เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
ตอบ: 33585
ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม
|
ความคิดเห็นที่ 375 เมื่อ 11 ธ.ค. 23, 09:33
|
|
จดหมายส่วนตัวที่ว่า ไม่เคยเผยแพร่สู่ประชาชน คนที่รู้เห็นจริงๆมีพระเจ้าชาร์ลส์และเมแกน การที่พระเจ้าแผ่นดินจะเขียนอะไรเป็นส่วนตัว ไม่ใช่เขียนเสร็จเดินไปทิ้งลงตู้จดหมายอย่างประชาชนทั่วไป แต่จะต้องมีราชเลขานุการรับรู้ และจัดส่งให้ จดหมายประเภทนี้ถือเป็นความลับสุดยอด แม้ข้าราชสำนักคนอื่นๆก็ไม่รู้ โอกาสที่คนนอกอย่างนายสกูบีจะไปเห็นเรียกได้ว่า 0% ก็เหลือแต่ทางเมแกนนั่นแหละ ที่จะรั่วออกมาได้ ก็มองได้ไม่ยากว่าถ้ามีใครสักคนเปิดเผยให้นายสกูบี ก็คือฝั่งคู่กรณีพระเจ้าชาร์ลส์ ต่อให้ทำไม่รู้ไม่ชี้ยังไงก็ตาม
ความจริงเรื่องเหยียวผิดไม่ใช่เรื่องใหม่ เคยเป็นข่าวมาแล้วตั้งแต่ปี 2021 แต่สื่ออังกฤษสืบจนได้คำตอบมาว่า ไม่ใช่การเหยียดผิว แต่เป็นการพูดคุยแบบกันเองในครอบครัว ธรรมดาของปู่ย่าตายายเมื่อจะได้หลานที่เป็นลูกผสมคนละเชื้อชาติ ก็อดไม่ได้ที่จะคาดเดากันว่า เออ ลูกคนนี้ หน้าจะออกมาเหมือนพ่อหรือแม่มากกว่ากันหนอ มีรายละเอียดด้วยว่า เป็นวงสนทนาที่มีหลายคน พระเจ้าชาร์ลส์ คามิลล่า เจ้าชายวิลเลียม เคท และแฮรี่ พูดคุยกันไปเรื่อยๆถึงหลานในท้องสะใภ้ แฮรี่เองก็ไม่ได้คิดว่าเป็นการดูถูกดูแคลน จึงเก็บเอามาเล่าให้เมียฟัง แต่เมแกนเป็นคนชููธงเรื่องเหยียดผิวอยู่แล้ว ไม่ว่าอะไรนางลากเข้าเรื่องนี้ได้หมด เมื่อตีจากออกจากพระราชวงศ์มา ได้ออกอากาศสัมภาษณ์กับโอปราห์ วินฟรีย์ นางจึงเก็บสิ่งละอันพันละน้อยมาเล่นงานญาติฝ่ายผัวหมดไม่ว่าจะตั้งข้อหาอะไรได้ เรื่องลูกในท้องก็เป็นหมัดเด็ดหมัดหนึ่งที่ยืนยันว่า นางทนพวกเขาไม่ไหวจริงๆ ที่ทำได้แม้กระทั่งทารกในท้อง อันที่จริง ถ้าแฮรี่รู้สึกว่าพ่อปรารภถึงหน้าตาหลาน เป็นการเหยียดผิว คงใส่ไว้ใน Spare นานแล้ว แต่ก็ไม่มี แสดงว่าตอนได้ยิน แฮรี่ไม่รู้สึกเช่นนั้น แต่ต่อมาเมียว่าไงก็ว่าตามกันไป จึงไม่เคยออกมาค้านเรื่องนี้
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
ตอบ: 33585
ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม
|
ความคิดเห็นที่ 376 เมื่อ 12 ธ.ค. 23, 10:12
|
|
ในเมื่อเรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่ชนิดปล่อยผ่านไม่ได้ ทางสำนักพระราชวังก็เร่ิ่มสอบสวนกันเอาจริงเอาจังว่าจดหมายดังกล่าวได้ผ่านสายตาใครบ้างนอกจากพระเจ้าชาร์ลส์ ผลออกมาว่า มีน้อยคนมากที่มีโอกาสรู้ จดหมายส่วนพระองค์ถูกเก็บรักษาไว้มิดชิด ล็อคใส่กุญแจแน่นหนา ไม่มีใครเข้าไปอ่านได้ ดังนั้นไม่ได้รั่วจากฝ่ายวังแน่นอน ยืนยัน รั่วมาจากฝ่ายไหน ไม่ต้องเสียเวลาเดา
