อ้างถึง
ที่เห็นนี้คือ "อาคารศรีจันทร์" ที่ตั้งอยู่บริเวณสี่แยกสะพานเหล็กบน " (สะพานดำรงสถิตย์) ถนนมหาชัย ซึ่งสันนิษฐานว่า ภาพโบราณภาพนี้น่าจะถ่ายขึ้นในสมัยต้นรัชกาลที่ ๖ ดังปรากฏในหนังสือ เส้นทางการค้าไทย ๘๐ ปี กระทรวงพาณิชย์" (กระทรวงพาณิชย์, ๒๐ สิงหาคม ๒๕๔๓, หน้า ๗๘.) ว่า "อาคารหลังนี้สร้าง-ขึ้นในปี พ.ศ. ๒๔๕๕" (อันเป็นปีที่ ๓ ในสมัยรัชกาลที่ ๖)
 

และ
อ้างถึง
อาคารหลังนี้เมื่อแรกสร้างนั้น, มีจุดประสงค์เพื่อใช้เป็นที่ทำการของบริษัทไฟฟ้าสยาม ทุนจำกัด ที่นักธุรกิจชาวเดนมาร์กเป็นผู้ก่อตั้งขึ้นมาตั้งแต่ปี ๒๔๔๑ (แต่จะมีที่ตั้ง
อยู่ที่ใดมาก่อนไม่ปรากฏหลักฐาน) โดยนักธุรกิจชาวเดนมาร์กได้รับช่วงสัญญาต่อมา
 
จากนายลอเรนซ์ ยูจีนเบนเน็ต ซึ่งได้ทำสัญญาเอาไว้กับรัฐบาลสยามเมื่อปี ๒๔๔๐ โดย
 
ในครั้งนั้นบริษัทไฟฟ้าสยาม ได้แต่งตั้งให้นายเวสเตนโฮสช์ เป็นผู้จัดการ และได้มีการขอแก้ไขสัญญาต่างๆ กับรัฐบาลสยามหลายเรื่อง
 
พร้อมทั้งได้สร้างโรงไฟฟ้าขึ้นที่ข้างวัดราชบุรณะ (วัดเลียบ) เพื่อผลิตไฟฟ้า เพื่อการจัดการจำหน่ายให้แก่ประชาชนในพระนคร อีกทั้งยังได้เปิดกิจการเดินรถรางขึ้นในพระนครด้วย โดยในเวลาต่อมาจึงได้ย้ายที่ทำการไปอยู่ที่ข้างวัดราช

และ
อ้างถึง
ต่อมาในปี พ.ศ. ๒๔๘๒ จึงได้เปลี่ยนชื่อจากบริษัทไฟฟ้าสยาม ทุนจำกัด มาเป็นบริษัทไฟฟ้าคอร์ปปอเรชั่น จนกระทั่งเมื่อครบกำหนดสัมปทานที่ทำไว้กับรัฐบาลสยาม จึงได้โอนกิจการให้กับทางรัฐบาลเมื่อวันที่ ๑ มกราคม ๒๔๙๓
 
เมื่อบริษัทไฟฟ้าสยามฯ ได้ย้ายออกไปแล้ว อาคารหลังนี้ได้เป็นที่ตั้ง "ห้างขายยาหมอเหล็ง" ของหมอเหล็ง ศรีจันทร์ (นายร้อยเอก ขุนทวยหารพิทักษ์
 
นายร้อยเอก ขุนทวยหารพิทักษ์ (เหล็ง ศรีจันทร์) เป็นนายแพทย์ทหารในสังกัดกรมแพทย์ทหารบก ซึ่งในปี พ.ศ. ๒๔๕๔ ได้ถูกจับและดำเนินคดีในคราวที่เกิดการก่อการกบฏ ร.ศ. ๑๓๐ ในฐานะที่เป็นหัวหน้าขบวนการ ร.ศ. ๑๓๐ โดยศาลถูกตัดสินให้ประหารชีวิต แล้วจึงลดลงเหลือจำคุกตลอดชีวิต แต่ท่านถูกจำคุกอยู่ได้ ๑๒ ปี ๖ เดือน กับเศษ ๖ วัน ก็ได้รับการปล่อยตัวเป็นอิสระ เมื่อวันที่ ๑ พฤศจิกายน ๒๔๖๗
 
ซึ่งหลังจากพ้นโทษนี่เองที่หมอเหล็งได้ตั้งห้างขายยาหมอเหล็งขึ้นที่อาคารหลังนี้ และกิจการได้สืบต่อมาจนถึงบุตรชายของท่านเป็นรุ่นที่สอง หลังจากนั้นที่นี่จึงได้กลายมาเป็นบริษัทจเร อิเล็คทรอนิคส์สืบมาจนทุกวันนี้


กระทู้: รูปเก่าเล่าเรื่อง-เมืองบางกอก 2
เริ่มกระทู้โดย: siamese ที่ 10 ก.ย. 10, 10:07
เก่งมากเลยครับ  ;D คุณ Ruamrudee แบบนี้ต้องพานั่งรถรางชมเมืองกันให้สนุกไปเลย  ;D

แล้วภาพนี้ละครับ สมัยรัชกาลที่ ๗ เสด็จพิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาต พระนคร คงจะต่างวัน เนื่องจากไม่ได้ไว้ทุกข์


กระทู้: รูปเก่าเล่าเรื่อง-เมืองบางกอก 2
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 10 ก.ย. 10, 10:07
เจ้านายพระองค์นี้ คุ้นมากเลยว่าเคยเห็นพระรูป แต่ยังนึกไม่ออก


กระทู้: รูปเก่าเล่าเรื่อง-เมืองบางกอก 2
เริ่มกระทู้โดย: siamese ที่ 10 ก.ย. 10, 10:28
เจ้าพระยาธรรมศักดิ์มนตรี (สนั่น เทพหัสดิน ณ อยุธยา)


กระทู้: รูปเก่าเล่าเรื่อง-เมืองบางกอก 2
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 10 ก.ย. 10, 10:33
ใช่หรือคะ?   ดิฉันไปจำว่าเป็นเจ้านาย :-[


กระทู้: รูปเก่าเล่าเรื่อง-เมืองบางกอก 2
เริ่มกระทู้โดย: Ruamrudee ที่ 10 ก.ย. 10, 10:50
เรื่องจำหน้าบุคคลนี่ ดิฉันไม่ถนัดเลยอ่ะค่ะ นอกจากจะเป็นผู้ทรงคุณและมีชื่อเสียงมาก ๆ เท่านั้น จึงจะจำได้ค่ะ
รูปที่ถ่ายหน้าพิพิธภัณฑ์นั้น คือ วันทำพิธีเปิดเป็นทางการ หลังจากย้ายออกจากหอคองคอเดีย หรือ ศาลาสหทัยสมาคม
อ้างถึง
พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว ได้เสด็จพระราชดำเนินทรงเปิด "พิพิธภัณฑสถานสำหรับพระนคร" ในวันประกอบพระราชพิธีเฉลิมพระชนมพรรษา คือวันที่ ๑๐ พฤศจิกายน ๒๔๖๙ ด้วยพระองค์เอง พร้อมด้วยสมเด็จพระนางเจ้ารำไพพรรณี พระราชินี

ในภาพนั้น 1. คือ สมเด็จกรมพระยาดำรงราชานุภาพ 2. คือ สมเด็จกรมพระนิรศรานุวัติวงศ์ และ 3. คือ กรมหมื่นพิธยาลาภ

แปลกใจที่ในวันสำคัญนั้น น่าจะปรากฏท่าน ศาสตราจารย์ ยอชจ์ เซเดย์ ที่ทำงานร่วมกับสมเด็จกรมพระยาดำรงอย่างใกล้ชิดในการจัดทำพิพิธภัณฑ์สำหรับพระนครขึ้น


กระทู้: รูปเก่าเล่าเรื่อง-เมืองบางกอก 2
เริ่มกระทู้โดย: Ruamrudee ที่ 10 ก.ย. 10, 10:53
เอาภาพพิพิธภัณฑ์แห่งแรก ในพระบรมมหาราชวังมาฝากค่ะ เดิมเรียกว่า หอคองคอเดีย ต่อมาชื่อ ศาลาสหทัยสมาคม


กระทู้: รูปเก่าเล่าเรื่อง-เมืองบางกอก 2
เริ่มกระทู้โดย: Ruamrudee ที่ 10 ก.ย. 10, 11:00
คุณหลวงเล็กได้แปะภาพเล็ก ๆ ไว้ที่ 568 ยังไม่มีใครทายเลยว่านี่เป็นภาพอาคารอะไร ดิฉันก็ไม่ทราบ แต่คุ้น ๆ ค่ะ


กระทู้: รูปเก่าเล่าเรื่อง-เมืองบางกอก 2
เริ่มกระทู้โดย: luanglek ที่ 10 ก.ย. 10, 11:15
ใบ้ให้ว่า เป็นสถานที่ทำธุรกรรมการเงิน


กระทู้: รูปเก่าเล่าเรื่อง-เมืองบางกอก 2
เริ่มกระทู้โดย: siamese ที่ 10 ก.ย. 10, 11:31
ขอตอบคุณ luanglek  ว่าเป็น Bank of America หรือไม่ครับ


กระทู้: รูปเก่าเล่าเรื่อง-เมืองบางกอก 2
เริ่มกระทู้โดย: luanglek ที่ 10 ก.ย. 10, 11:41
หาใช่ไม่


กระทู้: รูปเก่าเล่าเรื่อง-เมืองบางกอก 2
เริ่มกระทู้โดย: srisiam ที่ 10 ก.ย. 10, 12:13
เขาเอาเบ็ดมาวาง............แก๊งค์ลูกน้ำทำคะแนนบ้างจ้า.............

 ;D


ธนาคารฮ่องกงและเซี่ยงไฮ้ (หรือที่ปัจจุบันใช้ชื่อใหม่ว่า HSBC) เป็นภาพอาคารสำนักงานใหญ่ ปากคลองผดุงกรุงเกษม ซึ่งเดี๋ยวนี้ก็คือริเวอร์ซิตี้ ศูนย์การค้าที่ขึ้นชื่อเรื่องโบราณวัตถุ


กระทู้: รูปเก่าเล่าเรื่อง-เมืองบางกอก 2
เริ่มกระทู้โดย: siamese ที่ 10 ก.ย. 10, 12:30
ไม่น่าพลาดเลย  :'(

งั้นเมื่อพบคำตอบคุณศรีสยาม จึงนำภาพงามๆมาวางเทียบกันให้ชมครับ


กระทู้: รูปเก่าเล่าเรื่อง-เมืองบางกอก 2
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 10 ก.ย. 10, 12:35
ขอเสนอคุณศรีสยามเป็นประธานแก๊งค์ลูกน้ำ คุณร่วมฤดีเป็นเลขาธิการแก๊งค์  ;D

ขอเสนอรูปง่ายๆบ้างค่ะ (แต่ยากสำหรับดิฉัน เพราะไม่ทราบคำตอบ) เจ้านายพระองค์นี้ใครคะ  


กระทู้: รูปเก่าเล่าเรื่อง-เมืองบางกอก 2
เริ่มกระทู้โดย: V_Mee ที่ 10 ก.ย. 10, 12:46
ภาพข้างบนคือ สมเด็จพระราชปิตุลา บรมพงศาภิมุข เจ้าฟ้าภาณุรังษีสว่างวงษ์ กรมพระยาภาณุพันธุวงศ์วรเดช  หรือออกพระนามอย่างย่อว่า "สมเด็จวังบูรพา" ครับ


กระทู้: รูปเก่าเล่าเรื่อง-เมืองบางกอก 2
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 10 ก.ย. 10, 13:32
    ขอบคุณมากค่ะ คุณ V_Mee
    สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้าภาณุรังษีสว่างวงศ์ กรมพระยาภาณุพันธุวงศ์วรเดช  ทรงเป็นต้นราชสกุล “ภาณุพันธุ์” เป็นพระราชโอรส ในพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 4 และสมเด็จพระเทพศิรินทราบรมราชินี ประสูติเมื่อวันที่ 11 มกราคม 2402 ทรงเป็นพระอนุชาร่วมครรโภทรเดียวกับพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว พระองค์เล็ก
   
        ชาวบ้านชาววังมักออกพระนามว่า "สมเด็จวังบูรพา" เพราะทรงมีวังชื่อว่า "วังบูรพาภิรมย์" หรือย่านวังบูรพาทุกวันนี้ ตามพระประวัติ ทรงเป็นจอมพลในรัชกาลที่ 7 ที่ทหารรักมาก เล่ากันมาว่าพวกทหารมักจะแบกพระองค์ท่านขึ้นบนบ่าแห่แหนในวาระที่มีการฉลองต่างๆ เช่น ฉลองคล้ายวันประสูติ เป็นต้น

ทรงเป็นผู้ให้กำเนิดกิจการไปรษณีย์ไทย เสด็จทิวงคต เมื่อวันที่ 13 มิถุนายน พ.ศ. 2471


กระทู้: รูปเก่าเล่าเรื่อง-เมืองบางกอก 2
เริ่มกระทู้โดย: siamese ที่ 10 ก.ย. 10, 14:12
สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้าภาณุรังษีสว่างวงศ์ กรมพระยาภาณุพันธุวงศ์วรเดช ทรงเคยเสด็จหัวเมืองราชบุรี จนได้เพชรแห่งวงการดนตรีไทย คือ หลวงประดิษฐ์ไพเราะ (ศร ศิลปบรรเลง) มาชุบเลี้ยงไว้

อีกทั้งทหารช่าง ก็ยังนำพระนามท่านตั้งชื่อ "ค่ายภาณุรังษี" ที่จังหวัดราชบุรี

ภาพพระโกศทองใหญ่ซึ่งตั้งพระศพสมเด็จฯ ภายในตำหนักใหญ่ วังบูรพา


กระทู้: รูปเก่าเล่าเรื่อง-เมืองบางกอก 2
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 10 ก.ย. 10, 14:43
เห็นลายตกแต่งห้องงามวิจิตร ในวังบูรพา  แสนเสียดายที่วังถูกรื้อไป
ถ้าขายให้ราชการ คงจะรักษาไว้ได้

(http://www.oknation.net/blog/home/blog_data/12/2012/images/wang.jpg)


กระทู้: รูปเก่าเล่าเรื่อง-เมืองบางกอก 2
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 10 ก.ย. 10, 15:31
รูปนี้ชั้นอนุบาลอีกเหมือนกัน    ใคร และที่ไหน?


กระทู้: รูปเก่าเล่าเรื่อง-เมืองบางกอก 2
เริ่มกระทู้โดย: siamese ที่ 10 ก.ย. 10, 15:38
พระวิมาดาเธอ พระองค์เจ้าสายสวลีภิรมย์ กรมพระสุทธาสินีนาฏฯ ด้านซ้ายมือ
เจ้าจอมเอิบ กลางภาพ ทรงยืนถือภาชนะ

ถ่ายที่ห้องเครื่อง พระที่นั่งวิมานเมฆ


กระทู้: รูปเก่าเล่าเรื่อง-เมืองบางกอก 2
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 10 ก.ย. 10, 15:58
เร็วกว่าแสง
แก๊งค์ลูกน้ำมาไม่ทัน


กระทู้: รูปเก่าเล่าเรื่อง-เมืองบางกอก 2
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 10 ก.ย. 10, 16:01
เอาใหม่
พระรูปนี้นอกจากพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าฯ กับเจ้าจอมสุวัทนาแล้ว  มีใครอีกบ้าง
สุนัขทรงเลี้ยง ตัวนี้ชื่ออะไรคะ?


กระทู้: รูปเก่าเล่าเรื่อง-เมืองบางกอก 2
เริ่มกระทู้โดย: siamese ที่ 10 ก.ย. 10, 16:06
สุนัขทรงเลี้ยง ที่เป็นที่โปรดปรานมากของล้นเกล้าฯ คือ ย่าเหล


กระทู้: รูปเก่าเล่าเรื่อง-เมืองบางกอก 2
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 10 ก.ย. 10, 16:09
ตัวที่ตามเสด็จไปปีนัง  ไม่น่าจะใช่ย่าเหลนะคะ   ย่าเหลตายไปแล้ว
ย่าเหลหน้าตาเป็นอย่างนี้ค่ะ

(http://upload.wikimedia.org/wikipedia/th/thumb/4/43/RAMA6b.jpg/653px-RAMA6b.jpg)


กระทู้: รูปเก่าเล่าเรื่อง-เมืองบางกอก 2
เริ่มกระทู้โดย: luanglek ที่ 10 ก.ย. 10, 16:14
นี่ออกไปถึงเมืองปีนังแล้วเหรอครับ  แล้วจะกลับถึงบางกอกเมื่อไรกันเนี่ย :o


กระทู้: รูปเก่าเล่าเรื่อง-เมืองบางกอก 2
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 10 ก.ย. 10, 16:19
พักร้อนบ้างซีคะ คุณหลวง  ทำงานไม่ได้หยุดกันมา ๔๗ หน้าเข้าให้แล้ว


กระทู้: รูปเก่าเล่าเรื่อง-เมืองบางกอก 2
เริ่มกระทู้โดย: luanglek ที่ 10 ก.ย. 10, 16:56
เมื่อเช้ามีผู้สนใจภาพรัชกาลที่ ๗ เสด็จฯ ไปทรงเปิดหอพระสมุดที่ได้นำมาลง  จึงอธิบายเพิ่มเติมดังนี้
(กรุณาดูภาพประกอบ)

วันที่  ๒๖ กุมภาพันธ์ ๒๔๖๙ (นับตามปัจจุบันเป็น ปี ๒๔๗๐)
พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๗ เสด็จพระราชดำเนินไป
ทรงเปิดหอพระสมุดวชิราวุธ  ณ ถาวรวัตถุสถาน  วัดมหาธาตุยุวราชรังสฤษดิ์

ทั้งนี้ ได้โปรดเกล้าฯ ให้ย้ายหอพระสมุดวชิรญาณจากถาวรวัตถุสถาน
ไปจัดที่พระที่นั่งศิวโมกขพิมาน  ในพระราชวังบวรสถานมงคล
ดังที่ได้เสด็จฯ ไปทรงเปิดหอพระสมุดวชิรญาณที่จัดใหม่ 
กับพิพิธภัณฑสถานสำหรับพระนคร  ที่พระราชวังบวรสถานมงคล
วันที่ ๑๐ พฤศจิกายน  ๒๔๖๙  ในครั้งนั้น สมเด็จพระนางเจ้ารำไพพรรณี บรมราชินี เสด็จฯ ด้วย

บุคคลในภาพที่ฉายคราวเสด็จฯ ไปทรงเปิดหอพระสมุดวชิราวุธนั้น
คือคณะกรรมการราชบัณฑิตยสภา  ซึ่งรัชกาลที่ ๗ ได้โปรดเกล้าฯ ให้
กรรมการหอพระสมุดวชิรญาณ  (หรือกรรมการหอพระสมุดสำหรับพระนครในเวลาต่อมา)
เปลี่ยนชื่อเป็น  ราชบัณฑิตยสภา  เมื่อวันที่ ๑๙ เมษายน  ๒๔๖๙
ตามประกาศตั้งราชบัณฑิตย์สภา  (ต่อมา  ได้เปลี่ยนชื่อเป็นราชบัณฑิตยสถาน 
หลังเปลี่ยนแปลงการปกครองแล้ว)

กรรมการที่ได้รับโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งครั้งนั้นมีดังนี้

สภานายก  นายพลเอก  พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระดำรงราชานุภาพ
อุปนายก  แผนกศิลปากร  นายพลเอก  สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้ากรมพระนริศรานุวัดติวงศ์
อุปนายก  แผนกวรรณคดี  มหาอำมาตย์โท  พระราชวรวงศ์เธอ กรมหมื่นพิทยาลงกรณ
อุปนายก  แผนกโบราณคดี  มหาอำมาตย์โท  พระยาโบราณราชธานินทร์
กรรมการ  มหาอำมาตย์โท  หม่อมเจ้าปิยภักดีนารถ
กรรมการ  มหาเสวกโท  พระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าธานีนิวัติ
กรรมการ  มหาเสวกเอก  เจ้าพระยาธรรมศักดิมนตรี

(ตั้งคราวเดียวกับที่ออกประกาศตั้งราชบัณฑิตยสภา)

ต่อมาเมื่อ ๒๒ กุมภาพันธ์ ๒๔๖๙ (๒๔๗๐  นับอย่างปัจจุบัน)
ได้โปรดเกล้าฯ แต่งตั้งกรรมการเพิ่มอีก ๒ ราย
คือ พระเจ้าพี่ยาเธอ กรมพระจันทบุรีนฤนาถ  และพระสาสนโสภณ
(ต่อมาเป็นพระยาในราชทินนามเดิม สกุล ชูโต)

ในภาพนั้น ตรงกลางคือ รัชกาลที่ ๗
ด้านขวา จากบนลงล่าง  สมเด็จกรมพระยาดำรงฯ
สมเด็จเจ้าฟ้ากรมพระยานริศฯ
เสด็จในกรมพิทยาลงกรณ (น.ม.ส.)
เจ้าคุณโบราณราชธานินทร์

ด้านซ้าย จากบนลงล่าง
สมเด็จเจ้าฟ้ากรมพระนครสวรรค์วรพินิต
เสด็จในกรมพระจันทบุรีฯ
ลำดับถัดมาน่าจะเป็น หม่อมเจ้าปิยภักดีนารถ
และสุดท้ายเจ้าคุณธรรมศักดิ์มนตรี



กระทู้: รูปเก่าเล่าเรื่อง-เมืองบางกอก 2
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 10 ก.ย. 10, 17:00
โปรแกรมของดิฉันเปิดไฟล์ภาพของคุณหลวงเล็กไม่ได้  ใครเปิดได้ช่วยนำมาลงให้ดูหน่อยนะคะ


กระทู้: รูปเก่าเล่าเรื่อง-เมืองบางกอก 2
เริ่มกระทู้โดย: srisiam ที่ 10 ก.ย. 10, 17:21
เปิดไม่ได้เหมือนกันครับ............
ปรับแต่งรูปนี้ให้หน่อยนึง....


 :D


กระทู้: รูปเก่าเล่าเรื่อง-เมืองบางกอก 2
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 10 ก.ย. 10, 17:26
ต่อไปนี้คือวิชาเดา
ซ้ายสุด เจ้าพระยายมราช(ปั้น สุขุม)
ยืนหลังเก้าอี้เจ้าจอมสุวัทนา - เจ้าพระยารามราฆพ(ม.ล.เฟื้อ พึ่งบุญ)


กระทู้: รูปเก่าเล่าเรื่อง-เมืองบางกอก 2
เริ่มกระทู้โดย: V_Mee ที่ 10 ก.ย. 10, 18:46
ที่คุณชาวสยามกล่าวถึงทหารช่างอัญเชิญพระนามสมเด็จวังบูรพาไปขนานเป็นนามค่ายนั้น  เป็นเรื่องสืบเนื่องมาจากในสมัยรัชกาลที่ ๖ สมเด็จวังบูรพาทรงเป็นผู้บังคับการพิเศษกองพลทหารบกที่ ๔ มณฑลราชบุรี  ทรงเป็นพระธุระสอดส่องกิจการของกองพลทหารบกนี้เป็นอันมาก  เมื่อนายทหารในกองพลนี้ได้รับพระราชทานเสโล่หลวงชนะเลิศการแข่งขันยิงปืนระหว่างหน่วยทหาร  ก็โปรดให้มีการฉลองและสมโภชเสโล่หลวงนั้นเป็นการครึกครื้นมโหฬารเลยทีเดียว  ภายหลังเปลี่ยนแปลงการปกครองมีการจัดระเบียบหน่วยทหารใหม่  กองพลทหารบกที่ ๔ มณฑลราชบุรีถูกแปรสภาพไปเป็นกรมจเรทหารช่างหรือกรมการทหารช่างในปัจจุบัน  จึงมีการขนานนามหน่วยนี้เพื่อถวายพระเกียรติแด่สมเด็จวังบูรพา

สำหรับสุนัขทรงเลี้ยงในรัชกาลที่ ๖ นั้น มีอยู่ ๓ รุ่นด้วยกันครับ
รุ่นแรกคือ ย่าเหล  มีชื่อตามตัวเอกในเรื่องมิตรแท้ หรือ My Friend Jarlet
เมื่อย่าเหลถูกยิงเสียชีวิต  ทรงมีสุนัขทรงเลี้ยงใหม่ ชื่อ "มาลี"  ซึ่งก็มีชื่อตามตัวเอกในละครเรื่องมิตรแท้
เมื่อมาลีเสียชีวิตในคราวตามเสด็จประพาสหัวเมืองปักษ์ใต้ พ.ศ. ๒๔๖๐ แล้ว  พระยาอนิรุทธเทวา (ม.ล.ฟื้น  พึ่งบุญ) ได้หาสุนัขมาถวายเป็นสุนัขทรงเลี้ยงอีกรุ่นหนึ่ง  มีชื่อว่า นันทา  กับมากาเร็ต  

ภาพสุนัขที่แสดงไว้ข้างต้นนอกจากย่าเหลที่หมอบเฝ้าฯ ล้นเกล้าฯ ที่ทรงเครื่องอย่างอยู่กับบ้านแล้ว  คือ นันทากับมากาเร็ต  แต่ไม่ทราบว่าตัวไหนชื่ออะไร


กระทู้: รูปเก่าเล่าเรื่อง-เมืองบางกอก 2
เริ่มกระทู้โดย: Ruamrudee ที่ 10 ก.ย. 10, 19:48
น้อมรับตำแหน่งเลขาธิการแก๊งค์ลูกน้ำค่ะ อาจารย์เทาชมพูคะ
ก่อนอื่น ขอแสดงความรับผิดชอบต่ออาจารย์ Navarat ก่อนค่ะ
เรื่องคุณแจ๊คกี้ไปเที่ยวทางน้ำนั้น ได้มีโอกาสเข้าไปดูสถานที่จริงแล้ว
ยอมเอาลูกน้ำไปปล่อยคืนวัดราชโอรสแล้วนะคะอาจารย์ขา

ดูจากรูปจะเห็นว่าต่างกันจริง ๆ และศิลปะกรรมแบบนี้
คงไม่มีใครไปแก้แบบมากมายถึงกับเปลี่ยนรูปร่างมากขนาดนี้ได้
เมื่อเทียบกับศาลาที่วัดอรุณ ซึ่งร่วมสมัยกัน มีความคล้ายกันมาก
ทั้งวัดอรุณ และวัดราชโอรส ต่างก็มีหลังคาคนละแบบกับในภาพคุณแจ๊กกี้
เอารูปมาให้ชม และเปรียบเทียบค่ะ ทิ้งไว้เป็นปริศนาต่อไปว่า ...ที่ไหนกันแน่