ทางผัวเมียซัสเซกซ์เมื่อเห็นเกมพลาด บูมเมอแรงที่ขว้างออกไปทำท่าจะย้อนกลับมาหาตัว ผลจึงเป็น ว่าเมแกนตีตัวออกห่างนายสกูบี ราวกับไม่เคยรู้จักกันมาก่อน หันไปทำข่าวเรื่องอื่น สร้างแสงให้ตัวเองโดยไม่แตะต้องทางด้านอังกฤษอีก ทั้งๆก่อนหน้านี้ ซัสเซกซ์เพิ่งปล่อยข่าวกดดันพระเจ้าชาร์ลส์ว่าควรยอมให้เจ้าชายแฮร์รี่เข้าเฝ้าเป็นการส่วนพระองค์เสียที แต่ก็ไม่สำเร็จ ผู้คนคาดเดาว่าคงไม่ใช่อะไรนอกจากเรื่องเงิน เพราะรายได้ที่กะว่าจะได้ก็ไม่ได้อย่างที่ฝันไว้ จะอยู่อย่างสามัญชนเพื่อประหยัดรายจ่ายก็ไม่อยากทำ จะอยู่อย่างเจ้าตามเดิมก็ไม่มีเงินพอ ทางออกทางเดียวคือเริ่มปูทางกลับไปราชสำนัก เพื่อคืนดีกับพ่อผู้กุมกระเป๋าสตางค์เอาไว้ จะได้เจรจาประนีประนอมกันได้บ้าง
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
ตอบ: 33585
ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม
|
ความคิดเห็นที่ 377 เมื่อ 12 ธ.ค. 23, 10:35
|
|
เป็นได้ว่าฝ่ายซัสเซกซ์ใช้หนังสือ Endgame เป็นไม้แข็งรุกพระเจ้าชาร์ลส์ หลังจากใช้ไม้นวมไม่ได้ผล คือแฮรี่ถูกปฏิเสธ ไม่มีโอกาสกลับไปเข้าเฝ้าพ่อเป็นการส่วนตัว ก็เลยสวมบทบาท "ขอกันดีๆไม่ให้ ก็ต้องหัวร้างข้างแตกกันบ้าง" แต่ปรากฏว่าพระเจ้าชาร์ลส์กับฝ่ายรัฐบาลอังกฤษตอบกลับด้วยไม้แข็งบ้าง ถึงขั้นดำเนินคดีกับเจ้าของหนังสือ ถอดยศซัสเซกซ์ แต่ว่าดำเนินการแบบสุขุมไม่เปรี้ยงปร้างออกมา พูดอีกทีคือฝ่ายซัสเซกซ์ร้อนๆหนาวๆไม่รู้จะเจอโทษขั้นหนักเข้าในวันไหน จึงต้องหยุดดิ้นพราดๆชั่วคราว ข่าวก็กระซิบกันออกมาอีกทีว่า อาจต้องถึงขั้นขอพระราชทานอภัยโทษ ซึ่งหมายว่าฝ่ายซัสเซกซ์ต้องหุบปากไม่มีสิทธิ์โจมตีพระราชวงศ์อีก
ข้อนี้น่าจะทำให้เมแกนกระอักเลือดได้ไม่ยาก เพราะตอนที่ออกจากอังกฤษมาอเมริกาใหม่ๆ นางเรียกร้องผ่านทางสามีให้เป็นกระบอกเสียง สั่งพระราชวงศ์อังกฤษกล่าวขอโทษนาง
การเดินเกมส์ที่พลาดอีกอย่างของผัวเมียคู่นี้คือพุ่งเป้าโจมตีเคท เจ้าหญิงแห่งเวลส์ ซึ่งเป็นที่รู้กันมานานแล้วว่าเมแกนเขม่นสะใภ้ใหญ่คนนี้ ว่าเด่นเกินหน้าเกินตาเอามากๆ เคทโดนหนักหลายเรื่องตั้งแต่หนังสือ Spare แล้วยังเจอข้อหาใหม่ ถูกจับคู่เหยียดผิวร่วมกับพระเจ้าชาร์ลส์ ซึ่งเป็นข้อหาที่ไม่มีวี่แววมาก่อน ก่อนหน้านี้ข่าวรั่วออกมาว่าเป็นคามิลล่าตา่งหากที่โดนข้อหาพูดถึงผิวทารกในท้อง ซึ่งน่าจะมีเหตุผลมากกว่า เพราะถ้าพระเจ้าชาร์ลส์จะพูดกับใครก็คงพูดกับเมียตัวเองมากกว่าลูกสะใภ้ อยู่ๆ หนังสือ Endgame กล่าวหาเคทขึ้นมาโดยอ้างจดหมายของเมแกนที่เขียนถึงพระเจ้าชาร์ลส์ ระบุชื่อเคทไว้ในนั้น ในหนังสือยังเม้าท์ด้วยว่าผู้หญิงคนนี้ไม่เคยทำอะไรเลย นอกจากโปรยยิ้มออกงาน นับเป็นข้อหาที่หาเรื่องเอามากๆ ในเมื่อประชาชนทั้งอังกฤษก็รู้ว่าเคททำงานอย่างแข็งขันขนาดไหน จนได้ชื่อว่าเป็น "เจ้าหญิงของประชาชน" รวมทั้งเป็นคนระมัดระวังกิริยาวาจา และความประพฤติมาตลอด ไม่เคยมีเรื่องเสื่อมเสียให้ตำหนิได้เลย พระเจ้าชาร์ลส์เรียกประชุมบรรดาที่ปรึกษาชั้นผู้ใหญ่ของราชสำนัก มีเจ้าชายวิลเลียมร่วมด้วย เป็นกรรมการพิจารณาข้อหานี้ ตอนนี้คนที่หนาวๆร้อนๆน่าจะเป็นแฮรี่ เพราะพี่ชายย่อมไม่ยอมให้คนที่กล่าวร้ายเมียตัวเองลอยนวลไปงา่ยๆ จะเรียกว่าเมแกนและแฮรี่ก่อสงครามขึ้นมาให้ตัวเองถูกประหารเร็วขึ้นก็ไม่ผิดนัก
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
ประกอบ
|
ความคิดเห็นที่ 378 เมื่อ 12 ธ.ค. 23, 11:48
|
|
เมแกนกับวอลลิส ซิมป์สันนี่ ท่านอาจารย์คิดว่าใครแสบกว่ากันครับ ส่วนความโง่โดนเมียชักนำนี่ แฮรี่กับเอ็ดเวิร์ดที่ 8 สองคนนี่กินกันไม่ลงเลย
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
วิรุศฑ์ษมาศร์ อัฐน์อังการจณ์
|
|
|
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
ตอบ: 33585
ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม
|
ความคิดเห็นที่ 379 เมื่อ 12 ธ.ค. 23, 13:16
|
|
ถ้าสองนางเป็นนางงาม ก็เดาได้ยากว่าคนไหนจะได้มงกุฎค่ะ คะแนนสูสีกันมาก นางวอลลิส ซิมป์สัน เป็นคนที่ไม่เคยให้สัมภาษณ์สื่อสมัยโน้นโจมตีพระราชวงศ์ หรือแอะอะอะไรออกมาสักคำ นางไปใช้ชีวิตไฮโซอยู่ในยุโรป หรูเริ่ดไปตามประสาเศรษฐีนี ดูภายนอกเก็บปากเก็บคำดี แต่ว่านางกับสามีก็แอบติดต่อกับฮิตเลอร์อย่างลับๆ ทางการเมือง ฮิตเลอร์เอาอกเอาใจสองผัวเมียนี้มาก เพราะวางแผนว่าจะเชิดเจ้าไม่มีศาลขึ้นเป็นกษัตริย์อังกฤษ เมื่อเยอรมันเผด็จศึกได้อังกฤษไว้ในอุ้งมือแล้ว ดังนั้นนางวอลลิสก็จะได้เป็นควีน นางจึงเทคะแนนให้ฮิตเลอร์ เป็นฝ่ายเขาเต็มที่ ส่วนดยุคแห่งวินด์เซอร์ ไม่เคยที่จะไม่เห็นดีเห็นงามไปตามเมีย ก็เชียร์ฮิตเลอร์ไปด้วย เผอิญเยอรมันแพ้สงคราม แผนเลยพัง ส่วนเมแกน ไม่มีความคิดจะขายชาติ (เพราะยุคนี้ขายไม่ได้ ไม่มีสงคราม) แต่นางก็มีเป้าหมายคือทำลายราชวงศ์อังกฤษให้พังพินาศ หากไม่ให้สิ่งที่นางต้องการ นางใช้โซเชียลมิเดียเป็นอาวุธ ถล่มเจ้านายทุกองค์ที่นางเห็นว่ากีดหน้าขวางตา จะเห็นได้ว่านางไม่แตะเจ้านายที่อยู่ห่างออกไป เช่นเจ้าชายแอนดรูว์และเจ้าชายเอ็ดเวิร์ด แม้แต่เจ้าหญิงแอนน์นางก็ไม่ยุ่งด้วย เพราะสามองค์นี้ไม่อยู่ในเส้นทาง ถ้าถามว่าเมแกนมีเป้าหมายทะเยอทะยานถึงราชบัลลังก์ไหม ตามลำดับรัชทายาท แฮรี่อยู่อันดับ 5 นับว่าไกลออกมามากเอาการ แต่ก็เคยมีข่าวว่า เมื่อมีคนถามว่าสามีนางอยู่ในลำดับห่างบัลลังค์เท่าไหร่ นางตอบว่า แค่ "plane crash" คือ แค่เครื่องบินตก หมายความว่า ถ้าเจ้าชายและเจ้าหญิงแห่งเวลส์กับโอรสธิดา 3 