กระทู้: รูปเก่าเล่าเรื่อง-เมืองบางกอก 2
เริ่มกระทู้โดย: siamese ที่ 10 ก.ย. 10, 19:52
จากจดหมายเหตุเสด็จประพาสสิงค์โปร์ ปีนังและแหลมมลายู ผู้ที่ตามเสด็จพระราชดำเนิน มีดังนี้
ฝ่ายใน
1 เจ้าจอมสุวัทนา
2 คุณหญิงรามราฆพ
3 คุณหญิงอุดมราชภักดี
4 หม่อมคล้อง เกษมสันต อยุธยา
5 ท้าวอินทรสุริยา
6 ท้าวศรีสุนทรนาฎ
7 คุณมณี โชติกเสถียร
8 นางสาวเปล่งศรี อัศวรักษ์

ฝ่ายหน้า
1 นายพลเอกและจางวางเอก เจ้าพระยารามราฆพ
2 จางวางเอกพระยาอนิรุทธเทวา
3 จางวางเอกพระยาอุดมราชภักดี
4 จางวางโท หม่อมเจ้าชัชวลิต
5 จางวางตรี พระยานรรัตนราชมานิต
6 จางวางตรี พระยาราชอักษร
7 จางวางตรี พระยาแพทย์พงศาวิสุทธาธิบดี
8 หัวหมื่น พระยาอิศราธิราชเสวี
9 หัวหมื่น พระยาสุเทพภักดี
10เจ้าหมื่นศรีสรรักษ์
11เจ้าหมื่นเสมอใจราช
12หลวงศักดินายเวร
13รองหัวหมื่นพระดรุณรักษา
14รองหัวหมื่น จมื่นรักษาสุรพัลลภ
15จ่าพระวิเศษพจนกรณ์
16จ่า พระชลาลัยวิชิต
17นายจ่าเรศ
18นายจ่าเนตร์
19นายกวดหุ้มแพร
20นายพินัยราชกิจ
21นายพิจิตรสรรพการ
22นายบำรุงชาญบทมาลย์
23นายขันหุ้มแพร
24นายเสนองานประพาศ
25นายพลพ่าห์
26นายจำลองราชอาสน์
27นายประจิตรอักษรนัย
28หุ้มแพร พระพิบุลย์พิริยภาพ
29นายทรงใจรักษ์
30นายรองพิจารณ์
31รองหุ้มแพรขุนวรเดชพิศาล
32มหาดเล็กสำรอง นายเคลิ้ม บุรยรัตพันธุ์

กระทรวงวัง
1มหาเสวกเอก เจ้าพระยาธรรมาธิกรณาธิบดี
2พระตำรวจโท พระยาอนุชิตชาญชัย
3มหาเสวกตรี พระยาเวียงในนฤบาล
4มหาเสวกตรี พระยาสมบัติบริหาร

กรมราชองครักษ์
1นายพลตรี พระยาสุรวงษวิวัฒ์น
2นายพันตรี หลวงอาจหาญณรงค์
3นายร้อยเอก นายศัลย์กำธร

ก.มหาอำมาตย์นายก เจ้าพระยายมราช
ข.มหาอำมาตย์โท หม่อมเจ้าฉลาดลบเลอสรร
ค.มหาอำมาตย์ตรีหม่อมเจ้าวรรณไวทยากร
ง.จางวางโทพระยาคทาะรบดีสีหราชบาลเมือง
จ.มิสเตอร์ ไวย์ออน สมิตห์
ฉ.นายพันตรีพระวิสดารดุลยรัถกิจ
ช.รองอำมาตย์เอกขุนวรพากย์พจนา
ซ.รองอำมาตย์เอก ถวิล คุปตารักษ์
ฌ.รองอำมาตย์โท ขุนธารีรัถการพ์
ฐ.รองอำมาตย์โท กิมหลี ฮุนตระกูล


กระทู้: รูปเก่าเล่าเรื่อง-เมืองบางกอก 2
เริ่มกระทู้โดย: Ruamrudee ที่ 10 ก.ย. 10, 19:56
จางวางตรี พระยานรรัตนราชมานิต
จางวางเอกพระยาอนิรุทธเทวา

2 ท่านนี้ เป็นคนไหนในภาพคะ


กระทู้: รูปเก่าเล่าเรื่อง-เมืองบางกอก 2
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 10 ก.ย. 10, 20:00
ขอบคุณรวดเดียวทั้งคุณ V_Mee  คุณ Siamese สำหรับข้อมูลหายาก ที่ไปค้นคว้ามาให้  และคุณเลขาธิการแก๊งค์ลูกน้ำที่บุกถึงวัดด้วยตัวเอง
สักวันแก๊งค์เราอาจจะตลุยหาศาลาท่าน้ำของคุณแจ๊คกี้ด้วยกันจนเจอก็ได้นะคะ  ตอนนี้ปล่อยไปก่อน

รายชื่อฝ่ายในที่ตามเสด็จ  รู้เพียงว่า คุณหญิงรามราฆพ (ประจวบ สุขุม)เป็นธิดาของเจ้าพระยายมราช
ท้าวศรีสุนทรนาฎ คือคุณยายของเจ้าจอมสุวัทนา


กระทู้: รูปเก่าเล่าเรื่อง-เมืองบางกอก 2
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 10 ก.ย. 10, 20:07
(http://www.reurnthai.com/index.php?action=dlattach;topic=3462.0;attach=14302;image)
นำรูปมาลงอีกครั้ง
เคยเห็นรูปพระยาอนิรุทธเทวา แต่ในรูปดูไม่ชัดว่าคนไหน  อาจจะเป็นผู้ชายสวมเสื้อนอกสีเข้ม  ยืนอยู่ข้างหลังพระเจ้าอยู่หัว
คุณป้าม.ล.เนื่องเล่าว่าท่านหล่อมาก   คุณป้าตอนเป็นสาวรุ่นวิ่งตามดูในงาน   เสียจนทำตุ้มหูเพชรหล่นหายไปข้างหนึ่ง
เด็กหนุ่มที่นั่งพับเพียบ อยู่ข้างพระเก้าอี้ มือจับสุนัขอยู่คือพระองค์เจ้าจุลจักรพงษ์หรือเปล่าคะ


กระทู้: รูปเก่าเล่าเรื่อง-เมืองบางกอก 2
เริ่มกระทู้โดย: siamese ที่ 10 ก.ย. 10, 20:15
7 ตุลาคม 2467 เกาะหมาก


กระทู้: รูปเก่าเล่าเรื่อง-เมืองบางกอก 2
เริ่มกระทู้โดย: Ruamrudee ที่ 10 ก.ย. 10, 20:23
จะใช่รูปนี้หรือไม่คะ ได้ภาพมาโดยไม่ได้รับการยืนยันว่าจะเป็นพระยารามฯ หรือ พระยาอนิรุธเทวาค่ะ


กระทู้: รูปเก่าเล่าเรื่อง-เมืองบางกอก 2
เริ่มกระทู้โดย: Ruamrudee ที่ 10 ก.ย. 10, 20:25
ลองช่วยกันดูว่า ภาพนี้ ถ่ายจากที่ไหนคะ


กระทู้: รูปเก่าเล่าเรื่อง-เมืองบางกอก 2
เริ่มกระทู้โดย: siamese ที่ 10 ก.ย. 10, 20:25
มีการถ่ายภาพหมู่ที่เกาะหมาก (ปีนัง)


กระทู้: รูปเก่าเล่าเรื่อง-เมืองบางกอก 2
เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 10 ก.ย. 10, 20:28
เข้ามาขอบคุณคุณร่วมฤดีครับ อุตสาห์ไปทำการบ้านมาเรื่องเก๋งจีน
เลยเอาลูกน้ำมาชดเชยให้จากที่เอาไปปล่อย


กระทู้: รูปเก่าเล่าเรื่อง-เมืองบางกอก 2
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 10 ก.ย. 10, 20:40
ใครเหมือนลูกน้ำตัวไหน โปรดดูกันเอาเอง  ;D

รูปข้างบนนี้ เจ้าพระยารามราฆพค่ะ


กระทู้: รูปเก่าเล่าเรื่อง-เมืองบางกอก 2
เริ่มกระทู้โดย: Ruamrudee ที่ 10 ก.ย. 10, 20:59
ขอบคุณสำหรับลูกน้ำจากอาจารย์ Navarat ค่ะ ได้เอามาใช้เป็นภาพประจำตัวให้คุ้มค่า

ขอถามนอกเรื่องกับอาจารย์เทาชมพู ท่านเจ้าเรือนค่ะ

ตำแแหน่ง หนุมาน อสุรผัด หรือ มัจฉานุ มีหลักเกณฑ์อะไรในการตั้งหรือไม่ค่ะ


กระทู้: รูปเก่าเล่าเรื่อง-เมืองบางกอก 2
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 10 ก.ย. 10, 21:02
เป็นหลักที่ดร. อ๊อฟแห่งเว็บวิชาการตั้งไว้แต่แรกค่ะ   เลื่อนระดับชื่อตามจำนวนที่โพสต์ ค่ะ
ถ้าชอบหนุมานก็กระหน่ำโพสต์เข้าไปให้หนักๆหน่อย  
แต่ดิฉันไม่รู้ว่าเกณฑ์นี้ยังใช้ได้อยู่หรือเปล่า   ต้องถามคุณม้าเวบมาสเตอร์

รูป#711  มองเห็นพระปรางค์วัดอรุณอย่างเดียว  แต่กะไม่ถูกว่าท่าน้ำอยู่ตรงไหนของแม่น้ำเจ้าพระยา  ถึงบางยี่ขันหรือไม่?


กระทู้: รูปเก่าเล่าเรื่อง-เมืองบางกอก 2
เริ่มกระทู้โดย: siamese ที่ 10 ก.ย. 10, 21:03
วิเคราะห์ภาพ
1. ภาพนี้กลับด้านหรือไม่ / ถ้ามองปกติยืนฝั่งสถานีบางกอกน้อยมองลงไปยังวัดอรุณ และตามด้วยวัดกัลยา แต่ถ้ากลับภาพจะเห็นวัดกัลยาก่อน และอีกฝั่งจะเห็นบ้านเรือนแน่นกว่านี้ ดังนั้นภาพนี้ไม่กลับด้าน
2. มุมซ้ายภาพเห็นยอดพระมหาปราสาท (น่าจะเป็นพระที่นั่งดุสิตฯ) (ไม่ใช่กระโดงเรือเพราะอยู่บนฝั่ง)
3. เรือแจวคนไทย คนนั่งชุดขาวเป็นชายฝรั่ง + แหม่มสวมหมวก (มาทำอะไรกันที่นี่)
4. ถ้าดูทิศควรอยู่แถวปากคลองบางกอกน้อย ไม่ควรเลยไปไกล เพราะไกลกว่านี้มุมโค้งฝั่งวังหลวงจะบังมุมหมด
5. จากข้อ 3. มีฝรั่งข้ามฟาก มาจากโรงพบาบาลวังหลังหรือ ? และในแผนที่มีบอกว่าบริเวณวังหลัง มี American Missonary (Girl School) ตั้งอยู่ (มีแนวโน้มสูง)


กระทู้: รูปเก่าเล่าเรื่อง-เมืองบางกอก 2
เริ่มกระทู้โดย: siamese ที่ 10 ก.ย. 10, 21:13
ภาพนี้ถ่ายจากระเบียง รพ.ศิริราช ชั้น 14 เมื่อสองปีก่อน จะเห็นมุมทำนองเดียวกัน คือ ถ้าอยู่ท่าเรือศิริราช จะเห็นมุมยอดพระมหาปราสาท - พระปรางค์วัดอรุณ - วัดกัลยาณมิตรฯ


กระทู้: รูปเก่าเล่าเรื่อง-เมืองบางกอก 2
เริ่มกระทู้โดย: Ruamrudee ที่ 10 ก.ย. 10, 21:17
คุณหนุ่มสยามเก่งมากค่ะ วิธีวิเคราะห์ภาพแบบนี้ ดิฉันไม่เอาไหนเลย
ภาพนี้ ถ่ายจากท่าน้ำของ ร.ร.กุลสตรีวังหลัง หรือ ร.ร.แหม่มโคล ในสมัย ร.5 ค่ะ
ปัจจุบัน คือ ร.พ.ศิริราชค่ะ

เฉลยแล้ว ถามต่อว่ามีใครรู้จักบุคคลในภาพนี้บ้างไหม


กระทู้: รูปเก่าเล่าเรื่อง-เมืองบางกอก 2
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 10 ก.ย. 10, 21:58
ไม่เคยเห็นภาพนี้ค่ะ น่าจะเป็นครูใหญ่ไทยกับครูใหญ่แหม่ม
แหม่มคงมาจัดตั้งโรงเรียนในไทย     ทรงผมและเสื้อผ้าเป็นแบบปลายวิกตอเรียน (ปลายศตวรรษที่ ๑๙ ต่อกับต้นศตวรรษที่ ๒๐)ตรงกับปลายรัชกาลที่ ๕
ผ้าพาดไหล่นั้นเหมือนพวกสก๊อต   เธอคงมีเชื้อสายสก๊อต


กระทู้: รูปเก่าเล่าเรื่อง-เมืองบางกอก 2
เริ่มกระทู้โดย: siamese ที่ 10 ก.ย. 10, 22:08
พูดถึงวังหลังแล้วนึกถึงแหม่มโคล์ซึ่งอยุ่ในฐานะคุณครูของพระเจ้าราชวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าเฉิดโฉม (ไม่แน่ใจจะเป็นดังในภาพหรือไม่)

“พระองค์เฉิดโฉมเป็นพระเจ้าลูกเธอในสมเด็จพระปิ่นเกล้า
เวลานั้นยังประทับอยู่ในวังหน้า ต่อมาวังหน้าถูกรื้อหมด  จึงไปประทับในวังหลวง

เสด็จพระองค์เฉิดโฉมทรงคุณวุฒิหลายประการ
ท่านทรงรอบรู้ทางโหราศาสตร์ นาฏศาสตร์
และทั้งมีพระชนมายุแล้ว  ยังหัดอ่านเขียนภาษาอังกฤษจนอ่านและเขียนได้
เพราะวังหน้าไม่ห้ามผู้หญิงฝรั่งเข้าวัง
ท่านได้ติดต่อกับแหม่มโคล์วังหลัง  แหม่มยอร์ช (นางอาจวิทยาคม)”
พระบาทสมเด็จพระปิ่นเกล้าเจ้าอยู่หัว กษัตริย์วังหน้า


กระทู้: รูปเก่าเล่าเรื่อง-เมืองบางกอก 2
เริ่มกระทู้โดย: Ruamrudee ที่ 10 ก.ย. 10, 22:19
เฉลยด้วยภาพค่ะ


กระทู้: รูปเก่าเล่าเรื่อง-เมืองบางกอก 2
เริ่มกระทู้โดย: siamese ที่ 10 ก.ย. 10, 22:20
จากรากแก้ว วัฒนาวิทยาลัย เรื่องแหม่มโคล และพระองค์เฉิดโฉม และซื้อที่ดินบางกะปิ

แหม่มโคลเล่าไว้ว่า ท่านผู้หนึ่งที่รู้เรื่องนี้ และก็มาเสนอขายที่ดิน ก็คือคุณหลวงวิฆเนตรฯ อาจารย์เกื้อ ศาลิคุปต์ เมื่อศึกษาอยู่ที่ประเทศสหรัฐอเมริกาไปเยี่ยมท่าน แหม่มโคลเล่าความหลังให้ฟังว่า ในรัชกาลพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว คุณหลวงวิฆเนตรฯมาหา และรบเร้าให้ท่านซื้อที่ดินบางกะปิไว้ คุณหลวงมาหาทีไรก็พูดแต่เรื่องที่ดิน วันนั้นมิสโคลชิงพูดดักคอเสียก่อนว่า “คงพูดเรื่องที่ดิน” ก็จริงอย่างว่า ซึ่งก็คือที่ดินของท่านที่พระอาจซื้อไว้เพื่อช่วยคุณหลวงวิฆเนตรฯ ลูกศิษย์เลขประจำตัวหมายเลข 1 ของโรงเรียนแพทย์ที่พระอาจวิทยาคมสอนอยู่ โดยพระอาจวิทยาคมขายให้ในราคาต้นทุน แหม่มโคลซื้อโดยไม่มีใครในคณะมิชชั่นเห็นด้วย จึงต้องซื้อด้วยเงินส่วนตัว ท่านกำชับไว้กับอาจารย์เกื้อว่า “อย่าพูดเรื่องนี้กับใครนอกจากว่าฉันตายแล้ว”

ที่ดินซื้อไว้ในปี 1914/2457 ตึกเรียนหลังแรกสร้างขึ้นในปี 1919/2462 ซึ่งก็มั่นคงแข็งแรงอยู่ให้เราเห็นได้ทุกวันนี้ โรงเรียนกุลสตรีวังหลังย้ายมาที่ทุ่งบางกะปิโดยเรือ ใช้เวลาขน 2 อาทิตย์ เปิดทำการสอนในปี 1921/2464 เปิดคริสตจักรขึ้นเพื่อสนองความต้องการทางด้านจิตวิญญาณของครูและนักเรียนในปี 1922/2465 แหม่มโคลจากสยามไปในปี 1923/2466 ในปีเดียวกันนั้นชื่อของโรงเรียนก็ได้เปลี่ยนไปด้วย ในเดือนมกราคมได้ชื่อใหม่ว่า วัฒนาวิทยาลัย อันเป็นมงคลนามที่ได้จาก พระนางเจ้าสว่างวัฒนา

     แหม่มโคลไม่ประสงค์ที่จะให้สร้างอนุสาวรีย์สำหรับท่าน ดังที่ครูศรีสะอาด บุนนาค ศิษย์เก่าผู้เข้มแข็งท่านหนึ่งได้เขียนไว้ว่า “โรงเรียนวัฒนาวิทยาลัยไม่มีแผ่นโลหะจารึกชื่อมิสโคลไว้เลยสักแห่งเดียว มีแต่ของมิสซิสแฮเรียต เอ็มเฮ้าส์” อนุสาวรีย์ของท่าน ก็คือ ชีวิตของคนที่เปลี่ยนแปลงไป และชีวิตคนที่ได้สร้างคุณงามความดีให้แก่ประเทศชาติและสังคม ดังเช่นเรื่องของพระองค์เจ้าหญิงเฉิดโฉม พระธิดาในพระบาทสมเด็จพระปิ่นเกล้าเจ้าอยู่หัว เป็นมิตรสนิทของมิสโคล โดยดอกเตอร์ ยอร์ช แมคฟาร์แลนด์ ผู้เป็นนายแพทย์ประจำพระองค์เป็นผู้แนะนำ เสด็จพระองค์หญิงโปรดปรานมิสโคลมาก เพราะนอกจากจะได้เรียนภาษาอังกฤษแล้ว มิสโคลยังได้เล่าเรื่องโลกภายนอกที่เสด็จพระองค์หญิงไม่เคยได้รู้ได้ฟังเลยให้ทรงทราบด้วย วันหนึ่งพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรับสั่งกับเสด็จพระองค์หญิงเฉิดโฉมว่า “เฉิดโฉม อะไรทำให้เธอเปลี่ยนไปนะ เธอเคยเป็นคนอารมณ์ร้าย เดี๋ยวนี้เธอเป็นคนละคนไปทีเดียว” เสด็จพระองค์หญิงกราบบังคมทูลว่า หมอยอร์ชกับแหม่มโคลเป็นคนถวายความเปลี่ยนแปลงนี้
     แหม่มโคลซื้อที่ดินจากพระอาจวิทยาคมไว้ 25 ไร่ แล้วท่านก็ซื้อเพิ่มเติมอีก ทีละแปลงสองแปลง อาจารย์ภิญโญ ณ นครเขียนไว้ว่า แหม่มโคลซื้อที่ดินไว้ 18 โฉนด จำนวน 10 แปลง สิ่งที่ท่านไม่ลืมและเป็นหัวใจของท่านก็คือ มีแปลงหนึ่งที่จะเก็บและสงวนไว้สำหรับสร้างโบสถ์ต่อไป

     ในปี ค.ศ. 1924/2467 แหม่มแมรี่ ภรรยาของพระอาจวิทยาคมถึงแก่ความตายโดยวัณโรค ท่านจึงยกที่ดินแปลงที่อยู่ทางตะวันออกของคลอง ซึ่งท่านขุดไว้นั้นให้แก่โรงเรียน จำนวน 17 ไร่ครึ่ง เพื่อเป็นอนุสรณ์แห่งความรักที่ท่านมีต่อภรรยาท่าน  

คุณครูศรีสะอาด บุนนาค ได้เขียนไว้ว่า “แหม่มโคลตกลงซื้อที่ดินริมคลองแสนแสบ ห่างจากพระนครไปทางทิศตะวันออกราว 280 เส้น ไม่มีการคมนาคมทางอื่นนอกจากทางน้ำ ด้วยประการฉะนี้ มิสโคลจึงทำหนังสือขึ้นถวายพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ขอพระราชทานถนน ซึ่งพระองค์ท่านทรงรับว่าจะพระราชทานให้ พร้อมกับมีพระราชกระแสรับสั่งถามมาอีกว่า ต้องการให้ถนนอยู่ใกล้โรงเรียนเท่าใด ถนนสุขุมวิท ตั้งแต่ทางรถไฟมาจนถึงถนนวัฒนาเข้าโรงเรียน ควรจะถือได้ว่าเป็นผลงานของมิสโคลอีกอย่างหนึ่ง ถนนวัฒนาควรจะได้ชื่อว่าถนนแหม่มโคล เพราะทุกคนเห็นพ้องกันดังนี้ แต่เจ้าของชื่อก็ไม่ยอมรับ แม้จะชราลงสักปานใดก็ตาม นิสัยถ่อมตัวและไม่ชอบโอ้อวดยังมีอยู่อย่างไรเมื่อแรกมาถึงประเทศไทย จนบัดนั้นซึ่งอยู่ใกล้ในวัยชราแล้ว ก็ยังมีอยู่อย่างนั้นไม่เปลี่ยนแปลง” ตึกเรียนซึ่งมิสโคลเป็นผู้สร้างขึ้นนั้น มีจารึกอยู่มุมตึกว่า Erected 1919 ซึ่งเป็นปีที่สร้างขึ้น มีประวัติและความเป็นมาที่น่าสนใจยิ่งและมีเหตุการณ์ประวัติศาสตร์ที่เปลี่ยนโฉมหน้าคริสตจักรในประเทศไทยล้วนเกิดขึ้นที่นี้ เงินทุนที่ใช้ในการก่อสร้างนั้น ได้มาจากการบริจาคภายในประเทศ ซึ่งล้วนเป็นเงินที่ให้แก่แหม่มโคลด้วยความรู้สึกชื่นชมยินดี และชมเชยในความมานะพยายามของท่าน อาคารหลังนี้ เป็นอาคารเรียนที่ใหญ่ที่สุดของคณะมิชชันนารีสมัยนั้น


กระทู้: รูปเก่าเล่าเรื่อง-เมืองบางกอก 2
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 10 ก.ย. 10, 22:27
ขอบคุณสำหรับข้อมูลค่ะ
จำชื่อพระองค์เจ้าหญิงเฉิดโฉมได้ว่า  ทรงเป็นผู้ที่ขัดขวาง"ยาขอบ" มิให้เขียนตอนบุเรงนองอภิเษกกุสุมา   คู่กับตละแม่จันทราได้สำเร็จ

ในหนังสือ "ชีวิตและงานของยาขอบ" มีข้อความที่"ยาขอบ"เขียนเล่าถึงพระองค์หญิงเฉิดโฉมว่า
          "..เป็นหญิงร่างใหญ่ ท่วงทีสง่า ผมดัด แต่งกายเรียบแต่สะอาดภาคถูมิ สวมเสื้อขาวเกลี้ยงๆ แบบผู้ใหญ่ นุ่งผ้าโจงกระเบนสีเทาดังที่เรียกกันว่าสีนกพิราบ สวมรองเท้าคัทชูส์อย่างที่ผู้ชายนิยมสวมกับกางเกงในสมัยนั้น แต่ที่ประหลาดก็คือสวมถุงสั้นครึ่งน่องด้วย ข้าพเจ้าเพิ่งเคยเห็นผู้หญิงนุ่งผ้า สวมถุงสั้นเป็นครั้งแรก มือขวาถือพัดด้ามจิ้ว และเมื่อเดินมาหาข้าพเจ้า ก็ควงพัดด้ามจิ้วในมือเล่น คล้ายควงกระบอง ทำให้ดูไหล่ผาย หลังตรงผ่าเผย ผิดคนในปูนนั้น สิ่งสำคัญที่บอกชาติตระกูลหญิงผู้นี้ก็คือที่คอเสื้อ เห็นเข็มทองคำลงยาขนาดใหญ่ ทำเป็นลายเซ็นด้วยตัวหนังสือเอนๆ ยาวราวสักสี่นิ้วว่า “พระปิ่นเกล้า”
          เมื่อพบ"ยาขอบ" พระองค์เจ้าเฉิดโฉมตรัสว่า
          “ไม่มีใครเขาจะพิเรนทร์หรอกพ่อเอ๋ย จะได้เอาผู้หญิงที่ถูกฉุดถูกคร่าจนเนื้อตัวเสียไปเข้ามาสู่พิธีแต่งงาน  เชิดหน้าชูตาพร้อมกับผู้หญิงที่เป็นพรหมจารีและดีเสียเหลือแสนอย่างตละแม่จันทราฯ"
          พระราชดำรัสของพระองค์หญิงนั้น เบื้องต้น“ยาขอบ”ไม่ยอม เพราะได้วางพล็อตเรื่องไว้เรียบร้อยแล้ว และการจะเปลี่ยนแนวเรื่องใหม่ที่กุสุมาอดแต่งงานต้องเขียนแนบเนียนและคงต้องใช้เวลา 
        ในที่สุด พระองค์เจ้าเฉิดโฉมตรัสว่า
          “พ่อยาขอบ อย่าให้เสื่อมความจำเริญเสียเพราะความหัวรั้นเลยเอายังงี้เถอะ อย่าเถียงกันเลยว่าอย่างฉันว่าควร  หรืออย่างที่พ่อว่าจะสมควร เอาเพียงว่าพ่อดูฉันซิ ว่าป่านนี้แล้วจะอยู่ไปได้อีกสักกี่ปี อีกไม่ช้าก็คงตาย พ่อยาขอบช่วยฉันหน่อยได้ไหม นึกว่าเหมือนหลานช่วยย่า ให้ตายด้วยมีความสุข ว่าลูกหลานไม่ได้ทำความผิด    หรือพอจะทำความผิดฉันเตือนเขาก็ยกให้  ไม่ทำ    เอ้าใครผิดใครถูกไม่ต้องพูดกันเอาแต่เพียงพ่อเปลี่ยนตามฉัน นึกว่าทำบุญให้คนแก่ตายสบายใจได้ไหม”
               ยาขอบรู้สึกเหมือน " ฟ้าผ่าลงมากลางกบาล" แต่ก็ต้องยอมแก้เหตุการณ์ในเรื่อง ไม่ให้กุสุมาได้แต่งงานพร้อมกับตละแม่จันทราตามที่คิดไว้แต่เดิม ด้วยการให้"แม่นางเลาชี" มารดาของจะเด็ดออกมาห้าม โดยขู่ว่า หากตละแม่กุสุมานั่งเสมอกับตละแม่จันทราเมื่อใด นางก็จะผูกคอตายเมื่อนั้น..


กระทู้: รูปเก่าเล่าเรื่อง-เมืองบางกอก 2
เริ่มกระทู้โดย: Ruamrudee ที่ 10 ก.ย. 10, 22:32
อ้างถึง
จำชื่อพระองค์เจ้าหญิงเฉิดโฉมได้ว่า  ทรงเป็นผู้ที่ขัดขวาง"ยาขอบ" มิให้เขียนตอนบุเรงนองอภิเษกกุสุมา   คู่กับตะละแม่จันทราได้สำเร็จ

รออ่านข้อมูลนี้นะคะ คุณวันดีเจ้าขา ไม่เคยทราบมาก่อนเลยค่ะ

เนื่องจากเราได้พูดกันถึงวันเปิดพิพิธภัณฑ์ที่วังหน้า ก็ขอเอาข้อมูลเกี่ยวกับวังหน้าที่ฝัร่งเล่าให้ฟังมาให้ได้อ่านกันต่อค่ะ


กระทู้: รูปเก่าเล่าเรื่อง-เมืองบางกอก 2
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 10 ก.ย. 10, 22:38
ไปเจอข้อมูลในเน็ตค่ะ    เลยลบประโยคเดิมออก   ไม่ต้องรบกวนคุณวันดี


กระทู้: รูปเก่าเล่าเรื่อง-เมืองบางกอก 2
เริ่มกระทู้โดย: Wandee ที่ 10 ก.ย. 10, 23:03

กำลังจะไปหาผู้ชนะสิบทิศเลยค่ะ
      

  


กระทู้: รูปเก่าเล่าเรื่อง-เมืองบางกอก 2
เริ่มกระทู้โดย: Ruamrudee ที่ 11 ก.ย. 10, 02:49
กราบขออภัยทุกท่านค่ะ ใจเร็วด่วนสรุปไปแล้ว พบว่าผิดพลาด (คงจะถูกยึดลูกน้ำที่บ้านไปหมด)
ภาพ 494 ของคุณหลวงเล็ก ความจริงมีผู้ทักท้วงแล้วว่า ไม่น่าจะเป็นถนนบำรุงเมือง หรือ กระทรวงมหาดไทย

บังเอิญไปพบภาพเปรียบเทียบได้ชัดเจนจากเวปรถรางและ หนังสือบางรักในอดีต จึงเอามาให้ดู ไถ่บาปค่ะ
1. คือ รั้วของห้างขายยาอังกฤษ British Dispensaryริมถนนเจริญกรุงใกล้ตรอกโอเรียนเตล
2. คือ ตึกแถวริมถนนที่อยู่ตรงกันข้าม ยืนยันจากเวปรถรางค่ะ

สารภาพผิดแล้ว ขอลูกน้ำคืนด้วยนะเจ้าคะ


กระทู้: รูปเก่าเล่าเรื่อง-เมืองบางกอก 2
เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 11 ก.ย. 10, 06:28
^
สุดยอดเลยครับกับการค้นหาแล้วพบคำตอบของภาพนี้

ขอแสดงความนับถือจากใจจริง
(โปรดสังเกตุ เวลาที่เข้ามาโพสต์เกือบตีสามแล้ว)

มุ่งมั่นมากครับ


กระทู้: รูปเก่าเล่าเรื่อง-เมืองบางกอก 2
เริ่มกระทู้โดย: V_Mee ที่ 11 ก.ย. 10, 06:31
(http://www.reurnthai.com/index.php?action=dlattach;topic=3462.0;attach=14302;image)
นำรูปมาลงอีกครั้ง
เคยเห็นรูปพระยาอนิรุทธเทวา แต่ในรูปดูไม่ชัดว่าคนไหน  อาจจะเป็นผู้ชายสวมเสื้อนอกสีเข้ม  ยืนอยู่ข้างหลังพระเจ้าอยู่หัว
คุณป้าม.ล.เนื่องเล่าว่าท่านหล่อมาก   คุณป้าตอนเป็นสาวรุ่นวิ่งตามดูในงาน   เสียจนทำตุ้มหูเพชรหล่นหายไปข้างหนึ่ง
เด็กหนุ่มที่นั่งพับเพียบ อยู่ข้างพระเก้าอี้ มือจับสุนัขอยู่คือพระองค์เจ้าจุลจักรพงษ์หรือเปล่าคะ

บุคคลในภาพเท่าที่ทราบนามนะครับ
เริ่มจากนั่งกับพื้น  ๑. คุณจารุมณี  พนมวัน ณ อยุธยา  ๕. จ่า พระชลาลัยวิชิต (หล่อ  จุลกะ)
ยืนแถวหน้า  ๑. เจ้าพระยายมราช (ปั้น  สุขุม)  ๔.พระยาอนิรุทธเทวา (ม.ล.ฟื้น  พึ่งบุญ)  ๕. เจ้าพระยารามราฆพ (ม.ล.เฟื้อ  พึ่งบุญ)  ๖. คุณหญิงรามราฆพ (ประจวบ  พึ่งบุญ)  ๗. คุณหญิงอุดมราชภักดี (เชิด  สุจริตกุล)  ๘. พระยาอุดมราชภักดี (โถ  สุจริตกุล)  ๑๐. เจ้าพระยาธรรมาธิกรณาธิบดี (ม.ร.ว.ปุ้ม  มาลากุล)  ๑๑. พระยาแพทยพงศาวิสุทธาธิบดี (สุ่น  สุนทรเวช)

ท่านที่นั่งจับสุนัขอยู่นั้นไม่ใช่พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าจุลจักรพงษ์  เพราะเวลานั้นพระองค์จุลฯ ประทับทรงศึกษาอยู่ที่อังกฤษครับ


กระทู้: รูปเก่าเล่าเรื่อง-เมืองบางกอก 2
เริ่มกระทู้โดย: srisiam ที่ 11 ก.ย. 10, 08:51
^
สุดยอดเลยครับกับการค้นหาแล้วพบคำตอบของภาพนี้

ขอแสดงความนับถือจากใจจริง
(โปรดสังเกตุ เวลาที่เข้ามาโพสต์เกือบตีสามแล้ว)

มุ่งมั่นมากครับ



นี่แหละตรับ......หัวหน้าแก๊งค์ลูกน้ำตัวจริงเสียงจริง................

ด.ช.ศรีสยามขอเป็นแค่เลขา....หากอ.เทาฯยอมรับตำแหน่งประธานที่ปรึกษาพรรค..เอ๊ย...แก๊งค์

 ;D


กระทู้: รูปเก่าเล่าเรื่อง-เมืองบางกอก 2
เริ่มกระทู้โดย: siamese ที่ 11 ก.ย. 10, 09:14
 :o ช้าก่อนคุณ Ruamrudee บังเอิญผมค้นพบบ้านหลังงามเข้าหลังหนึ่ง เป็นที่ทำการของหนังสือพิมพ์ Siam Free Press
ความเหมือน
1 ทรวดทรงแบบเดียวกัน ลายผนังปูนเหมือนกัน 3 โค้งเหมือนกัน
2 บานมูลี่ม้วนต่างกัน (ห้างขายยาฯ เป็นซี่ไม้ไผ่ , Siam Free Press เป็นลายทางสลับอ่อนสีแก่)
3 หน้าบ้านมีรางระบายน้ำแบบเดียวกัน
4 หน้าบ้านมีเสารถราง, เสาไฟทำนองเดียวกัน
5 ป้ายหน้าร้านเป็นรูปแบบเหมือนกัน
6 องค์ประกอบของเสาลายสีอ่อนสลับสีแก่ เหมือนกัน

ความต่าง
1 ห้างขายยาอังกฤษ ก่อตั้งเมื่อพ.ศ. 2435 ส่วน Siam Free Press ก่อตั้งเมื่อพ.ศ. 2434
2 ด้านขวามือห้างขายยาฯ เป็นบ้านที่ติดกัน
3 ด้านขวามือ Siam Free Press เป็นมุมถนน
4 ด้านซ้ายมือห้างขายยาฯ เป็นเหมือนตรอกซอยเข้าไป
5 บ้านที่ติดกับห้างขายยาฯ มีลายกรงไม้ที่ต่างกัน



กระทู้: รูปเก่าเล่าเรื่อง-เมืองบางกอก 2
เริ่มกระทู้โดย: siamese ที่ 11 ก.ย. 10, 09:44
ทีนี้เรามาพิจารณาเกณฑ์อีกอย่างหนึ่ง ซึ่งดูแล้วชวนสงสัย "แนวรถราง"

1 ภาพบนถ่ายจากปากตรอกโอเรียนเต็ล สุดสายตาเป็นแยกเจริญกรุง-สีลม รถรางอยู่ด้านตรงข้ามกับห้างขายยา

2 ภาพล่างถ่ายจากตึกใกล้ๆกัน (ห่างกัน 1 ช่วงตึก / นร.อัสสัมชัญเก่า  ;D) ถ่ายภาพมุ่งหน้าสี่พระยา แนวรถรางอยู่ฝั่งเดียวกับตรอกโอเรียนเต็ล

การวางแนวรถรางต่างกัน  :o

สีเขียวคือเส้นการวิ่งรถรางไปบางคอแหลม
สีน้ำเงิน คือสถานที่ตั้งของสถานที่ทั้งสอง ซึ่งอยู่ห่างกัน 50 เมตร
จุดแดงพร้อมวิวการแพนกล้อง ถ่ายจากสองมุมให้เห็นครับ


ในตอนแรก เมื่อเห็นตึก Siam Free Press กับ ห้างขายยา กำลังจะสรุปว่า "เป็นอาคารแฝดปลูกติดกัน" แต่มาติดเรื่องรถราง เลยงง ครับ


กระทู้: รูปเก่าเล่าเรื่อง-เมืองบางกอก 2
เริ่มกระทู้โดย: Ruamrudee ที่ 11 ก.ย. 10, 10:25
ขอบคุณสำหรับตำแหน่งหัวหน้าแก๊งค์นะคะ ข้าน้อยมิบังอาจรับ รออาจารย์ใหญ่ เทาชมพูมาตัดสินเถอะค่ะ

ต้องรบกวนคุณSiameseแกะรอยต่อไปแล้วค่ะ ไม่ได้ไปแถวนั้นเสียนานมาก แต่เข้าใจว่า อาคารทั้ง 2 หลัง จะสร้างเหมือนกัน และอยู่ติดกันนะคะ



กระทู้: รูปเก่าเล่าเรื่อง-เมืองบางกอก 2
เริ่มกระทู้โดย: Ruamrudee ที่ 11 ก.ย. 10, 10:35
ขออนุญาตรำลึงถึงวันสำคัญ กับภาพข้างล่างนี้นะคะ

สิ่งที่จะเน้นคือ ความสวยงามของ สี รูปปั้นเทพีสันติภาพ(ที่น่าจะถือไอติมโคนมากกว่าคบเพลิง)
ดิฉันเฝ้ารอว่าจะได้เห็นรูปปั้นช้างสามเศียรที่สมุทรปราการเปลี่ยนสีกับเขาบ้าง
เจ้าของสถานที่ตั้งใจจะให้เป็นสีเดียวกันค่ะ เอามาให้ดูหย่อยใจ และพักสายตา(โบ๋เพราะนอนดึก)นะคะ


กระทู้: รูปเก่าเล่าเรื่อง-เมืองบางกอก 2
เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 11 ก.ย. 10, 10:41
สองหลังนี้ แบบเหมือนกันสร้างเหมือนกัน แม้กระทั่งรั้ว น่าจะอยู่ติดๆกัน


กระทู้: รูปเก่าเล่าเรื่อง-เมืองบางกอก 2
เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 11 ก.ย. 10, 10:57
หลังนี้เป็นห้างBritish Dispensary ตั้งบนถนนเจิญกรุงในประมาณปี1890+


กระทู้: รูปเก่าเล่าเรื่อง-เมืองบางกอก 2
เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 11 ก.ย. 10, 10:59
ส่วน Siam Free Press ตั้งในปี 1891


กระทู้: รูปเก่าเล่าเรื่อง-เมืองบางกอก 2
เริ่มกระทู้โดย: siamese ที่ 11 ก.ย. 10, 11:50
น่าสงสัยมากเลยครับ  ??? เรื่องรถราง