องค์เดินทางไปไหนพร้อมหน้าพร้อมตากัน เช่นนั่งเครื่องบินไปด้วยกัน แล้วเกิดอุบัติเหตุตายหมู่ บัลลังก์ถึงสามีนาง หมายเหตุ ข้อที่เมแกนพูดถึง เป็นข้อห้ามแต่เก่าก่อนของราชสำนัก คือกษัตริย์กับรัชทายาทจะไม่โดยสารเครื่องบินหรือเดินทางไกลพร้อมกัน สมัยโน้นอุบัติเหตุเกิดง่ายมาก จึงต้องป้องกันไว้ ไม่ประมาทค่ะ สรุปว่าตอบคำถามคุณประกอบไม่ถูก ขอเชิญตอบเองดีกว่า
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
ตอบ: 33585
ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม
|
ความคิดเห็นที่ 380 เมื่อ 14 ธ.ค. 23, 12:35
|
|
หนังสือ Endgame ขายได้ไม่ดีอย่างที่คิดไว้ ตรงข้ามกับ Spare เพราะฉะนั้นเรื่องราวในหนังสือก็เงียบไปในชั่วเวลาไม่นาน พระเจ้าชาร์ลส์ยังไม่ผลีผลามตัดสินพระทัยว่าจะลงดาบหรือแค่ปล่อยให้เรื่องเงียบหายไปเอง อาจเป็นได้ว่าช่วงนี้เป็นเทศกาลรื่นเริงของชาวคริสต์ เอาไว้ให้ผ่านพ้นไปก่อนดีกว่า แต่อย่างไรก็ตาม รัฐสภาอังกฤษก็ฮึ่มฮั่มเอาเรื่องให้รู้ว่าจะไม่ปล่อยให้จาบจ้วงตามอำเภอใจอีก เคราะห์ร้ายไม่ได้มาหนเดียว แฮรี่เพิ่งแพ้คดีฟ้องสื่อ ต้องจ่ายเงินให้จำเลยเกือบ 5.0000 ปอนด์ เป็นค่าทนายจำเลย ให้หนังสือพิมพ์แทบลอยด์ของอังกฤษ ชื่อ The Daily Mail เขาฟ้องสื่อรายนี้ว่าหมิ่นประมาทในเรื่องที่เขาเรียกร้องขอบริการรักษาความปลอดภัยจากราชสำนัก แต่ศาลตัดสินว่าสื่อมีสิทธิ์ที่จะออกความเห็นได้ตามหน้าที่สื่อ ไม่ถือเป็นความเสียหายแก่โจทก์ ทำไมแฮรี่จะต้องมีเรื่องกับสื่อด้วย?
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
ตอบ: 33585
ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม
|
ความคิดเห็นที่ 381 เมื่อ 14 ธ.ค. 23, 12:46
|
|
คำตอบคือตอนที่ถอนตัวออกจากหน้าที่ในพระราชวงศ์ใหม่ ๆ แฮรี่ฟาดหัวฟาดหางเล่นงานสื่ออังกฤษโดยรวมว่า ไม่ปล่อยให้เขากับดัชเชสมีความเป็นส่วนตัว คอยสอดส่องจุ้นวุ่นวายกับเรื่องส่วนตัวของเมียเขาทุกกระดิก ไม่ว่าจะทำอะไรก็เอาไปลงข่าวไปหมด เขาจึงขอลาออกจากพระราชวงศ์เพื่อไปมีชีวิตส่วนตัว ดังนั้น แฮรี่จึงฟ้องสื่อเป็นการแก้แค้น เดลิเมล์ก็คือหนึ่งในจำนวนนั้น ผลออกมาคือแพ้ ศาลอังกฤษตัดสินว่าสื่อทำหน้าที่ของสื่อ จบ เหตุผลข้อที่ว่าต้องอำลาฐานันดรเพราะทนสื่อไม่ไหว น่าจะเป็นข้อที่แฮรี่และเมแกนลืมไปแล้ว จึงมีข้อหาใหม่เผยออกมาว่า ถูกบีบจากพระราชวงศ์ด้วยประการต่างๆ ให้ออกมา จนต้องอำลาออกมาจากวังในที่สุด แต่ถึงกระนั้น ก็ยังตลกที่ทีมพีอาร์ของสองคนนี้กระพือข่าวล่าสุดว่า ทั้งคู่ได้รับเชิญไปร่วมงานฉลองคริสต์มาสร่วมกับพระราชวงศ์องค์อื่นๆ เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น เป็นการประกาศอยู่ตัวว่า ยังไงซัสเซกซ์ก็ยังเป็นที่รักของพระเจ้าชาร์ลส์ตลอดจนเจ้านายองค์อื่นๆอยู่เสมอ จะด่าจะว่า จะประณามพ่อกับพี่ชาย (และเกินเลยไปถึงแม่เลี้ยงและพี่สะใภ้) ก็ไม่มีใครถือสา รอดูกันว่าพระเจ้าชาร์ลส์จะเป็นพระอิฐพระปูนได้ถึงขนาดนั้นหรือไม่
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
ตอบ: 33585
ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม
|
ความคิดเห็นที่ 382 เมื่อ 18 ธ.ค. 23, 11:26
|
|
ข่าวดีของแฮรี่ยังมีอยู่อีกหน่อย คือเพิ่งชนะคดีฟ้องเรียกค่าเสียหายจากหนังสือพิมพ์ Mirror Group มาหมาดๆ จากการถูกดักฟังทางโทรศัพท์ ได้เงินมาเข้ากระเป๋า 180,000 ดอลล่าร์สหรัฐ แต่ข่าวดีก็เหมือนจะจบแค่นี้ ส่วนข่าวร้ายตามมาต่อเนื่องคือ เมแกนเสนอโครงการงานอะไรก็พลาดหมด สารคดีกี่เรื่องๆก็ไม่ผ่าน ก่อนหน้านี้มีการปล่อยข่าวว่านางจะได้เป็นพรีเซนเตอร์ของดิออร์ อ้างว่าเป็นที่รู้กันว่าทั้งผัวและเมียแต่งแฟชั่นเชิดชูสินค้าของดิออร์มาตลอด จึงมีการคาดคะเน (หรืออาจเรียกว่าปล่อยข่าว) ว่า...จ้างแน่ๆ ดิออร์จ้างแน่ เอาเข้าจริงก็เหลว ดิออร์ไปเอาดาราที่เล่นเป็นเคท มิดเดิลตัน ใน The Crown ชื่อ Meg Bellamy มาเป็นพรีเซนเตอร์แทน เท่ากับเงินก้อนโตในอากาศละลายหายไป ทำให้มีข่าวปล่อยฟาดหัวฟาดหางออกมาว่า นี่คือการแทงข้างหลังจากพระราชวงศ์ ในวังบัคกิ้งแฮมคอยสะกัดเส้นทางของทั้งสอง แบบกัดไม่ยอมปล่อย
ที่จริง ดูด้วยตาเปล่าก็พอมองเห็นว่าระหว่างเมแกนซึ่งอายุปาเข้าไป 42 ปี มีเรื่องอื้อฉาวไม่หยุดไม่หย่อน กับดาราสาวหน้าใสวัยแค่ 21 ปี หน้าตาเป็นที่คุ้นเคยของชาวบ้าน เพราะเล่นหนังชุด The Crown ในบทนางเอกของเจ้าชายวิลเลียม ลูกค้าของดิออร์จะอยากดูนางแบบคนไหนมากกว่ากัน
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
ตอบ: 33585
ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม
|
ความคิดเห็นที่ 383 เมื่อ 23 ธ.ค. 23, 10:15
|
|
ขอข้ามจากขา่ววุ่นวายทางมอนเตซิโตมาที่ลอนดอนบ้าง มีแต่ภาพน่าชื่นใจเผยแพร่ออกมา คือภาพครอบครัวเจ้าชายและเจ้าหญิงแห่งเวลส์ พร้อมพระโอรสธิดาทั้ง 3 ส่งสารคริสต์มาสมาให้ประชาชนทั้งอังกฤษและทั่วโลก ทุกองค์แต่งกายเรียบง่าย ไม่ยึดแฟชั่นใดๆทั้งสิ้น ถ่ายภาพขาวดำซึ่งถือกันว่าคลาสสิก ยืนรวมกลุ่มกันอย่างอบอุ่น เห็นแล้วสุขใจสบายตา ลูกๆทั้งสามโตเร็วมาก จอร์จน้อยกับชาร์ล็อตต์เป็นเด็กน้อยอยู่แป๊บๆเมื่อวาน วันนี้กลายเป็นหนุ่มน้อยสาวน้อยไปแล้ว มีแต่หลุยส์ที่ยังอยู่ในวัยเด็กให้ชื่นใจ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
ตอบ: 33585
ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม
|
ความคิดเห็นที่ 384 เมื่อ 23 ธ.ค. 23, 10:23
|
|
อีกภาพหนึ่ง
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