กระทู้: รูปเก่าเล่าเรื่อง-เมืองบางกอก 2
เริ่มกระทู้โดย: Ruamrudee ที่ 11 ก.ย. 10, 12:31
คุณ Siamese คะ ดิฉันอ่านเจอที่ไหนจำไม่ได้ว่า  British Dispensary ตั้งอยู่ที่ถนนสุรวงศ์ตัดกับเจริญกรุงค่ะ
อ่านแล้วจำไม่ได้ นอนดึกมากไปค่ะ กลับไปหาข้อมูลก็ไม่เจอแล้ว เป็นไปได้ไหมค่ะ ว่า ที่ตั้งของอาคารแฝดนี้ จะอยู่ฝั่งตรงข้ามกับไปรษณีย์ และ ตรอก Oriental เพราะรถรางแล่นอยู่ฝั่งตรงข้ามร้านแน่นอน และยังคงเป็นเช่นนั้นไปถึงบางรัก (ไม่ได้ย้ายข้างวิ่ง)

อาคารหน้าตาเหมือนบ้านพักฝรั่งแบบนี้ ไม่น่าจะทนได้อยู่นาน อาจจะมีการทุบทิ้ง แล้วสร้างตึดกขึ้นมาแทน และยังคงแบบกำแพงตึกที่คล้ายรั้วเก่าของห้างขายยานั้น(เดานะคะ อย่าจริงจัง...) ดูรูปประกอบมุมตึกหัวถนนนี้นะคะ


กระทู้: รูปเก่าเล่าเรื่อง-เมืองบางกอก 2
เริ่มกระทู้โดย: Ruamrudee ที่ 11 ก.ย. 10, 12:41
จาก Wikipedia ค่ะ

อ้างถึง
นายแพทย์เฮส์เป็นผู้รับช่วงบริหารห้างขายยาอังกฤษตรางู (British Dispensary) ต่อจากนายแพทย์ Gowan เป็นห้างที่มีสินค้าจากต่างประเทศทั้งยา เคมีภัณฑ์ กล้องถ่ายรูป ตั้งอยู่หัวมุมถนนสุรวงศ์ตัดกับถนนเจริญกรุง เป็นห้างที่ทันสมัยที่สุดในสมัยนั้น


กระทู้: รูปเก่าเล่าเรื่อง-เมืองบางกอก 2
เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 11 ก.ย. 10, 12:41
ผมคิดว่า ซุ้มประตูในโปสการ์ดจะเป็นBritish Dispensary แต่ถึงอย่างไร ตึกทั้งสองมีรางระบายน้ำหน้ารั้วเหมือนๆกัน และไม่มีรางรถราง เป็นไปได้มากที่ทั้งสองตึกอยู่หัวมุมแยกถนนสุรวงศ์

ตามหลักฐานว่า Britist Dispensary อยู่ถนนเจริญกรุง  ถนนนั้นรถรางวิ่งฝั่งโรงเรียนอัสสัมชัญ ผมก็คิดว่าถูกแล้วหาก Britist Dispensary จะตั้งอยู่ฝั่งตรงข้ามกับโรงเรียนอัสสัมชัญ
 
รูปโปสการ์ดหน้าจะถ่ายหันหน้าไปทางหัวลำโพง เผลอๆตรงปลายๆถนนจะเห็นรูปตึก แต่มันเบลอมาก ไม่ทราบว่าเป็นตึกนายเลิศหรือเปล่า

( เพิ่มเติม-ขอโทษครับ ตอนเขียนกระทู้นี้ไม่เห็นที่คุณร่วมฤดีโพสต์ก่อนหน้า)


กระทู้: รูปเก่าเล่าเรื่อง-เมืองบางกอก 2
เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 11 ก.ย. 10, 13:35
ถนนเจริญกรุง แนวรางรถรางสายบางคอแหลม ถ่ายตรงหน้าซอยโรงเรียนอัสสัมชัญซึ่งอยู่ด้านซ้ายมือของภาพ มุ่งหน้าไปทางแยกสี่พระยา


กระทู้: รูปเก่าเล่าเรื่อง-เมืองบางกอก 2
เริ่มกระทู้โดย: siamese ที่ 11 ก.ย. 10, 14:55
แกะรอยจากข้อมุลคุณ Ruamrudee  ให้มาล่าสุดว่าอยู่ตรงถนนสุริวงศ์ ซึ่งเมื่อได้จับทิศทางแล้วจึงสรุปได้ลงตัวว่า ห้างขายยาอังกฤษ (เดิม) อยู่ในแนวรั้วเดียวกับ ห้างหนังสือพิมพ์ Siam Free Press หัวมุมถนนสุริวงศ์ ซึ่งจะเห็นได้จากถนนด้านซ้ายภาพ
เรื่องรถรางก็สรุปได้ลงตัวว่า รถรางสายบางคอแหลม วิ่งฝั่งซ้ายมือของถนนเจิรญกรุง (มุ่งหน้าสี่พระยา) จึงได้สรุปไว้ตามภาพนี้ทั้งหมดครับ


กระทู้: รูปเก่าเล่าเรื่อง-เมืองบางกอก 2
เริ่มกระทู้โดย: siamese ที่ 11 ก.ย. 10, 15:14
การยืนถ่ายภาพ ควรอยู่หน้าสำนักพิมพ์ Siam Free Press เนื่องจากระยะตรงไป จะเห็นทางเข้าอีกประตู ซึ่งเป็นของห้างขายยาอังกฤษ (เดิม)


กระทู้: รูปเก่าเล่าเรื่อง-เมืองบางกอก 2
เริ่มกระทู้โดย: siamese ที่ 11 ก.ย. 10, 15:21
สำหรับห้างขายยาอังกฤษ คงจะย้ายจากหัวมุมถนนสุริวงศ์ มาตั้งที่อาคารตึกหัวมุมตรอกโอเรียนเต็ล จึงติดปากว่า "ตั้งอยู่หัวมุมถนนปากตรอกซอยโอเรียนเต็ล" ครับ


กระทู้: รูปเก่าเล่าเรื่อง-เมืองบางกอก 2
เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 11 ก.ย. 10, 16:02
จากบทสรุปของคุรหนุ่มสยาม ตึกสองหลังจะต่อกันในภาพนี้ (ใช่ไหมครับ?)


กระทู้: รูปเก่าเล่าเรื่อง-เมืองบางกอก 2
เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 11 ก.ย. 10, 16:05
ผมว่าจะอยู่คนละฝั่งกัน ตรงหัวมุมสามแยกถนนสุรวงศ์มาชนเจริญกรุงนะครับ


กระทู้: รูปเก่าเล่าเรื่อง-เมืองบางกอก 2
เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 11 ก.ย. 10, 16:41
ถ้า ตามข้อสันนิฐานของคุณหนุ่มสยาม ผมคิดว่ามีปัญหาตรงนี้ครับ


กระทู้: รูปเก่าเล่าเรื่อง-เมืองบางกอก 2
เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 11 ก.ย. 10, 17:26
ฉะนั้น รูปนี้จะต้องถ่ายผ่านSiam New Pressเพราะจะเห็นต้นไม้ที่ติดถนน

และตึกที่เป็นเป้าเล็งถ่ายก็ไม่ได้อยู่หน้าซอยโรงเรียนอัสสัมชัญ แต่อยู่ข้างที่ทำการไปรณีย์กลาง ซึ่งเป็นพื้นที่ใหญ่ผืนเดียวย่านนั้นที่สามารถจะมีแนวต้นไม้ใหญ่ริมถนนได้ เนื่องจากเป็นสถานที่ราชการ ที่เอกชนคงไม่ไหวเพราะที่ดินมูลค่าสูงมาก ไกลออกไปในรูปที่ขยายดูเหมือนกับจะมีตึกใหญ่อยู่ลางๆ คงเป็นตึกสูงของนายเลิศแหละครับ


กระทู้: รูปเก่าเล่าเรื่อง-เมืองบางกอก 2
เริ่มกระทู้โดย: siamese ที่ 11 ก.ย. 10, 17:50
ครับ อาจารย์ NAVARAT.C อย่างน้อยเราก็ไม่ได้หลงประเด็นว่าอาคารหลังขาวตั้งตรงไหน ซึ่งมี Key บังคับคืออาคาร 7 ชั้นของนายเลิศ แต่ประเด็นตอนนี้คือ ร้านขายยาอังกฤษ กับ สำนักพิมพ์ Siam Free Press
1 ตั้งติดกัน หรือ
2 ตั้งห้างกัน

อยากให้อาจารย์ดูภาพห้างขายยาอังกฤษ บน-ล่าง นี้ก่อนครับ เอาเป็นว่าเราสรุปกันแล้วว่าหน้าร้าน หันหน้าเข้าหาถนนเจริญกรุง ภาพบนร้านตกแต่งด้วยธงช้าง ธงอเมริกัน เหมือนงานขึ้นห้างใหม่
ส่วนภาพล่างเป็นที่อาจารย์นำมา ดูแล้วก็มีจุดต่างคือ บริเวณซ้ายมือ
1 ป้ายร้านบน ตัวขาว พื้นดำ / ป้ายล่าง ตัวดำ พื้นขาว
2 แนวรั้วต้นที่สอง เหมือนเดิม และเริ่มหักมุม จากการตัดถนนสุริวงศ์ ทำให้ต้องหักมุมรั้ว
3 สวนหน้าห้างฯ ถ้าถ่ายภาพจากขวาไปซ้าย
     3.1 จะต้องเห็นป้ายร้าน และต้นมะพร้าว (กรณีตัดถนนแล้ว)
   3.2 จะต้องเห็นป้ายร้าน และไม้พุ่มเตี้ย  (ภาพบน)


กระทู้: รูปเก่าเล่าเรื่อง-เมืองบางกอก 2
เริ่มกระทู้โดย: siamese ที่ 11 ก.ย. 10, 18:04
^
^
ตอบไปตอบมา ดูเหมือนว่าจะเอียงไปทาง แยกห้างกันอยู่กันคนละฝั่งแฮะ  ;D ;D ;D

แต่ที่ขัดแย้งอยุ่ในความคิดคือ เรื่องรั้ว ทำไม copy รูปแบบกันละครับ ในเมื่ออยู่แยกหลังกัน และมีถนนสุริวงศ์ (เก่า) คั่นกลางอยุ่ด้วย และรูปแบบป้าย รูปแบบเสาเหมือนกัน
นอกเสียจาก ...เจ้าของที่ดินเป็นคนเดียวกัน แล้วตัดถนนผ่านกลางที่ดิน แยกห้างขายยา กับ Siam Free Press ออกจากกัน ?


กระทู้: รูปเก่าเล่าเรื่อง-เมืองบางกอก 2
เริ่มกระทู้โดย: Ruamrudee ที่ 11 ก.ย. 10, 18:36
ติดตามอ่านด้วยใจระทึก เป็นภาระของปรมาจารย์ทางเรื่องทิศทาง
ดิฉันไม่มีความสามารถเลยสำหรับเรื่องนี้ค่ะ

ขอให้กำลังใจกับทุกท่านที่กำลังเกาะติดการค้นหาอดีตเรื่องนี้นะคะ
สิ่งนี้มีคุณค่ามากเพราะเรามักเข้าใจอะไร ๆ ผิดไปเมื่อเวลาผ่านไป

ตำแหน่งแห่งที่ บอกอะไร ๆ ในสังคมยุคนั้นได้ไม่น้อย
เช่นลักษณะการตั้งร้านค้า  สถาปัตย์กรรม

และที่เพิ่งจะทราบคือ ไม่ได้ขายแต่ยาเท่านั้น ขายสารพัดสินค้า
หนังสือพิมพ์ที่เรารู้จักว่าเป็นของฝรั่ง ก็มีแค่ Bangkok Recorder
ไม่เคยทราบว่ามี Siam Free Press ที่ตั้งชื่อได้ท้ายทายมาก ๆ

ก่อนจะจบ ต้องขอทวงท่านอาจารย์ใหญ่ เทาชมพู กับคุณวันดีเจ้าคะเจ้าขา...
หนูรออ่านเรื่องพระองค์หญิงเฉิดโฉม กับ ยาขอบอยู่นะคะ....
นอนดึกอีกคืนคง....มะไหวอ่ะค่ะ...ช้อนลูกน้ำไม่ได้สักตัวเพราะง่วงนอนค่ะ


กระทู้: รูปเก่าเล่าเรื่อง-เมืองบางกอก 2
เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 11 ก.ย. 10, 18:50
อ้างถึง
แต่ที่ขัดแย้งอยุ่ในความคิดคือ เรื่องรั้ว ทำไม copy รูปแบบกันละครับ ในเมื่ออยู่แยกหลังกัน และมีถนนสุริวงศ์ (เก่า) คั่นกลางอยุ่ด้วย และรูปแบบป้าย รูปแบบเสาเหมือนกัน
นอกเสียจาก ...เจ้าของที่ดินเป็นคนเดียวกัน แล้วตัดถนนผ่านกลางที่ดิน แยกห้างขายยา กับ Siam Free Press ออกจากกัน ?