ตอบ: 33585
ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม
|
ความคิดเห็นที่ 385 เมื่อ 26 ธ.ค. 23, 10:16
|
|
คริสต์มาสปีนี้ พระเจ้าชาร์ลส์ทรงทำตามประเพณีที่ทำมาทุกปี คือเป็นเจ้าภาพจัดเลี้ยงฉลองคริสต์มาสในหมู่พระญาติพระวงศ์ ปีนี้ไปจัดที่วังซานดริงแฮมในนอร์โฟล์ค เพราะพระราชวังบัคกิงแฮมยังซ่อมไม่เสร็จ ปีนี้มีพิเศษหน่อยคือเฟอร์กี้ อดีตชายาของเจ้าชายแอนดรูว์ได้รับเชิญด้วย ส่วนครอบครัวแฮรี่กับเมแกนที่มอนเตซิโต ก็ยังอยู่ที่อเมริกาต่อไปอีกปีหนึ่ง
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
ตอบ: 33585
ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม
|
ความคิดเห็นที่ 386 เมื่อ 26 ธ.ค. 23, 17:08
|
|
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
ตอบ: 33585
ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม
|
ความคิดเห็นที่ 387 เมื่อ 26 ธ.ค. 23, 17:26
|
|
สาวน้อยรุ่นจิ๋วที่จูงมือเจ้าชายหลุยส์ไม่ปล่อย คือพระญาติชื่อ มีอา เกรซ ทินดัลล์ มารดาของเธอคือซารา ทินดัลล์ ธิดาของเจ้าฟ้าหญิงแอนน์ที่เกิดจากพระสวามีคนแรก กัปตันมาร์ค ฟิลลิปส์ ซาราไม่ได้มียศนำหน้าเพราะบิดาเธอปฏิเสธที่จะรับบรรดาศักดิ์ใดๆ เมื่อสมรสกับเจ้าฟ้าหญิงแอนน์ ทำให้บุตรชายและหญิงเป็นนายและนางสาวสามัญชนธรรดา ซาราสมรสกับนักรักบีอังกฤษชื่อไมค์ ทินดัลล์ มีบุตรด้วยกัน 3 คน
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
ตอบ: 33585
ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม
|
ความคิดเห็นที่ 388 เมื่อ 15 ม.ค. 24, 09:29
|
|
บังเอิญไปเจอข่าวเก่าที่กำลังย้อนกลับมาเล่นกันใหม่ เลยขอนำมาเล่าอีกครั้ง คืออดีตของดัชเชสเมแกน ที่ถูกลือว่าเกี่ยวกันกับพ่อเล้าระดับบิี๊ก นายเจฟฟรีย์ เอพสไตน์ที่ฆ่าตัวตายในคุกอย่างเป็นปริศนาเมื่อปี 2562 นายคนนี้เป็นพระสหายสนิทของเจ้าฟ้าแอนดรูว์ ขนาดได้รับเชิญมานอนในตำหนักเจ้าชาย ส่วนตัวเจ้าชายเองก็ไปเป็นแขกในคฤหาสน์ส่วนตัวของนายนี่มาหลายครั้ง จนเกิดเรื่องอื้อฉาว เจ้าชายถูกแฉว่าไปเที่ยวโสเภณีเด็ก ทำให้ถูกถอดยศ ถูกออกจากตำหนัก เป็นความอัปยศของพระราชวงศ์มาจนทุกวันนี้ เมแกนเข้าไปเกี่ยวข้องได้ยังไง ก็คือเมื่อเวอร์จิเนีย จุฟเฟรย์ อดีตโสเภณีเด็กที่ปัจจุบันกลับเนื้อกลับตัวแต่งงานมีครอบครัวไปเรียบร้อยแล้ว ออกมาฟ้องเรียกค่าเสียหายจากเจ้าชาย หนึ่งในพยานที่ทนายความของนางออกข่าวว่าจะส่งหมายเรียกมาเป็นพยานเล่นงานนายพ่อเล้าเอพสไตย์ คือเมแกน มาร์เคิล สมัยที่ยังเป็นดาราตัวประกอบ ก่อนพบเจ้าชายแฮรี่ ทั้งนี้เพราะนางอาจเป็น yacht girl ของเอพสไตน์ ก็ได้ คำนี้แปลว่า "สาวเรือยอท" คือเป็นสาวๆสวยๆที่มารับจ๊อบ ทำงานต้อนรับแขก บนเรือยอทหลายสิบลำที่นายพ่อเล้าเป็นเจ้าของ พวกนางมีหน้าที่ต้อนรับลูกค้ากระเป๋าหนักที่มาล่องเรือพักร้อนในช่วงเวลานั่งเรือออกล่องทะเล อาจจะในช่วงเทศกาลหนังเมืองคานส์ และช่วงอื่นๆด้วย เป็นจ๊อบช่วงสั้นๆ กี่วันก็แล้วแต่ตกลงกัน ที่ได้เงินดีมาก จึงมีนางแบบ สาวพนักงานบริษัท นักแสดงประกอบ ฯลฯ สรุปคือสาวๆรูปร่างหน้าตาดี มารับงานกันมากมาย เมแกนมีภาพหลุด สวมบิกินีนั่งอยู่บนเรือยอทไปล่องทะเลที่โครเอเชีย ในปี 2016 จึงอยู่ในข่ายต้องสงสัยว่ารับจ๊อบนี้ แต่นางก็ไม่เคยปริปากตอบโต้ในเรื่องนี้ มีหลักฐานว่า 2 ปีก่อนหน้านี้นางก็ไปเที่ยวโครเอเชียมาเช่นกัน กระแสข่าวบอกว่า เมแกนอาจได้รับการว่าจ้างผ่านนายหน้าคือนายมาร์คัน แอนเดอร์สัน เพื่อนสนิทที่แนะนำให้นางรู้จักกับเจ้าชายแฮรี่ นายคนนี้ทำงานให้คลับหรูในลอนดอนชื่อ Soho House เป็นที่รู้แบบปืดกันอื้ออึงว่าเขาเป็นเอเย่นต์หาลูกค้าสาวๆเกรด A ให้เศรษฐีนักธุรกิจคนดังในหลายวงการ มีแหล่งข่าวในแคนาดายืนยันว่า เมแกนอยู่บนเรือยอทของเอพสไตน์ในช่วงเวลาเดียวกับเจ้าชายแอนดรูว์ไปล่องเรือ เพราะฉะนั้นนางก็น่าจะรู้จักทั้งเจ้าชายและเอพสไตน์ดี เมื่อมีข่าวนี้โผล่ออกมา เมแกนปิดปากเงียบเหมือนไม่ให้ความสนใจใดๆ ข่าวก็เลยไม่เงียบ แต่ผุดขึ้นมาเหมือนน้ำพุร้อนใต้ดินเป็นระยะ รวมในช่วงนี้ด้วย
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
ตอบ: 33585
ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม
|
ความคิดเห็นที่ 389 เมื่อ 16 ม.ค. 24, 11:00
|
|
ขออนุญาตนำโพสของคุณ Kiccha Buranond จาก Facebook มาลงให้อ่านกัน เล่าได้แจ่มแจ้งชัดเจน แฮร์รี่และเมแกนเคยซุ่มซ่ามตกกระป๋องกันมาก่อนนับครั้งไม่ถ้วน แต่คราวนี้ตกหนักในระดับตกภูผา หรือหลังคาตึก จากหนังสือสารคดีเกี่ยวกับสถาบัน เรื่อง 'The Making of a King: King Charles III and the Modern Monarchy.' เขียนโดย Robert Hardman ซึ่งไม่เพียงเป็นนักเขียนที่สถาบันให้เกียรติและยกย่อง แต่เขายังทำงานถวายสารบัญอย่างยอดเยี่ยม ...ทางรายการโทรทัศน์ช่อง BBC เป็นต้นว่าการถ่ายทอดสดงานเฉลิมฉลองครองราชย์ของคิงชาร์ลส์ที่สาม งานพระบรมศพของสมเด็จพระนางเจ้าฯและเจ้าชายฟิลิป ซึ่งหนังสือเล่มใหม่ของเขาเล่าว่า สมเด็จฯทรงกริ้วแบบไม่เคยมีใครเห็นกันมาก่อนเลย เมื่อแฮร์รี่และเมแกนฉวยโอกาสตั้งนามลูกสาว น้องสาวของอาร์ชี่ว่า ...ลีลี่เบท อันเป็นพระนามเล่น/ตั้งโดยพระองค์เอง อันเนื่องมาจากว่าในวัยเยาว์มาก ...ทรงเรียกนามขององค์เองว่าเป็นลีลี่เบท เพราะทรงจำไม่ได้หมดว่าเป็นเอลิซาเบธ ...