ผมมั่นใจว่า เจ้าของตึกเป็นคนไทย สร้างตึกใช้พิมพ์เขียวเดียวกันให้ฝรั่งเช่าครับ

อ้างถึง
ไม่เคยทราบว่ามี Siam Free Press ที่ตั้งชื่อได้ท้ายทายมาก ๆ

สำนักพิมพ์ เริ่มต้นใหม่ๆคงเช่าดีกว่าซื้อ
และที่สำคัญ หนังสือพิมพ์ฉบับนี้เป็นของฝรั่งที่หัวรุนแรง ขอโทษครับ สมัยนี้ต้องเรียกว่าหัวก้าวหน้า เสี่ยงอยู่แล้ว

ทำหนังสือพิมพ์ไม่กี่ปีมีคดีฟ้องร้องบานเบอะ ในที่สุดก็ต้องปิดตัวไป
อ่านเจอมา อย่าเอารายละเอียดนะครับ เดี๋ยวยาว



กระทู้: รูปเก่าเล่าเรื่อง-เมืองบางกอก 2
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 11 ก.ย. 10, 18:51
เล่าเรื่องพระองค์เจ้าเฉิดโฉมไปแล้วใน #724   กระทู้วิ่งเร็วยิ่งกว่าจรวด  คุณร่วมฤดีเลยไม่ทันเห็น
นำมาลงให้อ่านอีกครั้งค่ะ

ในหนังสือ "ชีวิตและงานของยาขอบ" มีข้อความที่"ยาขอบ"เขียนเล่าถึงพระองค์หญิงเฉิดโฉมว่า
          "..เป็นหญิงร่างใหญ่ ท่วงทีสง่า ผมดัด แต่งกายเรียบแต่สะอาดภาคถูมิ สวมเสื้อขาวเกลี้ยงๆ แบบผู้ใหญ่ นุ่งผ้าโจงกระเบนสีเทาดังที่เรียกกันว่าสีนกพิราบ สวมรองเท้าคัทชูส์อย่างที่ผู้ชายนิยมสวมกับกางเกงในสมัยนั้น แต่ที่ประหลาดก็คือสวมถุงสั้นครึ่งน่องด้วย ข้าพเจ้าเพิ่งเคยเห็นผู้หญิงนุ่งผ้า สวมถุงสั้นเป็นครั้งแรก มือขวาถือพัดด้ามจิ้ว และเมื่อเดินมาหาข้าพเจ้า ก็ควงพัดด้ามจิ้วในมือเล่น คล้ายควงกระบอง ทำให้ดูไหล่ผาย หลังตรงผ่าเผย ผิดคนในปูนนั้น สิ่งสำคัญที่บอกชาติตระกูลหญิงผู้นี้ก็คือที่คอเสื้อ เห็นเข็มทองคำลงยาขนาดใหญ่ ทำเป็นลายเซ็นด้วยตัวหนังสือเอนๆ ยาวราวสักสี่นิ้วว่า “พระปิ่นเกล้า”
          เมื่อพบ"ยาขอบ" พระองค์เจ้าเฉิดโฉมตรัสว่า
          “ไม่มีใครเขาจะพิเรนทร์หรอกพ่อเอ๋ย จะได้เอาผู้หญิงที่ถูกฉุดถูกคร่าจนเนื้อตัวเสียไปเข้ามาสู่พิธีแต่งงาน  เชิดหน้าชูตาพร้อมกับผู้หญิงที่เป็นพรหมจารีและดีเสียเหลือแสนอย่างตละแม่จันทราฯ"
          พระราชดำรัสของพระองค์หญิงนั้น เบื้องต้น“ยาขอบ”ไม่ยอม เพราะได้วางพล็อตเรื่องไว้เรียบร้อยแล้ว และการจะเปลี่ยนแนวเรื่องใหม่ที่กุสุมาอดแต่งงานต้องเขียนแนบเนียนและคงต้องใช้เวลา 
        ในที่สุด พระองค์เจ้าเฉิดโฉมตรัสว่า
          “พ่อยาขอบ อย่าให้เสื่อมความจำเริญเสียเพราะความหัวรั้นเลยเอายังงี้เถอะ อย่าเถียงกันเลยว่าอย่างฉันว่าควร  หรืออย่างที่พ่อว่าจะสมควร เอาเพียงว่าพ่อดูฉันซิ ว่าป่านนี้แล้วจะอยู่ไปได้อีกสักกี่ปี อีกไม่ช้าก็คงตาย พ่อยาขอบช่วยฉันหน่อยได้ไหม นึกว่าเหมือนหลานช่วยย่า ให้ตายด้วยมีความสุข ว่าลูกหลานไม่ได้ทำความผิด    หรือพอจะทำความผิดฉันเตือนเขาก็ยกให้  ไม่ทำ    เอ้าใครผิดใครถูกไม่ต้องพูดกันเอาแต่เพียงพ่อเปลี่ยนตามฉัน นึกว่าทำบุญให้คนแก่ตายสบายใจได้ไหม”
               ยาขอบรู้สึกเหมือน " ฟ้าผ่าลงมากลางกบาล" แต่ก็ต้องยอมแก้เหตุการณ์ในเรื่อง ไม่ให้กุสุมาได้แต่งงานพร้อมกับตละแม่จันทราตามที่คิดไว้แต่เดิม ด้วยการให้"แม่นางเลาชี" มารดาของจะเด็ดออกมาห้าม โดยขู่ว่า หากตละแม่กุสุมานั่งเสมอกับตละแม่จันทราเมื่อใด นางก็จะผูกคอตายเมื่อนั้น..

       ดิฉันไม่มี "ผู้ชนะสิบทิศ"   อยากจะขอคุณวันดี ให้ช่วยถ่ายทอดคำพูดของแม่เลาชีให้ฟังหน่อยได้ไหมคะ   ว่าเข้มข้นขนาดไหนถึงสยบบุเรงนองลงได้   ไม่กล้าหือแม่

   ลงจากเรือนไทยไปไม่กี่ชั่วโมง    กลับมากระทู้วิ่งไปอีก ๒ หน้าแล้ว  ตามอ่านไม่ทัน      ต้องค่อยๆแกะรอยตามไป  พร้อมกับสงสัยว่าพวกที่เขาตีความรูปออกมาได้แตกขนาดนี้    เขากินอะไรกัน  สมองถึงปราดเปรื่องนัก  จะได้ไปหาให้ลูกหลานกินบ้าง
   ว่าแล้วก็ชวนคุณร่วมฤดีไปช้อนลูกน้ำกันต่อไป  ตามประสาเรา... 


กระทู้: รูปเก่าเล่าเรื่อง-เมืองบางกอก 2
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 11 ก.ย. 10, 19:05
และที่สำคัญ หนังสือพิมพ์ฉบับนี้เป็นของฝรั่งที่หัวรุนแรง ขอโทษครับ สมัยนี้ต้องเรียกว่าหัวก้าวหน้า เสี่ยงอยู่แล้ว

ทำหนังสือพิมพ์ไม่กี่ปีมีคดีฟ้องร้องบานเบอะ ในที่สุดก็ต้องปิดตัวไป
อ่านเจอมา อย่าเอารายละเอียดนะครับ เดี๋ยวยาว

ขอแยกซอย เลี้ยวออกนอกทางสักนิด

http://hansard.millbanksystems.com/commons/1893/jul/06/attack-on-the-editor-of-the-siam-free

มีเนื้อความไม่จบ  แต่อ่านแล้วได้ความประทับใจว่าคุณบก.หัวแข็งที่ชื่อ Mr.J.Lillie  คงจะเพาะชำศัตรูเอาไว้ไม่น้อย  ถึงได้ถูกทำร้ายเสียน่วม
คนดักทำร้ายแกก็น่าจะถูกจ้างวานมากกว่าเป็นคู่ปรปักษ์โดยตรง   ในนั้นระบุว่ามีข้าราชการไทย ๒ คนเอี่ยวด้วย
ส่วนตุลาการในยุคนั้นคงจะรู้อะไรดีๆอยู่ไม่น้อย ว่าฝ่ายตรงข้ามกับบก.เป็นใคร    เลยตัดสินโทษเบาบางมาก

ผู้ร้ายชื่อ  Ahament   ดิฉันถอดออกมาเท่าไรก็ไม่เป็นภาษาไทย  ไม่รู้ว่าเขาเชื้อชาติอะไร   ต้องขอคุณวันดีอีกสักครั้งนะคะ เผื่อนึกออก


กระทู้: รูปเก่าเล่าเรื่อง-เมืองบางกอก 2
เริ่มกระทู้โดย: siamese ที่ 11 ก.ย. 10, 19:24
Siam Free Press คงมีนโยบายวิจารณ์อย่างรุนแรง จึงไม่เป็นที่พอใจในหลายๆกรณี นะครับ

งั้นเห็นบรรยากาศนี้ 1 เป็นสถานที่ใด และ 2 ตั้งอยุ่บริเวณใดครับ


กระทู้: รูปเก่าเล่าเรื่อง-เมืองบางกอก 2
เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 11 ก.ย. 10, 19:29
อ้างถึง
พร้อมกับสงสัยว่าพวกที่เขาตีความรูปออกมาได้แตกขนาดนี้    เขากินอะไรกัน  สมองถึงปราดเปรื่องนัก  จะได้ไปหาให้ลูกหลานกินบ้าง
   ว่าแล้วก็ชวนคุณร่วมฤดีไปช้อนลูกน้ำกันต่อไป  ตามประสาเรา...  
 

  
 
เวลาไปช้อนลูกน้ำก็ถามเธอผู้นี้แล้วกันนะครับว่ากินอะไร ถ้าไม่ได้เธอชี้ช่องให้โดยเอารูปรั้วBritish Dispensaryมาให้ดู ป่านนี้คงไม่มากันถึงจุดนี้ ผมยังไปขับรถตระเวณหาร่องรอยในเกาะรัตนโกสินทร์ตามถนนที่รถรางผ่านอยู่เลย


กระทู้: รูปเก่าเล่าเรื่อง-เมืองบางกอก 2
เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 11 ก.ย. 10, 19:31
สถานทูตอังกฤษครับ นั่นพระบรมรูปควีนวิกทอเรีย


กระทู้: รูปเก่าเล่าเรื่อง-เมืองบางกอก 2
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 11 ก.ย. 10, 19:36
กำลังพิมพ์คำตอบค้าง  เพราะเคยเอารูปสถานทูตอังกฤษมาลงหนหนึ่งก่อนนี้   คุณ Siamese คงจำไม่ได้
มัวไปเช็คประวัติสถานที่ ว่าใช่เพลินจิตหรือเปล่า    กลับมาอีกที  ถูกท่านที่ไม่ได้ช้อนลูกน้ำ ปาดหน้าไปเสียแล้ว


กระทู้: รูปเก่าเล่าเรื่อง-เมืองบางกอก 2
เริ่มกระทู้โดย: Ruamrudee ที่ 11 ก.ย. 10, 20:05
แวะมากราบขอบพระคุณ อาจารย์เทาชมพูค่ะ ที่นำเรื่องพระองค์หญิงเฉิดโฉมมาลงให้ได้อ่านอีกครัง
เมื่อคืน วิ่งตามกระทู้ไม่ทัน ค่ะ ประทับใจมากกับความรับผิดชอบต่อสังคมของพระองค์ท่านในเรื่องนี้ คนสมัยก่อน ประทับใจอะไร ก็ไม่อยากให้สิ่งนั้น เสื่อม ไม่ว่าจะด้วยเหตุใด

ว่าแล้วก็นึกถึง เจ้าจอม ม.ร.ว.สดับ ที่ตำน้ำพริกฝากไปให้คุณชายคึกฤทธิ์ เมื่อเขียนสี่แผ่นดินตอนแม่พลอยแพ้ท้อง....

อันที่จริงเรื่องภาพตึกถนนเจริญกรุงนี้ ไปพบโดยบังเอิญ ขณะอ่านหนังสือเล่น ๆ ก่อนนอน ทำให้ต้องลุกมาเปิด Comp แล้วรีบแก้ไข (กว่าจะทำภาพเสร็จ ดึกเชียว) ก็ทำได้เท่านี้ค่ะ ต่อจากนั้น ต้องการความช่วยเหลือจากคนเก่ง ๆ

เนื่องจากเกิด โต และ ทำงาน ระยะแรก ๆ แถวสีลม บางรัก ได้เคยเห็นอาคารเก่า ๆ ที่เป็นบ้านฝรั่ง หน้าตาทำนองนี้อีกหลายหลัง บนถนนสีลมบ้าง หรือ แม้แต่ร.พ.BNH ก็หน้าตาคล้าย ๆ กัน ส่วนใหญ่จะสร้างมาทางฝั่งถนนสีลม สุริวงศ์ และ สาทร ไม่ค่อยจะมีแถบที่ดินแม่น้ำนะคะ แถบนั้น ส่วนมากจะเป็นตึกแถวค่ะ

ห้างขายยาอังกฤษตรางู ที่ตกทอดมายังตระกูลว่องวานิช เพราะต้นตระกูลท่านเป็นลูกจ้างฝรั่งที่ผ่านการฝึกปรุงยาจนชำนาญ ท่านจึงมาเปิดกิจการต่อจากฝรั่ง และ ใช้ตรางูต่อมาตรงปากตรอกโอเรียนเต็ล (ซึ่งไม่น่าจะใช้อาคารเดิม)



กระทู้: รูปเก่าเล่าเรื่อง-เมืองบางกอก 2
เริ่มกระทู้โดย: srisiam ที่ 11 ก.ย. 10, 20:08
สถานการณ์ตึงเครียดหรือเปล่าเอ่ย....หวังว่าคงไม่.....


ลองมาเพิ่มความเครียดด้วยทฤษฎีนี้ดีกว่าครับ.....



 ;D

สมมุติว่าภาพถ่ายของสองบริษัทนั้นถ่ายจากคนละถนนกัน...เจริญกรุงกับสุรวงศ์
อะไรจะเกิดขึ้นครับ...