ว่าเป็นนามเล่นของพระองค์ที่น้อยคนพึงใช้ นอกจากคนสนิทที่สุด ดั่งเจ้าชายฟิลิป และญาติสนิทดั่งพระขนิษฐา/เจ้าฟ้าหญิงมาร์เกร๊ต และควีนมาร์เกรเธอที่สองแห่งเดนมาร์ก แล้วปรากฏว่าสมเด็จทรงหวงพระนามนี้เป็นอย่างมาก เพราะตามธรรมเนียม/ราชประเพณีดั้งเดิมของอังกฤษ เจ้าจะไม่มีชื่อเล่นหรือชื่อย่อ เช่นจะไม่มีการเรียกเอลิซาเบธว่าเป็น"ลิซ" จะเรียก"เคท"เต็มคำกันว่า"แคเธอรีน" หรือวิลเลียมทรงเรียกแฮร์รี่ว่า"ฮาโรลด์" แต่เมื่อแฮร์รี่และเมแกนนำไปใช้กับลูกสาว สมเด็จทรงตรัสบ่นกับคนสนิท(จากหนังสือเรื่องนี้)ว่า 'I don't own the palaces, I don't own the paintings, the only thing I own is my name (ลิลี่เบท). And now they've taken that.' และแท้จริงแล้วไม่ใช่เรื่องของ"อารมณ์"หรือ"ความเคืองเรื่องชื่อมากมายแต่ประการใด แต่มาจากการที่แฮร์รี่และเมแกน "โกหก"ใส่ ...และ "บูลลี่"เอากับสื่ออังกฤษเกี่ยวกับเรื่องนี้ เพราะตอนที่ตั้งชื่อให้ลูกสาวกันใหม่ ๆ สื่อก็ถามกันเป็นแถวเป็นแนวว่า ทั้งแฮร์รี่และเมแกนกราบทูลขออนุญาติจากสมเด็จพระนางเจ้าฯหรือเปล่า ที่นำพระนามสุดส่วนพระองค์ของท่านไปตั้งให้แก่ธิดา ***เท่านั้นแหละ แฮร์รี่และเมแกนให้ทนายประจำของพวกเขาส่งคำประกาศระบบขู่จากแคลิฟอร์เนีย มาสู่สื่อทั้งมวลของอังกฤษรวมทั้งทีวีช่อง BBC ว่า สมเด็จฯ ได้ทรงโปรดพระราชทานอนุุญาตินามนั้นให้แก่ธิดา หรือทรงเห็นพ้องด้วยทุกประการ ...หรือเราได้ขอพระราชทานแล้วอย่างเป็นทางการ ตามด้วย ***ฉะนั้น หากใครหรือสื่อใดตีพิมพ์สิ่งหนึ่งใดเกี่ยวกับเรื่องนี้ทางด้านเสียหายในแง่หนึ่งใด เรา/ชาวซัสเซ็กส์ก็จะฟ้องร้องสื่อนั้น ๆ ทันที และนั่นคือสิ่งที่สมเด็จทรงกริ้วแบบที่ไม่มีใครเคยเห็นกันมาก่อน ที่แฮร์รี่และเมแกนโกหกแก่สื่อในระบบบูลลี่อีกต่างหาก เพราะพระองค์ไม่ทรงรู้เห็นด้วยเลย แล้วมิหนำซ้ำ นำพระนามของพระองค์ไปโกหกและบูลลี่ด้วยอย่างเอิกเกริก ...อันเป็นเรื่องที่สมเด็จฯทรงรับไม่ได้เลย (ที่เข้าใจกันคือแฮร์รี่และเมแกนเพียงกราบทูลสมเด็จฯ ทางโทรศัพท์ ว่าจะขอตั้งพระนามของท่านแก่ธิดา ...แล้วสมเด็จทรงเข้าพระทัยว่าจะเป็นนามเต็มว่าเอลิซาเบธ ...ไม่ทรงรู้ไม่ทรงเห็น ไม่ทันแสวงพระทัยว่าจะเป็นชื่่อ ลิลี่เบธ) อย่างไรก็ตาม วันนี้ทังวันสื่อด่าว่าประจานแฮร์รี่และเมแกนกันอย่างสาดเสียเทเสีย ...ที่หมั่นสร้างปัญหานี้กันขึ้นมาในระบบเกลียดตัวกินไข่ คือประณามสถาบันกันอยู่นั่นแล้ว แต่ก็ยังอยากจะเป็นเจ้าไม่จบไม่สิ้น ...แถมสร้างความเสียหายและข่าวสุดเน่าไกลไปถึงลูกสาว ลองนึกถึงหัวอกของเด็กหญิงลิลี่เบทที่แคลิฟอร์เนีย ที่จะเติบโตขึ้นมากับนามที่เสมือนเจ้าของ(ใครไหนเล่าที่จะชื่อลิลี่เบท)ไม่เห็นด้วยเลย แล้วเธอจะต้องเจ็บต้องจำไปจนตลอดชีวิต จะมีปมด้อย จะมีชนักติดหลังกับนามของตน จนตลอดชีวิต แทนที่จะมีความยินดี ...ว่ามีบุญ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
|