สังเกตดูว่ามุมรั้วเป็นรั้วมุมเดียวกันแต่ถ่ายคนละทิศ....จากแนวขนานเจริญกรุงและแนวขนานสุรวงศ์...หรืออะไรทำนองนี้?



หวังว่าคงเพิ่มความสนุกได้บ้าง...อิอิอิอิอิ
 ;D


กระทู้: รูปเก่าเล่าเรื่อง-เมืองบางกอก 2
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 11 ก.ย. 10, 20:14
ย่อประวัติสถานทูตอังกฤษมาให้อ่านกันค่ะ

หลังสนธิสัญญาบาวริ่ง   อังกฤษตั้งสถานกงสุลขึ้นมา ในรัชกาลที่ ๔  โดยเช่าสถานที่ในเขตบางคอแหลม ทางทิศใต้ของกรุงเทพฯ ต่อมาพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงเวนคืนที่ดินติดกับสถานกงสุลโปรตุเกสริมฝั่งแม่น้ำให้เป็นสถานที่ตั้งของสถานกงสุลอังกฤษ  และพระราชทานที่ดินผืนดังกล่าวให้แก่กงสุลชื่อนายจินเกล และพระราชทานเงินกู้ 16,000 บาท สร้างอาคารพร้อมเสาธง  ระหว่างงบประมาณจากกระทรวงการต่างประเทศในกรุงลอนดอนยังไม่มา    
กงสุลอังกฤษคนแรกที่ได้เข้าพำนักตึกกงสุล ซึ่งเสร็จสมบูรณ์ในประมาณปี พ.ศ. 2419 ได้แก่ เซอร์ โรเบิร์ต ชอนเบิร์ก (Sir Robert Schomburgk) หลังจากนั้นก็มีอาคารสร้างเพิ่มเติมขึ้นเช่น เรือนแถวห้องพักคนรับใช้ ห้องขังสองห้อง บ้านพักสำหรับผู้ช่วยกงสุล อาคารสำนักงานและบ้านพักสำหรับเอกอัครราชทูต เมื่อสถานกงสุลได้รับการยกฐานะขึ้นเป็นสถานทูตในปี พ.ศ. 2438

ต่อมา รอบๆที่ตั้งของสถานทูตชักอึกทึกจอแจขึ้นทุกที  ทูตบางสมัยก็อยากย้าย  บางสมัยก็ไม่อยากยาย   กว่าจะย้ายได้ก็ล่วงมาถึงรัชกาลที่ 6   ก็ย้ายจากที่เดิมไปอยู่ในสถานที่ตั้งของสถานเอกอัครราชทูตในปัจจุบันจากพระยาภักดีนรเศรษฐ (นายเลิด) ซึ่งในเวลานั้นเป็นเจ้าของที่ดินผืนใหญ่ระหว่างถนนเพลินจิตกับคลองแสนแสบ  รัฐบาลอังกฤษเข้าถือสิทธิ์ประมาณครึ่งหนึ่งของพื้นที่ ประมาณ28 ไร่  ธิดาของพระยาภักดีฯคือท่านผู้หญิง เลอศักดิ์  สมบัติศิริ ครอบครองมรดกในที่ดินส่วนที่เหลือ โดยส่วนหนึ่งนั้นเป็นสถานที่ตั้งของโรงแรมฮิลตันในปัจจุบัน


กระทู้: รูปเก่าเล่าเรื่อง-เมืองบางกอก 2
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 11 ก.ย. 10, 20:18
ไม่ตึงเครียดค่ะ  กำลังสนุก ;D

เห็นรูปที่คุณนวรัตนนำมาต่อกันครั้งแรก  ก็นึกเหมือนกันว่า หรือว่าเป็นบ้านแฝดสองหลัง  อยู่คนละมุมถนน  มีถนนคั่นกลาง
รายละเอียดจึงผิดเพี้ยนกันไป และบางมุมตรงข้ามกันเหมือนภาพในกระจกเงา


กระทู้: รูปเก่าเล่าเรื่อง-เมืองบางกอก 2
เริ่มกระทู้โดย: Ruamrudee ที่ 11 ก.ย. 10, 20:24
ลุงSrisiamจ๋า ลุงเก่งมากที่ทำให้สนุกได้ขนาดนี้  ;D ;D ;D


กระทู้: รูปเก่าเล่าเรื่อง-เมืองบางกอก 2
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 11 ก.ย. 10, 20:43
(http://www.reurnthai.com/index.php?action=dlattach;topic=3462.0;attach=14357;image)

คุณนวรัตนเคยอธิบายให้คุณณัฐดลฟังในรูปเก่ารูปหนึ่ง ว่าตึกแถวตรงหัวมุมถนนทุกถนน เหมือนกันคือไม่ก่อสร้างเป็นมุมแหลม แต่ต้องโค้ง ปาดด้านหน้า (ดิฉันใช้คำไม่ถูก  แต่เข้าใจว่าหมายถึงความสะดวกที่รถราจะเลี้ยวผ่านไป)   
พอมาเห็นมุมกำแพงของบ้าน  ก็ดูว่าบ้านหลังหนึ่งต้องชิดหัวมุมแยกด้านซ้าย  อีกหลังชิดหัวมุมแยกด้านขวา   เพราะลักษณะมุมกำแพงโค้งไปตามทางแยกนั้น


กระทู้: รูปเก่าเล่าเรื่อง-เมืองบางกอก 2
เริ่มกระทู้โดย: Ruamrudee ที่ 11 ก.ย. 10, 20:48
มาชวนให้ตื่นเต็นต่อค่ะ ไปพบภาพนี้เข้า บรรยายว่า
อ้างถึง
“ถนนเจริญกรุง หรือถนนใหม่ (New Road) ภาพนี้ถ่ายบริเวณโรงพักพลตระเวณบางรักเดิม
(ภาพถ่ายในสมัยรัชกาลที่ ๕),” ประชุมภาพประวัติศาสตร์แผ่นดินสมเด็จพระจอมเกล้า
เจ้าอยู่หัว. กรุงเทพฯ : กรมศิลปากร, ๒๕๔๘. หน้า ๑๒๕.

โปรดสังเกตุทางขวามือ เห็นรั้วต้องสงสัยปรากฏอยู่


กระทู้: รูปเก่าเล่าเรื่อง-เมืองบางกอก 2
เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 11 ก.ย. 10, 21:01
^
ทุกอย่างที่ต้องสงสัย อยู่ในภาพนี้ครบถ้วน


กระทู้: รูปเก่าเล่าเรื่อง-เมืองบางกอก 2
เริ่มกระทู้โดย: Ruamrudee ที่ 11 ก.ย. 10, 21:03
คิดเหมือนกันหรือเปล่าคะ อาจารย์ Navarat ดูจากภาพอีกทีนะคะ


กระทู้: รูปเก่าเล่าเรื่อง-เมืองบางกอก 2
เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 11 ก.ย. 10, 21:13
ตึกเดียว มุมเดียว

แต่ถนนไหน?


กระทู้: รูปเก่าเล่าเรื่อง-เมืองบางกอก 2
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 11 ก.ย. 10, 21:23
ขอลากเส้นด้วยคนค่ะ


กระทู้: รูปเก่าเล่าเรื่อง-เมืองบางกอก 2
เริ่มกระทู้โดย: Ruamrudee ที่ 11 ก.ย. 10, 21:28
Carlo Allegri (1862 - 1938)
คาร์โล อัลเลกรี (พ.ศ. ๒๔o๕- ๒๔๘o)

อ้างถึง
บ้านของคาร์โลอยู่เลขที่ ๑๕ ถนนเจริญกรุง ซึ่งเป็นย่านสถานฑูตและที่พำนักของชาวต่างประเทศชาติต่าง ๆ มีการพบปะสังสรรค์กันเป็นประจำ คาร์โลได้มีโอกาสรู้จักกับพันเอกเจรินี ซึ่งสอนที่โรงเรียนนายร้อยจุลจอมเกล้า และเฟเดอริโก ชิกโก ดิ โคลา ทูตอิตาลีประจำประเทศไทยในขณะนั้น


กระทู้: รูปเก่าเล่าเรื่อง-เมืองบางกอก 2
เริ่มกระทู้โดย: NAVARAT.C ที่ 11 ก.ย. 10, 21:28
รูปโรงพักพลตระเวณสมัยร้ชกาลที่5 ที่บางรัก อีกรูปหนึ่ง

คำว่าที่บางรักนี่???

เอ๋ แต่รูปนี้ไม่ยักมีรางรถรางแฮะ


กระทู้: รูปเก่าเล่าเรื่อง-เมืองบางกอก 2
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 11 ก.ย. 10, 21:29
มาชวนให้ตื่นเต็นต่อค่ะ ไปพบภาพนี้เข้า บรรยายว่า
อ้างถึง
“ถนนเจริญกรุง หรือถนนใหม่ (New Road) ภาพนี้ถ่ายบริเวณโรงพักพลตระเวณบางรักเดิม
(ภาพถ่ายในสมัยรัชกาลที่ ๕),” ประชุมภาพประวัติศาสตร์แผ่นดินสมเด็จพระจอมเกล้า
เจ้าอยู่หัว. กรุงเทพฯ : กรมศิลปากร, ๒๕๔๘. หน้า ๑๒๕.

โปรดสังเกตุทางขวามือ เห็นรั้วต้องสงสัยปรากฏอยู่

ใคร่ขอถามว่า  "โรงพักพลตระเวณบางรักเดิม" อยู่ไหน   ตรงกับสถานีตำรวจบางรักในปัจจุบันหรือเปล่าคะ?


กระทู้: รูปเก่าเล่าเรื่อง-เมืองบางกอก 2
เริ่มกระทู้โดย: siamese ที่ 11 ก.ย. 10, 21:36
ออกมาได้แบบนี้ครับ


กระทู้: รูปเก่าเล่าเรื่อง-เมืองบางกอก 2
เริ่มกระทู้โดย: Ruamrudee ที่ 11 ก.ย. 10, 21:41
เจโรลาโม อีมิลิโอ เจรินี หรือที่รู้จักกันในเมืองไทยว่า พระสารสาสน์พลขันธ์ เป็นเพื่อนกับ คาร์โล วิศวกรผู้ร่วมสร้างพระที่นั่งอนันต์ฯ เป็นนักเขียนบทความ และ สนิทกับ คุณคาร์โลเจ้าของบ้าน ที่หัวมุมถนนสุรวงศ์

อ้างถึง
บทความชุด Up River Guide ลงตีพิมพ์เป็นตอนๆ ในหนังสือพิมพ์ Siam Free Press โดยใช้นามปากกา Hesper


กระทู้: รูปเก่าเล่าเรื่อง-เมืองบางกอก 2
เริ่มกระทู้โดย: เทาชมพู ที่ 11 ก.ย. 10, 21:54
  :o
ขอถามผู้รู้ว่า พระสารสาสน์พลขันธ์ คนนี้หรือคนไหน ที่ถวายความเห็นต่อสมเด็จกรมพระยาดำรงฯ เรื่องสามก๊กตอนโจโฉแตกทัพเรือ  ว่าขงเบ้งไม่คิดกำจัดโจโฉเสียให้ราบคาบในตอนนั้น แต่ปล่อยให้รอดไปได้ ก็เพื่อรักษาโจโฉไว้ถ่วงดุลย์อำนาจของซุนกวนไม่ให้มาทำลายก๊กเล่าปี่ได้   เพราะถ้าสามก๊กเหลือแค่สองก๊ก    ซุนกวนก็คงปราบเล่าปี่สำเร็จ
ที่ถามเพราะชื่อพระสารสาสน์พลขันธ์ มีอีกคนเป็นนักเศรษฐศาสตร์
ดูประวัติแล้วคิดว่าน่าจะเป็นคนนี้ ไม่นึกเลยว่าคนเขียนอะไรได้ออกมากมาย รวมทั้งวรรณคดีไทย เป็นฝรั่งอิตาเลียน  


กระทู้: รูปเก่าเล่าเรื่อง-เมืองบางกอก 2
เริ่มกระทู้โดย: siamese ที่ 11 ก.ย. 10, 21:58
ให้ดูภาพโรงพักพลตระเวน เหมือนที่บางรักไหม


กระทู้: รูปเก่าเล่าเรื่อง-เมืองบางกอก 2
เริ่มกระทู้โดย: Ruamrudee ที่ 11 ก.ย. 10, 22:01
http://www.muangboranjournal.com/modules.php?name=Sections&op=viewarticle&artid=49

อาจารย์เทาชมพูคะ หาอ่านได้ที่นี่ค่ะ หนูลาไปนอนก่อนนะคะ ฝากลูกน้ำให้อาจารย์ดูแล 1 กระป๋องค่ะ

ราตรีสวัสดิ์


กระทู้: รูปเก่าเล่าเรื่อง-เมืองบางกอก 2
เริ่มกระทู้โดย: siamese ที่ 11 ก.ย. 10, 22:08
หันมาดูมุมนี้กันบ้าง ถ้าหากเรายืนอยู่ที่หน้าสถานทูตอังกฤษ (ปัจจุบันไปรณีย์กลาง) มองลงไปยังถนนสุริวงศ์ บ้างครับ

เรายังคงเห็นจั่วสามเหลี่ยมของอาคารสีขาว ที่เลยมาถึงแนวฟุตบาท และฝั่งตรงข้ามกลายเป็นตึกแบบยุโรป กันเยอะแล้ว